คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่3 คู่แข่ง
เดี๋ยวนี้เด็กๆน่าสงสารมากนะผมว่า แม้แต่อนุบาลก็ยังมีสอบ สำหรับนักศึกษาอย่างผมส่วนมากเป็นโปรเจ็กที่ตัดเกรดเลยต่างจากบางคณะที่ต้องคร่ำเคร่งอ่านหนังสือ จะมีสอบบ้างก็แค่ตัวนอกนิดหน่อย เลยมีเวลามานั่งเฝ้าเด็กน้อยที่กำลังตั้งใจกับข้อสอบอยู่ในห้องเรียน
ติดกับกำแพงระเบียงคือการก่อปูนยาวเป็นแนวเพื่อให้ผู้ปกครองและเด็กๆนั่งเล่นกันได้ ผมเลยเลือกตำแหน่งเยื้องกับประตูให้เห็นเด็กน้อยจากด้านหลัง กลัวว่าถ้าเขาเห็นแล้วจะไม่มีสมาธิสอบ คุณครูคนสวยที่ผมจำชื่อไม่ได้ส่งยิ้มหวานมาให้พร้อมนั่งลงข้างกาย ได้แต่สงสัยว่าเธอไม่ต้องคุมสอบหรือ แต่ก็เพียงแค่เก็บความสงสัยแล้วชวนเธอคุยเมื่อสายตาผมเห็นเจ้าตัวแสบลุกจากที่นั่งของตัวเองเดินไปหาคำตอบกับเพื่อนเสียรอบห้อง ผลัดกันถามตอบสนุกสนานพอหันมาเห็นผมก็ทำท่าตกใจตาโตแล้วเอานิ้วชี้ทาบปากจู๋ๆไม่ให้ผมฟ้องคุณครูเสียแบบนั้น
ไปหัดความเจ้าเล่ห์แบบนี้มาจากไหนกันนะ!
การ(ลอกข้อ)สอบผ่านไปได้ด้วยดี ไม่มีการบ่นว่าสอบไม่ได้ ไม่มีการอ่านหนังสือมาก่อนล่วงหน้า น้องของผมเทพเห็นๆ
“ปิดเทอมแล้ววววววววววววววว” เสียงน้องเค้นท์ดังมากจากด้านหลังมีพี่ชายตัวน้อยร้องเพลงพร้อมเต้นไปมาสนับสนุน ดีใจกับการปิดเทอมใหญ่ที่จะได้เล่นเต็มที่ เห็นคุณน้าคุยอยู่ว่าจะพาน้องไปเรียนว่ายน้ำที่สระในหมู่บ้าน ผมว่า...ปิดเทอมตัวผมเองก็ไม่ได้ไปไหน ไม่มีวิชาให้ลงเรียนซัมเมอร์....ก็....น่าจะไปเป็นครูสอนว่ายน้ำได้ไม่มีปัญหา
“พี่ต๋าววววววววววววววว” เรียกชื่อยาวแบบนี้ผมว่าคนดีต้องมีเรื่องอะไรแน่ๆ
“เรียกพี่แบบนี้อยากได้อะไรครับหืม?”
“ปิดเทอมแล้วพี่เต๋าไม่มีรางวัลให้น้องคชาเหรอออออออออออออออ” เรียกแทนต้องเองว่าน้องแบบนี้แล้วผมจะไปไหนรอด ถึงจะรู้ว่าไม่มีใครเขาให้รางวัลสำหรับปิดเทอมกันผมก็ยอม
“อยากได้อะไรล่ะครับ” เด็กน้อยยิ้มกว้างจนแก้มยุ้ย
“คชาอยากกินไอติมอร่อยๆ พี่เต๋าพาไปหน่อยนะๆๆ” อากาศร้อนแบบนี้เป็นเรื่องธรรมดาที่เด็กๆมักวิ่งหาไอศกรีมเย็นเฉียบมาลิ้มรสให้ได้ละเลียดกับโปรโมชั่นใหม่ๆที่ทางร้านจัดไว้ให้ แต่ผมจะให้คนเดียวก็ไม่ได้เลยหันไปถามน้องเล็กที่นั่งอยู่เบาะหลังด้วย
“เค้นท์ล่ะครับ อยากได้อะไร?”
“เค้นท์กินไอติมแบบเฮียก็ได้ครับ” เป็นเด็กที่ว่าง่ายและพร้อมจะตามใจพี่ชายเสมอจนผมชักจะลืมไปแล้วว่าใครเป็นพี่เป็นน้องกันแน่
วนรถเข้าจอดในพื้นที่ห้างสรรพสินค้าใกล้บ้านผมก็พาน้องตรงดิ่งไปร้านโปรดทันที เค้นท์เร่งฝีเท้าก้าวตามไม่ห่างในขณะที่คชายินดีจะให้ผมอุ้มไปเสียมากกว่า ร้านประดับสีสวยรอเราอยู่ตรงหน้าแล้วผมก็ต้องขมวดคิ้วมุ่นเมื่อพบใครคนหนึ่ง
“เฟรม มาทำอะไรที่นี่วะ” เพื่อนรุ่นน้องแต่สนิทสนมกับกลุ่มพวกผมยิ้มกว้างโชว์เหล็กมาแต่ไกล มันรีบตรงเข้ามาหาผมพร้อมแววตามีเลศนัย
“มาร้านไอติมก็ต้องมากับสาวดิ่พี่ ว่าแต่พี่เหอะ ทำไมมากับเด็กๆเต็มไปหมด”
“นี่น้องคชา นู่นน้องเค้นท์ ที่พี่เคยบอกว่าเป็นพี่เลี้ยงอยู่”
“สวัสดีครับ” เด็กน้อยในอ้อมกอดของผมหันไปยกมือไหว้ได้น่ารักโดยไม่ต้องเตือน เลยเรียกความเอ็นดูจากไอ้เฟรมไปได้โข
“โหยยยยย น่ารักมากเลยพี่ ดูแก้มดิ่ ไหนขอพี่เฟรมหอมทีนึง” ยังไม่ทันได้เข้าใกล้ผมก็ใช้มืออีกข้างดันหน้าผากมันออกเสียก่อน
“เห้ยๆๆๆ พอเลยๆ กลับไปจีบสาวของแกเลยไป”
“โหยพี่...อะไร แค่นี้ทำหวงน้อง เออนี่ รู้ยังวันนี้พวกพี่อ้นนัดกันจะไปถล่มบ้านพี่อ่ะ” ถึงขั้นใช้คำว่าถล่มนี่แสดงว่าต้องยกมาเป็นโขยงและแน่นอนพวกมันจะไม่มาถ้าไม่มีกิจ
“มีอะไรวะ ทำไมยกกันมาขนาดนั้นเดี๋ยวแม่ก็ด่ากันพอดี”
“แหม่ะ วันนี้บอลนัดสำคัญเลยนะเว้ยพี่ ไม่ต้องห่วงเรื่องคุณป้า ไอ้เจมส์มันโทรไปถามแล้ว ทางสะดวก คุณลุงคุณป้าจะไปต่างจังหวัดพอดี” โห ไอ้พวกนี้มันรู้ความเป็นไปในบ้านยิ่งกว่าตัวผมเอง เจมส์นี่ก็เพื่อนรุ่นน้องอีกคนที่เป็นลูกรักของแม่กับพ่อของผมด้วย มันชักจะแทรกแซงบ้านผมมากไปละ นี่ต้องหารมรดกกับมันด้วยไหม
“แล้วพวกมึงจะไปกันกี่โมง?” ผมจะได้พาน้องกลับบ้านถูกเวลา ขืนให้อยู่กับไอ้พวกนี้มากๆแล้วติดนิสัยเลวๆไปคิดว่าจะไม่งาม
“เจอกันทุ่มนึงแล้วกันพี่ เจมส์มันพาพี่ต้นไปซื้อเสบียงสำหรับคืนนี้อยู่”
ผมเออออรับคำพวกมันไปแล้วก็พาน้องไปประจำที่ที่น้องเค้นท์เลือกและเปิดเมนูนั่งรออยู่ก่อนแล้ว การทานไอศกรีมผ่านพ้นไปได้ด้วยดีไม่มีการทะเลาะเบาะแว้งแย่งเชอรี่ สตอเบอรี่ กล้วย หรือท็อปปิ้งอื่นใดเพราะส่วนมากน้องชายเขาก็ยอมสละให้พี่ชายเสียหมดกระทั่งจุดพีคไอศกรีมก้นถ้วยที่รองด้วยช็อกโกแลตกับบานาน่าชิ้นอร่อย
ผมได้แต่มองแล้วก็คิดว่าถ้าคุณน้ามีน้องคนต่อไปพี่คชาจะต้องโดนโอ๋จากน้องๆอีกแน่นอน ดีนะครับ หลายครอบครัวพี่คนโตชอบน้อยใจจากการตามใจน้องของพ่อแม่และญาติๆ ถ้าฝึกให้เสียสละซึ่งกันและกันระหว่างพี่น้องปัญหาหลายๆอย่างคงจะหมดไป เหมือนตอนที่เด็กน้อยหันมาอ้อนผมให้สั่งไอศกรีมถ้วยใหม่เพื่อให้เค้นท์ที่ดูเหมือนจะยังไม่อิ่มผมถึงสัมผัสได้ว่าแท้ที่จริงแล้วเขาก็เป็นห่วงน้องชายอยู่ตลอดเวลาเหมือนกัน
ผมกลับถึงบ้านช้ากว่าผองเพื่อนที่แน่นอนว่าเป็นไอ้หมีเจมส์ที่มีกุญแจบ้านเพียงคนเดียวในกลุ่ม ไหนเฟรมบอกว่าพวกมันจะมาค่ำๆผมส่งกุญแจบ้านของเขาที่คุณน้าฝากไว้ให้คชาพร้อมมองเด็กสองคนวิ่งไปไขกุญแจเข้าบ้านตัวเองไปแล้วถึงหันมาสนใจเพื่อนฝูงใหญ่
“รีบเหรอพวกมึง บอลมีตีหนึ่งนะถ้ากูจำไม่ผิด”
“แหม....เราก็ต้องเตรียมสังสรรค์กันก่อน พ่อแม่ไม่อยู่ทั้งทีต้องมีปาร์ตี้นะครับเต๋าคร้าบบบบบ” ไอ้ปาร์ตี้แมวไม่อยู่หนูร่าเริงนี่ต้องเป็นแผนไทด์อย่างไม่ต้องสงสัย
“วันนี้มีหมูกระทะไม่บุฟเฟ่แต่ไม่อั้น กินได้ยันบอลจบหรือจะต่อถึงพรุ่งนี้เช้าก็ไม่มีปัญหา” เป็นต้นที่ตอบคำถามผมพร้อมคัดแยกผักไปด้วย รายนี้ไม่ดูบอลหรอกครับ แต่ติดที่ต้องดูแลเด็กโข่งบางคน
“งั้นจัดกันไปก่อนเลยนะ เดี๋ยวกูมา”
“อ่าว จะไปไหนวะเต๋า เพิ่งมาถึงแท้ๆ พวกกูจะพังบ้านมึงแล้วนะ”
“มึงจะพังอะไรก็พังไปเลยอ้น กูจะไปช่วยน้องอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า”
“ช่างเป็นพี่เลี้ยงที่อุทิศตนเหลือเกินนะครับ”
“มึงอย่ามาแรงเงาใส่กู”
ผมเข้าบ้านหลังติดกันคุ้นเคยกับการจัดวางต่างๆไม่ต่างจากบ้านของตัวเอง คุณน้าทั้งสองยังไม่กลับบ้าน ได้ยินเสียงพูดคุยเจื้อยแจ้วจากห้องน้ำชั้นสองให้ต้องพาสองเท้าก้าวขึ้นไป เด็กๆคงกำลังเล่นน้ำกันอยู่ ผมเลยเลือกที่จะรอในห้องนอนที่เป็นเตียงสองชั้นตกแต่งด้วยโปสเตอร์หุ่นยนต์มากมาย มีของเล่นที่เก็บวางเป็นระเบียบตรงมุมหนึ่ง
ไม่นาน...เด็กน้อยทั้งสองก็ออกมาพร้อมผ้าขนหนูที่ห่มคลุมทั้งตัว บนหัวคชามีผืนเล็กโปะบนผมเปียกลู่จากหยาดน้ำ เขาหัวเราะเสียงใสเมื่อผมเช็ดเส้นไหมนุ่มให้แรงๆพร้อมกับใช้ไดร์เป่าลมเลือกระดับเย็นใส่หน้าไปมา มือเล็กก็ปล่อยผ้าขนหนูหลุดพ้นตัวก่อนคว้าแป้งมาทาจนขาวเต็มพื้นห้องไปหมด...
ถึงจะเป็นเด็กแต่พี่เต๋าก็รู้ดีว่าควรตั้งใจเช็ดผมให้มากกว่าอย่างอื่น
แปลก...กับเค้นท์ไม่เห็นเป็นแบบนี้ น้องคนเล็กเปลือยผ้าเดินไปมาในห้องผมยังมองได้เต็มตาไม่เหมือนกับ....
ช่างเถอะ
“ผมแห้งแล้วครับ รีบใส่เสื้อผ้านะ เดี๋ยวพี่เต๋าลงไปรอข้างล่างนะครับ” เขาพยักหน้ารับก่อนหันไปสวมชุดที่เค้นท์วางไว้ให้บนเตียง
รอไม่นานเด็กแสบสองคนก็วิ่งลงบันไดมาเร็วจนกลัวจะตกลงมา กลิ่นแป้งเด็กผสมกลิ่นกายหอมฟุ้งเมื่อเขาปีนขึ้นมานั่งบนตักพอดีกับที่เสียงรถคุ้นหูเคลื่อนเข้ามาจอดหน้าบ้าน เค้นท์เป็นคนแรกที่รีบวิ่งไปเปิดประตูให้ผู้เป็นแม่ เด็กตัวเล็กสองคนส่งเสียงทักทายเจื้อยแจ้ว ผมกดจมูกลงกับเรือนผมนุ่มของคนบนตัก เผลอแป้บเดียว...หน้าที่พี่เลี้ยงของผมในวันนี้ก็จบลงเสียแล้ว
“พี่เต๋าจะไปไหน?” ตากลมใสส่งมาถามพร้อมเสียงเล็กกังวาล
“กลับบ้านครับ คชาก็อย่าลืมทานข้าวเย็นนะ ทานผักเยอะๆด้วยนะครับ รู้ไหม?” เด็กน้อยเบะปากไม่พอใจ
“คชาขอไปนอนกับพี่เต๋าได้ไหมครับ?” แย่ล่ะสิ อยากให้น้องไปนะแต่คืนนี้กว่าจะได้นอนก็คงดึกจนเข้าวันใหม่ กลัวว่าน้องจะพักผ่อนไม่เพียงพอ
“คือ...ต้องขออนุญาตคุณแม่ก่อนนะครับ” เขาปล่อยมือจากผมหันไปเกาะแขนผู้เป็นแม่ทันที
“คุณแม่ครับ น้องคชาขอไปนอนกับพี่เต๋าได้ไหมครับ น้องคชาสัญญาว่าจะไม่ดื้อไม่ซน ไม่รื้อห้อง ไม่นอนดิ้นด้วย” ผมใจอ่อนยวบ อยากพาน้องกลับบ้านตัวเองซะเดี๋ยวนั้น
“จะรบกวนพี่เต๋าหรือเปล่าคะลูก วันนี้พี่เต๋ามีแขกมาบ้านนะ แม่ขับรถผ่านเห็นเพื่อนๆเต็มเลย” คุณแม่พูดกับเขา แต่เจ้าตัวกลับหันมาถามผม
“น้องคชาจะกวนพี่เต๋าหรือเปล่าครับ?” เห็นสายตาละห้อยแล้วแขนขาของผมแทบอ่อนลงตรงนั้น
“เอ่อ...มะ ไม่ครับ ไม่กวนเลย”
“แต่น้าก็ยังเกรงใจอยู่ดี งั้นเดี๋ยวให้คชาทานข้าวก่อนแล้วน้าจะพาไปส่งแล้วกันนะ” นั่นหมายความว่าระหว่างทานข้าวคุณน้าจะหาวิธีหลอกล่อให้คชาใจอ่อนและยอมนอนที่บ้านตัวเองให้ได้....ซึ่ง...ผม....
“วันนี้ที่บ้านเพื่อนๆทำหมูกระทะ ฝีมือพวกนี้อร่อยมาก คุณน้าจะว่าอะไรไหมครับถ้าผมจะชวนน้องๆไปทาน” คชากระโดดดีใจอยากทานหมูกระทะเต็มที่แต่เค้นปฏิเสธเพราะเพิ่งอาบน้ำสระผมไม่งั้นจะมีกลิ่นติดผมให้ต้องสระใหม่อีกพรุ่งนี้
ผมอยู่คุยกับคุณน้าอีกสองสามคำก่อนจะอุ้มเด็กน้อยออกมาจากบ้านหลังใหญ่
“อ้าววววว น้องคชา” เจมส์รีบตรงเข้ามารับน้องออกไปจากอ้อมแขนผม เด็กแสบดูจะงงๆแต่ก็ยอมไปตามคำชวนแต่โดยดี เหมือนว่าเจมส์จะคุ้นชินกับเด็กเพราะมีน้องที่อายุห่างกันมาก หมูกระทะวันนี้เลยเต็มเปี่ยมไปด้วยเสียงหัวเราะและมุ่งประเด็นไปที่คชาอย่างพร้อมเพรียงกัน เดี๋ยวคนนู้นคีบอันนั้นอันนี้ให้ทานจนพุงน้อยๆกลมไปหมด มีการเปิดเสื้อโชว์ให้ดูอีกเรียกเสียงหัวเราะและความเอ็นดูจากพี่ๆไปได้อีกโข
ผมตั้งใจจะพาน้องเข้านอนก่อนค่อยย่องออกมาดูบอลกับเพื่อนแต่ดูเหมือนจะไม่ทันกับเฟรมที่ปากไวชวนน้องไว้แล้วเรียบร้อย
“นี่นะน้องคชา ดูบอลนะสนุกมากเลย ยิ่งพอเวลายิงเข้านะ โอโหหหหห มันส์สุดๆคืนนี้ยังไงก็ไม่นอน” เด็กน้อยของผมตาลุกวาวขณะพยักหน้าตามคำพูดของเฟรมที่เล่าสารพัดสิ่ง มีต้นนั่งประกบข้างคอยส่งขนมขบเคี้ยวให้เป็นระยะ ผมได้แต่มองอยู่ห่างๆและเหมือนเขาจะรู้ตัวถึงได้ลุกเดินมาหาผม
“พี่ต๋าววววววว” เอาอีกแล้ว เรียกแบบนี้อีกแล้ว
“คืนนี้ขอน้องคชาดูบอลกับพี่เต๋าได้ไหมครับ” มันดึกเกินไป ผมห่วงสุขภาพน้อง
“กว่าบอลจะจบ ดึกมากเลยครับ พรุ่งนี้ตื่นมาฟังผลดีกว่านะ หรือไม่ พี่จะอัดไว้ให้”
“ฮืออออ แต่น้องคชาอยากดูกับพี่เต๋า ไม่อยากดูพรุ่งนี้ น้องคชาปิดเทอมแล้วนอนดึกได้นะครับ”
“ยังไงก็ไม่ได้ครับ พี่เต๋าไม่อนุญาต ไปเถอะ นอนกัน ถ้าดื้อพี่เต๋าจะไม่ให้มาค้างอีกนะครับ” ถึงจะเบะปากตวัดตาใส่แล้วใส่อีกแต่ก็ยอมเดินตามแรงจูงของผมง่ายๆ พอขึ้นเตียงได้ก็กอดหมอนข้างหันหน้าเข้ากำแพงซะอย่างนั้น
นี่คืออาการของเด็กงอนครับ
“ขยับให้พี่เต๋านอนด้วยได้ไหมครับ” เขาขยับตัวเว้นที่ว่างแต่ยังหันหลังให้เหมือนเดิม
“คชาอยากฟังนิทานเรื่องไหนน๊า พี่เต๋าจะเล่าให้ฟัง”
เงียบ....
“หลับแล้วเหรอครับ”
ยังคงเงียบ
ผมเลยนอนกอดเขาเงียบๆจนเผลอหลับไปก่อนจะสะดุ้งตื่นอีกครั้งเพราะเฟรมมาสะกิดเมื่อถึงเวลา ใจจริงไม่อยากทิ้งน้องไปไหนแต่ถ้าไม่ออกไปเดี๋ยวไอ้พวกนั้นก็เวียนมาเรียกจะพาให้น้องตื่นกันพอดี
ผมเลยต้องยอมมานั่งในห้องดูหนังบ้านตัวเองพร้อมกับผ้าเชียร์ ธง และเสื้อสีประจำที่ผองเพื่อนเตรียมมาโบกกันเต็มที่ ขนมนมเนยไม่มีขาด ยังไม่ทันได้ลุ้นกับนาทีแรกก็มีเงาลางๆของใครคนหนึ่งผ่านไปมาตรงประตู
ผมกับเพื่อนหันไปมองพร้อมกันก่อนที่ประตูบานนั้นจะเปิดออกเผยร่างเล็กกอดหมอนอิงใบน้อยเดินหรี่ตาเข้ามา
“คชาครับ...น้องคชา” เจมส์เป็นคนสะกิดเรียกแต่ดูเหมือนเจ้าของชื่อจะไม่สนใจเมื่อเขาปีนขึ้นมานั่งบนตักผมแล้วเรียบร้อย
“อื้อหือ...เต๋า น้องมึงละเมอเนียนมาก” ผมล่ะอ่อนใจจะห้าม คงต้องปล่อยเลยตามเลย มีเด็กน้อยตาใสแจ๋วจ้องจอไม่กระพริบนอนอิงอยู่บนตักท่ามกลางเสียงเชียร์สนุกสนาน
เกมส์ดำเนินไปด้วยความตื่นเต้น ผลัดกันรุกรับจนแทบลืมหายใจ จวบจนวินาทีที่ทั้งห้องเงียบกริบ ลูกสลับสีขาวดำลอยกลางอากาศและยิงเข้าประตูอย่างสวยงาม เสียงหนึ่งก็เฮลั่นกระโดดลงจากตักผมวิ่งไปชูไม้ชูมืออยู่หน้าจอ
“เย้ๆๆๆๆๆ เข้าแล้วววววววว เข้าแล้วววววววววววววววววว!!!!!!!” เสียงโห่ร้องดีใจเพียงหนึ่งเดียวแผดลั่นห้องท่ามกลางความอึ้งตกตะลึงของพวกผมก่อนที่อ้นจะได้สติคนแรก
“เต๋า....กูว่าน้องมึงไปด้วยกันกับเราไม่ได้” ได้ยินแบบนั้นผมเลยเรียกน้องมาอบรมกันใหม่ถึงความเหมาะสมและถูกต้อง
“คชาครับ คชาต้องเชียร์ทีมนี้นะครับ เห็นไหมนักบอลใส่เสื้อแดงกางเกงสีขาว เรียกว่า แมนยู ไหนพูดตามพี่เต๋าสิครับ แมน ยู”
“ไม่เอาอ่ะ ก็คชาชอบสีน้ำเงิน คชาชอบสีน้ำเงิน น้ำเงิน น้ำเงิน จะเชียร์ทีมนี้ ทีมนี้ชื่ออะไร” นิ้วเล็กชี้ทีมคู่แข่งมาดมั่นซะจนผมต้องกุมขมับ
“ทีมนั้นอย่าเชียร์เลยครับ เชียร์ทีมที่พี่บอกดีกว่า”
“ไม่เอาอ่า....พี่เต๋าไม่บอกคชาไปถามคุณครูก็ได้” แล้วก็เก็บข้าวของตัวเองเดินนำเข้าห้องไป ปากเล็กอ้ากว้างหาวขึ้นมาทันทีต่างจากเมื่อกี้สนิท ผมปล่อยให้เพื่อนเลือกที่นอนกันตามใจชอบก่อนเดินตามเด็กแสบเข้าห้องไป
อากาศร้อนข้างนอกไม่อาจทำอะไรเครื่องปรับอากาศที่ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพจนกลัวว่าคชาจะหนาว ผมเลยดึงเขามากอดไว้หลวมๆ น้องหาวแล้วหาวอีกแต่ยังยิ้มสดใสชวนคุยก่อนนอน
“คชารู้แล้ว เปิดเทอมไปจะมีกีฬาสี คชาไม่แข่งว่ายน้ำดีกว่า พรุ่งนี้จะขอคุณแม่ซื้อเสื้อ กางเกง รองเท้า ถุงเท้า คชาจะแข่งบอลล่ะ พี่เต๋าสอนคชาหน่อยนะครับ....นะครับ” มือเล็กขยี้ตาไปมา ผมกลัวจะแรงจนเป็นแผลเลยดึงมือของเขาออกมากุมไว้
“ใส่ชุดสีแดงนะครับ”
“ไม่เอาครับ..คชาจะใส่สีน้ำเงิน” ผมคงต้องยอม
“พี่เต๋าสอนน้องคชานะครับ นะครับ นะๆ” ผมยิ้มให้เขาก่อนแตะจูบลงกับหน้าผากมน
“ได้ครับ นอนได้แล้ว ถ้าพรุ่งนี้ป่วยเพราะอดนอนพี่เต๋าจะไม่สอนนะครับ”
“เย้! พี่เต๋าใจดีที่สุด”
เขาหลับไปแล้ว ทอดหายใจสม่ำเสมอทิ้งให้ผู้ใหญ่อย่างผมนอนใจเต้นผิดจังหวะเพราะความดีใจของเขา
อาการดีใจที่เขาไม่คิดอะไรแค่อยากให้รางวัลตอบแทนความใจดีของผมด้วยการแตะกลีบปากอ่อนบางของตัวเองลงบนริมฝีปากผมเบาๆก่อนที่เจ้าตัวจะหลับไป
ทิ้งไว้เพียงผม...
ทิ้งให้พี่เลี้ยงอย่างผมนอนไม่หลับแทบทั้งคืน
น้องคชาใจร้ายกับพี่มากนะครับ
To be con.
สวัสดีคนอ่านที่น่ารักทุกท่านค่ะ
มาต่อแล้ววววววววววววววววว ขอโทษที่หายไปนานนะคะ คนแต่งเพิ่งสอบเสร็จแล้วก็มัวแต่ปั่นฟิคแก้บนอีกเรื่องนึงอยู่ล่ะ บรรยากาศของฟิคเรื่องนั้นมันสุขปนเศร้าจนแทบดึงอารมณ์กลับมาแต่งฟิคใสๆ(?)แบบเรื่องนี้ไม่ได้ แต่มันก็จบไปอีกพาร์ทนึงแล้วววว ไม่รู้จะชอบกันหรือเปล่า ฝากไว้ด้วยนะคะ ติดตามการอัพเดทข่าวสารเรื่องฟิคกันได้ที่ @FICSODmw นะคะ
ขอให้สนุกกับการอ่านและการดำเนินชีวิตในทุกๆวันค่ะ
ด้วยรัก
จาก...ณ
ความคิดเห็น