ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : แผนการเลอเลิศ
บทที่ 1 แผนการเลอเลิศ
“ไม่ยุติธรรมเล้ย!” เสียงแหลมสูงกรีดร้องลั่นระเบียง ส่งผลให้เจ้านกน้อยที่หวังใช้สวนสวยแห่งนี้เป็นที่พักพิงสุดท้ายต้องตาลีตาเหลือกโผบินหนีขนร่วงกระจุย ทิ้งให้รังที่ยังสร้างไม่เสร็จกลายเป็นที่ขดตัวของกระรอกจอมขี้เกียจที่ไม่คิดจะไปหาโพรงอยู่เอง
ต้นเสียงคือเด็กหญิงผมเปียยาวชุดเสื้อคลุมยาว เธอเดินร่อนอยู่บนระเบียงหินอ่อนที่ทอดยาวไปตามอุทยาน ใบหน้าที่ไม่เคยอนาทรร้อนใจใดๆบัดนี้ทมึงตึง เธอลากขาเตะโครมๆเข้าที่เสาก่อนชักกลับมาถูอย่างเจ็บปวด
“กรรมตามสนองวันนี้แดดดีลมแรงยังจะมาโมโหอะไรไม่เข้าเรื่องอีก” เด็กชายอีกคนกล่าวอย่างสงบ ไม่สนใจกองไฟที่กำลังลุกฮืออยู่ข้างๆ
เด็กหนุ่มคนนี้มีหน้าตาเหมือนเด็กหญิงเพราะทั้งคู่เป็นแฝด แม้เป็นแฝดคนละฝาแต่หน้าเหมือนกันยังกับแกะ กิตติศักดิ์ความซนเป็นแฝดลิงของคู่นี้เลื่องลือไปทั่วแผ่นดิน
“ไม่เข้าเรื่องอะไรพี่! พี่ก็ได้ยินแล้วไม่ใช่รึ! ท่านพ่อสั่งให้ฉันไปเรียนโรงเรียนนักปราชญ์อะไรนั่น ส่วนพี่ต้องไปเรียนโรงเรียนอัศวิน!
โอว
สวรรค์
ฉันอยากไปท่องเที่ยว ได้ต่อสู้กับโจร ได้ปราบปิศาจ ไม่ใช่ไปนั่งท่องหนังสือนะ!”
แค่นั้นเด็กหญิงก็อยากเขกอะไรอีกสักรอบแต่แผลบวมที่ขายังหยุดเอาไว้ได้
“คิดดูเถิดน้องรัก” พี่ชายทำหน้าเจ็บปวดเหมือนท้องผูก “เคยได้ยินค่านิยมใดที่พิลึกกึกกือเท่าที่เมืองของเราไหม? เมื่อบุตรหรือธิดาของขุนนางคนใดอายุครบสิบสามขวบแล้ว จะต้องถูกส่งตัวไปเข้าเรียนโรงเรียนหลวงของรัฐ โดยส่งบุตรชายไปเข้าโรงเรียนหลวงเพื่อศึกษาวิชาการดาบการทหารการปกครองและการเมือง ขณะที่ต้องส่งบุตรสาวไปเรียนณโรงเรียนปราชญ์ ศึกษาทั้งมนตราบทสวดสรรเสริญเทพเจ้าและความรู้อันยิ่งใหญ่แห่งธรรมชาติ”
“ใช่สิพี่ ถ้าแค่นั้นมันก็ดีสิ แต่ค่านิยมบ้าๆที่มีมาเป็นร้อยปีนี่บังคับให้เด็กผู้หญิงทุกคนไปเรียนท่องบทสวดอะไรนั่น! ไม่มีโอกาสได้ไปท่องเที่ยวประกอบวีรกรรมกู้ชาติอะไรสักนิด!”
“โอว
จะท่องเที่ยวไปทำไมให้เหนื่อยและอันตราย” พี่ชายผู้ถูกบัญชาให้ไปโรงเรียนอัศวินพร่ำ “คงไม่มีอะไรในโลกอีกแล้วที่น่าหลงใหลเท่าศาสตร์แห่งมนตรา ความรู้ การเข้าสู่จิตวิญญาณอันลึกล้ำ ก้าวไปสู่อีกโลกคู่ขนานที่ซ้อนเหลื่อม
”
“ฉันเป็นผู้หญิงแท้ๆยังไม่อยากเรียนเลยพี่” แฝดผู้น้องเดินออกห่างไอ้บ้าผู้พี่ที่กำลังเพ้อเจ้อเต็มที “พี่ราเมน ฉันว่าเราหนีไปรัฐอื่นกันไหม ที่ไหนก็ได้ที่ไม่ใช่ศิรยนครนี่
”
“จะหนีไปไหนพ้นล่ะน้อง” พี่ชายว่าตาปรือ “ไม่ว่าจะรัฐไหนในประเทศโสธรานี้
เด็กผู้หญิงก็ต้องถูกส่งเข้าโรงเรียนปราชญ์ และเด็กผู้ชายก็ต้องถูกส่งตัวเข้าโรงเรียนหลวงอยู่ดี! มีบัญญัติในกฏหมายของทุกรัฐ! ต่อให้เราเป็นลูกวุฒิสมาชิกหรือลูกโจรก็ต้องเจอแบบนี้”
“พี่...งั้นเราไปตายกันไหม?”
พี่ชายคิ้วขมวด “รามินก็รู้แค่พี่เห็นดาบก็ขยะแขยงแล้วแล้วถ้าเจอเลือด...”
“พี่ถึงกับสลบ!” น้องสาวต่อให้ทันที “ตอนนั้นพี่ต้องโดดเรียนจนน้องสาวที่น่ารักอย่างฉันต้องปลอมตัวไปเข้าเรียนแทน...”
เจ้าน้องสาวที่น่ารักหยุดจ้องไปเสียเฉยๆ พี่ชายหันไปมองใบหน้าเจ้าความคิด ก่อนอ้าปากค้าง
“ธ...เธอไม่คิดจะทำอะไรแผลงๆอย่างนั้นใช่ไหม?”
รามินส่ายหน้าดรึ๋ยๆยิ้มกว้าง “ก็พี่อยากไปเรียนโรงเรียนหญิงล้วนซึ่งก็เป็นไปไม่ได้เลยสำหรับกระเทยอย่างพี่" เด็กหญิงโดนมะเหงกไปที
"ไหนๆเราก็หน้าเหมือนกันจะตายอยู่แล้ว เราก็มาสลับร่างกันเลยไหมล่ะ! พี่ปลอมตัวเป็นฉันไปเรียนโรงเรียนปราชญ์ในฐานะเด็กหญิง แล้วฉันปลอมเป็นพี่ชายไปเข้าเรียนโรงเรียนหลวง พี่จะได้เรียนปรัชญาคติแล้วก็มนตรามหาเส่ห์ของพี่ด้วยนะ"
“สเน่ห์ต่างหาก!” ราเมนแก้ทันควัน “แต่...ตอนนี้ก็ยังพอว่าแล้วถ้าผ่านไปอีกสักสองสามปีเกิดเจ้าแตกเนื้อสาวแล้วหน้าอกบึ้มบั้มขึ้นมา...”
ยังไม่ทันพูดจบพี่ชายก็ได้รับประเคนฝ่ามือปะทะใบหน้าจากน้องสาวไปทันที “ตาบ้า! ถึงฉันจะชอบฟันดาบก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ใช่กุลสตรีนะยะ”
"แค่นั้นยังไม่พอเสียงเธอจะแตกแหลม..."
น้องสาวทำหน้าเบ๊ “เสียงแหลมน่าเกลียดเหมือนพี่ตอนนี้หรือ?”
คราวนี้ถึงตาพี่ชายเงื้อมือฟาดน้องสาวแต่รามินหลบได้ทัน
“เสียงเล็กๆเหมาะแก่การสานธยายมนตราถวายเทพ” นี่คือคำแก้ตัวของกระเทย
“โถ่พี่! ตกลงเถอะน่า พี่จะได้อยู่สบายๆ ส่วนฉันจะได้ไปผจญภัยสมใจ”
“แต่...”
“ไม่ต้องแต่หรอกน่าจำได้ไหมตอนนั้นขนาดศิระพี่เลี้ยงเรา...สนิทกันออกขนาดนี้ยังดูไม่ออก
”
“วางแผนอะไรกันอีกฝ่าบาท! ” พี่เลี้ยงตายยากส่งเสียงเบิกทางก่อนโผล่เข้ามา ผู้ได้รับยกย่องว่าเป็น 'พี่เลี้ยง' คือชายร่างสูงกำยำที่ใส่ชุดสีน้ำเงินขลิบดิ้นเงินทั้งชุดเหมือนองครักษ์คนอื่นๆ ต่างเพียงปีกสีเงินที่ประดับอยู่บนหมวกทรงกะลาครอบแสดงถึงตำแหน่งองครักษ์คนสนิทส่วนพระองค์ เขาหวีผมดำเสียเรียบแปล้ผูกไว้ด้วยเชือกแดงเส้นเล็ก ชุดเครื่องแบบสะอาดเรียบร้อยไม่มีแม้รอยยับ ใบหน้านิ่งตึงอยู่ตลอดเวลาและบัดนี้ดวงตาคู่เรียวกำลังจับจ้องคู่แฝดนรกขณะรีบสาวเท้าผ่านระเบียงหินอ่อนมุ่งมายังทั้งคู่ องครักษ์ที่เดินยามสวนทางมาก้มศีรษะคารวะท่านศิระก่อนที่จะเดินแยกไปอีกฟากหนึ่งของอุทยาน
สองพี่น้องทำหน้าหรามองซ้ายขวาไม่รู้ไม่ชี้
“เดือนก่อนก็ท้องเสียไม่ไปสมัครสอบ สัปดาห์ก่อนก็เป็นหัดฝรั่งเศสเข้าสอบไม่ได้ แล้วนี่สัปดาห์หน้าจะเดินทางแล้ว
ยังจะวางแผนอะไรอีก?”
“โถ่! ศิระขา
” น้องสาวทำเสียงน่าสงสาร ส่งดวงตาเป็นประกายวิบวับให้พี่เลี้ยงใจโหด เป็นคนอื่นอาจจะใจอ่อนแต่สงสัยมุขนี้คงใช้กับศิระมากเกินไป...
“ไม่ต้องมาอ้อนวอนฝ่าบาทการเข้าเรียนที่สถานศึกษาเป็นกฏบัญญัติที่แม้แต่พระราชโอรสและพระราชธิดาแห่งพระจักรพรรดิเช่นพวกท่านก็ไม่มีข้อยกเว้น”
“โถ่! ใครตั้งกฎกันล่ะถ้าฉันเป็นราชาเมื่อไหร่จะสั่งเปลี่ยนกฎบ้าบอพวกนี้ให้หมด!...เอ่อ...ราชินีก็ได้”
“ศิระ
ศิระเป็นพี่เลี้ยงที่รู้ใจเราสองคนมากที่สุด
” แฝดพี่ใช้ไม้อ่อน “จะว่าไปศิระคงรู้ใจพวกเรามากกว่าท่านพ่อของเราอีก ศิระรู้ใช่ไหมว่าผมไม่อยากไปเรียนโรงเรียนหลวงอะไรนั่น และน้องรามินก็ไม่อยากไปเรียนโรงเรียนปราชญ์
”
“ทรงได้รับพระบรมราชโองการจากทูลกระหม่อมพ่อแล้วนี่!” พี่เลี้ยงขู่ฟ่อๆเหมือนงู
“หวังว่าคงไม่แอบใส่ยาถ่ายลงไปจนออกเดินทางไม่ได้อีกนะฝ่าบาท” แววตาปราดมาที่น้องสาวเป็นพิเศษ
เชอะ!
“ไม่อีกสามวันเราจะออกเดินทาง...แน่นอน” ยายแฝดน้องนามรามินประกาศลั่น “รามินจะไปโรงเรียนปราชญ์ส่วนราเมนจะไปโรงเรียนหลวงที่มัธยปุระ”
เสียงประกาศฉอดๆนั่นล่ะที่ไม่น่าไว้ใจ พระพี่เลี้ยงจึงถามซ้ำ
“กษัตริย์ตรัสแล้วไม่คืนคำ?”
“ใช่เราพูดแล้วไม่คืนคำ”
พอพระพี่เลี้ยงเดินออกไปน้องสาวตัวดีถึงหันมามองพี่ชายตาเป็นประกาย
“แต่ใครน้อจะเป็นรามินใครจะเป็นราเมนเรื่องนี้เราไม่รู้นะ”
พี่ชายขืนใจพยักหน้าเออออตามน้องสาวไปอย่างหาทางเลี่ยงไม่ได้ อีกห้าวันคงได้สนุกสนานน่าดูเจ้าหญิงรามินทราแห่งศิรยนครจะเสด็จ ‘โรงเรียนชายล้วน’ ส่วนเจ้าฟ้าชายราเมนทรมกุฏราชกุมารแห่งศิรยนครจะเสด็จ ‘โรงเรียนหญิงล้วน’
สุริยเทพเป็นพยานลูกไม่ได้รู้เห็นด้วยเลยนะ...ไม่เล้ย!
“เดี๋ยวพี่! จะรีบไปไหน?” น้องสาวตะโกนลั่นมาตามระเบียง “เย็นนี้หลังทานข้าว เจอกันที่หน้าโรงครัวนะ”
“ทำไมอ่ะ?”
“เออน่า! เดี๋ยวไปถึงก็รู้เองน๊า ฮิฮิฮิ” เสียงหัวเราะทำเอาพี่ชายขนลุกซู่
<::><::><::><::><::>
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น