คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #24 : 12 - 02 - 14 : สัญญานะว่าอ่านแล้วจะไม่ล้อผม
14 กุมภาพันธ์ 2012
วันนี้มีหลายเหตุการณ์มากมายเลยล่ะครับ ผมไม่รู้จะเริ่มเขียนจากตรงไหนก่อนดีเลยนะเนี่ย เพราะมันตีกันในหัวผมไปหมดเลย แถมยิ่งคิดก็ยิ่งอายด้วย (อันนี้ประเด็นสำคัญ) ผมอยากอ้างว่าเป็นเรื่องส่วนตัวแล้วไม่พิมพ์เล่ารายละเอียดจัง แต่ก็กลัวคำขู่ของคนแถวนี้ที่บอกว่าจะตามฆ่าผมอ่ะ ได้โปรดอย่าตามหาตัวผมเลยฮะ ขอผมอยู่ในมุมหลืบเงียบ ๆ ต่อไปเถอะ
งั้น... เอาล่ะ ผมจะเล่าต่อจากเมื่อวานก่อนก็แล้วกัน
หลังจากที่ผมต้องเก็บกระเป๋าไปอยู่ห้องยุนโฮ (ด้วยความจำใจผสมเอ๋อ ๆ) พวกเราก็จับเข่านั่งคุยกัน ยุนโฮสั่งให้ผมคุกเข่าลงตรงหน้าเขา และเพราะยุนโฮยังไว้หนวดเคราน่ากลัว ผมก็เลยเผลอปฏิบัติตามอย่างว่าง่าย แต่ท่าทางมันก็แปลก ๆ ใช่ป่ะล่ะ เหมือนเป็นผมที่โดนทำโทษยังไงก็ไม่รู้ และก็เป็นไปตามคาดด้วย ยุนโฮเริ่มจับผมสอบสวนซะงั้นแน่ะ!
ทุกคนรู้มั้ย นายหมีนั่นถามผมละเอียดยิบมาก ทั้งเรื่องชางมิน ไปเก็บมาจากไหน ตั้งแต่เมื่อไหร่ มีใครเป็นเจ้าของ ทำไมต้องมา ทำไมต้องอยู่ แล้วทำไมยังไม่ไป ยุนโฮถามทุกอย่างแม้กระทั่งผ้าขนหนูผืนนั้นที่ชางมินพันออกมาจากห้องน้ำว่าเป็นของผมหรือของเด็กนั่น
ทำไมเขาต้องถามละเอียดยิบขนาดนั้นด้วยฮะ
แล้วทำไมผมต้องตอบทุกคำถามแบบไม่หมกเม็ดด้วยนะ
แล้วประเด็นอ่อนไหวอันต่อมาที่คุณชายมีหนวดเล่นงานผมอย่างคอมโบก็คือเรื่องข่าวลือในมหาลัย อันนี้ผมก็สงสัยเหมือนกันแหละว่ายุนโฮรู้ได้ยังไง เขาไม่ได้ไปเรียนเลยนี่ แต่ยุนโฮก็ตอบว่าเพราะมีเพื่อนโทรมาบอก แถมยังมีหน้ามาถามต่ออีกว่าจะเป็นไรไหมหากขอจีบผมต่อ เพราะงั้นความผิดผมจึงเพิ่มเป็นห้ากระทงขึ้นมาทันที (ซะงั้นอ่ะ)
แต่หลังจากเจอเค้นหนัก ๆ เข้า ผมก็เริ่มได้สติฮะ ทำไมผมต้องมานั่งคุกเข่าโดนสอบสวนด้วยล่ะ มันใช่เรื่องเหรอ มันใช่เรื่องของผมเหรอ ความผิดผมรึก็เปล่า แล้วทำไมยุนโฮต้องมาเหมาว่าผมผิดด้วยล่ะ
“เดี๋ยวก่อนนะ แล้วทำไมนายต้องสนด้วยว่าคนอื่นเขาจะลือเรื่องเรายังไง” ผมถามออกไปตรง ๆ
“แล้วทำไมเราถึงไม่ควรสนล่ะ” เวลาคุยกับยุนโฮแล้วผมรู้สึกเหมือนต้องแปลเกาหลีเป็นเกาหลีอีกทีทุกทีเลย
“ก็... ก็เราไม่ได้เป็นอะไรกัน..... โอ๊ย!” ยุนโฮดีดหน้าผากผมอีกแล้วอ่ะ เจ็บมาก
“ทำไมคิดอย่างนั้นฮะ” เขานั่งกอดอกตีหน้ายักษ์ท้องผูกใส่ผม “ห้ามนายคิดแบบนั้นอีก”
“แต่เราไม่ได้เป็นจริง ๆ นี่..... โอ๊ย!!”
“ฉันกำลังคิดแล้วนะว่านายชอบความซาดิสต์” ผมว่ายุนโฮต่างหากที่เป็นมาโซคิสต์น่ะ! ดีดเอา ๆ คนเจ็บตัวน่ะผมทั้งนั้น แถมดีดซ้ำที่เดิมตลอดเลย ดีดแม่นก็ไม่บอก ชิส์ “บอกว่าห้ามพูดไง คิดก็ห้ามด้วย”
“แต่..... ไม่พูดแล้ว ๆ ๆ” ผมยั้งปากตัวเองแทบไม่ทันเมื่อยุนโฮตั้งท่ายกนิ้วขึ้นมาจะดีดใส่หน้าผากผมอีกหน ฮือ ผมแค้นใจนะเนี่ย อย่าให้ตัวโตบ้างก็แล้วกัน ผมช้อนตาขึ้นมองเขาอย่างอาฆาต แต่ยุนโฮก็ไม่สะทกสะท้านแต่อย่างไร ผมก็เลยยิ่งแค้นหนัก แต่ก็ยังทำอะไรไม่ได้อยู่ดีนอกจากอมลมเข้าปากเป็นปลาปักเป้า ทุกคนว่าท่านี้จะทำให้ยุนโฮกลัวผมได้มั้ยฮะ
“ทำไมถึงคิดงั้น” อยู่ดี ๆ ยุนโฮก็ถามอะไรไร้ประเด็นขึ้นมาอีกแล้ว
“คิดอะไร”
“ก็ที่เรา... เฮ้อ ช่างมันเถอะ ไปเก็บเสื้อผ้าไป” ยุนโฮโบกมือไล่ผม อะไรอ่ะ ผมยังไม่เคลียร์เลยนะ
“เดี๋ยวสิ แต่นายยังไม่เล่าเรื่องของนายเลยนะ ขี้โกงนี่” ใช่ไหมล่ะ ตั้งแต่มาถึงห้องเนี่ย ยุนโฮก็เป็นฝ่ายถามผมตลอดเลย นี่ก็เย็นแล้ว ผมยังไม่ได้รู้เรื่องของเขาเพิ่มขึ้นแม้แต่นิดเดียวเลยนะ
“ถ้าฉันเล่าก่อนตอนนี้ แล้วมีอะไรรับประกันว่านายจะไม่หนีกลับห้อง?”
“เออ ไอเดียดีเนอะ” ทำไมผมคิดไม่ถึงนะ
“เดี๋ยวเถอะ” ยุนโฮชักหน้าดุใส่ผมอีกแล้วอ่ะ ตั้งแต่กลับมาดูเขาจะโหด ๆ ขึ้นยังไงก็ไม่รู้ ฮึ่มมมม ผมเริ่มชั่งใจแล้วล่ะว่าระหว่างยุนโฮหน้าหมีกับชางมินปากเป็ดเนี่ย ผมควรเอาชีวิตไปแขวนไว้กับใครมากกว่ากัน
พูดถึงชางมิน ไม่รู้ป่านนี้จะเป็นยังไงมั่ง ผมเขียนโน้ตทิ้งไว้แค่ว่าให้ชางมินกินอยู่ตามสบาย แต่ถ้ามีอะไรก็เคาะประตูห้องตรงข้ามแล้วกัน แต่เหมือนชางมินที่กลับมาแล้ว (ผมได้ยินเสียงเปิดประตู) จะไม่สนใจไยดีเจ้าของห้องอย่างผมเลย เด็กนั่นกำลังขลุกอยู่กับของเล่นของตัวเองอยู่แน่ ๆ อืมมม ผมว่ามันก็เย็นแล้วด้วย ชางมินจะกินข้าวเย็นรึยังนะ
“จะไปไหน” ยุนโฮถามขึ้นเมื่อเห็นผมตั้งท่าจะเปิดประตูออกไป
“ทำกับข้าวให้ชางมิน”
“แล้วฉันล่ะ”
“เอ่อ... งั้นเดี๋ยวทำอีกรอบก็ได้”
“ทำที่นี่ ห้องฉันนี่แหละ”
“อ้าว แล้วชางมิน...”
“เดี๋ยวฉันยกไปให้ชีเปลือยเอง”
ผมจนปัญญาจะเถียงใส่ เพราะยุนโฮทำท่าเหมือนทั้งหมดเป็นความผิดผม (อีกครั้ง) มันน่าน้อยใจนะ เหมือนผมทำอะไรก็ผิดไปหมดเลย เพิ่งรู้นะเนี่ยว่ายุนโฮเป็นคนอาฆาตแรง ดูท่าเขาจะไม่อยากให้ผมเข้าใกล้ชางมินเอามาก ๆ สงสัยจะไม่ถูกโฉลก ว่าง ๆ ผมต้องเอาดวงสองคนนี้มาผูกกันหน่อยแล้ว ไม่งั้นคนที่ซวยก็มีแต่ผมนี่แหละ
และพอผมค้นห้องยุนโฮหาอะไรมาทำกิน ก็ปรากฏว่าไม่มีอะไรให้ทำเลยสักอย่าง แต่ก็ไม่แปลกใจอีกนั่นแหละ ยุนโฮไม่อยู่ห้องตั้งนาน จะมีของสดหลงเหลืออยู่ได้ยังไง พวกเราก็เลยต้องออกไปซื้อของที่ซุปเปอร์กันอีกครั้ง การขี่มอเตอร์ไซค์ฝ่าลมหนาวออกไปเป็นอะไรที่ทรมานมากเลยฮะ ผมก็เลยมุดหลังยุนโฮสุดฤทธิ์ เรียกได้ว่าหลบเท่าที่จะหลบได้ ยุนโฮอยากซื้อของนัก งั้นก็เป็นคนแบกหน้าท้าลมหนาวไปเถอะ หลังเขาอุ่นกว่าเยอะเลย
กว่าพวกเราจะช้อปกันเสร็จ และกว่าจะขี่มอเตอร์ไซค์กลับมาอีก เวลาก็ปาเข้าไปสามทุ่มกว่าแล้ว หน้าห้องยุนโฮมีโพสต์อิทแปะไว้ด้วย ชางมินแหง ๆ ล่ะ สงสัยจะเคาะแล้วไม่มีใครเปิดก็เลยเขียนโน้ตทิ้งไว้ และก็แน่ล่ะ ไม่มีความห่วงใยถึงผมอีกแล้ว เด็กนั่นเขียนบอกแค่ว่ากินมาม่าหมดแล้ว นี่ผมจำได้ว่าเพิ่งซื้อมาตุนสิบห่อเมื่อเช้าเองนะ ไอ้เป็ดนั่นมันกินหรือเอาไปทำแหล่งพลังงานขีปนาวุธเนี่ย
และกว่าจะจัดการอะไรต่อมิอะไรเสร็จ ก็ปาเข้าไปห้าทุ่ม ยุนโฮถามผมว่าจะโกนหนวดให้เขาเลยหรือรอพรุ่งนี้เช้า ด้วยอารามหวาดกลัวหน้าจอมโจร กำจัดมันให้เร็วที่สุดคืออุดมการณ์ของผมอยู่แล้ว ผมก็เลยจัดการโกนหนวดให้เขาต่อ แล้วก็ต้องมาโกรธตัวเองทีหลัง เพราะยุนโฮตอนหน้าเกลี้ยงทำผมใจเต้นหนักกว่าเดิมอีกอ่ะ ฮือ นี่ก็ดึกแล้วด้วย ใกล้ได้เวลานอนอีกต่างหาก ทำไมผมไม่โกนให้เขาพรุ่งนี้นะ อ๊าก ๆ ๆ
“เอ่อ... ฉันนอนพื้นก็ได้นะ” มาถึงตรงนี้ผมเริ่มกลัวใจตัวเองจริง ๆ จัง ๆ แล้วล่ะ ห้องยุนโฮก็เหมือนห้องผมนั่นแหละ หอพักธรรมดา ๆ ที่มีเตียง ตู้ แล้วก็โต๊ะ ไอ้พวกโซฟายาว ๆ อะไรนั่นไม่มีที่ไว้หรอกฮะ เพราะงั้นถ้าไม่นอนเตียง ผมก็ต้องนอนพื้นแข็ง ๆ นี่แหละ
“หนาวจะตาย” ยุนโฮก็เพิ่งจัดกระเป๋าของเขาเสร็จเหมือนกัน (เสื้อผ้าที่เขาขนกลับมาน่ะฮะ)
“ไม่เป็นไร ฉันนอนได้” ผมกัดฟันตอบกลับไปด้วยน้ำตาตกใน
“นายนอนได้ แต่ฉันไม่ให้ ขึ้นเตียงไปเดี๋ยวนี้”
“ยุนโฮอ่า”
“ขึ้นไป” เขาชี้นิ้วสั่งผมด้วยท่าทางวางอำนาจประหนึ่งเจ้านาย ผมเริ่มรู้สึกว่าตัวเองมีปลอกคอนิด ๆ แล้วล่ะ ไม่ตลกเลยนะฮะ ทุกคนที่กำลังอ่านอยู่ไม่ต้องมาหัวเราะผมเลย
“ฉันไม่ใช่ลูกหมานะ”
“แล้วจะขึ้นไม่ขึ้น”
“ยุนโฮ!” ผมร้องประท้วง วินาทีนั้นคืออยากหนีกลับห้องมาก ๆ ๆ ๆ ๆ ที่สุดเท่าที่จะมากได้ นี่เขาจะขู่เข็ญให้ผมหน้าแดงไปถึงไหนเนี่ย ถ้าไม่ติดว่าอยากรู้นะ ถ้าผมไม่ติดว่าอยากรู้ความจริงนะ ฮือ!! “แต่... แต่..... แต่ฉันนอนดิ้นนะ!”
“ขึ้นไป” ยุนโฮไม่สะทกสะท้านอีกแล้ว เขาเป็นหมีตัวผู้ที่ใจแข็งมาก “จะขึ้นดี ๆ หรือให้ฉันอุ้ม”
“อะ.. อุ้ม!?” ผมยกมือปิดหน้าแทบไม่ทัน ยุนโฮรวววววว!!
“ไม่พูดเป็นหนที่สองนะ” ยุนโฮที่ล็อกประตูห้องเรียบร้อยเดินย่างกรายเข้ามาหาผม อารมณ์เหมือนเพชรฆาตกำลังจะเชือดหมูในโรงฆ่าสัตว์มากเลยฮะ นี่ผมหนีเสือปะจระเข้ชัด ๆ ผมหนีเป็ดน้ำมาเจอหมีป่าทำไมเนี่ย!!
“ขึ้นแล้ว ๆ ๆ” ผมกระวีกระวาดปีนขึ้นเตียงแทบไม่ทัน คนอะไรดุชะมัด!
ยุนโฮกระตุกยิ้มพอใจ ใช่เซ่ไอ้คนเอาแต่ใจ! เขาหมุนตัวกลับไปปิดไฟ ห้องก็เลยมืดอีกครั้ง มีเพียงแสงจันทร์สลัว ๆ ที่ทะลุผ่านม่านหน้าต่างลงมาบาง ๆ ให้พอเห็นว่าอะไรเป็นอะไรเท่านั้นเอง ผมรีบซุกตัวหันหน้าเข้าหาผนัง ยึดเตียงฝั่งนี้เป็นฐานที่มั่นสุดฤทธิ์
เตียงฝั่งยุนโฮไหวโยกเบา ๆ ให้รู้ว่าเขาเองก็ขึ้นมานอนบนเตียงแล้ว ผมงี้ใจเต้นม่ากกกกกก แทบจะควักออกมาแช่ช่องฟรีชแล้วครับ กลัวมันทำงานหนักเกินไป เดี๋ยวได้ตายก่อนแก่ นี่ยุนโฮทำผมอายุสั้นลงนะเนี่ย
“ห่มด้วยสิ” ยุนโฮทำเสียงดุอีกรอบ แต่ก็เป็นฝ่ายห่มผ้าห่มให้ผม นี่เขาจะทำให้ผมช็อกตายให้ได้เลยใช่ไหม ศัพท์ที่ฮิต ๆ กันช่วงนี้คืออะไรนะฮะ ฟิน? ใช่คำว่าฟินมั้ย? เพราะมันอยากตะโกนออกมาดัง ๆ มากว่าฟินนนน! (แม้จะไม่เข้าใจความหมายของมันก็ตาม)
พวกเรานอนกับเงียบ ๆ อยู่อย่างนั้นนานมาก ยุนโฮคงหลับไปแล้วล่ะ แต่กับผมนี่สิ! จะให้ผมหลับลงได้ยังไง!! ถึงเราจะเป็นผู้ชายเหมือนกัน แต่... แต่ว่า... ผมรู้ตัวแล้วนี่นาว่าผมชอบเขาอ่ะ!!
ผมอยากนอน
เพราะพรุ่งนี้ผมต้องไปช่วยคณะยุนโฮขายของวันวาเลนไทน์
ผมอยากหลับเอาแรงมาก
แต่ยุนโฮก็ทำผมนอนไม่หลับ...
“ยุนโฮ...” ผมลองหยั่งเชิงเรียกชื่อเขา แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับ เหมือนเขาจะหลับไปแล้ว ขี้โกงอีกแล้วอ่ะ ทำไมเขาถึงหลับง่ายหลับลึกหลับสบาย แล้วทิ้งผมให้ตาสว่างแบบนี้ล่ะ!
แต่เพราะมั่นใจแล้วว่ายุนโฮหลับ ผมก็เลยค่อย ๆ พลิกตัวไปหาเขา ไม่อยากจะแซ่ดว่ายุนโฮตอนหลับนี่หล่อสุด ๆ ไปเลยอ่ะ (ก็ผมโกนหนวดให้เขาแล้วนี่) มองเผิน ๆ นึกว่าเทพบุตร ผมไม่แปลกใจเลยล่ะที่นิสัยเพี้ยนขนาดนี้ยังมีกลุ่มแฟนคลับเป็นหมู่คณะได้อีก น่าหมั่นไส้ชะมัด น่าอิจฉาด้วย ทำไมผมไม่เกิดมาหล่อแบบเขาบ้างนะ
และเพราะอะไรดลใจไม่รู้ ผมเริ่มอยากเห็นยุนโฮใกล้ ๆ อยากรู้ว่าขนตาเขายาวจริงหรือแค่คิดไปเอง ก็ยุนโฮหลับไปแล้วนี่ ผมไม่ได้ฉวยโอกาสอะไรซักหน่อย ผมสัญญาว่าจะเขยิบเข้าไปเงียบ ๆ ไม่ปลุกให้เขาตื่นแน่นอน
ผมก็เลยยื่นหน้าเข้าไปใกล้เขาขึ้นเรื่อย ๆ ยุนโฮคิ้วเข้มมากกกก ปากก็แอบห้อยเหอะ ที่แท้ก็ไม่ได้สมบูรณ์แบบไปทุกส่วน เฮ้อ ค่อยยังชั่ว ดูแล้วค่อยเป็นคนขึ้นมาหน่อย แต่นี่ผมกลายเป็นคนเพ้อเจ้อไปแล้วรึเปล่าฮะ เหมือนผมกำลังลวนลามคนหลับเล็ก ๆ แฮะ แต่เอ๊ะ ผมไม่ได้แตะต้องตัวเขาเลยนะ แค่ใช้สายตาพิจารณาเฉย ๆ เอง
ใช่ ผมไม่ได้แตะต้องตัวเขา
แต่ตอนที่ผมกำลังจะพลิกตัวกลับ
แขนหนัก ๆ ของยุนโฮก็คว้าเอวผมเข้าไปกอดเฉยเลย!!
“ยะ... ยุน!” ผมยั้งปากไม่ให้ตะโกนไว้ทัน เพราะยุนโฮแค่นอนละเมอหรือไม่ก็นอนดิ้น ถ้าผมเสียงดัง ยุนโฮตื่นแน่ ๆ แล้วผมก็จะทำหน้าไม่ถูกด้วย มาถึงตรงนี้ผมอาจกระโดดหน้าต่างออกไปเลยก็ได้ มันเขินจริง ๆ นะ คือผมอายมาก มันไม่เหมือนตอนที่ยุนโฮโอบเอวผมตอนโกนหนวดด้วย อารมณ์มันต่างกันอ่ะ มันต่างกันมาก โอ๊ย ผมจะอธิบายเป็นภาษาคนยังไงดีเนี่ย แต่ที่แน่ ๆ ก็คือหัวใจผมทำงานหนักอีกแล้ว!
ผมพยายามดันแขนยุนโฮออกท่ามกลางความเงียบ แต่ก็กลายเป็นว่าไปกระตุ้นให้ยุนโฮกอดผมแน่นกว่าเดิมอีก หัวผมแทบจะซุกลงไปที่หน้าอกเขาได้อยู่แล้ว (บ่งบอกความเตี้ยของผมเลยสินะ) นี่ผมจะทำยังไงดี นี่ผมควรจะทำยังไงดี๊ดดดด!!
แล้วในตอนที่ผมกำลังหยุกหยิกอยู่ไม่สุขนั่นเอง
ผมสาบานได้เลย ผมกล้าสาบานได้เลยว่าไม่ได้หูฝาดไปเอง
แต่ยุนโฮพึมพำออกมาเบา ๆ ด้วยน้ำเสียงดุ ๆ ตามสไตล์ของเขาว่า...
“นอนได้แล้ว”
..........................
..........................
..........................
สมองผมพังอีกแล้วครับท่านผู้อ่าน คราวนี้ไหม้เป็นจุลเลยมั้ง! ตกลงว่ายุนโฮยังไม่นอนใช่มั้ย ตกลงว่ายุนโฮไม่ได้นอนดิ้นหรือว่าละเมอด้วยใช่มั้ย! แล้วเขาจะมากอดผมทำไมเนี่ย! แถมเขาก็ต้องรู้ด้วยใช่ไหมที่ผมนอนจ้องหน้าเขาเมื่อกี้น่ะ!!
ผมมีคำถามอยู่ล้านแปด แต่ก็ไม่กล้าถามอะไรออกไปสักอย่าง
เพราะผมกลัวคำตอบของยุนโฮจะทำให้หัวใจผมทำงานหนักมากไปกว่านี้
คราวนี้ผมก็เลยได้แต่หลับตาปี๋ พยายามข่มตาหลับให้จงได้ ไม่รู้ว่ายุนโฮจะได้ยินเสียงหัวใจของผมรึเปล่า แต่ที่รู้แน่ ๆ ก็คือผมร้อนไปทั้งตัวเลยล่ะฮะ ฮีตตงฮีตเตอร์นี่ไม่ต้องแล้ว เพราะตอนนี้ร่างกายผมกำลังทำการเผาตัวเองอย่างบ้าคลั่ง ยุนโฮหนอยุนโฮ สมองของเขาทำด้วยอะไรเนี่ย ทำไมต้องทำอะไรบ้า ๆ แบบนี้กับผมด้วย เขากำลังแกล้งผมใช่ไหม นี่เขากำลังแกล้งผมเล่นใช่ไหม
“ยะ... ยุนโฮ ฉันอึดอัดนะ” ผมกระซิบบอกออกไปเบา ๆ
“อือ” แต่ยุนโฮก็แค่ครางรับในลำคอแล้วกอดผมเหมือนเดิม นี่ผมแทบร้องไห้แล้วนะ ผมเขินจนอยากจะร้องไห้แล้ว
“ยุนโฮอ่า...”
“หนาว” ว่าแล้วเขาก็กอดผมแน่นเข้าไปอีก โอ๊ยยยยย ฆ่าผมเลยเถอะ เอานายชิมชางมินนั่นมาฆ่าผมเลย ณ บัดนาว เพราะผมไม่รู้แล้วว่าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนดี ผมจนปัญญา ผมหมดคำพูด ผมหมดแล้วซึ่งเยื่อใยต่อโลกใบนี้ มันน่าอายมากมายมหาศาลจริงจัง นี่ผมเหลือส่วนไหนที่ยังไม่แตะถูกตัวยุนโฮบ้างมั้ยเนี่ย เข้าใจนะว่าหนาว แต่... แต่มัน... แต่ว่ามัน..... งื้ออออออ ผมบรรยายพรรณนาไม่ถูกแล้วฮะ เห็นใจผมด้วยเถอะ ผมพิมพ์อะไรต่อไปไม่ไหวแล้ว มันน่าอายมากจริง ๆ ผมเองก็จำไม่ค่อยได้แล้วเหมือนกันว่าผล็อยหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่รู้ตัวอีกทีก็เป็นช่วงเช้าที่ยุนโฮปลุกผมตื่นซะแล้ว
เห็นแล้วใช่ไหมฮะว่ามันเป็นเรื่องที่น่าอายมากแค่ไหน เพราะงั้นอย่าเอาเรื่องนี้มาล้อผมเด็ดขาดเลยนะ ที่ผมกัดฟันพิมพ์มาทั้งหมดเนี่ย ก็เพราะเห็นว่าทุกคนเป็นคนที่คอยให้กำลังใจผมเสมอมา และทุกคนก็มีสิทธิ์ที่จะรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่ผมไปนอนค้างห้องยุนโฮ แต่ห้ามล้อ! ห้ามล้อเด็ดขาดเลยนะ!!
แต่ตอนนี้ผมต้องรีบตามยุนโฮไปมหาลัยแล้วล่ะ นายหมีเพิ่งซักเสื้อผ้าที่ไปตระเวนสร้างความลับเสร็จพอดี เพราะงั้นผมก็คงต้องหยุดพิมพ์ไว้แค่นี้ก่อน แต่เอะ วันนี้วันวาเลนไทน์นี่เนอะ สุขสันต์วันแห่งความรักกับทุกคนนะฮะ ขอผมไปทำหน้าที่เป็นแมวกวัก (ยุนโฮว่างั้น) ก่อน ถ้าวันนี้มีอะไรเพิ่มเติม ผมจะกลับมาเล่าให้ฟังอีกทีก็แล้วกัน เพราะผมสังหรณ์ใจว่าจะมียังไงก็ไม่รู้ล่ะ อย่าเพิ่งเอียนเรื่องของผมนะ
ปล. ใครว่าผมมีต่อมเผือกอ่า เสียใจจัง T____T (แต่ผมก็ยังอยากรู้เรื่องของยุนโฮอยู่ดี)
แจจุง
เป็นตอนที่แต่งไปยิ้มไป แจจุงน่ารักม่ากกกกกก ขอเพิ่ม ก.ไก่ อีกแสนล้านตัว ยุนโฮก็น่ารัก น่ารักทั้งคู่เลยค่ะ แบบ... มันเป็นอะไรที่เคมีเข้ากันมากอ่ะ เคมีมันใช่จริง ๆ กับยุนแจเวอร์ชั่นนี้ ตอนแต่งแรก ๆ นี่ไม่คิดเลยนะว่ามันจะพัฒนามาถึงขั้นนี้ได้ (หมายความว่าไงวะ) มันเป็นความตรงกันข้ามที่ลงตัวจริง ๆ ค่ะ รู้สึกเหมือนแจแม่ง... งุ้งงิ้ง ๆ อยู่นั่นแหละ แต่ก็น่ารักสไตล์เกาหลี ๆ ยังไงไม่รู้ ฮา คือถ้าอาซินเป็นยุนโฮนี่คงจับปล้ำไปแล้ว (บ่งบอกนิสัย)
สำหรับพาร์ทวันวาเลนไทน์ รอพาร์ทหน้านะคะ ตอนแรกก็ว่าจะแต่งรวบยอดเหมือนกัน เอาฉากนอนแล้วก็ฉากวาเลนไทน์มาลงในวันเดียวกันเลย แต่รู้สึกว่ายาวแระ แค่นี้ก็ยิ้มแก้มปริแล้ว พอ ๆ ๆ เก็บไปยิ้มกันต่อพาร์ทหน้าดีกว่า มาดูกันซิว่าตาหมีจะสร้างปัญหาอะไรให้หนูแจจวงมาฟ้องอีก (แจจุงเรื่องนี้ลูกช่างฟ้องจริง ๆ ค่ะ (แต่ก็ยังน่ารักจนรำคาญไม่ลง))
แต่อืม... เรามาพูดกันหน่อยก็ดี เพราะเหมือนไม่ได้ทอล์กนานแล้ว อาซินว่าเกมนี้ใกล้จบแล้วล่ะ หมียุนมันก็รุกซะขนาดนี้ แจเองก็งุ้งงิ้งมาซะขนาดนี้แล้ว อารมณ์ตอนนี้คือเป็นแฟนกันได้แล้วด้วย เพราะงั้นอีกไม่นานก็คงจะจบแล้วนะคะ
และต่อไปนี้คือคำถาม
ถ้าเกมนี้จบ...
เราจะทำอะไรกันต่อ?
มีคนเสนอเกมเวอร์ชั่นยุนโฮ ให้ยุนโฮมาปรึกษาบ้าง ทำไงดี ผมชอบเขา แต่เขาดูกลัวผมจังอะไรทำนองนี้ แต่อาซินว่ามันจะสนุกเหรอ เราก็รู้เนื้อเรื่องหมดอยู่แล้ว หรือว่าจะให้เล่นกันต่อกับเวอร์ชั่นแจจุง เอาแบบเป็นแฟนกันแล้ว แต่ก็ยังทะเลาะกันจนแจจุงต้องมาตะแง้ว ๆ ฟ้องคนในบอร์ดอีก หรือ... หรือ... หรือถ้าใครมีไอเดียอะไร จะเสนอมาเลยก็ได้นะคะ ลงความเห็นกันขำขัน ยังไงตอนนี้ก็ไม่มีอะไรจะทำกันอยู่แล้ว ใครอยากได้อะไรก็แนะนำมาเลยค่า ถ้าอาซินอ่านแล้วคิดว่าน่าสนุก อาซินก็จัดให้!
ปล. รักคนอ่าน
ความคิดเห็น