ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เกลียดหัวใจ

    ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ 1 rewrite

    • อัปเดตล่าสุด 29 พ.ค. 57


     

     

     

    ณ ท่าอากาศสยานสุวรรณภูมิ

                    ท่ามกลางผู้คนมากมายหลายเชื้อชาติที่มาใช้บริการกันอย่างคับคั่ง ประชาสัมพันธ์สาวเสียงหวานของสายการบินดังขึ้นเป็นระลอกๆ แจ้งผู้ที่มาใช้บริการของสายการบินได้รับทราบว่า ก่อนที่ทุกท่านจะขึ้นเครื่องต้องตรวจสอบเอกสารสัมภาระของตนให้เรียบร้อยเสียก่อนที่จะเดินทางออกจากสนามบินแห่งนี้

                    หญิงสาวร่างอรชรแต่เต็มไปด้วยความปราดเปรียว ดวงตากลมโตสีนิลขลับกับผมเป็นลอนสีน้ำตาลแดงส่งประกายเจิดจ้าไปทั้งใบหน้าได้รูป กระโปรงสั้นเหนือเข่าอวดเรียวขาดังลำเทียนคู่เสลา ริมฝีปากบางเคลือบด้วยลิปติกสีแดงเชอรี่ ใบหน้าเฉี่ยวจัดจ้านยืนเด่นท่ามกลางผู้คนด้านประตูขาเข้าของสายการบิน หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ที่เดินผ่านไปมาต่างส่งสายตาเจ้าชู้ไม่ว่างเว้น แต่สาวเจ้าไม่ยอมชายตาแลแม้แต่น้อย

                    เธอหันรีหันขวางเพื่อมองหาใครบางคนอยู่พักใหญ่ ความหงุดหงิดส่งผลให้หญิงสาวนั่งไม่ติด เมื่อเห็นท่าไม่ดีแล้วร่างอรชรจึงสะบัดสะโพกบาง อีกทั้งลากกระเป๋าใบเขื่องออกไปจากบริเวณนั้นด้วยใบหน้าหงิกงอเป็นกุ้งต้มยำ

                    ราเมศ ปาณัทพงษ์ ก้มลงมองดูที่นาฬิกาเรือนหรูบนข้อมือตนอยู่หลายครั้งสร้างความหงุดหงิดอยู่ไม่น้อยที่ต้องมายืนที่สนามบินท่ามกลางผู้คนจอแจมากมายขนาดนี้  ถ้าไม่เพราะพี่ชายขอร้องให้มารับหลานสาว....นอกไส้หละก็เขาคงไม่มาเป็นแน่ คิดแล้วความรำคาญใจก็ประดังประเดเข้ามาอีกรอบ

                    “นัดกันไว้ตรงนี้นี่ เมื่อไหร่จะมาเสียที คอยดูนะมาเมื่อไหร่จะจับตีก้นเสียให้เข็ด” ราเมศคาดโทษกับหลานสาวตัวดี  แต่สายตาคมก็ยังไม่หยุดที่จะกวาดสายตาไปรอบๆ

                    “รู้อย่างนี้เราใช้บริการของสนามบินดีกว่า จะได้ไม่ต้องมาลากกระเป๋าเองอย่างนี้ อากลางนะอากลาง” จันทร์เจ้าขา  ปาณัทพงษ์ เดินลากกระเป๋าใบเขื่องด้วยความทุลักทุเลด้วยใบหน้าหงิกงอ เพราะไม่ได้มีแค่ใบเดียวไหนจะกระเป๋าใบเล็กใบน้อยและกระเป๋าส่วนตัวอีกต่างหากดูๆไปแล้วเหมือนคนบ้าหอบฟางเสียมากกว่า ร่างอรชรเดินไปอย่างอ้อยอิ่ง พลัน!..สายตากลมโตสีนิลก็หยุดนิ่งสะดุดสายตากับชายหนุ่มร่างโตสูงใหญ่มาดนิ่งลุ่มลึกชวนมองคนนั้น  ชายหนุ่มจ้องมองเธออยู่ก่อนแล้วเมื่อสายตาทั้งสองคู่ประสานกันนิ่ง ความรุ่มร้อนในกายก็ฉีดพล่านร้อนๆหนาวๆขึ้นมาไปทั้งตัว

                    “คนบ้าอะไรมองอยู่ได้ พวกผู้ชายเจ้าชู้ไก่แจ้เจ้าชู้ไม่เลือกที่ แต่เอ!..ดูๆไปคุ้นๆนะเหมือนกับ...ใครบางคน  คงไม่ใช่หรอกเพราะถ้าเป็นอากลางคงไม่ส่งสายตาเจ้าชู้ให้เราแบบนี้”จันทร์เจ้าขาค่อนขอดในครั้งแรกแต่ครุ่นคิดในภายหลัง ความมีเสน่ห์ภายใต้ดวงตาคมกริบคู่นั้นสร้างความปั่นป่วนในใจจนต้องเมินสายตาหลบ

                    ราวกับรู้ว่าโดนนินทาร่างสูงย่างสามขุมมาใกล้ทีละน้อย ใบหน้าคมเข้มเป็นสันรับกับจมูกโด่งรั้น
    แสดงถึงความมั่นใจในตัวเองสูง ดวงตาเป็นประกายเจิดจ้าสามารถสะกดให้จันทร์เจ้าขายืนนิ่งอยู่ตรงนั้น


                    “ท่าทางการเดิน และดวงตาแบบนี้ใช่เลยเจ้าขา..เป็นใครไม่ได้นอกจาก อากลาง”จันทร์เจ้าขาครางในลำคอเบาๆ  ใบหน้าหล่อเหลาคมเข้มก้มลงมาจนเกือบชิดใบหน้าเนียนใสได้รูปของจันทร์เจ้าขา ใกล้เสียจนเธอมองเห็นตัวเองในแววตาของชายหนุ่ม  เมื่อเธอหลุดจากมนต์สะกดร่างอรชรก็ผงะและถอยออกไปอีกหลายก้าวราวกับว่าเขาเป็นของร้อนๆที่พร้อมจะมอดไหม้เธอในทุกเวลา

                    ด้วยใบหน้าคมที่ใครเห็นต้องโดนสะกด ความสูงอย่างนายแบบรับกับท่วงท่าการการเดินอย่างมีสง่า จมูกโด่งรับกับใบหน้ายาวริมฝีปากหยักแสดงถึงความมั่นใจในตัวเองสูงคงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก ราเมศ ปาณัทพงษ์ ด้วยวัย 34แต่เขายังคงดูหนุ่มกว่าวัยมากเลยทีเดียว

                    “ไม่เจอหน้ากันตั้งหลายปี เจอกันอีกครั้งอาดีใจนะที่ทำให้เจ้าขาหวาดหวั่นได้ถึงขนาดนี้ และแต่งหน้าแต่งตาจัดขนาดนี้กลัวหนุ่มๆไม่ชอบหรือไง”เขายิ้มทั้งดวงตาแต่วาจาถากถาง มือหนาล้วงกระเป๋ากางแกงแสลกราคาแพงในท่าที่สบายเป็นตัวเขาเพิ่มเสน่ห์ในตัวของชายหนุ่มขึ้นไปอีก

    “ปะ..เปล๊า...!”น้ำเสียงสูงปรี๊ด “ไม่ได้สั่นหรือหวาดหวั่นเสียหน่อย อากลางอย่ามาขี้ตู่นะ และที่แต่งตัวอย่างนี้ก็อยากให้ดูโตเป็นผู้ใหญ่ อากลางจะได้ไม่มาหาว่าเจ้าขาเป็นเด็กอีกยังไงหละ”จมูกย่นรั้น กลบความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเอง

    “เจ้าขาไม่คิดว่าอากลางจะมารับด้วยตัวเอง อ้อ!อีกอย่างชายกลางผู้สูงศักดิ์และแสนทะนงตน ยอมลดตัวมารับเด็กกะโปโลอย่างเราเป็นเกียรติอย่างยิ่งค่ะ”

                    “ขอบใจที่ให้เกียรติอามากขนาดนี้ แต่อายังไม่อยากอายุสั้น เพราะอยากอยู่ทะเลาะกับเด็กไปอีกนาน”ใบหน้าราบเรียบไม่พอใจนักที่โดนล้อเลียน แต่เขาก็ยังต่อปากต่อคำกับเธอ

                    “เสียเวลามารับเจ้าขาตั้งหลายชั่วโมงอาบอกกับสาวๆของอาแล้วหรอค่ะ ระวังนะ!จะตีกันแย่”

                    “หึงหรอ..ไม่ต้องห่วงสาวๆพวกนั้นหรอกเพราะอาชอบคบทีละคน ขี้เกียจห้ามทัพ เบื่อเมื่อไหร่แล้วค่อยเปลี่ยนทีหลังบังเอิญว่าอาเป็นคนมีเสน่ห์” ดวงคมเจิดจ้าแพรวพราวเมื่อพูดถึงสาวๆอีกหลายคนที่จันทร์เจ้าขาพูดถึง

    .               “อย่าพูดอย่างนี้นะคะเจ้าขาไม่ได้หึงอาเราไม่ได้เป็นอะไรกัน เจ้าขาเป็นหลานนะจำไว้เสียด้วย”น้ำเสียงกระแทกกระทั้นของหญิงสาวทำให้ชายหนุ่มพอใจที่จะต่อความไปอีกยาว

                    “จำได้ ว่าตัวเราเป็นหลานนอกไส้ และอาก็เป็นคุณอาจอมปลอม มีอะไรที่ไม่ใช่นอกเหนือจากที่อาพูดอีกไหม”เมื่อโดนชายหนุ่มตอกกลับด้วยความเป็นจริงจันทร์เจ้าขาถึงกับอึ้งไปทันที 

                    “อาเก็บคำพูดพวกนี้ไปไว้ใช้กับสาวๆของอาเถอะค่ะ เจ้าขาไม่หลงคารมอาหรอก ชิ..”จันทร์เจ้าขาเริ่มมีน้ำโหบ้าง

                    “อ้า!..อาเป็นผู้ชายก็ต้องชอบผู้หญิง ถ้าไม่ยุ่งกับสาวๆจะให้ยุ่งกับผู้ชายหรือไง หืม!ความคิดเด็กๆ”หน้าทะเล้น ดวงตาเป็นประกาย  

                    “เจ้าขาโตแล้ว อายุ 24 ไม่ใช่เด็กแน่นอน อากลางเลิกเห็นเจ้าขาเป็นเด็กเสียทีเถอะค่ะ”ใบหน้าใสเถียงฉอดๆยกมือขึ้นกอดอก

                    “อารู้ว่าเราไม่ใช่เด็ก”แววตาวับวาวจับจ้องกวาดไปทั้งร่างอรชรมีความนัย “สวยน่ารักเป็นสาวเต็มตัวขนาดนี้คงไม่ใช่เด็กแล้วหละ หุ่นใช้ได้เหมาะกับการเป็นนางแบบสนใจไหมอามีเพื่อนเป็นนางแบบนะ ถ้าเป็นคนอื่นอาคงตามจีบไปควงสักเดือนสองเดือน แต่ถ้าเจ้าขาสนใจอาจะยอมมาคบกับเจ้าขาเพียงคนเดียว”เขาหรี่ตาคมลง

                    “หยุดมองเจ้าขาแบบนั้นนะคะ เจ้าขาไม่อยากเป็นนางแบบที่ต้องใช้เรือนร่างของตัวเองเพื่อเป็นสินค้าให้กับใครบางกลุ่ม วันๆอากลางคงคิดแต่เรื่องผู้หญิงสินะ”หญิงสาวพูดอย่างหมิ่นๆ ไม่ใช่ว่าอาชีพนางแบบไม่ดี ที่จันทร์เจ้าขาไม่ชอบเพราะราเมศมักจะชอบควงนางแบบสาวสวยมาบ้านบ่อยครั้ง

                    ถ้อยคำนี้ฟังดูรุนแรงสำหรับราเมศนัก รอยยิ้มของเขาหุบฉับลงในทันทีเปลี่ยนเป็นความเย็นชาเข้ามาแทน กรามแข็งขบกันจนนูน “ทีหน้าทีหลังอย่าพูดแบบนี้กับอา อาไม่ชอบ!!...โดยเฉพาะคนที่ยังไม่รู้จักอาดีพอมาวิพากษ์วิจารณ์ รู้จักอาดีแล้วรึถึงพูดออกมาอย่างนั้น อาชอบผู้หญิงแต่อาไม่ได้เรี่ยราดกินไม่เลือก จำไว้ด้วย” ความรู้สึกต่างกันคนละมุม จันทร์เจ้าขาเสียใจที่พูดออกไปโดยไม่คิด ส่วนราเมศนั้นโกรธมากที่โดนเด็กถากถางด้วยคำพูดให้หัวใจเจ็บจี๊ด

                    “ขอโทษค่ะอากลาง เจ้าขาไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น”เสียงอ่อยสั่นเครือ ใบหน้าสลดลงริมฝีปากเม้มแน่น

                    “ไม่เป็นไร ถือว่าลับฝีปากก่อนอยู่ร่วมกันอีกครั้งนะ หลานรัก อายกโทษให้ถือว่าเป็นของขวัญต้อนรับการกลับมาเมืองไทยอีกครั้ง”ใบหน้ายังคงนิ่งจับความรู้สึกยาก

                    “เป็นของขวัญที่วิเศษ ม๊ากมาก...”ประชดประชันทั้งหน้าตาและน้ำเสียง

                    “ไหนให้อาดูใกล้ๆหน่อยสิว่า ไม่ได้เจอหน้ากันตั้ง 4ปี จะเปลี่ยนแปลงมากขนาดไหน”ชายหนุ่มสำรวจหญิงสาว ใบหน้าใสแดงระเรื่อด้วยความเก้อเขิน เมื่อประสานสายตากับชายหนุ่ม

                    “อืม!. นึกว่ากลับมาจะกลายเป็นแหม่มจ๋าเสียอีก”ดวงตาคมจ้องลึกกวาดสายตา

                    “แหม่มจ๋า ยังไงค่ะ เจ้าขาไม่เข้าใจความหมายที่อากลางกำลังพูด” ใบหน้าเนียนใสฉงน เธอไม่เคยทำตัวให้เสื่อมเสียกับประเพณีไทยที่มารดาเคยสั่งสอนแม้แต่ครั้งเดียว

                    ราเมศอยากหัวเราะออกมาดังๆกับใบหน้าฉงนปนสงสัยของหญิงสาว แทนคำพูดชายหนุ่มยื่นหน้าเข้าใกล้รวดเร็วจนหญิงสาวตั้งตัวไม่ทันร่างบางอยากถอยหลังไปหลายก้าวเพื่อตั้งหลัก แต่แววตาพราวระยิบคู่นั้นช่างมีเสน่ห์ชวนหลงใหลสามารถดึงดูดให้เราอยากเข้าใกล้ได้อย่างง่ายดาย จันทร์เจ้าขาเกิดความประหม่าใบหน้าเห่อแดงราวกับลูกตำลึง ยิ่งเมื่อสองสายตาประสานกันในระยะประชิดเช่นนี้แล้วด้วย“ยิ่งเวลาผ่านไปมากเท่าไหร่กลับไม่สามารถลดความหล่อเหลาของอากลางได้ หนำซ้ำยังเพิ่มความหล่อขึ้นไปอีก”เธอคิด

                    อาการเก้อเขินของจันทร์เจ้าขาไม่สามารถหลุดรอดสายตาคนช่างสังเกตอย่างชายหนุ่มไปได้”คงไม่ได้นินทาอาในใจหรอกนะ เจ้าขาน่าจะรู้ว่าอาเดาใจคนเก่ง โดยเฉพาะผู้หญิงสวยๆอายิ่งเดาทะลุปรุโปร่งเลยหละ” ชายหนุ่มดักคอแถมยักคิ้วเจ้าเล่ห์มาพร้อมๆกับรอยยิ้มอันทรงเสน่ห์เป็นระยะ

                    “อี๋...อากลางหลงตัวเองเป็นที่สุด”จันทร์เจ้าขาอยากลงไปนอนกลิ้งให้รู้แล้วรู้รอดไป

                    “อาไม่ได้หลงตัวเอง แต่อาเดาเก่งจริงๆ ไม่เชื่ออาจะพิสูจน์ให้ดู”ราเมศเดินวนร่างอรชรไปมาหลายรอบด้วยใบหน้าเคร่งขรึม “เจ้าขาเขินอาหละสิ” หญิงสาวตั้งท่าจะเถียง “เถียงไม่ออกใช่ไหม”นิ้วเรียวยาวเกลี่ยแก้มบุ๋มของจันทร์เจ้าขาราวกับคู่หนุ่มสาวที่กำลังเริ่มคบหากัน

                    “อากลางอย่ามาทำอะไรบ้าๆแถวนี้นะ นี่มันที่สาธารณะไม่อายคนอื่นบ้างหรือไง”ดวงตากลมโตมองไปมารอบๆเมื่อไม่ได้รับคำตอบที่เธอต้องการหล่อนจึงหันหลังให้ชายหนุ่ม สีหน้าบูดบึ้ง

                    “ถ้าอย่างนั้นแสดงว่า ถ้าทำในที่ลับก็ได้ใช่ไหม”เขาถามตีสีหน้านิ่งดังเดิม

                    “อากลางอย่าเฉไฉได้ไหม เจ้าขาเบื่อที่จะคุยแล้ว”มือเรียวยกขึ้นกอดอก

                    “โอเค เราจะยุติสมครามในวันนี้เพียงแค่นี้  อีกอย่างอามีเวลาทะเลาะกับเราไม่มาก เพราะมีงานต้องรีบไปทำ”เขายอมยกธงขาวให้กับเธอ

                    “ธุระของอาคงไม่พ้นเรื่องสาวๆใช่ไหมค่ะ”หญิงสาวแขวะอย่างหน้าซื่อ

                    “ใช่ อามีนัดกับสาวๆต้องไปงานเปิดตัวสินค้าด้วยกันเจ้าขาจะไปด้วยกันไหม”ชายหนุ่มยียวนหญิงสาว จนหล่อนต้องผ่อนลมหายใจอยู่หลายครั้ง

                    “ไม่หละ อากลางไปกับสาวๆในฮาเรมคนเดียวเถอะค่ะ ขี้เกียจโดนสาวของอารุมจิก มีหวังเจ้าขาโดนฉีกอกแน่”หญิงสาวสั่นหน้าสยองจนขนลุก

                    “ไม่ต้องกลัวเพราะอาสับรางเก่ง เจ้าขาอายกให้เป็นกรณีพิเศษ”

    ................................................................................................................

    ขอเปลี่ยนแปลงเนื้อหาบางส่วนนะคะ  
    มีการปรับเปลี่ยนชื่อตัวละคร  เนื้อหาอีกนิดหน่อยหวังว่าจะโดนใจผู้อ่านทุกท่านค่ะ 

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×