ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic TVXQ] +:-= Because of Love =-:+ [Yaoi]

    ลำดับตอนที่ #24 : 12 - 02 - 14 : สัญญานะว่าอ่านแล้วจะไม่ล้อผม

    • อัปเดตล่าสุด 29 ก.พ. 55


     

     

     

     

    14  กุมภาพันธ์  2012

     

     

                วันนี้มีหลายเหตุการณ์มากมายเลยล่ะครับ  ผมไม่รู้จะเริ่มเขียนจากตรงไหนก่อนดีเลยนะเนี่ย  เพราะมันตีกันในหัวผมไปหมดเลย  แถมยิ่งคิดก็ยิ่งอายด้วย  (อันนี้ประเด็นสำคัญ)  ผมอยากอ้างว่าเป็นเรื่องส่วนตัวแล้วไม่พิมพ์เล่ารายละเอียดจัง  แต่ก็กลัวคำขู่ของคนแถวนี้ที่บอกว่าจะตามฆ่าผมอ่ะ  ได้โปรดอย่าตามหาตัวผมเลยฮะ  ขอผมอยู่ในมุมหลืบเงียบ ๆ ต่อไปเถอะ

     

                งั้น...  เอาล่ะ  ผมจะเล่าต่อจากเมื่อวานก่อนก็แล้วกัน

     

                หลังจากที่ผมต้องเก็บกระเป๋าไปอยู่ห้องยุนโฮ  (ด้วยความจำใจผสมเอ๋อ ๆ)  พวกเราก็จับเข่านั่งคุยกัน  ยุนโฮสั่งให้ผมคุกเข่าลงตรงหน้าเขา  และเพราะยุนโฮยังไว้หนวดเคราน่ากลัว  ผมก็เลยเผลอปฏิบัติตามอย่างว่าง่าย  แต่ท่าทางมันก็แปลก ๆ ใช่ป่ะล่ะ  เหมือนเป็นผมที่โดนทำโทษยังไงก็ไม่รู้  และก็เป็นไปตามคาดด้วย  ยุนโฮเริ่มจับผมสอบสวนซะงั้นแน่ะ!

     

                ทุกคนรู้มั้ย  นายหมีนั่นถามผมละเอียดยิบมาก  ทั้งเรื่องชางมิน  ไปเก็บมาจากไหน  ตั้งแต่เมื่อไหร่  มีใครเป็นเจ้าของ  ทำไมต้องมา  ทำไมต้องอยู่  แล้วทำไมยังไม่ไป  ยุนโฮถามทุกอย่างแม้กระทั่งผ้าขนหนูผืนนั้นที่ชางมินพันออกมาจากห้องน้ำว่าเป็นของผมหรือของเด็กนั่น

     

                ทำไมเขาต้องถามละเอียดยิบขนาดนั้นด้วยฮะ

     

                แล้วทำไมผมต้องตอบทุกคำถามแบบไม่หมกเม็ดด้วยนะ

     

                แล้วประเด็นอ่อนไหวอันต่อมาที่คุณชายมีหนวดเล่นงานผมอย่างคอมโบก็คือเรื่องข่าวลือในมหาลัย  อันนี้ผมก็สงสัยเหมือนกันแหละว่ายุนโฮรู้ได้ยังไง  เขาไม่ได้ไปเรียนเลยนี่  แต่ยุนโฮก็ตอบว่าเพราะมีเพื่อนโทรมาบอก  แถมยังมีหน้ามาถามต่ออีกว่าจะเป็นไรไหมหากขอจีบผมต่อ  เพราะงั้นความผิดผมจึงเพิ่มเป็นห้ากระทงขึ้นมาทันที  (ซะงั้นอ่ะ)

     

                แต่หลังจากเจอเค้นหนัก ๆ เข้า  ผมก็เริ่มได้สติฮะ  ทำไมผมต้องมานั่งคุกเข่าโดนสอบสวนด้วยล่ะ  มันใช่เรื่องเหรอ  มันใช่เรื่องของผมเหรอ  ความผิดผมรึก็เปล่า  แล้วทำไมยุนโฮต้องมาเหมาว่าผมผิดด้วยล่ะ

     

                “เดี๋ยวก่อนนะ  แล้วทำไมนายต้องสนด้วยว่าคนอื่นเขาจะลือเรื่องเรายังไง”  ผมถามออกไปตรง ๆ

     

                “แล้วทำไมเราถึงไม่ควรสนล่ะ”  เวลาคุยกับยุนโฮแล้วผมรู้สึกเหมือนต้องแปลเกาหลีเป็นเกาหลีอีกทีทุกทีเลย

     

                “ก็... ก็เราไม่ได้เป็นอะไรกัน.....  โอ๊ย!  ยุนโฮดีดหน้าผากผมอีกแล้วอ่ะ  เจ็บมาก

     

                “ทำไมคิดอย่างนั้นฮะ”  เขานั่งกอดอกตีหน้ายักษ์ท้องผูกใส่ผม  “ห้ามนายคิดแบบนั้นอีก”

     

                “แต่เราไม่ได้เป็นจริง ๆ นี่.....  โอ๊ย!!

     

                “ฉันกำลังคิดแล้วนะว่านายชอบความซาดิสต์”  ผมว่ายุนโฮต่างหากที่เป็นมาโซคิสต์น่ะ!  ดีดเอา ๆ  คนเจ็บตัวน่ะผมทั้งนั้น  แถมดีดซ้ำที่เดิมตลอดเลย  ดีดแม่นก็ไม่บอก  ชิส์  “บอกว่าห้ามพูดไง  คิดก็ห้ามด้วย”

     

                “แต่.....  ไม่พูดแล้ว ๆ ๆ”  ผมยั้งปากตัวเองแทบไม่ทันเมื่อยุนโฮตั้งท่ายกนิ้วขึ้นมาจะดีดใส่หน้าผากผมอีกหน  ฮือ  ผมแค้นใจนะเนี่ย  อย่าให้ตัวโตบ้างก็แล้วกัน  ผมช้อนตาขึ้นมองเขาอย่างอาฆาต  แต่ยุนโฮก็ไม่สะทกสะท้านแต่อย่างไร  ผมก็เลยยิ่งแค้นหนัก  แต่ก็ยังทำอะไรไม่ได้อยู่ดีนอกจากอมลมเข้าปากเป็นปลาปักเป้า  ทุกคนว่าท่านี้จะทำให้ยุนโฮกลัวผมได้มั้ยฮะ

     

                “ทำไมถึงคิดงั้น”  อยู่ดี ๆ ยุนโฮก็ถามอะไรไร้ประเด็นขึ้นมาอีกแล้ว

     

                “คิดอะไร”

     

                “ก็ที่เรา...  เฮ้อ  ช่างมันเถอะ  ไปเก็บเสื้อผ้าไป”  ยุนโฮโบกมือไล่ผม  อะไรอ่ะ  ผมยังไม่เคลียร์เลยนะ

     

                “เดี๋ยวสิ  แต่นายยังไม่เล่าเรื่องของนายเลยนะ  ขี้โกงนี่”  ใช่ไหมล่ะ  ตั้งแต่มาถึงห้องเนี่ย  ยุนโฮก็เป็นฝ่ายถามผมตลอดเลย  นี่ก็เย็นแล้ว  ผมยังไม่ได้รู้เรื่องของเขาเพิ่มขึ้นแม้แต่นิดเดียวเลยนะ

     

                “ถ้าฉันเล่าก่อนตอนนี้  แล้วมีอะไรรับประกันว่านายจะไม่หนีกลับห้อง?”

     

                “เออ  ไอเดียดีเนอะ”  ทำไมผมคิดไม่ถึงนะ

     

                “เดี๋ยวเถอะ”  ยุนโฮชักหน้าดุใส่ผมอีกแล้วอ่ะ  ตั้งแต่กลับมาดูเขาจะโหด ๆ ขึ้นยังไงก็ไม่รู้  ฮึ่มมมม  ผมเริ่มชั่งใจแล้วล่ะว่าระหว่างยุนโฮหน้าหมีกับชางมินปากเป็ดเนี่ย  ผมควรเอาชีวิตไปแขวนไว้กับใครมากกว่ากัน

     

                พูดถึงชางมิน  ไม่รู้ป่านนี้จะเป็นยังไงมั่ง  ผมเขียนโน้ตทิ้งไว้แค่ว่าให้ชางมินกินอยู่ตามสบาย  แต่ถ้ามีอะไรก็เคาะประตูห้องตรงข้ามแล้วกัน  แต่เหมือนชางมินที่กลับมาแล้ว (ผมได้ยินเสียงเปิดประตู) จะไม่สนใจไยดีเจ้าของห้องอย่างผมเลย  เด็กนั่นกำลังขลุกอยู่กับของเล่นของตัวเองอยู่แน่ ๆ   อืมมม  ผมว่ามันก็เย็นแล้วด้วย  ชางมินจะกินข้าวเย็นรึยังนะ

     

                “จะไปไหน”  ยุนโฮถามขึ้นเมื่อเห็นผมตั้งท่าจะเปิดประตูออกไป

     

                “ทำกับข้าวให้ชางมิน”

     

                “แล้วฉันล่ะ”

     

                “เอ่อ... งั้นเดี๋ยวทำอีกรอบก็ได้”

     

                “ทำที่นี่  ห้องฉันนี่แหละ”

     

                “อ้าว  แล้วชางมิน...”

     

                “เดี๋ยวฉันยกไปให้ชีเปลือยเอง”

     

                ผมจนปัญญาจะเถียงใส่  เพราะยุนโฮทำท่าเหมือนทั้งหมดเป็นความผิดผม (อีกครั้ง)  มันน่าน้อยใจนะ  เหมือนผมทำอะไรก็ผิดไปหมดเลย  เพิ่งรู้นะเนี่ยว่ายุนโฮเป็นคนอาฆาตแรง  ดูท่าเขาจะไม่อยากให้ผมเข้าใกล้ชางมินเอามาก ๆ   สงสัยจะไม่ถูกโฉลก  ว่าง ๆ ผมต้องเอาดวงสองคนนี้มาผูกกันหน่อยแล้ว  ไม่งั้นคนที่ซวยก็มีแต่ผมนี่แหละ

     

                และพอผมค้นห้องยุนโฮหาอะไรมาทำกิน  ก็ปรากฏว่าไม่มีอะไรให้ทำเลยสักอย่าง  แต่ก็ไม่แปลกใจอีกนั่นแหละ  ยุนโฮไม่อยู่ห้องตั้งนาน  จะมีของสดหลงเหลืออยู่ได้ยังไง  พวกเราก็เลยต้องออกไปซื้อของที่ซุปเปอร์กันอีกครั้ง  การขี่มอเตอร์ไซค์ฝ่าลมหนาวออกไปเป็นอะไรที่ทรมานมากเลยฮะ  ผมก็เลยมุดหลังยุนโฮสุดฤทธิ์  เรียกได้ว่าหลบเท่าที่จะหลบได้  ยุนโฮอยากซื้อของนัก  งั้นก็เป็นคนแบกหน้าท้าลมหนาวไปเถอะ  หลังเขาอุ่นกว่าเยอะเลย

     

                กว่าพวกเราจะช้อปกันเสร็จ  และกว่าจะขี่มอเตอร์ไซค์กลับมาอีก  เวลาก็ปาเข้าไปสามทุ่มกว่าแล้ว  หน้าห้องยุนโฮมีโพสต์อิทแปะไว้ด้วย  ชางมินแหง ๆ ล่ะ  สงสัยจะเคาะแล้วไม่มีใครเปิดก็เลยเขียนโน้ตทิ้งไว้  และก็แน่ล่ะ  ไม่มีความห่วงใยถึงผมอีกแล้ว  เด็กนั่นเขียนบอกแค่ว่ากินมาม่าหมดแล้ว  นี่ผมจำได้ว่าเพิ่งซื้อมาตุนสิบห่อเมื่อเช้าเองนะ  ไอ้เป็ดนั่นมันกินหรือเอาไปทำแหล่งพลังงานขีปนาวุธเนี่ย

     

                และกว่าจะจัดการอะไรต่อมิอะไรเสร็จ  ก็ปาเข้าไปห้าทุ่ม  ยุนโฮถามผมว่าจะโกนหนวดให้เขาเลยหรือรอพรุ่งนี้เช้า  ด้วยอารามหวาดกลัวหน้าจอมโจร  กำจัดมันให้เร็วที่สุดคืออุดมการณ์ของผมอยู่แล้ว  ผมก็เลยจัดการโกนหนวดให้เขาต่อ  แล้วก็ต้องมาโกรธตัวเองทีหลัง  เพราะยุนโฮตอนหน้าเกลี้ยงทำผมใจเต้นหนักกว่าเดิมอีกอ่ะ  ฮือ  นี่ก็ดึกแล้วด้วย  ใกล้ได้เวลานอนอีกต่างหาก  ทำไมผมไม่โกนให้เขาพรุ่งนี้นะ  อ๊าก ๆ ๆ

     

                “เอ่อ... ฉันนอนพื้นก็ได้นะ”  มาถึงตรงนี้ผมเริ่มกลัวใจตัวเองจริง ๆ จัง ๆ แล้วล่ะ  ห้องยุนโฮก็เหมือนห้องผมนั่นแหละ  หอพักธรรมดา ๆ ที่มีเตียง  ตู้  แล้วก็โต๊ะ  ไอ้พวกโซฟายาว ๆ อะไรนั่นไม่มีที่ไว้หรอกฮะ  เพราะงั้นถ้าไม่นอนเตียง  ผมก็ต้องนอนพื้นแข็ง ๆ นี่แหละ

     

                “หนาวจะตาย”  ยุนโฮก็เพิ่งจัดกระเป๋าของเขาเสร็จเหมือนกัน  (เสื้อผ้าที่เขาขนกลับมาน่ะฮะ)

     

                “ไม่เป็นไร  ฉันนอนได้”  ผมกัดฟันตอบกลับไปด้วยน้ำตาตกใน

     

                “นายนอนได้  แต่ฉันไม่ให้  ขึ้นเตียงไปเดี๋ยวนี้”

     

                “ยุนโฮอ่า”

     

                “ขึ้นไป”  เขาชี้นิ้วสั่งผมด้วยท่าทางวางอำนาจประหนึ่งเจ้านาย  ผมเริ่มรู้สึกว่าตัวเองมีปลอกคอนิด ๆ แล้วล่ะ  ไม่ตลกเลยนะฮะ  ทุกคนที่กำลังอ่านอยู่ไม่ต้องมาหัวเราะผมเลย

     

                “ฉันไม่ใช่ลูกหมานะ”

     

                “แล้วจะขึ้นไม่ขึ้น”

     

                “ยุนโฮ!  ผมร้องประท้วง  วินาทีนั้นคืออยากหนีกลับห้องมาก ๆ ๆ ๆ ๆ ที่สุดเท่าที่จะมากได้  นี่เขาจะขู่เข็ญให้ผมหน้าแดงไปถึงไหนเนี่ย  ถ้าไม่ติดว่าอยากรู้นะ  ถ้าผมไม่ติดว่าอยากรู้ความจริงนะ  ฮือ!!  “แต่...  แต่.....  แต่ฉันนอนดิ้นนะ!

     

                “ขึ้นไป”  ยุนโฮไม่สะทกสะท้านอีกแล้ว  เขาเป็นหมีตัวผู้ที่ใจแข็งมาก  “จะขึ้นดี ๆ หรือให้ฉันอุ้ม”

     

                “อะ.. อุ้ม!?  ผมยกมือปิดหน้าแทบไม่ทัน  ยุนโฮรวววววว!!

     

                “ไม่พูดเป็นหนที่สองนะ”  ยุนโฮที่ล็อกประตูห้องเรียบร้อยเดินย่างกรายเข้ามาหาผม  อารมณ์เหมือนเพชรฆาตกำลังจะเชือดหมูในโรงฆ่าสัตว์มากเลยฮะ  นี่ผมหนีเสือปะจระเข้ชัด ๆ   ผมหนีเป็ดน้ำมาเจอหมีป่าทำไมเนี่ย!!

     

                “ขึ้นแล้ว ๆ ๆ”  ผมกระวีกระวาดปีนขึ้นเตียงแทบไม่ทัน  คนอะไรดุชะมัด!

     

                ยุนโฮกระตุกยิ้มพอใจ  ใช่เซ่ไอ้คนเอาแต่ใจ!  เขาหมุนตัวกลับไปปิดไฟ  ห้องก็เลยมืดอีกครั้ง  มีเพียงแสงจันทร์สลัว ๆ ที่ทะลุผ่านม่านหน้าต่างลงมาบาง ๆ ให้พอเห็นว่าอะไรเป็นอะไรเท่านั้นเอง  ผมรีบซุกตัวหันหน้าเข้าหาผนัง  ยึดเตียงฝั่งนี้เป็นฐานที่มั่นสุดฤทธิ์

     

                เตียงฝั่งยุนโฮไหวโยกเบา ๆ ให้รู้ว่าเขาเองก็ขึ้นมานอนบนเตียงแล้ว  ผมงี้ใจเต้นม่ากกกกกก  แทบจะควักออกมาแช่ช่องฟรีชแล้วครับ  กลัวมันทำงานหนักเกินไป  เดี๋ยวได้ตายก่อนแก่  นี่ยุนโฮทำผมอายุสั้นลงนะเนี่ย

     

                “ห่มด้วยสิ”  ยุนโฮทำเสียงดุอีกรอบ  แต่ก็เป็นฝ่ายห่มผ้าห่มให้ผม  นี่เขาจะทำให้ผมช็อกตายให้ได้เลยใช่ไหม  ศัพท์ที่ฮิต ๆ กันช่วงนี้คืออะไรนะฮะ  ฟิน?  ใช่คำว่าฟินมั้ย?  เพราะมันอยากตะโกนออกมาดัง ๆ มากว่าฟินนนน!  (แม้จะไม่เข้าใจความหมายของมันก็ตาม)

     

                พวกเรานอนกับเงียบ ๆ อยู่อย่างนั้นนานมาก  ยุนโฮคงหลับไปแล้วล่ะ  แต่กับผมนี่สิ!  จะให้ผมหลับลงได้ยังไง!!  ถึงเราจะเป็นผู้ชายเหมือนกัน  แต่...  แต่ว่า...  ผมรู้ตัวแล้วนี่นาว่าผมชอบเขาอ่ะ!!

     

                ผมอยากนอน

     

                เพราะพรุ่งนี้ผมต้องไปช่วยคณะยุนโฮขายของวันวาเลนไทน์

     

                ผมอยากหลับเอาแรงมาก

     

                แต่ยุนโฮก็ทำผมนอนไม่หลับ... 

     

                “ยุนโฮ...”  ผมลองหยั่งเชิงเรียกชื่อเขา  แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับ  เหมือนเขาจะหลับไปแล้ว  ขี้โกงอีกแล้วอ่ะ  ทำไมเขาถึงหลับง่ายหลับลึกหลับสบาย  แล้วทิ้งผมให้ตาสว่างแบบนี้ล่ะ!

     

                แต่เพราะมั่นใจแล้วว่ายุนโฮหลับ  ผมก็เลยค่อย ๆ พลิกตัวไปหาเขา  ไม่อยากจะแซ่ดว่ายุนโฮตอนหลับนี่หล่อสุด ๆ ไปเลยอ่ะ  (ก็ผมโกนหนวดให้เขาแล้วนี่)  มองเผิน ๆ นึกว่าเทพบุตร  ผมไม่แปลกใจเลยล่ะที่นิสัยเพี้ยนขนาดนี้ยังมีกลุ่มแฟนคลับเป็นหมู่คณะได้อีก  น่าหมั่นไส้ชะมัด  น่าอิจฉาด้วย  ทำไมผมไม่เกิดมาหล่อแบบเขาบ้างนะ

     

                และเพราะอะไรดลใจไม่รู้  ผมเริ่มอยากเห็นยุนโฮใกล้ ๆ   อยากรู้ว่าขนตาเขายาวจริงหรือแค่คิดไปเอง  ก็ยุนโฮหลับไปแล้วนี่  ผมไม่ได้ฉวยโอกาสอะไรซักหน่อย  ผมสัญญาว่าจะเขยิบเข้าไปเงียบ ๆ ไม่ปลุกให้เขาตื่นแน่นอน

     

                ผมก็เลยยื่นหน้าเข้าไปใกล้เขาขึ้นเรื่อย ๆ   ยุนโฮคิ้วเข้มมากกกก  ปากก็แอบห้อยเหอะ  ที่แท้ก็ไม่ได้สมบูรณ์แบบไปทุกส่วน  เฮ้อ  ค่อยยังชั่ว  ดูแล้วค่อยเป็นคนขึ้นมาหน่อย  แต่นี่ผมกลายเป็นคนเพ้อเจ้อไปแล้วรึเปล่าฮะ  เหมือนผมกำลังลวนลามคนหลับเล็ก ๆ แฮะ  แต่เอ๊ะ  ผมไม่ได้แตะต้องตัวเขาเลยนะ  แค่ใช้สายตาพิจารณาเฉย ๆ เอง

     

                ใช่  ผมไม่ได้แตะต้องตัวเขา

     

                แต่ตอนที่ผมกำลังจะพลิกตัวกลับ

     

                แขนหนัก ๆ ของยุนโฮก็คว้าเอวผมเข้าไปกอดเฉยเลย!!

     

                “ยะ... ยุน!  ผมยั้งปากไม่ให้ตะโกนไว้ทัน  เพราะยุนโฮแค่นอนละเมอหรือไม่ก็นอนดิ้น  ถ้าผมเสียงดัง  ยุนโฮตื่นแน่ ๆ   แล้วผมก็จะทำหน้าไม่ถูกด้วย  มาถึงตรงนี้ผมอาจกระโดดหน้าต่างออกไปเลยก็ได้  มันเขินจริง ๆ นะ  คือผมอายมาก  มันไม่เหมือนตอนที่ยุนโฮโอบเอวผมตอนโกนหนวดด้วย  อารมณ์มันต่างกันอ่ะ  มันต่างกันมาก  โอ๊ย  ผมจะอธิบายเป็นภาษาคนยังไงดีเนี่ย  แต่ที่แน่ ๆ ก็คือหัวใจผมทำงานหนักอีกแล้ว!

     

                ผมพยายามดันแขนยุนโฮออกท่ามกลางความเงียบ  แต่ก็กลายเป็นว่าไปกระตุ้นให้ยุนโฮกอดผมแน่นกว่าเดิมอีก  หัวผมแทบจะซุกลงไปที่หน้าอกเขาได้อยู่แล้ว  (บ่งบอกความเตี้ยของผมเลยสินะ)  นี่ผมจะทำยังไงดี  นี่ผมควรจะทำยังไงดี๊ดดดด!!

     

                แล้วในตอนที่ผมกำลังหยุกหยิกอยู่ไม่สุขนั่นเอง

     

                ผมสาบานได้เลย  ผมกล้าสาบานได้เลยว่าไม่ได้หูฝาดไปเอง

     

                แต่ยุนโฮพึมพำออกมาเบา ๆ ด้วยน้ำเสียงดุ ๆ ตามสไตล์ของเขาว่า...

     

                “นอนได้แล้ว”

     

                ..........................

     

                ..........................

     

                ..........................

     

                สมองผมพังอีกแล้วครับท่านผู้อ่าน  คราวนี้ไหม้เป็นจุลเลยมั้ง!  ตกลงว่ายุนโฮยังไม่นอนใช่มั้ย  ตกลงว่ายุนโฮไม่ได้นอนดิ้นหรือว่าละเมอด้วยใช่มั้ย!  แล้วเขาจะมากอดผมทำไมเนี่ย!  แถมเขาก็ต้องรู้ด้วยใช่ไหมที่ผมนอนจ้องหน้าเขาเมื่อกี้น่ะ!!

     

                ผมมีคำถามอยู่ล้านแปด  แต่ก็ไม่กล้าถามอะไรออกไปสักอย่าง

     

                เพราะผมกลัวคำตอบของยุนโฮจะทำให้หัวใจผมทำงานหนักมากไปกว่านี้

     

                คราวนี้ผมก็เลยได้แต่หลับตาปี๋  พยายามข่มตาหลับให้จงได้  ไม่รู้ว่ายุนโฮจะได้ยินเสียงหัวใจของผมรึเปล่า  แต่ที่รู้แน่ ๆ ก็คือผมร้อนไปทั้งตัวเลยล่ะฮะ  ฮีตตงฮีตเตอร์นี่ไม่ต้องแล้ว  เพราะตอนนี้ร่างกายผมกำลังทำการเผาตัวเองอย่างบ้าคลั่ง  ยุนโฮหนอยุนโฮ  สมองของเขาทำด้วยอะไรเนี่ย  ทำไมต้องทำอะไรบ้า ๆ แบบนี้กับผมด้วย  เขากำลังแกล้งผมใช่ไหม  นี่เขากำลังแกล้งผมเล่นใช่ไหม

     

                “ยะ... ยุนโฮ  ฉันอึดอัดนะ”  ผมกระซิบบอกออกไปเบา ๆ

     

                “อือ”  แต่ยุนโฮก็แค่ครางรับในลำคอแล้วกอดผมเหมือนเดิม  นี่ผมแทบร้องไห้แล้วนะ  ผมเขินจนอยากจะร้องไห้แล้ว

     

                “ยุนโฮอ่า...”

     

                “หนาว”  ว่าแล้วเขาก็กอดผมแน่นเข้าไปอีก  โอ๊ยยยยย  ฆ่าผมเลยเถอะ  เอานายชิมชางมินนั่นมาฆ่าผมเลย    บัดนาว  เพราะผมไม่รู้แล้วว่าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนดี  ผมจนปัญญา  ผมหมดคำพูด  ผมหมดแล้วซึ่งเยื่อใยต่อโลกใบนี้  มันน่าอายมากมายมหาศาลจริงจัง  นี่ผมเหลือส่วนไหนที่ยังไม่แตะถูกตัวยุนโฮบ้างมั้ยเนี่ย  เข้าใจนะว่าหนาว  แต่...  แต่มัน...  แต่ว่ามัน.....  งื้ออออออ  ผมบรรยายพรรณนาไม่ถูกแล้วฮะ  เห็นใจผมด้วยเถอะ  ผมพิมพ์อะไรต่อไปไม่ไหวแล้ว  มันน่าอายมากจริง ๆ  ผมเองก็จำไม่ค่อยได้แล้วเหมือนกันว่าผล็อยหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่  แต่รู้ตัวอีกทีก็เป็นช่วงเช้าที่ยุนโฮปลุกผมตื่นซะแล้ว

     

                เห็นแล้วใช่ไหมฮะว่ามันเป็นเรื่องที่น่าอายมากแค่ไหน  เพราะงั้นอย่าเอาเรื่องนี้มาล้อผมเด็ดขาดเลยนะ  ที่ผมกัดฟันพิมพ์มาทั้งหมดเนี่ย  ก็เพราะเห็นว่าทุกคนเป็นคนที่คอยให้กำลังใจผมเสมอมา  และทุกคนก็มีสิทธิ์ที่จะรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่ผมไปนอนค้างห้องยุนโฮ  แต่ห้ามล้อ!  ห้ามล้อเด็ดขาดเลยนะ!!

     

                แต่ตอนนี้ผมต้องรีบตามยุนโฮไปมหาลัยแล้วล่ะ  นายหมีเพิ่งซักเสื้อผ้าที่ไปตระเวนสร้างความลับเสร็จพอดี  เพราะงั้นผมก็คงต้องหยุดพิมพ์ไว้แค่นี้ก่อน  แต่เอะ  วันนี้วันวาเลนไทน์นี่เนอะ  สุขสันต์วันแห่งความรักกับทุกคนนะฮะ  ขอผมไปทำหน้าที่เป็นแมวกวัก (ยุนโฮว่างั้น) ก่อน  ถ้าวันนี้มีอะไรเพิ่มเติม  ผมจะกลับมาเล่าให้ฟังอีกทีก็แล้วกัน  เพราะผมสังหรณ์ใจว่าจะมียังไงก็ไม่รู้ล่ะ  อย่าเพิ่งเอียนเรื่องของผมนะ

     

                ปล. ใครว่าผมมีต่อมเผือกอ่า  เสียใจจัง  T____T  (แต่ผมก็ยังอยากรู้เรื่องของยุนโฮอยู่ดี)

     

     

                แจจุง            

     

     

     

     

     

     

     

     

     

                เป็นตอนที่แต่งไปยิ้มไป  แจจุงน่ารักม่ากกกกกก  ขอเพิ่ม ก.ไก่ อีกแสนล้านตัว  ยุนโฮก็น่ารัก  น่ารักทั้งคู่เลยค่ะ  แบบ... มันเป็นอะไรที่เคมีเข้ากันมากอ่ะ  เคมีมันใช่จริง ๆ กับยุนแจเวอร์ชั่นนี้  ตอนแต่งแรก ๆ นี่ไม่คิดเลยนะว่ามันจะพัฒนามาถึงขั้นนี้ได้  (หมายความว่าไงวะ)  มันเป็นความตรงกันข้ามที่ลงตัวจริง ๆ ค่ะ  รู้สึกเหมือนแจแม่ง...  งุ้งงิ้ง ๆ อยู่นั่นแหละ  แต่ก็น่ารักสไตล์เกาหลี ๆ ยังไงไม่รู้  ฮา  คือถ้าอาซินเป็นยุนโฮนี่คงจับปล้ำไปแล้ว  (บ่งบอกนิสัย)

     

                สำหรับพาร์ทวันวาเลนไทน์  รอพาร์ทหน้านะคะ  ตอนแรกก็ว่าจะแต่งรวบยอดเหมือนกัน  เอาฉากนอนแล้วก็ฉากวาเลนไทน์มาลงในวันเดียวกันเลย  แต่รู้สึกว่ายาวแระ  แค่นี้ก็ยิ้มแก้มปริแล้ว  พอ ๆ ๆ  เก็บไปยิ้มกันต่อพาร์ทหน้าดีกว่า  มาดูกันซิว่าตาหมีจะสร้างปัญหาอะไรให้หนูแจจวงมาฟ้องอีก  (แจจุงเรื่องนี้ลูกช่างฟ้องจริง ๆ ค่ะ (แต่ก็ยังน่ารักจนรำคาญไม่ลง))

     

                แต่อืม...  เรามาพูดกันหน่อยก็ดี  เพราะเหมือนไม่ได้ทอล์กนานแล้ว  อาซินว่าเกมนี้ใกล้จบแล้วล่ะ  หมียุนมันก็รุกซะขนาดนี้  แจเองก็งุ้งงิ้งมาซะขนาดนี้แล้ว  อารมณ์ตอนนี้คือเป็นแฟนกันได้แล้วด้วย  เพราะงั้นอีกไม่นานก็คงจะจบแล้วนะคะ

     

                และต่อไปนี้คือคำถาม

     

                ถ้าเกมนี้จบ...

     

                เราจะทำอะไรกันต่อ?

     

                มีคนเสนอเกมเวอร์ชั่นยุนโฮ  ให้ยุนโฮมาปรึกษาบ้าง  ทำไงดี  ผมชอบเขา  แต่เขาดูกลัวผมจังอะไรทำนองนี้  แต่อาซินว่ามันจะสนุกเหรอ  เราก็รู้เนื้อเรื่องหมดอยู่แล้ว  หรือว่าจะให้เล่นกันต่อกับเวอร์ชั่นแจจุง  เอาแบบเป็นแฟนกันแล้ว  แต่ก็ยังทะเลาะกันจนแจจุงต้องมาตะแง้ว ๆ ฟ้องคนในบอร์ดอีก  หรือ...  หรือ...  หรือถ้าใครมีไอเดียอะไร  จะเสนอมาเลยก็ได้นะคะ  ลงความเห็นกันขำขัน  ยังไงตอนนี้ก็ไม่มีอะไรจะทำกันอยู่แล้ว  ใครอยากได้อะไรก็แนะนำมาเลยค่า  ถ้าอาซินอ่านแล้วคิดว่าน่าสนุก  อาซินก็จัดให้!

     

                ปล. รักคนอ่าน

     

               

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×