ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic TVXQ] +:-= Because of Love =-:+ [Yaoi]

    ลำดับตอนที่ #15 : 12 - 01 - 14 : วันนี้ของเดือนหน้า?

    • อัปเดตล่าสุด 8 ก.พ. 55


     

     

     

     

    14  มกราคม  2012

     

     

                รู้สึกว่าตอนนี้ทางออกที่เพื่อน ๆ แนะนำจะมีอยู่สองกลุ่มใหญ่ ๆ   คือหนึ่ง  ให้ผมทำอาหารให้เขากิน  กับสอง  ให้ผมเรียกยุนโฮว่า พี่

     

                ผมว่าตัวเลือกที่สองง่ายกว่า  (เพราะผมขี้เกียจหน้ามันทำกับข้าวฮะ)  ผมก็เลยจัดไป  เรียกว่าพี่ยุนโฮใช่มั้ย  ถึงจะกระดากปากนิดหน่อยเพราะไม่เคย  แต่ถ้าพูดบ่อย ๆ ก็น่าจะชินไปเอง  ทุกอย่างมันต้องมีครั้งแรกแหละน่า  ดังนั้นก็อย่ารอช้า  วันนี้วันเสาร์พอดี  ยุนโฮอยู่ห้องเล่นเกมทั้งวัน  ผมก็ทักเขาไปเต็มที่เลย

     

                “วันนี้ไม่ไปเที่ยวไหนเหรอพี่ยุนโฮ”

     

                ปรากฎว่านายหนวดตอชะงัก  ยุนโฮค่อย ๆ เหลือบตาขึ้นมองผมอย่างเย็นชา  ย้ำว่าเย็นชามาก ๆ   ถ้าหนวดเขายาวกว่านี้อีกหน่อยผมได้วิ่งกลับห้องแน่

     

                “เมื่อกี้นายเรียกฉันว่าอะไรนะ”  ยุนโฮถาม

     

                “พี่ยุนโฮ?”  ผมรู้น่าว่าไม่เคยเรียกแบบนี้  แต่เขาต้องทำหน้าเครียดขนาดนั้นเลยเหรอไง  ผมชักหวั่นแล้วสิ  เริ่มไม่กล้าพูดถึงข้อตกลงโกนหนวดซะแล้ว  ขอเคลียร์เรื่องสรรพนามก่อนดีกว่า  “ทำไมอ่ะ  ฉันเรียกไม่ได้เหรอ  ก็นายเป็นรุ่นพี่ฉันนี่”

               

                “ฉันไม่ให้เรียก”

     

                “อ้าว  ไหนบอกว่าเห็นฉันเป็นน้องไง”

     

                ยุนโฮเงียบอีกครั้ง  เขาแค่จ้องหน้าผมนิ่ง ๆ เหมือนช่วงแรก ๆ ที่เราเพิ่งรู้จักกัน  (เพราะฉะนั้นอย่าให้ต้องบรรยายความน่ากลัว)  ผมก้าวถอยหลังอัตโนมัติ  เตรียมล็อกห้องทันทีถ้าเห็นยุนโฮขยับตัวทำท่าจะลุก

     

                “เอาเป็นว่าไม่ให้เรียก”  แต่เขาก็สรุปกลับมาแค่นั้น  ก่อนจะหันไปสนใจโน้ตบุ๊กต่อ  ผมก็เอ๋อสิครับ  ยุนโฮติสต์แตกอีกแล้วอ่ะ  ทำไงดีเนี่ย  แปลว่าเขาไม่ชอบให้ผมเรียกว่าพี่งั้นเหรอ  ทำไมล่ะ  ไม่เห็นเข้าใจเลย  ทีจุนซูกับซุนเอเรียกยังไม่เห็นยุนโฮจะว่าอะไรเลยนี่  แล้วทำไมต้องกีดกันผมไม่ให้เรียกด้วยเล่า  สองมาตรฐานชัด ๆ

     

                “ไม่อยากได้ฉันเป็นน้องแล้วเหรอ”  ผมถามเสียงหงอเหมือนลูกหมาที่โดนเขี่ยทิ้ง  แต่ผมรู้สึกแบบนั้นจริง ๆ นะ  ทำไมยุนโฮต้องไม่พอใจขนาดนี้ด้วย  ทั้งที่ผมทำไปเพราะอยากเอาใจเขาแท้ ๆ

     

                “เข้ามาใกล้ ๆ นี่”  ยุนโฮถอนใจก่อนจะกวักมือเรียกผมที่เกาะประตูตัวเองอยู่  เรื่องสิ  ผมส่ายหน้าหวือ  เดาอารมณ์ยุนโฮไม่ออก  แต่มั่นใจว่าท่าทางจะไม่ดีเท่าไหร่  เพราะงั้นผมไม่เสี่ยงชีวิตเข้าไปใกล้รัศมีของตาหนวดตอนนี้แน่

     

                “คุยตรงนี้ก็ได้ยิน”

     

                “ถ้าอยากให้ฉันโกนหนวดก็เข้ามา”

     

                เหมือนโดนอ่านใจได้ยังไงยังงั้นเลย  ลืมไปว่ายุนโฮฉลาด  ชิ  ผมจิ๊ปากไม่สบอารมณ์  (แน่นอนว่าแอบทำไม่ให้เขาเห็น)  แต่สุดท้ายก็ยอมค่อย ๆ เขยิบเข้าไปทีละก้าว ๆ เหมือนนักโทษที่กำลังก้าวขึ้นแท่นประหาร

     

                “นั่ง”  ยุนโฮสั่ง  และผมก็ทำตามอย่างว่าง่าย  เริ่มรู้สึกว่าตัวเองมีหูกับหางเข้าไปทุกที  เอาเถอะ  ผมค้านสายตาประหัตประหารของยุนโฮไม่ได้นี่  “รู้มั้ยว่าทำไมฉันถึงไม่อยากให้เรียก”

     

                ผมส่ายหน้าอีกครั้ง

     

                และยุนโฮก็ถอนใจอีกหน

     

                “นายนี่น้า”  เขาเปรยแบบหน่ายใจเหลือคณา  ทำไมอ่ะ  ผมโง่มากเลยเหรอที่ไม่รู้อ่ะ  ผมชักใจเสียขึ้นเรื่อย ๆ แล้วสิ  เหมือนเรียกมาเพื่อดุโดยเฉพาะเลย  “เอาเป็นว่าฉันไม่อยากให้นายเรียกฉันว่าพี่  แม้ว่าก่อนหน้านี้จะเคยเห็นนายเป็นน้องก็เถอะ”

     

                “ก่อนหน้านี้?  อ้าว  แล้วตอนนี้นายเห็นฉันเป็นอะไรอ่ะ”

     

                “เป็นแบบนี้”  ว่าแล้วยุนโฮก็เอามือมาวางแปะ ๆ ที่หัวผม  อืมมมมม  ตกลงว่าผมเป็นสัตว์เลี้ยงเขาไปแล้วใช่มั้ย  (สรุปว่าไม่ได้มีผมคนเดียวที่รู้สึกว่าตัวเองเป็นลูกหมา  น่ากลัวนะที่ผมกับยุนโฮคิดอะไรตรงกัน)

     

                “ใจร้ายอ่ะ”  ผมกัดปาก  ช้อนตาขึ้นมองเขานิด ๆ  (มองเต็ม ๆ ไม่ได้  หนวดยาวแล้ว)

     

                “ก็ฉันไม่อยากให้นายเป็นน้อง”

     

                อ้าว  พูดงี้ก็สวยสิ  จากที่งง ๆ มาตอนนี้เริ่มจะขึ้นแทนแล้ว  ไหนบอกอยากดูแลผมเหมือนน้องคนนึงไง  แล้วไหงตอนนี้มากลับคำล่ะ  หรือเพราะผมทำตัวน่ารำคาญไป  วุ่นวายกับชีวิตเขามากไป  ยุนโฮก็เลยเกิดอาการหน่ายจนไม่อยากนับญาติกับผมอีก

     

                ผมโกรธนะ  ...ไม่รู้สิ  มันเป็นอารมณ์โกรธ ๆ นอยด์ ๆ แต่ไม่อยากให้เขารู้ว่าเราโกรธอ่ะ  เพื่อน ๆ เข้าใจอารมณ์นี้มั้ยฮะ  ผมไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อนเลยนะ  เพิ่งมาเป็นกับยุนโฮนี่แหละ

     

                “ถ้างั้นฉันไม่พูดกับนายแล้วก็ได้”  ผมตัดบทแล้วก็ลุกหนีเลย  ไม่อยากคุยด้วยแล้ว  ชิ ๆ ๆ

     

                “เดี๋ยว”  แต่ยุนโฮก็ดันคว้ามือผมไว้ทัน

     

                “อะไรอีก”  ผมทำเป็นชายตามอง  (ด้วยเหตุผลเดิมคือหนวดยาวแล้ว)

     

                “ไปซื้อของกัน”

     

                ผมอ้าปากเหวอ  ปรับอารมณ์ผีเข้าผีออกไม่ทัน  แต่ยุนโฮก็ไม่อธิบายอะไรเพิ่มเหมือนกัน  เขาแค่เก็บโน้ตบุ๊กเข้าห้องแล้วลากผมลงไปที่จอดลานรถ  เอาหมวกกันน็อคยัดใส่หัวผม  แล้วก็ให้ผมซ้อนท้ายเขาขี่มอไซค์ออกไปจากตึก

     

                โอเค  ก็รู้อยู่ว่ายุนโฮอินดี้

     

                แต่นึกไม่ถึงว่าตัวเองจะบ้าจี้ตามเขามาจริง ๆ เหมือนกัน

     

                สุดท้ายเราก็มาจบที่ตลาดนัดวัยรุ่นแถวนั้น  วันนี้วันเสาร์  คนก็เลยค่อนข้างเยอะหน่อยนึง  ผมยืนสำรวจรวงร้านไปเรื่อยตอนรอยุนโฮล็อกรถ  และแป๊บเดียวเขาก็มายืนข้าง ๆ ผมด้วยหน้าตาบึงตึงเรียบร้อย

     

                “นาย... จะซื้ออะไร”  ผมถามเขาเป็นการหยั่งเชิงและอารมณ์

     

                “ตามมา”  แต่ยุนโฮก็ไม่ตอบอีกตามเคย  เขาแค่เดินนำหน้าลิ่ว ๆ ๆ   แล้วพอเห็นผมยืนเอ๋ออยู่ที่เดิม  ยุนโฮก็มุ่ยหน้าแล้วเดินกลับมาคว้ามือผมไป  เอาล่ะ  ผมรู้นิสัยอีกข้อของยุนโฮแล้ว  เอาแต่ใจ... มาก

     

                พวกเราเดินจูงมือผ่านร้านค้าต่าง ๆ มากมายที่ไม่เห็นว่ายุนโฮจะสนใจ  ผมอดไม่ได้ที่จะก้มลงมองดูมือที่จับผมอยู่  ยุนโฮมือใหญ่กว่าผมตั้งเยอะแน่ะ  น่าอิจฉาแฮะ  กุมมือผมได้หมดเลย  มันก็เลยอุ่นมาก ๆ เลยล่ะฮะ  วันนี้อากาศค่อนข้างหนาวด้วยสิ  แถมผมยังลืมใส่ถุงมือออกมาอีกต่างหาก  ผมก็เลยคิดว่าหยวน ๆ ให้เขากุมต่อไปก่อนละกัน  ถึงจะมีคนอื่นมองเป็นระยะ ๆ  (เขาคงนึกว่าผู้ร้ายหน้าหนวดกำลังลักพาตัวหนุ่มน้อยผู้ใสซื่ออย่างผม)  แต่ก็ดูเหมือนยุนโฮจะไม่แคร์สายตาใครทั้งนั้น  เขาเดินแบบคนมีจุดมุ่งหมายมาก

     

                และแล้วเราก็มาหยุดกันที่....

     

                ร้านทำผม

     

                เขาไม่รอช้าที่จะลากผมเข้าไปในร้าน  ช่างคนนึงรี่เข้ามาหาพวกเราทันที  คือตอนนี้ผมงงไปหมดแล้ว  ไม่รู้ว่าสมองของยุนโฮมีกลไกการทำงานแบบไหน  แต่ที่แน่ ๆ คือยุนโฮชี้นิ้วมาที่ผมแล้วบอกกับช่างคนนั้นว่า...

     

                “สอนเขาโกนหนวดให้ผมที”

     

                อึ้งครับ...

     

                ผมอึ้ง...

     

                ช่างก็อึ้ง...

     

                ยุนโฮน่าจะเป็นผู้ชายคนแรกและคนเดียวบนโลกใบนี้... ที่จ้างให้ผู้ชายคนหนึ่งสอนวิธีโกนหนวดให้กับผู้ชายอีกคน  เพื่อให้ผู้ชายคนที่ว่ามาโกนหนวดให้ผู้ชายอย่างเขาอีกที

     

                ติสต์มากกกกกกกกก!!

     

                สรุปก็คือผมถูกบังคับเรียนฮะ  ผมโดนลากให้ไปยืนข้าง ๆ เก้าอี้  ทำความเข้าใจกับอุปกรณ์ต่าง ๆ และวิธีโกนที่ถูกต้อง  ทำความสะอาดหน้ายังไง  ใช้น้ำอุ่นแบบไหน  ป้ายครีมถึงตรงไหน  จับมีดโกนอย่างไร  และอีกจิปาถะมากมายจนผมหัวหมุนไปหมด  เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าการโกนหนวดมันยุ่งยากขนาดนี้  มิน่าล่ะ  ยุนโฮถึงยอมปล่อยให้มันรกรุงรังน่ะ  (ผมมันพวกมนุษย์ขนน้อยฮะ  ขึ้นช้ามาก  แล้วก็ขึ้นบาง ๆ ด้วย  ต่อให้ผมไม่พิถีพิถันเท่าไหร่  มันก็มองไม่เห็นและไม่น่าเกลียดอยู่ดีนั่นแหละ  แต่เหมือนจะไม่ใช่สำหรับยุนโฮน่ะนะ)

     

                สุดท้ายเราก็ออกมายืนกันที่หน้าร้านพร้อมใบหน้าเกลี้ยงเกลาของยุนโฮอีกครั้ง  (ตอนนี้วิญญาณผมออกจากร่างไปแล้ว)  ยุนโฮเก็บกระเป๋าเงิน  ก่อนจะเริ่มจูงมือผมไปอีกทาง  ผมเลิกถามแล้วว่าจะไปไหน  เพราะถ้าเขานึกอยากบอกเมื่อไหร่  เขาก็จะเป็นฝ่ายง้างปากเองนั่นแหละ  แถมพฤติกรรมลมเพลมพัดของยุนโฮก็ทำเอาผมหมดอารมณ์โกรธแล้วด้วย  ก็สุดท้ายเขาก็ยอมโกนหนวดแล้วนี่

     

                คราวนี้ยุนโฮพาผมมาที่ซุปเปอร์มาเก็ต  โอเค  อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้โกหกที่จะมาซื้อของกัน  วิญญาณผมเริ่มกลับเข้าร่าง   ชักจะอารมณ์ดีแบบแปลก ๆ   เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เราออกมาเดินซื้อของด้วยกันเป็นเรื่องเป็นราว  (ส่วนใหญ่จะฝากซื้อ  หรือไม่ก็ลงไปแค่มินิมาร์ทข้างล่าง)  พวกเราเข็นรถเข็นซื้อนู่นซื้อนี่ไปเรื่อย  ยุนโฮถามผมว่ามีตู้เย็นมั้ย  พอผมพยักหน้า  เขาก็หยิบของสดใส่รถเข็นรัว ๆ เลยฮะ  (จนผมต้องเป็นคนเอาออก  แล้วเลือกชิ้นที่ดี ๆ ใส่เข้ามาแทน)  ผมเริ่มเห็นแววตัวเองหน้ามันเป็นพ่อครัวยังไงซะแล้วสิ  (นึกถึงเพื่อน ๆ ในบอร์ดขึ้นมาทันทีเลย)  ก็ขนาดเลือกซื้อยุนโฮยังทำไม่เป็น  แล้วจะหวังอะไรกับการเข้าครัวล่ะเนี่ย

     

                และแล้วเราสองคนก็เดินมันแทบทั้งซุปเปอร์  คือปกติเวลามาซื้อของ  ผมจะเลือกเดินเฉพาะโซนที่ตั้งใจจะมาซื้ออย่างเดียว  แต่เหมือนยุนโฮจะเป็นแบบตรงกันข้าม  คือไม่มีจุดมุ่งหมายในการมา  นึกไม่ออกว่าจะซื้ออะไรจนกว่าจะเห็นของจริง  เพราะงั้นก็ต้องเริ่มเดินจากจุดแรกยันจุดสุดท้ายเลยฮะ

     

                ผมก็ไม่รู้ตัวเหมือนกันว่าพวกเราเดินกันครบซุปเปอร์ตั้งแต่เมื่อไหร่  แต่พอยุนโฮเข็นรถเข็นเข้าช่องคิดเงิน  ผมถึงเพิ่งนึกออกว่าตัวเองเมื่อยขา  ทำไมสองชั่วโมงวันนี้มันผ่านไปเร็วจัง

     

                “ฉันจ่ายเอง”  ยุนโฮบอกตอนที่เห็นผมควักกระเป๋าตังค์ออกมา

     

                “ได้ไงอ่ะ  ฉันก็หยิบเหมือนกันนะ”  แถมหยิบไม่ใช่น้อย ๆ ด้วย  ก็เดินกันเพลินเลยนี่นา

     

                “ฉันเป็นนายทุน  ส่วนนายเป็นคนใช้แรงงาน”  คำตอบยุนโฮชวนให้กระทืบเท้าเขามาก  “ไว้เป็นค่าแรงทำกับข้าวก็แล้วกัน”

     

                “โหว  ฉันทำ  ฉันก็กินเหมือนกันนั่นแหละ  ไม่ต้องเลย”

     

                “กินอย่างกับแมวดม  เงียบไปเลยป่ะ”

     

                “ยุนโฮอ่า”  ผมแกล้งทำหน้าน่าสงสาร  แต่เหมือนยุนโฮจะรู้แกว  ก็เลยดันหน้าผมออกไป  แล้วส่งบัตรเครดิตให้แคชเชียร์อย่างเร็วไว  ไม่ยอมเปิดโอกาสให้ผมเห็นยอดความเสียหายของวันนี้ด้วยซ้ำ  เหอะ  ใจจริงผมไม่อยากให้ยุนโฮจ่ายคนเดียวหรอกนะ  แต่พอเห็นสายตาดุ ๆ เขม็งมอง  แถมคนอื่นก็เริ่มสนใจการแข่งกันจ่ายของเราแล้วด้วย  ผมก็เลย...  ปล่อยเลยตามเลยไปก่อน

     

                “หิวยัง?”  ยุนโฮหันมาถามผม  เราสองคนหิ้วถุงกันออกมาคนละสองสามถุง  ผมล่ะไม่อยากนึกถึงตอนนั่งมอไซค์กลับ  ไอ้บ้าหอบฟางร้อยเปอร์เซ็นต์  พวกเราตัดสินใจกินอะไรง่าย ๆ ข้างทาง  เพราะไม่อยากให้ของสดที่ซื้อมาเน่าเสียก่อน  รู้มั้ย  มันเป็นแค่ร้านรถเข็นริมถนน  แต่ผมกลับคิดว่ามันอร่อยชะมัด  อากาศเย็น ๆ กับน้ำซุปร้อน ๆ เนี่ยเป็นอะไรที่สุดยอดไปเลย  พวกเราคุยกันไปหัวเราะกันไป  แปลกนะ  ยิ่งสนิทกับยุนโฮ  ผมก็ยิ่งเห็นด้านที่ไม่เคยคิดว่าเขาจะมีได้  อย่างตอนนี้ก็เหมือนกัน  ผมเคยบอกแล้วใช่ไหมว่าเขาเป็นเสือยิ้มยาก  แต่ดูท่าวันนี้ยุนโฮคงอารมณ์ดีสุด ๆ   รอยยิ้มบาดตาก็เลยหลุดออกมาบ่อย ๆ จนกลุ่มผู้หญิงที่นั่งอยู่โต๊ะข้าง ๆ ยังต้องเหลือบมองทุก ๆ สามนาที  ...ชิ  ผมรู้น่าว่ายุนโฮหล่อ  แต่ที่เขาหล่อน่ามองขนาดนี้ก็เป็นเพราะผมคะยั้นคะยอให้เขาโกนหนวดต่างหาก  ดังนั้นผมเลยหงุดหงิดหน่อย ๆ ที่สาวพวกนั้นมองเรา  แต่เหมือนยุนโฮจะไม่รู้ตัวเลยว่ามีสาวมอง  ก็เขาเอาแต่มองผมนี่

     

                กว่าพวกเราจะกลับถึงห้องก็ปาเข้าไปสามทุ่มกว่า  ยุนโฮโยนของสดทุกอย่างมาให้ห้องผมเป็นคนเก็บ  (และแน่นอนว่าผมต้องเป็นคนจัดตู้เย็นอยู่คนเดียว  เพราะยุนโฮหนีกลับไปเล่นเกมแล้วเรียบร้อย  ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอกนะ  เพราะเขาตกลงจะเป็นนายทุนนี่)  ผมก็แฮปปี้ดีจนกระทั่งยุนโฮเคาะห้องผมอีกทีนั่นแหละ  ตอนแรกผมนึกว่าเขาลืมเอาอะไรเข้าตู้เย็นอีก  ก็เลยเปิดไปแบบไม่คิดอะไร

     

                “ลืมบอก”  ยุนโฮว่า

     

                “เรื่อง?”  ทำไมเขาต้องพูดอะไรสั้น ๆ แล้วให้ผมเป็นฝ่ายซักต่อทุกที

     

                “วันนี้ของเดือนหน้า... ฉันจองตัวนายนะ”

     

                บอกกันเสร็จยุนโฮก็หนีบโน้ตบุ๊กกลับเข้าห้องตัวเองทันที  ปล่อยให้ผมยืนเอ๋ออีกครั้ง  (ยุนโฮทำให้คนอื่นเออเร่อร์ง่ายมาก)  วันนี้?  เดือนหน้า?  เอาเถอะ  ผมไม่สนหรอก  อีกตั้งเดือนนึงนี่  ดีไม่ดียุนโฮเองนั่นแหละที่จะลืมก่อน  แต่เอ...  วันนี้ของเดือนหน้ามันทำไมเหรอฮะ

     

     

                แจจุง            

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×