ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Yaoi] The Goat's Howling by Lingbahh

    ลำดับตอนที่ #5 : Chapter Five

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.36K
      31
      15 ส.ค. 56

    The Goat’s Howling by Lingbahh 

     

     

    Chapter Five

     

     

     

     

     

    หลบได้อย่างเฉียดฉิว....  

     

    เดรโกฝังตัวเองอยู่หลังประตูห้องนอนที่เจ้าของห้องไม่อยู่มานานกว่าสองปี ในมือยังคงกำกุญแจสำรองที่แมทเทียสฝากไว้ก่อนที่จะจากลาไปเข้าร่วมสมรภูมิรบในแดนไกลโพ้น เขาแอบอยู่ในเงามืดของห้องที่ล็อกอยู่เสมอพลางเงี่ยหูฟังเสียงฝีเท้าเร่งรีบของเจ้าหนูวัยสิบเจ็ดที่เพิ่งจะนำพาเรื่องปวดหัวมาให้ตั้งแต่เช้า  แม้จะไม่ได้อยู่ใกล้แต่ก็แทบจะได้ยินเสียงหายใจหอบของอีกฝ่ายที่โผล่เข้ามาในห้องเพื่อเก็บข้องของตามที่สั่ง  ถอดเสื้อกางเกงโยนไว้ในตะกร้าซักผ้าเหลือแค่บ็อกเซอร์  คว้าผ้าเช็ดตัวมาคลุมท่อนล่างไว้แล้วผลุบเข้าไปในห้องน้ำ  ได้ยินเสียงฝักบัวไม่ถึงสองนาทีอีกฝ่ายก็ออกมาในสภาพผมเปียกหมาด   ปากก็บ่นพึมพำเรื่องความซวยในการตกถังขยะจนเนื้อตัวเหม็นโฉ่ ฟังแล้วเขาก็เผลอจุดยิ้มออกมาจนได้ เขาแอบแง้มประตูห้องของแมทเทียสออกไปดู พบร่างขาวสว่างไสวของเด็กหนุ่มในสภาพเกือบเปลือยกำลังยัดตัวเองลงกางเกงยีนส์สีฟ้าฟอกขาวขนาดพอดีตัว เดรโกไม่เคยมีโอกาสมองร่างกายของเอมิลเต็มตานานๆ มาก่อน วันนี้จึงได้พบว่าเด็กตัวเล็กที่เคยเห็นตั้งแต่วันแรกที่คลอดออกมา  ตอนนี้เป็นหนุ่มเต็มตัวแล้ว เอมิลซุกซ่อนกล้ามเนื้อของวัยหนุ่มภายใต้เสื้อผ้าที่ทำให้ร่างกายดูผ่ายผอมไร้เรี่ยวแรง กล้ามเนื้อด้านหลังช่วงลำคอบ่าไหล่กว้างผึ่งผายและหลังตรงสง่า ท่อนแขนนอกร่มผ้าเป็นสีคล้ำเล็กน้อยจากการซ้อมกีฬาในสนามกลางแจ้ง ลำตัวช่วงบนสมดุลกับลำตัวช่วงล่างที่แข็งแรงจากการว่ายน้ำและการวิ่งเพื่อบริหารปอด  ก่อนหน้านี้ เขามักพบเอมิลที่สนามซ้อมกีฬาท่ามกลางกลุ่มเพื่อนรวยๆ แต่ในระยะหลังกลับเจอริมถนนและที่โรงพัก  เขาไม่เคยถามเด็กคนนั้นว่านี่มันเรื่องอะไรกันที่ต้องมาใช้ชีวิตห่วยๆกับพวกเด็กขี้ยาข้างถนน รู้เพียงแต่ว่าแมทเทียสได้พยายามดูแลน้องชายเท่าที่คนไกลบ้านอย่างเขาจะทำได้แล้ว  เดรโกเองก็งานยุ่งเกินกว่าที่จะใส่ใจชีวิตคนอื่น

     

    เอมิลและร่างกายขาวผ่องนั้นหันมาทางเขา เดรโกขยับตัวให้พ้นระยะสายตาเขาไม่อยากถูกจับได้ แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะคิดอะไรในใจจนไม่ได้สังเกตความเป็นไปรอบตัวเอาเสียเลย  ในกางเกงยีนส์ตัวเดียวเอมิลสาละวนกับการยัดเสื้อผ้าสามสี่ชุดลงในกระเป๋าเดินทางยี่ห้อกีฬาอย่างลนลานราวกับไฟไหม้บ้าน  จะออกจากห้องเลยก็ต้องชะงักเพราะยังไม่ได้สวมท่อนบนสักชิ้น  จึงหันไปรื้อเสื้อยืดสีเขียวตุ่นในตู้มาสวมแล้วทับด้วยเสื้อกันหนาวบุนวมที่กรุยด้วยฮูดขนสัตว์หนานุ่ม เดินผ่านกระจกก็คว้าไดร์เป่าผมแล้วก็ต้องชะงักอีกรอบเพราะผมยังเปียกเกินไป   เอมิลบ่นอะไรสักอย่างกับตัวเองพลางเช็ดผมสีน้ำตาลเข้มที่ไปกัดสีจนปอยผมด้านหน้ากลายเป็นสีบลอนด์สว่างจนเกือบขาว เช็ดไปเป่าไปอย่างเร่งรีบ  พอผมแห้งก็หันไปคว้านาฬิกาเรือนพลาสติกมาสวมแล้วรูดสายให้พอดีกับข้อมือตัวเองตามด้วยรองเท้าแบรนด์กีฬาคู่เก่าที่แมทเทียสซื้อให้เมื่อสองปีก่อนซึ่งเป็นคริตส์มาสสุดท้ายที่สองพี่น้องได้เจอกัน  จุดนั้นเองที่เดรโกเพิ่งจะเห็นความผิดปกติ ไม่ใช่ว่าเขาเห็นเด็กคนนั้นใช้ยาเสพติดหรือพยายามพกของบ้าๆไร้สาระติดตัวไปด้วย ถ้าเป็นอย่างนั้นเขาคงจะด่าให้หูดับไปข้าง 

     

    ยังไม่ออกจากห้อง  เอมิลหันซ้ายหันขวาคล้ายลืมอะไร แล้วก็เปิดลิ้นชักคว้ากระดาษสีขาวมีรอยปรุวงกลมที่ขอบซ้ายขวา ดูคล้ายกระดาษจำพวกใบเสร็จรับเงิน พร้อมกับหยิบกรอบรูปที่วางบนโต๊ะอ่านหนังสือของตัวเองขึ้นมาหยิบรูปออกไปสองสามใบใส่กระเป๋าสตางค์ผ้าใบเก่าโทรมก่อนที่จะผลุนผลันออกไปในที่สุดโดยไม่คิดจะสำรวจห้องอื่นให้เรียบร้อย  ทำราวกับว่าห้องนอนของพี่ชาย  แม่หรือห้องครัวได้ถูกกันออกจากชีวิตไปนานแล้ว

     

    เขารออยู่ราวสองสามนาทีเพื่อให้แน่ใจว่าเด็กหนุ่มลงไปข้างล่างแล้วจริงๆ จึงจะโผล่ตัวจากที่ซ่อน เดินเข้าไปในพื้นที่เล็กๆ ที่ถูกกั้นไว้เป็นห้องนอนของน้องชายของ....เอ้อ.....คนสนิท  นี่เป็นสถานะที่ถูกต้องที่สุดที่จะบรรยายเรื่องราวระหว่างเขากับแมทเทียสได้

     

    หลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนแปลงไปมาก บนโต๊ะไม่มีแล็ปท็อป และดูเหมือนว่าจะไม่มีอยู่สักพักใหญ่ๆแล้ว เหลือแต่เม้าส์หนึ่งตัวที่ถูกเก็บไว้ในกล่องบนโต๊ะอ่านหนังสือ ชุดเครื่องเสียงราคาแพงที่เจ้าหนูกัดฟันเก็บเงินค่าขนมซื้อมาเมื่อคริตส์มาสปีที่แล้วก็อันตรธานไปอย่างไร้ร่องรอย รวมไปถึงซีดีของสะสมที่เอมิลภูมิใจหนักหนาก็หายไปราวกับไม่เคยมีอยู่  เขานึกถึงรองเท้ากีฬาคู่ที่เจ้าตัวสวมออกไป ทำไมใส่รองเท้าคู่เก่า แมทเทียสเคยเล่าให้ฟังถึงความคลั่งไคล้รองเท้าของน้องชายวัยสิบห้าในตอนนั้น ว่าเอมิลยอมเก็บค่าขนมเกินครึ่งของตัวเองเพื่อซื้อรองเท้ากีฬาแบรนด์เนมมาสะสมและมีรวมกันเกินกว่าสองโหล  ทว่าตอนนี้กลับเหลือเพียงกล่องเปล่าที่วางเรียงกันไว้ใต้เตียงนอน

     

    ของพวกนั้นหายไปไหน? ขายไปหมดแล้ว? รองเท้าที่เจ้าเด็กนั่นพากเพียรสะสมมาน่ะนะ  เป็นไปไม่ได้เลย เอมิลรักรองเท้าพวกนั้นมากชนิดที่ใครแตะก็ไม่ได้ สองพี่น้องเคยทะเลาะกันบ้านจะแตกนับครั้งไม่ถ้วนก็เพราะเรื่องที่เอมิลซื้อรองเท้าราคาแพงมาไว้มากมาย จนในที่สุดแมทเทียสก็ต้องยอมแพ้และเลิกห้ามปรามในที่สุด

     

    ถ้าขาย  เอาเงินไปทำอะไร? มีแต่คนที่ติดยากับติดการพนันเท่านั้นที่จะยอมขายของสะสมที่รักสุดหัวใจออกไปได้  

     

    เด็กบ้านั่นคงไม่ติดการพนัน แต่ติดยาอาจจะมีสิทธิ์

     

    กล่องนาฬิการาคาแพงถูกซุกซ่อนอยู่ใต้กองหนังสือเล่มหนา เขาใช้ผ้าเช็ดหน้าวางบนมือก่อนที่จะดึงหนังสือออกมาดู เมื่อเห็นชื่อบนปกก็ถึงกับชะงัก หนังสือผ่านการอ่านมาแล้วครึ่งเล่มและมีกระดาษแผ่นหนึ่งเสียบคั่นอยู่เมื่อเขาดึงออกมาดูก็พบว่าเป็นใบเสร็จรับเงินค่ายาจากแผนกจิตเวชในโรงพยาบาลบำบัดผู้มีอาการทางจิตที่อยู่ชานเมือง

     

    ลายเซ็นของเจ้าหนูเซ็นตรงตำแหน่งผู้รับยา

     

    เอมิลป่วยหรือ?  ทั้งดื้อ ทั้งปากเสียต่อกรกับเขาได้ไม่น่าจะป่วยอะไร เต็มที่ก็พี้กัญชามากไปจนประสาทแข็ง นอนไม่หลับ

     

    เอมิลอาจจะติดยาจริงๆก็ได้ แต่ไม่เห็นว่าจะพกใส่กระเป๋าไปด้วยเลย

     

    ถ้าไม่ติดยา ไม่ติดการพนัน ทำไมเด็กนั่นต้องการเงินมากมายนัก

     

    เขาวางหนังสือลงแล้วหันไปสนใจกับกล่องนาฬิกาแบรนด์หรูสนนราคาของมันคือค่าเช่าห้องในอพาร์ทเมนต์นี้ได้สามเดือน  เป็นหนึ่งในของที่เอมิลหวงมากเช่นกัน  เด็กนั่นหัวสูง ถูกพี่ชายและแม่ตามใจราวกับใช้ชีวิตในสวรรค์ อยู่โรงเรียนเอกชนที่ราคาแพงเกินไป  เลือกคบแต่เพื่อนในกลุ่มลูกนายทหารระดับสูง ใช้วันหยุดฤดูร้อนขลุกอยู่ในบ้านพักตากอากาศสุดหรูของครอบครัวเพื่อน ในกลุ่มมีลูกชายนายพลอยู่คนหนึ่งที่เดรโกค่อนข้างมั่นใจว่ามีบางอย่างที่เกินเลยคำว่าเพื่อนระหว่างเอมิลกับเจ้าหนุ่มนั่น แต่ตราบใดที่ทุกคนรักษาความลับไว้ได้ย่อมไม่เป็นปัญหา ในขณะที่พี่ชายเป็นคนอ่อนโยนและสมถะ ใต้ดวงตาสีเขียวเหมือนกันแต่ทั้งสองแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง และนั่นเป็นแมทเทียสที่เขาสบายใจเสมอยามที่อยู่ชิดใกล้  

     

    ไม่ใช่เอมิล.... ดวงตาคู่นั้นบางครั้งก็ดูเซื่องๆเหมือนกวาง  แต่บทจะเอาอะไรขึ้นมาต้องเรียกได้ว่าเป็นเด็กปีศาจชัดๆ แม้กระทั่งโรงเรียนเอกชนที่เลือกเข้าเรียนก็เป็นการตัดสินใจของเจ้าตัวด้วยเหตุผลที่ว่า โรงเรียนอื่นในย่านนี้มีแต่พวกเด็กจนๆ กับคนดำ จะไปสู้โรงเรียนเอกชนที่มีแต่ครอบครัวนายทหารได้ยังไง  เรื่องที่เอมิลเหยียดผิว  เขาพอเข้าใจและรับได้อยู่ สังคมทหารที่ปกครองโดยทหารระดับสูงผิวขาวก็มักเป็นแบบนั้น แต่อะไรคือการที่เด็กอายุ 15 สมัครเข้าเรียนโรงเรียนเอกชนที่แพงที่สุด  ให้พ่อเพื่อนเซ็นรับรองให้แล้วเอาใบเรียกเก็บค่าเล่าเรียนมาวางบนโต๊ะกินข้าวให้พี่ชายกับแม่หาเงินมาปรนเปรอความต้องการของตัวเอง กระนั้นแมทเทียสก็ไม่บ่นอะไรสักคำและแองเจล่าก็เห็นดีเห็นงามไปด้วย  เดรโกเสียอีกที่เป็นคนควักเงินจ่ายให้เพราะพี่ชายของเด็กเวรนี่มาขอร้องบอกว่าหมุนเงินไม่ทัน  เพื่อที่จะรักษาความสัมพันธ์กับแมทเทียส เดรโกไม่คิดว่าตัวเองควรจะพูดอะไรแม้จะรู้สึกตลอดเวลาว่าเด็กนั่นเอาแต่ใจอย่างร้ายกาจและดื้อด้านกว่าที่แม่และพี่ชายแท้ๆจะยอมรับความจริง

     

    เมื่อเปิดกล่องกำมะหยี่ออกมาก็เป็นดังคาด  นาฬิกาเรือนหรูไม่อยู่ในกล่อง ทิ้งไว้เพียงกระดาษที่ถูกขยำเป็นก้อนกลม  เมื่อคลี่ออกมาดู มันคือใบเสร็จรับเงินจากร้านรับซื้อนาฬิกามือสอง  เดรโกคลี่กระดาษออกแล้วเก็บไว้กับตัวเอง  คิดว่าตัวเองจะมีเวลามากพอที่จะตามสืบเรื่องนี้  เขากระชากลิ้นชักออกมาโดยระวังไม่ให้เกิดรอยนิ้วมือ  สำรวจพบบัตรนักเรียน  รูปถ่าย  เอมิลคงหยิบพาสปอร์ตไปด้วย เดรโกไม่คิดว่าด้วยเงินเดือนและเบี้ยเลี้ยงทหารแมทเทียสจะเหลือเงินไว้ให้น้องไปเที่ยวต่างประเทศ  แต่เอมิลคงหาหนทางไปเองได้อย่างสบายๆ กับลูกชายนายพลคนนั้น  เดรโกเลือกหยิบรูปถ่ายติดไปด้วยสองสามใบ เขารู้ว่าจะต้องทำอะไรบ้าง

     

    ในใจนึกถึงโคเคนหนึ่งกิโลกรัมนั่น.... เด็กนั่นคิดจะทำอะไรกันแน่ เอมิลจะใช้เงินอะไรนักหนา ในเมื่อแมทเทียสทำเรื่องแบ่งเงินเดือน 70% ของตนเองโอนเข้าบัญชีของน้องชายไว้ให้เป็นค่าใช้จ่ายในบ้านทุกเดือนและนี่ก็เพิ่งจะต้นเดือน  ถ้าจะสุรุ่ยสุร่ายขนาดนี้ก็ต้องสั่งสอนกันบ้างแล้ว

     

    แต่ความรู้สึกของเขาบอกว่าเรื่องราวมันซับซ้อนกว่าที่เห็น

     

    เดรโกมองไปรอบตัว  ห้องนี้แปลกจริงๆ บรรยากาศของมันไม่เหมือนกับห้องที่เขาเคยรู้จักเลย  มันซึมเซา  เงียบเหงาและอ้างว้าง  เขาเลิกสนใจข้าวของในห้องของเอมิลแล้วเดินย้อนกลับเข้าไปในห้องครัว คาดหวังว่าจะเรียนรู้อะไรบางอย่างจากห้องครัวเล็กๆ ที่แองเจล่าใช้เลี้ยงดูลูกชายสองคนมาแต่อ้อนแต่ออก เขาจำวอลเปเปอร์ลายเถาไอวี่ได้แม่นพอๆ กับจำวันเกิดของตัวเอง  ชายหนุ่มเคยมาใช้ชีวิตให้ห้องเล็กๆ นี้บ่อยเสียจนรู้แม้กระทั่งว่าจะหาโซดาไฟได้จากตู้ไหนในบรรดาข้าวของจานชามเครื่องใช้ในครัวทั้งหมดในบ้านนี้ หรือว่าช่วงไหนที่เธอแอบกินของหวานทั้งๆที่หมอสั่งให้ลดน้ำตาลและคาร์โบไฮเดรตลง  มันเคยเป็นช่วงชีวิตที่ดีช่วงหนึ่งที่เขาได้มาคลุกคลีกับครอบครัวเล็กๆนี้

     

    ...เคย  และไม่รู้ว่าวันไหนช่วงเวลาเหล่านั้นจะย้อนคืนมา...

     

    เขายืนอยู่หน้าตู้เย็นสีขาวอมเหลืองที่เก่าไปตามสภาพ แองเจล่า มารดาของพี่น้องชอบแปะรูปลูกชายทั้งสองคนไว้บนประตูตู้เย็นพร้อมกับโน้ตสั้นๆ ยามที่เธอออกไปทำงานนอกบ้าน  บนบานประตูมีรูปปาร์ตี้วันเกิดที่สนุกสุดเหวี่ยงตอนอายุ 18 ปี รูปแมทเทียสและตัวเขาเองในงานวันเกิดปีที่ 22 รูปแมทเทียสประดับยศทหารเลื่อนตำแหน่งตอนอายุ 25 และรูปของเธอกับลูกชายคนโตเต็มไปหมด

     

    แต่ไม่มีใบหน้าของเอมิลแม้สักรูป.... ทั้งๆที่ในความทรงจำของเขานั้น บนบานประตูตู้เย็นหลังนี้มีรูปของเขาสามคนอยู่ด้วยกันและมีรูปของเจ้าเด็กตัวร้ายนั่นตอนได้แชมป์ยิงปืนระดับเยาวชนตอนอายุ 15 ปี วางอยู่ตำแหน่งบนสุด

     

    ไม่รู้อะไรดลใจให้เขาไปเปิดตู้ชั้นวางอุปกรณ์ทำความสะอาด (รวมไปถึงที่เก็บโซดาไฟ) มีข้าวของจำนวนหนึ่งวางอยู่ รวมไปถึงกล่องซีเรียลเก่าๆที่ไม่ควรจะมาวางอยู่รวมกันกับน้ำยาทำความสะอาดห้องน้ำ  เขาลองดึงมันออกมาดูก็ต้องขมวดคิ้ว เมื่อพบว่าในกล่องซีเรียลมีรูปที่หายไปจากบานประตูตู้เย็นรวมกับพวกเศษใบเสร็จรับเงินและบิลที่เลยกำหนดชำระไปแล้ว  

     

    มีลายมือของแองเจล่าวงใบหน้ายิ้มแย้มของเด็กหนุ่มที่คนที่ชูถ้วยเกียรติยศพร้อมกับคำถามที่ทำให้เดรโกรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาอย่างฉับพลัน

     

    เด็กคนนี้ใคร?

     

    คำถามสั้นๆง่ายๆ แต่ไม่ควรจะเป็นคำถามของคนเป็นแม่ต่อลูกชายคนเล็กของตัว

    คำถามใหม่ผุดขึ้นมาในหัว หนังสือเล่มที่วางไว้บนโต๊ะอ่านหนังสือมีชื่อว่า ‘หนังสือคู่มือดูแลผู้ป่วยจิตเวช’ สำหรับใครไว้ดูแลใครกันแน่ 

    อย่าบอกนะว่า.....  แองเจล่าคือคนที่จะต้องถูกดูแล?

     

    ถึงตอนนี้เขาเริ่มเข้าใจบรรยากาศที่หนักอึ้งของอากาศรอบตัว  มันไม่ใช่ความฉ่ำชื้นของฝนที่อาจจะเทลงมาได้เป็นบางครั้งบางคราวในช่วงต้นฤดูหนาว  แต่มันคือความกดดันและความตึงเครียดที่คนๆหนึ่งต้องแบกรับเอาไว้  ชายหนุ่มคุ้ยดูรูปอื่นๆในกล่อง ไม่มีรูปของแมทเทียสเลยสักใบ มีแต่รูปของลูกชายคนเล็ก

     

    เกิดอะไรขึ้นกับบ้านหลังนี้ เอมิลไม่มีทางเอารูปของตัวเองไปซ่อนในตู้เก็บของแน่นอน  คงจะเป็นแองเจล่านั่นล่ะ

     

    ทะเลาะกันหรือ? ตัดแม่ตัดลูก? หรือนี่เป็นการทำโทษทางจิตวิทยารูปแบบหนึ่ง  ถ้าเป็นการทำโทษแล้วมันทำให้อะไรดีขึ้นล่ะ  เพื่อให้ลูกชายคนเล็กที่ใช้ชีวิตเยี่ยงเทวดาต้องตกระกำลำบาก เตลิดออกจากบ้านไปใช้ชีวิตอย่างเด็กข้างถนนให้ถูกตำรวจลากคอขึ้นโรงพักอย่างน้อยเดือนละครั้งอย่างนั้นน่ะหรือ แองเจล่าคิดว่าตัวเองทำอะไรอยู่ 

     

    เขาเดินย้อนกลับไปยังห้องนอนของเด็กหนุ่ม รื้อกล่องรองเท้าออกมาเพื่อควานหาอะไรบางอย่างที่เขารู้ดีว่าเอมิลซ่อนไว้

     

    อยู่นี่นี่เอง

     

    เขาดึงกล่องไม้ขัดเงางามวับออกมาจากใต้เตียงที่ถูกซุกซ่อนไว้จากกล่องรองเท้าเปล่าๆ  ชายหนุ่มระมัดระวังไม่ให้เกิดรอยนิ้วมือขณะเปิดฝากล่องอย่างบรรจง  แว่บแรกที่เห็นว่ามันยังอยู่ที่นั่นก็โล่งใจ  แต่กระดาษแผ่นเล็กๆ แผ่นหนึ่งที่วางอยู่ด้วยกันทำให้เขาเกิดหนักใจขึ้นมาและคิดว่าตัวเองเริ่มเข้าใจที่มาของโคเคน 1 กิโลกรัมนั้นได้แล้ว

     

    เงิน คือต้นเหตุ

     

    ไม่ใช่เอมิลที่มีปัญหาเรื่องเงิน แต่มันอาจจะเกี่ยวกับแองเจล่าก็เป็นได้  

     

    แมทเทียสไม่เห็นเคยพูดถึงเรื่องนี้เลยสักคำเดียว ลูกชายคนโตที่สนิทกับแม่มากที่สุดจะไม่รู้ความเป็นไปในบ้านเชียวหรือ?

     

    ในกล่องไม้เป็นปืนพกกึ่งอัตโนมัติที่เอมิลได้รับเป็นของขวัญจากเจ้านายของแมทเทียส ในโอกาสที่ได้แชมป์ยิงปืนระดับเยาวชนมา  สนนราคาของมันค่อนข้างสูงในตลาดซื้อขายปืนและสูงมากยิ่งขึ้นเมื่อคำนึงว่า มันเคยเป็นของอดีตแชมป์โอลิมปิก ผู้ปัจจุบันดำรงตำแหน่งสูงในหน่วยงานที่แมทเทียสสังกัดอยู่  แน่นอนว่า....เป็นพ่อของเพื่อนคนใดคนหนึ่งของเจ้าเด็กหัวสูงคนนั้น

     

    กระดาษแผ่นนั้นเป็นราคาที่ร้านรับซื้อปืนเก่าเสนอให้เจ้าหนู  ต่ำกว่าราคาขายในตลาดตั้งครึ่ง  คงจะเห็นว่าเป็นเด็กและคิดว่าเอมิลรับของโจรมาปล่อยที่ร้าน  เหมือนจะโชคดีที่เอมิลไม่หลงเล่ห์ของร้านรับซื้อ ไม่งั้นคงได้เสียของรักที่ถึงมีเงินก็หาซื้อไม่ได้ไปแล้ว หรือไม่ก็เจ็บใจจากร้านรับซื้อนาฬิกา จนทำใจไม่ได้ที่จะเสียของรักอีกชิ้นไป

     

    วัตถุโลหะวาววับสวยหรูในกล่องคล้ายจะมองอย่างตำหนิติเตียนถึงความเฉยชาและมึนตึงที่เขามีให้น้องชายของคนสนิท เขาควรจะรู้สึกผิดกับเรื่องนี้รึ? ไม่หรอก เดรโกไม่คิดว่าเป็นความผิดอะไร และไม่มีกฏเกณฑ์บ้าบออะไรที่มาสั่งให้เขาจะต้องเลี้ยงดูอุ้มชูน้องชายของแมทเทียสให้ดีเลิศเลอพอๆ กับที่เขาเคยดูแลตัวพี่ชายด้วย  โลกนี้หมุนไป อะไรบางอย่างก็เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา

     

    การเข้าร่วมกองทัพเป็นเวลานานของแมทเทียส การตัดเอมิลออกจากครอบครัวและพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปราวกับหน้ามือเป็นหลังมือของเด็กคนหนึ่ง  ทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่เหมือนการพังทลายของแถวโดมิโน ที่คนที่อยู่ท้ายแถวเจ็บหนักที่สุด

     

    ดวงตาสีเขียวคู่นั้นเคยมีเงาสะท้อนเป็นเขา  เคยเรียกเขาว่าพี่ทุกคำ      ออดอ้อนราวกับเป็นพี่แท้ๆ ของตัวราวกับอยากจะเรียกร้องให้แบ่งความรักที่เขามีให้แมทเทียสมาให้ตัวเองบ้าง  แต่ทุกอย่างมันมีข้อจำกัดอยู่ เดรโกเป็นฝ่ายถอยออกมาเอง หาไม่แล้วมันย่อมกระทบต่อการงานของเขาและยังสั่นคลอนความสัมพันธ์ลับๆ ระหว่างเขากับตัวผู้เป็นพี่ชายด้วย  ความสัมพันธ์ประหลาดที่ก้ำกึ่งยากจะอธิบาย  เขาตัดแมทเทียสไม่ขาด  เมินหนีก็ทนทำไม่ได้  อีกฝ่ายก็เช่นกัน ปฏิเสธ  ตีตัวออกห่าง  แต่กลับเป็นฝ่ายติดต่อมาไม่เหลือพื้นที่ให้เขาได้มีโอกาสมีใครอื่น

     

    เอมิลคงจะรู้ตัวว่าถูกเมินเฉย  นับแต่นั้นดวงตาคู่นั้นก็มีแต่ความดื้อดึง ยิ่งก่อเรื่องเท่าไร  เอมิลส่งมาแต่สายตาท้าทายและไม่เคยมีคำว่าสำนึกผิด  เขาเคยตั้งคำถามว่าทำไมถึงต้องมาหาเขาด้วยปัญหาน่าหงุดหงิดและถูกหิ้วคอมาโดยตำรวจทุกครั้ง ทำไมเขาต้องเจอเอมิลในฐานะของเด็กมีปัญหาตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา  เริ่มจากต้องสงสัยว่าขายบริการทางเพศ  ต้องสงสัยว่าลักทรัพย์  ต้องสงสัยว่ารับซื้อขายของโจร  และล่าสุดยังต้องมาพัวพันกับคดีมือศพปริศนา  และยังส่งโคเคนอีก  ทั้งหมดนี่เพียงเพื่อจะเอาชนะหรือมันเป็นสันดานเลวๆที่สายเกินแก้กันแน่

     

    งี่เง่า! ไอ้เด็กสมองหมู!

     

    โดนตบครั้งเดียวยังน้อยไป! ประสาทกลับไปแล้วหรือยังไงถึงทำตัวเสี่ยงซังเตได้ตลอดเวลาทั้งๆที่มันแก้ปัญหาที่แท้จริงไม่ได้

     

    ช่างเถอะ  ตอนนี้ปัญหาอยู่ตรงหน้าแล้วนี่ เขาไม่ใช่คนประเภทที่จะทิ้งปัญหาหนีไปเฉยๆ เสียด้วย ไหนๆตอนนี้ก็รู้แล้ว เขาจะไปเค้นเอาทุกอย่างจากเอมิลให้ได้  เชิดหน้าชูคออวดดีต่อไปเถอะ  ถึงเขาไม่ได้คิดว่าจะต้องมาทำตัวเป็นพี่ชายผู้แสนดี  แต่เดรโกตัดสินใจได้แล้วว่าเขาจะ ‘จัดการ’ เรื่องนี้ให้เรียบร้อยในแบบที่ตัวเองต้องการ ไม่ว่าสองพี่น้องนั้นจะคิดอย่างไรก็ตามที

     

     

    เขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดโทรออก  รอสายอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่ปลายทางจะมีคนรับ “โทรมาทำไม”

     

    “ฉันมีงานให้ทำ สองชุดด่วน”

     

    “โอ๊ย  คิวงานฉันมากมาย  คุณต้องรอก่อน”

     

    “ให้เวลาสองวัน ฉันต้องได้  จะมีแมสเซนเจอร์ไปส่งของให้ ง่ายๆ แค่บัตรประจำตัว บัตรประกันสังคม พาสปอร์ต แล้วก็ใบขับขี่”

     

    “นั่นเยอะอยู่นะ” ปลายทางทำเสียงฮึดฮัดขัดใจ “หนึ่งพันสองร้อยยูโร ค่าลัดคิวงาน”

     

    “แพงนะ” บ่นไปงั้น เขาคิดว่าหากมันจะช่วยได้ก็คุ้มค่าอยู่

     

    “อาชีพหลบๆซ่อนๆนี่มันไม่มีคนมาจ่ายเงินเดือนเหมือนตำรวจนี่โว้ย พันสองขาดตัว”

     

    “ทำบัตรตำรวจด้วยอีกอัน จะโอนเงินให้เมื่อได้รับของ แล้วจะติดต่อไปใหม่อีกครั้ง” เขากรอกเสียงแล้วกดตัดสายไม่ฟังเสียงประท้วง  สมองครุ่นคิดถึงหนทางที่จะนำไปสู่เป้าหมายที่ต้องการภายในเวลาสองเดือนก่อนที่จะถึงกำหนดการสิ้นสุดการเป็นตำรวจที่การงานป่นปี้เละเทะจากการเล่นการเมืองของคนในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

     

    ก่อนไป  เขาต้องฝากรอยแผลไว้ให้ใครหลายๆคนต้องหลาบจำ

     

     

     

     

     

    TBC

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×