ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    sea board

    ลำดับตอนที่ #4 : ___บทที่ 3 : คนแปลกหน้าที่คุ้นเคย

    • อัปเดตล่าสุด 21 เม.ย. 49




    บทที่ 3 : คนแปลกหน้าที่คุ้นเคย

            

                    "รันต์!!!!! ทางสังกัด....ทางสังกัดบอกมาว่าเค้าจะโปรโมทเธอ..เค้า... เค้าจะให้เธอถ่ายรูปลงนิตยสาร รันต์...อาทิตย์หน้าเค้าจะถ่ายรูปเธอลงนิตยสารแล้วนะ" นันทนัช บอกนักกีฬาของเธอ ด้วยความตื่นเต้นทำให้เธอพูดติดๆขัดๆ ซ้ำไปซ้ำมา

                    นี่คือผลของความพยายามตลอด 7 ปี ของเธอ

                    รันต์ เห็นมั้ย

    "อะไรกันครับ คุณนันท์ ใจเย็นๆก่อน ถ่ายรูปอะไรนะครับ" คนทางปลายสายโทรศัพท์ที่จับใจความไม่ได้ถามใหม่อย่างใจเย็น

    "ก็ถ่ายรูปเธอไงรันต์ โปรโมทลงนิตยสารที่วางแผงรอบโลก หึหึหึ นักกีฬาของชั้นกำลังจะดังเป็นพลุแตกซะแล้ว หึหึหึฮิฮิ" นัท ไขความกระจ่างให้ด้วยน้ำเสียงมีความสุข

    "อ่อ... เมื่อไหร่ครับ"

    "วันอาทิตย์หน้า เฮ้อออ ชั้นมีความสุขจริงๆเล้ยรันต์"

    "คุณนันท์ ทำอย่างกับว่าคุณจะเป็นคนได้ถ่ายเองยังงั้นล่ะ" นายแบบในอนาคตกัดผู้จัดการส่วนตัวเล่น

    "แหงล่ะ จะไม่ให้สุขได้ไง ปั้นมาตั้ง 7 ปี ฮิฮิฮิ" เธอตอบโดยไม่สนใจคำหยอกที่ชายหนุ่มส่งมา "เออ รันต์ ทางสังกัดเค้าจะจัดแข่งวัดระดับนักกีฬา วันศุกร์หน้า เค้าบอกว่าเธอจะไปหรือไม่ไปก็ได้เพราะผลจากการแข่งครั้งที่แล้วของเธอเป็นที่น่าพอใจ แล้ววันที่เค้าจัดมันก็ใกล้กับวันถ่ายรูปนาย นายจะเอาไง ไปหรือไม่ไปวัดผล" พูดเล่นอยู่ดีดี ก็เปลี่ยนเสียงมาจริงจังสวมวิญญาณผู้จัดการบ้างานแทน

    "55 รู้คำตอบอยู่แล้วยังจะมาถามอีกเหรอครับ คุณผู้จัดการผู้รู้ใจ" ดรันต์ขำกับการเปลี่ยนอารมณ์ได้รวดเร็วของคนปลายสาย

    "เออๆๆๆ ชั้นแค่ถามให้แน่ใจเท่านั้นแหละ งั้นเดี๋ยววันพฤหัสเย็นชั้นไปรับนายแล้วกัน เอ๊ะหรือว่านายอยากไปตอนเช้า จะได้มีเวลาขี่ jet นานๆ แต่นายก็เพิ่งไปที่พัทยามาชั้นว่านายไม่ต้องไปปรับตัวหรอก เค้าจะใช้สนามเดียวกับที่นายเพิ่งไปแข่งมาคราวที่แล้วนะ เอาอย่างนี้แหละ วันพฤหัสเย็นเจอกันแล้วกันนะ เคมะ??" ผู้จัดการสาวที่รู้คำตอบอยู่แล้ว วางแผนยาว ตั้งท่าจะถามคนในอาณัติ แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจให้แทน จนสุดท้ายสรุปอย่างเผด็จการ

    "โอเคครับ คุณนันท์ว่าไงผมก็ว่างั้นคร๊าบผม"

    "ย่ะ ย่ะ ย่ะ ถ้ามีอะไรเปลี่ยนแปลงจะโทรไปใหม่แล้วกัน บาย"

    "ครับ"

    "เอ๊ย!! อย่าลืมห่มผ้าด้วยล่ะ เดี๋ยวเป็นหวัดไปจะยุ่ง หรือไม่ก็ใส่เสื้อนอน... เธอใส่แค่กางเกงตัวเดียวนอนถ้าเกิดเผลอถีบผ้าห่มแล้วแอร์เป่าจะไม่สบายได้ง่ายๆ........ ไม่ต้องมาทำหน้าล้อเลียนเลยชั้นรู้ว่าเธอทำอยู่ แล้วที่พูดน่ะทำตามซะบ้างนะอย่าให้คนแก่ๆอย่างชั้นต้องทำตัวแก่ยิ่งกว่าเดิมบ่อยๆ วางแล้วนะ บาย" นัทสั่งลาก่อนวางหูโทรศัพท์ เธอทั้งพูดดักคนฟังแล้วก็ตัดพ้อกลายๆ... ความห่างของอายุที่มีถึง 6 ปี เป็นหนามยอกอกขนานแท้ของเธอ หนามที่คอยเตือนคอยห้าม...หัวใจ

    ...

    ...

    ...

    บรืน..... บรืน......... ครืนน....ครืนน....

             เสียงเครื่องยนต์ทำงานประสานกับเสียงคลื่นแห่งท้องทะเลพัทยา jet ski กว่า 20 คันพุ่งทะยานไปตามแนวลูกบอลสีแดงขาวที่กำกับเส้นทางของการแข่งขัน

             จากที่นั่งคนดูริมชายหาด สามารถมองเห็น jet สีดำสนิทที่มีชายหนุ่มสวมเสื้อหมายเลข 19 เป็นผู้บังคับเด่นนำเป็นจ่าฝูง หญิงสาวผู้จัดการส่วนตัวของหนึ่งในนักกีฬาที่กำลังพุ่งทะยานอยู่ในขณะนี้ส่องกล้องทางไกลมองบุรุษในอาณัติอย่างใจจดจ่อ เสียงเชียร์โห่ร้องของคนดูข้างสนามไม่มีผลใดๆ ต่อเธอ จนกระทั้งโฆษกประจำสนามประกาศชื่อผู้เข้าเส้นชัยอันดับแรก หญิงสาวจึงหลุดออกจากสมาธิที่มีต่อนักกีฬาของเธอ รอยยิ้มแห่งความปีตียินดีเผยออกมาอย่างไม่คิดจะปิด

             ...รอยยิ้มของนางฟ้า...

    นักกีฬาที่เข้าเส้นชัย 3 อันดับแรกได้รับรางวัลเล็กๆน้อยๆจากทางสังกัด ระหว่างการมอบรางวัลมีแสงแฟลตจากกล้องสาดเข้าหาเป็นพักๆ  ดรันต์ และนักกีฬาอีกสองคน ยิ้มกว้างกับการวัดครั้งผลครั้งนี้

    นันทนัช มองนักกีฬาของเธออยู่ขอบเวทีพร้อมทั้งตบมือแสดงความยินดีให้กับเขา ซึ่งเขาก็ลอบมองกลับมาและส่งยิ้มกลับไปให้อย่างเป็นธรรมชาติ จนไม่เป็นที่สังเกตของใคร

    รอยยิ้มของเขาสู่นางฟ้าประจำตัว

    ...

    ...

    ...

    "เห็นมั้ยว่าผมสบายดี แค่สำลักอากาศนิดหน่อยก็เท่านั้นเอง" ดรันต์อวดรางวัลที่ได้รับพร้อมกับอวดความแข็งแรงของร่างกายโดยการเบ่งกล้ามเนื้อที่แขนแก่ผู้จัดการส่วนตัว

    "จ้า...จ้า..." นันทนัชตอบยานคางกลับไปโดยไม่ให้ความสนใจกับรางวัลที่บุรุษข้างๆยื่นมา เธอจดจ่อกับการบังคับรถกลับไปยังที่พักแรม แสดงถึงความหน่ายกับนิสัยขี้อวดขี้โม้ของ ดรันต์ ศิริพงศ์

    "คุณนันท์ เดี๋ยววันนี้ต้องมีงานเลี้ยงนักกีฬารึป่าว" เมื่อเห็นว่าคนข้างกายไม่สนใจของที่ยื่นไปอวดเลยเปลี่ยนเรื่องคุยใหม่ตามประสาคนไม่ชอบความเงียบ

    "มีสิ จะไปมั้ย? หรือจะให้หาข้ออ้างให้" นัท ตอบ แล้วก็ส่งคำถามใหม่ไปโดยไม่ลืมที่จะหาทางเลือกอื่นไว้ให้สำรอง ทั้งๆที่เธอก็พอจะเก็งๆคำตอบของชายหนุ่มไว้ในใจอยู่แล้ว

    อย่างนายมีเหรอ....จะไม่ไป

    "..." คนถูกถามกลับเงียบทำท่าเหมือนคนที่กำลังใช้ความคิดอย่างหนักหน่วง

    "เอาไง!!!" นัท เร่งจะเอาคำตอบ รู้ทั้งรู้ว่า ดรันต์กำลังแกล้งเธออยู่ แต่ด้วยความที่เป็นคนใจร้อนเลยต้องติดกับชายหนุ่มอยู่ทุกที

    "ไปดีกว่า... ไม่ได้ เฮ มาพักใหญ่แล้ว" หลังจากทำเป็นใช้ความคิดสักพัก เขาก็ทำเป็นตัดสินใจสักที

    "พักใหญ่!!!!! ให้ตายเหอะ พักใหญ่ของเธอเนี่ยคือเมื่อ 4 วันก่อนเองนะ" นัทจับผิด ทำไมเธอจะไม่รู้การเคลื่อนไหวของเขา นักกีฬาในอาณัติทั้งคน

    รู้จนหมดไส้หมดพุงหมดแล้ว...

    "ช่าย พักใหญ่เลยล่ะครับคุณนันท์ คิดถึงแสงสีเสียงยามราตรีแล้วล่ะครับ" ไม่พูดเปล่ายังทำท่าทางฝันกลางวันประกอบให้คนข้างๆหมั่นไส้เล่น

    "ย่ะ ชั้นลืมไปว่าเธอมัน คนกลางคืนนนน"

    "ฮาๆๆ ฮะๆๆ" ชายหนุ่มหัวเราะชอบใจกับฉายาตัวเอง กับคนข้างๆ กับงานเลี้ยงคืนนี้

    ...

    ...

    ...

    หลังจากงานเลี้ยงที่ทางสังกัดจัดขึ้นอย่างค่อนข้างเป็นทางการจบลง เหล่านักกีฬาทั้งหญิงและชายก็ตกลงปลงใจกันไปต่อที่ ผับชื่อดังในเมืองพัทยากันต่อ

    เสียงดนตรีดังกระหึ่มออกมา ขนาดคนที่ยืนอยู่ข้างนอกยังสามารถรู้ได้ว่าภายในกำลังเปิดเพลงอะไรอยู่

    นันทนัช ตามนักกีฬาของเธอมาโดยไม่ได้บอกเขาก่อน ว่าจะแกล้งให้ตกใจเล่นเพราะเธอรู้ดีว่าถึงแม้ดรันต์จะโปรดปรานสถานท่องเที่ยวยามค่ำคืนแค่ไหน เขาก็ไม่ค่อยจะโปรดให้เธอมากับเขา ด้วยเหตุผลง่ายๆสั้นๆที่เขาบอกเธอ เสียสุขภาพ แม้ว่าเธอจะย้อนว่าแล้วทีเขาล่ะ.... แต่เขาก็มักจะเสริมเหตุผลที่ไม่ให้เธอไปโดยไม่ตอบสิ่งที่เธอย้อนว่า ผู้หญิงเที่ยวแล้วดูไม่ดี ซึ่งกับเหตุผลนี้เธอก็ย้อนกลับไปอีกว่าแล้วผู้ชายล่ะ... แต่เขาก็มักจะเงียบและจ้องเธอด้วยแววตาดุๆที่เค้าไม่ค่อยทำ ยังผลให้เธอต้องยอมแต่โดยดี จนทุกวันนี้เธอจะไม่บอกเขาว่าเธอจะไปหรือไม่ ถ้าไปก็ไปเลยเหมือนกับที่เธอกำลังทำอยู่

    ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งเต็มไปด้วยมัดกล้าม โชว์ลีลาอยู่กลางฟลอร์เต้น แสงไฟวับวาวหลากสีสาดส่องเน้นย้ำให้เขายิ่งดูเด่นขึ้น เขาไม่รู้ตัวหรอกว่าตัวเขาสามารถดูดสายตาคนรอบข้างได้ดีขนาดไหน สาวๆในผับต่างเข้ามาเต้นพัวพันไปกับเขาอย่างได้อารมณ์ จนชายหนุ่มรู้สึกคอแห้งจึงขอตัวออกจากฟลอร์ไปยังโต๊ะเครื่องดื่มที่บัดนี้มีสาวสวยที่คุ้นเคยนั่งรออยู่

    "คุณนันท์" ชายหนุ่มร้องเสียงดัง แต่โชคดีรอบตัวก็เสียงดังเช่นกันเสียงของเขาจึงไม่ดังโดดออกมาให้เป็นจุดเด่นมากขึ้นจากเดิม

    "..." หญิงสาวในเสื้อคล้อยคอสีฟ้าลายดอกกับกางเกงสีขาวเอวต่ำ 5 ส่วนยิ้มกลับมาเป็นทองไม่รู้ร้อน

    "..." ดรันต์เงียบไม่เอ่ยคำพูดใดๆ แต่ส่งสายตาบอกความคิดกลับไปให้เธอ ...มาได้ไง ทำไมถึงมา แล้วดูแต่งตัวเข้าสิ...

    ขยับทีเห็นไปถึงไหนต่อไหน.....

    "มันเรื่องของชั้น รันต์ไม่เกี่ยว" นัทตอบกลับไปอย่างท้าทายเธอยังส่งยิ้มหวานไปให้เขาเป็นท่าไม้ตาย

    "เฮ้ออออ" ชายหนุ่มถอนใจ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอตามเขามาชายหนุ่มจึงหันไปหยิบเสื้อกันหนาวสีดำของเขาที่พาดไว้กับเก้าอี้มาคลุมเธอเหมือนทุกๆครั้ง จากนั้นก็งอนไม่พูดจากับเธอตามฟอร์ม...

    ...

    "ชั้น 25 ค่ะ" สตรีแต่งตัวภูมิฐานบอกกับพนักงานประจำลิฟต์ก่อนจะหันไปพูดกับบุรุษข้างกายอีกคนที่แต่งตัวสบายๆผิดกับตน "รันต์ รู้สึกว่าช่างภาพที่จะถ่ายรูปเธอน่ะ เป็นคนคนต่างชาติ คุ้นๆว่าไม่ ญี่ปุ่นก็แคนาดา"

    "ไม่ค่อยจะแตกต่างกันเลยนะ แคนาดา กับ ญี่ปุ่นนี่... คุณนันท์ ทำไมต้องรีบมาก่อนเวลาตั้งนานด้วยล่ะครับ ทางที่ผ่านมานี่ไม่เห็นใครสักคนเลยนอกจากยาม ยาม แล้วก็ยาม" ดรันต์ประชด แล้วก็โวยถึงความกระตือรือร้นเกินเหตุของหญิงสาว

    คนที่ไม่อยู่ในวงสนทนาแอบเคืองในใจว่า ...เค้าไม่ใช่ยามสักหน่อย....

    "มาเช้าๆน่ะ ดีกว่ามาสาย แสดงให้เห็นถึงความรับผิดชอบของเราไง"

    "คร้าบบบบบบบบ" คนโวยตอบยานคาง

    ยังเช้าอยู่ไม่อยากเถียง....ง่วง

    ...

    ...

    ...

    "มาเร็วดีนะครับ" ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลเอ่ยทัก คนมาใหม่ทั้งสองด้วยภาษาอังกฤษ

    "บังเอิญรถไม่ติดน่ะค่ะเลยมาเร็ว" นัท เอ่ยตอบกลับไปก่อนที่จะแนะนำนักกีฬาของเธอ "นี่ ดรันต์ ค่ะ รันต์นี่มิสเตอร์อีริค เจ้าของสังกัดไง" เธอพูดภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่วแต่ในประโยคสุดท้ายต้องเปลี่ยนมาใช้ภาษาไทยเพราะไม่อยากให้คนที่ทั้งบริหารและเป็นเจ้าของสังกัดเห็นถึงความไม่ใส่ใจของนักกีฬา... นี่ขนาดเข้าสังกัดมาตั้ง 3 ปีกว่าๆแล้ว ดรันต์ยังไม่รู้จักว่า อีริค เป็นใคร

    อีริคเห็นท่าทางของหนุ่มสาวแล้วก็เผลอยิ้มออกมาก่อนจะกล่าวเชิญให้ไปที่สตูดิโอซึ่งช่างภาพและทีมงานกำลังเซตฉากและอุปกรณ์อยู่

    ...

    ...

    ...

    นักกีฬาที่เปลี่ยนบทบาทมาเป็นนายแบบถูกช่างแต่งหน้า ช่างทำผมรุมบรรเลงโบ๊ะแป้ง เขียนคิ้ว ใส่เจล แปลงโฉมให้จากหนุ่มที่ดูเด็กกว่าอายุจริงกลายมาเป็นหนุ่มเข้มกว่าอายุจริง หลังจากถ่ายรูปไปแล้วถึง 7 ชุด

    ชุดสุดท้ายทางสังกัด ต้องการเปลี่ยนลุคของ ดรันต์

    ระหว่างการถูกแปลงโฉมตัวเอง เขาลอบมองไปรอบๆตัว... น่าอึดอัด วันๆต้องอยู่แต่ในห้องที่เซตเป็นฉากปลอมๆ ไม่รู้ว่าทนกันไปได้ไง

    นัยน์ตาสีดำขลับเผลอไปสบกับนัยน์ตาสีเขียวเหมือนสีน้ำทะเลที่เขาชอบ ภาพใครบางคนซ้อนทับขึ้นมาจากหน้าของหญิงสาวผู้ทำหน้าที่ช่างภาพในวันนี้

    "ดรณ์" คนเห็นภาพซ้อนเพ้อขึ้นอย่างลืมตัว

    "คะ" ช่างแปลงโฉม ถามอย่างงงๆ

    "ดรณ์ นาย...นายยัง..." ดรันต์เพ้อต่อโดยน้ำใสๆเอ่อรื้อขึ้นมาจนช่างแต่งหน้าต้องรีบคว้าสำลีมาซับกันไว้ไม่ให้เลอะ

    "รันต์!!!!!!" ผู้จัดการส่วนตัวที่มอง ดรันต์ อยู่อีกมุมหนึ่งของสตูดิโอเห็นท่าไม่ดีเลยรีบมาดูร้องเรียก

    "คะ...ครับ" คนเพ้อได้สติขึ้นมา หากว่าเขาไม่ได้แต่งหน้าป่านนี้ใบหน้าของเขาคงจะซีดเผือดไร้สีเป็นแน่

    "เป็นไรมั้ย ไหวหรือป่าว เธอดูไม่ดีเลยนะ" นัท รัวถามอย่างรวดเร็วด้วยความเป็นห่วง

    "ไม่ครับ ดีอยู่ครับ... ... ... ก็คุณนันท์ให้ผมตื่นมาแต่เช้าเลยง่วงๆ เผลอฝันกลางวันไปหน่อย" คนน่าเป็นห่วงเฉไฉไปโทษคนที่เป็นห่วงตามนิสัย

    ".....งั้นก็ดีแล้ว ทนอีกนิดนี่ก็ชุดสุดท้ายแล้วเดี๋ยวก็เลิก" คนถูกโทษมองลึกไปในตาของ ดรันต์ แล้วตบไหล่เขาเบาๆเป็นการให้กำลังใจก่อนจะเดินกลับไปยังมุมเดิม

    ดรันต์.......ดรณ์ ทั้งสองคนต่างจมอยู่กับความทุกข์ที่พวกเค้าสร้างขึ้นเอง

    ...

    ...

    ...

    "เอามือเสยผมแล้วค้างไว้" เสียงช่างภาพสาวกล่าวออกมาห้วนๆ ...ไม่ใช่การขอร้องแต่เป็นการสั่งให้ทำ...บ่งบอกถึงอารมณ์ของเธอได้เป็นอย่างดีว่า ไม่โปรดปรานงานประภทนี้

    "ขยับไปทางซ้ายอีกหน่อย" โมนิก้าสั่งต่อเมื่อนายแบบทำได้ไม่ถูกใจ

    แชะ แชะ แชะ

    "หันหลังแล้วเหลียวไปทางขวา" ช่างภาพสั่งนายแบบให้แอ็คท่าใหม่

    "เอามือไขว้ไว้ข้างหลังด้วย"

    สั่ง สั่ง สั่ง อยู่ได้ ดรันต์แอบเคืองในใจ แต่ก็ทำตามแต่โดยดี.... ทำไงได้ล่ะ เล่นทำหน้าซะอย่างนั้น...ยังกับกินพริกขี้หนูมางั้นล่ะ

    "ไม่ต้องมองกล้อง ทำตาลอยๆ มองไปไกลๆ" โมนิก้า ชี้ไปทางที่ต้องการให้ ดรันต์มองลอยออกไป

    มองไปไกลๆ.... ไม่เห็นมีอะไรเลยมีแต่ผนังห้อง...คนต้องแอ็คท่าคิดก่อนที่ห้วงคำนึงของเขาจะห้วนไปคิดถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา

    เขาเห็น ดรณ์ ซ้อนขึ้นมาจากโมนิก้า ช่างภาพที่ไม่เคยเห็นหน้าเห็นตา

    โมนิก้า คนแปลกหน้าที่รู้สึกเหมือนจะคุ้นเคย

    ...

    ...

    ...

    "เรียบร้อยแล้วใช่มั้ยคะ มิสเตอร์อีริค" นัท ถามคนผู้บริหารสังกัด

    "ครับ มิสเตอร์ดรันต์ อาจจะดูเกร็งไปนิดแอ็คท่าไม่ค่อยออก แต่พอโมนิก้าบอกว่าต้องทำยังไงก็ทำออกมาได้ดี สงสัยผมต้องทุ่มทุนกับเขาเยอะๆ เพราะดูท่าจะเป็นดาวรุ่ง" อีริคชม นักกีฬาที่วันนี้มาเป็นนายแบบกับผู้จัดการส่วนตัวสาวอย่างเปิดเผยถึงความคิดของตน

    "คิก คิก... เป็นดาวรุ่งก็ดีสิคะดิฉันกลัวว่าจะเป็นดาวร่วงซะมากกว่า"

    "รุ่งแน่ครับ มิสนันทนัช" อีริค ย้ำความคิดตัวเองอีกครั้ง

    "แหะ แหะ เอ่อ.....แล้วมะรืนต้องไปถ่ายถึงภูเก็ตเชียวเหรอคะ" นัท ไม่รู้จะพูดอะไรต่อเลยเปลี่ยนหัวข้อสนทนาไปซะงั้น

    "อ๋อ ใช่ครับ ไปภูเก็ตแล้วนั่งเรือต่อไป สิมิลัน....ทะเลที่นั่นสวยถ่ายรูปออกมาคงดูดีมาก" เจ้าของบริษัทบอกรายละเอียดนิดหน่อย

    คุณคงจะชอบ... ท้องฟ้าที่สิมิลันมากเลยล่ะ โมนิก้า... ทั้งๆที่พูดกับหญิงคนหนึ่งอยู่ แต่ในความคิดของชายหนุ่มกลับนึกถึงหญิงอีกคน

    "แล้วรันต์ต้องขับ jet มั้ยคะ" หญิงสาวที่ไม่ได้อยู่ในความคิดถาม

    "ครับ ...อุปกรณ์ทุกอย่างทางเราเตรียมครับไม่ต้องเป็นห่วง" อีริคตอบ แล้วบอกรายละเอียดเพิ่มเมื่อเห็นหน้าหญิงสาวตรงหน้าขึ้นเครื่องหมายคำถาม(?_?)

    "อ้าวนั่น รันต์!!!...เอ่องั้นดิฉันขอตัวก่อนนะคะมิสเตอร์อีริค" เมื่อเห็นว่า ดรันต์ ทำท่าจะออกจากสตูดิโอ นัท ก็รีบปลีกตัวไปลากกลับมา.... เธอต้องอยู่กินข้าวเย็นกับคุณอีริคก่อน อย่าคิดว่าจะหนีไปได้ง่ายๆสิ....

    ...

    ...

    ...

    หลังจากทำงานมาตั้งแต่เช้ายันเย็น... ในที่สุดงานก็ลุล่วงไปได้ซะที... รู้สึกเหนื่อยกว่าปกติหลายเท่า คงเป็นเพราะงานที่ไม่คุ้นเคยล่ะมั้ง

    ดรันต์ ขอตัวลุกจากโต๊ะอาหารไปเดินเล่นระหว่างรออาหารมา เพราะเจ้ามือในวันนี้คุยโวว่าบรรยากาศสวนอาหารร้านนี้ดีมาก เขาจึงขอมาเชยชมซะหน่อย

    เขาเดินเรียบทะเลสาบไปเรื่อยๆ จนปรากฏภาพหญิงสาวช่างภาพที่เอาแต่สั่งๆๆเขา

    เธอหันหลังให้เขา มองทอดไปบนท้องฟ้าเบื้องหน้า ท้องฟ้าสีส้มเจือด้วยสีชมพูอ่อนนวลตา พระอาทิตย์ดวงกลมกำลังจะลาลับขอบฟ้า ปุยเมฆจับกลุ่มรวมเป็นรูปต่างๆ

    ดรันต์เดินเข้าไปใกล้ช่างภาพสาวที่หน้าหยิกตลอดการถ่ายภาพเขา ตอนนี้ใบหน้าหญิงสาวไม่มีเค้าหยิกงอแม้แต่น้อย ราวกับว่าเป็นคนละคนเลยก็ว่าได้ เขามองเธอสักพักจนสรุปได้ว่าเธอไม่รับรู้ถึงการมาของเขา ดรันต์จึงตัดสินใจเอ่ยออกไป "สวยนะครับ"

    โมนิก้า หันมามองเขาทันที นัยน์ตาสีเขียวของเธอดูลุกแววขึ้นชั่วขณะก่อนจะกลับมาเป็นปกติ "ค่ะ สวยมาก"

    หลังจากรับรู้การมาของบุคคลใหม่ ทั้งคู่ก็ตัดสินใจโดยพร้อมเพรียงกันว่าไม่ต้องคุยอะไร ขอกินบรรยากาศสวยๆก่อน...

    พระอาทิตย์หมดหน้าที่ผลัดไม้แห่งภาระให้พระจันทร์แทน โคมไฟริมสวนติดขึ้นยังผลให้ คนทั้งสองมองเห็น หญิงสาวที่เดินมาทางพวกเขา

    "แฟน คุณเหรอ" โมนิก้า ถาม

    "ผมก็อยาก ให้เป็นอย่างนั้น" ดรันต์ตอบพร้อมกับมองออกไปยังร่างบางที่คาดว่าคงจะเดินมาตามเขา

    "แล้วทำไมไม่เป็นอย่างนั้นล่ะ" เธอยังคงซักต่อ เพราะดูจากระยะทางแล้วอีกสักพักกว่าหญิงสาวจะเดินมาถึงที่ที่เธออยู่

    "เค้าบอกผมว่า ผมเป็นน้องชายสุดที่รักของเขา" เพราะความมืดที่แสงสลัวๆจากโคมไฟไม่สามารถสู้ได้ทำให้ช่างภาพสาวไม่เห็นดวงตาที่เศร้าสร้อยของชายหนุ่มที่เป็นนางแบบของเธอ

    "เธอแก่กว่าคุณกี่ปี"

    "6"

    "ไม่มากนี่" หญิงสาวออกความเห็น

    "สำหรับผม ผมก็ว่ามันไม่มาก แต่สำหรับเธอ... ผมก็ไม่รู้" ดรันต์ หันไปยิ้มให้โมนิก้าก่อนจะชวนให้กลับโต๊ะทานข้าวเพราะ นัท เดินมาใกล้ถึงพวกเขาแล้ว "ไปกันเถอะครับ มิสโมนิก้า กับข้าวคงจะมาแล้ว คุณนันท์เลยเดินมาตาม"

     

    "ฉันก็ว่าอย่างนั้น" เธอตอบแล้วทั้งสองก็เดินไปหาหญิงสาวที่อุตสาห์เดินมาตามจากนั้นก็พากันกลับไปยังโต๊ะอาหารที่ปล่อยให้เจ้าภาพนั่งรออยู่คนเดียว

    อาหารหน้าตาน่ารับประทานวางอยู่เต็มโต๊ะ แต่ดรันต์ดูจะไม่ค่อยเจริญอาหารนักในวันนี้ เขากำลังงงกับการกระทำของตัวเองเมื่อครู่ที่ผ่านมา

    เรื่องส่วนตัวแท้ๆ พูดออกไปทำไมนะ

    โมนิก้าเป็นใคร เพื่อนสนิทเหรอ... คนคุ้นเคยเหรอ... ไม่ใช่

    เธอก็เป็นแค่คนแปลกหน้าที่รู้สึกเหมือนจะคุ้นเคยก็เท่านั้น



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×