คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : รายงานตัว
สามวันต่อมาหลังจากอาการเจ็บป่วยของพริมรตาดีขึ้น จึงหมออนุญาตให้พักฟื้นต่อที่บ้านได้ ระหว่างที่พักฟื้นอยู่ที่บ้าน แฮมก็พยายามเอาอกเอาใจ ดูแลพริมรตาไม่ห่าง เพราะอยากจะไถ่โทษในสิ่งที่เกิดขึ้น ถึงแม้ว่าเหตุการณ์นี้จะเป็นอุบัติเหตุก็ตาม แต่แฮมก็รู้สึกผิดกับตัวเองอยู่ดี พริมรตารู้สึกดีขึ้นตามลำดับโดยเฉพาะทางด้านจิตใจ เริ่มมีรอยยิ้ม ปรากฏบนใบหน้าสวย ๆ ของพริมรตา สร้างความชื่นใจให้กับคนในครอบครัวทั้งผู้เป็นพ่อ แม่ และพี่ชาย ขณะที่แฮมกับพริมรตาอยู่กันสองคน ที่ห้องรับแขก พริมรตานึกสงสัยอยู่ในใจว่าวันนั้น ถึงเอ่ยถามแฮม
“แฮม จำวันที่แฮมไปเฝ้าพริมที่โรงพยาบาลได้ไหม พริมรู้สึกว่าแฮมเหมือนมีเรื่องจะบอกพริมนะ มีอะไรหรือเปล่าคะ”แฮมเกิดอาการเขินเล็กน้อย ที่ถูกภรรยาถาม จึงตอบเลี่ยงไปว่า
“ผมมีเรื่องจะบอกกับคุณว่า โปรเจ็กต์ที่ผมได้ทำและเป็นคนออกไอเดียร่วมกับทีมงานประสบความสำเร็จ และอยากจะพาคุณไปฉลองกันสองคนแต่ดันเกิดอุบัติเหตุเสียก่อน และผมก็อยากจะขอโทษเพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาผมทุ่มเทให้งานมากไปจนละเลยคุณไป ผม ผมขอโทษนะพริม” แฮมกล่าวอย่างจริงใจ และโอบกอดพริมรตา ทำให้พริมรตาน้ำตาซึม นึกโทษตนเองอยู่เหมือนกันที่โง่ บ้า คิดอะไรเรื่อยเปื่อย ไม่มีเหตุผล
“พริมก็ขอโทษคุณเหมือนกันที่ คิดเอาเองเสมอว่าคุณไม่แคร์พริม พริมก็น้อยใจเลยทำอะไรบ้า ๆ ลงไป พริมก็ขอโทษคุณเหมือนกันนะคะ” ทั้งคู่เริ่มปรับความเข้าใจกันมากขึ้น ภีมภัทรดูมองดูเหตุการณ์อยู่ห่าง ๆ ก็รู้สึกดีใจไปกับน้องสาว และคิดถึงธัญวลัยขึ้นมาเพราะตั้งแต่เกิดเรื่องกับพริมรตายังไม่ไปเจอหน้ากับยัยหมวยแสบอีกเลย
ตกเย็นหลังใกล้ปิดร้าน ยัยก๊อตเพื่อนสาวสุดที่รักของธัญวลัยก็มาหาธัญวลัยที่ร้าน เพื่อที่จะมาเคลียร์ความคาใจที่ก๊อตยังสงสัยในความเป็นมาเป็นไประหว่างธัญวลัยกับภีมภัทร เมื่อมาถึงที่ร้านก็แปลกใจที่วันนี้การ์ตูนสาวน้อยร่างเล็ก มาอยู่ที่ร้านของธัญวลัย จึงเปิดประเด็นถามทันที
“อ้าว ตูน วันนี้ทำไมมาอยู่ที่ร้านของพี่ธัญเค้าล่ะ” ก๊อตถามด้วยความสงสัย การ์ตูนซึ่งยืนล้างแก้วอยู่ที่ซิงค์หลังเคาน์เตอร์ก็หันมาทักทาย ยกมือไหว้ก๊อต
“สวัสดีค่ะ พี่ก๊อต คือ ตูนได้รับมอบหมายจากอาแปะให้มาช่วยพี่ธัญที่ร้าน ซึ่งตูนก็ได้ค่าจ้างด้วยนะคะ” การ์ตูนตอบด้วยน้ำเสียงที่สดใส เพราะเธอได้ทั้งทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย ช่วยผ่อนภาระทางบ้านได้ไม่มากก็น้อย ลำพังที่แม่กับพ่อ ทำขนมส่งขาย ก็กำไรไม่เท่าไร อีกทั้งภาวะเศรษฐกิจเป็นอย่างนี้ อันไหนที่สาวน้อยคนนี้พอจะทำได้ จึงอาสาทำเต็มที่
“เออ ก็ดี จะได้มีตังค์ค่าขนม เก่งนะเนี่ย รู้จักทำมาหากิน ขอชม ขอชม” ก๊อต ทำมือคาราวะการ์ตูน เลียนแบบหนังจีนกำลังภายใน ซึ่งก๊อตก็รู้สึกชื่นชมการ์ตูนอย่างจริงใจ
ธัญวลัยที่จัดการทำความสะอาดห้องน้ำอยู่หลังร้าน เมื่อได้ยินเสียงสนทนาก็ออกมาดู พบว่าไม่ใช่ใครที่ไหน ยัยก๊อต CNN ประจำกลุ่มนั่นเอง
“มาได้ไงเนี่ย วันนี้ไม่ไปดูโรงงานผลิตวัตถุดิบอะไรของแกหรือไงห๊ะ” ธัญวลัยถามด้วยความรำคาญ เพราะรู้ดีอยู่ว่าเพื่อนสาวของเธอคนนี้มาด้วยจุดประสงค์อะไร
“ฉันว่าง ก็เลยแวะมาหาแกจะถามแกเรื่อง อีกอย่างฉันจะเข้าโรงงานหรือไม่เข้าก็ไม่เป็นไร เพราะมันเป็นกิจการของครอบครัวซึ่งอันนั้นน่ะ เป็นงานอดิเรก งานประจำฉันก็คือ มาสืบหาความจริงเรื่องแกกับคุณภีมภัทร แกจำได้ไหมในวันนั้นน่ะ จำได้ป่ะ” ก๊อตยื่นหน้าไปถามธัญวลัย พร้อมส่งสายตาจับผิดเพื่อนสาว
“วันไหน” ธัญวลัยเฉไฉ
“วันที่แกโทรมาปรึกษาฉันเรื่องที่เตี่ยแกจะให้แกแต่งงานกับคุณภีมภัทรไง” ก๊อตรื้อฟื้น
“ห๊ะ !!! พี่ธัญจะแต่งงานเหรอ” การ์ตูนส่งเสียงตกใจ
“นี่ตูน งานเสร็จหมดแล้ว เตรียมกลับบ้านไปอ่านหนังสือดีกว่า และนี่ก็ค่าขนมพี่ให้ ขอบใจมากที่มาช่วยงานพี่” ธัญวลัยหาทางไล่การ์ตูนทางอ้อม พร้อมส่งเงินให้กับการ์ตูน การ์ตูนทำหน้าเซ็งจัด ยกมือไหว้ขอบคุณ และมิวายมาค้อนธัญวลัยอีกครั้ง จนธัญวลัยทำหน้าขู่ใส่การ์ตูน เท่านั้นล่ะ การ์ตูนยกมือไหว้บอกลาธัญวลัย และก๊อต “พี่ธัญ พี่ก๊อต ตูนกลับนะคะพี่ สวัสดีค่ะ” ก่อนเดินจะออกจากร้านไป
เมื่อการ์ตูนเดินออกจากร้านไป ทั้งสองสาวก็เม้าส์กันต่อทันที ก๊อตยิงคำถามคาดคั้นธัญวลัย
“ไอ้ธัญ ด้วยเซ้นส์ของฉันมันบอกว่า แกกำลังปกปิดเรื่องอะไรฉันอยู่นะ แกบอกมาซะดี ๆ อย่าให้ฉันสืบเองนะ แกก็น่าจะรู้ เรื่องไหนที่ฉันอยากรู้ ฉันไม่เคยพลาด”
“เรื่องอะไร” ธัญวลัยบ่ายเบี่ยง แสร้งทำลืม
แต่ไม่ทันที่ธัญวลัยจะตอบ ประตูหน้าร้านก็ถูกเปิดออก ธัญวลัยละสายตาจากเพื่อนรักเพื่อมองไปที่ประตูว่าใครมา แต่ก็ต้องตกใจเพราะภีมภัทรก็เดินเข้ามาที่ร้าน ก๊อตซึ่งเห็นอาการของเพื่อนจึงหันไปทางประตูก็พบสาเหตุที่ทำให้เพื่อนของเธออึ้งไป
ส่วนภีมภัทรที่วันนี้เข้ามาหาธัญวลัยที่ร้านก็เพราะความคิดถึงที่มีต่อธัญวลัย หลังจากหายไปหลายวัน เมื่อเปิดประตูร้านเข้ามา ทั้งสองสาวหันมองไปที่ประตูพร้อมกัน แต่ต่างกันที่อารมณ์ ฝ่ายธัญวลัยทำหน้าเซ็งจัด สบถออกมา “จะมาทำไมว่ะเนี่ย”
ส่วนก๊อตนั้นตรงกันข้ามยิ้มแย้มทักทาย เพราะภีมภัทรเปรียบเสมือนลูกค้าของก๊อตเหมือนกัน เพราะพี่แก๊งค์พี่ชายของก๊อตนั้น เป็นผู้ผลิตแป้งทำขนมต่าง ๆ ส่วนก๊อตมีหน้าที่เป็นผู้ควบคุมการผลิต และดูว่าวัตถุดิบที่นำมาผลิตแป้ง นั้นตรงกับคุณภาพที่สั่งไว้หรือเปล่า เพื่อที่จะได้วัตถุดิบที่มีคุณภาพและออกจำหน่ายไปยังบริษัทผลิตขนมต่างๆ รวมทั้งบริษัทของภีมภัทรก็เป็นลูกค้าที่สั่งแป้งขนมของบริษัทที่พี่ชายเธอเป็นเจ้าของ
“สวัสดีค่ะ คุณภีมเป็นไงมาไงถึงมาที่นี่ได้คะ” ก๊อตส่งเสียงทักทายด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม แจ่มใส
“สวัสดีครับ คุณก๊อต พอดีว่านี้ผมคิดถึงว่าที่ภรรยา จึงมาหาสักหน่อย หายไปหลายวันกลัวว่า ว่าที่ภรรยาจะเข้าใจผิดว่าผมหายไปมีกิ๊ก พอว่างจึงต้องรีบมารายงานตัวเสียหน่อย” ภีมภัทรกล่าวอย่างติดตลก หันไปทำหน้าทะเล้นใส่ธัญวลัย
“โอ้ ว้าว น่าอิจฉาจัง” ก๊อตทำเสียงสุดปลื้ม
เมื่อธัญวลัยได้ยินทั้งสองพูดคุยกัน ถึงกับอารมณ์เสียตบหน้าผากตัวเอง ด้วยความปลงตก คิดในใจวันนี้เป็นวันอะไรของเธอนะเนี่ย
“เออ... คุณภีมคะ พอดีก๊อตมีเรื่องอยากจะถามคุณอยู่พอดี เพราะถามยัยธัญ ยัยธัญก็ไม่ยักจะตอบสักที บ่ายเบี่ยงอยู่นั่นแหละ” ก๊อตได้ทีฟ้องภีมภัทร เพราะเชื่อว่าหากถามภีมภัทรน่าจะได้คำตอบมากกว่าถามธัญวลัย
“ครับ คุณก๊อตมีเรื่องอะไรหรือครับ”
“คือว่า ก๊อตสงสัยในเรื่องความสัมพันธ์ของคุณ
ธัญวลัยได้ยินคำถามเพื่อนสาวถึงกับเหวอ หันไปมองหน้าภีมภัทร ทำไม้ทำมือ ส่งซิกแนว บอกว่าอย่าบอกเด็ดขาด ขยิบตา ส่งสัญญาณ ทำทุกสิ่งอย่างเพื่อที่จะสื่อสารกับภีมภัทรส่งความหมายว่า “อย่าพูดเป็นอันขาด” แต่ภีมภัทรหาได้สนใจไม่ กลับยิ้มอย่างมีเลศนัยแล้วตอบกลับไปว่า
“คือผม....ผม ไม่รู้ว่าจะพูดดีหรือเปล่า” ภีมภัทรแกล้งยิ้มอย่างเขินอาย พลางก็ชำเลืองมองธัญวลัย ที่ยืนทำหน้ายุ่งกระสับกระส่ายกลัวภีมภัทรจะเล่าความจริงให้ก๊อตฟัง
“พูดมาเลยค่ะ คือก๊อตกับยัยธัญสนิทกันค่ะ ก๊อตไม่ลำบากใจเลยที่จะรับฟัง” วิญญาณปาปารัสซี่ของก๊อตเริ่มเข้าสิงขึ้น หารู้ไม่ว่า ไม่มีใครอยากจะบอกเลยสักนิดเดียว
“คือผม....ติดใจในรสชาติของกาแฟ ก็เลยมาทานบ่อย ๆ ทานที่ไหนก็ไม่ถูกใจ ผมให้คนที่บ้านชงเองก็ขัดใจ จึงตัดสินใจสานสัมพันธ์กับคุณธัญ แต่ธัญเป็นคนใจแข็งผมก็เลย เลย...” ภีมภัทรเล่าและทิ้งความนัยหันหน้าไปมองธัญวลัยที่ยืนตีหน้ายักษ์ ข่มขู่ภีมภัทร กลัวที่ภีมภัทรจะเล่าความจริง ก๊อตแสดงความอยากรู้อยากเห็น อย่างเห็นได้ชัดเจน ยื่นหน้าไปขอคำตอบใกล้ ๆ
“เลย เลย อะไรคะ” ก๊อตอยากรู้สุด ๆ ภีมภัทรเห็นไปตอบกับก๊อตว่า “ผมเลยตัดสินใจ จีบธัญ แต่แหมมันยากเหลือเกิน ผมเลยไปตัดสินใจเข้าหาผู้ใหญ่ เผื่อจะสำเร็จ ซึ่งมันก็สำเร็จจริง” ภีมภัทรกล่าวยิ้ม ทำหน้าเจ้าเล่ห์ใส่ธัญวลัย โดยที่ก๊อตไม่ทันได้สังเกต ธัญวลัยเป่าปากเบา ๆ อย่างโล่งอก
ทั้งคู่คุยกันอย่างถูกคอ จนธัญวลัยรู้สึกว่าเหมือนเป็นส่วนเกิน จึงแยกตัวไปทำความสะอาดหลังร้านต่อ จนออกมาพบว่าก๊อตเพื่อนสาวของเธอไม่อยู่แล้ว ธัญวลัยจึงหันไปถามภีมภัทร
“นี่ คุณ เพื่อนฉันไปไหนแล้วล่ะ”
“อ้อ!! พอดีมีโทรศัพท์เข้ามา เขาก็เลยขอตัวกลับก่อน”
“แล้วนี่ ทำไมคุณไม่กลับซะที”
“ก็รอกลับพร้อมคุณไง ผมหายไปหลายวันไม่คิดถึงผมบ้างเหรอ” ภีมภัทรยื่นหน้าไปถามสบตากับธัญวลัย
“ไม่เลย” ธัญวลัยเบี่ยงหน้าหนี และสวนทันควัน “ตรงกันข้ามฉันรู้สึกดีใจเสียด้วยซ้ำ”
“เฮ้อ น่าน้อยใจจริง ๆ เล้ย” ภีมภัทรบ่น
“เอางี้คุณเก็บร้านเสร็จแล้ว ใช่ไหม ผมจะไปส่งคุณที่บ้านและก็จะได้ไปรายงานตัวกับพ่อคุณด้วย”
“ห๊ะ!!! ไม่ต้องหรอกคุณกลับบ้านไปเหอะ ไม่จำเป็นเลย กลับไปเลยไป๊” ธัญวลัยไล่ภีมภัทร พร้อมดันหลังภีมภัทรไปทางหน้าทางประตู แต่ภีมภัทรเบี่ยงหลบอย่างรวดเร็ว ธัญวลัยไม่ทันได้ตั้งตัว ถึงกับเซเสียหลัก ภีมภัทรรีบเข้าประคองธัญวลัย ธัญวลัยอยู่ในอ้อมกอดของภีมภัทร และชะงักอยู่อย่างนั้นเกิดความรู้สึกบางอย่างเริ่มก่อตัวขึ้นระหว่างคนทั้งสอง โดยไม่รู้ตัว
ภีมภัทรจึงถามธัญวลัยด้วยน้ำเสียงที่เป็นห่วง “คุณเจ็บตรงไหนบ้างหรือเปล่า”
“อะ..เอ่อ...ไม่ฉันไม่เป็นไร ขอบคุณ” ธัญวลัยรีบผลักภีมภัทรทันที เพราะเขินที่ถูกภีมภัทรกอด
“ก็ดี งั้นผมจะออกไปรอคุณข้างนอกให้เวลาคุณ10 นาที คุณก็เก็บร้านให้เรียบร้อยก็แล้วกัน ส่วนรถจักรยานคุณก็จอดทิ้งไว้ที่ร้านนี่ก็แล้วกัน แล้วก็หากุญแจมาคล้องล็อกจักรยานไว้ด้วย” ภีมภัทรออกคำสั่งกับธัญวลัยเสร็จ แล้วเดินออกนอกร้านไปรอที่รถของเค้าทันที เพื่อกลบเกลื่อนความเขิน
ธัญวลัยได้แต่บ่นพึมพำ ทำกระฟัดกระเฟียด อารมณ์เสียที่ทำอะไรภีมภัทรไม่ได้เลย
เมื่อเดินทางมาถึงบ้านธัญวลัย เตี่ย มาม้าและเฮียอ๋อง ต้อนรับขับสู้ ภีทภัทรอย่างดี
“อ้าว คุณภีมมาได้อย่างไงเนี่ย มาเข้ามาทานข้าวมาหรือยัง” มาม้าถามด้วยความห่วงใย
“ยังเลยครับ เสร็จจากงานผมก็ตรงดิ่งไปหาธัญที่ร้าน และก็แวะมาส่งน่ะครับ” ภีมภัทรกล่าวอย่างนอบน้อม
“งั้นก็เข้ามาเลย ได้เวลากินข้าวพอดี ดีเสียอีกจะได้คุยกันเป็นเรื่องเป็นราว” เตี่ยเชื้อชวนภีมภัทรกินข้าว จนลืมธัญวลัยไปเสียสนิท บรรยากาศในการทานมีความเป็นกันเอง ในระหว่างทานข้าวกันอยู่นั้น ก็พูดโพล่งขึ้นกลางโต๊ะอาหารว่า “เตี่ยครับ มาม้าครับ วันอาทิตย์นี้ผมจะขออนุญาต พาธัญเค้าไปพบพ่อแม่ของผมได้ไหมครับ”
เมื่อได้ยินอย่างนั้นธัญวลัยที่ทานน้ำอยู่ถึงกับสำลักน้ำ “อุ๊บ แค่ก ๆ ๆ เมื่อกี้นายว่าอะไรนะ” ธัญวลัยถามย้ำ เพราะไม่มั่นใจว่าสิ่งที่ได้ยินมันจริงหรือว่าหูเธอมันฝาดกันแน่ หันมาจ้องหน้าภีมภัทรราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
ภีมภัทรจึงกล่าวย้ำอีกครั้งว่า “ผมจะพาคุณไปพบพ่อกับแม่ของผมในวันอาทิตย์นี้ กรุณาทำตัวให้ว่างด้วยนะครับ” ภีมภัทรพูดจบก็กินข้าวต่อ
“นี่นาย ทำไมฉันต้องไปด้วย”
“อ้าว...ก็อีกไม่นานคุณกับผมต้องแต่งงานกันนะ คุณก็ต้องไปทำความรู้จักกับครอบครัวผมสิ”
“ฉันไม่ไป” ธัญวลัยปฏิเสธ
“นี่คุณ” ภีมภัทรเริ่มมีน้ำโห
“เอ่อ...เอาน่าธัญ อย่าทำตัวอย่างนี้ซิ มันก็จริงที่คุณภีมเขาพูดก็ถูกแล้ว ตามธรรมเนียมก็ต้องไปพบผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย มันก็ถูกต้องแล้ว” มาม้ากล่าวอย่างคนที่อาบน้ำร้อนมาก่อน
“เอาอย่างนี้ ตกลง เตี่ยอนุญาตให้คุณภีมพายัยธัญไปได้เลย” เตี่ยอนุมัติทันที
ธัญวลัยเมื่อได้ยินอย่างนั้นก็ได้แต่ฮึดฮัดไม่พอใจที่เตี่ยรวบรัด มัดมือชกอย่างนี้
“ดู ดู มันทำหน้าเข้า ธัญทำหน้าให้มันดี ๆ หน่อย ไปพบผู้ใหญ่ไม่ได้พาไปตาย” เฮียอ๋องต่อว่ากับน้องสาวเบา ๆ
“เตี่ยว่าก็ดีนะ ไหน ๆ ก็จะเป็นทองแผ่นเดียวกันแล้วนี่นะ รู้จักกันไว้ไม่เสียหาย อีกอย่างมันเป็นประเพณีที่ต้องปฏิบัติอยู่แล้ว ”
“เออ..ธัญวันอาทิตย์นี้แกก็ปิดร้านสักวันก็แล้วกันนะไปพบผู้ใหญ่ฝ่ายชายเสียหน่อยนะ” เตี่ยหันมาบอกธัญวลัย ที่นั่งหน้างอไม่เลิกอยู่ที่โต๊ะอาหาร
“โห..เตี่ยง่ะ” ธัญวลัยกระเง้ากระงอด และก็เอาข้าวเข้าปาก
จนกระทั่งทานข้าวเสร็จ ระหว่างนั้นธัญวลัยก็ช่วยมาม้าไปเก็บจานและทำความสะอาดครัว ส่วนเตี่ยและเฮียอ๋องที่นั่งคุยอยู่กับภีมภัทรที่ห้องรับแขก
ทั้งภีมภัทรและเตี่ยพูดคุยอย่างถูกคอ นัดแนะถึงเหตุการณ์ในวันอาทิตย์ที่จะเกิดขึ้น
เฮียอ๋องกลับสวนกลับว่า “เตี่ยผมว่า ถามเจ้าธัญก่อนดีกว่าไหม ว่าอยากไปหรือเปล่า และธัญมันปิดร้านอย่างนี้จะดีหรือเตี่ย”
“เฮ้ย...ไอ้เอ๋อง ทำไมแกต้องขัดเตี่ยอยู่เรื่อยเลยว่ะ” เตี่ยพูดอย่างหัวเสีย
“อย่างไงซะ น้องสาวแกก็จะต้องแต่งงานกับเค้าอยู่ดี ปิดร้านไปสักวันจะเป็นไรไป” เตี่ยพูดอย่างเอาแต่ใจ
เฮียอ๋องได้แต่ถอดหายใจ เพราะเหนื่อยเหลือเกินกับความดื้อรั้นและเอาแต่ใจของผู้เป็นบุพการี
ทันใดนั้นเอง มีเสียงโทรศัพท์ที่บ้านดังเข้ามา “กริ๊ง กริ๊ง กริ๊ง” เฮียอ๋องจึงลุกจากที่นั่งเพื่อไปรับโทรศัพท์
“ฮัลโหล สวัสดีครับ โรงงานเฮียเพียวครับ” เฮียอ๋องส่งเสียงทักทายปลายสาย ซึ่งเฮียเพียวที่เฮียอ๋องพูดก็คือ ชื่อเตี่ยของเค้านั่นเอง
“ครับ อ้าวแปะย้งหรือครับ ครับ เตี่ยอยู่ครับ สักครู่นะครับแปะ”
“เตี่ยครับ แปะย้งโทรมาครับเตี่ย” เฮียอ๋องส่งเสียงและเดินมาตามเตี่ยให้ไปรับโทรศัพท์
“เอ่อ..รู้แล้ว บอกแปะไปว่าแป๊บนึง” เตี่ยส่งเสียงกลับไป พร้อมทั้งมาพูดกับภีมภัทรว่า “เดี๋ยวเตี่ยขอตัวแป๊บนึงนะ”
“ครับ” ภีมภัทรตอบกลับอย่างนอบน้อม
จนเมื่อเฮียอ๋องกลับมานั่งที่และเตี่ยลุกไปเพื่อไปรับโทรศัพท์ จึงเป็นการสะดวก ที่เฮียอ๋องจะสอบถามภีมภัทรถึงความคาใจ หลายอย่างที่เกี่ยวกับตัวภีมภัทรและธัญวลัย
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ช่วยคอมเม้นต์หน่อยนะคะ คนแต่งจะหมดใจแล้วจ๊ะ
ความคิดเห็น