คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : ความสงสัย
เมื่อเตี่ยออกจากห้องรับแขกไป เฮียอ๋องเริ่มปฏิบัติการสืบสวนทันที
“คุณ
“เฮียครับ ผมขอยืนยันว่าทุกสิ่งที่ผมได้กระทำไปนั้นมีเหตุผลครับ เฮียไม่ต้องห่วงผมจะดูแลธัญเขาอย่างดี ไม่ให้เฮียเป็นกังวล” ภีมภัทรกล่าวอย่างหนักแน่น
“เฮียรู้ แต่สิ่งที่เฮียสงสัยก็คือ คุณรู้จักกับธัญไม่นาน เฮียไม่รู้หรอกนะว่ามันเกิดอะไรขึ้นแต่ที่แน่ ๆ เฮียขอเตือนไว้ก่อนว่า เฮียมีน้องสาวคนเดียวไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เฮียจะยังคงเข้าข้างน้องสาวเฮียเสมอ และหากเกิดอะไรขึ้นที่ไม่ชอบมาพากล เฮียจะขอน้องสาวเฮียคืน และอย่ามายุ่งกับครอบครัวของเราอีก” เฮียอ๋องพูดออกมาด้วยความจริงใจ นี่ไม่ใช่คำขู่ เขามีน้องสาวเพียงคนเดียว แม้น้องสาวคนนี้จะคอยสร้างปัญหา ความปวดหัวให้กับเขาอยู่ไม่น้อย แต่เราก็เพียงสองคนเท่านั้น หากเมื่อใดที่น้องสาวของเขาเจ็บ แน่นอนพี่ชายคนนี้จะขอปกป้องจาก ภยันอันตรายที่จะทำให้น้องสาวคนเดียวต้องเจ็บ
เมื่อภีมภัทรได้ยินอย่างนั้นก็เข้าใจได้ทันทีว่า เฮียอ๋องหมายความว่าอย่างไร เพราะตอนนี้สิ่งที่เขาได้ทำอยู่ตอนนี้ก็คือ ปกป้องน้องสาวของเขาเช่นกัน
“เฮียครับ ผมเข้าใจในสิ่งที่เฮียพูด เฮียไม่ต้องเป็นห่วงผมจะดูแลธัญอย่างดี ผมสัญญา” ภีมภัทรกล่าวด้วยความหนักแน่นและจริงใจ
“ก็ดี เฮียไม่รู้หรอกนะว่า คุณจะรักธัญหรือไม่ แต่เฮียเชื่อว่าเวลาเท่านั้นล่ะที่จะพิสูจน์ทุกอย่างเอง ขอให้คุณจำคำที่พูดกับเฮียให้ดีและคำสัญญาที่คุณให้ไว้ เมื่อไรที่คุณทำให้ธัญเสียใจไร ถึงตอนนั้นเฮียจะไม่ไว้คุณแน่ แม้ว่าธัญจะร้องขอก็ตาม”
“ครับ เฮียผมสัญญา”
สักพักเมื่อเตี่ยคุยธุระเสร็จก็กลับมานั่งที่เดิม และสัมผัสถึงบรรยากาศที่ค่อนข้างตึงเครียด จึงเอ่ยถามลูกชายคนเดียวของตระกูลว่า “อ๋อง คุยกับคุณภีมเรื่องอะไรทำไม แต่ละคนมีสีหน้าเครียด ๆ กันจัง”
“ผ่อนคลายหน่อยน่า อีกไม่นานจะมีบ้านเราจะมีงานมงคลแล้วนะ แหมเตี่ยอยากให้วันนั้นมาถึงเร็ว ๆ จัง” เตี่ยพูดด้วยความอิ่มเอบใจที่ลูกสาวจะได้เป็นฝั่งเป็นฝาซะที นี่แหละที่บุคคลที่เป็นพ่อ เป็นแม่ ได้เห็นลูกมีครอบครัวที่ดี มันน่าภูมิใจ และไม่ต้องเป็นกังวลอีกต่อไป เพราะมีคนมาดูแลลูกสาวแทนพ่อและแม่
-----------------------------------------------------------------------------------------
เมื่อถึงวันอาทิตย์ธัญวลัยมีท่าทีอิดออดไม่อยากไปกับภีมภัทรอีกเพราะว่ามีความรู้สึกประหม่าเล็กน้อย เมื่อจะต้องไปเจอกับผู้ใหญ่ ซึ่งไม่ใช่ญาติพี่น้องของตนเอง จนเมื่อภีมภัทรมาถึงบ้านธัญวลัย เตี่ย มาม้าและเฮียอ๋อง ก็เร่งธัญวลัยให้รีบไปกับภีมภัทร
“ธัญเร็ว ๆ หน่อยได้ไหมคุณภีมเขามารับแล้ว ชักช้าอยู่นั่นแหละ” เตี่ยบ่นถึงพฤติกรรมของลูกสาวคนเดียว
“รู้แล้วน่า เตี่ย ถ้าเขาอยากมากก็ต้องอดทนรอ” ธัญวลัยโต้กลับเพราะไม่อยากจะไปกับภีมภัทร
“ดูมันพูดเข้า” เตี่ยหัวเสีย
พอธัญวลัยเดินลงมาถึงห้องรับแขก ทั้งหมดต่างก็ทั้งดันทั้งผลักให้ธัญวลัยไปกับภีมภัทรราวกับขับไล่ไสส่งธัญวลัยก็ไม่ปาน
“อ้อ!!! เดี๋ยวธัญรอมาม้าแป๊บนึง” ว่าแล้วมาม้าก็เดินเข้าไปในครัวเอาตระกร้าผลไม้ออกมาแล้วยื่นให้ธัญวลัย
ธัญวลัยมองอย่างงง แล้วถามมาม้าว่า “อะไรนะม้า”
“ผลไม้ไง ไปพบผู้ใหญ่ทั้งทีต้องเอาของไปฝากด้วย มันเป็นมารยาทแสดงถึงความมีน้ำใจรู้ไหม”
“จ้า ม้า” ธัญวลัยรับมาอย่างเสียไม่ได้ เมื่อตกลงกันเสร็จสรรพ
โดยสมาชิกทุกคนในครอบครัวของธัญวลัยก็เร่งรัดให้รีบไปพบครอบครัวของภีมภัทรให้เหตุผลว่าไม่อยากให้ไปช้า มิอย่างนั้นแล้วจะเป็นการเสียมารยาทกับผู้ใหญ่ ธัญวลัยจำใจต้องไปกับภีมภัทร ที่ยืนยิ้มรอเธออยู่ที่รถ
“เชิญครับ คุณธัญ” ภีมภัทรทำหน้าตาทะเล้น เปิดประตูด้านข้างคนขับรถไว้รอธัญวลัยเข้าไปนั่ง และล้อเลียนธัญวลัย ที่ทำหน้าหงิกเพราะไม่อยากจะไปเจอพ่อ กับแม่ของภีมภัทรเลย อายก็อาย ประหม่าก็ประหม่า อีกทั้งไม่รู้ว่า ภีมภัทรไปพูดอะไรเอาไว้บ้างเธอก็ไม่รู้
เมื่อถึงบ้านภีมภัทร ภีมภัทรก็แนะนำให้ธัญวลัยรู้จักกับเป็นใหญ่ ซึ่งเป็นพ่อของภีมภัทร และ ภรณ์พรรณ แม่ของภีมภัทร พริมรตาน้องสาวคนเดียวของภีมภัทร ด้านพริมรตาถึงกับอึ้งเมื่อได้เห็นหน้าธัญวลัยตัวจริง ได้แต่ยืนตะลึง เพราะนี่น่ะหรือแฟนเก่าของสามี อีกทั้งกำลังจะมาเป็นพี่สะใภ้เธอ
“พริม ไปตามแฮมมาหาพ่อหน่อย บอกว่ามีแขกมาจะแนะนำให้รู้จัก” นายเป็นใหญ่สั่งพริมรตา
“ค่ะ พ่อ” พริมรตารับคำ และออกไปตามแฮมแบบงง ๆ
เมื่อแฮมออกมาเจอถึงกับแขกที่บิดาของภรรยาแนะนำให้รู้จัด ถึงกับตะลึง อึ้ง ด้วยความตกใจเพราะธัญวลัยจะมาเป็นว่าที่พี่สะใภ้ อีกทั้งนึกสงสัยว่าทำไม้ ทำไม ธัญวลัยถึงมาเป็นแฟนภีมภัทรได้ ด้วยความยืนตะลึงอยู่เช่นนั้น จนพริมรตาต้องสะกิดให้แฮมรู้สึกตัว
“เอ่อ..สวัสดีจ๊ะธัญ” แฮมกล่าวคำทักทาย “จ๊ะหวัดดี แฮม” ธัญวลัยกล่าวตอบ
“อ้าว! รู้จักกันแล้วเหรอ” เป็นใหญ่ทัก
“ค่ะ ครับ” ธัญวลัยและแฮมพูดพร้อมกัน เมื่อรู้ตัวทั้งคู่ก็หันมองหน้ากันพร้อมทั้งยิ้มให้กัน
“คือว่าเราทั้งสองคนเป็นเพื่อนที่เรียนมหาวิทยาลัยเดียวกันนะครับคุณพ่อ อยู่ในกลุ่มเดียวกัน” แฮมเป็นคนตอบเป็นใหญ่ผู้เป็นพ่อตาอย่างกระตือรือร้น
แต่ทว่าภีมภัทรและพริมรตาต่างได้แต่ทำหน้าเจื่อน ๆ
เมื่อภีมภัทรแนะนำให้ธัญวลัยให้รู้จักกับครอบครัวของเค้า นายเป็นใหญ่ และ ภรณ์พรรณ จึงถามประวัติส่วนตัวของธัญวลัย สักเล็กน้อย เพื่อเป็นการรู้ที่มาที่ไปของธัญวลัย
“หนูจ๊ะ หนูรู้จักกับตาภีมได้อย่างไรจ๊ะ” ภรณ์พรรณถามด้วยความเอ็นดูในตัวธัญวลัย
“คงเป็นเพราะพรหมลิขิตมั้งคะ” ธัญวลัยตอบแบบเจื่อน ๆ แต่ในใจกลับคิดว่า “ลิขิตความซวยมาให้มากกว่า”
“เหรอจ๊ะ เอ่อ..หนูธัญนี่เข้าใจตอบนะ คุณว่าเห็นด้วยกับฉันไหม” ภรณ์พรรณชื่นชมตัวธัญวลัยและหันขอความคิดเห็นจากผู้เป็นสามี
“จ้า” เป็นใหญ่กล่าวเห็นด้วยกับภรรยาเพราะไม่อยากขัดใจ
“แล้วไปเจอกันได้อย่างไรจ๊ะ” ภรณ์พรรณถามเพราะเห็นทุก ๆ วันลูกชายทำแต่งานแล้วเอาเวลาไหนไปเจอกับธัญวลัย
“คือผมไปทานกาแฟร้านของธัญเขาน่ะครับแม่ ก็เลยติดใจไปทานบ่อย ๆ พอให้ป้าเย็นจัดการก็ไม่ถูกใจผมก็เลยใช้วิธีลูกตื้อ” ภีมภัทรอธิบาย
“อ้อ!! อย่างนี้นี่เอง” ภรณ์พรรณจึงพอเข้าใจถึงสาเหตุดังกล่าว ภีมภัทรรู้สึกพอใจที่ทุกคนในครอบครัวจึงเข้าใจไปเช่นนั้นระหว่างตัวเขากับธัญวลัย
หลังจากสอบประวัติของธัญวลัยพอสมควรความสงสัยที่ว่าภัทรไปรู้จักธัญวลัยได้อย่างไร จึงคลายความแคลงใจทั้งหมด ซึ่งระหว่างการพูดคุยกัน บรรยากาศก็เป็นกันเอง มีเสียงหัวเราะเฮฮา เป็นระยะ ทำให้ธัญวลัยไม่รู้สึกประหม่าแต่อย่างใด แสดงความเป็นตัวของตนเอง ทำให้เป็นใหญ่และภรณ์พรรณรู้สึกพอใจอยู่ไม่ใช่น้อย เพราะธัญวลัยดูมีมารยาท กาลเทศะ พูดจาตรงไปตรงมา จริงใจ อีกทั้งดีใจเสียด้วยซ้ำที่ลูกชายเลือกคนไม่ผิด เมื่อพูดคุยได้สักพักใหญ่ ป้าเย็น คนรับใช้ที่บ้านจึงมาตามเพราะได้เวลาทานข้าวแล้ว
“คุณ ๆ ทั้งหลายคะ กับข้าวเรียบร้อยแล้วค่ะ”
“เอ้า..ไปกินข้าวกันก่อนนะ” เป็นใหญ่กล่าวอย่างเป็นกันเอง เชื้อเชิญธัญวลัยอย่างสนิทชิดเชื้อ
ทั้งหมดก็ชวนกันไปทานข้าว เมื่อถึงที่โต๊ะอาหารและเริ่มลงมือทานข้าว ภีมภัทรแสร้งเอาใจธัญวลัยตักกับข้าวอย่างเอาใจ
“ธัญ คุณกินผักเสียบ้างนะ เพราะผักมีประโยชน์ต่อร่างกาย” ภีมภัทรกล่าวและตักผักใส่จานให้ธัญวลัย
“เอ่อ...พี่ภีมครับ ธัญเขาไม่ชอบผักครับ เขาชอบกินนี่” แฮมพูดแทรกขึ้น พร้อมกับยื่นมือ เอื้อมไปตักทอดมันกุ้ง แล้วใส่ในจานธัญวลัย
บรรยากาศในโต๊ะอาหารที่เป็นกันเอง หายไปแบบฉับพลัน ทุกคนต่างๆ อึ้งและงง โดยเฉพาะ พริมรตาและภีมภัทร ส่วนนายเป็นใหญ่และนางภรณ์พรรณได้แต่มองหน้ากันทำตาปริบ ๆ แต่ไม่พูดอะไร
บรรยากาศรับประทานอาหารกลางวันมีเกิดการเปลี่ยนแปลงไปทันที สถานการณ์ที่โต๊ะอาหาร ณ ขณะนี้ มาคุขึ้นทันใด ธัญวลัยรู้สึกกระอักกระอ่วนกับบรรยากาศที่เกิดขึ้น บวกกับสายตาพิฆาตที่ส่งมาจากภีมภัทรมองธัญวลัย ธัญวลัยจึงแก้ปัญหาเฉพาะหน้าโดยการกินทั้งผักและทอดมันกุ้งพร้อมกันเสียเลย
“คือว่าธัญว่ากับข้าววันนี้น่ากินมากนะคะ งั้นกินทั้งสองอย่างเลยล่ะกัน” ธัญวลัยจึงเอาเข้าปากทันที
“อืม...อร่อยมากเลยค่ะ ”และก็ปากชมว่าอาหารทั้งสองอย่างอร่อยมาก ว่าแล้วก็กินอาหารทุกรายการที่อยู่บนโต๊ะอาหาร ชมไม่ขาดปากว่าอาหารอร่อย ทำให้ภรณ์พรรณถึงกับเป็นปลื้ม เอ่ยปากชวนธัญวลัยทันที
“งั้นอาทิตย์ไหนที่หนูว่างก็แวะมาทานข้าวที่บ้านป้าบ่อย ๆ ก็ได้นะลูก”
“ค่ะ ขอบคุณค่ะป้ามากค่ะ” ธัญวลัยกล่าวอย่างจริงใจ เพราะหากเป็นเรื่องกินแล้วล่ะก็ ถึงไหนถึงกันอยู่แล้วสำหรับเธอ
“นี่หนูธัญ รู้ไหมวันนี้แม่ลงมือทำกับข้าวเองเชียวนะ พอรู้ว่าตาภีมจะพาว่าที่ลูกสะใภ้มาพบน่ะ” เป็นใหญ่กระเซ้าผู้เป็นภรรยา
“คุณนี่ พูดอะไรก็ไม่รู้” ภรณ์พรรณอายเมื่อถูกผู้เป็นสามีแซว เพราะเห่อว่าที่ลูกสะใภ้
ธัญวลัยได้ใจเพราะกับข้าวอร่อยจึงเติมข้าวไปตั้ง 2 จาน เมื่อทานอาหารเสร็จ สักพักภีมภัทรพาธัญวลัยเดินเล่นรอบ ๆ บ้าน เพื่อเป็นการย่อยอาหาร และจะได้เคลียร์เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่อยู่บนโต๊ะอาหารด้วย
“นี่คุณ คุณกับนายแฮมแน่ใจนะว่าแค่เพื่อน” ภีมภัทรถามด้วยความสงสัย
“ก็ใช่นะสิ” ธัญวลัยตอบ
“แต่พฤติกรรมที่ผมเห็น มันมากกว่าเพื่อนนะ” ภีมภัทรพยายามจับผิดธัญวลัย
ธัญวลัยถอดหายใจ แล้วหันมาตอบกับภีมภัทร “เฮ้อ!!! แล้วแต่คุณจะคิดก็แล้วกัน เพราะฉันพูดไปจนหมดแล้ว สุดแล้วแต่ว่าคุณเชื่อฉันหรือเปล่า ก็แล้วแต่คุณจะคิด” ธัญวลัยกล่าวแบบปลง ๆ
“ฉันว่าเลิกพูดเรื่องนี้ดีกว่า ให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ อีกอย่างนะคุณน่ะอย่ามามัวเสียเวลาจับผิดฉันเลย ไม่มีประโยชน์หรอก” ธัญวลัยพูดตรง ๆ ด้วยความเหนื่อยหน่าย ที่ภีมภัทรทำตัวคอยจับผิดเธอกับแฮมตลอดเวลา อย่างนี้จะมีความสุขได้อย่างไร ธัญวลัยคิด
ทางด้านแฮมกับพริมรตาหลังทานอาหารเสร็จ แฮมจึงไปหาพริมรตา เพราะสงสัยในความสัมพันธ์ของภีมภัทรกับธัญวลัย “พริม คุณพอรู้เรื่องเกี่ยวกับพี่ภีมบ้างไหม ทำไมอยู่ดี ๆ ถึงมาคบกับธัญได้” พริมรตาซึ่งน้อยใจจากเหตุการณ์เมื่อสักครู่อีกทั้งเมื่อได้ยินคำถาม ถึงกับน้ำตารินขึ้นมา แต่แฮมไม่สังเกตถึงพฤติกรรมของภรรยาเลย เพราะมีความสงสัยในความสัมพันธ์ตัวภีมภัทรกับธัญวลัยมากกว่า
“ผมว่ามันน่าสงสัยนะ ไปไงมาไงทำไมถึงมาคบกับธัญ”
“ ผมไม่ค่อยอยากจะเชื่อเท่าไรหรอก ว่าพี่ชายคุณติดใจในรสชาติกาแฟของธัญเขา ผมต้องรู้ให้ได้ เอ่อ...คุณมีความคิดเห็นว่ายังไงหึ คุณพริม”
“พริมไม่รู้” พริมกล่าวอย่างน้อยใจที่สามีไปให้ความสำคัญแฟนเก่าที่กลายเป็นเพื่อนเก่า ความสนิทสนมที่ยังคงมีอยู่ อาจทำให้สามีของเธอโอนเอียงกลับไปหาธัญวลัยก็เป็นได้
อีกด้านหนึ่งของครอบครัวทั้งนายเป็นใหญ่และภรณ์พรรณต่างก็รู้สึกแปลกใจในพฤติกรรมของลูกเขยและว่าที่ลูกสะใภ้ที่ดูสนิทกันมาก (เกินไปหรือเปล่า) แต่ไม่อยากคิดเกินเลย
“คุณว่ามันแปลก ๆ ไหมคะคุณ” ภรณ์พรรณถามความคิดเห็นของผู้ที่เป็นสามี
“เอาน่า ดู ๆ ไปก่อน เรื่องของเด็ก ๆ น่ะ อย่าคิดมาก ระวังน่าเดี๋ยวจะรอยอะไรบางอย่างเกิดขึ้นที่หน้านะ” เป็นใหญ่กระเซ้าภรรยา เพื่อไม่ให้ภรรยาเกิดความเครียด
“คุณนี่” ภรณ์พรรณยิ้มรับกับคำกระเซ้าของสามี
เริ่มเย็น ธัญวลัยจึงขอตัวลากลับบ้าน
“คุณลุงคะ คุณป้าคะ หนูขอตัวลากลับบ้านก่อนนะคะ สวัสดีค่ะไว้ว่าง ๆ หนูจะแวะมาทานข้าวอีกนะคะ” ธัญวลัยยกมือไหว้ลาพ่อกับแม่ของภีมภัทรและหันไปโบกมือลากับแฮมเพื่อนรัก และ กล่าวคำลาสั้น ๆ กับพริมรตา
ทั้งพ่อและแม่ของภีมภัทรต่างก็ปลื้มใจที่เห็นอากัปกิริยา มารยาทต่าง ๆ ที่ธัญวลัยแสดงออกให้เห็นในวันนี้รู้สึก เพราะทุกวันนี้เด็กวัยรุ่น มักจะทิ้งมารยาทอันดีงามที่เป็นเอกลักษณ์ของไทยไปนั่นก็คือ การไหว้ รวมทั้งหางเสียง ค่ะ ขา ครับ ฯลฯ มักหายไป เพราะได้รับอิทธิพลมาจากประเทศตะวันตกเยอะไป จนลืมประเพณี ธรรมเนียมที่ดีงามของไทยไป
ความคิดเห็น