คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : my Dolls
my Dolls
เหตุผล&อารมณ์
มนุษย์! จิตใจโลเล! งี่เง่า! ไร้เหตุผล!...
แสงอาทิตย์สุดท้ายลับเหลี่ยมตึกไปอย่างเงียบเหงา ฉันมองออกไปนอกหน้าต่าง ที่อยู่ของฉันเป็นห้องชุดบนตึกสูง มองออกไปเห็นแสงไฟจากหมู่ตึกและรถยนต์ที่วิ่งไปมา ดูราวทะเลดาวบนผืนดิน
ฉันไม่เคยเห็นดาวจริงๆ มานานแล้ว ตั้งแต่มนุษย์เอาชนะธรรมชาติได้โดยการสร้างดวงดาว"เทียม"ขึ้นมายามค่ำคืน "ของจริง" ก็ไม่ใช่ที่ปรารถนาอีกต่อไป ที่โต๊ะริมหน้าต่างมีภาพถ่ายของฉันกับคุณปู่ตั้งอยู่ ฉันนึกน้อยใจท่านนัก...ทำไมท่านต้องด่วนทิ้งฉันไป ทิ้งให้ฉันอยู่บนโลกอันบูดเบี้ยวใบนี้คนเดียว...
ใช่...ฉันภาคภูมิใจในตัวคุณปู่ของฉันมากเพราะท่านคือวิศวกรหุ่นยนต์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในศตวรรษนี้ ในฐานะที่ท่านสามารถผลิต "หุ่นยนต์" ที่เลียนแบบมนุษย์ได้อย่างสมจริงที่สุด ทั้งปัญญาประดิษฐ์และกลไกภาพลักษณ์แทบไม่ต่างจากมนุษย์จริงๆ เลย ใครๆก็ว่านี่คือศักราชใหม่ของเทคโนโลยีที่จะทำให้มนุษย์เอาชนะธรรมชาติได้อย่างสมบูรณ์ ท่านเป็นคนโด่งดังมีชื่อเสียง มีลูกศิษย์ลูกหาและเพื่อนสนิทมากมาย แต่เพียงเพราะ "อุบัติเหตุ" ในวันนั้น ที่ห้องวิจัยด้านหุ่นยนต์เกิดระเบิดขึ้นมา ท่านเสียชีวิตในอุบัติเหตุวันนั้น ทว่าหากท่านยังมีชีวิตอยู่...ท่านคงจะเสียใจกว่าเดิมหลายเท่านัก เพราะบรรดาคนสนิทลูกศิษย์ที่คบหากับท่านนั้นต่างก็พยายามตีตัวออกห่าง ไม่มีใครร่วมรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น ทั้งยังออกมาวิพากษ์วิจารณ์ความผิดพลาดของท่านแทบทุกวัน โจมตีว่าท่านเป็นพวกสติเฟื้อง สมองเพี้ยน สุดท้ายก็แจ้งยืดสมบัติทุกชนิดที่เป็นชื่อของ "ศ.ดร.พัฒน์พิบูลย์ นิรันดร์"จนหมดสิ้น เหลือเพียงแค่ห้องชุดแห่งนี้และเงินในบัญชีอีกเล็กน้อยสำหรับฉันซึ่งเป็นทายาทคนเดียวของท่าน นี่ยังจะมีญาติที่ไหนไม่รู้โผล่หัวมาอ้างความเป็นเจ้าของสมบัติชิ้นสุดท้ายนี้อีก! ฉันขอสาบานกับชื่อ "อนันตรา นิรันดร์"ว่าจะปกป้องสิ่งนี้ไว้ด้วยชีวิต!
เสียงกระดิ่งหน้าห้องดังขึ้น น่ารำคาญ! คงจะพวกผู้ใหญ่พวกนั้นอีกล่ะสิ! ฉันไม่อยากเบือนหน้าไปมองด้วยซ้ำ ทว่าไม่ใช่แค่เสียงกระดิ่ง แต่คราวนี้มีเสียงเคาะประตูตึงตึงไร้มารยาทอีกด้วย!
"สวัสดีค๊าบบบบบ" เสียงทักทายดังมาจากหลังประตู เพราะเสียงไม่คุ้นเคยฉันจึงหันกลับไป ที่จอระบบตอบรับแสดงภาพเด็กหนุ่มคนหนึ่งอายุมากกว่าฉันไม่กี่ปี เขาคงเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย ผมกระเซอะกระเซิง ดวงตาเป็นประกายแป๋วแว๋วจ้องมาที่หน้าจอ โบกไม้โบกมือให้ฉันอย่างมีความสุข "คุณหนูนันอยู่ไหมค๊าบบบ"
เขารู้จักชื่อของฉันด้วย...ฉันลุกขึ้นไปดูที่ประตู มองผ่านระบบตอบรับ นายคนนั้นยังคงโบกไม้โบกมือทำท่าประหลาดๆอยู่หน้าห้องของฉันต่อไป "ผมได้รับคำสั่งจากศ.พัฒน์ให้มาดูแลคุณหนูคร๊าบ ตามตารางที่ศ.ให้ผมมาแล้วคุณหนูน่าจะถึงที่พักแล้วนี่ครับทำไมถึงยังไม่มีเสียงตอบกลับ?"
เหอะๆ มามุขนี้อีกแล้วเจ้าพวกมนุษย์จอมหลอกลวง ฉันไม่มีวันเปิดประตูให้พวกแกหรอก
"หรือว่าคุณหนูจะเป็นอันตราย! แย่แล้ว...แย่แล้ว!" ไม่ทันขาดคำ เขาก็ยกเท้าขึ้นถีบประตูห้อง ปัง!ประตูเปิดผางออก ระบบลอคพังห้อยต่องแต่ง เขาม้วนตัวสามตลบเข้ามาในห้อง ยันตัวขึ้นมองไปรอบๆ ราวกับทหารลอบโจมตี เงยหน้าขึ้นมาเจอกับฉันที่กำลังยืนมองเขาอย่างสงบนิ่งอยู่นั่นเอง
ด้วยพละกำลังมหาศาลแบบนี้...เป็นไปไม่ได้ ก็ในเมื่อหลังจาก"เหตุการณ์นั้น"หุ่นยนต์ทุกตัวของคุณปู่ก็ถูกเก็บกลับไปทำลายหมดแล้วนี่นา!
"นาย...เป็นหุ่นยนต์งั้นหรือ?"
"คุณหนูนัน!" ทันใดเขาก็โผเข้าหาฉัน คว้ามือของฉันไปจุมพิตที่หลังมืออย่างแผ่วเบา น้ำตาใสๆไหลออกจากดวงตาสีน้ำตาลอำพันของเขายังกะท่อแตก "ผมชื่อ"ดอล"ฮะ ผมคือหุ่นยนต์ผู้ช่วยของศ.พัฒน์ครับ ศ.สั่งให้ผมมาดูแลคุณหนูถ้าหากว่าศ.เป็นอะไรไป ระหว่างเวลาที่ผ่านมาผมหนีการตามเก็บของทางการจนกระทั่งเพิ่งได้มีโอกาสมาหาคุณหนูนี่แหละค๊าบบบบ"
"ใครจะ เชื่อ นาย" ฉันว่า สะบัดมือออกอย่างขยะแขยง น้ำตาของหุ่นยนต์...ทำไมมันถึงได้อบอุ่นสำหรับฉันนักนะ หุ่นยนต์ไม่มีหัวใจซะหน่อย "เชิญออกไปก่อนที่ฉันจะตามทางการมาเก็บนายไปกำจัดอีกหนึ่งตัว"
แต่คำขู่ของฉันไม่เป็นผล เขาวิ่งเข้าไปหารูปถ่ายของฉันกับคุณปู่ที่หน้าต่าง หยิบภาพนั้นมาด้วยมืออันสั่นเทา ก่อนจะกอดภาพนั้นไว้แนบอกแล้วน้ำตาของหุ่นยนต์ก็ไหลทะลักยังกะท่อแตกอีกครั้ง "ฮือ...ศาสตราจารย์ ผมคิดถึงคุณเหลือเกิน..."
"มีอะไรรึเปล่าครับ?" เพื่อนข้างห้องเดินผ่านประตู(ที่ไม่เหลือบาน)ของห้องฉันชะโงกหน้าเข้ามาดู ฉันหันไปมองเจ้าตัวต้นเหตุที่กำลังร่ำไห้ไว้อาลัยให้กับคุณปู่ของฉัน ก่อนหันกลับไปแสร้งยิ้มกลบเกลื่อน
นายหุ่นยนต์ลดความอาลัยอาวรณ์ในรูปถ่ายนั้นได้บ้างแล้ว เขาจัดการยกประตูกลับไปเก็บที่เรียบร้อย แล้วแทนที่จะทำตัวสงบเสงี่ยมเขากลับพุ่งตรงไปยังห้องครัวแล้วเริ่มหยิบของในตู้เย็นออกมาเตรียมทำอาหารทันที
"ให้โอกาสผมได้ทำประโยชน์ให้คุณหนูนันนะขอรับ!" เขาอ้อนวอนฉันที่ยืนทำหน้าดุใส่ ดวงตาเป็นประกายระเรื่อเจือน้ำตา ฉันล่ะสงสัยจริงๆ ว่าคุณปู่คงจะใส่โปรแกรมอารมณ์ให้สมองกลชิ้นนี้มากเกินไป จนมันแสดงอารมณ์ได้ออกจะ "เกินจริง" ไปนิด เขาหยิบสมุดโน๊ตจากในกระเป๋าเสื้อขึ้นมาแล้วเปิดหาข้อมูล "ผมทำมักกะโรนีซอสเห็ดที่คุณหนูนันชอบกินได้นะค๊าบบบ" เขาอวดสรรพคุณ เพราะโดนของโปรดล่อฉันจึงเออออห่อหมกไป
แต่นั่นผิดมหันต์
กลิ่นเหม็นไหม้โชยมาจากในห้องครัวแค่เพียงฉันละสายตาไปยังโน๊ตบุคชั่วขณะ! นายหุ่นยนต์ทำซอสเห็ดไหม้แห้งดำเกรียมติดขอบกระทะ ส่วนหม้อต้มมักกะโรนีก็มีน้ำเดือดปุดๆ ล้นเต็มเตา ฉันรีบพุ่งไปปิดเตาแก๊ส คว้ากระทะจากมือเขาไปแช่ในอ่างล้างจาน ก่อนถอนหายใจเฮือก
"ขอโต๊ดค๊าบบ คุณหนู ผมไม่นึกว่าไฟจะแรงขนาดนี้" เขาส่งสายตาสำนึกผิดมาทางฉัน
"นายแค่อยู่เฉยๆไม่สร้างความวุ่นวายให้ฉันก็พอแล้ว" ฉันตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงซักกะตาย ไม่รู้ว่าหมอนี่จะอยู่ที่นี่ไปอีกนานแค่ไหน แต่ดูท่าจะเป็นตัวอันตรายสำหรับความสงบสุขในบ้านนี้ สุดท้ายมื้อเย็นนั้นก็กลายเป็นมาม่า เขานั่งอยู่ตรงข้ามโต๊ะอาหารพลางมองฉันทานบะหมี่ไปพลาง พอเห็นเขาจ้องตาละห้อยเข้า ฉันก็ยื่นถ้วยบะหมี่ให้เขาบ้าง
"เป็นหุ่นยนต์ทานมาม่าได้ด้วยหรอ?"
"ได้สิค๊าบ" เขาว่า ดูดเส้นบะหมี่เข้าไปเต็มปาก "ผมเป็นหุ่นยนต์รุ่นหลังๆ ของศ.ที่พัฒนาให้ใช้แหล่งพลังงานจากชีวภาพได้ด้วย ผมย่อยอาหารได้ทุกชนิดเหมือนคนเลยนะค๊าบ"
ฉันจึงไปทำบะหมี่ให้เขาต่างหากอีกหนึ่งที่ ก่อนจะลุกขึ้นเดินเข้าห้องนอนตัวเอง
"คุณหนูนันค๊าบ จะไปไหนค๊าบ?" เขาร้องถามเสียงใส มองมาทางฉันตาแป๋ว
"ไปนอน" ฉันว่า ปิดประตูห้องนอน
ยามเช้า ฉันตื่นขึ้นด้วยเสียงนาฬิกาปลุกตามเคย แต่ที่วันนี้แปลกไปเพราะข้างๆเตียงที่ปกติว่างเปล่าบัดนี้กลับมีชายหนุ่มร่างสูงทอดกายอยู่เคียงข้าง แถมให้ฉันใช้แขนหนุนต่างหมอนนอนอีกต่างหาก!
ฉันสะดุ้งลุกขึ้นนั่ง นายนั่นลืมตาขึ้น...ดวงตาสีอำพันของเขายิ้มให้กับฉัน "อรุณสวัสดิ์ครับคุณหนูนัน"
"ฉันจะไปเรียน" ฉันรีบลุกขึ้นจากเตียงนอน คว้าผ้าเช็ดตัวและเสื้อผ้าในตู้เสื้อผ้าเดินเข้าห้องน้ำ พอแต่งตัวเสร็จก็พบว่าบนโต๊ะมีนมอุ่นๆกบขนมปังทาแยมวางไว้บนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว
ฉันทานไปก็เหลือบไปมองที่ครัวที เกรงว่าจะมีอะไรพังระเบิดไปรึเปล่า แต่ดูเหมือนนายหุ่นยนต์จะปรับตัวเข้ากับอุปกรณ์ในห้องครัวได้บ้างแล้ว เขายังง่วนอยู่กับการเตรียมกับข้าว
"คุณหนูนันจะกลับมาเมื่อไรค๊าบบบ"เขาถามเมื่อฉันเปิดประตูออกจากห้องไป
"เย็นๆ" ฉันว่า บางทีก็รู้สึกไม่คุ้นเคย...เพราะเกือบๆ สองเดือนแล้วที่ฉันต้องอยู่คนเดียว การมีหุ่นยนต์มาอยู่ด้วยอย่างนี้ก็ไม่ได้เสียหายอะไร อย่างน้อยจิตใจของหุ่นยนต์ก็ซื่อตรงตามโปรแกรม ไม่เหมือนกับมนุษย์...จิตใจโลเล
หุ่นยนต์ที่ชื่อดอลมาอยู่กับฉันได้เกือบหนึ่งเดือนแล้ว
เขาทำหน้าที่เป็นพ่อบ้านเป็นผู้ดูแล บางครั้งยังเป็นเพื่อนให้ฉันเวลาฉันต้องออกไปข้างนอกอีกด้วย บรรดาญาติโกโหติกากระหายเงินต่างก็หายหน้าหายตาไป เขายังเป็นเหมือนกับองครักษ์ให้ฉัน...เวลาที่ฉันต้องเผชิญหน้ากับ "มนุษย์"ผู้โลภมากและโสมม การที่มี "วิศวะ นิรันดร์"อยู่ข้างกายนี่ก็เป็นเรื่องดีไม่น้อย ไม่นับที่เขาทำอาหารทุกชนิดยกเว้นอาหารเช้าได้ห่วยแตกสุดๆนั่นน่ะนะ
ผมของเขาเริ่มยาวแล้ว วันอาทิตย์หลังจากฉันทำรายงานทั้งหมดเสร็จจึงพาเขาไปร้านตัดผม
ภาพหนุ่มหัวยุ่งหลังจากผ่านมือช่างก็เปลี่ยนไปกลายเป็นหนุ่มน้อยหน้าใส แม้แต่ช่างทำผมสาวยังออกปากชมไม่หยุดว่าเขาหน้าตาเหมือนดารา ใช่สิ...เป็นหุ่นยนต์จะออกแบบรูปลักษณ์ให้ดูดีอย่างไรก็ย่อมได้ ดอลระเริงรื่นกับคำชมของเธอจนแทบจะกระโดดกอดเจ้าของร้าน ดีที่ฉันลากเขาออกมาจากร้านทัน
“โถ่! คุณหนูนันค๊าบ เขาชมเราเราก็ควรจะแสดงความขอบคุณเขา”
“ด้วยการกอดเขาเนี๊ยะนะ?" ฉันขึ้นเสียงสูง ก่อนปรับเสียงลงปกติ "เรามีที่อื่นต้องไปอีก"
และสถานที่ต่อไปที่ว่าก็คือโรงเรียนกวดวิชา ที่หน้าร้านมีป้ายรับสมัครเจ้าหน้าที่เพิ่ม ดอลโวยวายลั่นไม่ยอมเข้าไป "นายควรจะทำงานหารายได้บ้าง ลำพังแค่เงินเก็บของคุณปู่กับเงินจากเน็ตของฉันไม่พอใช้จ่ายทั้งหมดหรอกนะ"
นายดอลจึงยอมเดินเข้าไปแต่โดยดี
งานพิเศษของดอลเป็นไปได้อย่างราบรื่น เพราะเขาไม่มีหน้าที่อะไรมากนอกจากการนั่งอยู่ที่เคาน์เตอร์หน้าโรงเรียนและควบคุมการเปิด-ปิดวีดีโอเทป ตอนเย็นหลังจากเรียนเสร็จฉันจึงมักจะแวะไปดูเขาที่ทำงานเสมอ
"คุณหนูนันค๊าบบบ" เขาร้องลั่นเพียงแค่ฉันหยุดอยู่หน้าประตูกระจกหน้าร้าน ก่อนจะกระโดดผ่านเคาน์เตอร์วิ่งมารีบเปิดประตูให้ฉันทันที
"บอกแล้วไงว่าไม่ต้องเรียกคุณหนู" ฉันว่า "แล้วก็ไม่ต้องแสดงท่าทางซะโอเวอร์ก็ได้"
"ก็มันตื่นเต้นจริงๆ นี่ค๊าบที่ได้เจอคุณหนูนัน" เขาว่า ส่งสายตาใสแป๋วมาให้ฉัน ทำเอานักเรียนหญิงที่ยืนอยู่ข้างๆ มองกันด้วยสายตาร้อนผ่าว
"ว๊าว! หนูเป็นแฟนของดอลหรอกหรือ?" เจ้าหน้าที่ประจำร้านอีกคนแซว "เห็นตั้งแต่ตอนมาสมัครงานแล้ว น่ารักดีนะ"
มนุษย์ก็อย่างนี้! ชอบตัดสินอะไรโดยไร้เหตุผล คิดไปโน่นไปนี่ว่าจะเป็นอย่างนั้นแล้วก็สรุปออกมาตามใจ! อย่างตอนคุณปู่ก็เหมือนกัน...น้อยคนนักจะรู้ความจริงว่าเกิดขึ้นจากอุบัติเหตุ แต่ต่างก็พูดกันไปใส่สีตีไข่ให้เรื่องไร้ความจริงขึ้นทุกที มนุษย์ก็ทำได้แค่นี้แหละ!
"ว๊าว! พูดอย่างนี้ผมก็เขินแย่สิค๊าบ" ดอลว่าอย่างเริงรื่น กระโดดกอดฉันหมับ แต่ฉันรีบผลักเขาออก
"งั้นฉันกลับบ้านก่อนล่ะ" ฉันว่า และถูกเขารั้งชายกระโปรงไว้ทันที
"โถ...คุณหนูนันค๊าบ ผมก็แค่ล้อเล่น" เขาว่า บีบน้ำตาไหลพรากๆ จนชาวบ้านชาวช่องหันมามอง ฉันยิ้มเหยเกก่อนจะยอมไปนั่งรอเขาที่โซฟาแต่โดยดี
ฉันบงการชีวิตของเขามามาก จนกระทั่งวันหนึ่ง ระหว่างทางที่เรากำลังเดินกลับบ้านกัน เขาเปิดสมุดโน้ตเล่มเล็กที่คาดว่าจดบันทึกทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวกับตัวของฉันเอาไว้ออกอ่านเหมือนเคย
"คุณหนูนันต้องย้ายโรงเรียนแล้วล่ะค๊าบ" เขาว่าสีหน้ากึ่งเล่นกึ่งจริง
"ไม่มีเหตุผลเลย" ฉันว่า แม้ว่าแต่ก่อนคุณปู่มักจะให้ฉันย้ายโรงเรียน แต่นี่คุณปู่ท่านก็จากไปแล้ว...
"เป็นคำสั่งจากศ.ครับ ผมไม่อาจขัดได้" ดอลกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง "ผมจะดำเนินการย้ายโรงเรียนให้คุณภายในสองสัปดาห์ คุณหนูนันเตรียมตัวไว้นะครับ"
"ไม่มีเหตุผล!" ฉันย้ำ ฉันไม่ชอบมนุษย์ก็เพราะแบบนี้! ไร้เหตุผล! ไม่น่าเชื่อว่าดอลก็จะเป็นไปกับเขาด้วยเหมือนกัน! แม้จะรู้ว่าเหตุผลของเขาก็คือเพราะเป็นคำสั่งของคุณปู่ แต่นั่นไม่ใช่เหตุผล นั่นเรียกว่าข้ออ้างต่างหาก!
ฉันไม่อยากมองหน้าดอลด้วยซ้ำ จึงรีบสาวเท้าเดินผ่าถนนไป
ไม่ทันได้ดูรถยนต์ที่แล่นตัดมา
"คุณหนูนัน!!!!" เสียงเรียกให้ฉันหันไปข้างหลัง แต่สายไปเสียแล้ว ร่างสูงๆ พุ่งเข้าหาฉัน ผลักฉันออกไปนอกบริเวณรถ ทว่าร่างของหุ่นยนต์นั้น กลับถูกรถยนต์พุ่งเข้าใส่อย่างจัง!
โครม!!!
ฉันหลับตาปี๋ ลุกขึ้นมาจากถนนแม้ว่าหัวเข่าจะถลอกปอกเปิก คนขับหันกลับมาเหลือบมอง ก่อนจะรีบซิ่งรถหนีหายไป ฉันมองตามสบถอย่างเคียดแค้น! นี่สิมนุษย์! ไม่เคยรับผิดชอบในสิ่งที่ตนทำ!
ดอลนอนนิ่งอยู่บนพื้น รูปร่างบิดเบี้ยว บริเวณแขนมีแผลฉีกขาด เผยให้เห็นเนื้อขาวๆ สายไฟฉีกขาดติดกระแสเปรี๊ยะๆ และโครงสร้างภายในที่ทำมาจากเหล็ก ฉันทรุดลงข้างๆ เขาเนื้อตัวสั่นเทา ทำอะไรไม่ถูก แม้กระนั้นเขาก็ยังยกมือขึ้นมาจับแก้มของฉันไว้ ฉันกุมมือของเขาไว้แน่น
ใบหน้าของฉันเปรอะเปื้อนด้วยน้ำตา
เพราะถ้าหากภายนอกรู้ว่าดอลไม่ใช่มนุษย์ เขาอาจจะถูกส่งกลับโรงงานเพื่อแยกชิ้นส่วน ฉันจึงต้องพาร่างไม่สมประกอบของเขากลับ"บ้าน" ดอลนอนอยู่บนเตียง ฉันกุมมือเขาไว้แน่น รู้สึกเจ็บปวดหัวใจอย่างบอกไม่ถูก
"นายเป็นหุ่นยนต์ นายจะไม่ตายใช่ไหม?" ฉันถามเขาด้วยริมฝีปากสั่นระริก
"คุณหนูนัน ถึงผมเป็นหุ่นยนต์ สักวันผมก็ต้องพัง" ดอลว่าขณะหลับตาพริ้ม มือข้างที่ยังพอใช้การได้ของเขากอดรูปภาพของคุณปู่และฉันไว้บนหน้าอกที่กำลังกระเพื่อมอย่างช้าๆ "ศ.สอนผมเสมอ ไม่ว่าสิ่งใดก็ไม่อาจเอาชนะธรรมชาติได้ แม้แต่ตัวศ.เองสุดท้ายก็ต้องตายตามกฎของโลก แต่สิ่งที่ศ.อยากให้คุณหนูรู้ก็คือ แม้ตัวศ.จะตายไปแล้ว เจตนารมณ์ของท่านจะยังคงอยู่ตลอดไป ท่านจะยังรักหุ่นยนต์ทุกตัวที่ท่านสร้างขึ้นมา ท่านจะคอยปกปักดูแลลูกหลานของท่านให้คงอยู่ด้วยความรักและความอบอุ่น ท่านถึงได้ส่งผมมาดูแลคุณหนูยังไงล่ะครับ" เขากุมมือของฉันแนบเอาไว้ข้างแก้ม น้ำตาอุ่นๆ ของหุ่นยนต์ไหลเปื้อนมือของฉัน
"ฉัน...ฉันรู้แล้ว" ฉันว่า "หยุดพูดเถอะ นายต้องพักผ่อน"
"ศ.ท่านเป็นกังวลมากเรื่องที่คุณหนูมักจะเย็นชา ท่านไม่อยากให้คุณหนูเป็นอย่างนั้น ท่านจึงได้สร้างผมให้มีอารมณ์อ่อนไหวเป็นพิเศษและมาอยู่กับคุณหนู เผื่อว่าคุณหนูจะได้ซึมซับและเปิดหัวใจมากขึ้น"
ตอนนี้หัวใจของฉันเปิดกว้างแล้วล่ะ...และในนั้นก็มีนายอยู่เต็มเปี่ยม...ฉันไม่ได้พูด เพียงแค่หวังว่าความรู้สึกนั้นจะสื่อถึงยังหุ่นยนต์ตัวนี้ได้
ฉันโน้มตัวลงไป จุมพิตเขาที่ริมฝีปากอย่างแผ่วเบา
แสงอาทิตย์สุดท้ายลับขอบฟ้าไปอย่างเงียบเหงา แต่ผู้ที่เฝ้าดูมันอยู่นั้นกลับไม่ได้รู้สึกเช่นนั้นเลย กลิ่นมะกะโรนีซอสเห็ดหอมฉุยเตะจมูกเรียกให้ฉันละสายตาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ ลุกขึ้นบิดตัวยืดเส้นยืดสาย
ที่โต๊ะอาหาร มะกะโรนีหอมฉุยสองจานวางอยู่ตรงข้ามกัน ฉันนั่งลงที่เก้าอี้ตัวเดิม อีกฝั่งหนึ่งดอลนั่งรออยู่ ดวงตาของเขาจับจ้องมาที่ฉันอย่างมีความหมาย
"ศ.ท่านเคยบ่นกับผมบ่อยๆ ว่าคุณหนู"ขาด"สิ่งที่ทำให้คุณเป็น"มนุษย์"ได้อย่างสมบูรณ์ นั่นก็คือ"อารมณ์"" ดอลว่า แม้ว่าฉันจะเริ่มทานมักกะโรนีฝีมือเขาแล้ว เขาก็ยังมองฉันไม่วางตา "แต่เพราะท่านรู้ว่าคุณหนูนันที่จงเกลียดจงชังมนุษย์มากขนาดนั้น ต้องอยู่ในสังคมมนุษย์คนเดียวคงจะเหงา จึงสร้างผมขึ้นมาเพื่อที่จะมาอยู่กับคุณหนูยังไงล่ะ"
"นายจะมองฉันทำไม?" ฉันเบือนหน้าหนี แต่แทนที่ดอลจะตอบ เขากลับลุกขึ้นแล้วเดินมาโอบกอดฉันไว้แทน ฉันพยายามขยับตัวออกห่าง แต่ยิ่งหนีก็เหมือนยิ่งแน่น
""มนุษย์"บางทีก็ไม่ต้องการเหตุผลนี่ครับ" เขายิ้มกรุ้มกริ่ม "ศ.แค่หวังให้"ลูกๆ"อย่างพวกเรามีความสุข ผมล่ะอยากรู้จริงๆ ว่าตอนนี้คุณหนูนันของผมมีความสุขหรือยัง?"
ฉันมองดวงตาของเขา...มันสื่อความหมายตรงไปตรงมา ต่างกับดวงตาของมนุษย์ก็ที่ตรงนี้แหละ
"ตอบสิ" เขาเร่งเร้า
"อือ"
ความคิดเห็น