ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Diary กระดาษ ปากกา เวลา ความรัก

    ลำดับตอนที่ #17 : .. สายลม ทราย ก้อนหิน ..

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 109
      0
      21 มิ.ย. 46

            ตังกำลังนอนโทรมอยู่บนเตียงในโรงพยาบาล  ...  ซักพักก็มีคนผลักประตูเข้ามา

    “  วันนี้แม่ไม่ทำงานเหรอคะ  “  แม่ยังไม่ทันตอบคำถามตัง  ริคก็โผล่มาจากข้างหลัง

    “  ริค  “  ตังอุทานอย่างตกใจ

    “  เป็นไงมั่ง  “  ริคเดินเข้ามาข้างๆเตียง

    “  แม่ฉันบอกนายใช่มั๊ย  “

    “  อืม - -  ทำไมไม่สบายถึงไม่บอกหล่ะ เพื่อนๆที่โรงเรียนเป็นห่วงนะ  โดยเฉพาะ...  “

    “  ฟลุ๊คน่ะเหรอ  “

    “  ใช่  เธอไม่บอกมันซะหน่อยเหรอ  “

    “  ฉันไม่อยากให้คนกรูกันมาหาฉันที่นี่  “

    “  ตัง  เธอจะคิดเล็กคิดน้อยไปถึงไหน  อาการเธอเป็นยังไงบ้าง  “ แม่กำลังจะหันมาพูดแทน  แต่ตังแทรกขึ้นก่อน

    “  หมอบอกว่าอาทิตย์หน้าก็ออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว  “  แน่นอน  ริครู้ทันทีว่าตังโกหก

    “  ฉันไม่รู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่กันแน่  นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันโกรธแกจริงๆขึ้นมาแล้วตัง  เธอโกหกฉันว่าเธอไม่เป็นอะไร  ทั้งๆที่เป็นกำลังต้องการการผ่าตัดครั้งใหญ่  “

    “  ใครบอกนาย  ฉันไม่ได้ต้องการ  “  ตังหน้าซีดลง

    “  มันไม่ใช่สิทธิของเธอที่จะเลือก !  ไปต่างประเทศ  รักษาตัวให้หาย  แล้วกลับมายิ้มด้วยกันอีก  “

    “  โลกนี้มันด้านชา  ฉันอาจจะดีใจก็ได้  เมื่อไหร่ที่ฉันจะไม่ต้องลืมตาอีก  “

    “  หัวใจเธอมันกลวง  ว่างเปล่าไปหมดแล้วเหรอตัง !!  เธอคิดถึงคนที่อยู่ข้างหลังเธอบ้างมั๊ย  อย่างน้อย  ฟลุ๊ค - - เธอไม่รักมัน  แต่มันรักเธอ  รักมาก  รักจนถอนตัวไม่ขึ้นถึงจะถูกเธอพูดให้เจ็บแสบยังไง  เธอแคร์มันบ้างรึเปล่า  มันจะเป็นยังไงถ้าเธอตายไปหน่ะ  เธอจะสบายคนเดียวอย่างนั้นเหรอ  “

    “  ฉันเห็นแก่ตัวเหรอ ? “

    “  ใช่  เห็นแก่ตัวมากๆ  “  ตังหน้าซีดลงมากขึ้น  แล้วเริ่มมีอาการชัก  พยาบาลกรูกันเข้ามา  ริคถอยห่างออกไป  รู้สึกผิดที่ทำให้ตังอาการทรุดลง...........



             จากนั้นสองวัน  ฟลุ๊คที่กระสับกระส่ายกับการหยุดเรียนอันยาวนานของตัง  เมื่อเจอริค  เค้ากระโจนเข้าหาแล้วตะคอกถามอย่างสอบปากคำ  อันเข้ามาห้ามทัพ

    “  พอซะที  ริค  ฟลุ๊ค  นายสองคนตอนนี้เหมือนระเบิดสองลูกที่พร้อมจะบอมบ์ใส่กัน  พูดกันให้ตายสุดท้ายก็ลงเอยด้วยการทะเลาะกันอยู่ดี  “

    “  ฉันแค่อยากรู้ว่าตังหายไปไหน  เท่านั้นเอง  “  ฟลุ๊คเริ่มจะประสาท

    “  หวัดดี !  “  เสียงทักทายจากผู้หญิงคนหนึ่ง  ดังขึ้นจากเบื้องหลัง  ตังเดินเข้ามาหาเพื่อนทั้งสามคน  ริคมองอย่างแปลกใจ

    “  เธอออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่  “

    “  ฉันอาการดีขึ้นเรื่อยๆ  เลยขอมาเรียนหน่ะ  “

    “  แต่สีหน้าเธอไม่ดีขึ้นเลยนะ  “

    “  ขอบคุณที่เป็นห่วง  ฉันบอกว่าดีก็คือดี  “  ตังยิ้มให้ริคอย่างสนิทสนม  

    “  ขอโทษนะฟลุ๊ค  ที่ไม่ได้บอก....  “

    “  ไม่เป็นไร  กลับมาก็ดีแล้ว  ไม่ต้องบอกก็ได้ว่าเธอหายไปไหนมา  ถ้าเธอไม่อยากพูด  “ฟลุ๊ค  บอก

    “  อืม  “  ตังพยักหน้าอย่างขอบคุณที่ฟลุ๊คเข้าใจ  ริคมองตังอย่างไม่ไว้ใจ  ส่วนอันดีใจที่ตังกลับมา.....



             วันนี้อาจารย์บอกข่าวดีว่าทุกคนในมอห้าจะได้ไปร่วมงานอำลาเลี้ยงส่งมอหกด้วยกันที่ชลบุรี

    “  ฉันต้องเอาขนมไปเยอะๆ  “  ริคบอกอย่างอารมณ์ดี ขณะกินข้าวด้วยกันสี่คนตอนพักกลางวัน

    “  แค่นี้ก็พุงพุ้ยไปหมดแล้วนะ  “  อันเบรก

    “  ฉันต้องเตรียมลงทะเลเต็มที่เลย  “  ฟลุ๊คบอกอีกคน  

    “  เธอหล่ะตัง  “

    “  ฉัน...ฉันจะเตรียมลงทะเลเหมือนกัน  “

    “  พวกเรากลับมาคราวนี้  ต้องเกรียมเป็นหมีแพนด้าแน่ๆเลย  “  อันหัวเราะ  ทุกคนร่วมกันยิ้มอย่างมีความสุข  ตังร่วมวงด้วย  แล้วแอบหันไปทางอื่นจับหน้าอกตัวเองอย่างพูดไม่ออก...



             เมื่อถึงวัน  ทุกคนขึ้นรถกันหมดแล้ว  ตังซึ่งมารออยู่ที่โรงเรียนตั้งแต่เช้าทำให้ถูกเพื่อนแซวไม่เลิก  

    “  อยากไปเที่ยวจัดเลยเหรอยัยตัง  “

    “  ได้ข่าวว่าเมื่อเช้ามาช่วยยามเปิดประตูโรงเรียนเหรอจ๊ะ  “

    “  แหม  เลิกแซวซะทีน่า  “  ตังพูดเขินๆ  เธอนั่งกับอัน  ส่วนริคกับฟลุ๊คนั่งอยู่เบาะหลัง  



             เมื่อขบวนรถออกไปได้แค่ครึ่งทาง  ตังรู้สึกปวดหัวและวิงเวียนศีรษะราวกับจะเป็นลม  แต่ก็ฝืนไว้จนสุดท้ายที่ฝืนไม่อยู่

    “  อัน  สลับที่กันนะ  ฉันง่วง  “

    “  ง่วงอะไรกัน  ยังสนุกกันอยู่เลยนะตัง  ตัง  ตัง !  เป็นไรไป  ทำไมหน้าซีด  “

    “  จุ๊ๆๆ  เบาๆสิ  เดี๋ยวเค้าก็ได้ยินกันทั้งรถหรอก  “

    “  เธอไม่เป็นไรใช่มั๊ย  “

    “  เมื่อคืนฉันนอนดึก  เมื่อเช้าก็ตื่นเช้า  เลยเพลียไปหน่อย  แค่ง่วงหน่ะ  “  อันมองอย่างไม่อยากเชื่อ

    “  จริงเหรอ  “

    “  จริงสิ  “

    “  อืม  มาสิ  “  อันลุกขึ้นแล้วมานั่งเบาะข้างๆตังแทน  ส่วนตังเมื่อเข้าไปที่นั่งติดหน้าต่างก็ดึงม่านลงแล้วเอนตัวลงนอนอย่างเจ็บไปหมดทั้งตัว

    รถมาถึงแล้ว  ตังยังไม่ตื่น  ทุกคนแค่แปลกใจ  แต่ริคทั้งแปลกใจและตกใจ

    “  เฮ้ยตัง  ตัง  “  ริคเขย่าตัวตัง  จนในที่สุดเธอก็ตื่น

    “  หนวกหูว้อย  !  จะตะโกนทำไมเนี่ย  ฉันจะนอน  “

    “  นอนบ้าไรหล่ะ  เค้าลงกันหมดรถแล้ว  “

    “  แวะปั๊มเหรอ  “

    “  ปั๊ม ?  ปั๊มบ้าไรหล่ะ  ถึงชลบุรีแล้ว  “  ริคตะโกนใส่หู  ตังหันมามองหน้าอย่างเคืองๆ  แล้วลุกขึ้นอย่างสดชื่นเหมือนเดิม  ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น....  ทั้งสิ้น



              ทุกนาทีแห่งการมาอำลาให้มอหกครั้งนี้  เต็มไปด้วยสีสันและรอยยิ้มอย่างที่ตังและทุกคนปรารถนาจะให้เป็นอย่างนั้น  ถึงแม้ทุกคนจะวางใจและเริ่มลดความแปลกใจในการกลับมาของตังลงเกือบจะหมดแล้ว  แต่ริคยังคงคิดว่าน่าแปลกที่ตังจะกลับมาในสภาพปกติเกินไปแบบนี้  เค้าจึงพยายามแอบมองดูตังทุกอิริยาบถอย่างไม่วางใจ  ในความดื้อรั้นของเพื่อนซี้คนนี้

    วันสุดท้ายมาถึง  ทุกคนได้อภิสิทธิ์ลงเล่นน้ำทะเลตั้งแต่เช้าถึงบ่าย  ตังลงเล่นกับเพื่อนได้ซักพักก็ขอตัวขึ้น  เพื่อนๆรั้งตัวไว้ไม่อยากให้ขึ้นเร็ว  จนตังต้องอ้างว่าเดี๋ยวอาการทรุดอีก  ทุกคนจึงยอมให้ตังขึ้นไปนั่งเตียงผ้าใบแต่โดยดี  นี่เป็นนาทีแรกที่ดูเหมือนริคจะลืมสังเกตตังไป  อาจจะเพราะความสนุกที่อยู่ตรงหน้า  ทำไมให้ทุกคนละเลยตังไป



             ตังลุกขึ้นนั่งบนเตียงผ้าใบ  เอนตัวลงเขียนไดอารี่ของตัวเอง  ไดอารี่สีแดง  แห่งความทรงจำทั้งหมด....  ปลายปากกาเคลื่อนที่ช้าลงๆ  แรงจากมืออันสั่นเทาค่อยๆลดแรงลาก  รอยยิ้มเกร็งๆ  ค่อยๆโผล่พ้นขอบหนังสือออกมา  ดวงตาสีดำข้างหนึ่งมองไปที่หาดทราย  ที่มีผู้คนวิ่งเล่นกันขวักไขว่  รอยยิ้มของอัน  หลากหลายวิธีหยอกล้อของฟลุ๊คและริค  ตังยิ้มอย่างสุดฝืนให้ทุกอย่างตรงหน้า  เปลือกตาค่อยๆปิดลงอย่างช้าๆ  ไดอารี่สีแดงในมือสองข้างของเธอหล่นลงบนตัวของเธอ  ตังหลับตาลงพร้อมรอยยิ้ม  พลางกอดความทรงจำไว้แนบตัวตลอดเวลา  พร้อมกับรอยยิ้มจางๆที่ประทับอยู่บนใบหน้า....



    ทุกคนขึ้นจากทะเล  

    “  เฮ้อย  หนุกจริงว้อย  “  ฟลุ๊คปล่อยอารมณ์  ยังมีเสียงหัวเราะของอันและริคอยู่เบื้องหลัง       ฟลุ๊คมองตังที่นอนหลับอยู่บนเตียงผ้าใบอย่างเอ็นดู  ก้มลงจะปลุกเธอให้ขึ้นฝั่ง

    “  ตื่นได้แล้วตัง  พวกเราจะขึ้นแล้วนะ  “  ขณะนั้นเอง  ฟลุ๊คตาโต  ตะลึงงันกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า



    “  ไปๆ  ได้เวลากลับกรุงเทพแล้วตัง “  ริคตะโกนเข้ามา  ก่อนจะเดินเข้ามาตรงฟลุ๊คที่นั่งคุกเข่าอยู่ข้างๆตังอย่างผิดสังเกต  

    “  ไอ้ฟลุ๊ค  “  ริคเอ่ยเบาๆอย่างไม่อยากจะเปล่งเสียง  ฟลุ๊คลุกขึ้นแล้วเดินไปทางอื่น  ริคนั่งลงแทนที่  เอื้อมมือไปปลุกตัง  จนกระทั่งต้องเขย่าตัวเธอ  แต่เธอยังไม่ตื่น  ริคน้ำตาเริ่มไหล  ในขณะที่เสียงเรียกแผ่วเบากลายเป็นเสียงตะโกน

    “  ตัง  ตื่นสิ  ตัง  เธอตื่นสิ  ข้าวตัง  ฉันสั่งให้เธอตื่นได้ยินมั๊ย  ข้าวตัง !!!!  “  ริคตะโกนสุดเสียง  แล้วฟุบหน้าลงร้องไห้บนร่างของตัง  อันที่เดินตามมาเดาเหตุการณ์ทั้งหมดออก  ยืนไม่อยู่เอนไปเกาะเสาร่มอย่างเจ็บปวดที่สุด



              งานศพของตังดำเนินไปอย่างราบเรียบ เวลาผ่านไปหลายปีแล้ว ฟลุ๊คลาออกจากโรงเรียน  ไปเรียนต่อเมืองนอก  และไม่ติดต่อกลับมาอีกเลยไม่ว่ากับใครก็ตาม  - -  ริคและอันแต่งงานกันสองปีแล้ว  และพวกเค้ากำลังจะมีลูกตัวน้อยในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า  คืนนั้น  ริคอ่านไดอารี่สีแดงของตัง  เป็นครั้งที่สี่ร้อยเก้าสิบเก้า



             นี่คงเป็นหน้าสุดท้ายที่ฉันจะเขียน  เรื่องที่ฉันผ่านมาล้วนแต่เป็นพายุซัดโหมกระหน่ำ การที่ฉันต้องเล่าเรื่องราวของฉันให้หนังสือเล่มนี้มันฟัง  เหมือนกับการตอกย้ำรอยเจ็บปวดของตัวเองลงไปอีก  ฉันอยากจะเลิกเขียน  หลายครั้งที่ฉันจะละจากแกไป  แต่สุดท้ายก็ต้องมาเขียนทุกที  มันเหมือนเป็นความทรงจำที่ล้นสมองออกมา  - -  ฉันเหนื่อยจัง เรื่องราวมากมาย  เป็นดั่งลมที่พัดจนเปลือกหุ้มฉันมันหลุดไปจนหมด  เหลือแต่ร่างกายที่ต้องต้านทาน  และฉันก็รู้ตัวว่ายืนต่อไปไม่ไหว  การผิดหวังเป็นเรื่องที่ทรมาน  การเสียใจจากคนที่เรารัก  เป็นความอัดอั้นตันใจ  ถึงฉันอยากจะสู้กับมัน  แต่ก็ไม่พ้นต้องหนีมันอยู่ดี  มันน่ากลัวจนฉันขนลุกไปหมด  - -  วินาทีนี้  คนที่ฉันรักมากๆถึงสามคน  กำลังสนุกกันอย่างเต็มที่เบื้องหน้าของฉัน  ฉันเสียใจที่ไม่สามารถออกไปเล่นกับพวกเค้าได้  ฉันอยากจะพูดดังๆ  ให้พวกเค้ารู้ว่า  ฉันรักพวกเค้ามากแค่ไหน  มิตรภาพและความห่วงใย  ไม่ว่าหลังจากวันนี้  ใครจะได้มาพบไดอารี่เล่มนี้  หากเป็นริค  ฉันอยากบอกนายว่า  อย่าโทษตัวเอง  ทุกอย่างฉันตัดสินใจเอง  ไม่มีงานเลี้ยงไหนไม่เลิกรา  ถึงฉันจะไม่มีตัวตนข้างๆพวกนาย  แต่ฉันจะผูกหัวใจฉันไว้กับก้อนเมฆทุกก้อนบนฟ้าแผ่นนี้  อยู่เป็นสายลม  โอบล้อมพวกนาย  ตลอดไป........



    “  ริค  อ่านอีกแล้วเหรอ  “  อันถามริคด้วยรอยยิ้ม

    “  เธอไม่โกรธฉันใช่มั๊ย  “

    “  สิ่งที่ตังต้องการ  คือรอยยิ้มของเราสามคน  ฉันจะไม่ทำให้เค้าผิดหวัง  “

    “  ถ้าฉันอ่านอีกครั้ง  มันก็จะครบห้าร้อยรอบ  “

    “  ไม่ว่าจะอ่านหรือไม่  ตังก็คือความทรงจำที่ฝังอยู่ในใจของพวกเราตลอดไปอยู่แล้ว  “  อันบอก



    “  ฉันท้องสามเดือนแล้วนะ  “

    “  จริงเหรอ  !  “  ริคแปลกใจแล้วตะโกนออกมาอย่างดีใจ  กอดอันอย่างมีความสุข

    “  เธอจะให้ลูกชื่ออะไร  “  อันถาม

    “  ข้าวตัง  “

    \"  ข้าวตัง ! “  ทั้งสองคนพูดขึ้นพร้อมกัน



              ความทรงจำที่น่าหวงแหน  ถึงแม้จะไม่ได้เป็นเจ้าของ  แต่หัวใจที่ผูกพัน  ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง  เหมือนทรายที่ถูกน้ำเซาะ  ทุกวันๆ  

    เหมือนตะกอนที่รอให้คนกวนมาขึ้นมา..................................................


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×