ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    sea board

    ลำดับตอนที่ #5 : ____บทที่ 4 : สิ่งที่กลัว

    • อัปเดตล่าสุด 21 เม.ย. 49




    บทที่ 4
    : สิ่งที่กลัว

     

     

             เวลาเช้าตรู่ดวงอาทิตย์ยังไม่ขึ้นจากขอบฟ้าดี หญิงสาวร่างสูงยืนอยู่ริมถนน เธอแต่งกายทะมัดทะแมง ด้วยเสื้อเชิ้ตสีน้ำตาลแขนสามส่วนและกางเกงขายาวสีทะมึนเข้าชุดกัน ผมดำขลับยาวถึงกลางหลังถูกมัดไว้ลวกๆ ไหล่ข้างซ้ายสะพายกล้องตัวโปรดที่มักจะพกพาไปด้วยไม่ว่าจะไปที่ไหน มือข้างขวาถือกระเป๋าเดินทางใบกะทัดรัด

     

    เธอหันไปมองหน้าคอนโดหรูอย่างอาลัยอาวรณ์..

     

             ยังกังวลอะไรหรือโมนิก้า

     

             โมนิก้าหันไปตามเสียง แล้วก็ต้องทอดถอนใจเปล่านี่.. ไปกันได้แล้ว ว่าแล้วก็ถือกระเป๋าเดินตรงไปยังรถคันหรูที่อีริคจอดไว้

            

             แต่เขารู้ทัน..

     

             ยังไม่ชินอีกหรือเขาลอบขำที่เห็นร่างของเธอชะงัก ถ้ายังไงให้ฉันโทรเรียก..

     

             สบายมาก ทุกอย่างต้องเรียบร้อย ฉันไม่ได้กังวลอะไรสักหน่อย.. คิดมากไปแล้วหละ โมนิก้าโต้กลับทันทีที่อีริคจะเอ่ยปากบอกว่าจะเรียกเบบี้ซิสเตอร์มาให้ อีกอย่าง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกซะหน่อย

     

             อีริคลอบมองกิริยาแสร้งทำของเธอ ..เอ้อให้มันได้อย่างนี้สิ แม่สาวคนเก่ง จะไม่ยอมเผยความอ่อนแอให้ใครเห็นเลยใช่ไหม..

     

             แล้วรถเบนซ์สีเงินก็มุ่งหน้าสู่สนามบินดอนเมือง

     

             โมนิก้ากำลังอยู่ในอารมณ์ค่อนข้างเซ็ง เธอหันหน้ามองออกนอกหน้าต่าง ทำเป็นมองรถที่ติดแน่นขนัดประหนึ่งว่ามันเป็นทิวทัศน์ที่น่าชม ..อีริคจะได้ไม่รู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่..

     

             ..คนอะไรรู้ทันไปหมด.. ไม่รู้สักเรื่องได้ไหมนะ..

     

    คิดแล้วก็หงุดหงิด ใช่แล้ว! เธอห่วง.. ห่วงมากด้วย วันนี้เธอจะต้องไปถ่ายรูปนายแบบเจ็ตสกีชื่ออะไรนะ..เอ้อ..ช่างมันเถอะ มันเป็นงานที่เกลียด..เธอเกลียดการถ่ายรูปคน ยิ่งในสตูดิโอแล้วยิ่งแล้วใหญ่ ถ่ายนอกสถานที่ก็ดีอยู่หรอก ทะเลที่นี่คงสวยน่าดู..แต่ นั่นหมายความว่า เธอจะต้องทิ้งเซลีนไว้! แล้วโมนิก้าก็นึกประหวัดไปถึงเหตุการณ์เมื่อวาน ที่เกือบจะเรียกได้ว่าสงคราม..เอ้อ..จิตวิทยา

     

    โมนิก้าเสียงหวานปานน้ำเชื่อมเรียกหาเธอเสียจนขนลุกด้วยว่าเจ้าตัวตั้งใจดัดเสียงเพื่ออ้อน โดยเฉพาะ..

     

    หืม มีอะไร ถ้าหมายถึงเรื่องพรุ่งนี้ละก็ ไม่ได้น้ำเสียงออกจะหวาดๆหากแต่เน้นหนักที่คำสุดท้ายอย่างชัดเจน เธอก้มหน้าจัดกระเป๋าต่อไป พยายามไม่มองหน้าเซลีน เพราะรู้ดีว่าถ้าหันไปจะต้องเจอสายตาปิ๊งๆที่ตั้งใจทำเพื่ออ้อนอีกเช่นกัน ..และเธออาจจะใจอ่อน..

     

    เมื่อเห็นว่าวิธีการอ้อนใช้ไม่ได้ผล เซลีนจึงเริ่มเปลี่ยนยุทธการรบ โดยหันมาใช้ไม้แข็งแทน ซึ่งก็ไม่มีอะไรนอกเหนือไปจากการโวยวายอย่างเอาแต่ใจ

     

    จากนางฟ้าตัวน้อยๆ..จึงเริ่มกลายเป็นนางมาร

     

    จะไป

     

    ไม่ได้โมนิก้าไม่สนใจ เธอพับกางเกงสีน้ำตาลตัวสุดท้ายใส่เข้ากระเป๋าแล้วหันไปดูรายการ ว่ายังขาดเหลืออะไรอีก

     

    ทำไมล่ะ

     

    มีเรียนไม่ใช่หรือ

     

    โดดได้ นางมารน้อยยักไหล่เหมือนเป็นสิ่งไม่สำคัญ จะเอามาเป็นเหตุผลทำไม

     

    เซลีนน คนเป็นพี่เริ่มเสียงเขียว

     

    “….”

     

    เซลีนวิ่งออกจากห้อง ปิดประตูเสียงดัง โมนิก้าจึงหันไปมอง สีหน้าไม่สบายใจนัก เอ้อ..จะง้อสาวน้อยนี่ก็ง่ายซะที่ไหน ใช่ว่าไม่อยากพาไปด้วย แต่นี่เป็นงาน แล้วเซลีนก็มีเรียน ขืนพาไปไหนด้วยทุกครั้งคงไม่เป็นอันทำอะไร ร่างกายก็อ่อนแอจะพาไปตะลอนๆก็ไม่ได้อีก..

     

    เสียงประตูเปิดดังแอ๊ด...แล้วร่างเล็กก็ก้าวเข้ามา ในมือหอบหมอนสีน้ำเงินรูปดาวติดมาด้วย..สาวน้อยเดินดุ่มๆไปที่เตียง ก้าวขึ้นไปนั่งแหมะ แล้วซุกหน้าลงกับหมอน ผมสีบลอนด์สยายคลุมใบหน้าและศีรษะทั้งหมด

     

    ..ที่แท้ ไปเอาหมอนใบโปรดมางอนต่อในห้อง..

     

    สักพักโมนิก้าก็ได้ยินเสียงสะอื้น..

     

    เธอขึ้นไปนั่งบนเตียงเอามือโอบร่างเล็กไว้ ร่างนั้นแข็งขืนในช่วงแรก แต่แล้วก็ยอมซบอกผู้เป็นพี่แต่โดยดี โมนิก้าลูบผมของเธอเบาๆ

     

    แล้วบ่อน้ำตาของเซลีนก็ทะลักออกมา เธอเงยหน้าขึ้น ดวงตาสีฟ้าใสบัดนี้คลอไปด้วยน้ำตา ถ้อยคำค่อยๆหลุดออกมาด้วยความน้อยใจ

     

    โมนิก้า จะทิ้งเซลีนไว้อีกแล้วใจของโมนิก้าหายวาบ..ไม่เคยคิดจะทำให้เซลีนคิดเช่นนี้เลย.. คราววันเกิดของเซลีนก็เหมือนกัน พากันมากับอีริคสองคนมาที่นี่ ทิ้งเซลีนไว้

     

    ..นั่นสินะ อย่างนี้เธอก็คงไม่ต่างอะไรไปจากคุณน้าของเธอ.. ทั้งที่เคยคิดไว้ว่าจะไม่ให้เซลีนต้องรู้สึกแบบที่เธอเคยรู้สึก.. เธอ..ทำอะไรลงไปนะ

     

    พี่.. ไม่ได้ตั้งใจเสียงของเธอแหบแห้ง ร่างกายชาไปหมด

     

    ไม่เอา พาไปด้วย..พาเซลีนไปด้วยนะ

     

    คือ...ก็ได้ โมนิก้าใจอ่อนแล้วในที่สุด

     

    สัญญา?”

     

    อื้อ

     

    คิกคิกเสียงที่ขัดกับบทสนทนาก่อนหน้านี้ดังขึ้น..โมนิก้าเริ่มเอะใจ อย่าบอกนะ..ว่า..

     

    ไชโย!!!!”เซลีนสะบัดหมอนออกแล้วยืนชูมือขึ้นอย่างผู้มีชัย

     

    ..เธอโดนนางมารในคราบนางฟ้าหลอกเข้าให้แล้ว..

     

    โชคดีที่อีริคเข้ามาพอดีและสามารถเกลี้ยกล่อมเซลีนได้ด้วยข้อเสนอว่าจะพาไปเที่ยวสุดสัปดาห์นี้ สนุกกว่าไปคราวนี้แน่นอน นางมารน้อยจึงยอมเลื่อนการเที่ยวเล่นออกไปโดยสัญญาว่าจะยอมอยู่ที่นี่แต่โดยดี..ถึงอย่างนั้น โมนิก้าก็ยังไม่วางใจจะให้เซลีนอยู่คนเดียว...

     

    สบายมากๆเซลีนบอกอย่างนั้น แล้วก็ไอ้พี่เลี้ยงอะไรนั่นน่ะไม่ต้องนะ เซลีนรำคาญ เซลีนไม่ใช่เด็กแล้วคำพูดที่บอกว่าไม่ใช่เด็กหลุดออกมาจากเด็กอายุ8ขวบที่ดูเหมือนจะไม่ได้รู้ตัวเลยว่าตัวเองเด็ก รถโรงเรียนก็มี อาหารการกินก็มี..เนี่ยๆแค่เนี้ยสบายมาก หายห่วงเล้ย

     

             ..ถ้าคอนโดที่นี่ไม่มีระบบรักษาความปลอดภัยที่ดีเลิศ เธอคงไม่กล้าปล่อยน้องสาวไว้คนเดียวแน่ๆ..

     

    ..คำพูดของเซลีนในตอนนั้น.. เธอหมายความตามนั้นหรือเปล่านะ..

     

    -------------------------------------

     

    เอ้านี่อีริคยื่นกุญแจรีสอร์ทให้โมนิก้า ดรันต์ และ นันทนัช ไปจัดของแล้วจะพักหรือไปเดินเล่นก็ตามสบาย แล้วมาเจอกันตอนเที่ยง จะได้กินข้าวกัน

     

    เขาพูดอย่างอารมณ์ดี ท่าทางเหมือนไกด์พาลูกทัวร์มาเที่ยวอย่างไงอย่างงั้น ว่าแล้วก็เดินแยกย้ายกันไปตามห้องของตนโดยมีพนักงานเข็นกระเป๋าตามมา อันที่จริงแล้ว บริษัทของอีริคก็ใช่ว่าจะใหญ่อะไรมากมาย เขาแค่สนใจอยากมีนิตยาสารกีฬาเป็นของตนเอง ก็เลยลองขอพ่อดู ได้เงินทุนมานิดหน่อย บุคลากรของบริษัทเลยมีไม่มาก ซึ่งก็ตรงตามความต้องการของเขาอยู่แล้ว จะได้เปิดบริษัทแบบสบายๆกันเอง

     

    ..ที่จริงแล้ว นี่ก็เพื่อเธอด้วย.. อีริคหันไปมองหญิงสาวที่เดินอยู่ ข้างๆ  เธอกำลังมองชมบรรยากาศสดชื่นของรีสอร์ท ดูท่าทางจะชอบสวนแบบนี้ ดวงตาสีเขียวน้ำทะเลพราวระยับ แม้สีหน้าจะเรียบเฉยก็ตาม ..ขืนเธอรู้ว่าเขาเปิดบริษัทเพื่อที่จะได้เอาเธอมาทำงานอยู่ข้างๆ มีหวัง..เอื้อก.. ไม่อยากคิด..

     

    ฉัน..อีริคสะดุ้งเฮือก โมนิก้าทำหน้าสงสัยนิดหน่อยก่อนจะพูดต่อ ฉันว่าจะไปถ่ายรูปรอบๆรีสอร์ทนี่สักหน่อย แดดตอนนี้กำลังดีเลย

     

    โอ้ ได้เลย งั้นเดี๋ยวผมจัดการกระเป๋าให้ คุณไปเถอะ ไม่ต้องเสียเวลาหรอก

     

    แต่..

     

    สบายมากหนุ่มแคนาดาตอบ ดีใจเป็นอย่างยิ่งที่จะได้ทำอะไรให้เธอ

     

    ขอบคุณค่ะ งั้นต้องรบกวนด้วยเธอยิ้มนิดๆ ส่งผลให้อีริคนิ่งค้างอยู่ตรงนั้น

     

    ..โมนิก้ายิ้ม.. โมนิก้ายิ้ม..โมนิก้ายิ้ม..โมนิก้ายิ้ม..โมนิก้ายิ้ม..โมนิก้ายิ้ม..

     

    ร่างบางจากไปแล้วแต่อีริคก็ยังยืนอยู่ตรงนั้น จนพนักงานขนกระเป๋าเอ่ยภาษาที่เขาไม่เข้าใจ

     

    เอ่อ..จะไปรึยังครับ

     

    เขาถึงได้ฤกษ์ขยับตัว

     

    -------------------------------------

     

    ..วิวดีจริงๆ..

     

    หลังจากเดินสำรวจรีสอร์ทจนทั่ว เก็บภาพได้พอประมาณ โมนิก้าก็เดินเลาะทางเดินมาเรื่อยๆจนมาถึงเนินหญ้าเล็ก เธอมองหันซ้ายหันขวา เมื่อเห็นว่าไม่มีใครจึงตัดสินใจล้มตัวลงนอน กล้องตัวโปรด เมลานีถูกยกขึ้นระดับสายตา แล้วเริ่มถ่ายภาพท้องฟ้าตามความเคยชิน

     

    ดรันต์มองโมนิก้าอยู่ห่างๆ เขาเดินตามเธอมาสักพักแล้วแต่ดูเหมือนเธอจะไม่เห็น แม้กระทั่งท่าทางหันรีหันขวางเมื่อกี้ เขาออกจะแปลกใจนิดหน่อยที่เธอกลับไม่ได้สังเกตเห็นเขาเลย โมนิก้าดูคล้ายเด็กยามไม่ทำหน้าบูดบึ้ง อาการของเธอยามถ่ายรูปดูเพลิดเพลินดี แล้วเหตุใด ตอนถ่ายรูปเขาเมื่อวันก่อนถึงได้หน้าหงิกนัก

     

    บังเอิญจังเลยนะครับ..คงจะมีแต่เจ้าตัวที่รู้ว่าไม่ใช่เรื่องบังเอิญ..เสียงทุ้มฟังแปร่งหูด้วยว่าไม่ใช่ภาษาบ้านเกิดขัดจังหวะการถ่ายรูป อันที่จริงเธอก็เริ่มเคลิ้มหน่อยๆแล้วเหมือนกัน เรียกว่าขัดจังหวะการนอนอาจจะถูกกว่า โมนิก้าลดกล้องลง แล้วจึงเห็นว่าผู้มาคือ..นายแบบ..ชื่อขึ้นต้นด้วย ด..อะไรสักอย่าง ครั้นจะเอ่ยถามว่าขอโทษนะคะ ไม่ทราบว่าคุณชื่ออะไร ดิฉันลืมแล้วก็กระไรอยู่

     

    สวัสดีค่ะ โมนิก้ากล่าวทักตามมารยาทพลางลุกขึ้นนั่ง

     

    อากาศดีนะครับ ดรันต์นั่งลงข้างๆเธอ เขายิ้มกว้าง ผมมารบกวนรึเปล่าครับเนี่ย

     

    ไม่เป็นไรหรอกค่ะช่างเป็นคำพูดที่ขัดกับใบหน้าราบเรียบเหลือเกินจนดรันต์ชักไม่แน่ใจว่าจะชวนคุยต่อไปดีหรือไม่ หากแต่จิตเบื้องลึกของเขากลับสั่งให้เขาพูดต่อไป

     

    คุณอีริคนี่เป็นคนสบายๆดีนะครับ

     

    เขาก็เป็นอย่างนี้แหละค่ะ ถึงจะดูสุขุม แต่ไม่ชอบอะไรที่เป็นพิธีรีตองนัก และก็ชอบเล่นสนุก

     

    ท่าทางคุณจะรู้จักเขาดี

     

    ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน เธอพูดเหม่อๆ เรียกว่าทำงานมาด้วยกันนานดีกว่าฉันไม่คิดหรอกค่ะ ว่าจะสามารถรู้จักใครดีได้ และก็เชื่อด้วยว่าไม่มีใครที่จะรู้ใจของคนอื่นได้ดีขนาดนั้น..ถึงจะแสดงออกภายนอกอย่างไร ก็ใช่ว่าจะเป็นแบบนั้นจริงๆ สิ่งที่อยู่ลึกข้างในที่สุดน่ะ คนเรามักจะซ่อนเอาไว้ ..รวมทั้งคุณด้วย.. โมนิก้าต่อในใจ

     

    อย่างนั้นหรือครับ ดรันต์เงียบไปสักพักแล้วจึงเอ่ยยิ้มๆ  เขามองหน้าเรียวยาวของโมนิก้า แล้วจึงพินิจดูเครื่องหน้าแต่ละส่วน เธอมีตาที่สวยมาก ตากลมโตสีเขียวน้ำทะเลใส สีที่เขาชอบ ตาสองชั้นคมชัด คิ้วบางโก่งสูงทำให้ดูดุ จมูกโด่ง ปากสีชมพูระเรื่อนั้นเล็กและถูกเม้มอยู่บ่อยครั้ง เป็นใบหน้าที่ไม่ได้ผ่านการแต่งเติมเครื่องสำอางแต่อย่างใด จะเป็นอย่างไรนะ ถ้าเธอจะยิ้มในชีวิตคงจะนับครั้งได้

     

    หน้าฉันมีอะไรติดหรือคะ ดรันต์หัวเราะแต่ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป

     

    โมนิก้ามองกลับเข้าไปในดวงตาของเขา ดวงตาสีนิลเจือแววบางอย่าง เธอรู้จักดวงตาคู่นี้..แม้ใบหน้าจะยิ้มแย้มเพียงใด เธอกลับไม่รู้สึกว่าตาของเขายิ้มด้วย.. ตาของเขากำลังร่ำไห้..ดวงตาแบบที่เธอรู้จักดี มันเป็นดวงตาที่ใช้มองโลกใบนี้มาตลอด24ปี ..ดวงตาของเธอเอง..

     

    ..ถึงจะแสดงออกภายนอกอย่างไร ก็ใช่ว่าจะเป็นแบบนั้นจริงๆ สิ่งที่อยู่ลึกข้างในที่สุดน่ะ คนเรามักจะซ่อนเอาไว้..

     

    หน้าผมมีอะไรติดหรือครับ เขาย้อนด้วยประโยคของเธอ โมนิก้าค้อนให้เขาทีนึงด้วยรู้ว่าถูกกวน

     

    ไม่มีหรอกค่ะ ฉันว่า เราไปกันดีกว่า นี่ก็ใกล้จะเที่ยงแล้ว โมนิก้าเอ่ยชวน หากแต่ดรันต์ยังไม่ทันตอบ เธอก็ออกเดินนำหน้าเขาไปเสียแล้ว

     

    ไม่รู้ทำไม โมนิก้าถึงรู้สึกติดใจอะไรบางอย่าง การได้พบหนุ่มนักกีฬาคนนี้มันทำให้เธออดนึกถึงบรรยากาศเก่าๆไม่ได้..

     

    -------------------------------------

     

    ไดแลนคำนี้ผุดขึ้นมาในใจ

     

    ภาพข้างหน้าเธอ ดรันต์..หลังจากไปถามชื่อจากอีริคมาอีกทีแล้ว..นายแบบชาวไทยที่เป็นนักกีฬาเจ็ตสกี ดูดีอย่างเหลือเชื่อยามขี่เจ็ต ผิวสีแทนของร่างสูงทำให้ดูสุขภาพดี ประกอบกับร่างกายที่มีมัดกล้ามพองามแล้ว เขาดูเป็นหนุ่มเท่มีเสน่ห์อย่างบอกไม่ถูก เทียบกับอีริคแล้วด้วยผิวขาวตามเชื้อชาติของเขาและมาดนักธุรกิจที่มี ทำให้ดูเป็นเจ้าชายผู้เพียบพร้อมอ่อนโยน ในขณะที่ดรันต์จะหล่อแบบอัศวินเถื่อนๆมากกว่า.. ละอองน้ำจับผมของดรันต์ ยามที่เขาหักเลี้ยว น้ำกระเซ็นสาดต้องผิวกาย ดูเหมือนดรันต์กำลังเล่นกับทะเล

     

    ..ไดแลน..บุตรแห่งท้องทะเล

     

    เสียงสั่งเลิกกองดังขึ้น ทีมงานแยกย้ายกันไป โมนิก้าตัดสินใจว่าจะถ่ายรูปวิวต่อ กล้องตัวที่เธอใช้อยู่ไม่ใช่เมลานี แต่เป็นตัวที่เธอซื้อไว้สำหรับงานโดยเฉพาะ โมนิก้าจะใช้เมลานีเฉพาะเวลาถ่ายเล่นเท่านั้น แต่ตอนนี้เธอไม่ได้เอาเมลานีมา จึงเปลี่ยนฟิล์มที่เพิ่งถ่ายออกใส่กล่องเก็บฟิล์มอย่างดีแล้วใส่ฟิลม์ใหม่เข้าไป

     

    ..กล้องนี้เป็นรุ่นกันน้ำงั้นเข้าไปถ่ายริมทะเลหน่อยก็ได้มั้ง..อาจจะได้บรรยากาศอีกแบบ เธอค่อยๆเดินเข้าไปครั้นเท้าแตะน้ำทะเลก็รีบชักออก

     

    ..กลัว..

     

             แล้วโมนิก้าก็สังเกตว่าสิ่งที่ควรจะอยู่ในมือขวาของตนหายไปเสียแล้ว เธอตกใจจนเผลอปล่อยฟิล์มตกน้ำ!

     

    ฟิล์ม!! ฟิล์มที่เปลี่ยนเมื่อกี้!

     

             งานที่ถ่ายไปทั้งหมด!

     

             โมนิก้าถอดกล้องออกจากคอแล้วรีบกระโจนลงทะเล วินาทีนี้ดูเหมือนความกลัวจะหายไป

     

             ยิ่งเดินเข้าใกล้ฟิล์มก็ยิ่งลอยห่างออกไป โมนิก้าร้อนรน ก้าวออกไปเรื่อยๆโดยไม่ได้สนใจว่าขณะนี้ ระดับน้ำทะเลสูงถึงคอแล้ว

     

             อีกนิด..อีกนิด .. ได้แล้ว!!

     

             พอคว้าหมับได้และเริ่มรู้สึกตัวก็ดูเหมือนจะสายเกินไปโมนิก้าถูกพัดมาถึงจุดที่ขายาวๆของเธอเหยียบไม่ถึงเสียแล้ว..และ..เธอว่ายน้ำไม่เป็น

     

             ไม่!

     

             โมนิก้าพยายามว่ายสุดแรง แขนขาตีน้ำไม่ได้หยุด แต่ชุดที่ใส่ทับถึง2ชั้นของเธออุ้มน้ำจนหนักเกินไป เธอจมลงแล้วก็ตะกายขึ้นมาใหม่ น้ำทะเลทะลักเข้าอวัยวะ ทั้งเค็มทั้งแสบตา เธอกลัวจับจิต ทีมงานกลับไปหมดแล้ว ไม่มีใครอยู่แถวนี้ แต่เธอก็ยังไม่อยากละทิ้งความหวัง

     

             ช่วย..ด้วย เธอพยายามตะโกน แต่เสียงที่ออกมากลับกระท่อนกระแท่น เบาเสียยิ่งกว่าเบา น้ำทะเลไหลเข้าปากเธออีก

     

             ช่วยด้วย..อีริค..ช่วยด้วย! พ่อ! พ่อ!! พ่อ!!’เธอกรีดร้องในใจ พ่อ! ช่วยด้วย!! ไม่นะ.. กลัว.. ไม่ไหวแล้ว

     

             เวลาผ่านไปสักพัก โมนิก้าไม่มีแรงเหลืออีกแล้ว ร่างบางค่อยๆจมลง แต่มือที่ถือฟิลม์กลับกำแน่น

     

             ..เซลีน..อีริค..ขอโทษ..

     

             ..ช่างเดียวดายเหลือเกิน เสียงที่ไม่ว่าจะส่งออกไปก็ไม่มีใครได้ยิน ไม่มีเลย   พ่อ..ได้ยินโมนิก้าไหม.. พ่อ.. พ่อผิดสัญญานะ.. ทำไมพ่อไม่กลับมา.. ทำไมไม่กลับมาหาโมนิก้า ทิ้งโมนิก้าไปทำไม.. แต่ไม่เป็นไร รออีกหน่อยนะ เดี๋ยวโมนิก้าก็จะได้ไปหาพ่อแล้วอีกนิดเดียว..

     

             ฟองอากาศผุดออกจากปากอย่างสม่ำเสมอ ร่างของเธอลอยเคว้ง จมลงสู่ก้นมหาสมุทร เช่นเดียวกับสติสัมปชัญญะที่ค่อยๆดับลง

     

             ก่อนที่ทุกสิ่งจะดับและล่องลอย เธอได้ยินเสียง..เสียงเครื่องยนต์อยู่ไกลๆ..มือหนึ่งกุมมือเธอไว้แน่นราวกับจะไม่ปล่อยไปไหน เธอรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นของมือนั้น คล้ายกับจะบอกว่า ฉันมาแล้ว

     

             ..ขอบคุณ..

     

             โมนิก้ายิ้มเป็นครั้งสุดท้าย

     

             ..คุณพ่อ..

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×