คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ความฝัน [rewrite]
บ่ายแก่ๆ หลังจากอาจารย์วิทยาศาสตร์จอมโหดปล่อยนักเรียนไปสู่สุขคติแล้ว เด็กหนุ่มก็รีบบึ่งจากโรงเรียนไปยังโรงพักที่ใกล้ที่สุดทันที
"วิฬาร์ นิรันดร์" คุณตำรวจสาวในชุดสีกากีกล่าวพลางมองบัตรประจำตัวประชาชนไปพลางลงบันทึกประจำวันไปพลาง เด็กหนุ่มนามวิฬาร์เหยียดริมฝีปากหากดวงตาเป็นประกายวิบวับอย่างหงุดหงิดสุดขีด พับผ่าเถอะ! ทำไมเขาต้องมาขึ้นโรงพักยังกะอาชญากรความผิดร้ายกาจอย่างนี้อีกแล้วฟระ!!! "ไม่น่าเชื่อเลยนะว่าหน้าตาดีๆ อย่างน้องจะเป็นญาติกับ'มัน'ได้"
...จริงๆ ผมก็ไม่ได้อยากจะญาติดีกับมันนักหรอกฮะ... วิฬาร์คิดในใจ รับบัตรประชาชนกลับมาจากเจ้าหน้าที่สาว แล้วเธอก็เดินนำเขาไปยังห้องขัง "ออกมาได้แล้ว นาย...เอ่อ...มาสเซอเวลรัส"
ผู้ต้องหาค่อยๆ ก้าวออกมาจากเงามืดของคุก เขาเป็นชายร่างสูงโปร่ง สวมชุดสีดำผ้าผ่อนหลายชิ้นรุงรัง สวมหมวกประหลาดราวกับตัวตลกก็ไม่ใช่ขอทานก็ไม่เชิง ใบหน้าบวมเจ่อเพราะไปหาเรื่องทะเลาะกับคนในคุกด้วยกันมา ครั้นพอเขาเห็นเด็กชายตัวเล็กกว่าที่ยืนหน้าบอกบุญไม่รับรอเขาอยู่หน้าคุก เขาก็แทบจะวิ่งหนีกลับเข้าไปในคุกอีกรอบ
"ออกมานี่เลยแก" วิฬาร์เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน จิกปลายผมยาวสีเทาของคนร่างสูงเอาไว้ โค้งตัวลาคุณตำรวจแล้วรีบลากมันออกมาจากโรงพักทันที
"เชสซี่....เชสซี่เข้าใจข้าหน่อยซี่...ข้าใช้พลังเวทย์ตั้งมากมายกว่าจะเดินทางข้ามมิติมาที่นี่ได้นะ" นายมาสเซอเวลรัสโอดครวญ ส่งสายตาปิ๊งๆ ใบหน้าเว้าวอนให้กับเด็กหนุ่ม ที่ยังคงจิกผมมันลากไปตามฟุตบาทโดยไม่แยแสโลกและเสียงร่ำร้องของมันเลย
"ผมเป็นแมวเชสเชอร์ ไม่ใช่เชสซี่ อย่าสนิทสนมให้มากนัก" เขาปราดตาหันกลับไปมอง ฉึก เพียงครั้งเดียวนายโย่งรู้สึกเสียวไปถึงตับ นึกอยากกลับเข้าไปอยู่ในคุกอีกคราว
ใช้เวลาไม่นานนัก วิฬาร์ก็พาคนสูงโย่งมาถึงบ้าน บ้านเดี่ยวมีบริเวณเล็กๆ หลังนี้เป็นบ้านเช่าที่มีสมาชิกอยู่คนเดียวก็คือตัวเขาเอง เขาทั้งทึ้งทั้งโยนร่างบางปวกเปียกเข้าไปในสนามหน้าบ้าน แล้วปิดประตูรั้วกันไม่ให้ชาวบ้านชาวช่องข้างนอกสอดรู้สอดเห็นเรื่องข้างในได้
"พ่อมดมาสเซอเวลรัส ผมขอสั่งให้คุณเปิดประตูมิติกลับไปโลกของคุณเดี๋ยวนี้"
"โถ....เชสซี่...เอ๊ย! เชสเชอร์ ถ้านายให้ผมอยู่ต่อ...ผมจะมอบสิ่งนี้ให้เป็นของตอบแทนนะ" พ่อมดทำใบหน้ากรุ้มกริ่ม ควักขวดยาสีเขียวมรกตออกมาจากในกางเกง "นี่เป็นยาเปลี่ยนเพศ จะทำให้เชสซี่เซกซี่..."
ไม่ทันจบสรรพคุณ วิฬาร์กัดฟันกรอดๆ เหวี่ยงขาเข้าที่สีข้างหมอยา ร่างของพ่อมดผอมลอยหวือออกไปไม่ต่างจากลูกบอล
วิฬาร์ยื่นมือไปข้างหน้า พลันปรากฎคทายาวสีขาวปลอดอยู่ในอุ้งมือ ที่ปลายคทานั้นประดับลูกแก้วสีน้ำเงินส่องแสงอ่อนละมุน เสียงห่วงเงินกระทบกันกรุ๋งกริ๋ง เพียงแค่พ่อมดตัวโย่งเห็นเขาก็เบิกตากว้าง
และไม่ทันได้อ้าปากขอความเห็นใจครั้งสุดท้าย วิฬาร์วาดคทา ก็เกิดโพรงสีดำสนิทขึ้นที่แทบเท้าพ่อมดต่างมิติ ร่างผอมๆ ถูกดูดลงไปตามแรงลมทันที
“ว่างๆ ไปเที่ยวโลกของข้าบ้างน๊า....” เสียงร้องโหยหวนแผ่วเบา เพราะส่วนใหญ่ก็ถูกดูดไปพร้อมกับหลุมดำที่ปิดสนิทในอีกเพียงชั่วอึดใจนั้นเอง
“เฮ้อ!” วิฬาร์ถอนหายใจ ไม้คทาหายไปเร็วเท่ากับขามา...กฎข้อบังคับสูงสุดของผู้พิทักษ์ประตูระหว่างมิติเช่นพวกเขาก็คือการข้ามมิติ! นายเซอเวอรัสยังกล้าล้อเลียนเขาได้!... เขาเดินเข้าบ้านพัก คิดจะไปอาบน้ำล้างซวยสักหน่อย แต่แล้วเสียงกระดิ่งหน้าบ้านก็ทำให้เขาต้องเดินออกไปดูที่ประตู
“วิฬาร์!!!” จะใครซะอีก ก็บรรดาเพื่อนร่วมห้องที่โรงเรียนของเขาน่ะสิ วิฬาร์สะดุ้ง...นอกจากบรรดาเพื่อนชายหญิงที่สนิทกับเขาแล้ว ยังมีเธอคนนั้นมาอีกด้วย...
“ลืมแล้วหรอที่วันนี้พวกเราตกลงจะมาติวสอบแอดฯที่บ้านนายน่ะ!!!” นายโฮ่งร้องแหกปาก วิฬาร์รีบจัดเสื้อผ้าผมเผ้าให้ดีที่สุดในชีวิต ก่อนจะเปิดประตูออกไปรับเพื่อนๆ โฮ่งตบไหล่วิฬาร์แรงจนเขาทรุดลงไปกองอยู่บนพื้นหน้าบ้านขณะที่เพื่อนๆ พากันทยอยเข้ามาในบริเวณบ้าน วิฬาร์เงยหน้าขึ้นมองเพื่อนสาวคนหนึ่งเป็นพิเศษ เธอชื่อหนูดี เด็กสาวผมสั้นผู้มีรอยยิ้มหวานพิมพ์ใจ เธอยื่นมือช่วยพยุงเขาขึ้นมา ทำเอาเขามือสั่นชื้นไปหมด
เธอยิ้มให้เขา รอยยิ้มที่ทำหนุ่มน้อยใจละลายจนเขาต้องก้มหน้างุด
"ข...ขอบคุณ..." เขาพึมพำ หากเมื่อเงยหน้าขึ้น เด็กสาวก็เดินจูงมือเพื่อนเข้าไปในตัวบ้านเรียบร้อย วิฬาร์ยืนแกร่วตัวลีบ
“นายนี่อ่อนต่อโลกจริงจิ๊งงงงง” โฮ่งล้อ ตบหลังแล้วโอบไหล่เพื่อนเดินเข้าไปในบ้าน
นี่แหละคือชีวิตสองด้านของเด็กหนุ่มที่ชื่อ วิฬาร์ นิรันดร์ ด้านหนึ่งเขาคือเด็กชายพูดน้อยที่ธรรมดาที่สุดในหมู่นักเรียนม.ปลายที่ธรรมดาที่สุด แต่อีกด้านหนึ่งแล้วเขาคือ “ผู้พิทักษ์ฝัน” หรือที่ใครๆ(หรือตัวอะไรๆ)ต่างเรียกเขาว่า “แมวเชสเชอร์” ในฐานะตำรวจผู้ควบคุมการลักลอบเข้ามายัง “มิติ” ของโลกใบนี้
บางครั้งวิฬาร์ก็เคยสงสัย ว่าไหนคือตัวตนที่แท้จริงของเขากันแน่...
เพื่อนๆ ใช้โต๊ะอาหารต่างที่ติวหนังสือ ถึงแม้ว่าวิฬาร์จะชวนให้เพื่อนๆ มาอ่านหนังสือเองก็เถอะ แต่เขาไม่มีสมาธิเอาซะเลยสิ! เพราะว่าหนูดีนั่งอยู่ข้างๆ เขานี่เอง เธอกำลังนั่งทำข้อสอบเก่าวิชาคณิตศาสตร์ แต่สติของเธอไม่ได้อยู่ที่หน้าหนังสือ กลับเหม่อลอยไปไกลแสนไกล ใบหน้ากลมๆ บัดนี้ซีดเซียว
“หนูดีเป็นอะไร?” โฮงถามกวางเพื่อนสาวอย่างเป็นห่วง กวางทำหน้าเศร้าขณะลูบหลังปลอบเพื่อน
“แมวของหนูดีเพิ่งตายไปน่ะ เห็นว่าโดนรถเฉี่ยว”
“อืม...เสียใจด้วยนะ” วิฬาร์พูดปลอบใจ แต่นั่นคงไม่อาจทำให้เพื่อนสาวคนที่เขาแอบชอบมานานรู้สึกดีขึ้นเลย ตรงข้ามเธอกลับร้องห่มร้องไห้เสียงดังกว่าเดิมจนเพื่อนๆ ต้องเลิกอ่านหนังสือมาช่วยกันปลอบ
กวางพาหนูดีกลับบ้านไปสงบสติอารมณ์ก่อนแล้ว วิฬาร์มองตามเพื่อนที่เดินไปตามถนนอย่างเหงาหงอย นึกสงสารหนูดีขึ้นมาเหลือเกิน
...คืนนี้ผมคงต้องทำอะไรซักอย่าง...
>>>>>>
ยามดึก แสงไฟจากตึกรามบ้านช่องและถนนหนทางเบื้องล่างส่องสว่างจนทะเลดาวเบื้องบนต้องยอมแพ้หลบไปอยู่หลังหมู่เมฆ ในเงาของกลีบเมฆบนฟ้านั้นเองยังมีร่างเด็กหนุ่มผู้หนึ่งค่อยๆ ลอยผ่านไปอย่างเงียบสงบ เร้นกายกับความมืดเข้าไปที่บ้านของเพื่อนสาว หน้าต่างห้องของเธอดับไฟสนิท มีเพียงหน้าต่างที่เปิดแง้มไว้ให้ลมผ่านเข้าไป
วิฬาร์แง้มหน้าต่างเปิดออกอย่างแผ่วเบาที่สุด...ในใจนึกปรามาทตัวเอง นี่เขากำลังทำอะไรอยู่ฟระ! เป็นผู้พิทักษ์อยู่ดีๆ ดันริอาจมาเป็นนักย่องเบา... เขามุดผ่านหน้าต่างเข้าไปในห้องนอนของหนูดี เธอนอนอยู่บนเตียง ใบหน้ายังเปรอะเปื้อนด้วยคราบน้ำตา กอดตะกร้าที่ว่างเปล่าของสัตว์เลี้ยงไว้แน่น เธอคงผ่านการร้องไห้มาหนักจนแก้มเป็นสีชมพูระเรื่อ...แบบนี้ต่อให้เขาเป็นโจรปล้นใจก็ยอมฟระ!!!
วิฬาร์รีบสะบัดความคิดไร้สาระออกไป ยื่นมือไปเบื้องหน้า คทาสีขาวปรากฎขึ้น และเพียงชั่วลมพัดหวิว ทั้งเด็กสาวและเขาก็เดินทางข้ามผ่านมิติเวลาไปยังดินแดนที่เรียกว่า...ความฝัน
“ลืมตาสิ” เสียงกระซิบแผ่วเบาที่ข้างใบหู หนูดีลืมตาตื่นขึ้น ก็พบว่าตัวเองไม่ได้อยู่ในห้องนอนอีกแล้ว เธออยู่ในทุ่งดอกไม้บนเนินกว้างสุดลูกหูลูกตา ดอกไม้พากันเบ่งบานบ้างก็สีเหลือง ชมพู แดง แก่หน่อยก็เป็นผลกลมๆ สีเขียวอ่อน ท้องฟ้าสีชมพูระเรื่อราวกลีบกุหลาบแรกแย้ม สายลมพัดพากลิ่นหอมอ่อนๆ ชวนเคลิบเคลิ้มน่าอภิรมณ์ เธอหันไปข้างหลัง ก็พบกับเพื่อนสนิทพูดน้อยที่กำลังยิ้มให้เธออย่างอ่อนโยน
“วิ...” หากไม่ทันพูดจบ มือของเขาก็สัมผัสที่ริมฝีปากของเธออย่างแผ่วเบา เขาปล่อยมือออก จูงมือเธอเดินผ่านทุ่งดอกไม้ จนกระทั่งถึงเนินดินโล่ง ที่นั่นมีตะกร้าสานที่เด็กสาวคุ้นตา และในนั้น...แมวขนฟูตัวน้อยกำลังนอนขดอยู่อย่างสงบ
เธอโผเข้ากอดแมวตัวนั้นอย่างสุดแสนคิดถึง เจ้าแมวร้องเหมียวๆ เธอกอดคลุกกับมันกลิ้งไปทั่วๆ โดยมีวิฬาร์เฝ้ามองอยู่ไม่ห่างไปนัก
“นี่คือฝันหรือเรื่องจริงกันนะ?” หนูดีเงยหน้าขึ้นจากเจ้าแมวที่กำลังเคล้าคลอที่คอ จ้องมองเขา
"สำคัญตรงไหน..." วิฬาร์ว่า “ความฝันไม่ใช่สิ่งใดเลยนอกจากความปรารถนาที่กู่ร้องจากก้นบึ้งของจิตใจของคนเรา และเพียงเธอปรารถนา...ความฝันก็สามารถบันดาลให้เธอได้”
เด็กหนุ่มยื่นมือออกไปข้างๆ ไม้คทาปรากฎขึ้น เขาโบกไม้คทาช้าๆ พลันที่ร่างของเจ้าแมวน้อยสลายกลายเป็นกลีบดอกไม้หลากสี พัดพรูอยู่รอบๆ เด็กสาว
หนูดีน้ำตาไหลพราก "นาย...!" เธอโผเข้าหาร่างของเขาล้มลงไปบนพื้นดิน จับคอเสื้อของเขาไว้แน่น "เอาแมวของฉันคืนมานะ นายทำให้มันหายไปใช่ไหม? นายทำให้มันตายอีกแล้วหรอ?"
พลันที่กลีบดอกไม้รวมตัวกันอีกครั้งที่เบื้องหน้าเด็กสาว กลายร่างเป็นเจ้าแมวเหมียวตกลงบนหน้าของวิฬาร์ หนูดีคว้ามันมากอดแน่น
"เธอคิดว่านี่คือแมวของเธอจริงๆ หรอ?"
เชสเชอร์เอ่ยปากถาม หนูดีหันมาจ้องตาเขา...ดวงตาเขาแปลก...ม่านตาเรียวๆ...เหมือนแมว...จับจ้องเธอราวกับมองทะลุปรุโปร่งเข้าไปถึงจิตสำนึกที่ลึกที่สุด
เด็กสาวเบือนหน้า น้ำตาใสๆ ก่อตัวราวผลึกคริสตัล ก่อนไหลอาบแก้มเนียน
"ไม่..."
"สิ่งที่ตายไปแล้วไม่มีทางฟื้นคืน ไม่ว่าหัวใจของเราจะกู่ร้องมากเพียงใด" เชสเชอร์ว่า เอื้อมมือไปปาดน้ำตาให้เด็กสาว "แต่มันจะอยู่ในจิตใจของหนูดีเสมอ รออยู่ ณ ดินแดนแห่งความฝันนี้...เฝ้าดูแลให้หนูดีมีความสุขในทุกๆ วันต่อไป"
ริมฝีปากของเธอค่อยๆ คลี่ยิ้มบาง โอบกอดเจ้าแมวไว้แน่น...เป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่แมวเหมียวตัวนั้นจะสลายหายไปเป็นกลีบดอกไม้ โบยบินสู่ท้องฟ้าเบื้องบน
เด็กสาวหลับตาพริ้ม ล้มลงในอ้อมแขนของเขา
“จริงกับฝันสำคัญไฉน?...” เขาถามเธอผู้หลับไหล “หากปรารถนาอย่างแรงกล้าแล้วไซร้ฝันก็อาเปลี่ยนเป็นจริงได้ หรือแม้แต่ความจริงเอง...บางครั้งก็ยังอาจถูกลืมจนกลายเป็นเพียงแค่ความฝัน
"แต่ถึงกระนั้น...คืนนี้ก็ขอให้เธอได้หลับฝันดี..."
ร่างของเขาและเธอเริ่มพร่าจางลงจนกลายเป็นเส้นแสงรางๆ และหายไปจากทุ่งกว้าง กลีบดอกไม้ยังวนเวียนอยู่รอบๆ ร่างของทั้งสองแทนคำร่ำลา
ฮิฮิฮิ ฮิฮิฮิ
“ไม่ไหวเลยน๊า ผู้พิทักษ์ดันฝืนกฎข้ามมิติเองเสียได้” เสียงหัวเราะแหลมสูงจากเด็กหญิงผู้หนึ่ง แม้เธอจะยืนอยู่บนยอดเนินที่ห่างออกไปแทบสุดขอบฟ้า แต่เธอเห็นการกระทำทั้งหมดของวิฬาร์ได้ชัดแจ่มแจ๋วทีเดียว!
เธอเป็นเด็กสาวผมสีชมพูอ่อนเกล้าแกละสองข้าง สวมชุดกระโปรงยาวสีแดงเลือดหมู ถุงเท้าลายทางดำแดงและรองเท้าบูทสีดำคู่หนัก
ทันใดที่กลีบดอกไม้พร่างพรูใส่เด็กหญิงราวห่าพายุ พัดเข้าใส่เธออย่างไม่ยั้งจนเธอต้องยกมือขึ้นปัดป้อง
"หนอย...เจ้าจิตภูติของหนูน้อย คิดจะต่อต้านชั้นคนนี้หรือยะ?" เด็กหญิงชูร่มสีขาวลายลูกไม้ขึ้นสู่ฟ้า พลันที่เกิดลำแสงขาวแปลบพุ่งผ่ากลางร่างเด็กหญิง แสงสว่างวาบกินบริเวณกว้าง
เพียงพริบตา เด็กหญิงยังคงยืนแสยะยิ้ม เนื้อตัวไร้บาดแผล หากทุ่งดอกไม้แสนสวยถูกเผาราบเป็นหน้ากลองกินบริเวณกว้าง
“อย่างนี้ต้องลงโทษแล้วสิ ฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิ”
ความคิดเห็น