คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ 3
ความอึดอัดคลอบคลุมภายในตัวรถ จันทร์เจ้าขาลอบมองออกไปนอกตัวรถอย่างเหม่อๆ โดยที่ไม่รู้ตัวว่าราเมศชำเลืองมองอยู่บ่อยครั้ง จนกระทั่งเสียงทุ้มก็ดังขึ้นทำลายภวังค์ของหญิงสาว
“ไปเรียนที่อเมริกา 4 ปีได้อะไรกลับมาบ้างนอกจากปริญญา”ราเมศถามสั้นๆใบหน้าจับจ้องยังท้องถนนนิ่ง
“อากลางถามเพื่อต้องการคำตอบหรือต้องการประชดกันค่ะ”เธอหันกลับมาถามเสียงขุ่น
“อาต้องการคำตอบจากเจ้าขา และไม่ได้รวนเพราะฉะนั้นอย่างรวนอากลับ”ดวงตาคมหรี่เอียงมามองเสี้ยวหน้าจันทร์เจ้าขา และเมินหน้ากลับ
เพียงแค่มองสบสายตาคมกล้าในระยะสั้นๆทำให้เธอหวั่นไหวได้ “ก็ได้อะไรกลับมาหลายอย่างค่ะ”เธอตอบเบาๆ
“และมีอะไรบ้างที่บอกว่าหลายอย่าง”เขาถามกลับ
“ก็อย่างเช่นเจ้าขาสามารถทำอะไรอีกหลายๆอย่างได้ด้วยตัวเอง โดยที่ไม่ต้องพึ่งใคร และที่สำคัญเจ้าขาสามารถนำความรู้ที่สั่งสมมาหลายปีช่วยงานคุณพ่อได้ เจ้าขามั่นใจ”แววตาฉายความมาดมั่นออกมาชัดเจน
“ไม่ไปเรียนต่อแล้วสินะ”ราเมศถามทั้งที่รู้คำตอบอยู่ในใจแล้ว
“ไม่ไปแล้วค่ะ เจ้าขาจะมาของานคุณพ่อทำ และเจ้าขาคิดเอาไว้แล้วว่าจะช่วยงานอาเล็ก ถ้าคุณพ่ออนุญาต”เธอไม่ปิดบังความคาดหวัง แต่คำตอบของเธอกลับทำให้ราเมศหงุดหงิด
“ถ้าเจ้าเล็กมันได้ยินอย่างนี้คงดีใจจนเนื้อเต้นทำอะไรไม่ถูกแน่”เขาหยิกแกมประชด
“อากลางเลิกพูดทำนองชู้สาวระหว่างเจ้าขากับอาเล็กได้ไหม จะให้เจ้าขาบอกกี่ครั้งว่าเจ้าขาไม่เคยคิดอะไรอย่างนั้นกับอาเล็ก”ระดับเสียงของเธอเริ่มดัง จนต้องหยุดพูดเพื่อระงับอารมณ์ของตัวเอง
คำตอบของจันทร์เจ้าขาลบความขุ่นใจออกไปจนหมดสิ้น “ความจริงยังไงก็เป็นความจริงวันยังค่ำ เราหนีไม่พ้นหรอก”เขาแอบยิ้มน้อยที่มุมปากคม
“เลิกคุยเถอะค่ะ เจ้าขาเหนื่อย”เธอตวัดหางเสียงก่อนที่จะปิดศึกครั้งนี้
ใบหน้าบึ้งตึงของหญิงสาวกลับทำให้เขาอารมณ์ดี ตั้งแต่ที่เธอเข้ามาเป็นสมาชิกคนใหม่ในบ้านปาณัทพงษ์ สร้างสีสันให้กับพวกเขาไม่น้อย บวกกับความน่ารักสดใสไม่เอาเรื่องไม่เป็นเรื่องมาเก็บใสใจของเธอ มักจะทำให้เขาและอีกหลายคนมีรอยยิ้มเสมอ
“มีแฟนหรือยัง”เขาถามตรงๆ “หวังว่าคงไม่แอบห้อยหนุ่มตาน้ำข้าวกลับมาด้วยหรอกนะ อากลัวพ่อกับแม่เราจะหัวใจวาย”
“ไม่มี และไม่อยากมี ไม่เคยนอนกับใครด้วย”เธอย้ำคำเน้นๆด้วยใบหน้าแดงก่ำ “และถ้ามีเกี่ยวอะไรกับอามิทราบ”เธอถามกวนเขา
“อารู้ว่าไม่เกี่ยวกับอาแต่ได้คำตอบอย่างนี้ก็ดีแล้วหละ พี่ใหญ่และพี่กชจะได้สบายใจที่ลูกสาวไม่ทำตัวเหลวไหล”ชายหนุ่มยังตอบราบเรียบดังเดิมเน้นคำสุดท้ายหนักๆ
“อาคิดว่า4ปีที่ผ่านมาเจ้าขามัวแต่วิ่งตามจับผู้ชายหนังสือหนังหาไม่สนใจใช่ไหมค่ะ”เธอโมโหบ้าง ริมฝีปากเม้มแน่น
“ถามแค่นี้ทำไมต้องโกรธขนาดนั้นด้วย มีไม่มีก็บอกมาดีๆ นี่แหละเด็กสมัยนี้ โกรธก็เหวี่ยง ไม่พอใจก็วีน”เขาหันมาดุเธอด้วยคำพูด
“อากลางเลิกสอนเจ้าขาซะที เพราะเจ้าขาอายุ 24 แล้วนะคะ โตจนสามารถดูแลตัวเองได้แล้ว”เธอประกาศกร้าว
“รู้แล้วว่าโต”เขามองอย่างสำรวจประกายตาวับวาว จนมือบางต้องกันกระชับคอเสื้อกว้างให้พ้นสายตาคมคู่นั้น “พอปีกกล้าขาแข็งก็อยากจะออกจากรัง ประกาศตัวว่าจะออกไปสู่โลกกว้างแล้วนะ ไม่เห็นหัวผู้หลักผู้ใหญ่อีกแล้ว”เขากำลังสนุกกับการปะทะคารมกับหลานสาวกำมะลอ
“ก็แล้วแต่อากลางจะคิดแล้วกันนะคะ ถ้าอารองอยู่ด้วยต้องเข้าข้างเจ้าขาแน่ อยู่กับอากลางสองคน เจ้าขาไม่ชนะซักที อุ๊ย!พูดถึงอารอง ลืมถามเลย อารองสบายดีไหมค่ะ”เธอลืมเรื่องที่ทะเลากันหันมาถามอย่างนึกขึ้นได้
“สบายดี เถรตรง และยังมีเหตุผลเหมือนเดิม” เมื่อพูดถึงพี่ชายสุดเฮี้ยบคนนี้ ทำให้เขาต้องยิ้มออกมา
“อารองตรงข้ามกับอากลางเลยนะคะ เถรตรง มีเหตุผล ส่วนอากลาง หยิ่งทะนง แต่หาเหตุผลไม่ได้”เธอเปรียบเสียจนเขาอยากเบรกรถให้หัวทิ่ม
สายตาดุดันส่งมาให้โดยไร้คำพูด “ขอโทษค่ะ ลืมตัวไปหน่อย ถือว่าเราหายกันที่เมื่อกี้อากลางทำให้เจ้าขาโกรธ”เธอต่อรองด้วยใบหน้าบ้องแบ๊วใส่
“โอเค ถือว่าเราหายกัน อายกโทษให้ อีกไม่ถึงสิบนาทีก็ถึงบ้านแล้วหละ”ชายหนุ่มหันไปยิ้มให้หลานสาวกำมะลอ เรื่องที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น!
“ว๊ายๆ! อากลางระวังค่ะ”มอเตอร์ไซด์เก็บขยะคันเก่าๆที่กำลังขับเคลื่อนด้วยชายชราตัดหน้ารถหรูสีทมิฬไปอย่างช้า อีกนิดเดียวเท่านั้นจริงๆ ราเมศหมุนพวงมาลัยข้ามถนนไปอีกฟากกะทันหันอย่างมีสติ โชคดีที่ไม่มีรถสวนมา ไม่อย่างนั้นคงต้องชนเข้ากับรถของชายชราคนนั้นแน่
ร่างอรชรกำลังจะกระแทกกับหน้ากระจก ราเมศใช้จังหวะนั้นกระชากแขนของเธอเอาไว้ในจังหวะที่เขาจอดรถพอดี ด้วยแรงของชายหนุ่ม ณ.เวลานี้จันทร์เจ้าขาเกยอยู่บนตักหนาของเขา ร่างทั้งสองแนบชิดจนไร้ที่อยู่ของอากาศ เขาสัมผัสได้ว่าหัวใจเขาและเธอเต้นแรงสลับกันไปมา แต่ไม่รู้ว่าเพราะความตื่นเต้นหรือเพราะเหตุผลอื่นกันแน่ แต่สำหรับเขามันเป็นเหตุผลอื่น
“โอ๊ย ตายแล้ว เรามาอยู่ในท่านี้ได้ยังไงเจ้าขา น่าเกลียดที่สุด หัวใจหยุดเต้นแรงได้แล้วเดี๋ยวอากลางก็รู้หรอกว่าเรากำลังกลัวเขาอยู่” จันทร์เจ้าขานึกโมโหตัวเอง ที่หัวใจกำลังโลดแล่นเต้นแรงยิ่งขึ้น
เธอยังไม่คลายวงแขนที่กำลังโอบต้นคอ ลมหลายใจอุ่นๆรดรินต้นคอแข็งแรงของเขาเป็นจังหวะ สร้างความรู้สึกแปลกๆหายใจติดขัดให้กับราเมศ เขาผ่านผู้หญิงมามาก แต่ขึ้นอยู่กับความพอใจของทั้งสองฝ่ายไม่มีพันธะใดๆต่อกัน
“ไม่ต้องกลัวนะ อยู่กับอา อาจะไม่ยอมให้เราเป็นอะไรเด็ดขาด อาจะดูแลเจ้าขาเอง”น้ำเสียงที่นุ่มนวล อีกทั้งการกระทำก็อ่อนโยนสร้างความอับอายและความอบอุ่นให้จันทร์เจ้าขาพร้อมๆกัน จันทร์เจ้าขาตั้งสติอีกครั้ง เพราะเธอและเขาใกล้ชิดกันเกินไป ความร้อนวูบวาบในกายยังไม่จางไปแม้แต่น้อย
“เจ้าขาขอโทษนะคะ ที่มานั่งบนตักอากลางอย่างนี้”เธอไม่รู้ว่าจะพูดอะไรที่จะดีไปกว่าคำนี้ มือไม้ดูเกะกะเหลือเกินไม่รู้ว่าจะวางที่ไหน
มือหนาเชยคางมนให้ขึ้นมามองหน้า เขาจ้องลึกลงไปในดวงตาสาวที่กำลังไหวระริกคู่นั้น “ไม่เจ็บใช่ไหมหืม ...ต่อไปอาจะระวังให้มากกว่านี้ ถ้าเจ้าขาเป็นอะไรไป อาคงไม่ให้อภัยตัวเองไปตลอดชีวิต”น้ำเสียงทุ้มกังวานผสานกับการกระทำที่อ่อนโยนของเขา ทำให้เธอต้องเขินอายม้วนต้วน
“ไม่เป็นไรค่ะ เจ้าขาเข้าใจว่าอากลางไม่ต้องการให้ใครต้องเจ็บ ถ้าไม่ทำอย่างนี้ลุงคนนั้นอาจต้องตาย เพราะเราทั้งสองคนก็มัวแต่คุยไม่ยอมดูถนนข้างหน้าแล้วก็ได้ อีกอย่างเจ้าขาไม่ได้เป็นอะไรเลย”เธอยังก้มหน้าไม่ยอมสบตาเขา ตอบออกมาอ้อมแอ้มอยู่ในลำคอ
“ถ้าเจ้าขาเลิกพยศอา เราคงเข้ากันได้ดีกว่านี้”คำพูดของเขาทำให้มือบางไร้เรี่ยวแรง เธอจึงค่อยๆลดมือลงจากบ่าของเขา อย่างสงวนท่าทีเพราะมารดาเคยสอนเอาไว้ว่าเป็นกุลสตรีต้องรักนวลสงวนตัว
“เจ้าขาหายตกใจแล้ว เราเดินทางต่อกันดีกว่านะคะ อยากเจอหน้าทุกคนในบ้านเพราะคิดถึงมากๆ.....”เธอกลบเกลื่อนความตื่นเต้น โดยการเปลี่ยนเรื่อง
“ป่ะ เดินทางกันต่อ” ราเมศพาจันทร์เจ้าขาทะยานมุ่งหน้ากลับบ้าน ด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย
.....................................................................................................
ทำงานประจำก็เหนื่อยอะ....
แต่เราก็ยังปลีกเวลามาลงงานเขียนให้รีดเดอร์ได้อ่าน
ขอบคุณมากค่ะที่ติดตาม
ความคิดเห็น