ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เล่ห์ร้าย กลายรัก (ตอนจบแล้วจ้า)

    ลำดับตอนที่ #55 : วันนี้ที่รอคอย

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.23K
      12
      23 มิ.ย. 53

                    ด้านธัญวลัยทุกคนต่างร่วมมือร่วมใจกันแต่งตัวให้เจ้าสาวให้สวยที่สุดให้สมกับวันมงคล ฝ่ายเจ้าบ่าวก็แต่งตัวอยู่เช่นกัน ภีมภัทรหันมองดูตัวเองในกระจกเพื่อสำรวจความเรียบร้อย ก่อนที่จะเตรียมตัวออกเดินทางยกขบวนขันหมากไปยังบ้านเจ้าสาวให้ทันตามกำหนด

                    ไม่นานนัก หลังจากที่ทุกคนช่วยกันแปลงโฉมจนสวยเสร็จสมใจแล้ว ธัญวลัยก็รู้สึกตัวตื่นพอดี ต้องตกใจเมื่อเห็นตัวเองที่อยู่ในชุดเจ้าสาวสวยเสร็จ ทั้งทรงผม และหน้าตาที่ถูกปั้นแต่งอย่างบรรจง ธัญวลัยมองตัวเองในกระจกถึงกับตะลึงอึ้งกับสิ่งที่เห็นความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับตัวเอง

                    “เป็นไง..เจ้าสาว ถึงกับตะลึงตัวเองเลยหรือจ๊ะ” ก๊อตแซว

                    “อ้าวเฮ้ย!!..ไอ้ก๊อต ซุป พวกแกมาตั้งแต่เมื่อไรเนี่ย” ธัญวลัยเอ่ยถามอย่างงงปนงัวเงีย

                    “ก็มาตอนแกหลับไง คนอะไร้จะแต่งงานอยู่แล้ว ดั้นมาหลับไม่ได้มีอาการตื่นเต้นอะไรสักอย่าง” ก๊อตส่ายหน้าอย่างไม่เข้าใจในตัวเพื่อน

                    “นั่นดิ..ผิดกับเพื่อนเจ้าสาวแหกขี้ตา ตื่นตั้งแต่ไก่ยังไม่ตื่นหวังจะมาช่วยงานแก ดั้นมาเจอเพื่อนหลับซะงั้น” ซุปกล่าวบ้าง

                    “ก็มันง่วงนี่” ธัญวลัยเสียงอ่อย สำนึกผิด

                    “เอาเหอะ..ไหนสำรวจความเรียบร้อยของเจ้าสาวหน่อยนะคะ” ช่างแต่งหน้า ฉุดข้อมือให้ธัญวลัยลุกขึ้นเพื่อดูชุดและทรงผม พลางจับไหล่ธัญวลัยให้หมุนตัวไปรอบ ๆ

                    “โอเค..สวยเสร็จแล้วนะคะเจ้าสาว” ช่างแต่งหน้าคนดังกล่าวหันตัวธัญวลัยไปทางกระจก ธัญวลัยมองตัวเองในกระจกตรงโต๊ะเครื่องแป้ง ก็รู้สึกถึงความงามที่ตนเองมี แต่ในใจลึก ๆ ก็นึกสังเวชตัวเอง ที่ต้องมาแต่งงานกับคนที่ไม่รัก ไม่รู้จัก ไม่ได้คุ้นเคยกันมาก่อน ที่เพราะเหตุบังเอิญหรือนิสัยของตัวเองกันแน่ที่จับพลัดจับพลูมาแต่งกับภีมภัทร เมื่อคิดถึงตรงนี้ทีไร ธัญวลัยก็ถอดหายใจออกมาดัง ๆ จนก๊อตและซุปที่มองมาก็พอจะรู้ถึงอาการที่เพื่อนเป็น

                    “เฮ้ย!!!ไอ้ธัญแกอย่าทำอย่างนี้สิ” ซุปกล่าวเมื่อเห็นอาการของเพื่อนสาว พาลทำให้เธอพลอยเศร้าไปด้วย

                    “วันนี้เป็นวันมงคลของแกนะโว๊ย!! ไม่ว่าแกจะเป็นอย่างไร...พวกฉันก็จะอยู่ข้างแก” ก๊อตเอือมมือไปแตะที่ไหล่ของธัญวลัยเบา ๆ ปลอบใจ

                    ธัญวลัยที่มีสีหน้ากังวลในตอนแรก ดูมีกำลังใจขึ้นมาเมื่อมีกำลังใจที่ดีอยู่ข้าง ๆ เธอเสมอ ธัญวลัยเผยยิ้มออกมา “ขอบใจพวกแกมากนะ ฉันแค่รู้สึกหวิว ๆ ในใจ ยังไงก็ไม่รู้ มันแปลก ๆ น่ะ”

              ทั้งก๊อตและซุป มองหน้ากันและประสานเสียงหัวเราะเบา ๆ ทำให้บรรยากาศที่ดูหม่นมัว กลับสดใสขึ้นมาในพริบตา

                    “เอาล่ะสาว ๆ เตรียมตัวพร้อมกันหรือยัง”

                    “อ้าว...เฮียอ๋อง สวัสดีค่ะ” ก๊อตและซุปหันมามองที่ต้นเสียง และยกมือไหว้ทักทาย

                    “โห...เฮีย..วันนี้ดูหล่อมากเลยอ่ะ วันนี้ก๊อตว่างนะคะ..หากเฮียต้องการคนเดินเคียงข้าง” ก๊อตทำเสียงออดอ้อน ออกตัวแรง เมื่อเห็นเฮียอ๋องแต่งชุดสูท มาในมาด หล่อ เนื้ยบ ทำให้เธอนึกถึงพระเอกเกาหลีหลุดออกมาจากซีรีส์อย่างไงอย่างนั้น

                    เฮียอ๋องที่ปกติมีสีหน้าเรียบเฉยตลอดเวลา กลับแดงเป็นลูกตำลึงสุกเมื่อได้ยินก๊อตพูดแบบนั้น ธัญวลัยหัวเราะเสียงดังอย่างกลั้นไม่อยู่เมื่อเห็นสีหน้าของพี่ชาย

                    “เฮีย..เป็นไรง่ะ อุแหม..หน้างี้แดงซะ”

                    “หยุดเลยไอ้ธัญ” เฮียอ๋องหันมาหน้าตึงใส่ธัญวลัย ทำเอาธัญวลัยรีบหุบปากในทันที แต่ก็ยังนึกขำกับท่าทางของพี่ชาย

                    “เอ่อ..ก๊อตกับซุป เสร็จแล้วเดี๋ยวลงไปข้างล่างกันนะ..เอ่อ..เฮียไปแล้วนะ ดะ เดี๋ยวเตี่ยจะรอนาน” พูดจบเฮียอ๋องผลุนผลันออกไปอย่างรวดเร็ว

                    “เฮ้ยธัญ...เฮียแกเวลาเขิน..น่ารักว่ะ” ซุปยิ้มเขิน ๆ

                    “เอาล่ะ เดี๋ยวพวกฉันลงไปก่อนป่านนี้ขบวนขันหมากคงจะมาถึงแล้วล่ะ” ก๊อตพูดพลางดูนาฬิกาแบรนด์เนมยี่ห้อโปรดที่ข้อมือ

                    “ไป..ซุป เดี๋ยวเราสองคนจะต้องไปกั้นประตูเงิน ประตูทองกัน” ก๊อตกล่าวอย่างตื่นเต้นเมื่อนึกถึงเวลาดังกล่าว

                    “นี่...ไอ้ก๊อตที่แกกระตือรือร้นปลุกฉันแต่เช้าเนี่ย เพราะประตูเงิน ประตูทองอะไรนี่ใช่ป่ะ”ซุปคาดคั้น

                    “บ้า..ไม่ใช่สักหน่อย มันเป็นส่วนหนึ่งของพิธีนะเฟ้ย!!” ก๊อตทำเฉไฉ เลิกลั่ก เอาเรื่องของพิธีขึ้นมาอ้างกลบเกลื่อนความจริง

                    “นั่นไง...อาการแบบนี้ชัวร์เลย” ซุปชี้หน้าก๊อต ก๊อตได้แต่กลบเกลื่อนฉุดข้อมือซุปให้ลงไปข้างล่างเพื่อเตรียมการ

                    ซุปหันมามองธัญวลัย อย่างให้กำลังใจ ก่อนจะเดินออกไปตามแรงฉุดของก๊อต ธัญวลัยพยักหน้าอย่างเข้าใจ ไม่คิดจะรั้งเพื่อนไว้ เข้าใจว่าทุกอย่างยังไงก็ต้องเดินหน้าต่อไป เธอคงทำได้แค่เพียงยอมรับ และทำใจกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิต

                    เสียงแห่ แตรวง ดังขึ้นทุกที ทุกที ส่งสัญญาณบ่งบอกถึงขบวนเคลื่อนเข้ามาใกล้บ้านเจ้าสาวมากขึ้น ภีมภัทรดูออกอาการตื่นเต้นอย่างเก็บเอาไว้ไม่อยู่ หัวใจเต้นตึกตัก ดังแข่งกับเสียงแห่ขันหมาก  

                    “ไง..ตื่นเต้นหรอกไอ้ลูกชาย” เป็นใหญ่กระเซ้า

                    “นิดหน่อยครับพ่อ” ภีมภัทรยิ้มเขิน ๆ

                    “เหมือนพ่อตอนมาขอแม่แกไงเป๊ะเลย” เป็นใหญ่กล่าวอย่างอารมณ์ดี ภรณ์พรรณได้แต่ค้อนอย่างหมั่นไส้ กระแทกศอกเข้าสีข้างของสามีเบา ๆ “เซี้ยวจริง ๆ เลยคุณนี่” เมื่อขณะขบวนขันหมากใกล้ประตูตัวบ้านมากขึ้น

                    ด่านแรกที่ภีมภัทรเจอคือ ประตูเงินที่ 1 ซึ่งเป็นการ์ตูนนั่นเองที่มาคู่กับเพื่อนสาว ยืนต้อนรับอย่างยิ้มแย้ม “พี่ภีม...ตามธรรมเนียมนะคะ” ภีมภัทรได้แต่ยิ้ม ๆ และยื่นซองสีแดงให้คนละ 2 ซองอย่างไม่มีข้อต่อรองใด ๆ การ์ตูนรับซองยิ้ม ๆ แล้วปล่อยให้ภีมภัทรผ่านด่านไปได้อย่างง่ายดาย

                    เมื่อผ่านด่านประตูที่ 1 ต้องมาเจอประตูที่ 2 และ 3 แต่ละประตูเล่นเอาภีมภัทรเหงื่อตก ผ่านประตูไปเท่าไร เสียงหัวใจของเขา เต้นอย่างตีกลองจังหวะแร๊ฟผสมร็อก ทำให้จิตใจของเขาเริ่มตื่นเต้นหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ อยากจะเจอหน้าเจ้าสาวเต็มที และเมื่อมาถึงประตูสุดท้าย นั่นคือ ก๊อตกับน้ำซุปนั่นเอง ที่ยืนยิ้มหน้าแฉล้ม บานแฉ่ง ทำเอาภีมภัทรเริ่มกังวลกับจำนวนซองที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อสูท เป็นใหญ่นึกขำ ๆ อย่างรู้ทัน นึกในใจลูกชายโดนเพื่อนเจ้าสาวแกล้งเสียแล้ว

                    “คุณภีมคะ..อย่าว่ากันเลยนะ ตามธรรมเนียมคะ” ก๊อตพูดพลางแบมืออย่างรู้งาน เก๋งที่ช่วยต้อนรับแขกอยู่ใกล้ๆ เห็นท่าทางเพื่อนสาวนึกไม่พอใจ จึงค่อย ๆ ก้าวเท้ามาหาอย่างช้า ๆ ไม่ให้ผิดสังเกต ค่อย ๆ กระซิบก๊อตเบา ๆ
     
                   “ก๊อต..อย่าเยอะ
    !!!  เดี๋ยวเจ้าบ่าวนึกเฮี้ยน ยกขันหมากกลับ แกจะซวยนะโว๊ย!!” ก๊อตที่ยืนยิ้มรับซองต้องหันมาค้อนเก๋งอย่างขัดใจ “นี่แก..หน้าที่แกโน่นไปช่วยเฮียอ๋องดูแลแขกไป๋!!!” ก๊อตออกปากไล่เก๋งที่เข้ามาขัดใจเธอ 

                  “เออ..ก็ได้ว่ะ แต่อย่าเยอะนะเพื่อน” เก๋งพูดจบก็ค่อย ๆ เดินจากไปอย่างเนียน ๆ ก๊อตจึงหันกลับมายิ้มหวานทางภีมภัทรเหมือนรอคอยความหวัง ซุปได้แต่ยิ้มกลบเกลื่อน ทั้ง ๆ ในใจอย่างจะหัวเราะเสียงดัง

                      ภีมภัทรยื่นซองให้อย่างไม่ลังเล เพราะในใจเขาต้องการเห็นหน้าเจ้าสาวโดยเร็ว ก๊อตและซุปรับซองมาอย่างอิ่มเอม     ก๊อตทำท่าไม่พอใจกับสิ่งที่ได้รับ ทำท่าจะขอซองเพิ่ม  แต่ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงกระแอมดัง ๆ มาจากเก๋งที่คอยชำเลืองมองอยู่ไม่ห่างนัก ก๊อตมองค้อนอย่างขัดใจ ปล่อยมือจากประตูทองอย่างไม่ค่อยพอใจ ซุปกล่าวเชื้อเชิญให้ภีมภัทรและขบวนขันหมากเข้าไปยังที่ห้องเตรียมการทำพิธี ส่วนก๊อตและคณะของภีมภัทรพ้นสายตา ก๊อตก็ตรงเข้าเล่นงานเก๋งทันที แต่เก๋งรู้ทันชิ่งเข้าหาเคน ชักชวนให้เข้าไปช่วยกันรับแขกและขบวนขันหมาก

                    ขบวนขันหมาก และ สินสอดถูกจัดนำมาวางไว้เต็มห้อง ทางผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายทำการตรวจสอบสินสอดตามธรรมเนียมประเพณี ไม่นานนัก เตี่ยก็นำเจ้าสาวมาให้มาพบกับเจ้าบ่าวและแขกเหรื่อที่รอคอยการปรากฎตัวของเจ้าสาว 

                   แรกเห็นภีมภัทรถึงกับตาค้างเมื่อเห็นธัญวลัยในชุดเจ้าสาวสีงาช้าง ดุจเจ้าหญิงที่เบื้องบนประทานมาให้แก่เขาโดยเฉพาะ ผมที่เคยมัดไว้อย่างลวก ๆ  กลับถูกเกล้ามวยไว้อย่างเรียบร้อย ประดับด้วยเครื่องทองที่ส่องรัศมีให้เจ้าสาวดูเปล่งปลั่ง ใบหน้าปกติมักจะถูกตกแต่งด้วยแค่แป้งเด็ก บัดนี้แก้มใส ๆ ของเจ้าสาวถูกบรรจงปัดแต่งด้วยสีชมพูดูเป็นธรรมชาติ ริมฝีปากเคลือบสีหวาน ๆ ดูเย้ายวนชวนสัมผัส       

                    ภีมภัทรยังคงตกอยู่ในภวังค์จนผู้เป็นมารดาต้องเรียกสะกิด ทำเอาภีมภัทรนั้นเหวอไป ทำเอาคนที่อยู่ในห้องเผลอขำออกมากับความเปิ่นของเจ้าบ่าว ธัญวลัยเห็นแอบขำ ในใจอยากจะขำดัง ๆ แต่ติดตรงที่ยังอยู่ในช่วงของพิธีการ จึงได้แต่สงบปากสงบคำ ซ้ำยังเห็นสายตากำราบของมาม้าที่มองดูอยู่จึงทำให้ธัญวลัยได้แต่นิ่งเพื่อความปลอดภัยของตนเอง ส่วนธัญวลัยเมื่อเห็นภีมภัทรในตอนแรก ก็ตะลึงอึ้งไปกับความหล่อของภีมภัทรเหมือนกัน แต่ยังคงเก็บอาการได้เป็นอย่างดี

                    เมื่อได้เวลาที่ทั้งสองต้องแลกแหวนกันและกัน ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายมีการพูดคุยกันเบา ๆ อย่างเป็นกันเองจนเมื่อถึงเวลาของการรดน้ำสังข์ ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายต่างผลัดกันขึ้นมากล่าวคำอวยพรระหว่างรดน้ำสังข์ ทั้งภีมภัทรและธัญวลัยจึงได้แต่ยิ้มรับ บ่อยครั้งที่ภีมภัทรคอยเหลือบมองธัญวลัยอย่างหลงใหล ตัวเขามีคำพูดหลายคำพูดที่เขาอย่างจะบอก แต่โอกาสก็ไม่เอื้ออำนวยนัก ธัญวลัยเองก็สังเกตได้คอยจะถามแต่ภีมภัทรก็ไม่กล่าวอะไรออกมา ได้แต่ยิ้มให้กับธัญวลัยอย่างอบอุ่นทำเอาหัวใจของธัญวลัย อ่อนไหวกับความอ่อนโยนที่ภีมภัทรมอบให้เธอ แม้จะเป็นเรื่องเล็กๆ น้อย ๆ ทำเอาเธอหวั่นไหวไปเหมือนกัน

                    เมื่อเสร็จคิวผู้ใหญ่ ก็ตามมาด้วยเฮียอ๋อง ที่รอเวลามานาน ระหว่างรดน้ำสังข์ให้กับน้องเขย เฮียอ๋องพูดกระซิบเบา ๆ “หากคุณทำให้น้องสาวเฮียเจ็บ รับรองด้วยเกียรติของพี่ชายคนนี้จะไม่ปล่อยให้นายลอยนวลแน่!!!” กับภีมภัทรที่ทำให้ภีมภัทรได้ครับ ๆ เบา ๆ  อย่างเจื่อน ๆ

                    จนเมื่อมาถึงธัญวลัย “เฮีย...ขอให้น้องสาวของเฮียมีความสุขมาก ๆ หากมันทำแกเจ็บ รู้ไว้น้องยังมีเฮียนะ” ธัญวลัยได้ยินถึงกับน้ำตาซึม เฮียอ๋องใช้มืออันอบอุ่นค่อย ๆ เช็ดน้ำตาให้กับน้องสาวที่มันจะเอ่อล้นออกมาด้วยความตื้นตันที่แม้เวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน เธอก็ยังคงเป็นคนสำคัญของเฮียเธอเสมอ “อย่าร้องนะนางฟ้าน้อย ๆ ของเฮีย ” คำพูดของเฮียอ๋องทำเอาบ่อน้ำตาของเธอแทบจะทะลักออกมา 

                  ธัญวลัยได้แต่เม้มปาก สูดหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อสะกดไม่ให้น้ำตาไหลออกมา อย่างที่เฮียอ๋องขอไว้
    “เก่งมากน้องเฮีย” พูดจบเฮียอ๋องจับที่ศรีษะของธัญวลัยเบา ๆ ทำเอาธัญวลัยนึกห้วนไปครั้งตอนเธอเป็นเด็ก หลายครั้งที่เธอร้องไห้เจ็บตัวด้วยความซนของตัวเอง เฮียอ๋องมักจะคอยปลอบใจและทำอย่างนี้กับเธอตลอด ธัญวลัยได้แต่พูดขอบคุณเบา ๆ เฮียอ๋องยิ้มอย่างพอใจ พลางส่งสังข์คืนให้กับซุปที่ยืนคอยบริการส่งน้ำสังข์ให้กับแขก รดน้ำให้พรแก่คู่บ่าวสาวในวันมงคลของคนทั้งสอง

    ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
    จบอีกตอนแล้วค่ะ ^_ ^...รีบปั่นมาก ๆ หายไปนานเลยเนอะ ไม่ว่ากันนะจ๊ะ เม้นต์โหวตด้วยนะจ๊ะ... love คนอ่านมากมาย (กลับมาแก้ไขนิดหน่อยจ้า)
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×