ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Stubborn - นาย&น่าน [YAOI]

    ลำดับตอนที่ #3 : Stubborn - นาย&น่าน [YAOI] ตอนที่ 3

    • อัปเดตล่าสุด 15 มี.ค. 56


    Title : Stubborn3
    Couple : Nannatee & Teeranine
    Writer : pause & ณ


    Teeranine's part



    "เมื่อวานกูเจอน้องคนนึง น่ารักมากกกกกกกกกกก กูต้องได้ ยังไงคนนี้กูต้องได้!" ผมละมือจากโค้ดที่กำลังเร่งทำเร่งส่งท้ายคาบกับโปรแกรมบ้าบอที่ถูกสั่งก่อนหันไปมองเพื่อนข้างกาย

    "มึงเลิกเพ้อแล้วทำงานเถอะกี้ งานส่งท้ายคาบนะครับเพื่อน คงจะเสร็จหรอกถ้ายังเปิดเฟซบุ๊คเต็มจอขนาดนั้น" 

    "เอาน่าาาา งานไว้ทีหลังสิว้ะ ตอนนี้มันเรื่องของหัวใจล้วนๆ" ผมยังคงรัวนิ้วกับคอมตัวเอง ขานตอบรับมันบ้างบางช่วงบอกให้รู้ว่าไม่ได้ตั้งใจฟังเท่าไหร่

    "น่ารักมากเลยนะเว้ยนาย ตัวขาวๆ ตาเรียว จมูกโด่ง ยิ้มทีนี่โลกสดใส"

    "วันนี้กูจะไปสืบ ต้องสืบให้ได้ว่าน้องเขาชื่อเสียงเรียงนามว่าอย่่างไร จะได้ตกลงใช้นามสกุลกูให้เรียบร้อยกันไป" ผมส่ายหัวให้ความเพ้อเจ้อของเพื่อน

    "สาวคนนั้นคงโชคร้ายนะกูว่า ที่ต้องใช้นามสกุลเดียวกับมึงน่ะ" 

    "นาย....." เสียงทุ้มต่ำเรียก ผมหันไปมองหน้ามันที่มองกลับมาจริงจัง





    "น้องคนนั้น.......เขาเป็น'หนุ่ม' ว่ะ"





    "ห๊ะ!!!!" 







    ผมเดินคุยเล่นสนุกสนานกับเจ้าของเครื่องหน้าและทรวดทรงสวยจัดที่ควงแขนไว้อย่างออกรส หลังจากทิ้งให้ไอ้กี้ปั่นงานอดกลับบ้านไป แหม... ก็อยากจะอยู่ช่วยเพื่อนหรอกนะครับ แต่รายนั้นมันมีสาวนั่ง้ป็นเพื่อนอีกเพียบ เจ้าตัวมันเลยไล่ผมไปให้ไกลเพื่อเจอกันอีกทีตอนค่ำ เดินคิด เดินคุยอะไรมาเรื่อยเปื่อยก่อนจะชะงักเมื่อพบกับใครคนหนึ่ง


    น่านนที...



    เครื่องแบบนักเรียนเต็มยศยืนอยู่ตรงหน้าผมไม่น่าแปลกใจเท่าสีหน้าและท่าทาง

    "พี่นาย.... ทะ ทำไม.... ทำไมพี่นายทำกับน่านแบบนี้ล่ะครับ"


    เดี๋ยวนะ

    ยังไงนะ?


    "พี่นายนัดน่านมา เพื่อที่จะ..... นี่ใช่ไหมครับเหตุผลที่พี่นายหลบหน้าน่าน จะทิ้งน่านแล้วใช่ไหมครับ!! ตอบสิ!!" ผมยกมือกันกระเป๋ากับกระดานรองวาดที่โยนมาพร้อมกันจากน่านนที 

    "เดี๋ยวน่าน นี่มันอะไรกัน!" ไอ้แสบนี่กำลังแกล้งผม กำลังทำให้ผมต้องขายหน้า นี่ลงลทุนขนาดเล่นบทหนุ่มครั่งรักถูกทิ้งเลยเหรอวะเนี่ย! 

    "พี่นายจะทิ้งน่านแล้วทำไมไม่บอกกันตรงๆ..." ผมกรอกตา มองตาโตๆที่เคลือบสีสังเคราะห์และติดขนตาปลอมแผงหนามองผมสลับกับเด็กผู้ชายด้วยความใครรู้ปนประกายวาววับ 

    โอเค... 
    อยากให้เข้าใจแบบนั้นใช่ไหม..

    "น่านฟังพี่ก่อนสิครับ พี่ไม่ได้จะทิ้งน่านนะ คนดี ทำไมไม่ฟังพี่บ้าง" ผมตรงเข้าไปกอดร่างของเด็กผู้ชยให้ซุกซบลงกับช่วงอก รู้สึกได้ถึงแรงจิกปลายเล็บตรงช่วงเอวจนต้องผละออกมา ถึงอย่างนั้นก็ยังใช้สองมือประคองหน้าหวานไว้

    "พี่จะทิ้งน่านได้ยังไง ในเมื่อพี่รักน่านจนไม่เหลือใจไว้รักใครแล้ว" คนรักกำมะลอของผมทำท่าจะโก่งคออาเจียนเลยเบรคด้วยการแตะจูบลงบนหน้าผากมนจนคนถูกกระทำเบิกตาโพรง ผมไม่สนใจอาการตกตะลึงนั้นหันไปหาร่างเพรียวบางเยี่ยงอิสตรีที่จ้องมองเหตุการไม่วาวตาแทน

    "ฟี่ไปทำธุระก่อนก็ได้ เดี๋ยวเจอกันที่ร้าน" 

    "เคลียร์กับแฟนดีๆนะนาย เดี๋ยวเราไป 'รอ' ที่ร้าน แล้วเจอกัน" รอ... ในที่นี้คงไม่แคล้วรอสืบสวนและฟังผลประเด็นใหม่ที่เพิ่งสะท้านโลกไปเมื่อครู่ 

    แต่คงมีคนสะท้านกว่ามาก 
    สะท้านจนถึงกับอ้าปากค้าง มองตามร่างบนส้นสูงที่ก้าวผ่านไปชนิดลืมหายใจ

    "ไง... ไหวไหม" ดูแล้วไม่น่าจะไหว

    "ไงล่ะครับน้องน่าน เมื่ือกี้ยังโวยวายกลัวพี่นายทิ้งอยู่เลย อึ้งทำไมครับ สนใจพี่นายหน่อยครับ ไม่ใช่มองตามแต่ไอ้ฟี่ครับ" ได้ทีผมล่ะ! 

    "พี่เขา..... เป็น....." ผมอยากจะหลุดคำเด็กน้อยที่สติหลุดไปแล้ว มือชี้ค้างตามร่างนั้นไปแม้จะลับตาไปนาน หน้าซีดหันมองผมช้าๆเหมือนภาพสโลว์มีแบ็กกราวสีดำมืดอยู่ด้านหลัง

    "เพื่ือนฉันเอง.... ชือท็อป เพิ่งเปลี่ยนเป็นท็อฟฟี่เมื่อตอนเข้าปี1นี่เอง" 

    "ฮือออออออออออออออออออ ม๊ายยยยยยยย!! " ตัวเล็กยกมือขยี้ผมตัวเองจิกทึ้งจนทรุดลงไปนั่งคุกเข่ากับพื้น มีผมที่ยืนหัวเราะลั่นลานหน้าตึกวิศวะไม่สนใจสายตาของคนผ่านไปมาที่มองเราสองคน ปล่อยให้โอดครวญจนพอใจผมจึงหันไปรวบสัมภาระของเขาไว้ มืออีกข้างก็รวบเอวร่างเล็กขึ้นมาพาเดินไปขึ้นรถที่จอดอยู่ไม่ไกล 

    ส่งเขาขึ้นรถพร้อมกองของไว้เบาะหลัง ยังไม่ทันเข้าที่เข้าทางก็โดนคำสั่งประกาศิตจากคนที่ส่งสองมือมากุมรอบคอผมไว้

    "ห้ามบอกพี่อ้อมเรื่องนี้เด็ดขาด! ไม่งั้นฉันจะบีบคอนายให้แหลกคามือเลย!" ผมถอนหายใจเพลียปนขำ นี่คงจะสติแตกไปแล้วสินะ

    "ไม่ให้บอกว่าอะไร? ไม่ให้บอกว่าน้องแนนทำเรื่องขายหน้าหรือไม่ให้บอกว่าเราเป็นแฟนกัน" 

    "เราไปเป็นแฟนกันตอนไหนวะ!!" ก่อนที่จะโดนบีบคอจริงๆผมเลยรวบสองมือมากุมไว้

    "ไม่รู้เป็นตอนไหน รู้แต่มีเด็กผู้ชายมาทำหน้าจะร้องไห้ โวยวายกลัวถูกทิ้งอยู่เมื่อกี้"

    "โอ้ยยยย คุณนาย! เลิกพูดเรื่องนี้เลยนะ ห้าม พูด เด็ด ขาด! ลืมเดี๋ยวนี้!!" ผมตัดบทโดยการหันไปสตร์าทรถบังคับให้คนที่เอาแต่โวยวายหันไปคาดเบลท์เสียที แม้จะแอบเสียดายที่ต้องปล่อยมือนุ่มนั้นก็ตาม ..... ผมชะงัก สลัดศีรษะไล่ความคิดเมื่อครู่ทิ้งก่อนจะเหยียบคันเร่งเคลื่อนรถ

    "นี่เราจะไปไหน?" เสียงใสเอ่ยถาม ผมเลยหักพวงมาลัยเลี้ยวรถเพื่อเป็นการตอบคำถามนี้แทน

    "ห้าง? มาทำไม จะไปหาพี่อ้อม" อะไรๆก็พี่อ้อม! ผมก็จีบอ้อมอยู่เหมือนกันนะเว้ย! อย่ามาทำให้หมั่นไส้นะ!

    "อ้อมน่ะไว้เจอตอนเย็น แต่ตอนนี้ฉันต้องมาซื้อของ" 

    "ซื้อแล้วพาฉันมาทำไมเล่า ไม่ได้เกี่ยวด้วยซักหน่อย" ผมถอยรถเข้าที่จอดสุดท้ายซึ่งหายากเหลือเกิน

    "ฟังนะ วันนี้วันเกิดไอ้กี้เพื่อนฉัน และเป็นเพื่อนอ้อมด้วย ค่ำนี้เรานัดกันที่ร้านเนื้อย่าง เราเลยต้องมาหาของขวัญให้มันที่นี่ ถ้าอยากไปนั่งกินเนื้อย่างกับพี่อ้อมก็อย่าโวยวาย โอเค๊?" เขาเงียบ ก่อนจะฉีกยิ้มเต็มแก้ม

    "โอเคสิ๊~ ไม่โอเคได้ไงเล่าาาาา" ว่าง่ายขึ้นมาทันที


    ผมยังคิดไม่ตกว่าจะซื้ออะไรให้เพื่อน เดินวนไปวนมาอยู่ในห้างตั้งหลายรอบก็ยังไม่เจออะไรเข้าตา จะว่าไปที่เข้าตาก็มีอยู่...คนเดียวนั่นแหล่ะ 

    การเดินห้างกับน่านนทีไม่ใช่เรื่องง่าย นักเรียนม.ปลายเหมือนเด็กตัวเล็กๆที่สนใจไปซะทุกอย่าง แวะหยิบนู่นจับนี่โดยเฉพาะร้านของเล่นและขนมจะได้รับความสนใจเป็นพิเศษ เผลอแป้บเดียวเขาก็หายไปกับซุ้มที่จัดกลางห้างท่ามกลางของเล่นจากการ์ตูนดังไปแล้วเรียบร้อย

    "อยากได้อันนี้อ่ะ" หลังจากมองหาอยู่นาน เห็นชายกางเกงสีน้ำเงินโผล่ออกมาจากชั้นวางสูงท่วมหัวตั้งใจว่าจะลากออกมาเลยกลายเป็นว่าทันทีที่ไปยืนใกล้ไอ้ตัวเล็กก็ยื่นของบางอย่างมาให้ดูทันที

    "อยากได้ก็ซื้อสิ" เขาทำหน้ามุ่ย 

    "ตังหมดแล้วอ่ะ เพิ่มซื้อแผ่นเกมไป นี่ไง" พูดพลางชูให้ผมดู นี่ไปซื้อมาตอนไหนนะ

    "ตังหมดก็ไว้ซื้อวันหลัง เก็บตังค่อยมาใหม่" 

    "แต่บูทนี้มันตั้งแค่อาทิตย์นี้เองนะ เนี่ยดูดิ่เวลานั่งในรถนะ เอารองคอไว้แบบนี้ พอดีเลยเห็นป่ะ" ไม่อธิบายเปล่า มีการสาธิตให้ผมดูด้วย มันก็สบายจริงๆนั่นแหล่ะนะ

    "ลายนี้้หลือแค่อันนี้อันเดียวเองนะ หมดแล้วหมดเลยด้วยอ่ะ" ผมมองลายเด็กผู้ชายใส่เสื้อเขียวมีเลข10แปะอยู่บนเสื้อ กับตัวอะไรอีกไม่รู้ มองๆดูมันก็คล้ายกันทุกอัน

    "ซื้อให้หน่อยสิ" 


    ห๊ะ?


    "ซื้อให้หน่อยน่าาาา นะนะ เดี๋ยวเก็บเงินได้แล้วเอามาคืน อาทิตย์หน้าก็ได้ค่าขนมแล้ว" 


    ไม่รู้ว่าคุยกันยังไง ไม่รู้ว่าราคามันเท่าไหร่ แต่ผมก็พาหมอนใบเล็กใส่ถุงมาให้น่านนทีเดินเหวี่ยงไปเหวี่ยงมาได้ในที่สุด คนได้ของเล่นใหม่ยิ้มพอใจ ผมเลยกลับมามองหาของที่อยากได้อีกครั้งแล้วก็ต้องหันมองรอบกายในเวลาต่อมา 

    หายไปไหนอีกแล้ว! 


    "ทำไมทำหน้าเครียดงั้นอ่ะ" ผมหันมองตามเสียงที่ดังอยู่เบื้องหลัง กำลังจะเอ่ยปากดุก็มีช้อนสีแดงสดส่งเข้าปากพร้อมไอศกรีมรสช็อกโกแลตโอลิโอ้เต็มๆคำ

    "กินไอติมคลานเครียดไง" ผมกลืนของหวายเย็นเฉียบลงคอก่อนจะคว้าสารพัดถุงในมือเล็กมาถือไว้เองแล้วถือวิสาสะกุมมือบางนั้นแทน 

    "เห้ย! มาจับมือเราทำไม ไม่เอา เกย์แตกมาก!" ผมขมวดคิ้วมองเขา 

    "จับไว้จะได้ไม่หายไปไหนอีก มัวแต่แวะอยู่นั่น เมื่อไหร่จะได้ของ รีบหน่อยได้ไหม มีเวลาไม่มากแล้วนะ" 

    "ก็ได้ๆ ไม่แวะก็ได้แต่ปล่อยมือก่อนได้ไหม กินไอติมไม่ได้" ผมปล่อยมือเขาให้เป็นอิสระก่อนจะพาดมือกอดคอไว้แทน ออกแรงจนร่างเล็กเซเข้ามากระแทกอก 

    "อ่ะๆ ให้กินอีกคำนึง จะได้ใจเย็นๆ" ผมอ้าปากรับไอศกรีมอีกหลายคำที่ถูกป้อนขณะที่เราสองคนเริ่มมองหาของขวัญอย่างจริงจังซักที

    แต่ยังไม่ทันได้ของถูกใจก็ถูกกระตุกแขนเรียกไว้จากคนที่อยู่ในอ้อมแขนเสียก่อน ผมก้มลงมาก็เห็นลูกแก้วใสที่มองสบตา 

    "ขอแวะร้าน DVD อีกที่ได้ไหมอ่ะ" ผมถอนหายใจแต่ก็ยอมพาเขาเข้าร้านที่ว่านั้นแต่โดยดี 

    ในระหว่างรอน่านนทีเดินเล่นในโซนการ์ตูนผมเลยหันมาเลือกหนังน่าสนใจบ้าง ก่อนจะคิดอะไรขึ้นมาได้แล้วยกยิ้มมุมปากกับตัวเอง

    "ไม่ซื้ออะไรเหรอ?" ผมถามคนที่เดินกลับมาหามือเปล่า

    "ไม่อ่ะ ไว้มีตังค่อยมาใหม่ ไปหาของขวัญให้พี่กี้กันต่อเถอะ" 

    "ไม่ต้องหาแล้ว ได้แล้ว" 

    "หืมมม?" ผมสอบสีหน้าสงสัยนั้นด้วยรอยยิ้มก่อนจะชูของในมือให้คนตรงหน้าดูบ้าง 

    "พี่..... พี่กี้ชอบแนวนี้เหรอ?" 

    "ชอบมากกกกกกกกกกก เลยแหล่ะ" ผมยืนรอDVDนับสิบแผ่นที่ถูกห่อเป็นของยวัญด้วยรอยยิ้ม เขาก็แค่อยากให้เพื่อนได้ศึกษาไว้หลายๆทาง ไหนๆก็ออกปากเองว่าชอบแล้วนี่นา

    "ปะ กลับกันได้แล้ว" ผมเอ่ยบอกแต่อีกคนกลับส่ายหน้ารัว

    "เรายังไม่ได้ซื้ออะไรเลย" น่านนทีไม่เคยรู้จักกับเพื่อนของผมมาก่อน แม้แต่หน้าก็ยังไม่เคยเห็นจริงๆแล้วเขาไม่ต้องซื้ออะไรไปให้ก็ได้ แค่คำอวยพรวันเกิดในฐานะ...น้อง...ของผมก็เพียงพอ ไอ้กี้เองมันก็คงไม่สนใจอะไรไปมากกว่าเนื้อย่างกับเบียร์นุ่มลิ้น แต่เจ้าตัวก็ยังอยากหาของขวัญไปให้ผมเลยอดที่จะปลื้มไม่ได้ 

    "จะซื้ออะไรดีล่ะ" เขาเปรยกับตัวเองมากกว่าที่จะออกปากถาม ในตอนนั้นเองที่ผมหันไปเห็นร้านตรงข้ามพอดี

    "เอางี้ไหม ซื้อเค้กไปให้มันกัน เห็นบ่นเร่าๆว่าไม่มีใครซื้อให้วันเกิดมานานแล้ว" เขายิ้มเหมือนคิดอะไรออกพร้อมดีดนิ้วดังเปาะ

    "เอาเทียนแบบเป่าไม่ดับด้วยนะ เอาที่อยู่ทนสุดๆเลย" 

    "ไอ้กี้มันคงสลบเพราะเป่าเค้กแทนเมาเบียร์" เขาหัวเราะเสียงใสก่อนที่เราจะเดินไปเลือกเค้กด้วยกัน 






    จุดหมายต่อไปของเราคือร้านเนื้อย่างเจ้าประจำที่มีผองเพื่อนรวมทั้งอ้อมรอกันอยู่ก่อนแล้ว ผมโทรหาเพื่อนทางนู้น นัดแนะกันไว้เรียบร้อยรอเวลาที่จะเปิดตัวผมกับน่านนทีพร้อมเค้กก้อนโต โซนประจำที่ถูกแบ่งเป็นพื้นที่ส่วนตัวถูกหรี่ไฟลงก่อนที่ผมจะเดินนำโดยมีคนตัวเล็กที่ถือเค้กแอบอยู่ด้านหลัง

    พวกเราทุกคนร้องเพลงสากลที่ถูกดัดแปลงเป็นทำนองเร็กเก้นิดหน่อยตามสไตล์ก่อนที่ผมจะถอยออกเผยเค้กก้อนใหญ่ แต่เหมือนไอ้กี้เพื่อนผมมันจะช็อกจนตัวแข็งไปแล้ว ตอนแรกก็คิดว่ามันดีใจกับเค้กที่ได้ในรอบ10ปี แต่พอดูแววตาที่จ้องมองแล้วถึงได้รู้...

    ผมรับเค้กจากมือของน่านนทีมาถือเสียเอง เร่งเร้าให้มันเป่าๆซะให้เสร็จก่อนจะมองจนไม่ได้เป่าได้กินอะไรกันพอดี พาลให้หงุดหงิดเมื่อเสียงหัวเราะใสพร้อมเสียงปรบมือเชียร์ของน่านนทีดังอยู่ข้างกาย

    "น้อง... เป็น..." กี้มันเอ่ยปากถามน้องไม่สนใจจะตัดเค้กแม้แต่น้อย

    "อ่า ขอโทษที่เสียมารยาทครับ ผมชื่อทีครับ เป็นเอ่อ..."

    "เป็นน้องอ้อม แล้วก็เป็นน้องกูด้วย มึงจะตัดเค้กได้หรือยังเชี่ยกี้" เจ้าของวันเกิดมันหันมาตัดเค้กชิ้นแรกยื่นให้สมาชิกใหม่ท่ามกลางเสียงผิวปากหวือของผองเพื่อน

    "ให้น้องทีก่อนเลยครับ นี่ๆนั่งตรงนี้พี่กี้จองที่ไว้ให้น้องทีแล้วครับ" วิญญาณสุภาพบุรุษเข้าสิงห์มึงเมื่อไหร่ไอ้กี้ แล้วที่นั่งน่ะมึงจองไว้เมื่อไหร่ถึงกลายเป็นตำแหน่งข้างกายแบบนั้น ผมล่ะอยากจะถามแต่ก็ยอมทิ้งตัวลงนั่งที่ว่างข้างดาวอักษร ที่ๆผมควรจะพอใจและยินดีเป็นที่สุดที่ได้กำจัดน่านนทีออกไปให้พ้นวงโคจรของอ้อม ..... แต่มันกลับไม่ใช่เลย 

    ยิ่งไอ้กี้มันสนใจน้องมากเท่าไหร่ผมยิ่งต้องพยายามควบคุมสติที่จะชวนคุยหรือฟังเรื่องเล่าจากอ้อมมากเท่านั้น ในขณะที่เพื่อนคนอื่นๆผลัดกันคว้าไมค์แหกปากมากกว่าจะร้องเพลง ผมคีบสารพัดอย่างใส่จานอ้อมจนคนทานต้องเอ่ยปากห้าม

    "พอแล้วนาย อ้อมกินไม่ไหวแล้ว อ๊ะ เดี๋ยวมานะ" อ้อมออกไปรับโทรศัพท์นอกร้าน เลยอดไม่ได้ที่จะสนใจสองคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะ แล้วก็ต้องตกใจกับสิ่งที่เห็น

    "ไอ้กี้!! ใครให้น้องกินเบียร์!!" แก้วใบใสจุน้ำสีอำพันวางกระทบโต๊ะไม่เบานัก ก่อนเจ้าของแก้วเขาจะหันมาบอก

    "คนอย่างน่านนทีนะ กินเบียร์มาตั้งแต่ขึ้นม.1แล้ว แค่นี้เบาๆ" ไอ้กี้มันยิ้มกว้างเมื่อคนตัวเองเอนกายไปพิงอกมัน แต่ผมกลับยิ้มไม่ออก

    "พอแล้ว หยุดเดี๋ยวนี้ ห้ามใครให้น้องกินอีก!!" ผมยื่นคำขาดแต่ดูเหมือนไม่มีใครสนใจฟัง

    "น่านจะกินอีก พี่กี้เทให้น่านหน่อยนะครับ เบียร์กับเนื้อย่าง อร๊อยยยยยอร่อยยย" เพื่อนผมก็ดีใจหาย เพราะมันยกแก้วป้อนเบียร์ให้น้องก่อนจะส่งเนื้อนุ่มย่างพอดีคำส่งให้ตามกันไป

    "หือออออ อันนี้อร่อยมากเลย พี่กี้ลองชิมนะ" 

    ไม่รู้เมื่อไหร่ที่ผมกระโดดข้ามโต๊ะแบบญี่ปุ่นมากระชากร่างเล็กให้ซบลงบนอกแล้วหลับไปทั้งอย่างนั้นโดยที่ตัวก่อเรื่องไม่รู้เลยว่าเมื่อครู่กำลังจะป้อนเนื้อย่างให้ผู้ชายด้วยปาก!!

    "กูจะพาน้องกลับบ้าน ฝากลาเพื่อนด้วย"

    "ไอ้นายยยยย!!!! เพื่อนเลวววว มึง เกือบแล้ว อีกนิด ที่รักของกู โอ้ยยยย!!! กูจะฆ่ามึง!!" ผมไม่ฟังเสียงกร่นด่าที่ตามมาอีกชุดใหญ่ จัดการช้อนร่างเล็กมาไว้ในอ้อมแขนก็ตรงไปยังรถตัวเองทันที พอดีกับที่เจออ้อมเดินสวนกลับมา

    "อ้าว เกิดอะไรขึ้นน่ะนาย"

    "น้องเมาไม่ไหวแล้ว นายจะพากลับบ้าน" 

    "ไปพักบ้านอ้อมไหม อย่างน้อยๆคุณน้าจะได้ไม่ห่วง เดี๋ยวให้ไอช่วยดูแล" ไอน้องชายอ้อมกับน่านนทีเป็นเพื่อนสนิทกัน อย่างน้อยหากแม่ของไอ้แสบโทรตามจะได้ไม่ต้องหาข้ออ้างอธิบายให้มากความ ผมตัดสินใจตามข้อเสนอนั้นก่อนจะพาน้องไปนอนเบาะหลัง มีอ้อมนั่งประกบด้านข้างคนขับ

    บ้านหลังคุ้นตาตั้งอยู่ตรงหน้า อ้อมโทรคุยกับน้องชายสองสามคำก็เห็นร่างเล็กบางของเด็กผู้ชายลงมาเปิดประตูให้ทั้งชุดนอน 

    "ไอ ช่วยกันพาทีขึ้นไปนอนหน่อย" ประเมินดูแล้วไม่น่ารอด ผมจึงเสนอตัวอุ้มคนที่หลับไม่ได้สติขึ้นไปแทน ยังไม่ทันได้วางคนตัวเล็กลงกับเตียงสิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น 

    "จะกิ....!" 

    "เห้ย!!!" ทุกคนร้องเป็นเสียงเดียวกันเมื่อคนเมาอาเจียนเอาทุกอย่างที่กินเข้าไปออกมาเปื้อนเต็มตัวทั้งคนอุ้มและถูกอุ้ม 

    "ทำยังไงดีครับ..." ดูเหมือนน้องไอจะตาสว่างขึ้นมาทันที 

    "ไอเปิดน้ำในอ่างให้หน่อยนะ เดี๋ยวพี่จะล้างตัวให้ที" อ้อมบอกแบบนั้น 

    "ไม่เป็นไรอ้อม เดี๋ยวนายจัดการเอง ไหนๆก็เปื้อนทั้งคู่แบบนี้แล้ว" 


    รอไม่นานผมก็พาเจ้าตัวก่อเรื่องเข้าห้องน้ำไปด้วยกัน ฝากร่องรอยของเนื้อย่างบนพื้นไว้ให้ไอจัดการ น้ำอุ่นรออยู่เต็มอ่าง ผมเลยไม่ลังเลที่จะโยนน่านนทีลงไปนอนเล่นอยู่ในนั้น เสียงครางเครือรอดออกมาจากคนเมา ผมหันไปถอดเสื้อนักศึกษาของตัวเองที่ไม่เหลือสภาพทิ้งไปส่งๆก่อนจะหันมาจัดการคนที่ยังไม่ได้สติ

    จัดการล้างหน้าให้ วักน้ำราดพอคนหลับสะดุ้งก็อดที่จะขำออกมาไม่ได้ลืมเรื่องขุ่นเคืองเมื่อครู่ไปเสียสนิท แต่พอใจกับการแกล้งได้ไม่นานผมก็ต้องสะดุดลมหายใจตัวเอง เมื่อเสื้อนักเรียนโดนน้ำบางลู่แนบตัวเผยช่วงเอวคอดและแผ่นอกบางที่กระเพื่อมขึ้นลงตามจังหวะหายใจ ผมชะงักมือที่กำลังจะปลดกระดุมเชิ้ตออกเมื่อตุ่มไตที่นูนเด่นผ่านเนื้อผ้านั้นชวนให้ใจไหววูบ 

    "น่านนที..." ลองเอ่ยเรียกเผื่อจะได้สติ แต่ก็มีเพียงเสียงครางรับในลำคอเท่านั้น 

    "โอเค...." ผมสูดหายใจลึก นึกหงุดหงิดตัวเอง จะมาลังเลบ้าบออะไรกับผู้ชายด้วยกัน 

    จัดการปลดกระดุมเสื้อออกให้ทีละเม็ด จนท้ายที่สุดมันก็หลุดไปกองรวมกับเสื้ออีกตัวได้ ผมพ่นลมหายใจคล้ายจะโล่งใจแต่ก็รู้ว่ามันไม่ง่ายเลยเมื่อเหลือเพียงกางเกงน้ำเงินที่เปียกชุ่มไม่แพ้กัน 


    ก็อกๆ

    "เป็นไงบ้างครับพี่นาย" เสียงไอดังมาจากนอกห้องน้ำ นึกขอบคุณในใจเมื่อผมรีบจัดการตัวเองแล้วขอให้น้องไอเข้ามาดูแลเพื่อนรักของตัวเองแทน ผมจัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดสบายๆของคุณพ่อที่อ้อมเอามาให้พร้อมสงบสติอารมณ์อยู่ชั่วครู่ น่านนทีก็ถูกอีกคนประคองออกมาในชุดนอนของเจ้าของห้อง

    "พี่นายนอนนี่เลยดีกว่านะครับ ดึกมากแล้ว" ออกจะเกรงใจแต่ก็คิดว่ารับข้อเสนอนั้นไว้คนดีกว่า

    "ไอจะให้คนไปจัดห้องให้นะครับ"

    "เอ่อ ไม่ต้องหรอกครับน้องไอ พี่นอนตรงโซฟานั้นก็ได้" ผมกินง่ายอยู่ง่ายอยู่แล้วล่ะ แค่ไม่กี่ชั่วโมงจะเรียกแม่บ้านที่หลับไปแล้วมาจัดห้องอีก เกรงใจแย่เลย

    "งั้น...พี่นายนอนนี่ไหมล่ะครับ เดี๋ยวไอไปนอนห้องพี่อ้อมก็ได้ เจ้านี่ลองได้เมาแล้ว อาบน้ำหลับสบายแล้ว ไม่ตื่นง่ายๆหรอกครับ เช้านู่นแหล่ะ คงไม่ตื่นมากวนพี่นายแล้วล่ะครับ" 

    "งั้น... พี่รบกวนไอด้วยนะ"

    "ยินดีครับ ฝันดีนะครับ ฝากเพื่อนผมด้วยนะ" 

    น้องไอส่งยิ้มหวานไม่แพ้พี่สาวมาให้ก่อนจะล็อกด้านในและปิดให้เรียบร้อย ผมมองบานประตูนั้นก่อนจะหันมาสนใจคนที่หลับอยู่อีกด้านของเตียง

    "ไอ้แสบบบ" ส่งมือเข้าไปขยี้เส้นผมนุ่มมือ ก่อนจะเอนกายลงนอนข้างกัน

    กลิ่นหอมอ่อนของครีมอาบน้ำผสานแป้งเด็กโชยมาแตะจมูกชวนให้เคลิบเคลิ้มแต่ก็ยากจะปิดเปลือกตาลงได้ง่ายๆ ผมพลิกกายนอนหันข้างจ้องมองแพรขนตายาวที่พาดแนวแก้มใส จ้องมองอยู่นานเท่าไหร่ไม่รู้ จนกระทั่งร่างเล็กนั้นขยับเข้ามาใกล้ พาดแขนกับช่วงเอวของผมแล้วขยับศีรษะใต้กลุ่มผมนุ่มเข้าหาช่วงอกแล้วซุกซบอยู่แบบนั้น

    "หนาว..." เครื่องทำความเย็นต่ำกว่าอุณหภูมิมาตรฐาน ผมตวัดผ้านวมผืนหนาห่มคลุมจนถึงปลายคางสวยแต่คนหลับก็ยังขดอยู่แบบนั้นจนต้องสอดแขนข้างหนึ่งให้น่านนทีหนุนนอนในขณะที่แขนอีกข้างสอดใต้ผ้านวมกระชับเอวบางเข้าแนบตัวมากขึ้น

    ไออุ่นของเราส่งผ่านกันและกัน
    ความรู้สึกที่ไม่เคยได้สัมผัสกำลังก่อตัวขึ้นช้าๆ
    ชั่ววินาทีที่ธีรนายคิดว่ามันคงดีไม่น้อยหากทุกค่ำคืนจะได้กอดใครสักคนแบบนี้
    และหลับไปพร้อมกันผ่านค่ำคืนของความอบอุ่นที่เกาะกุมในใจ

    ใครว่าเพื่อนของไอไม่กวนพี่นายกันเล่า
    ลำบากว่ากวนกายให้วุ่นวายอีกรู้ไหม ถ้าจะกวนใจกันแบบนี้



    To be con.
    Stubborn part 4.


    กลับมาแล้วววววววววววววววววววววว
    ขอโทษที่หายไปนานนะคะ คนแต่งทั้งสองคนยุ่งมากจริงๆ หนึ่งคนกำลังเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัย อีกคนก็เพิ่งจบสดๆร้อนๆ 
    แต่พวกเรากลับมาแล้ววววว คิดถึงพี่นายน้องน่านกันหรือเปล่า
    ฝากไว้อีกตอนนึงนะคะ 


    ด้วยรัก
    จาก.....pause & ณ

     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×