คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : 12 - 01 - 14 : วันนี้ของเดือนหน้า?
14 มกราคม 2012
รู้สึกว่าตอนนี้ทางออกที่เพื่อน ๆ แนะนำจะมีอยู่สองกลุ่มใหญ่ ๆ คือหนึ่ง ให้ผมทำอาหารให้เขากิน กับสอง ให้ผมเรียกยุนโฮว่า ‘พี่’
ผมว่าตัวเลือกที่สองง่ายกว่า (เพราะผมขี้เกียจหน้ามันทำกับข้าวฮะ) ผมก็เลยจัดไป เรียกว่าพี่ยุนโฮใช่มั้ย ถึงจะกระดากปากนิดหน่อยเพราะไม่เคย แต่ถ้าพูดบ่อย ๆ ก็น่าจะชินไปเอง ทุกอย่างมันต้องมีครั้งแรกแหละน่า ดังนั้นก็อย่ารอช้า วันนี้วันเสาร์พอดี ยุนโฮอยู่ห้องเล่นเกมทั้งวัน ผมก็ทักเขาไปเต็มที่เลย
“วันนี้ไม่ไปเที่ยวไหนเหรอพี่ยุนโฮ”
ปรากฎว่านายหนวดตอชะงัก ยุนโฮค่อย ๆ เหลือบตาขึ้นมองผมอย่างเย็นชา ย้ำว่าเย็นชามาก ๆ ถ้าหนวดเขายาวกว่านี้อีกหน่อยผมได้วิ่งกลับห้องแน่
“เมื่อกี้นายเรียกฉันว่าอะไรนะ” ยุนโฮถาม
“พี่ยุนโฮ?” ผมรู้น่าว่าไม่เคยเรียกแบบนี้ แต่เขาต้องทำหน้าเครียดขนาดนั้นเลยเหรอไง ผมชักหวั่นแล้วสิ เริ่มไม่กล้าพูดถึงข้อตกลงโกนหนวดซะแล้ว ขอเคลียร์เรื่องสรรพนามก่อนดีกว่า “ทำไมอ่ะ ฉันเรียกไม่ได้เหรอ ก็นายเป็นรุ่นพี่ฉันนี่”
“ฉันไม่ให้เรียก”
“อ้าว ไหนบอกว่าเห็นฉันเป็นน้องไง”
ยุนโฮเงียบอีกครั้ง เขาแค่จ้องหน้าผมนิ่ง ๆ เหมือนช่วงแรก ๆ ที่เราเพิ่งรู้จักกัน (เพราะฉะนั้นอย่าให้ต้องบรรยายความน่ากลัว) ผมก้าวถอยหลังอัตโนมัติ เตรียมล็อกห้องทันทีถ้าเห็นยุนโฮขยับตัวทำท่าจะลุก
“เอาเป็นว่าไม่ให้เรียก” แต่เขาก็สรุปกลับมาแค่นั้น ก่อนจะหันไปสนใจโน้ตบุ๊กต่อ ผมก็เอ๋อสิครับ ยุนโฮติสต์แตกอีกแล้วอ่ะ ทำไงดีเนี่ย แปลว่าเขาไม่ชอบให้ผมเรียกว่าพี่งั้นเหรอ ทำไมล่ะ ไม่เห็นเข้าใจเลย ทีจุนซูกับซุนเอเรียกยังไม่เห็นยุนโฮจะว่าอะไรเลยนี่ แล้วทำไมต้องกีดกันผมไม่ให้เรียกด้วยเล่า สองมาตรฐานชัด ๆ
“ไม่อยากได้ฉันเป็นน้องแล้วเหรอ” ผมถามเสียงหงอเหมือนลูกหมาที่โดนเขี่ยทิ้ง แต่ผมรู้สึกแบบนั้นจริง ๆ นะ ทำไมยุนโฮต้องไม่พอใจขนาดนี้ด้วย ทั้งที่ผมทำไปเพราะอยากเอาใจเขาแท้ ๆ
“เข้ามาใกล้ ๆ นี่” ยุนโฮถอนใจก่อนจะกวักมือเรียกผมที่เกาะประตูตัวเองอยู่ เรื่องสิ ผมส่ายหน้าหวือ เดาอารมณ์ยุนโฮไม่ออก แต่มั่นใจว่าท่าทางจะไม่ดีเท่าไหร่ เพราะงั้นผมไม่เสี่ยงชีวิตเข้าไปใกล้รัศมีของตาหนวดตอนนี้แน่
“คุยตรงนี้ก็ได้ยิน”
“ถ้าอยากให้ฉันโกนหนวดก็เข้ามา”
เหมือนโดนอ่านใจได้ยังไงยังงั้นเลย ลืมไปว่ายุนโฮฉลาด ชิ ผมจิ๊ปากไม่สบอารมณ์ (แน่นอนว่าแอบทำไม่ให้เขาเห็น) แต่สุดท้ายก็ยอมค่อย ๆ เขยิบเข้าไปทีละก้าว ๆ เหมือนนักโทษที่กำลังก้าวขึ้นแท่นประหาร
“นั่ง” ยุนโฮสั่ง และผมก็ทำตามอย่างว่าง่าย เริ่มรู้สึกว่าตัวเองมีหูกับหางเข้าไปทุกที เอาเถอะ ผมค้านสายตาประหัตประหารของยุนโฮไม่ได้นี่ “รู้มั้ยว่าทำไมฉันถึงไม่อยากให้เรียก”
ผมส่ายหน้าอีกครั้ง
และยุนโฮก็ถอนใจอีกหน
“นายนี่น้า” เขาเปรยแบบหน่ายใจเหลือคณา ทำไมอ่ะ ผมโง่มากเลยเหรอที่ไม่รู้อ่ะ ผมชักใจเสียขึ้นเรื่อย ๆ แล้วสิ เหมือนเรียกมาเพื่อดุโดยเฉพาะเลย “เอาเป็นว่าฉันไม่อยากให้นายเรียกฉันว่าพี่ แม้ว่าก่อนหน้านี้จะเคยเห็นนายเป็นน้องก็เถอะ”
“ก่อนหน้านี้? อ้าว แล้วตอนนี้นายเห็นฉันเป็นอะไรอ่ะ”
“เป็นแบบนี้” ว่าแล้วยุนโฮก็เอามือมาวางแปะ ๆ ที่หัวผม อืมมมมม ตกลงว่าผมเป็นสัตว์เลี้ยงเขาไปแล้วใช่มั้ย (สรุปว่าไม่ได้มีผมคนเดียวที่รู้สึกว่าตัวเองเป็นลูกหมา น่ากลัวนะที่ผมกับยุนโฮคิดอะไรตรงกัน)
“ใจร้ายอ่ะ” ผมกัดปาก ช้อนตาขึ้นมองเขานิด ๆ (มองเต็ม ๆ ไม่ได้ หนวดยาวแล้ว)
“ก็ฉันไม่อยากให้นายเป็นน้อง”
อ้าว พูดงี้ก็สวยสิ จากที่งง ๆ มาตอนนี้เริ่มจะขึ้นแทนแล้ว ไหนบอกอยากดูแลผมเหมือนน้องคนนึงไง แล้วไหงตอนนี้มากลับคำล่ะ หรือเพราะผมทำตัวน่ารำคาญไป วุ่นวายกับชีวิตเขามากไป ยุนโฮก็เลยเกิดอาการหน่ายจนไม่อยากนับญาติกับผมอีก
ผมโกรธนะ ...ไม่รู้สิ มันเป็นอารมณ์โกรธ ๆ นอยด์ ๆ แต่ไม่อยากให้เขารู้ว่าเราโกรธอ่ะ เพื่อน ๆ เข้าใจอารมณ์นี้มั้ยฮะ ผมไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อนเลยนะ เพิ่งมาเป็นกับยุนโฮนี่แหละ
“ถ้างั้นฉันไม่พูดกับนายแล้วก็ได้” ผมตัดบทแล้วก็ลุกหนีเลย ไม่อยากคุยด้วยแล้ว ชิ ๆ ๆ
“เดี๋ยว” แต่ยุนโฮก็ดันคว้ามือผมไว้ทัน
“อะไรอีก” ผมทำเป็นชายตามอง (ด้วยเหตุผลเดิมคือหนวดยาวแล้ว)
“ไปซื้อของกัน”
ผมอ้าปากเหวอ ปรับอารมณ์ผีเข้าผีออกไม่ทัน แต่ยุนโฮก็ไม่อธิบายอะไรเพิ่มเหมือนกัน เขาแค่เก็บโน้ตบุ๊กเข้าห้องแล้วลากผมลงไปที่จอดลานรถ เอาหมวกกันน็อคยัดใส่หัวผม แล้วก็ให้ผมซ้อนท้ายเขาขี่มอไซค์ออกไปจากตึก
โอเค ก็รู้อยู่ว่ายุนโฮอินดี้
แต่นึกไม่ถึงว่าตัวเองจะบ้าจี้ตามเขามาจริง ๆ เหมือนกัน
สุดท้ายเราก็มาจบที่ตลาดนัดวัยรุ่นแถวนั้น วันนี้วันเสาร์ คนก็เลยค่อนข้างเยอะหน่อยนึง ผมยืนสำรวจรวงร้านไปเรื่อยตอนรอยุนโฮล็อกรถ และแป๊บเดียวเขาก็มายืนข้าง ๆ ผมด้วยหน้าตาบึงตึงเรียบร้อย
“นาย... จะซื้ออะไร” ผมถามเขาเป็นการหยั่งเชิงและอารมณ์
“ตามมา” แต่ยุนโฮก็ไม่ตอบอีกตามเคย เขาแค่เดินนำหน้าลิ่ว ๆ ๆ แล้วพอเห็นผมยืนเอ๋ออยู่ที่เดิม ยุนโฮก็มุ่ยหน้าแล้วเดินกลับมาคว้ามือผมไป เอาล่ะ ผมรู้นิสัยอีกข้อของยุนโฮแล้ว เอาแต่ใจ... มาก
พวกเราเดินจูงมือผ่านร้านค้าต่าง ๆ มากมายที่ไม่เห็นว่ายุนโฮจะสนใจ ผมอดไม่ได้ที่จะก้มลงมองดูมือที่จับผมอยู่ ยุนโฮมือใหญ่กว่าผมตั้งเยอะแน่ะ น่าอิจฉาแฮะ กุมมือผมได้หมดเลย มันก็เลยอุ่นมาก ๆ เลยล่ะฮะ วันนี้อากาศค่อนข้างหนาวด้วยสิ แถมผมยังลืมใส่ถุงมือออกมาอีกต่างหาก ผมก็เลยคิดว่าหยวน ๆ ให้เขากุมต่อไปก่อนละกัน ถึงจะมีคนอื่นมองเป็นระยะ ๆ (เขาคงนึกว่าผู้ร้ายหน้าหนวดกำลังลักพาตัวหนุ่มน้อยผู้ใสซื่ออย่างผม) แต่ก็ดูเหมือนยุนโฮจะไม่แคร์สายตาใครทั้งนั้น เขาเดินแบบคนมีจุดมุ่งหมายมาก
และแล้วเราก็มาหยุดกันที่....
ร้านทำผม
เขาไม่รอช้าที่จะลากผมเข้าไปในร้าน ช่างคนนึงรี่เข้ามาหาพวกเราทันที คือตอนนี้ผมงงไปหมดแล้ว ไม่รู้ว่าสมองของยุนโฮมีกลไกการทำงานแบบไหน แต่ที่แน่ ๆ คือยุนโฮชี้นิ้วมาที่ผมแล้วบอกกับช่างคนนั้นว่า...
“สอนเขาโกนหนวดให้ผมที”
อึ้งครับ...
ผมอึ้ง...
ช่างก็อึ้ง...
ยุนโฮน่าจะเป็นผู้ชายคนแรกและคนเดียวบนโลกใบนี้... ที่จ้างให้ผู้ชายคนหนึ่งสอนวิธีโกนหนวดให้กับผู้ชายอีกคน เพื่อให้ผู้ชายคนที่ว่ามาโกนหนวดให้ผู้ชายอย่างเขาอีกที
ติสต์มากกกกกกกกก!!
สรุปก็คือผมถูกบังคับเรียนฮะ ผมโดนลากให้ไปยืนข้าง ๆ เก้าอี้ ทำความเข้าใจกับอุปกรณ์ต่าง ๆ และวิธีโกนที่ถูกต้อง ทำความสะอาดหน้ายังไง ใช้น้ำอุ่นแบบไหน ป้ายครีมถึงตรงไหน จับมีดโกนอย่างไร และอีกจิปาถะมากมายจนผมหัวหมุนไปหมด เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าการโกนหนวดมันยุ่งยากขนาดนี้ มิน่าล่ะ ยุนโฮถึงยอมปล่อยให้มันรกรุงรังน่ะ (ผมมันพวกมนุษย์ขนน้อยฮะ ขึ้นช้ามาก แล้วก็ขึ้นบาง ๆ ด้วย ต่อให้ผมไม่พิถีพิถันเท่าไหร่ มันก็มองไม่เห็นและไม่น่าเกลียดอยู่ดีนั่นแหละ แต่เหมือนจะไม่ใช่สำหรับยุนโฮน่ะนะ)
สุดท้ายเราก็ออกมายืนกันที่หน้าร้านพร้อมใบหน้าเกลี้ยงเกลาของยุนโฮอีกครั้ง (ตอนนี้วิญญาณผมออกจากร่างไปแล้ว) ยุนโฮเก็บกระเป๋าเงิน ก่อนจะเริ่มจูงมือผมไปอีกทาง ผมเลิกถามแล้วว่าจะไปไหน เพราะถ้าเขานึกอยากบอกเมื่อไหร่ เขาก็จะเป็นฝ่ายง้างปากเองนั่นแหละ แถมพฤติกรรมลมเพลมพัดของยุนโฮก็ทำเอาผมหมดอารมณ์โกรธแล้วด้วย ก็สุดท้ายเขาก็ยอมโกนหนวดแล้วนี่
คราวนี้ยุนโฮพาผมมาที่ซุปเปอร์มาเก็ต โอเค อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้โกหกที่จะมาซื้อของกัน วิญญาณผมเริ่มกลับเข้าร่าง ชักจะอารมณ์ดีแบบแปลก ๆ เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เราออกมาเดินซื้อของด้วยกันเป็นเรื่องเป็นราว (ส่วนใหญ่จะฝากซื้อ หรือไม่ก็ลงไปแค่มินิมาร์ทข้างล่าง) พวกเราเข็นรถเข็นซื้อนู่นซื้อนี่ไปเรื่อย ยุนโฮถามผมว่ามีตู้เย็นมั้ย พอผมพยักหน้า เขาก็หยิบของสดใส่รถเข็นรัว ๆ เลยฮะ (จนผมต้องเป็นคนเอาออก แล้วเลือกชิ้นที่ดี ๆ ใส่เข้ามาแทน) ผมเริ่มเห็นแววตัวเองหน้ามันเป็นพ่อครัวยังไงซะแล้วสิ (นึกถึงเพื่อน ๆ ในบอร์ดขึ้นมาทันทีเลย) ก็ขนาดเลือกซื้อยุนโฮยังทำไม่เป็น แล้วจะหวังอะไรกับการเข้าครัวล่ะเนี่ย
และแล้วเราสองคนก็เดินมันแทบทั้งซุปเปอร์ คือปกติเวลามาซื้อของ ผมจะเลือกเดินเฉพาะโซนที่ตั้งใจจะมาซื้ออย่างเดียว แต่เหมือนยุนโฮจะเป็นแบบตรงกันข้าม คือไม่มีจุดมุ่งหมายในการมา นึกไม่ออกว่าจะซื้ออะไรจนกว่าจะเห็นของจริง เพราะงั้นก็ต้องเริ่มเดินจากจุดแรกยันจุดสุดท้ายเลยฮะ
ผมก็ไม่รู้ตัวเหมือนกันว่าพวกเราเดินกันครบซุปเปอร์ตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่พอยุนโฮเข็นรถเข็นเข้าช่องคิดเงิน ผมถึงเพิ่งนึกออกว่าตัวเองเมื่อยขา ทำไมสองชั่วโมงวันนี้มันผ่านไปเร็วจัง
“ฉันจ่ายเอง” ยุนโฮบอกตอนที่เห็นผมควักกระเป๋าตังค์ออกมา
“ได้ไงอ่ะ ฉันก็หยิบเหมือนกันนะ” แถมหยิบไม่ใช่น้อย ๆ ด้วย ก็เดินกันเพลินเลยนี่นา
“ฉันเป็นนายทุน ส่วนนายเป็นคนใช้แรงงาน” คำตอบยุนโฮชวนให้กระทืบเท้าเขามาก “ไว้เป็นค่าแรงทำกับข้าวก็แล้วกัน”
“โหว ฉันทำ ฉันก็กินเหมือนกันนั่นแหละ ไม่ต้องเลย”
“กินอย่างกับแมวดม เงียบไปเลยป่ะ”
“ยุนโฮอ่า” ผมแกล้งทำหน้าน่าสงสาร แต่เหมือนยุนโฮจะรู้แกว ก็เลยดันหน้าผมออกไป แล้วส่งบัตรเครดิตให้แคชเชียร์อย่างเร็วไว ไม่ยอมเปิดโอกาสให้ผมเห็นยอดความเสียหายของวันนี้ด้วยซ้ำ เหอะ ใจจริงผมไม่อยากให้ยุนโฮจ่ายคนเดียวหรอกนะ แต่พอเห็นสายตาดุ ๆ เขม็งมอง แถมคนอื่นก็เริ่มสนใจการแข่งกันจ่ายของเราแล้วด้วย ผมก็เลย... ปล่อยเลยตามเลยไปก่อน
“หิวยัง?” ยุนโฮหันมาถามผม เราสองคนหิ้วถุงกันออกมาคนละสองสามถุง ผมล่ะไม่อยากนึกถึงตอนนั่งมอไซค์กลับ ไอ้บ้าหอบฟางร้อยเปอร์เซ็นต์ พวกเราตัดสินใจกินอะไรง่าย ๆ ข้างทาง เพราะไม่อยากให้ของสดที่ซื้อมาเน่าเสียก่อน รู้มั้ย มันเป็นแค่ร้านรถเข็นริมถนน แต่ผมกลับคิดว่ามันอร่อยชะมัด อากาศเย็น ๆ กับน้ำซุปร้อน ๆ เนี่ยเป็นอะไรที่สุดยอดไปเลย พวกเราคุยกันไปหัวเราะกันไป แปลกนะ ยิ่งสนิทกับยุนโฮ ผมก็ยิ่งเห็นด้านที่ไม่เคยคิดว่าเขาจะมีได้ อย่างตอนนี้ก็เหมือนกัน ผมเคยบอกแล้วใช่ไหมว่าเขาเป็นเสือยิ้มยาก แต่ดูท่าวันนี้ยุนโฮคงอารมณ์ดีสุด ๆ รอยยิ้มบาดตาก็เลยหลุดออกมาบ่อย ๆ จนกลุ่มผู้หญิงที่นั่งอยู่โต๊ะข้าง ๆ ยังต้องเหลือบมองทุก ๆ สามนาที ...ชิ ผมรู้น่าว่ายุนโฮหล่อ แต่ที่เขาหล่อน่ามองขนาดนี้ก็เป็นเพราะผมคะยั้นคะยอให้เขาโกนหนวดต่างหาก ดังนั้นผมเลยหงุดหงิดหน่อย ๆ ที่สาวพวกนั้นมองเรา แต่เหมือนยุนโฮจะไม่รู้ตัวเลยว่ามีสาวมอง ก็เขาเอาแต่มองผมนี่
กว่าพวกเราจะกลับถึงห้องก็ปาเข้าไปสามทุ่มกว่า ยุนโฮโยนของสดทุกอย่างมาให้ห้องผมเป็นคนเก็บ (และแน่นอนว่าผมต้องเป็นคนจัดตู้เย็นอยู่คนเดียว เพราะยุนโฮหนีกลับไปเล่นเกมแล้วเรียบร้อย ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอกนะ เพราะเขาตกลงจะเป็นนายทุนนี่) ผมก็แฮปปี้ดีจนกระทั่งยุนโฮเคาะห้องผมอีกทีนั่นแหละ ตอนแรกผมนึกว่าเขาลืมเอาอะไรเข้าตู้เย็นอีก ก็เลยเปิดไปแบบไม่คิดอะไร
“ลืมบอก” ยุนโฮว่า
“เรื่อง?” ทำไมเขาต้องพูดอะไรสั้น ๆ แล้วให้ผมเป็นฝ่ายซักต่อทุกที
“วันนี้ของเดือนหน้า... ฉันจองตัวนายนะ”
บอกกันเสร็จยุนโฮก็หนีบโน้ตบุ๊กกลับเข้าห้องตัวเองทันที ปล่อยให้ผมยืนเอ๋ออีกครั้ง (ยุนโฮทำให้คนอื่นเออเร่อร์ง่ายมาก) วันนี้? เดือนหน้า? เอาเถอะ ผมไม่สนหรอก อีกตั้งเดือนนึงนี่ ดีไม่ดียุนโฮเองนั่นแหละที่จะลืมก่อน แต่เอ... วันนี้ของเดือนหน้ามันทำไมเหรอฮะ
แจจุง
ความคิดเห็น