คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #18 : ตกหลุม
เมื่อภีมภัทรไปถึงชั้นบนดาดฟ้าของบริษัท ก็พบว่าพริมรตายืนร้องไห้ สายตาทอดมองไปยังข้างหน้า เมื่อภีมภัทรเห็นดังนั้นก็รู้สึกโล่งใจ เพราะกลัวว่าน้องสาวจะทำอะไรบ้า ๆ ลงไป จึงเดินไปหาพริมรตาแล้วกอดไว้อย่างอ่อนโยน
“พริม ไม่เป็นไรแล้ว พี่อยู่นี่แล้ว” ภีมภัทรปลอบโยนพริมรตา
“พี่ภีม ฮือ ๆ ฮือๆ” พริมรตาร้องไห้ออกมาอย่างไม่อายใครแล้ว
“ร้องซะ ร้องออกมาให้พอ” ภีมภัทรลูบที่ศีรษะพริมรตาอย่างเบา ๆ
สักพักพอพริมรตาเริ่มสงบลง พริมรตาจึงสอบถามถึงเรื่องราวที่ได้ยินมา
“พี่ภีม พี่กับคุณธัญคบกันจริง ๆ อย่างที่พริมได้ยินใช่หรือไม่”
“ใช่” ภีมภัทรตอบแบบเปิดเผย
“ทำไมพี่ต้องทำอย่างนั้นด้วย” พริมรตาถามด้วยความสงสัย “ไม่ใช่ว่าพี่ต้องการจะแยกแฮมออกจากธัญวลัยใช่ไหม”
ภีมภัทรจับไหล่ทั้งสองข้างของพริมรตาแล้วจ้องมองไปที่หน้าของพริมรตา แล้วตอบไปว่า
“เรื่องนี้ ไม่เกี่ยวกับพริม สบายใจได้ พี่จะจัดการเอง พริมทำใจให้สบายเถอะ”
พริมรตาเมื่อได้ยินคำพูดของภีมภัทรก็เข้าใจทันทีว่า สิ่งที่พี่ชายทำนั้น ก็เพื่อเธอ เธอคนเดียว พริมรตาซึ้งในความรักของพี่ชาย ถึงกับกลั้นน้ำตาไม่อยู่ โผเข้ากอดภีมภัทรอีกครั้งและสบอยู่ที่อกของภีมภัทร พร่ำบอกขอบคุณภีมภัทร อยู่อย่างนั้น ภีมภัทรหลับตาและคิดในใจว่า สิ่งใดก็ตามที่ทำให้ได้ เขาพร้อมจะทำเสมอ เพื่อน้องสาวคนเดียวของเขา
“พี่ภีม คุณธัญเขาก็เป็นคนดีนะ พี่ภีมต้องทำให้คุณธัญรักพี่ให้มาก ๆ นะคะ” แม้จะเป็นคำพูดที่ดีแต่ในใจลึก ๆ ของพริมรตานั้นคิดว่า หากธัญวลัยยอมรับในตัวพี่ชายของเธอได้เมื่อไร สามีของเธอคงจะถอนตัวออกมาเอง และเมื่อนั้น สามีอาจจะหันกลับมารักเธอเข้าสักวัน แม้จะอาจจะเป็นความเห็นแก่ตัว แต่เธอก็คงยอมไม่ได้หากเสียสามีไป เธอคงทำใจไม่ได้เป็นแน่
“พริม วันนี้พริมเหนื่อยมามากแล้ว กลับบ้านไปก่อนก็ได้นะ ไม่ต้องห่วงเรื่องงาน”
“ค่ะ พี่ภีม” พริมรตารับคำอย่างว่าง่าย แล้วเดินลงจากดาดฟ้าไป เพราะวันนี้เธอก็เหนื่อยมาทั้งวัน ไม่ใช่เรื่องงานแต่เป็นเรื่องทางใจเสียมากกว่า
เมื่อภีมภัทรเห็นพริมรตาเดินลงจากดาดฟ้าก็ใช้โทรศัพท์มือถือโทรหาใครคนหนึ่ง หลังจากคุยโทรศัพท์เสร็จสักพัก ภีมภัทรก็เข้าที่หาเป็นใหญ่ที่ห้องทำงานทันที แล้วแจ้งความประสงค์ให้เป็นใหญ่ผู้เป็นบิดาทราบ
ตอนเย็นเมื่อได้เวลาปิดร้านกาแฟ ธัญวลัยจัดแจงเก็บร้านตามปกติ และดิ่งตรงกับบ้านทันที พอถึงบ้าน ธัญวลัยถึงกับตกใจ เพราะเป็นใหญ่ ภรณ์พรรณ และภีมภัทรมานั่งอยู่ในบ้านของเธอ อีกทั้งเตี่ย มาม้า และเฮียอ๋องก็เช่นกัน ธัญวลัยพอเห็นหน้าเป็นใหญ่ และภรณ์พรรณ ก็ยกมือไหว้ทักทาย ตามมารยาทอันดีงามของไทย
“สวัสดีค่ะ คุณลุง คุณป้า”
“สวัสดีจ๊ะ หนูธัญ” ทั้งสองพูดพร้อมกัน และยกมือรับไหว้ธัญวลัยอย่างเอ็นดู
ธัญวลัยจึงไปนั่งใกล้เฮียอ๋อง
“เฮีย ทำไมวันนี้ครบองค์ประชุมเลยล่ะ” ธัญวลัยกระซิบถามเฮียอ๋อง
“เขามาสู่ขอแกไง” เฮียอ๋องตอบ
“ห๊า..”ธัญวลัยอุทานซะเสียงดัง ทำให้ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายที่นั่งคุยกันอย่างถูกคอถึงกับ หยุดการสนทนาและหันมามองทางธัญวลัยทันที
“ขอโทษค่ะ” ธัญวลัยกล่าวขอโทษพร้อมยกมือไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสอง และหันหน้าไปทางต้นเหตุทันที ซึ่งก็ไม่ใช่ใคร นายภีมภัทรนั่นเอง
ธัญวลัยจึงหันส่งซิกแนวให้กับภีมภัทรเพื่อจะขอคุยเป็นการส่วนตัว ภีมภัทรพยักหน้ารับรู้และกล่าวขอตัวกับผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย “พ่อครับ แม่ครับ เดี๋ยวขอตัวไปคุยกับธัญข้างนอกสักเดี๋ยวนะครับ” ว่าเสร็จภีมภัทรก็ลุกขึ้นแล้ว ดึงมือธัญวลัยจูงไปคุยธุระที่หน้าบ้านของธัญวลัย
ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายเห็นพฤติกรรมดังกล่าวต่างก็อดยิ้มน้อย ยิ้มใหญ่ไม่ได้
เตี่ยธัญวลัยจึงกล่าวขึ้นมาว่า “เด็กสมัยนี้ใจร้อน คงอยากคุยกันตามลำพัง ตามประสาแฟนกัน”
พ่อของภีมภัทรพูดขึ้นบ้างว่า “ใช่ ๆ แต่ก็ดีไม่ใช่เหรอ เถ้าแก่ สงสัยเราคงจะได้หลานเร็ว ๆ นี้แน่นอน”
แล้วทั้งหมดก็หัวเราะกันอย่างมีความสุข และเจรจาถึงพิธีการแต่งงานธรรมเนียมในการแต่งงานแต่หารู้ไม่ว่า ทั้งสองกำลังจะเกิดสงครามปะทะฝีปากกันขึ้นอีกไม่นานนี้
ภีมภัทรกับธัญวลัยอยู่อีกมุมหนึ่งของบ้าน การปะทะคารมจึงเริ่มขึ้น
“นี่นายภีม ไหนนายบอกว่าอีกวัน สองวันไง แล้วทำไมเป็นวันนี้ล่ะ” ธัญวลัยแว้ดใส่ภีมภัทรทันที
“ก็ผมใจร้อน อยากมีเมียเร็ว ๆ แล้วมันผิดเหรอ ผมทำตามที่ผมรับปากทุกประการนะ อีกทั้งทำตามประเพณี เข้าตามตรอก ออกทางประตู”
“เข้าตามตรอกออกตามประตู เชอะ ไม่ต้องมาสตอเลย ถ้านายรู้สึกผิดหรือรู้สึกว่าจะต้องรับผิดชอบอะไรที่นายได้กล่าวอ้างมาทั้งหมดทั้งมวลล่ะก็ กลับไปเลย” ธัญวลัยต่อว่าภีมภัทร น้อยใจอยู่ลึก ๆ เพราะที่เขาทำไปก็เพราะรับปากกับครอบครัวของเธอไว้เท่านั้นเอง
“ผมมีเหตุผลของผมเหมือนกัน ผมว่าเราสองคนน่าจะเข้ากันได้ดี อย่ามาเสียเวลาทะเลาะกันเลยจะดีกว่า”
“เหตุผล เหตุผล บ้า ๆ ที่นายคิดว่าฉันเป็นมือที่สามของครอบครัวน้องสาวนายงั้นซิ” ธัญวลัยรู้ทันภีมภัทรจึงกล่าวออกไปอย่างหัวเสีย
“พอเลย แผนการบ้า ๆ ของนายไม่สำเร็จหรอก ไม่มีประโยชน์ด้วย ฉันพูดกี่ครั้งต่อกี่ครั้งคุณก็ไม่ฟัง เลิกเถอะ ฉันขอร้อง หากเราสองคนแต่งงานกันไป ทั้งนายและฉันก็จะไม่มีความสุขเข้าใจไหม” ธัญวลัยพูดแกมขอร้อง เผื่อภีมภัทรจะเห็นใจ
“สุดท้ายคนที่ทุกข์นอกจากฉันกับคุณแล้ว ไหนจะครอบครัวของฉันและคุณอีก คุณเคยคิดอะไรบ้างหรือเปล่า” ธัญวลัยเตือนสติภีมภัทร แน่นอนหากเรื่องทั้งหมดจบไม่สวยล่ะก็ เธอคงรู้สึกไม่ดีที่ทำให้ผู้มีบุพการีทั้งสองฝ่ายไม่สบายใจ
“ธัญ ผมว่าหากเราสองคนหันหน้าพูดจาดี ๆ ให้กัน ให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ ไม่แน่นะถึงวันนั้นคุณและผมอาจจะมีชีวิตคู่ที่มีความสุขก็เป็นได้”
“นี่คุณ ฉันบอกตามตรงนะ เราเลิกเถอะอย่าให้อะไรมันมากไปกว่านี้เลย”
“ไม่-มี-ทาง” ภีมภัทรเน้นย้ำ “ผมเดินหน้าและจะไม่ถอยหลังเด็ดขาด”
“นี่!!! ทำไมคุณดื้อด้านอย่างนี้เนี่ย” ธัญวลัยโมโห
“ผมจะเชื่อก็ต่อเมื่อ คุณจะพิสูจน์ว่าสิ่งที่คุณพูดนั้นเป็นความจริง......ว่าไง ป๊อดน่ะดิ” ภีมภัทรท้า ธัญวลัย เพราะรู้นิสัยธัญวลัยว่าห้ามท้า และเป็นคนที่บ้ายุ
ธัญวลัยของขึ้นสวนกลับไปแบบไม่คิด “หนอยแหนะใคร...ใครว่าฉันป๊อด โธ่..ก็ได้ ถ้าหากการแต่งงานระหว่างนายกับฉัน หากมันเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าฉันกับแฮมบริสุทธิ์ใจ ฉันก็ตกลง ” ธัญวลัยยอมไม่ได้เด็ดขาดห้ามท้า เดี๋ยวจะหาว่าเธอไม่แน่จริง เสียชื่อลูกสาวเถ้าแก่เพียวหมด
ภีมภัทรอดที่จะอมยิ้มไม่ได้นึกขันในใจ “ธัญวลัย ในที่สุดเธอก็ตกหลุมฉัน”
ความคิดเห็น