ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เล่ห์ร้าย กลายรัก (ตอนจบแล้วจ้า)

    ลำดับตอนที่ #64 : สมการความรัก (2) 100%

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.22K
      16
      23 พ.ย. 53

    เมื่อทั้งคู่อยู่ห้องตามลำพัง ภีมภัทรเอ่ยชื่นชมหญิงสาวตรง ๆ ว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้เขารู้สึกอึ้ง และประหลาดใจอย่างมากที่ธัญวลัยโชว์ความฉลาดและความเก่ง ออกมาประจักษ์บุคคลหลาย ๆ คน

    ธัญวลัยตอบกลับและยิ้มอย่างโอ่ ๆ แบบคนหลงตัวเอง “เรื่องแค่นี้ จิ๊บ ๆ เป็นธรรมดาของคนมีความสามรถ ฮ่า ฮ่า” หยักไหล่ ยิ้มแบบกวน ๆ ตามสไตล์ของเธอ 

    ภีมภัทรนึกขำกับความเป็นธรรมชาติของธัญวลัย ทำให้เขานึกหวนไปในวันแรกของการได้เจอกัน วันแรกที่เขาและเธอปะทะฝีปากอย่างไม่มีใครยอมใคร แต่ในวันนี้ เขากลับยอมจำนน ต่อผู้หญิงตรงหน้าด้วยความสมัครใจ ข้อตกลงในตอนแรกระหว่างเขากับเธอนั้น เป็นเพียงการวัดใจ แต่ไฉนกลับกลายเป็น การเอาชนะใจไปได้หนอ ความไม่ชอบ ทำไมถึงกลายเป็นการถอนตัวไม่ขึ้น ไม่อยากให้เธอจากไป เขายอมรับโดยดุษฎีว่าตัวเขาขาดผู้หญิงคนนี้ไม่ได้ ผู้หญิงที่ตัวเล็ก ๆ ตาตี่ ปากเรียวเล็ก นิสัยดื้อรั้น กล้าแสดงออก ฉลาด และมีความเป็นกันเอง มีเสน่ห์ที่ไม่เหมือนผู้หญิงคนไหนที่เขาเคยรู้จัก แม้จะในหมู่เพื่อนหรือกลุ่มงานก็ตาม ภีมภัทรจ้องหน้าธัญวลัยอยู่นานเพราะมัวแต่นึกย้อนถึงเหตุการณ์ในอดีต ธัญวลัยเอะใจ ที่ผู้เป็นสามีเอาแต่มองเธอแล้วยิ้มนัยน์ตาเยิ้มจนผิดปกติ

    หญิงสาวโบกมือไปมาตรงหน้าชายหนุ่ม แต่ชายหนุ่มยังคงยืนนิ่ง “นี่คุณ คุณ คุณ!!!!” ธัญวลัยตวาดเสียงดังใส่ ภีมภัทรสะดุ้งตัวจากภวังค์

    “เป็นไรไป..เครียดเหรอคะ หรือว่าวันนี้เฮียอ๋องใช้งานหนักเกินไป?
     
     

    ภีมภัทรปฏิเสธ แต่เขามีคำถามที่ยังคาใจที่จะถามเธอด้วยความสงสัย

    “ธัญ...คุณรักผมบ้างไหม?” ภีมภัทรจับไหล่ทั้งสองของหญิงสาวอย่างหลาม ๆ ถามอย่างใจจดจ่อกับคำตอบ เขาเพียรพยายามถามเธอหลายต่อหลายครั้ง แต่ทุกครั้งไม่มีสัญญาณใด ๆ จากหญิงสาวทั้งสิ้น

    คำถามนี้สร้างความสับสนให้กับธัญวลัยมิใช่น้อยเลย ถามว่า”รักเขาไหม” เธอก็ไม่สามารถตอบได้อย่างเต็มปากว่ารักหรือเปล่า ความรู้สึกของเธอในตอนนี้มีแต่ ไม่มั่นใจ ว่าความรู้สึกของเธอนั้นมันใช่รักหรือเปล่า “ความรัก” เป็นอะไรที่เข้าใจยากจริง ๆ ในความรู้สึกของเธอ หลายคนนิยามความรักไว้หลายแบบ แล้วแบบไหนล่ะที่เรียกว่ารักจริง ๆ ?

    “คุณภีมคะ คุณเข้าใจความหมายของคำว่าความรักแล้วหรือยัง?” คำถามนี้ทำเอาภีมภัทรมึนไปเหมือนกัน นี่เขาถามเธออยู่ แต่ไหงเธอกลับย้อนถามเขาเสียดื้อ ๆ ล่ะนี่ ฉลาดจริง ๆ ยัยหมวยแสบ

    “โธ่ธัญ...คุณเคยได้ยินไหมที่ว่า รักไม่ต้องการเวลา น่ะ”

    “เคยค่ะ หากรักไม่ต้องการเวลา....แต่ฉันรู้สึกว่า ความรักเกิดจาก คน 2 คน หากความรักถอดออกเป็นโจทย์คณิตศาสตร์ ฉันว่า คงเป็นคนหนึ่งคน เจอกับคนหนึ่งคน แล้วรู้สึกดีต่อกัน มีค่าเป็นบวก ผลจึงออกมาเท่ากับ 2 เหมือน 1+1 = 2 แต่ในขณะเดียวกัน ตัวแปรอะไรล่ะ ที่ทำให้ 2 นี้จะเพิ่มจำนวน หรือ ลดจำนวนลง จนกลายเป็นติดลบ ตัวแปรดังกล่าวในความหมายของความรัก ตามความคิดของฉัน มันคงเป็น เวลา”

    “จริงอยู่ที่ว่า รักไม่ต้องการเวลา แต่เวลาเป็นส่วนสำคัญในการเรียนรู้ เวลาที่เราทั้งสอง ต้องใช้ความเข้าใจ ในการแก้ไขปัญหา การเรียนรู้กันและกัน ในการร่วมมือกัน 1+1 ที่เท่ากับ 2 + กับตัวแปรที่เป็นการเรียนรู้ ความเข้าใจ ผลลัพธ์ที่ออกมา มันอาจจะกลายเป็นเต็ม 10 ก็ได้ หรืออาจจะมีค่าติดลบ เลยก็ได้นะไม่ว่าผลลัพธ์ของสมการจะออกอย่างไร ฉันอยากให้เวลานี่แหละเป็นตัวพิสูจน์ที่ว่า ความรัก จะมีค่าออกเป็นเท่าไร”

     “ธัญ” ภีมภัทรคราง

    “เอาล่ะ เราสองคนอย่าพึ่งหาคำตอบอะไรในตอนนี้เลย เราสองคนต่างก็มีหน้าที่ในการรับผิดชอบภาระอีกมากมายที่ต้องทำ ตอนนี้เราต้องทำมันให้สำเร็จก่อน อย่างอื่นค่อยว่ากันใหม่นะจ๊ะ” ธัญวลัยยิ้มให้กับภีมภัทรอย่างเอาใจ พูดจบหญิงสาวก็เดินไปที่เตียงแล้วล้มตัวลงนอนทันที
     
              ส่วนชายหนุ่มตัดสินใจคว้าโน๊ตบุ๊คออกจากห้องนอนด้วยท่าทางหงอย ๆ  นึกวกวนคำพูดของเฮียอ๋อง และธัญวลัยไปพร้อม ๆ กัน แต่ในใจลึก ๆ เขาก็ยังมีความหวังที่ธัญวลัยก็ไม่ได้ปฏิเสธเขา เพียงแต่ต้องการขอเวลาเท่านั้นเอง

    กลางดึกธัญวลัยรู้สึกตัวตื่นด้วยเป็นห่วงภีมภัทรที่ดึกป่านนี้แล้วยังไม่เห็นร่างของชายหนุ่ม เธอเดินไปที่ห้องทำงานประจำของภีมภัทร ก็พบว่าชายหนุ่มฟุบหลับอยู่หน้าโน๊ตบุ๊คตัวเก่งของเขานั่นเองไฟที่โต๊ะทำงานยังส่องแสงสว่าง   หญิงสาวค่อย ๆ ย่องเข้าไปใกล้ ๆ และจัดแจง save ข้อมูลต่าง ๆ ก่อนปิดเครื่อง ทั้งยังจัดการเก็บเอกสารที่วางกองอย่างไม่เป็นระเบียบให้เข้าที่เข้าทาง เมื่อธัญวลัยจัดการเสร็จ เธอจึงเดินกลับไปยังห้องนอนอีกครั้ง และกลับมายังห้องทำงานของภีมภัทร เธอค่อย ๆ คลี่ผ้าห่มคลุมตัวชายหนุ่มแล้วปิดไฟที่โต๊ะทำงาน แสงสว่างดับมืดลง ทันทีที่หญิงสาวขยับขาเพื่อออกจากห้อง ขาของเธอเตะกับขาโต๊ะทำงานของภีมภัทรอย่างจัง หญิงสาวอ้าปากกว้างและพยายามปิดปากตัวเองให้และพยายามเม้มปากตัวเองให้สนิท เพื่อไม่ให้มีเสียงเล็ดรอดไปรบกวนภีมภัทรที่กำลังหลับด้วยความอ่อนเพลีย  หญิงสาวหันมามองยังคงเห็นชายหนุ่มหลับสนิทไม่มีทีท่าจะรู้สึกตัว หญิงสาวเดินออกจากห้องด้วยความเจ็บ

    ภีมภัทรที่รู้สึกตัวตื่นเหมือนตัวเองถูกอะไรสักอย่างกระแทกเบา ๆ แต่เมื่อตื่นมาก็พบกับความแปลกใจ และเผยยิ้มออกมาอย่างอบอุ่น เมื่อสัมผัสถูกเข้ากับผ้าห่มที่ธัญวลัยเอามาห่มให้กับเขา พร้อมกับเอกสารที่ถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบ ชายหนุ่มจึงเดินออกจากห้อง ตรงไปยังหญิงสาวที่เอื้ออาทรเขาอย่างนี้ ทันทีที่ภีมภัทรกลับเข้าห้องนอนต้องตกใจกับภาพที่เห็นนั่นคือ หญิงสาวนั่งจับขาตัวเองด้วยสีหน้าที่บ่งบอกว่าเจ็บปวด ภีมภัทรดิ่งตรงไปหาธัญวลัยอย่างรวดเร็วและสอบถามด้วยความเป็นห่วง           “คุณเป็นไรอ่ะธัญ”

    หญิงสาวปฏิเสธเพราะเกรงใจ ภีมภัทรไม่สนใจ ปัดมือทั้งสองของหญิงสาวที่กุมอยู่ขา ภีมภัทรต้องพบกับความแปลกใจ เพราะที่หน้าแข้งของเธอนั่นมีรอยฟกช้ำตัดกับสีผิวอย่างชัดเจน ภีมภัทรกระวีกระวาดหายามาทาให้ธัญวลัยอย่างอ่อนโยน หญิงสาวร้องโอดโอยเบา สีหน้าบ่งบอกถึงความเจ็บ ภีมภัทรปลอบโยนเบา ๆ “อดทนหน่อยนะ เดี๋ยวผมจะค่อย ๆ นวดอีกสักพักก็คงจะดีขึ้นนะธัญนะ อดทนหน่อย” 

                ธัญวลัยได้แต่พยักหน้าปากก็ยังคงบ่นว่าเจ็บทุกครั้งที่ชายหนุ่มลงมือนวดและทำการประคบ ปฐมพยาบาลให้เธอ ภีมภัทรทำไปก็บ่นไปอย่างเอือม ๆ กับความซุ่มซ่ามของหญิงสาว ธัญวลัยเหลืออดโวยด้วยความไม่พอใจ “จะบ่นทำไมเนี่ย ใครจะตั้งใจให้มันเป็นอย่างนี้เล่า” หญิงสาวหัวเสียกับเสียงบ่นของชายหนุ่ม

    “ธัญ!!” ภีมภัทรส่งเสียงดุหญิงสาว

    “ทำไม” ธัญวลัยเริ่มไม่พอใจ เธอจะชักขาหนี แต่ถูกมือหนารั้งไว้
      

    “คุณต้องฟังนะ ต่อจากนี้ไปไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ผมจะบ่นของผมแบบนี้แหละ ตราบใดที่คุณยังซุ่มซ่ามได้ตลอดเวลา ผมจะบ่นต่อไป ยังไง  ๆ คุณ ก็หนีผมไม่พ้น คุณต้องฟังเสียงผมบ่นไปตลอดชีวิตคุณนั่นแหละ” ภีมภัทรทำหน้าทะเล้นใส่ธัญวลัย หญิงสาวเบะปากอย่างหมั่นไส้ เมื่อภีมภัทรทำแผลให้ธัญวลัยเสร็จ ภีมภัทรก้มจูบที่แผลเบา ๆ ทำเอาธัญวลัยอึ้ง สะเทิ้นอาย ธัญวลัยจึงเอ็ดเขาเบา ๆ ภีมภัทรทำเป็นไม่สนใจ
     

    “เอาล่ะ เสร็จแล้ว ธัญ ก็คุณพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้ก็ไม่ต้องไปเปิดร้านหรอก สภาพแบบนี้ปิดมันสักวันหนึ่ง คงไม่เสียหายอะไร เพราะยังไงผมเลี้ยงคุณได้สบายอยู่แล้ว”

    ธัญวลัยได้แต่มองค้อนด้วยความไม่พอใจ “นี่!!! นาย ลืมไรไปป่ะ”

    ภีมภัทรทำหน้างง ไม่เข้าใจความหมายที่ธัญวลัยพูด “นายเป็นแค่สามีในนามฉันนะ ไม่ใช่พ่อ!!! ทั้งสั่งทั้งบ่น รู้ไหมเนี่ยว่ามันเซ็ง!!” หญิงสาวพูดเตือนสติ

    ภีมภัทรยิ้ม ๆ เขายื่นหน้าเข้ามาใกล้ธัญวลัย และพูดว่า “อ้อ..ผมไม่เคยลืมหรอก ผมก็เป็นพ่อไง....พ่อของลูกคุณไง เอาไงดีล่ะ เริ่มเลยมั้ย ตอนนี้ผมพร้อมนะ เอ้า” ภีมภัทรพูดพลางจับไหล่ทั้งสองของหญิงสาวไว้มั่น และโน้มตัวลงบนเตียงนุ่ม คร่อมร่างหญิงสาวอย่างรวดเร็ว ธัญวลัยได้แต่โวยวาย มือทั้งสอง พยายามผลักร่างหนาให้ออกไปจากตัว จิตใจของเธอเต้นดั่งกลองรัว ใบหน้าแดงก่ำ อุณหภูมิในร่างกาย ร้อนรุ่มอย่างผิดปกติ 

             ภีมภัทรยื่นหน้ามาใกล้หญิงสาวระยะประชิด หญิงสาวย่นคอหนี พลางหลับตาปี้ด้วยความกลัว “อ้อ
    !! อีกอย่างนะธัญ...หากคุณยังขืนพูดว่า ผม เป็นเพียงสามีแค่ในนามอีกล่ะก็ ผมจะทบทวนให้คุณได้รู้ ว่าผมอยู่ในสถานะไหน และเป็นอะไรกับคุณ เข้าใจไหม?” ชายหนุ่มเน้นย้ำ คำพูดของเขาเหมือนต้องการคำตอบ ทำเอาธัญวลัยไม่กล้าต่อกร ระดับการหายใจเข้า-ออก ของเธอเริ่มติดขัดและมีปัญหา

              เมื่อภีมภัทรไม่ได้ยินเสียงตอบรับจากหญิงสาว เข้าเริ่มจูบที่พวงแก้ม และก้มลงสูดความหอมที่ซอกคอขาว ๆ ของหญิงสาว สร้างความสยิวให้แก่ธัญวลัยไม่ใช่น้อย ธัญวลัยรีบเปิดปากพูดอย่างรวดเร็ว “โอเค ...เข้าใจแล้ว นายออกไปได้แล้ว ฉันเข้าใจแล้ว ฉันจะไม่พูดอีกแล้ว” 

               ภีมภัทรหยุดการกระทำและมองหน้าหญิงสาวอย่างโหยหา ภีมภัทรเผยยิ้มออกมาอย่างเอ็นดูในตัวหญิงสาว เขาจุมพิตที่หน้าผากของหญิงสาวเบา ๆ แล้วผละจากร่างบางพร้อมกับดึงผ้าห่มมาห่มให้กับธัญวลัยอย่างอบอุ่น

               ธัญวลัยลอบถอนหายใจเบา ๆ อย่างโล่งอก แต่ในใจกลับเต้นดังตูมตาม เมื่อตั้งสติได้ธัญวลัยนึกถึงพฤติกรรมที่ภีมภัทรปฏิบัติกับเธอ หญิงสาวเผยยิ้มออกมาอย่างเป็นสุข กับความรู้สึกที่อบอุ่นแผ่ซ่านไปทั่วร่าง

      

    รุ่งเช้า เสียงตะโกนโวยวายเรียกธัญวลัยดังลั่นไปทั่วบ้าน จนผู้เป็นบิดา ต้องเอ็ดด้วยความรำคาญ “ไง..เมียหายไปแค่นี้ โวยวายซะบ้านแทบแตก”

    แทนที่ภีมภัทรจะหยุดโวยวาย กลับถามต่อด้วยความอยากรู้ “พ่อเห็นธัญ บ้างไหมครับ?  เป็นใหญ่ปิดหนังสือพิมพ์ถอนหายใจอย่างเอือม ๆ “ออกไปข้างนอกตั้งแต่เช้า แกนี่ไม่ได้เรื่องเล้ยจริง ๆ” เป็นใหญ่ส่ายศรีษะเบา ๆ  ลุกหนีด้วยความเซ็ง ภีมภัทรหัวเสียพลางกดโทรศัพท์หาธัญวลัยแต่ต้องหัวเสียเป็นเท่าตัวเมื่อพบว่าโทรศัพท์มือถือดังอยู่ที่โต๊ะห้องนั่งเล่นนั่นเอง

    “ไปไหนของเขานะ? บอกว่าไม่ให้ไปไหน ไม่ให้ไปไหน” ภีมภัทรบ่นด้วยความเป็นห่วง “กลับมาจะลงโทษให้น่าดูเลยเชียว ยัยตัวแสบ”

    “ฮัดเช่ย ฮัดเช่ย โอ๊ย!! สงสัยแป้งเข้าจมูกพี่แหง” ธัญวลัยบ่น

    “ไม่มั้งพี่ธัญ อาจจะมีใครบ้างคนบ่นถึงก็ได้น่า” การ์ตูนแซวยิ้ม ๆ พลางนำขนมที่เธอกับธัญวลัยช่วยกันทำนำไปอบ

    “เฮียอ๋องครับ วันนี้ธัญเขาไปที่บ้านหรือเปล่าครับ” ภีมภัทรโทรศัพท์ไปถามที่บ้านธัญวลัย ที่เสียงตอบกลับทำให้ภีมภัทรต้องเดินหงุดหงิดเป็นเสือติดจั่น จนป้าเย็นเอ่ยเบา ๆ กับเป็นใหญ่ “คุณใหญ่คะ ป้าว่า บอกคุณภีมไปเลยดีไหมคะ ดูสิเนี่ย งุ่นง่านไม่เป็นอันทำอะไรแล้ว ดู ๆ แล้วน่าสงสารนะคะ”

    เป็นใหญ่กล่าวยิ้ม ๆ “ปล่อยมัน ดี ขำดี ปล่อยให้มันเป็นแบบนี้มันจะได้รู้ใจตัวเอง”
     

    “เอ้านั่น...คุณภรณ์พรรณ กับ พริมรตามาแล้วกันแล้วค่ะ” ป้าเย็นกล่าวอย่างตื่นเต้น เมื่อเห็นรถของแฮมวิ่งเข้ามาจอดที่หน้าบ้าน เป็นใหญ่ผละออกไปอย่างรวดเร็ว พลางส่งเสียงเรียกภีมภัทรให้มารับสมาชิกใหม่ที่กำลังเข้าบ้าน

    เมื่อทุกคนมาพร้อมกันที่ห้องนั่งเล่น เป็นใหญ่และภรณ์พรรณนั่งดูเด็กน้อยหลับตาพริ้มอยู่บนอกของผู้เป็นมารดา แฮมเป็นผู้สามีนั่งประคบประหงมทั้งลูกและเมียอยู่ไม่ห่าง จนเป็นใหญ่อดที่จะแซวไม่ได้ ทำเอาทั้งแฮมนั้นอายม้วนต้วน ส่วนภีมภัทรนั่งดูเด็กน้อยด้วยความเอ็นดูอย่างสุขใจที่ครอบครัวของน้องสาวลงเอยกันได้เสียที พลางนึกน้อยใจหาก ณ เวลานี้ภรรยาของเขานั่งอยู่ด้วยกันคงจะดีไม่น้อย

    “เอานี่ แล้วหนูธัญไปไหนล่ะเนี่ย” ภรณ์พรรณถามด้วยความสงสัย

    “เอ่อ..ไปข้างนอกน่ะครับ อีกสักพักคงจะกลับ”ภีมภัทรพูดพลางชะเง้อมองไปทางหน้าบ้าน รอคอยการกลับมาของภรรยาแสนรั้นของเขา

    สักพักเสียงร้องของขวัญดังขึ้นด้วยความหิว พริมรตาจึงต้องขอตัวไปบนห้อง ส่วนแฮมตามประกบไม่ห่าง ภรณ์พรรณและเป็นใหญ่มองทั้งคู่ด้วยความอิ่มใจ ภีมภัทรยิ้ม ๆ แต่เมื่อมานึกย้อนเรื่องของตัวเองทำให้สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปในทันที
     

    เป็นใหญ่สะกิดเรียกภรณ์พรรณให้ดูหน้าของภีมภัทร เป็นใหญ่ยิ้ม ๆ ภรณ์พรรณสีแขนสามีเบา ๆ ที่แกล้งบุตรชายให้ปั่นป่วน ภีมภัทรรู้สึกหงอยอย่างไม่มีสาเหตุ เมื่อเห็นผู้เป็นบิดาและมารดานั่งกระหนุงกระหนิงกันอย่างหนุ่มสาว ส่วนตัวเขาได้แต่นั่งเดียวดาย จนรู้สึกเหมือนเป็นส่วนเกินจึงลุกจากห้องไป

    เวลาผ่านไปจนเย็น ภีมภัทรนั่งจดจ่ออยู่หน้าบ้านรอคอยการกลับมาของธัญวลัยอย่างใจจดใจจ่อ และเมื่อรถแท็กซี่จอด ภีมภัทรกระวีกระวาดเข้าไป ต้องพบกับความแปลกใจที่มือทั้งสองของหญิงสาวเต็มไปด้วยขนมต่าง ๆ ภีมภัทรช่วยถือของทั้งหมดเข้ามาในบ้าน

              ธัญวลัยเรียกทุกคนมาช่วยกันชิมขนมที่เธอทำกับการ์ตูนมาทั้งวัน ทุกคนลงความเห็นว่าอร่อยและต้องยกความดีความชอบให้กับธัญวลัย ทำเอาหญิงสาวเป็นปลื้ม ไม่ต่างกับภีมภัทรที่ตอนแรกหงุดหงิดเป็นอย่างมาก แต่เมื่อทราบสาเหตุที่หญิงสาวหายไปทั้งวันทำเอาความโกรธมลายหายไปในทันที

    “งั้นพรุ่งนี้เราก็เอาขนมพวกนี้เข้าที่ประชุมและหากตกลงกันได้ เราก็สามารถทำการตลาดได้เลย คิดว่าคงไม่เกิน 2 สัปดาห์ก่อนที่คุณอิชิมูระซังจะกลับมา” ภีมภัทรกล่าว เป็นใหญ่และแฮมพยักหน้าอย่างเห็นด้วย ส่วนพริมรตา ยิ้มให้กับธัญวลัยอย่างขอบคุณ ธัญวลัยยิ้มตอบอย่างอบอุ่น บรรยากาศในวันนี้อบอวลไปด้วยความอบอุ่นและเป็นกันเอง ภีมภัทรมองหน้าพริมรตาและธัญวลัยก็รู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูกที่น้องสาวและภรรยาของเขาสามารถเข้ากันได้เป็นอย่างดี เรื่องที่เขาจะสอบถามคงไม่จำเป็นอีกต่อไป

    ตกดึกธัญวลัยอาบน้ำเสร็จเตรียมตัวจะเข้านอน แต่ต้องชะงักเพราะภีมภัทรดักเอาไว้ “ธัญ...ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณ”ภีมภัทรทำเสียงดุใส่ธัญวลัย หญิงสาวทำหน้าเช็ง ๆ นึกในใจ โดนบ่นอีกแล้วแหง ๆ  

    ภีมภัทรคว้ามือธัญวลัยให้นั่งลงที่เตียงนอน และค่อย ๆ ถอดผ้าก๊อตพันขาออกอย่างแผ่วเบา ๆ พร้อมกับทายา และทำแผลไปด้วย “วันนี้ยังปวดขารึเปล่า"
     
              ธัญวลัยส่ายหน้าเบา ๆ ภีมภัทรพยักหน้ารับรู้ "ผมบอกให้คุณพัก แต่คุณกลับออกไปทำขนมเพื่อมาช่วยผม บอกตรง ๆ ผมโกรธคุณมากในตอนแรก แต่ตอนนี้ผมเข้าใจแล้ว ผมไม่ต้องอธิบาย แต่ผมน้อยใจนะ ที่คุณไปไหนมาไหนไม่ยอมบอกผมสักคำ รู้ไหมว่าผมน้อยใจนะ น้อยใจมาก ๆ ด้วย” ภีมภัทรแสร้งทำงอน 

    หญิงสาวนึกขำกับท่าทางงอนของภีมภัทร “ก็ฉันเห็นคุณนอนดึก ยุ่งกับเรื่องของบริษัท ฉันก็เลยปล่อยให้คุณได้พักอย่างเต็มที่ ไม่ดีรึคะ” ธัญวลัยพูดอย่างเอาใจ  

    ภีมภัทรเผยยิ้มอย่างพอใจกับคำพูดของธัญวลัยที่ทำให้เขารู้สึกถึงความห่วงใยที่หญิงสาวมีให้กับเขา แม้จะไม่มีคำพูด แต่การกระทำที่ธัญวลัยทำให้กับเขา นั้นนั่นคือคำตอบที่ดีที่สุด "ทีหลังจะไปไหนมาไหน บอกผมสักหน่อยก็ยังดี อ้อ!! ที่สำคัญมือถือน่ะ พกไว้ติดตัวเสมอ มีอะไรจะได้โทรหาได้ ผมอยากรู้ตลอดนะว่าคุณน่ะอยู่ อยู่กับใคร ทำอะไร อยู่ที่ไหน บาดเจ็บหรือเปล่า คุณอาจจะมองว่าเป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่คุณรู้บ้างไหม เวลาที่ผมไม่เห็นคุณ และยิ่งไม่รู้ด้วยว่าคุณหายไปไหน คุณรู้ไหม ผมแทบจะเป็นบ้า อย่าทำแบบนี้อีกได้ไหมผมขอร้อง" ภีมภัทรพูดนิ่ง ๆ สายตาทั้งสองประสานกันอย่างตั้งใจ ธัญวลัยพยายามหลบตานั้น ด้วยความรู้สึกผิดและสะเทิ้นอาย กับความอ่อนโยน จริงใจที่ภีมภัทรมีให้กับเธอตลอดมา

    “ต่อไปมีอะไรต้องบอกผมเข้าใจไหม และนี่”ภีมภัทรทำแผลให้หญิงสาวเสร็จก็ลุกไปที่โต๊ะหยิบซุปไก่สกัดมาให้หญิงสาว ธัญวลัยทำสีหน้างง เพราะนั่นคือ สิ่งที่เธอเตรียมให้กับเขาก่อนออกจากบ้าน
             

    “คุณกินซะแล้วก็นอนพักผ่อนเสีย รอยฟกช้ำที่ขาเริ่มดีขึ้นแล้วล่ะ ผมจะนวด ทายาให้คุณอีกรอบนะ เสร็จแล้วคุณก็พักผ่อนซะ คนดี วันนี้คุณเหนื่อยเพื่อผมมาตลอดทั้งวันแล้ว ผมรักคุณนะ ธัญ” พูดจบ ภีมภัทรจูบที่หน้าผากธัญวลัยเบา ๆ ก่อนจะออกจากห้องเพื่อเตรียมงานที่จะต้องไปประชุมในวันรุ่งขึ้น 

                หญิงสาวหน้าแดงจัดอย่างกับลูกตะลึงสุก ก่อนล้มตัวลงนอนสีหน้ายังคงเปื้อนด้วยรอยยิ้มอย่างเป็นสุข


    -------------------------------------------------------------------------------------------------
    ไรเตอร์กลับมาแล้วจ้า อัพให้ครบร้อยแล้วนะจ๊ะ ขอบคุณทุก ๆ ข้อความและ คะแนนโหวตจ้าาาาา

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×