ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    sea board

    ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ

    • อัปเดตล่าสุด 8 เม.ย. 49




                    ในคืนที่มืดไร้ดวงดาว กลับปรากฏดวงจันทร์เด่นอยู่กลางฟ้า สวนสาธารณะที่ไม่น่าจะมีใครแล้ว มีเด็กสาวนั่งอยู่บนเก้าอี้ยาวใต้ต้นไม้ ดวงตาสีน้ำทะเลมองสีเหลืองนวลของจันทร์เต็มดวงอย่างไม่กระพริบ ทว่าเหม่อลอย

    เธอมักจะมานั่งที่นี่เสมอ เวลาที่ไม่มีใคร บรรยากาศเปลี่ยวๆกลับเป็นที่ๆสามารถสงบใจได้อย่างไม่น่าเชื่อ มือน้อยๆลูบคลำกล้องตัวโปรดสีดำสนิท..สิ่งสุดท้ายที่พ่อทิ้งไว้ให้เธอ

    'เมลานีเธอว่าไหม...วันนี้ดวงจันทร์ช่างสว่าง..ถึงแม้กลางคืนจะมืดเพียงใด แต่เพราะมีจันทร์อยู่ ฟ้าถึงได้ไม่เปล่าเปลี่ยว' ริมฝีปากเรียวกระซิบซาบ..เบา..จนแทบไม่ได้ยินเสียง

    เมลานี คือชื่อที่เธอตั้งให้กล้องตัวนี้ตามสีผิวดำขลับของมัน

    เด็กสาวกอดกล้องไว้แน่น นึกถึงความสูญเสียที่ผ่านมาตลอดชีวิต16ปีของเธอแล้วให้ความรู้สึกขมขื่น..ทุกคนทิ้งเธอไปหมด..เหลือเพียงกลุ่มคนที่เธอไม่สามารถจะเรียกได้ว่าเป็นครอบครัวได้

    เธอเกิดมาทำไมนะ..ในเมื่อไม่มีใครต้องการ..

    โมนิก้าลุกขึ้นออกเดิน กลับบ้านที่ไร้ซึ่งความอบอุ่น ตั้งแต่คุณน้าที่ไม่ได้มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดสักนิดกับเธอ เห็นว่าเธอมีนิสัยเก็บตัวไม่พูดไม่จา และมักออกไปข้างนอกจนดึกดื่นทุกคืนก็มอบหน้าที่ปิดบ้านช่องให้โดยไม่เคยเอ่ยปากถามสาเหตุที่เธอกลับค่ำทุกคืน

    แว้... อุแว้...อุแว้..

    โมนิก้าได้ยินเสียงแผ่วเบาดังมาจากที่ไหนสักที่..น่าแปลก..เธอรู้สึกได้ว่าเสียงนั้นช่างเป็นเสียงที่ เรียกร้อง..โหยหา..และเศร้าสุดประมาณ หากแต่กลับเติมเต็มความรู้สึกบางอย่างของเธอ

    ..เธอไม่ได้อยู่ที่นี่คนเดียว..

    'เด็กทารก' โมนิก้าร้องในใจหลังจากหาต้นเสียงจนพบ  'เด็กทารกเพศหญิง..ใครกันนะ มาทิ้งเอาไว้'

    ราวกับเป็นพรหมลิขิตที่ทำให้เธอได้มาพบเด็กน้อยที่มีชะตากรรมคล้ายเธอเช่นนี้

    ..เด็กที่ถูกทอดทิ้ง...เด็กที่ไม่มีใครต้องการ..

    "ไม่เป็นไรนะ ...ไม่เป็นไรแล้ว เธอไม่ต้องอยู่คนเดียวอีกต่อไปแล้ว" โมนิก้าสะพายกล้องแล้วค่อยๆช้อนเด็กทารกขึ้นมาไว้ในอ้อมกอด เด็กน้อยหยุดร้องคล้ายกับจะเข้าใจคำพูดของเธอ  ..เมื่อครู่ อาจเป็นการบอกกับตัวเธอเองก็ได้ บอกหัวใจที่ร่ำให้อยู่เงียบๆ..เธอไม่ได้อยู่คนเดียวอีกแล้ว โมนิก้าถอดเสื้อคลุมของเธอมาห่อทารกน้อยไว้อีกชั้นหนึ่ง ความเย็นของอากาศทำให้เด็กเป็นไข้ ตัวร้อนจนน่าตกใจ

    แล้วเธอก็เงยหน้ามองฟ้า น้ำตาไหลรินราวกับจะช่วยชำระความเศร้าให้หมดไปจากใจ

    "ฉันจะดูแลเธอเอง เซลีน"

    ////////////////////////////////////////////

                ในวันเดียวกัน ใต้ผืนฟ้าเดียวกัน แต่ต่างด้วยแผ่นดินที่พำนัก ในสวนหย่อมหน้าโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในเมืองหลวงของประเทศไทย ปรากฏเด็กหนุ่มวัย 14 ปี ที่ยืนอยู่อย่างโดดเดี่ยวไร้วิญญาณอันเป็นเสมือนสิ่งกำหนดการกระทำ เม็ดฝนที่พรำตกลงมาบดบังการทอแสงของดวงอาทิตย์ยามเช้า แต่ละหยาดที่ต้องตัวตอกย้ำความรู้สึก...ความสูญเสียแรกที่เขาเพิ่งเคยได้สัมผัสรับรู้

              เจ็บ

                    เจ็บในใจ

                    เจ็บในใจอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

                    ทั้งๆที่รู้อยู่เต็มอกว่ามันเป็นเรื่องเกินกว่ากำลังของเขาที่จะกำหนดกฎเกณฑ์ได้ แต่ด้วยความเป็นเด็กที่ผ่านโลกมาเพียง 14 ปี รวมกับความไม่เคยชินกับการสูญเสีย ทำให้เขาตอกย้ำ ขุดหลุมฝังตัวเองกับความรู้สึกผิด ความรู้สึกเศร้า

                    เด็กชายดรันต์ ศิริพงศ์ หมดแรงทรุดร่างลงกับพื้นหญ้าแฉะ มือทั้งสองข้างถูกใช้เป็นเครื่องค้ำยันร่างไม่ให้ล้มไปกองกับพื้น ดวงตาที่มักจะปรากฏแววรื่นเริงอยู่เป็นนิจหม่นลงไม่สื่อแววใดๆ ภาพต้นหญ้าสีเขียวอ่อนพร่ามัว เนื่องด้วยหยาดน้ำใส จากฟากฟ้า และจากจิตใจของเขา

              ผู้คนที่มาทำกิจ ณ  โรงพยาบาลแห่งนี้ ต่างมองเด็กชายร่างโปร่งที่แทบจะคลุกอยู่กับดินโคลนกลางสายฝน ความรู้สึกเศร้าสูญเสียแผ่ขยายไปยังจิตใจของคนเหล่านั้น ความรู้สึกสงสารก่อเกิดขึ้น... ทั้งๆที่ไม่ใช่เครือญาติ ทั้งๆที่ไม่ใช่คนรู้จักมักคุ้น...

              "อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!!!!!!!!!!!!!" เสียงตะโกนลั่นสนั่นโรงพยาบาล สถานที่ซึ่งควรจะสงบเงียบ หากแต่ไม่มีผู้ใดเข้าไปตำหนิเจ้าของเสียง ซ้ำยังอยากจะร่วมตะโกนให้ร่างเด็กหนุ่มนั้นได้คลายทุกข์ลงบ้าง

                    "ทำมายยยยยยยยยยยยย ทำไมมมมมมมมมมม  ฮืออออออ   ฮืออออออออออออออ" คำถามเดียวกันนี้ที่ออกมาจาก ดรันต์ ไม่ต่ำกว่า 100 ครั้งแล้วในวันนี้....

              ตุบบบบ!!!!

              ดรันต์ ปลดปล่อยแรงเฮือกสุดท้ายไปกับคำถามเดิมที่ไม่มีผู้ใดตอบ... ร่างกายนอนลงแนบกับพื้นหญ้าและโคลนดินอย่างไม่สนใจความสกปรกหรือสิ่งแปลกปลอมใดๆ ก่อนที่สติจะดับลง ก่อนที่ดวงตาจะไม่ยอมรับภาพ สมองก็ยังคงสั่งความคิดย้ำบาดแผลในใจ...

    "ชั้นเป็นคนทำ...เป็นคนทำเอง..."

    ภาพต้นไม้ต้นหญ้า ดับวืด ถูกแทนที่ด้วยความดำมืดเหมือนพลังชีวิตจะขาดหายไปชั่วขณะ เหมือนร่างกายร้องบอกขอเติมพลังบ้าง ดรันต์ หมดสติไปพร้อมกับจิตใจที่มีอาการสาหัส... ที่ไม่มีใครรู้ถึงความเจ็บปวดนั้น

    ...

    ...

    ...

    กลิ่นยาฆ่าเชื้อ ลอยมาปลุก ดรันต์ ศิริพงศ์ ให้ตื่นจากการเติมพลังให้ร่างกาย สีขาวโพลนเป็นสิ่งแรกที่เข้ามายังนัยน์ตาสีดำสนิทที่ยังมีคราบน้ำตาแห้งกรังติดอยู่ เขากระพริบตาถี่ๆเพื่อให้สามารถรับภาพเบื้องหน้าให้ชัดเจนขึ้น

    ข้างกายปรากฏร่างบุพการีที่ดวงตาทั้งสองคู่บวมแดงและเศร้าสร้อยแต่ก็ยังมีแววแห่งความเป็นห่วงเขาอยู่ ตอกย้ำความจริงที่เขาอยากแสนอยากให้เป็นเพียงความฝัน...

    "ทำไม....." เสียงพร่าเบาของดรันต์ดังมาก่อนน้ำตาลูกผู้ชายอีกระลอกจะเอ่อทะลักออกมา

                   


             

                   

                   

                   

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×