ลำดับตอนที่ #11
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : .. แทนที่ ..
      ณ อีกฟากโลก  ในสัปดาห์ต่อมา  ตังเปิดไดอารี่เล่มโปรดขึ้นมา  แล้วอ่านตั้งแต่ต้นจนจบ  อ่านไปก็เผลอยิ้มคนเดียวให้สมุดเล่มนั้น  ที่มีตัวอักษรของเธอขวักไขว่ร้อยเรียงเป็นความทรงจำที่ดีที่ถูกฝังไว้นอกสมอง  แล้วบันทึกเรื่องราวของวันนี้ลงไป  - -  เสียงกริ่งดังขึ้นที่หน้าห้อง
“  ( ภาษาอังกฤษ ) จดหมายของเธอ “
“  Thank you  “
      มันเป็นกล่องใหญ่  ที่หนักอึ้ง  เมื่อฉันแกะมันออก  ก็เห็นเป็นกล่องของขวัญ  ฉันหัวใจพองโต  ด้วยความรู้สึกดีใจและตื่นเต้นไปพร้อมๆกัน  ยิ่งเมื่อเห็นการ์ดที่แนบมา  เป็นชื่อ  ริชนนท์  ภราพจน์  หรือชื่อของริคนั่นเอง
      ตัง  ฉันขอทษที่ส่งของขวัญให้ช้า  ฉันสารภาพมามัวแต่โกรธเธอจนลืมเรื่องวันเกิด  แต่คราวหน้าจะไม่มีอย่างนี้อีก  ฉันรู้แล้วว่าแกเป็นโรคขี้น้อยใจอย่างรุนแรง  เพราะฉะนั้นต่อไปนี้จะไม่ทำให้แกโกรธอีก  โอเคมั๊ย  ส่วนเรื่องพ่อเธอ  พ่อฉันจัดการเอาเงินไปให้แล้ว  พ่อเธอบอกว่า  ค่าใช้จ่ายมากมายที่ต้องเตรียมให้เธอก็แทบไม่พอ  เพราแม่เธอเพิ่งตกงาน  พ่อฉันอาสาจะออกค่าใช้จ่ายให้เธอเรียนต่อ  แต่พ่อเธอปฏิเสธพัลวันยังไงก็ไม่ยอม  แค่พ่อฉันให้ยืมเงินโดยไม่คิดดอกเบี้ยก็เกินพอแล้ว  เค้าพูดอย่างงั้นอ่ะนะ  - -  ตัง  แกมีความสุขดีรึเปล่า  เหลืออีกครึ่งปีแกก็คงกลับมาแล้ว  ฉันจะไปรอรับนะ เพื่อนทุกคนจะยกโขยไปรอหมดเลย  แกไม่ต้องห่วง  แกจะตอบจดหมายฉันป่าววะ  ช่างเหอะ  เมื่อไหร่เจอกัน  ค่อยคุยดีกว่า  เขียนแบบนี้ฉันไม่คุ้นเลยว่ะ  จะเขียนก็แปลกๆ 
      ปล.  ของขวัญที่ให้มา  ฉันว่าเธอคงชอบมัน  เธอชอบบ่นเรื่องเงินๆทองๆบ่อย  ใช้ไอ้นี่แทน  แกกับคนที่นี่จะได้คุยกันง่ายขึ้น  “ ของฉัน “ เขียนอยู่ในเครื่องแล้วนะ  เอ้อ  ในนั้นมีของขวัญจากอันอยู่ด้วย  เธอก็รู้ว่าเค้าขี้เหนียวขนาดไหน  ค่าส่งก็ให้ฉันออกหน่ะ
      ฉันมองมันอย่างสุดปลื้ม  ถึงแม้ประโยคท้ายๆจะทำให้ฉันเจื่อนยิ้มไปบ้าง  ถึงแม้ของขวัญชิ้นนี้จะช้าเกินวันเกิดฉันมาเป็นสัปดาห์  แต่ต่อให้ช้าแค่ไหน  ขอแค่นายยังจำมันได้ก็เกินพอแล้ว
      เมื่อฉันยกของขวัญชิ้นใหญ่ออกก็มีของขวัญอีกกล่องวางอยู่ข้างใต้  -  ฉันค่อยๆแกะของขวัญออกอย่างระวังที่สุด  ไม่ให้แม้แต่เป็นรอยขาด  ในที่สุดฉันก็ต้องตกตะลึงกับของขวัญชิ้นนั้น  - -  มันเป็น...  คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ก  ฉันหยุดตะลึงได้ซักพักแล้วแกะของอันออก
อันให้กล่องใส่ของอันหนึ่ง  ลายมันน่ารักมาก  จนทำให้ฉันสามารถเดาออกได้ทันทีว่าต้องเป็นของอันแน่นอน  ยังมีการ์ดยินดีให้ฉันอีกด้วย  ซึ่งบางคำฉันคิดไปเองว่ามันเหมือนคำเยาะเย้ย...
        ฉันเอาโน๊ตบุ๊กไปต่อสายไฟจนเรียบร้อย  แล้วก็เปิดเครื่อง  มันโดนตั้งค่ามาเรียบร้อยแล้ว  พอฉันเปิดขึ้นมาก็มีข้อความขึ้นมาอัตโนมัติ
“  ยินดีต้อนรับสู่โลกไซเบอร์  กระผมริค  ริชนนท์  ภราพจน์  จะเป็นผู้นำท่านไปดูตับไตไส้พุงของคอมเครื่องนี้  เนื่องจากกระผมได้เดาเอาไว้ล่วงหน้าว่า  คุณผู้เปิดเครื่องคงซื่อบื้อใช้อะไรไม่เป็นอย่างแน่นอน ....  “  ฉันหัวเราะกับมุขนี้ของริค  จากนั้นก็ขึ้นภาพริคแลบลิ้นใส่  พร้อมกับคำบรรยายใต้ภาพ “ กระผมได้ขอความเมตตาปราณีจากพี่ชายคนแรกที่แสนจะน่าภูมิใจ  ให้มาสร้างโปรแกรมเหล่านี้ให้เจ้าของจอมบื้ออย่างคุณ  ห้ามลอกเลียนแบบ “  โปรแกรมหลายอย่างถูกเปิดขึ้นอัตโนมัติ  ทำให้ฉันรู้สึกแปลกใจมาก  จะมีคำบรรยายที่ริคเขียนไว้ล้อเลียนฉันขึ้นเป็นฉากๆพร้อมกับรูปตัวเค้าที่สร้างขึ้นจากคอมพิวเตอร์กราฟฟิคทุกช็อท  ทำให้ฉันเข้าใจพีซีเครื่องนี้อย่างทะลุปรุโปร่ง  ฉันสัมผัสมันทั้งเครื่อง  แล้วเอ่ยกับตัวเองด้วยรอยยิ้ม “ นี่เป็นของขวัญที่ล้ำค่าที่สุดเลย  ทั้งมูลค่าและความรู้สึก  ?  “  ฉันกอดเครื่องนั้นไว้อย่างหวงแหน  พลันเหลือบไปเห็นของขวัญของอันวางอยู่ข้างๆ  มันคงจ้องมองฉัน  อย่างโกรธเคือง  ที่ยุ่งวุ่นวายกับของที่เป็นของเจ้าของมัน ...
ฉันและทุกคนที่เมืองไทย  ติดต่อกันทางอินเตอร์เน็ตบ่อยครั้ง  จนทำให้ฉันหายเหงา  และจะรู้สึกแย่มากหากออนไลน์แล้วไม่ได้เจอใครเลยซักคน  - -
        หลายเดือนต่อมา 
ใกล้เวลากลับเมืองไทยแล้ว  ฉันกลับรู้สึกว่าเวลามันเดินช้ามาก  ฟลุ๊คไม่เคยติดต่อกับฉันอีกหลังจากวันนั้น  แม้แต่อีเมลล์ที่ริคลงเอาไว้ให้ในคอมฯ  ก็ไม่เคยเจอเค้าเลย  ฉันคิดว่าเค้าคงไม่อยากจะโผล่ให้ฉันเห็น  เค้าคงโกรธที่ฉันพูดแบบนั้นไป  ฉันตัดสินใจอยู่นาน  ก่อนจะหยิบโทรศัพท์อีกครั้งเพื่อโทรหาฟลุ๊ค
“  หวัดดีครับ  “
“  ฟลุ๊ค  ตังนะ  รับเร็วแฮะ  “
“  มีอะไรเหรอ  “
“  เป็นอะไรไป  ทำไมนายไม่ติดต่อฉันเลย  มีแฟนแล้วเหรอ  ดีนะ  มีแฟนแล้วลืมเพื่อน  “
“  หยุดพูดแบบนี้เถอะตัง  เธอก็รู้ว่ายังไงฉันก็ไม่มีแฟนอยู่แล้ว  “  ฉันไม่อยากจะเอ่ยต่อ  เพรารู้ว่าเค้าจะพูดว่าอะไร
“  แล้วทำไมไม่มีจดหมายเลย  ไม่อะไรหรอก  ฉันนึกว่านายคงโกรธที่ฉันพูดแรง  ไม่ใช่อยากให้นายเสียเงินฟุ่มเฟือยหรอก  “
“  ฉันกลัวเธอรำคาญ  “
“  รำคาญ  รำคาญอะไร “ 
“  ห่ะห่ะ  เธอลืมเหรอ  เธอขอร้องฉันไว้  ว่าอย่าสนใจเธออีก  อย่าทำให้เธอต้องรำคาญเพราฉันอีก  ฉันก็เลยทำตามคำขอไง  “
“  โธ่ฟลุ๊ค  นายอย่าทำเป็นซื่อบื้อน่า  “  ตังหัวเราะ
“  อืม  แต่เอาเป็นว่า  ฉันจะไม่รบกวนละกันนะ  “
“  เอ๊ะ  ฟลุ๊คๆ  ไว้จะโทรไปใหม่นะ  มีคนเรียกอ่ะ  บายจ๊ะ  “  ฉันวางหูทันทีโดยไม่ฟังเสียงบายจากฝ่ายตรงข้าม
นอกไดอารี่
“  ความจริง  ถ้าไม่ใช่เพราะคำขอร้องของเธอ  ฉันคงบ้าตายไปแล้ว  ที่ฉันรับโทรศัพท์เร็ว  เพราะฉันนั่งรอหน้าโทรศัพท์ทุกวันต่างหากหล่ะ  “  ฟลุ๊คหน้าหงอย  ก้มหน้ากุมหัวน้ำตาเอ่อท้น
“  ( ภาษาอังกฤษ ) จดหมายของเธอ “
“  Thank you  “
      มันเป็นกล่องใหญ่  ที่หนักอึ้ง  เมื่อฉันแกะมันออก  ก็เห็นเป็นกล่องของขวัญ  ฉันหัวใจพองโต  ด้วยความรู้สึกดีใจและตื่นเต้นไปพร้อมๆกัน  ยิ่งเมื่อเห็นการ์ดที่แนบมา  เป็นชื่อ  ริชนนท์  ภราพจน์  หรือชื่อของริคนั่นเอง
      ตัง  ฉันขอทษที่ส่งของขวัญให้ช้า  ฉันสารภาพมามัวแต่โกรธเธอจนลืมเรื่องวันเกิด  แต่คราวหน้าจะไม่มีอย่างนี้อีก  ฉันรู้แล้วว่าแกเป็นโรคขี้น้อยใจอย่างรุนแรง  เพราะฉะนั้นต่อไปนี้จะไม่ทำให้แกโกรธอีก  โอเคมั๊ย  ส่วนเรื่องพ่อเธอ  พ่อฉันจัดการเอาเงินไปให้แล้ว  พ่อเธอบอกว่า  ค่าใช้จ่ายมากมายที่ต้องเตรียมให้เธอก็แทบไม่พอ  เพราแม่เธอเพิ่งตกงาน  พ่อฉันอาสาจะออกค่าใช้จ่ายให้เธอเรียนต่อ  แต่พ่อเธอปฏิเสธพัลวันยังไงก็ไม่ยอม  แค่พ่อฉันให้ยืมเงินโดยไม่คิดดอกเบี้ยก็เกินพอแล้ว  เค้าพูดอย่างงั้นอ่ะนะ  - -  ตัง  แกมีความสุขดีรึเปล่า  เหลืออีกครึ่งปีแกก็คงกลับมาแล้ว  ฉันจะไปรอรับนะ เพื่อนทุกคนจะยกโขยไปรอหมดเลย  แกไม่ต้องห่วง  แกจะตอบจดหมายฉันป่าววะ  ช่างเหอะ  เมื่อไหร่เจอกัน  ค่อยคุยดีกว่า  เขียนแบบนี้ฉันไม่คุ้นเลยว่ะ  จะเขียนก็แปลกๆ 
      ปล.  ของขวัญที่ให้มา  ฉันว่าเธอคงชอบมัน  เธอชอบบ่นเรื่องเงินๆทองๆบ่อย  ใช้ไอ้นี่แทน  แกกับคนที่นี่จะได้คุยกันง่ายขึ้น  “ ของฉัน “ เขียนอยู่ในเครื่องแล้วนะ  เอ้อ  ในนั้นมีของขวัญจากอันอยู่ด้วย  เธอก็รู้ว่าเค้าขี้เหนียวขนาดไหน  ค่าส่งก็ให้ฉันออกหน่ะ
      ฉันมองมันอย่างสุดปลื้ม  ถึงแม้ประโยคท้ายๆจะทำให้ฉันเจื่อนยิ้มไปบ้าง  ถึงแม้ของขวัญชิ้นนี้จะช้าเกินวันเกิดฉันมาเป็นสัปดาห์  แต่ต่อให้ช้าแค่ไหน  ขอแค่นายยังจำมันได้ก็เกินพอแล้ว
      เมื่อฉันยกของขวัญชิ้นใหญ่ออกก็มีของขวัญอีกกล่องวางอยู่ข้างใต้  -  ฉันค่อยๆแกะของขวัญออกอย่างระวังที่สุด  ไม่ให้แม้แต่เป็นรอยขาด  ในที่สุดฉันก็ต้องตกตะลึงกับของขวัญชิ้นนั้น  - -  มันเป็น...  คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ก  ฉันหยุดตะลึงได้ซักพักแล้วแกะของอันออก
อันให้กล่องใส่ของอันหนึ่ง  ลายมันน่ารักมาก  จนทำให้ฉันสามารถเดาออกได้ทันทีว่าต้องเป็นของอันแน่นอน  ยังมีการ์ดยินดีให้ฉันอีกด้วย  ซึ่งบางคำฉันคิดไปเองว่ามันเหมือนคำเยาะเย้ย...
        ฉันเอาโน๊ตบุ๊กไปต่อสายไฟจนเรียบร้อย  แล้วก็เปิดเครื่อง  มันโดนตั้งค่ามาเรียบร้อยแล้ว  พอฉันเปิดขึ้นมาก็มีข้อความขึ้นมาอัตโนมัติ
“  ยินดีต้อนรับสู่โลกไซเบอร์  กระผมริค  ริชนนท์  ภราพจน์  จะเป็นผู้นำท่านไปดูตับไตไส้พุงของคอมเครื่องนี้  เนื่องจากกระผมได้เดาเอาไว้ล่วงหน้าว่า  คุณผู้เปิดเครื่องคงซื่อบื้อใช้อะไรไม่เป็นอย่างแน่นอน ....  “  ฉันหัวเราะกับมุขนี้ของริค  จากนั้นก็ขึ้นภาพริคแลบลิ้นใส่  พร้อมกับคำบรรยายใต้ภาพ “ กระผมได้ขอความเมตตาปราณีจากพี่ชายคนแรกที่แสนจะน่าภูมิใจ  ให้มาสร้างโปรแกรมเหล่านี้ให้เจ้าของจอมบื้ออย่างคุณ  ห้ามลอกเลียนแบบ “  โปรแกรมหลายอย่างถูกเปิดขึ้นอัตโนมัติ  ทำให้ฉันรู้สึกแปลกใจมาก  จะมีคำบรรยายที่ริคเขียนไว้ล้อเลียนฉันขึ้นเป็นฉากๆพร้อมกับรูปตัวเค้าที่สร้างขึ้นจากคอมพิวเตอร์กราฟฟิคทุกช็อท  ทำให้ฉันเข้าใจพีซีเครื่องนี้อย่างทะลุปรุโปร่ง  ฉันสัมผัสมันทั้งเครื่อง  แล้วเอ่ยกับตัวเองด้วยรอยยิ้ม “ นี่เป็นของขวัญที่ล้ำค่าที่สุดเลย  ทั้งมูลค่าและความรู้สึก  ?  “  ฉันกอดเครื่องนั้นไว้อย่างหวงแหน  พลันเหลือบไปเห็นของขวัญของอันวางอยู่ข้างๆ  มันคงจ้องมองฉัน  อย่างโกรธเคือง  ที่ยุ่งวุ่นวายกับของที่เป็นของเจ้าของมัน ...
ฉันและทุกคนที่เมืองไทย  ติดต่อกันทางอินเตอร์เน็ตบ่อยครั้ง  จนทำให้ฉันหายเหงา  และจะรู้สึกแย่มากหากออนไลน์แล้วไม่ได้เจอใครเลยซักคน  - -
        หลายเดือนต่อมา 
ใกล้เวลากลับเมืองไทยแล้ว  ฉันกลับรู้สึกว่าเวลามันเดินช้ามาก  ฟลุ๊คไม่เคยติดต่อกับฉันอีกหลังจากวันนั้น  แม้แต่อีเมลล์ที่ริคลงเอาไว้ให้ในคอมฯ  ก็ไม่เคยเจอเค้าเลย  ฉันคิดว่าเค้าคงไม่อยากจะโผล่ให้ฉันเห็น  เค้าคงโกรธที่ฉันพูดแบบนั้นไป  ฉันตัดสินใจอยู่นาน  ก่อนจะหยิบโทรศัพท์อีกครั้งเพื่อโทรหาฟลุ๊ค
“  หวัดดีครับ  “
“  ฟลุ๊ค  ตังนะ  รับเร็วแฮะ  “
“  มีอะไรเหรอ  “
“  เป็นอะไรไป  ทำไมนายไม่ติดต่อฉันเลย  มีแฟนแล้วเหรอ  ดีนะ  มีแฟนแล้วลืมเพื่อน  “
“  หยุดพูดแบบนี้เถอะตัง  เธอก็รู้ว่ายังไงฉันก็ไม่มีแฟนอยู่แล้ว  “  ฉันไม่อยากจะเอ่ยต่อ  เพรารู้ว่าเค้าจะพูดว่าอะไร
“  แล้วทำไมไม่มีจดหมายเลย  ไม่อะไรหรอก  ฉันนึกว่านายคงโกรธที่ฉันพูดแรง  ไม่ใช่อยากให้นายเสียเงินฟุ่มเฟือยหรอก  “
“  ฉันกลัวเธอรำคาญ  “
“  รำคาญ  รำคาญอะไร “ 
“  ห่ะห่ะ  เธอลืมเหรอ  เธอขอร้องฉันไว้  ว่าอย่าสนใจเธออีก  อย่าทำให้เธอต้องรำคาญเพราฉันอีก  ฉันก็เลยทำตามคำขอไง  “
“  โธ่ฟลุ๊ค  นายอย่าทำเป็นซื่อบื้อน่า  “  ตังหัวเราะ
“  อืม  แต่เอาเป็นว่า  ฉันจะไม่รบกวนละกันนะ  “
“  เอ๊ะ  ฟลุ๊คๆ  ไว้จะโทรไปใหม่นะ  มีคนเรียกอ่ะ  บายจ๊ะ  “  ฉันวางหูทันทีโดยไม่ฟังเสียงบายจากฝ่ายตรงข้าม
นอกไดอารี่
“  ความจริง  ถ้าไม่ใช่เพราะคำขอร้องของเธอ  ฉันคงบ้าตายไปแล้ว  ที่ฉันรับโทรศัพท์เร็ว  เพราะฉันนั่งรอหน้าโทรศัพท์ทุกวันต่างหากหล่ะ  “  ฟลุ๊คหน้าหงอย  ก้มหน้ากุมหัวน้ำตาเอ่อท้น
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น