คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #21 : 12 - 02 - 06 : ทำไมต้องปิดผมด้วย
06 กุมภาพันธ์ 2012
ผมคิดว่ามันเป็นอะไรที่... ที่อะไรดีล่ะ มหัศจรรย์ก็ดูเวอร์ไปหน่อย น่าทึ่งก็ดูเหลือเชื่อไปนิด เอาเป็นว่าผมอยากคิดเข้าข้างตัวเองชะมัดว่าที่เราสองคนเกิดใกล้กันขนาดนี้ได้เนี่ย มันต้องมีความหมายซ่อนอยู่อะไรแน่ ๆ
ฮึ่ม พูดมาอย่างนี้ คงอยากรู้กันแล้วใช่มั้ยฮะว่าผมหมายถึงอะไร
คือ... วันนี้เป็นวันเกิดยุนโฮแหละฮะ
แล้วทำไมผมถึงรู้น่ะเหรอ นั่นก็เพราะ... วันนี้ยุนโฮกลับมาที่ห้องครับ ตอนแรกผมก็ไม่รู้หรอกว่าเขากลับมา เพราะผมกำลังวุ่นวายกับการขับไล่ไสส่งนายชิมชางมิน (ที่ไล่ยังไงก็ทำเป็นไม่สนด้วยการใช้สายตาว่างเปล่ามองข้ามหัวผมไป) มาตลอดทั้งสองวัน ผมล่ะสุดจะทนกับนายคนนี้จริง ๆ แล้วรู้มั้ยฮะว่าอะไรที่สุดทนยิ่งกว่า นั่นคือความที่โลกมันกลมไงล่ะ!
เพราะเมื่อวานผมโทรไปฟ้องจุนซู มั่นใจแน่ ๆ ว่าจุนซูจะต้องบินมาช่วยผมในทันทีที่รู้ว่าผมถูกคนแปลกหน้าคุมคามถึงห้อง แต่ไหงกลับกลายเป็นว่าไอ้เด็กนี่แท้จริงแล้วเป็นลูกพี่ลูกน้องของยูชอนไปได้ก็ไม่รู้ แล้วพอสองศรีพี่น้องมาเจอหน้ากัน แทนที่ไอ้ไก่มันจะลากน้องกลับไปหาครอบครัวอภิมหาเศรษฐีของมัน ก็กลับกลายเป็นว่าฝากฝังให้ผมดูแลเสียอย่างนั้นน่ะ แถมยังบอกอีกด้วยว่าที่ชางมินหาห้องพักมันไม่เจอจนต้องไปนั่งตกปลาแล้วเจอผมเนี่ย ถือเป็นพรหมลิขิตอย่างหนึ่ง เพราะงั้นผมไม่ควรฝืนลิขิตที่ว่านี่ หนอย ผมว่ามนุษย์กร้านโลกนี่มันยังไม่หายเมาค้างจากโซจูสองโหลแน่ ๆ
แล้วพอผมหันไปพึ่งจุนซู จุนซูก็ดันบอกว่าใช้ชางมินนี่แหละเป็นเหยื่อล่อยุนโฮซะเลย นี่ถ้าผมไม่รักจุนซู ผมคงบีบคอเพื่อนคนนี้ไปแล้วแน่ ๆ คิดอะไรออกมาก็ไม่รู้ บ้าบอที่สุด ยุนโฮเขาจะหึงผมได้ยังไงเล่า ก็ในเมื่อเขาไม่ได้รัก... เฮ้อ เอาเป็นว่าผมเข้าเรื่องเลยก็แล้วกัน
สรุปก็คือผมได้ภาระที่ไม่ปรารถนามาหนึ่งตัวฮะ เป็นสัตว์เลี้ยงที่กินจุและน่ากระทืบทิ้งมาก (แต่กระทืบไม่ได้ เพราะสรีระไม่อำนวย) ยังดีนะที่ยูชอนไม่ได้หนีไปตัวเปล่า แต่ทิ้งเงินไว้ให้น้องตัวเองก้อนหนึ่งด้วย ผมก็เลยไม่วอรี่เรื่องค่าอาหารที่พุ่งกระฉูดแล้ว แถมชางมินยังเป็นน้องของแฟนเพื่อนด้วยนี่นา (อันที่จริงมันแลดูเหินห่างและสมควรไล่กลับบ้านมากเลยใช่มั้ยฮะ) ผมก็เลยใจแข็งได้ไม่สุดเสียนี่ ยูชอนบอกว่าชางมินทะเลาะกับคนที่บ้านมา ให้อยู่ห่าง ๆ สักสามสี่วันก็คงหายงอนกลับบ้านเอง ขอให้ผมหยวน ๆ ไปก่อน เพราะจะให้เอากลับห้องยูชอน พ่อไก่ก็กลัวจะปะทะคารมกับจุนซูที่ดื้อพอ ๆ กันจนบ้านแตกหัวแตกไปเสียก่อน ผมก็เลยเกิดภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ฮือ จะมีใครเข้าใจอารมณ์นี้บ้างมั้ยเนี่ย
และวันนี้ผมก็ต้องรับหน้าที่พี่เลี้ยงเด็กจำเป็น ไล่ชางมินไปอาบน้ำแล้วเตรียมอาหารเช้าให้อีกต่างหาก (อย่าหวังว่าคุณชายนี่จะเปิดแก๊ซเป็น) ถึงปากหมา ๆ ของชางมินจะทำให้ผมโกรธจนลืมยุนโฮไปได้ในบางครั้ง แต่พออยู่คนเดียวทีไร ผมก็มักคิดถึงเขาขึ้นมาจนได้ แถมมันยังมาพร้อมความเหงาอีกต่างหาก นี่ผมเป็นเอามากใช่ไหมฮะ
ปรากฏว่ามีคนมาเคาะห้องผมแต่เช้า ตอนแรกผมก็ไม่คิดหรอกว่าจะเป็นยุนโฮ เพราะเขาเล่นหายหน้าหายตาออกไปจากชีวิตผมเองนี่นา มันจึงไม่มีเหตุผลเอาซะเลยที่เขาจะมาเคาะประตูห้องผมเหมือนสมัยช่วงที่ผมต้องไปโกนหนวดให้เขาในตอนเช้า ๆ เพราะงั้นพอผมเปิดประตูออกไปแล้วเจอหนวดตอ ๆ กับหน้าโทรม ๆ ของยุนโฮ ผมก็เลยอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก แถมที่สำคัญ... แถมที่สำคัญคือ.....
“ปากนายไปโดนอะไรมา”
“ร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ดเดย์ให้หน่อยสิ”
“หา? เดี๋ยวสิ ทำไมนายปากแตกล่ะยุนโฮ” ผมพยายามวกกลับเข้าประเด็นเดิม ก็ปากเขายังมีรอยแผลสีแดง ๆ ติดอยู่ที่มุมปากเลยนี่นา ถึงมันจะแห้งแล้วก็เถอะ แถมถ้ามองผ่านหนวดเคราดี ๆ แล้วล่ะก็ ผมว่าผมเห็นรอยช้ำด้วยนะ วินาทีนั้นคือผมลืมอารมณ์โกรธหรือว่าน้อยใจทุกอย่างไปหมดเลย เพราะแผลบ้า ๆ ของยุนโฮนั่นแหละที่ทำสติผมกระเจิง ในใจผมคิดแต่ว่าจะต้องหายามาทาให้เขาก่อนอย่างเดียวเลย พอมาคิดย้อนดูอีกที ผมนี่ก็ไม่มีศักดิ์ศรีเอาซะเลย โดนเขาทิ้งแล้วยังเป็นห่วงเขาออกนอกหน้าอย่างนี้อีก
“อย่าจับ” ยุนโฮคว้ามือผมไว้ทันก่อนที่มือของผมจะแตะถูกแก้มเขา ก็ผมอยากตรวจดูแผลของเขานี่
“ท่าทางจะเจ็บน่าดู เข้ามาทำแผลก่อนมั้ย”
“ไม่ล่ะ ฉันรีบ” แต่ยุนโฮก็ไม่มีท่าทีจะเข้ามาในห้องผม “ฉันแค่อยากได้ยินเสียงนายเป็นคนแรกของวัน รีบ ๆ ร้องเพลงมาได้แล้ว เพลงแฮปปี้เบิร์ดเดย์น่ะรู้จักไหม ร้องเป็นรึเปล่า”
“นายเกิดวันนี้?”
“คิดว่าฉันมาทำไมวันนี้ล่ะ”
“แต่... แต่นายหายไปตั้งนาน เบอร์โทรนายฉันก็ไม่มี ฉันติดต่อนายไม่ได้เลยนะ!” พอตั้งสติกับการปรากฎตัวของเขาได้ ผมก็เริ่มอยากสะบัดมือที่จับอยู่ทิ้ง ยุนโฮทำร้ายความรู้สึกผมมามาก แล้วเขายังคิดจะมาก็มา จะไปก็ไปอีกงั้นเหรอ นี่เขาเห็นผมเป็นอะไรกันแน่ อยากล้อเล่นกับความรู้สึกผมเมื่อไหร่ก็ได้หรือไง “แล้วคารัมอีกล่ะ ตอนนี้เขาอยู่ไหน ทำไมนายไม่เห็นเล่าอะไรให้ฉันฟังสักอย่าง”
“ก็บอกแล้วไงว่ามันเป็นเรื่องของฉันกับคารัม” แต่ยุนโฮก็ไม่ยอมปล่อยมือผมง่าย ๆ เขายึดข้อมือผมไว้แน่น แล้วใช้สายตาที่ผมแพ้ทางจ้องเขม็ง มาถึงตอนนี้ผมถึงได้รู้ว่าผมคิดถึงเขามากแค่ไหนในช่วงที่ยุนโฮไม่อยู่ ผมคิดถึงสายตาของเขา โครงหน้าของเขา ริมฝีปากของเขา น้ำเสียงของเขา และทุกอย่างที่รวมกันเป็นเขา แล้วพอเขาโผล่มาในสภาพโทรม ๆ เยิน ๆ อย่างนี้ โผล่มาในสภาพที่แย่ลงกว่าเดิมและมองปราดเดียวก็รู้แน่ว่ามีเรื่อง ผมก็ยิ่งอยากรู้ความจริงทั้งหมดที่เขาปิดบังผมอยู่ยิ่งขึ้นไปอีก แต่ถึงอย่างนั้นยุนโฮก็ยังเลือกที่จะกันผมออกไป... อีกครั้ง “ครั้งก่อนฉันอาจรีบจนไม่มีเวลาอธิบายให้นายฟัง แต่ตอนนี้ฉันก็ยังพูดอะไรให้นายฟังไม่ได้อยู่ดี”
“เพราะฉันเป็นคนนอกอย่างนั้นเหรอ” ตอนนั้นผมคิดว่าตัวเองแทบไม่มีเสียงแล้วด้วยซ้ำ
“เพราะฉันไม่อยากดึงนายเข้ามาต่างหาก” แต่ยุนโฮก็แก้คำพูดให้ผม เขายกมือผมไปจรดกับริมฝีปากเขาเบา ๆ แล้วแช่ค้างไว้อย่างนั้นจนมือของผมเริ่มอุ่นขึ้นมาบ้าง สัมผัสของยุนโฮยังอบอุ่นเหมือนเดิม และก็ทำให้ผมใจเต้นได้เหมือนเดิมด้วย “แจจุง... ไว้ฉันเคลียร์เรื่องนี้เสร็จเมื่อไหร่ นายค่อยโกรธฉันก็แล้วกัน”
เขาจะรู้บ้างไหม... ยุนโฮจะรู้บ้างไหมว่าแค่เขาทำอย่างนี้กับผม ผมก็โกรธเขาไม่ลงแล้ว ผมไม่ได้เป็นคนไร้เหตุผลเสียหน่อย ขอแค่คำอธิบาย... ขอแค่เหตุผลที่เขาต้องทิ้งผมไว้ตรงนี้
และการที่เขาบอกว่าพูดไม่ได้
มันก็แปลว่าเขามีเหตุผลที่ทำให้ต้องทิ้งผมไว้ตรงนี้ใช่ไหม
นี่ผมใจอ่อนไปรึเปล่าฮะ ผมใจง่ายเกินไปไหม ทั้งที่ยังไม่รู้อะไรสักอย่าง แต่แค่เห็นรอยช้ำของยุนโฮ ผมก็ยกโทษให้กับสิ่งที่เขาเคยทำมาเสียแล้ว บางทีผมอาจเป็นคนที่เชื่ออะไรใครง่าย ๆ ที่สุดในโลกก็ได้
“แต่เมื่อวันก่อนก็วันเกิดฉันเหมือนกันนะ” ผมก็เลยคิดว่าต้องเล่นแง่กับเขาบ้าง “ไม่เห็นนายจะให้อะไรฉันซักอย่าง เพลงก็ไม่ร้องเหมือนกัน”
“เหรอ” ดูยุนโฮตอบผมสิฮะ เหรอคำเดียว เสียงตายหน้าตายด้วย จะรู้สึกผิดสักนิดก็ไม่มีล่ะ “งั้นมาร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ดเดย์พร้อมกันมั้ย นายอวยพรฉัน ฉันอวยพรนาย”
“วันเกิดฉันมันผ่านมาแล้วนะ”
“สำหรับนาย จะวันอะไรฉันก็ร้องได้ทั้งนั้นแหละน่า เร็ว ๆ บอกแล้วไงว่ารีบ”
พอถูกยุนโฮเร่งยิก ๆ ผสมคะยั้นคะยอมาก ๆ เข้า สุดท้ายก็เข้าอีหรอบเดิมที่ผมต้องใจอ่อนอีกจนได้ ก็อย่างที่เคยพร่ำบอกนั่นแหละฮะ ผมแพ้สายตาของเขานี่ ทำไมชอบจ้องผมแบบนี้นักก็ไม่รู้ ผมหลุบตาหนี ส่วนยุนโฮก็นับจังหวะให้พวกเราเริ่มร้องเพลงกันสักที
“เอาล่ะนะ หนึ่ง... สอง... สาม.....”
“แจจุง ทิชชู่หมดอ่ะ ขอม้วนใหม่หน่อยสิ” อยู่ดี ๆ ชางมินก็โผล่ออกมาจากห้องน้ำในสภาพผ้าขนหนูพันก้นผืนเดียว ผมหันขวับไปถลึงตาใส่เขา เพราะไอ้เด็กนี่ไม่ยอมเช็ดตัวให้แห้งก่อนออกมาด้วย พื้นห้องผมก็เลยเปียกไปหมดเลย แหงสิว่าคนตามเช็ดก็คือเจ้าของห้องอย่างผมน่ะ
“ชางมิน!”
“โอ๊ะ สวีทอยู่เหรอ แต่... แล้วทิชชู่ฉันล่ะ ไปหยิบมาเร็ว ๆ สิคิมแจจุง”
“เอ่อ...” ผมหันกลับไปหาคนที่ยืนอยู่หน้าประตู แต่ยุนโฮก็ปล่อยมือผมแล้วเรียบร้อย ผมรู้สึกได้ว่ายุนโฮไม่ได้ปล่อยมือเพราะถูกชางมินแซว แต่เป็นเพราะการปรากฎตัวทั้งหมดทั้งมวลของนายคนหนีออกจากบ้านนี่ต่างหาก “...ยุนโฮ?”
“ฉันมีเวลาไม่มาก ไปล่ะ”
“เอ๊ะ เดี๋ยวก่อนสิยุนโฮ”
“เฮ้ ๆ แล้วทิชชู่ฉันล่ะ” แต่เพราะชางมินดึงเสื้อผมไว้ไม่ยอมปล่อย ยุนโฮก็เลยหนีผมได้อีกครั้ง ผมหันกลับไปมองชางมินอย่างคาดโทษ จะกวนผมไปถึงไหนเนี่ย! “ชิ! มองฉันอย่างนี้หมายความว่าไง ก็แล้วใครใช้ให้ทิชชู่ห้องน้ำนายหมดพอดีล่ะ”
“หยิบเองไม่เป็นรึไง!”
“ไม่รู้อยู่ตรงไหน”
สุดท้ายผมก็ต้องกัดฟันไปหยิบทิชชู่ม้วนใหม่ให้ชางมิน เจ้าเด็กบ้าถึงค่อยยอมปล่อยเสื้อผมแล้วกลับเข้าห้องน้ำไป และพอผมกลับออกไปดูที่ประตู มันก็แหงสิว่ายุนโฮจะหายลับไปแล้ว
ผมก้มลงมองมือตัวเองข้างที่ยุนโฮจับเมื่อครู่ ไออุ่นยังเจือจาง แต่แววตาครั้งสุดท้ายที่ยุนโฮมองมา... มันไม่ได้ทำให้ผมใจสั่นเหมือนทุกที
เพราะมันดูเย็นชากว่านั้น
ผมอาจคิดไปเองก็ได้ แต่เหมือนยุนโฮไม่พอใจ ถ้าจุนซูได้ยินก็คงดีใจอยู่หรอก แต่ผมไม่เห็นจะชอบเลย ผมไม่อยากให้ยุนโฮเข้าใจผิดเรื่องชางมินเสียหน่อย แต่เขาก็ไม่อยู่รอฟังคำอธิบายจากผมด้วยเหมือนกัน ดูเหมือนว่าเราจะติดค้างคำอธิบายด้วยกันทั้งคู่แฮะ
แถม... ผมยังไม่ได้ร้องเพลงอวยพรวันเกิดให้เขาเลย
ยุนโฮอุตส่าห์มาหาผมถึงที่นี่เพื่อให้ผมร้องเพลงเป็นคนแรก แต่แล้วเขาก็กลับออกไปโดยที่ไม่อยู่รอฟังเสียงของผมด้วยซ้ำ
ตอนนี้ในใจของผมก็ยังมีแต่คำถามอยู่เต็มไปหมด แต่อย่างน้อยผมก็ไม่ได้เศร้าเท่าที่ผ่าน ๆ มาแล้ว แต่เอ... ผมชักจะกังวลยังไงก็ไม่รู้แทนแล้วสิ ยุนโฮคงเป็นฝ่ายโกรธผมเเทนแล้วแหง ๆ ทำไมผมถึงคิดว่าเขาโกรธน่ะเหรอฮะ อธิบายเป็นคำพูดไม่ได้แฮะ คงเพราะสองเดือนที่ผ่านมานี้ ผมคลุกคลีกับเขาบ่อยมาก ก็เลยอ่านอารมณ์ยุนโฮจากสีหน้ามึน ๆ ตามสไตล์ของเขาได้ล่ะมั้ง
และก็แน่นอนว่าตอนนี้ผมอ่านออกได้แค่ว่าโกรธ... รึเปล่า
แต่ยุนโฮเขาจะโกรธผมทำไมล่ะ นอกเสียจาก... นอกเสียจากว่า..... ไม่นะ ผมจะไม่คิดเข้าข้างตัวเองอีกแล้ว ผมจะไม่หลงตัวเองแล้วต้องมานั่งเสียใจทีหลังอีกแล้วล่ะ ตราบใดที่ยุนโฮยังไม่พูดมันออกมา ผมก็จะไม่คิดเอาเองเด็ดขาด ผมเข็ดแล้วล่ะฮะ
แถมตอนนี้ที่ผมห่วงที่สุดก็คือรอยแผลของยุนโฮ ท่าทางจะมีปัญหาใหญ่ อันตรายด้วยรึเปล่านะ ยุนโฮไปมีเรื่องกับใครมา ทำไมคารัมไม่ดูแลเขาให้ดีล่ะ เฮ้อ ผมอยากไปอยู่ข้าง ๆ เขาจัง แต่ก็ติดตรงนายหนวดนั่นแหละที่ไม่ยอมให้ผมรู้เรื่องอะไรเลย ยุนโฮจะรู้บ้างรึเปล่าว่ายิ่งเขาทำอย่างนี้ ผมก็ยิ่งเป็นห่วงเขาจนไม่เป็นอันทำอะไรสักอย่างแล้ว
ผมหวังว่าเขาจะปลอดภัยนะ...
แจจุง
ความคิดเห็น