ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    นักพิทักษ์ฝัน The Cheshire Cat

    ลำดับตอนที่ #1 : ความฝัน [rewrite]

    • อัปเดตล่าสุด 2 ต.ค. 52


    บ่ายแก่ๆ หลังจากอาจารย์วิทยาศาสตร์จอมโหดปล่อยนักเรียนไปสู่สุขคติแล้ว  เด็กหนุ่มก็รีบบึ่งจากโรงเรียนไปยังโรงพักที่ใกล้ที่สุดทันที

    "
    วิฬาร์ นิรันดร์"   คุณตำรวจสาวในชุดสีกากีกล่าวพลางมองบัตรประจำตัวประชาชนไปพลางลงบันทึกประจำวันไปพลาง  เด็กหนุ่มนามวิฬาร์เหยียดริมฝีปากหากดวงตาเป็นประกายวิบวับอย่างหงุดหงิดสุดขีด  พับผ่าเถอะ!  ทำไมเขาต้องมาขึ้นโรงพักยังกะอาชญากรความผิดร้ายกาจอย่างนี้อีกแล้วฟระ!!!  "ไม่น่าเชื่อเลยนะว่าหน้าตาดีๆ อย่างน้องจะเป็นญาติกับ'มัน'ได้"

    ...
    จริงๆ ผมก็ไม่ได้อยากจะญาติดีกับมันนักหรอกฮะ...  วิฬาร์คิดในใจ  รับบัตรประชาชนกลับมาจากเจ้าหน้าที่สาว  แล้วเธอก็เดินนำเขาไปยังห้องขัง  "ออกมาได้แล้ว  นาย...เอ่อ...มาสเซอเวลรัส"

    ผู้ต้องหาค่อยๆ ก้าวออกมาจากเงามืดของคุก  เขาเป็นชายร่างสูงโปร่ง  สวมชุดสีดำผ้าผ่อนหลายชิ้นรุงรัง  สวมหมวกประหลาดราวกับตัวตลกก็ไม่ใช่ขอทานก็ไม่เชิง  ใบหน้าบวมเจ่อเพราะไปหาเรื่องทะเลาะกับคนในคุกด้วยกันมา  ครั้นพอเขาเห็นเด็กชายตัวเล็กกว่าที่ยืนหน้าบอกบุญไม่รับรอเขาอยู่หน้าคุก  เขาก็แทบจะวิ่งหนีกลับเข้าไปในคุกอีกรอบ

    "
    ออกมานี่เลยแก"  วิฬาร์เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน  จิกปลายผมยาวสีเทาของคนร่างสูงเอาไว้  โค้งตัวลาคุณตำรวจแล้วรีบลากมันออกมาจากโรงพักทันที



    "
    เชสซี่....เชสซี่เข้าใจข้าหน่อยซี่...ข้าใช้พลังเวทย์ตั้งมากมายกว่าจะเดินทางข้ามมิติมาที่นี่ได้นะ"  นายมาสเซอเวลรัสโอดครวญ ส่งสายตาปิ๊งๆ ใบหน้าเว้าวอนให้กับเด็กหนุ่ม  ที่ยังคงจิกผมมันลากไปตามฟุตบาทโดยไม่แยแสโลกและเสียงร่ำร้องของมันเลย  

    "ผมเป็นแมวเชสเชอร์
    ไม่ใช่เชสซี่  อย่าสนิทสนมให้มากนัก"  เขาปราดตาหันกลับไปมอง  ฉึก  เพียงครั้งเดียวนายโย่งรู้สึกเสียวไปถึงตับ  นึกอยากกลับเข้าไปอยู่ในคุกอีกคราว
      

    ใช้เวลาไม่นานนัก  วิฬาร์ก็พาคนสูงโย่งมาถึงบ้าน  บ้านเดี่ยวมีบริเวณเล็กๆ หลังนี้เป็นบ้านเช่าที่มีสมาชิกอยู่คนเดียวก็คือตัวเขาเอง  เขาทั้งทึ้งทั้งโยนร่างบางปวกเปียกเข้าไปในสนามหน้าบ้าน  แล้วปิดประตูรั้วกันไม่ให้ชาวบ้านชาวช่องข้างนอกสอดรู้สอดเห็นเรื่องข้างในได้


    "
    พ่อมดมาสเซอเวลรัส  ผมขอสั่งให้คุณเปิดประตูมิติกลับไปโลกของคุณเดี๋ยวนี้"

    "
    โถ....เชสซี่...เอ๊ย! เชสเชอร์  ถ้านายให้ผมอยู่ต่อ...ผมจะมอบสิ่งนี้ให้เป็นของตอบแทนนะ"  พ่อมดทำใบหน้ากรุ้มกริ่ม  ควักขวดยาสีเขียวมรกตออกมาจากในกางเกง  "นี่เป็นยาเปลี่ยนเพศ  จะทำให้เชสซี่เซกซี่..."

    ไม่ทันจบสรรพคุณ 
    วิฬาร์กัดฟันกรอดๆ เหวี่ยงขาเข้าที่สีข้างหมอยา  ร่างของพ่อมดผอมลอยหวือออกไปไม่ต่างจากลูกบอล
      

    วิฬาร์ยื่นมือไปข้างหน้า  พลันปรากฎคทายาวสีขาวปลอดอยู่ในอุ้งมือ  ที่ปลายคทานั้นประดับลูกแก้วสีน้ำเงินส่องแสงอ่อนละมุน  เสียงห่วงเงินกระทบกันกรุ๋งกริ๋ง  เพียงแค่พ่อมดตัวโย่งเห็นเขาก็เบิกตากว้าง

    และไม่ทันได้อ้าปากขอความเห็นใจครั้งสุดท้าย  วิฬาร์วาดคทา  ก็เกิดโพรงสีดำสนิทขึ้นที่แทบเท้าพ่อมดต่างมิติ  ร่างผอมๆ ถูกดูดลงไปตามแรงลมทันที

    “ว่างๆ ไปเที่ยวโลกของข้าบ้างน๊า....”  เสียงร้องโหยหวนแผ่วเบา เพราะส่วนใหญ่ก็ถูกดูดไปพร้อมกับหลุมดำที่ปิดสนิทในอีกเพียงชั่วอึดใจนั้นเอง

    “เฮ้อ!  วิฬาร์ถอนหายใจ  ไม้คทาหายไปเร็วเท่ากับขามา...กฎข้อบังคับสูงสุดของผู้พิทักษ์ประตูระหว่างมิติเช่นพวกเขาก็คือการข้ามมิติ! นายเซอเวอรัสยังกล้าล้อเลียนเขาได้!...  เขาเดินเข้าบ้านพัก   คิดจะไปอาบน้ำล้างซวยสักหน่อย  แต่แล้วเสียงกระดิ่งหน้าบ้านก็ทำให้เขาต้องเดินออกไปดูที่ประตู


    “วิฬาร์
    !!!  จะใครซะอีก ก็บรรดาเพื่อนร่วมห้องที่โรงเรียนของเขาน่ะสิ  วิฬาร์สะดุ้ง...นอกจากบรรดาเพื่อนชายหญิงที่สนิทกับเขาแล้ว  ยังมีเธอคนนั้นมาอีกด้วย...

    “ลืมแล้วหรอที่วันนี้พวกเราตกลงจะมาติวสอบแอดฯที่บ้านนายน่ะ!!!   นายโฮ่งร้องแหกปาก  วิฬาร์รีบจัดเสื้อผ้าผมเผ้าให้ดีที่สุดในชีวิต  ก่อนจะเปิดประตูออกไปรับเพื่อนๆ  โฮ่งตบไหล่วิฬาร์แรงจนเขาทรุดลงไปกองอยู่บนพื้นหน้าบ้านขณะที่เพื่อนๆ พากันทยอยเข้ามาในบริเวณบ้าน  วิฬาร์เงยหน้าขึ้นมองเพื่อนสาวคนหนึ่งเป็นพิเศษ  เธอชื่อหนูดี  เด็กสาวผมสั้นผู้มีรอยยิ้มหวานพิมพ์ใจ  เธอยื่นมือช่วยพยุงเขาขึ้นมา  ทำเอาเขามือสั่นชื้นไปหมด

    เธอยิ้มให้เขา  รอยยิ้มที่ทำหนุ่มน้อยใจละลายจนเขาต้องก้มหน้างุด

    "ข...ขอบคุณ..."  เขาพึมพำ  หากเมื่อเงยหน้าขึ้น  เด็กสาวก็เดินจูงมือเพื่อนเข้าไปในตัวบ้านเรียบร้อย วิฬาร์ยืนแกร่วตัวลีบ

    “นายนี่อ่อนต่อโลกจริงจิ๊งงงงง” โฮ่งล้อ  ตบหลังแล้วโอบไหล่เพื่อนเดินเข้าไปในบ้าน 



    นี่แหละคือชีวิตสองด้านของเด็กหนุ่มที่ชื่อ วิฬาร์  นิรันดร์  ด้านหนึ่งเขาคือเด็กชายพูดน้อยที่ธรรมดาที่สุดในหมู่นักเรียนม.ปลายที่ธรรมดาที่สุด  แต่อีกด้านหนึ่งแล้วเขาคือ “ผู้พิทักษ์ฝัน” หรือที่ใครๆ(หรือตัวอะไรๆ)ต่างเรียกเขาว่า “แมวเชสเชอร์” ในฐานะตำรวจผู้ควบคุมการลักลอบเข้ามายัง “มิติ” ของโลกใบนี้

    บางครั้งวิฬาร์ก็เคยสงสัย ว่าไหนคือตัวตนที่แท้จริงของเขากันแน่...

    เพื่อนๆ ใช้โต๊ะอาหารต่างที่ติวหนังสือ  ถึงแม้ว่าวิฬาร์จะชวนให้เพื่อนๆ มาอ่านหนังสือเองก็เถอะ แต่เขาไม่มีสมาธิเอาซะเลยสิ
    ! เพราะว่าหนูดีนั่งอยู่ข้างๆ เขานี่เอง  เธอกำลังนั่งทำข้อสอบเก่าวิชาคณิตศาสตร์  แต่สติของเธอไม่ได้อยู่ที่หน้าหนังสือ กลับเหม่อลอยไปไกลแสนไกล  ใบหน้ากลมๆ บัดนี้ซีดเซียว

    “หนูดีเป็นอะไร?”  โฮงถามกวางเพื่อนสาวอย่างเป็นห่วง  กวางทำหน้าเศร้าขณะลูบหลังปลอบเพื่อน

    “แมวของหนูดีเพิ่งตายไปน่ะ  เห็นว่าโดนรถเฉี่ยว”

    “อืม...เสียใจด้วยนะ”  วิฬาร์พูดปลอบใจ  แต่นั่นคงไม่อาจทำให้เพื่อนสาวคนที่เขาแอบชอบมานานรู้สึกดีขึ้นเลย  ตรงข้ามเธอกลับร้องห่มร้องไห้เสียงดังกว่าเดิมจนเพื่อนๆ ต้องเลิกอ่านหนังสือมาช่วยกันปลอบ 

    กวางพาหนูดีกลับบ้านไปสงบสติอารมณ์ก่อนแล้ว  วิฬาร์มองตามเพื่อนที่เดินไปตามถนนอย่างเหงาหงอย  นึกสงสารหนูดีขึ้นมาเหลือเกิน

    ...คืนนี้ผมคงต้องทำอะไรซักอย่าง...

     

    >>>>>> 

     

    ยามดึก แสงไฟจากตึกรามบ้านช่องและถนนหนทางเบื้องล่างส่องสว่างจนทะเลดาวเบื้องบนต้องยอมแพ้หลบไปอยู่หลังหมู่เมฆ  ในเงาของกลีบเมฆบนฟ้านั้นเองยังมีร่างเด็กหนุ่มผู้หนึ่งค่อยๆ ลอยผ่านไปอย่างเงียบสงบ  เร้นกายกับความมืดเข้าไปที่บ้านของเพื่อนสาว  หน้าต่างห้องของเธอดับไฟสนิท  มีเพียงหน้าต่างที่เปิดแง้มไว้ให้ลมผ่านเข้าไป

    วิฬาร์แง้มหน้าต่างเปิดออกอย่างแผ่วเบาที่สุด...ในใจนึกปรามาทตัวเอง  นี่เขากำลังทำอะไรอยู่ฟระ! เป็นผู้พิทักษ์อยู่ดีๆ ดันริอาจมาเป็นนักย่องเบา...  เขามุดผ่านหน้าต่างเข้าไปในห้องนอนของหนูดี  เธอนอนอยู่บนเตียง  ใบหน้ายังเปรอะเปื้อนด้วยคราบน้ำตา  กอดตะกร้าที่ว่างเปล่าของสัตว์เลี้ยงไว้แน่น  เธอคงผ่านการร้องไห้มาหนักจนแก้มเป็นสีชมพูระเรื่อ...แบบนี้ต่อให้เขาเป็นโจรปล้นใจก็ยอมฟระ!!!

    วิฬาร์รีบสะบัดความคิดไร้สาระออกไป  ยื่นมือไปเบื้องหน้า  คทาสีขาวปรากฎขึ้น  และเพียงชั่วลมพัดหวิว  ทั้งเด็กสาวและเขาก็เดินทางข้ามผ่านมิติเวลาไปยังดินแดนที่เรียกว่า...ความฝัน

    “ลืมตาสิ”  เสียงกระซิบแผ่วเบาที่ข้างใบหู  หนูดีลืมตาตื่นขึ้น  ก็พบว่าตัวเองไม่ได้อยู่ในห้องนอนอีกแล้ว  เธออยู่ในทุ่งดอกไม้บนเนินกว้างสุดลูกหูลูกตา  ดอกไม้พากันเบ่งบานบ้างก็สีเหลือง ชมพู แดง แก่หน่อยก็เป็นผลกลมๆ สีเขียวอ่อน  ท้องฟ้าสีชมพูระเรื่อราวกลีบกุหลาบแรกแย้ม  สายลมพัดพากลิ่นหอมอ่อนๆ ชวนเคลิบเคลิ้มน่าอภิรมณ์  เธอหันไปข้างหลัง  ก็พบกับเพื่อนสนิทพูดน้อยที่กำลังยิ้มให้เธออย่างอ่อนโยน

    “วิ...”  หากไม่ทันพูดจบ  มือของเขาก็สัมผัสที่ริมฝีปากของเธออย่างแผ่วเบา  เขาปล่อยมือออก  จูงมือเธอเดินผ่านทุ่งดอกไม้  จนกระทั่งถึงเนินดินโล่ง  ที่นั่นมีตะกร้าสานที่เด็กสาวคุ้นตา  และในนั้น...แมวขนฟูตัวน้อยกำลังนอนขดอยู่อย่างสงบ

    เธอโผเข้ากอดแมวตัวนั้นอย่างสุดแสนคิดถึง  เจ้าแมวร้องเหมียวๆ   เธอกอดคลุกกับมันกลิ้งไปทั่วๆ  โดยมีวิฬาร์เฝ้ามองอยู่ไม่ห่างไปนัก

    “นี่คือฝันหรือเรื่องจริงกันนะ?”  หนูดีเงยหน้าขึ้นจากเจ้าแมวที่กำลังเคล้าคลอที่คอ  จ้องมองเขา

    "สำคัญตรงไหน..."  วิฬาร์ว่า  “ความฝันไม่ใช่สิ่งใดเลยนอกจากความปรารถนาที่กู่ร้องจากก้นบึ้งของจิตใจของคนเรา  และเพียงเธอปรารถนา...ความฝันก็สามารถบันดาลให้เธอได้”

    เด็กหนุ่มยื่นมือออกไปข้างๆ  ไม้คทาปรากฎขึ้น  เขาโบกไม้คทาช้าๆ  พลันที่ร่างของเจ้าแมวน้อยสลายกลายเป็นกลีบดอกไม้หลากสี พัดพรูอยู่รอบๆ เด็กสาว

    หนูดีน้ำตาไหลพราก  "นาย...!"  เธอโผเข้าหาร่างของเขาล้มลงไปบนพื้นดิน  จับคอเสื้อของเขาไว้แน่น  "เอาแมวของฉันคืนมานะ  นายทำให้มันหายไปใช่ไหม?  นายทำให้มันตายอีกแล้วหรอ?"

    พลันที่กลีบดอกไม้รวมตัวกันอีกครั้งที่เบื้องหน้าเด็กสาว  กลายร่างเป็นเจ้าแมวเหมียวตกลงบนหน้าของวิฬาร์  หนูดีคว้ามันมากอดแน่น

    "เธอคิดว่านี่คือแมวของเธอจริงๆ หรอ?"  

    เชสเชอร์เอ่ยปากถาม  หนูดีหันมาจ้องตาเขา...ดวงตาเขาแปลก...ม่านตาเรียวๆ...เหมือนแมว...จับจ้องเธอราวกับมองทะลุปรุโปร่งเข้าไปถึงจิตสำนึกที่ลึกที่สุด

    เด็กสาวเบือนหน้า  น้ำตาใสๆ ก่อตัวราวผลึกคริสตัล  ก่อนไหลอาบแก้มเนียน  

    "ไม่..."  

    "สิ่งที่ตายไปแล้วไม่มีทางฟื้นคืน  ไม่ว่าหัวใจของเราจะกู่ร้องมากเพียงใด"  เชสเชอร์ว่า  เอื้อมมือไปปาดน้ำตาให้เด็กสาว  "แต่มันจะอยู่ในจิตใจของหนูดีเสมอ  รออยู่ ณ ดินแดนแห่งความฝันนี้...เฝ้าดูแลให้หนูดีมีความสุขในทุกๆ วันต่อไป"

    ริมฝีปากของเธอค่อยๆ คลี่ยิ้มบาง  โอบกอดเจ้าแมวไว้แน่น...เป็นครั้งสุดท้าย  ก่อนที่แมวเหมียวตัวนั้นจะสลายหายไปเป็นกลีบดอกไม้  โบยบินสู่ท้องฟ้าเบื้องบน

    เด็กสาวหลับตาพริ้ม  ล้มลงในอ้อมแขนของเขา

    “จริงกับฝันสำคัญไฉน?...  เขาถามเธอผู้หลับไหล  “หากปรารถนาอย่างแรงกล้าแล้วไซร้ฝันก็อาเปลี่ยนเป็นจริงได้  หรือแม้แต่ความจริงเอง...บางครั้งก็ยังอาจถูกลืมจนกลายเป็นเพียงแค่ความฝัน

    "แต่ถึงกระนั้น...คืนนี้ก็ขอให้เธอได้หลับฝันดี..."

     

    ร่างของเขาและเธอเริ่มพร่าจางลงจนกลายเป็นเส้นแสงรางๆ  และหายไปจากทุ่งกว้าง  กลีบดอกไม้ยังวนเวียนอยู่รอบๆ ร่างของทั้งสองแทนคำร่ำลา 

     



    ฮิฮิฮิ  ฮิฮิฮิ

    “ไม่ไหวเลยน๊า  ผู้พิทักษ์ดันฝืนกฎข้ามมิติเองเสียได้  เสียงหัวเราะแหลมสูงจากเด็กหญิงผู้หนึ่ง  แม้เธอจะยืนอยู่บนยอดเนินที่ห่างออกไปแทบสุดขอบฟ้า  แต่เธอเห็นการกระทำทั้งหมดของวิฬาร์ได้ชัดแจ่มแจ๋วทีเดียว!

    เธอเป็นเด็กสาวผมสีชมพูอ่อนเกล้าแกละสองข้าง  สวมชุดกระโปรงยาวสีแดงเลือดหมู  ถุงเท้าลายทางดำแดงและรองเท้าบูทสีดำคู่หนัก  

    ทันใดที่กลีบดอกไม้พร่างพรูใส่เด็กหญิงราวห่าพายุ  พัดเข้าใส่เธออย่างไม่ยั้งจนเธอต้องยกมือขึ้นปัดป้อง

    "หนอย...เจ้าจิตภูติของหนูน้อย  คิดจะต่อต้านชั้นคนนี้หรือยะ?"  เด็กหญิงชูร่มสีขาวลายลูกไม้ขึ้นสู่ฟ้า  พลันที่เกิดลำแสงขาวแปลบพุ่งผ่ากลางร่างเด็กหญิง  แสงสว่างวาบกินบริเวณกว้าง

    เพียงพริบตา  เด็กหญิงยังคงยืนแสยะยิ้ม  เนื้อตัวไร้บาดแผล  หากทุ่งดอกไม้แสนสวยถูกเผาราบเป็นหน้ากลองกินบริเวณกว้าง

    “อย่างนี้ต้องลงโทษแล้วสิ  ฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิ”







    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×