ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Got7] SDD : Sleep , Deep , Death [MarkBam]

    ลำดับตอนที่ #16 : Chapter 15

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.56K
      12
      16 มี.ค. 58

     

     

    “เฮ้ย มึงเอาบรีฟแล็บมาลอกเร็วๆ”

    แจ็คสันหวังชายผู้ไม่เคยเสียงเบาสั่งเพื่อนร่างสูงหัวแดงที่นั่งข้างๆ
    มาร์คหยิบสมุดในกระเป๋าแล้วโยนส่งๆให้อีกคนก่อนจะฟุบหน้าลงไปนอนต่อ


    “ช่วงนี้มึงดูเงียบๆนะ” จินยองที่นั่งตรงข้ามเอ่ยถามมาร์ค เมื่อเห็นเพื่อนสนิทดูเงียบๆมาได้เกือบอาทิตย์แล้ว งานก็เสร็จแล้วเสือ_กมาทำท่าเหมือนคนอมทุกข์
     

    “กูเหรอ?” มาร์คเงยหน้าขึ้นมาถาม


    “คงเป็นอีแจ็คหรอกมั้ง” จินยองส่ายหน้า


    “กูจะไม่เถียงพวกมึง เพราะกูปั่นงานอยู่” แจ็คสันที่ถูกพาดพิงบอกแต่ไม่ได้ละสายตาจากสมุด


    “กูก็เปล่านิ่ ปกติ ไม่ได้ซึม” มาร์คบอกนิ่งๆ


    “นั่นไง กูไม่ได้บอกว่ามึงซึม กูบอกว่ามึงเงียบ แสดงว่ามึงมีเหี้ยอะไรในใจจริงๆ” จินยองชี้ให้เห็น


    มาร์คส่ายหน้าแทนคำตอบก่อนจะฟุบลงไปที่โต๊ะต่อ ทำเอาคนถามแทบอยากจะขว้างหนังสือใส่




     

    “เออ พวกมึง ไอ้เจบีมันออกจากโรงบาลยังวะ” แจ็คสันถามขัดขึ้นมา


    “กู...ไม่รู้” จินยองตอบ


    “เรา ไม่เห็นไปเยี่ยมมันกันเลยวะ” แจ็คสันถามต่อพลางหันไปมองมาร์คที่ก็ยังคงฟุบหน้าอยู่





     ไม่มีเสียงตอบรับจากเพื่อนทั้งสอง

     



    “นี่!! พวกมึง!! สนใจกูบ้าง กูจะน้อยใจแล้วนะสัส” แจ็คสันเอาหนังสือฟาดใส่หัวมาร์คก่อนจะหันไปมองจินยอง


    “อะไรนะ” มาร์คเงยหน้าแกล้งทำไม่รู้เรื่อง


    “อย่ามาตอแหลกูรู้ว่ามึงได้ยิน” แจ็คสันพูดดักคออีกคน


    “คนคงไปเยี่ยมมันเยอะแล้วมั้ง มันคงอยากพักผ่อนบ้าง” มาร์คแก้ตัว


    “เออ กูก็คิดเหมือนมัน” จินยองสมทบ


    “ไรวะ ทีแต่ก่อนแม่มไปบ๊อยบ่อย โดยเฉพาะมึงอ่ะมาร์ค”


    “ก็กูไปทำงาน”


    “ทำงาน? กูนึกว่ามึงไปแอบแซบน้องแบมแบม” แจ็คสันแซว จินยองเองก็มองหน้าเพื่อนเล็กน้อย แหม่ จีบจริงสินะมึง

     




    มาร์คนิ่งไปเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ

     




    “เอาน่า ไปเยี่ยมเจบีจะได้ไปเจอหน้าน้องไง ไม่ดีเหรอ” แจ็คสันกอดคอมาร์คที่ทำท่าผลักออกอย่างรังเกียจ


    “กูไม่รู้ว่ะ” มาร์คบอกพลางถอนหายใจ

    “มึงเป็นอะไรของมึงมาร์ค” จินยองถามตรงๆ


    “เออ มึงเป็นเหี้ยอะไร” แจ็คสันเออออด้วย


    “กูไม่ได้เป็นอะไร” มาร์คตอบพลางหลบหน้าไปทางอื่น


    “มึงเป็น แน่ๆ” จินยองยังจ้องหน้าเพื่อนตัวเอง


    “อ๋ออออออออออ.......กูรู้ละ!!!” แจ็คสันโพล่งขึ้นมา





    มาร์คมองหน้าไอ้คนรู้ดีอย่างเซ็งๆ รู้ตลอด มึงอ่ะ จริงไม่จริงก็รู้ตลอด





    “มึงกำลังคิดเรื่องที่น้องมึงพูดแน่ๆ ใช่มั้ย!!” แจ็คสันชี้หน้าเพื่อนตัวเอง



    มาร์คปัดมือแจ็คสันออกทำเป็นไม่สนใจ มันก็จริงอย่างที่แจ็คสันพูด หลังจากที่เจบีฟื้นมาร์คก็ไม่ได้ไปเยี่ยมอดีตเพื่อนผีอีกเลยเกือบจะอาทิตย์แล้ว จะว่าขี้เกียจหรือยุ่งก็ไม่ใช่ ก็อย่างที่บอก มาร์คพยายามห้ามใจเรื่องแบมแบมอยู่ คือก็ไม่ได้คิดจะเลิกจีบทันทีทันควันอะไรหรอกแต่ขอเวลาคิดหน่อย ยังสองจิตสองใจอยู่ แต่ตั้งแต่ที่ได้คุยกับโจอี้มาร์คก็นั่งคิดแล้วคิดอีก ถึงเขาจะประกาศกร้าวไปซะขนาดนั้นว่าจะจีบแบมแบมก็เถอะ แต่การจะมีคนรักหรือแฟนหรืออะไรก็ตามมันดูไม่เหมาะกับวิถีชีวิตของเขาสักเท่าไร นี่ไม่ได้คิดจะดราม่าประหนึ่งว่าตัวเองเป็นซูเปอร์ฮีโร่อะไรอย่างนั้นหรอกนะ แต่คิดสภาพดิ  เออ แบม คืนนี้พี่มีงาน ล็อคประตูบ้านโรยเกลือสวดคาถาก่อนนอนด้วยนะ ระวังวิญญาณเข้าบ้านดีๆ.............มันใช่ป่ะวะ!!!!



    “เรื่องอะไรวะไอ้แจ็ค” จินยองถาม


    “ก็...”


    “ไอ้แจ็คหยุด!!” มาร์คขัดพลางส่งสายตาอำมหิตใส่แจ็คสัน


    “ไอ้แจ็คพูด!!” จินยองหันไปมองแจ็คสันด้วยสายตากดดัน


    “เอ่อ..คือ”


    “กูบอกว่าอย่าพูด!!


    “มึงจะพูดไม่พูด!!


    “โอ้ยยยยย เห็นใจคนกลางอย่างกูบ้างเถอะ!!” แจ็คสันโวยออกมาในที่สุด


    “กูไม่พูดแล้ว!! มึงบอกมันเองเลย !! พูดเลยพูด!!” แจ็คสันบอกต่อพลางตีไหล่มาร์ค มาร์คหันไปมองจินยองที่ตอนนี้กลายเป็นหันมากดดันเขาเอง


    “มึงกล้าปิดบังกูเหรอ” จินยองถามมาร์ค





    “......”





    “มาร์ค” จินยองยังคงกดดัน





    “.........”






    “กูเป็นคนนอกสำหรับมึงเหรอ” จินยองถาม สัส กดดันด้วยประโยคนี้มึงเอามีดมาปาดคอกูดีกว่า ปาร์ค จินยอง



    “กูชอบแบมแบม” มาร์คบอก จินยองอึ้งไปเล็กน้อย เอ้า อยู่ดีๆมึงก็เอาซะตรงเลย


    “เอ่อ..กูว่ากูก็พอมองออก” จินยองบอก


    “แต่มึงว่ามันไม่ควรใช่มั้ยล่ะ แบบยังไงล่ะ คนอย่างเราน่ะ” มาร์คพยายามอธิบาย


    “กูไม่ว่าไงนะ” จินยองว่านิ่งๆ


    “เห็นมั้ย จินยองยังสนับสนุน มึงก็ไม่ต้องมาแอ๊บหลบหน้าตัดใจอะไรหรอก ปัญญาอ่อนว่ะมาร์ค” แจ็คสันขัดขึ้นมาพร้อมตบไหล่มาร์ค


    “เปล่า คือ กุหมายถึง กูไม่มีความเห็น” จินยองพูดต่อ




    เล่นเอาทั้งมาร์คทั้งแจ็คสันเงิบไปตามๆกัน




    “ไม่ไง คือกูไม่คิดว่ามันถึงกับเป็นเรื่องที่ไม่ควร  แต่คือถ้ามึงชอบใครสักคนไปแล้วมึงก็อาจจะต้องทำใจหน่อยว่ามันอาจจะลำบากนิดนึงเพราะมึงมันไม่ใช่คนธรรมดา คือกูหมายถึงคนธรรมดาที่ไม่ได้ใช้ชีวิตเหมือนคนธรรมดาน่ะ เข้าใจกูป่ะ” จินยองอธิบายต่อ

    “กูแค่ไม่อยากลากแบมแบมมายุ่งกับเรื่องบ้าๆไง”


    “แหมะ พระเอกสัส โทษนะ ตอนลากกูมาไม่เห็นถามวะ” แจ็คสันแขวะจินยองพยักหน้าเล็กน้อย


    “มึงเข้ามาเอง” มาร์คตอบ จินยองพยักหน้าเห็นด้วย


    “มึงจีบให้ติดก่อนเถอะ มึงอาจจะจีบเขาไม่ติดก็ได้ อย่ามั่นให้มาก” แจ็คสันแขวะให้อีกดอก


     

    “แล้วมึงอ่ะจินยอง ไม่ไปเยี่ยมเจบีบ้าง”  แจ็คสันหันไปถามจินยอง


    “ฮะ...ก็...มาร์คมันไม่ไป ไม่มีเพื่อนไป”


    “อะ กูชวนมึงเนี่ยเย็นนี้ มึงด้วยมาร์ค” แจ็คสันบอก


    “กู...ขอคิดก่อน” มาร์คบอก


    “มึงไม่ต้องคิด ไปกัน พวกมึงว่างแน่นอน

     





    หลังเลิกเรียนกูจะจับพวกแม่มยัดใส่รถทันทีเลย คอยดู

     

     

     

    .........................................................................................................................

     



    “ไอ้มาร์ค!!!!!!!



    แจ็คสันโวยวายพลางทุบพวงมาลัยรถขณะหาที่จอดรถในโรงพยาบาล



    “มึงตะโกนไป มันก็ไม่โผล่มาหรอก” จินยองที่นั่งเบาะข้างคนขับบอก



    ตอนนี้แจ็คสันมาถึงโรงพยาบาลแล้ว มาพร้อมกับจินยองแค่สองคน ตอนแรกก็ตั้งใจว่ายังไงวันนี้ก็จะเอาไอ้บ้าหัวแดงมาด้วยให้ได้ แต่กลายเป็นว่า มันหายไปตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ นี่กูว่ากูนั่งจ้องโต๊ะแล็บมันทั้งชั่วโมงเลยนะ


    “แม่_งไวชิบหาย คนป่าววะ” แจ็คสันสบถก่อนจะดึกเบรกมือขึ้น


    “มึงก็รู้ มาร์คมันก็เกือบจะเป็นโจรได้แล้วแหละ อย่างมึงตามมันไม่ทันหรอก” จินยองบอก

     

    ก่อนที่ทั้งสองจะพาร่างเดินไปที่ทางเข้าตึก จินยองหิ้วถุงขนมบุงงอปังที่ซื้อแถวๆหน้ามหาลัยมาด้วย แจ็คสันเองก็เดินตามมาติดๆ พร้อมกับยัดขนมรูปปลาเข้าปากจนเกือบจะมิดโคนหางด้วยความโมโหมาร์คต้วน

     

    “นี่มึงแดกของเยี่ยมไข้ได้ไงวะ” จินยองบ่น แม่_งหยิบไปตอนไหน


    “กูรู้ว่ามึงซื้อเผื่อกู” ถึงจะจริงแต่กูขอด่าหน่อยได้มั้ยอีแจ็ค


    “เจบีจะกินได้มั้ยวะ ต้องกินอาหารนิ่มๆเละๆป่ะ” จินยองบอกพลางก้มมองในถุง


    “มันไม่กินกูก็กินเองแหละ” แจ็คสันบอกขณะที่ทั้งสองคนเดินเข้าไปในตัวตึก

     



    บรรยากาศโรงบาลมันก็ยังไม่น่าพิสมัยเหมือนเดิม คนป่วยเดินกันให้ทั่ว ไหนจะญาติอีก เจ้าหน้าที่อีก จินยองก็ไม่ชอบนักหรอก ถ้าไม่ใช่แจ็คสันลากมาก็ไม่มาหรอก งานก็เสร็จแล้ว ไม่เห็นมีความจำเป็นต้องมาสุงสิงอะไรกันอีก งานก็คืองาน ลูกค้าก็คือลูกค้า แค่นั้นมั้ย?


    หลังจากที่ทั้งสองคนไปลองสอบถาม ห้องเดิมที่เจบีเคยอยู่ก็ได้รับข่าวว่า เจบีย้ายไปอยู่ห้องพิเศษชั้นบนแล้ว


    แจ็คสันและจินยองใช้เวลาไม่นานในการหาห้องใหม่เจบี พูดก็พูดเถอะ โซนห้องพิเศษที่นี่ดูหรูสุดๆไปเลย ทั้งคู่เดินไปตามโถงทางเดินที่ดูสะอาดเอี่ยม ผนังทางเดินดูสีอบอุ่นไม่จืดชืด ดูเหมือนจะมีห้องเยอะกว่าห้องแยกที่เจบีเคยอยู่นิดหน่อย แจ็คสันบ่นมาร์คไปตลอดทางตั้งแต่ขึ้นมาก่อนจะเงียบเสียงลงเมื่อหยุดอยู่หน้าห้อง


    905 ‘อิม แจบอม



    แจ็คสันค่อยๆเคาะประตูอย่างมีมารยาทที่สุดในชีวิตก่อนจะบิดลูกบิดเข้าไป

     




    “ครับ..” ร่างสูงบนเตียงกำลังงัวเงีย ขานรับเสียงเคาะก่อนจะหันไปเจอหน้าผู้มาเยี่ยมแล้วยิ้มกว้าง


    “ไงมึง ดูมีเนื้อมีหนังนะ” แจ็คสันทักทายหลังจากหันซ้ายขวาแล้วไม่เห็นใครนอกจากเจบี


    “ก็กูเป็นคนแล้วไง” ร่างสูงลุกขึ้นนั่ง ตอนนี้ไม่มีสายระโยงระยางค์อีกแล้ว สะดวกขึ้นเยอะ


    “แล้วไม่มีคนเฝ้าคุณเหรอ” จินยองที่เดินเข้ามาตามหลังถาม


    “พ่อกับแม่มีประชุมที่บริษัทคงเลิกค่ำๆ แบมแบมก็เห็นว่ามีติวเลิกค่ำๆเหมือนกัน” เจบีบอกพลางยิ้มให้จินยองแต่จินยองแกล้งทำเป็นมองไม่เห็น


    “แล้วเมื่อไรมึงจะออกจากโรงพยาบาล นอนนานจังวะ” แจ็คสันพลางนั่งปลายเตียงคนไข้เฉยเลย


    “พรุ่งนี้.....กูแม่_งเพิ่งเดินได้คล่อง ขาลีบหมดไม่ได้ขยับ กูทำกายภาพมาจะอาทิตย์ละ” เจบีบ่น


    “ดีนะ พวกกูมาทัน”  แจ็คสันบอก


    “กูนึกว่าพวกมึงจะไม่มาแล้วซะอีก” เจบีบ่นแกล้งทำเสียงเหมือนน้อยใจ


    “มึงไม่ต้องม.....”

     





    ครืดดดดดดด ครืดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

     





    เสียงโทรศัพท์สั่นในกางเกงแจ็คสันขัดจังหวะการพูดของเจ้าของตัวเอง แจ็คสันล้วงมือถือมาดูที่หน้าจอก่อนจะเบิกตาโตเล็กน้อย



    “เออ เดี๋ยวกูมา ป๋ากูโทรมาว่ะ”



    พูดจบแจ็คสันก็เดินยกหูโทรศัพท์ออกจากห้องไป

     

    และตอนนี้ก็เหลือแค่เจบี และจินยองที่เดินไปนั่งตรงโซฟาปลายเตียงไกลๆ

     

    “ไอ้มาร์คไม่มาเหรอ” เจบีถาม


    “มัน..มีธุระน่ะ” จินยองตอบ


    “เออ จริงสิ ผมกับแจ็คสันซื้อขนมมาฝาก ไม่รู้คุณกินได้รึเปล่า” จินยองเดินเอาขนมไปให้เจบีก่อนจะรีบหันตัวเพื่อกลับมานั่งที่เดิม แต่...

     

    “เดี๋ยวดิ คุณพ่อมด” เจบีรั้งข้อมืออีกคนไว้

     

    “นั่งทำไมไกล เก้าอี้ตรงนี้ก็มี ผมไม่มีแรงตะโกนนะ เห็นใจคนป่วยหน่อยสิ” เจบีชี้ที่เก้าอี้ข้างเตียง


    “คุณไม่ได้ป่วยแล่วนิ่” จินยองบอกแต่ก็ยอมนั่งลงเก้าอี้ข้างเตียง เจบีเองเห็นอย่างนั้นก็ยอมปล่อยมือโดยดี


    “ใจร้ายสมกับเป็น คุณพ่อมด” เจบีก้มมองถุงขนมในมือ


    “ใจร้ายก็ไม่ต้องกิน” จินยองทำท่าจะแย่งแต่อีกคนกลับชูถุงขนมซะสูง


    “ร้านหน้ามหาลัยใช่มั้ย ผมชอบนะร้านนี้ ไม่คืนหรอก” เจบีพูดก่อนจะหยิบขนมขึ้นมากินหนึ่งชิ้นแล้ววางที่เหลือไว้ข้างเตียง


    “แต่คุณพ่อมดก็ใจร้ายจริงๆนะ ไม่มาเยี่ยมผมเลย” เจบีพูดต่อก่อนกัดขนมคำใหญ่


    “ก็มาแล้วนี่ไง แล้วก็นะ เลิกเรียกผมว่าคุณพ่อมด เพราะมันดูประหลาดถ้าคนอื่นมาได้ยิน” จินยองบ่นหน้าบูด เห็นแบบนี้คนแหย่ก็ยิ่งสนุกสิครับ

     

    "แต่ถ้าอยู่สองคนก็เรียกได้ใช่ป่ะล่ะ" เจบียักคิ้วกวนๆให้อีกคน จนยองได้แต่กอดอกมองอย่างเอือมๆ








     

    “เฮ้ย มึง” แจ็คสันที่อยู่ก็เปิดประตูกลับเข้ามาพรวดพราดเอ่ยพลางมองหน้าทั้งคู่สลับกับโทรศัพท์


    “อะไรมึง” จินยองถามเพื่อนที่ดูตื่นเล็กๆ


    “จินยอง มึง...กลับเองได้มั้ย” แจ็คสันถาม


    “อะไร มึงจะทิ้งกูไปไหน”


    “ป๋ากูโทรมา บอกให้ไปรับม๊ากูที่สนามบินว่ะ” แจ็คสัน


    “ตอนนี้?” จินยองถาม


    “เออ เครื่องลงหกโมง นี่แม่_งสี่โมงกว่าละ สนามบินมันไกลไงมึง รถติดอีก” แจ็คสันอธิบาย


    “งั้นเดี๋ยวกูไปพร้อมมึงเลยก็ได้” จินยองทำท่าลุกขึ้น


    “มึงอยู่เป็นเพื่อนมันก่อนดิ สงสารเจบีมัน มันยิ่งเดินลำบากอยู่ เกิดมันจะเข้าห้องน้ำบ้างอะไรบ้าง” แจ็คสันบอก แล้วคือมึงไม่สงสารกู


    “ใช่ๆๆ เออเนี่ย เข้าห้องน้ำทีกูลำบากมาก” เจบีสมทบ มึงเตี๊ยมกันใช่มั้ย ตอบ!!!


    “เออ เดี๋ยวกูไปละ โทษทีว่ะเจบี เจอกันที่มหาลัยนะมึง” แจ็คสันรีบลาโดยไม่ให้จินยองได้เถียงก่อนจะพรวดพราดออกไป ขืนให้ม๊ามารอนะ หัวกุดแน่มึงอีแจ็ค

     

    “เดี๋ยวดิ มึ๊ง”

     






    ปัง!!! เสียงปิดประตูดังขึ้นโดยที่ร่างเล็กไม่ได้ทันจะทักท้วง อะไรคือการชวนกูออกมาแล้วทิ้งกูไว้ เพื่อนเวร

     





    “ขนมมั้ย” เจบียื่นบุงงอปังให้จินยอง ได้ข่าวกูซื้อมาเอง

     


    จินยองส่ายหน้าอย่างเสียอารมณ์ ก่อนจะกระแทกตัวลงนั่งที่เก้าอี้ตัวเดิม จะไม่ให้เคืองได้ไง คนชวนกลับชิ่งซะอย่างงั้น

     


    “คุณช่วยเหลือตัวเองได้ดีนิ่ ผมคงไม่จำเป็น” จินยองบอกเมื่อเห็นเจบียัดขนมเข้าปากพลางกระดิกเท้าอย่างน่าหมั่นไส้


    “ผมเหงานะ ตอนเป็นวิญญาณไม่เห็นเหงาขนาดนี้” เจบีบอก



    ก็แน่ล่ะ กลางวันอยู่ในโรงพยาบาลจะทำอะไรได้มาก ช่วงเช้าเขาก็ได้แต่นอนรอคุณหมอมาตรวจ สายๆก็ลงไปทำกายภาพบ้าง ทีวีนี่ก็ดูจนไม่รู้จะดูอะไร น้องก็เรียน พ่อแม่ก็ทำงาน เย็นๆก็มีเพื่อนที่คณะมาเยี่ยมบ้าง ช่วงที่เขาหลับไปเขาเองก็ไม่รู้หรอกว่าใครมาเยี่ยมบ้าง วันๆขลุกอยู่แต่กับมาร์ค แจ็คสัน แล้วก็จินยอง หลังๆจะเป็นบ้านจินยองเยอะกว่าด้วยซ้ำ เขายังติดชีวิตที่ต้องพูดคุยเล่นหัวกับสามคนนี้อยู่ สำหรับเจบีทั้งสามคนก็คือเพื่อน คือคนช่วยชีวิต แต่กลายเป็นว่าหลังเขาฟื้นพวกนั้นกลับเงียบหายซะได้ ก็อยากจะคิดว่ามันคงอยากกลับไปตั้งใจเรียน แต่แบบ มาเยี่ยมกูบ้างก็ได้ป่ะ




    “อยากกลับไปเป็นวิญญาณอีกรึไง” จินยองแขวะเข้าให้


    “ก็ถ้าคุณไม่มาเยี่ยมผมวันนี้ ผมก็เริ่มคิดจะกลับไปเป็นวิญญาณแล้วล่ะ”


    “นี่..พวกผมเหนื่อยนะ ถ้าคุณไม่จ่ายราคางามล่ะก็ ผมทุบคุณหัวแบะแน่” จินยองบอก


    “ผมจ่ายอยู่แล้วน่ะ ตกลงราคากับไอ้มาร์คไว้แล้วด้วย” เจบีบอกพลางหงุดหงิดเล็กๆ


    “คุณไม่เห็นตกลงกับผมเลย เงินนั่นผมต้องได้จากมาร์ค 30% เลยนะ” จินยองกอดอก ก็พูดไปงั้นแหละ



     อีมาร์คมึงนะมึง งานนี้กูควรแบ่งกับมึงห้าสิบห้าสิบด้วยซ้ำ ไม่เคยมีงานไหนที่จินยองต้องทุ่มตัวช่วยสุดชีวิตขนาดนี้เลยนะ อย่างมากงานอื่นมาร์คก็แค่ขอให้ทำเครื่องรางหรือช่วยหาวิธี แต่นี่ดูเป็นงานจินยองมากกว่ามาร์คซะอีก



    “นี่คุณเห็นผมเป็นแค่นายจ้างรึไง” เจบีประชดน้อยๆ


    “มันก็ต้องเป็นอย่างนั้น” จินยองบอก แหม่ ทำเป็นพูด แล้วบุงงอปังที่ซื้อมาให้คืออะไร? นี่ต้องซื้อของเยี่ยมไข้ให้ลูกค้าด้วยรึไง


    “คุณจะบอกว่า ที่คุณยอมช่วยผม....”


    “ผมบอกแล้วไงว่าผมช่วยมาร์คมัน” จินยองพูดเรียบๆ แต่เจ็บชะมัด

     

     

    เกิดความเงียบอันน่าอึดอัดในห้อง จินยองเองก็รู้สึกไม่ดีเท่าไรกับประโยคที่ตัวเองพูดออกมา จริงๆจินยองก็ไม่อยากจะนั่งอยู่ตรงนี้ ไม่อยากจะให้เป็นแบบนี้ จินยองพยายามจะทำให้เจบีเป็นแค่งานงานหนึ่ง ทำเสร็จก็จบ ต่างคนต่างอยู่ไม่ต้องยุ่งกัน เขาไม่ได้เป็นพวกเข้าอกเข้าใจผี หรือขี้สงสารแบบมาร์ค นั่นเป็นเหตุผลที่จินยองพยายามรักษาระยะห่างด้วยคำว่าคุณกับผม แต่เจบีเองก็พยายามลดระยะห่างนั้นลงตลอด ไหนจะเข้าออกบ้านตามใจชอบ ไล่ไปไหนก็ไม่ไป แล้วยังกลุ่มเพื่อนเขาอีกที่สนิทสนมกันซะขนาดนั้น


    จินยองไม่อยากจะดึงใครเข้ามาอยู่ในโลกของเขากับมาร์คอีกแล้ว ขอให้แจ็คสันเป็นคนสุดท้าย รายนั้นมันก็ช่างตื้อช่างสืบช่างเสือ_ก หลังจากที่เคยช่วยมันไว้ตอน ม.ปลาย แจ็คสันมันก็ตามพวกเขาหนึบ เป็นประเภทเดียวกับเจบีซะด้วยคือไล่ยังไงก็ไม่ไป แต่แจ็คสันยังดีที่เป็นคนพอมีเซนส์ทางนี้บ้าง อาจจะด้วยเวลาเกิดช่วงตกฟากหรืออะไรก็ตามทำให้แจ็คสันเป็นคนธรรมดาที่พอมีสัมผัสที่หก ทักษะการเอาตัวรอด การรับรู้ได้ถึงสิ่งผิดปกติก็พอโอเค แต่กับเจบีนี่สิ บอกตรงๆว่าถ้าวิญญาณไม่ออกจากร่าง ชาตินี้ทั้งชาติก็คงไม่เห็นผี คิดจะดึงคนดีๆให้มาอยู่ในโลกสีดำๆน่ะเหรอ?.....อย่าจะดีกว่า

     



    “ผมไปบ้านคุณอีกได้มั้ย” เจบีถามอีกครั้ง


    “อย่าดีกว่า บ้านผมเป็นร้านค้า ถ้าไม่มีธุระก็อย่าไปเลย” จินยองปฏิเสธ นอกจากจะทำพวกเครื่องรางบ้านของจินยองยังทำธุรกิจเล็กๆจำพวกของชำร่วย พวกงานแต่ง งานเลี้ยง และแน่นอน งานศพ


    “คุณนี่มันไร้เยื่อใยชะมัด” เจบีเหน็บเข้าให้


    “เราก็ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้นนิ่” จินยองว่า


    “ไม่สนิทกันที่ไหน เตียงในห้องนอนคุณผมก็นอนมาแล้ว” เจบีเถียง


    “อันนั้นเพราะคุณมันไล่ไม่ไปต่างหาก”


    “แต่ผมสนิทกับพ่อแม่คุณด้วยนะ”


    “แล้วยังไง” จินยองไม่เถียง เจบีแทบจะตีสนิทกับคนรอบข้างเขาทุกคนแล้ว


    “ไม่เอาน่า จินยอง” เจบีทำเสียงอ้อนแต่ไม่ได้ผลกับจินยองหรอก


    “คุณกลับไปใช้ชีวิตปกติของคุณเถอะ” จินยองบอกนิ่งๆ


    “ก็ชีวิตปกติของผมช่วงเดือนที่ผ่านมามันมีคุณอยู่ด้วยนิ่” เจบีตอบ


    “นั่นมัน...ส่วนหนึ่งของธุรกิจ”


    “งั้นถ้าผมมีงานให้ ผมก็ติดต่อคุณได้ใช่มั้ย”


    จินยองพยักหน้าส่งๆตัดรำคาญอีกคน

     

     

    “ผมขอเบอร์คุณได้มั้ย”  เจบีหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เปลี่ยนเรื่องซะงั้น


    “ถ้าคุณจะโทรติดต่องานล่ะก็ ผมว่าเบอร์มาร์คสะดวกกว่า” จินยองบอก


    “งั้นเหรอ” เจบีว่าพลางพลิกมือถือไปมา


    “งั้นขอเบอร์มาร์คหน่อยสิ ผมจะถามเลขบัญชีมันจะได้โอนเงินถูก” เจบีบอก คือไม่เคยขอไงเพราะตอนเป็นวิญญาณก็ไม่เคยใช้โทรศัพท์

     


    จินยองทำหน้าบึ้งแต่ก็ยอมล้วงกระเป๋าหยิบโทรศัพท์โชว์เบอร์เพื่อนสนิทให้อีกคนดู เจบีชะโงกหน้ามาดูใกล้ๆ พร้อมกับค่อยๆกดเบอร์ แล้วโทรออก

     
     

    ความเงียบกลับมาอีกครั้ง จินยองเลือกที่จะเดินไปนั่งที่โซฟาเหมือนเดิม เจบีได้แต่มองตามแต่ไม่พูดอะไรเพราะรอมาร์ครับสายอยู่

     


    “ฮัลโหล มาร์ค” เจบีกรอกเสียงลงไป จินยองเองก็เหลือบมามองนิดๆ

    .

    .

    .
    “นี่กู เจบีนะ”

     .

    .

    .

    จินยองทำเป็นไม่สนใจ พลางเปิดอ่านนิตยาสารที่วางแถวนั้นไปเรื่อย

     


    “สัส..ไม่มาเยี่ยมกูเลยนะ จนกูจะออกโรงบาลพรุ่งนี้แล้ว”

    .
    .

    “ข้ออ้างว่ะ...สรุปมึงจะให้กูจ่ายยังไงเงินน่ะ”

     .
    .
    .

    “เออ งั้นมึงหาไว้ก่อน เดี๋ยววันอาทิตย์กูไปบ้านมึง”

     
     

    เจบียังคงคุยกับมาร์คเหมือนปกติเหมือนตอนที่เป็นวิญญาณ จินยองไม่ได้รู้สึกอะไรเพราะมาร์คมันก็เป็นคนแบบนี้อยู่แล้ว ขนาดผีมันยังเป็นเพื่อนด้วยบางทีแล้วประสาอะไรกับคนที่มันช่วยไว้

     


    “เออ เดี๋ยวมึง..อย่าเพิ่งวาง” เจบีพูดขึ้นมา

    .

     

    .

     

    .

    “กูขอเบอร์จินยองหน่อย”


    “นี่คุณ!!” จินยองเมื่อได้ยินสิ่งที่เจบีขอกับมาร์คก็รีบเดินมาที่เตียง


    “ทีมึงยังมีเบอร์น้องกูเลย” เจบีไม่สนใจคนที่เดินมาข้างเตียงพยายามจะแย่งโทรศัพท์


    “มาร์ค!!....มึงอย่าให้น..อ๊ะ” จินยองที่พยายามโน้มตัวลงมาแย่งมือถือเจบี กลับถูกอีกคนดึงให้เสียหลักล้มทับพาดร่างเขาซะงั้น แถวยังเอามือมา เกี่ยวเอวไม่ให้จินยองดิ้นหนีอีก


    “เออ..กูอยู่กับจินยอง แต่เขาไม่ยอมให้ว่ะ” เจบีทำไม่สนใจอีกคนที่ดิ้นอยู่


    “นี่คุณ เอามือคุณออก ผมจะลุก!” จินยองพยายามแกะมืออีกคนออก


    “ตอนนี้มีคนกวนว่ะ เดี๋ยวมึงส่งให้กูทางไลน์นะ เดี๋ยวคงเด้ง”


    “มึงห้ามส่งนะมาร์ค”


    “โอเค แค่นี้นะมึง บาย” เจบีวางโทรศัพท์ลงข้างเตียงก่อนจะส่งยิ้มกวนๆให้จินยองโดยที่อีกมือก็ยังพาดไว้ที่จินยองหลวมๆ





    "นี่คุณดิ้นแรงนะ ผมเจ็บแผลหมดแล้วเนี่ย" เจบีโวยวายใส่คนที่นอนพาดอยู่ที่หน้าท้องเขา


    “เอามือออก
    !” จินยองหน้าบึ้ง เจบียอมยกมือออกแต่โดยดี จินยองลุกขึ้นเต็มความสูงหันมามองเจบีโกรธๆ


    “คุณทำแบบนี้ทำไม” จินยองถาม


    “ก็ถ้าคุณให้เบอร์ผมดีๆผมก็ไม่ทำแบบนี้หรอก” เจบีบอก


    “ทำอะไรให้ยุ่งยาก” จินยองบ่นด้วยความเคยปาก


    “แค่ผมอยากเป็นเพื่อนกับคุณมันยุ่งยากมากรึไง” เจบีประชดกลับ เริ่มฝึกงอนเป็นละนะบอกเลย

     




    จินยองนิ่งไป บางทีคนที่ทำให้ยุ่งยากอาจจะเป็นเขาเอง แต่........

     

    เรื่องอะไรจะยอมรับ!!!!!

     



    ร่างเล็กเดินไปหยิบกระเป๋าของตัวเองขึ้นสะพาย ก่อนจะพาร่างตัวเองไปที่ประตู

     

    “จะกลับแล้วเหรอ” เจบีถาม


    “อืม” จินยองตอบในลำคอ


    "คุณทำผมเจ็บแผลนะ รับผิดชอบด้วยการดูแลกันหน่อยสิ"


    "คุณทำตัวเองต่างหาก"






    “เออนี่คุณ” เจบีเรียกอีกคนที่ทำท่าจะเดินออกไปไว้

     

    จินยองหันหน้ามามองแต่ไม่ได้ตอบอะไร

     

     




    “วันอาทิตย์ถ้าแวะไปบ้านมาร์คเสร็จ ผมจะไปบ้านคุณนะ” เจบีบอกพลางโบกมือให้

     

     










    ไม่ว่าจะเป็นคนหรือผี....มันก็ไม่เคยฟังกูเลยยยยยยยยยยยยยยยยย

      

    .............................................................................


    มาต่อแล้วววววว พักบ้างกับเรื่องผีๆ คือ ตอนนี้ให้พี่บีฉลองที่นางฟื้นขึ้นมา ช่วงนี้พี่มาร์คมันกำลังสับสนทางความคิด ให้มันคิดไปก่อน ไม่ได้หายไปนะ คอมช่วงนี้มันเน่าๆแปลกๆ จะพยายามมาต่อเร็วๆนะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×