ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic TVXQ] +:-= Because of Love =-:+ [Yaoi]

    ลำดับตอนที่ #21 : 12 - 02 - 06 : ทำไมต้องปิดผมด้วย

    • อัปเดตล่าสุด 21 ก.พ. 55


     

     

     

     

    06  กุมภาพันธ์  2012

     

     

                ผมคิดว่ามันเป็นอะไรที่... ที่อะไรดีล่ะ  มหัศจรรย์ก็ดูเวอร์ไปหน่อย  น่าทึ่งก็ดูเหลือเชื่อไปนิด  เอาเป็นว่าผมอยากคิดเข้าข้างตัวเองชะมัดว่าที่เราสองคนเกิดใกล้กันขนาดนี้ได้เนี่ย  มันต้องมีความหมายซ่อนอยู่อะไรแน่ ๆ

     

                ฮึ่ม  พูดมาอย่างนี้  คงอยากรู้กันแล้วใช่มั้ยฮะว่าผมหมายถึงอะไร

     

                คือ... วันนี้เป็นวันเกิดยุนโฮแหละฮะ

     

                แล้วทำไมผมถึงรู้น่ะเหรอ  นั่นก็เพราะ... วันนี้ยุนโฮกลับมาที่ห้องครับ  ตอนแรกผมก็ไม่รู้หรอกว่าเขากลับมา  เพราะผมกำลังวุ่นวายกับการขับไล่ไสส่งนายชิมชางมิน  (ที่ไล่ยังไงก็ทำเป็นไม่สนด้วยการใช้สายตาว่างเปล่ามองข้ามหัวผมไป)  มาตลอดทั้งสองวัน  ผมล่ะสุดจะทนกับนายคนนี้จริง ๆ   แล้วรู้มั้ยฮะว่าอะไรที่สุดทนยิ่งกว่า  นั่นคือความที่โลกมันกลมไงล่ะ!

     

                เพราะเมื่อวานผมโทรไปฟ้องจุนซู  มั่นใจแน่ ๆ ว่าจุนซูจะต้องบินมาช่วยผมในทันทีที่รู้ว่าผมถูกคนแปลกหน้าคุมคามถึงห้อง  แต่ไหงกลับกลายเป็นว่าไอ้เด็กนี่แท้จริงแล้วเป็นลูกพี่ลูกน้องของยูชอนไปได้ก็ไม่รู้  แล้วพอสองศรีพี่น้องมาเจอหน้ากัน  แทนที่ไอ้ไก่มันจะลากน้องกลับไปหาครอบครัวอภิมหาเศรษฐีของมัน  ก็กลับกลายเป็นว่าฝากฝังให้ผมดูแลเสียอย่างนั้นน่ะ  แถมยังบอกอีกด้วยว่าที่ชางมินหาห้องพักมันไม่เจอจนต้องไปนั่งตกปลาแล้วเจอผมเนี่ย  ถือเป็นพรหมลิขิตอย่างหนึ่ง  เพราะงั้นผมไม่ควรฝืนลิขิตที่ว่านี่  หนอย  ผมว่ามนุษย์กร้านโลกนี่มันยังไม่หายเมาค้างจากโซจูสองโหลแน่ ๆ

     

                แล้วพอผมหันไปพึ่งจุนซู  จุนซูก็ดันบอกว่าใช้ชางมินนี่แหละเป็นเหยื่อล่อยุนโฮซะเลย  นี่ถ้าผมไม่รักจุนซู  ผมคงบีบคอเพื่อนคนนี้ไปแล้วแน่ ๆ   คิดอะไรออกมาก็ไม่รู้  บ้าบอที่สุด  ยุนโฮเขาจะหึงผมได้ยังไงเล่า  ก็ในเมื่อเขาไม่ได้รัก...  เฮ้อ  เอาเป็นว่าผมเข้าเรื่องเลยก็แล้วกัน

     

                สรุปก็คือผมได้ภาระที่ไม่ปรารถนามาหนึ่งตัวฮะ  เป็นสัตว์เลี้ยงที่กินจุและน่ากระทืบทิ้งมาก  (แต่กระทืบไม่ได้  เพราะสรีระไม่อำนวย)  ยังดีนะที่ยูชอนไม่ได้หนีไปตัวเปล่า  แต่ทิ้งเงินไว้ให้น้องตัวเองก้อนหนึ่งด้วย  ผมก็เลยไม่วอรี่เรื่องค่าอาหารที่พุ่งกระฉูดแล้ว  แถมชางมินยังเป็นน้องของแฟนเพื่อนด้วยนี่นา  (อันที่จริงมันแลดูเหินห่างและสมควรไล่กลับบ้านมากเลยใช่มั้ยฮะ)  ผมก็เลยใจแข็งได้ไม่สุดเสียนี่  ยูชอนบอกว่าชางมินทะเลาะกับคนที่บ้านมา  ให้อยู่ห่าง ๆ สักสามสี่วันก็คงหายงอนกลับบ้านเอง  ขอให้ผมหยวน ๆ ไปก่อน  เพราะจะให้เอากลับห้องยูชอน  พ่อไก่ก็กลัวจะปะทะคารมกับจุนซูที่ดื้อพอ ๆ กันจนบ้านแตกหัวแตกไปเสียก่อน  ผมก็เลยเกิดภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก  ฮือ  จะมีใครเข้าใจอารมณ์นี้บ้างมั้ยเนี่ย

     

                และวันนี้ผมก็ต้องรับหน้าที่พี่เลี้ยงเด็กจำเป็น  ไล่ชางมินไปอาบน้ำแล้วเตรียมอาหารเช้าให้อีกต่างหาก  (อย่าหวังว่าคุณชายนี่จะเปิดแก๊ซเป็น)  ถึงปากหมา ๆ ของชางมินจะทำให้ผมโกรธจนลืมยุนโฮไปได้ในบางครั้ง  แต่พออยู่คนเดียวทีไร  ผมก็มักคิดถึงเขาขึ้นมาจนได้  แถมมันยังมาพร้อมความเหงาอีกต่างหาก  นี่ผมเป็นเอามากใช่ไหมฮะ

     

                ปรากฏว่ามีคนมาเคาะห้องผมแต่เช้า  ตอนแรกผมก็ไม่คิดหรอกว่าจะเป็นยุนโฮ  เพราะเขาเล่นหายหน้าหายตาออกไปจากชีวิตผมเองนี่นา  มันจึงไม่มีเหตุผลเอาซะเลยที่เขาจะมาเคาะประตูห้องผมเหมือนสมัยช่วงที่ผมต้องไปโกนหนวดให้เขาในตอนเช้า ๆ   เพราะงั้นพอผมเปิดประตูออกไปแล้วเจอหนวดตอ ๆ กับหน้าโทรม ๆ ของยุนโฮ  ผมก็เลยอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก  แถมที่สำคัญ...  แถมที่สำคัญคือ.....

     

                “ปากนายไปโดนอะไรมา”

     

                “ร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ดเดย์ให้หน่อยสิ”

     

                “หา?  เดี๋ยวสิ  ทำไมนายปากแตกล่ะยุนโฮ”  ผมพยายามวกกลับเข้าประเด็นเดิม  ก็ปากเขายังมีรอยแผลสีแดง ๆ ติดอยู่ที่มุมปากเลยนี่นา  ถึงมันจะแห้งแล้วก็เถอะ  แถมถ้ามองผ่านหนวดเคราดี ๆ แล้วล่ะก็  ผมว่าผมเห็นรอยช้ำด้วยนะ  วินาทีนั้นคือผมลืมอารมณ์โกรธหรือว่าน้อยใจทุกอย่างไปหมดเลย  เพราะแผลบ้า ๆ ของยุนโฮนั่นแหละที่ทำสติผมกระเจิง  ในใจผมคิดแต่ว่าจะต้องหายามาทาให้เขาก่อนอย่างเดียวเลย  พอมาคิดย้อนดูอีกที  ผมนี่ก็ไม่มีศักดิ์ศรีเอาซะเลย  โดนเขาทิ้งแล้วยังเป็นห่วงเขาออกนอกหน้าอย่างนี้อีก

     

                “อย่าจับ”  ยุนโฮคว้ามือผมไว้ทันก่อนที่มือของผมจะแตะถูกแก้มเขา  ก็ผมอยากตรวจดูแผลของเขานี่

     

                “ท่าทางจะเจ็บน่าดู  เข้ามาทำแผลก่อนมั้ย”

     

                “ไม่ล่ะ  ฉันรีบ”  แต่ยุนโฮก็ไม่มีท่าทีจะเข้ามาในห้องผม  “ฉันแค่อยากได้ยินเสียงนายเป็นคนแรกของวัน  รีบ ๆ ร้องเพลงมาได้แล้ว  เพลงแฮปปี้เบิร์ดเดย์น่ะรู้จักไหม  ร้องเป็นรึเปล่า”

     

                “นายเกิดวันนี้?”

     

                “คิดว่าฉันมาทำไมวันนี้ล่ะ”

     

                “แต่... แต่นายหายไปตั้งนาน  เบอร์โทรนายฉันก็ไม่มี  ฉันติดต่อนายไม่ได้เลยนะ!  พอตั้งสติกับการปรากฎตัวของเขาได้  ผมก็เริ่มอยากสะบัดมือที่จับอยู่ทิ้ง  ยุนโฮทำร้ายความรู้สึกผมมามาก  แล้วเขายังคิดจะมาก็มา  จะไปก็ไปอีกงั้นเหรอ  นี่เขาเห็นผมเป็นอะไรกันแน่  อยากล้อเล่นกับความรู้สึกผมเมื่อไหร่ก็ได้หรือไง  “แล้วคารัมอีกล่ะ  ตอนนี้เขาอยู่ไหน  ทำไมนายไม่เห็นเล่าอะไรให้ฉันฟังสักอย่าง”

     

                “ก็บอกแล้วไงว่ามันเป็นเรื่องของฉันกับคารัม”  แต่ยุนโฮก็ไม่ยอมปล่อยมือผมง่าย ๆ   เขายึดข้อมือผมไว้แน่น  แล้วใช้สายตาที่ผมแพ้ทางจ้องเขม็ง  มาถึงตอนนี้ผมถึงได้รู้ว่าผมคิดถึงเขามากแค่ไหนในช่วงที่ยุนโฮไม่อยู่  ผมคิดถึงสายตาของเขา  โครงหน้าของเขา  ริมฝีปากของเขา  น้ำเสียงของเขา  และทุกอย่างที่รวมกันเป็นเขา  แล้วพอเขาโผล่มาในสภาพโทรม ๆ เยิน ๆ อย่างนี้  โผล่มาในสภาพที่แย่ลงกว่าเดิมและมองปราดเดียวก็รู้แน่ว่ามีเรื่อง  ผมก็ยิ่งอยากรู้ความจริงทั้งหมดที่เขาปิดบังผมอยู่ยิ่งขึ้นไปอีก  แต่ถึงอย่างนั้นยุนโฮก็ยังเลือกที่จะกันผมออกไป... อีกครั้ง  “ครั้งก่อนฉันอาจรีบจนไม่มีเวลาอธิบายให้นายฟัง  แต่ตอนนี้ฉันก็ยังพูดอะไรให้นายฟังไม่ได้อยู่ดี”

     

                “เพราะฉันเป็นคนนอกอย่างนั้นเหรอ”  ตอนนั้นผมคิดว่าตัวเองแทบไม่มีเสียงแล้วด้วยซ้ำ

     

                “เพราะฉันไม่อยากดึงนายเข้ามาต่างหาก”  แต่ยุนโฮก็แก้คำพูดให้ผม  เขายกมือผมไปจรดกับริมฝีปากเขาเบา ๆ แล้วแช่ค้างไว้อย่างนั้นจนมือของผมเริ่มอุ่นขึ้นมาบ้าง  สัมผัสของยุนโฮยังอบอุ่นเหมือนเดิม  และก็ทำให้ผมใจเต้นได้เหมือนเดิมด้วย  “แจจุง...  ไว้ฉันเคลียร์เรื่องนี้เสร็จเมื่อไหร่  นายค่อยโกรธฉันก็แล้วกัน”

     

                เขาจะรู้บ้างไหม...  ยุนโฮจะรู้บ้างไหมว่าแค่เขาทำอย่างนี้กับผม  ผมก็โกรธเขาไม่ลงแล้ว  ผมไม่ได้เป็นคนไร้เหตุผลเสียหน่อย  ขอแค่คำอธิบาย...  ขอแค่เหตุผลที่เขาต้องทิ้งผมไว้ตรงนี้

     

                และการที่เขาบอกว่าพูดไม่ได้

     

                มันก็แปลว่าเขามีเหตุผลที่ทำให้ต้องทิ้งผมไว้ตรงนี้ใช่ไหม

     

                นี่ผมใจอ่อนไปรึเปล่าฮะ  ผมใจง่ายเกินไปไหม  ทั้งที่ยังไม่รู้อะไรสักอย่าง  แต่แค่เห็นรอยช้ำของยุนโฮ  ผมก็ยกโทษให้กับสิ่งที่เขาเคยทำมาเสียแล้ว  บางทีผมอาจเป็นคนที่เชื่ออะไรใครง่าย ๆ ที่สุดในโลกก็ได้

     

                “แต่เมื่อวันก่อนก็วันเกิดฉันเหมือนกันนะ”  ผมก็เลยคิดว่าต้องเล่นแง่กับเขาบ้าง  “ไม่เห็นนายจะให้อะไรฉันซักอย่าง  เพลงก็ไม่ร้องเหมือนกัน”

     

                “เหรอ”  ดูยุนโฮตอบผมสิฮะ  เหรอคำเดียว  เสียงตายหน้าตายด้วย  จะรู้สึกผิดสักนิดก็ไม่มีล่ะ  “งั้นมาร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ดเดย์พร้อมกันมั้ย  นายอวยพรฉัน  ฉันอวยพรนาย”

     

                “วันเกิดฉันมันผ่านมาแล้วนะ”

     

                “สำหรับนาย  จะวันอะไรฉันก็ร้องได้ทั้งนั้นแหละน่า   เร็ว ๆ   บอกแล้วไงว่ารีบ”

     

                พอถูกยุนโฮเร่งยิก ๆ ผสมคะยั้นคะยอมาก ๆ เข้า  สุดท้ายก็เข้าอีหรอบเดิมที่ผมต้องใจอ่อนอีกจนได้  ก็อย่างที่เคยพร่ำบอกนั่นแหละฮะ  ผมแพ้สายตาของเขานี่  ทำไมชอบจ้องผมแบบนี้นักก็ไม่รู้  ผมหลุบตาหนี  ส่วนยุนโฮก็นับจังหวะให้พวกเราเริ่มร้องเพลงกันสักที

     

                “เอาล่ะนะ  หนึ่ง...  สอง...  สาม.....”

     

                “แจจุง  ทิชชู่หมดอ่ะ  ขอม้วนใหม่หน่อยสิ”  อยู่ดี ๆ ชางมินก็โผล่ออกมาจากห้องน้ำในสภาพผ้าขนหนูพันก้นผืนเดียว  ผมหันขวับไปถลึงตาใส่เขา  เพราะไอ้เด็กนี่ไม่ยอมเช็ดตัวให้แห้งก่อนออกมาด้วย  พื้นห้องผมก็เลยเปียกไปหมดเลย  แหงสิว่าคนตามเช็ดก็คือเจ้าของห้องอย่างผมน่ะ

     

                “ชางมิน!

     

                “โอ๊ะ  สวีทอยู่เหรอ  แต่... แล้วทิชชู่ฉันล่ะ  ไปหยิบมาเร็ว ๆ สิคิมแจจุง”

     

                “เอ่อ...”  ผมหันกลับไปหาคนที่ยืนอยู่หน้าประตู  แต่ยุนโฮก็ปล่อยมือผมแล้วเรียบร้อย  ผมรู้สึกได้ว่ายุนโฮไม่ได้ปล่อยมือเพราะถูกชางมินแซว  แต่เป็นเพราะการปรากฎตัวทั้งหมดทั้งมวลของนายคนหนีออกจากบ้านนี่ต่างหาก  “...ยุนโฮ?”

     

                “ฉันมีเวลาไม่มาก  ไปล่ะ”

     

                “เอ๊ะ  เดี๋ยวก่อนสิยุนโฮ”

     

                “เฮ้ ๆ   แล้วทิชชู่ฉันล่ะ”  แต่เพราะชางมินดึงเสื้อผมไว้ไม่ยอมปล่อย  ยุนโฮก็เลยหนีผมได้อีกครั้ง  ผมหันกลับไปมองชางมินอย่างคาดโทษ  จะกวนผมไปถึงไหนเนี่ย!  “ชิ!  มองฉันอย่างนี้หมายความว่าไง  ก็แล้วใครใช้ให้ทิชชู่ห้องน้ำนายหมดพอดีล่ะ”

     

                “หยิบเองไม่เป็นรึไง!

     

                “ไม่รู้อยู่ตรงไหน”

     

                สุดท้ายผมก็ต้องกัดฟันไปหยิบทิชชู่ม้วนใหม่ให้ชางมิน  เจ้าเด็กบ้าถึงค่อยยอมปล่อยเสื้อผมแล้วกลับเข้าห้องน้ำไป  และพอผมกลับออกไปดูที่ประตู  มันก็แหงสิว่ายุนโฮจะหายลับไปแล้ว

     

                ผมก้มลงมองมือตัวเองข้างที่ยุนโฮจับเมื่อครู่  ไออุ่นยังเจือจาง  แต่แววตาครั้งสุดท้ายที่ยุนโฮมองมา... มันไม่ได้ทำให้ผมใจสั่นเหมือนทุกที

     

                เพราะมันดูเย็นชากว่านั้น

     

                ผมอาจคิดไปเองก็ได้  แต่เหมือนยุนโฮไม่พอใจ  ถ้าจุนซูได้ยินก็คงดีใจอยู่หรอก  แต่ผมไม่เห็นจะชอบเลย  ผมไม่อยากให้ยุนโฮเข้าใจผิดเรื่องชางมินเสียหน่อย  แต่เขาก็ไม่อยู่รอฟังคำอธิบายจากผมด้วยเหมือนกัน  ดูเหมือนว่าเราจะติดค้างคำอธิบายด้วยกันทั้งคู่แฮะ

     

                แถม... ผมยังไม่ได้ร้องเพลงอวยพรวันเกิดให้เขาเลย

     

                ยุนโฮอุตส่าห์มาหาผมถึงที่นี่เพื่อให้ผมร้องเพลงเป็นคนแรก  แต่แล้วเขาก็กลับออกไปโดยที่ไม่อยู่รอฟังเสียงของผมด้วยซ้ำ

     

                ตอนนี้ในใจของผมก็ยังมีแต่คำถามอยู่เต็มไปหมด  แต่อย่างน้อยผมก็ไม่ได้เศร้าเท่าที่ผ่าน ๆ มาแล้ว  แต่เอ...  ผมชักจะกังวลยังไงก็ไม่รู้แทนแล้วสิ  ยุนโฮคงเป็นฝ่ายโกรธผมเเทนแล้วแหง ๆ   ทำไมผมถึงคิดว่าเขาโกรธน่ะเหรอฮะ  อธิบายเป็นคำพูดไม่ได้แฮะ  คงเพราะสองเดือนที่ผ่านมานี้  ผมคลุกคลีกับเขาบ่อยมาก  ก็เลยอ่านอารมณ์ยุนโฮจากสีหน้ามึน ๆ ตามสไตล์ของเขาได้ล่ะมั้ง

     

                และก็แน่นอนว่าตอนนี้ผมอ่านออกได้แค่ว่าโกรธ... รึเปล่า

     

                แต่ยุนโฮเขาจะโกรธผมทำไมล่ะ  นอกเสียจาก...  นอกเสียจากว่า.....  ไม่นะ  ผมจะไม่คิดเข้าข้างตัวเองอีกแล้ว  ผมจะไม่หลงตัวเองแล้วต้องมานั่งเสียใจทีหลังอีกแล้วล่ะ  ตราบใดที่ยุนโฮยังไม่พูดมันออกมา  ผมก็จะไม่คิดเอาเองเด็ดขาด  ผมเข็ดแล้วล่ะฮะ

     

                แถมตอนนี้ที่ผมห่วงที่สุดก็คือรอยแผลของยุนโฮ  ท่าทางจะมีปัญหาใหญ่  อันตรายด้วยรึเปล่านะ  ยุนโฮไปมีเรื่องกับใครมา  ทำไมคารัมไม่ดูแลเขาให้ดีล่ะ  เฮ้อ  ผมอยากไปอยู่ข้าง ๆ เขาจัง  แต่ก็ติดตรงนายหนวดนั่นแหละที่ไม่ยอมให้ผมรู้เรื่องอะไรเลย  ยุนโฮจะรู้บ้างรึเปล่าว่ายิ่งเขาทำอย่างนี้  ผมก็ยิ่งเป็นห่วงเขาจนไม่เป็นอันทำอะไรสักอย่างแล้ว

     

                ผมหวังว่าเขาจะปลอดภัยนะ...

     

     

                แจจุง            

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×