ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ณ ห้องฝากเลี้ยง

    ลำดับตอนที่ #2 : [SF] Unseen in AF8 - TaoKacha - By : MiniAphro_dite ตอนที่ 2

    • อัปเดตล่าสุด 19 เม.ย. 56


    Kacha’s part

     

    ผมพยายามไม่ทำให้ "เรา" เป็นจุดสนใจ

     

    โอเค คุณอาจจะมองว่ามันเป็นเรื่องไร้สาระ ใช่ซี๊~ ก็พวกคุณจิ้นให้พวกผมรักกันนี่นา เวลาผมลงรูปคู่ ทวิตคุยกัน เกรียนบอลใส่กัน มันฟินใช่มั้ยล่ะ? ผมรู้ๆ

     

    แต่ด้วยเหตุผลบางประการ ที่ผมเปิดเผยมันไม่ได้เพราะมันมาจากเบื้องบน ทำให้ผมต้องงดกิจกรรมพาฟินทั้งหมดลงแต่เพียงเท่านี้ ถามว่าผมยังคุยกันเหมือนเดิมไหม? ตอบเลยแล้วกันว่าน้อยลง ถึงมันจะไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเท่าไหร่ แต่มันก็น้อยลงจริงๆ ก็ด้วยอะไรบางอย่างนั่นแหละทำให้ผมต้องยับยั้งชั่งใจ ทำให้กลายเป็นว่า เราก็สนิทกันน้อยลงไปด้วย ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ เรามีอะไรก็คุยกันตลอดแท้ๆ

     

    เสียงเพลงที่ตั้งไว้เป็นเสียงเฉพาะสาย ทำให้ผมกดรับโดยไม่ต้องมองชื่อคนโทรเข้า ผมตัดมาจากเพลงที่ี่เจ้าของเดียวกันกับคนโทรมานั่นแหละครับ กะว่าจะช่วยโปรโมทให้ซะหน่อย แต่ก็คงไม่มีใครมาได้ยิน เพราะตั้งแต่โดนคำสั่งห้าม เราก็โทรศัพท์คุยกันน้อยลงไปด้วย (เปลี่ยนไปส่งไลน์แทนครับ มันไม่เปลืองเงินน่ะ ยกเว้นเงินซื้อสติ๊กเกอร์นะ)

     

    "ว่าไงๆ" ผมส่งเสียงไปก่อนที่อีกฝั่งจะทันได้พูดอะไร ตอนนี้ผมกำลังเดินทางไปที่ห้างเซ็นทรัล จังหวัดนครศรีธรรมราช ผมมีงานร่วมกับเขาแล้วก็น้องชายสุดที่รักของพวกเราครับ

    "อยู่ไหน" เสียงสั้นๆส่งมาตามสาย เราไม่ได้คุยกันหวานๆอย่างที่พวกคุณจิ้นกันหรอกครับ

    "กำลังไป ใกล้ถึงแล้ว" ผมตอบ ได้ยินเสียงเจ้าเฟรมดังผ่านเข้ามาแว่วๆ พูดอะไร จะชงๆ สักอย่าง แหม ไอ้สวนด. วีไอพี

    "อือ รีบมานะ มาเลือกเพลงที่จะร้องเย็นนี้ด้วย" เต๋าตอบกลับมา หลังจากเงียบไปนิดหน่อยแล้วผมก็ได้ยินเสียงเฟรมร้องโอดโอยเหมือนโดนถีบ ผีมาเฟียเข้าสิงเพื่อนผมอีกแล้วครับ แต่รังแกเฟรมมันได้คนเดียวแหละเท่าที่ผมเคยเห็น ผมตอบรับแล้วเราก็วางสาย

     

    งานตอนบ่ายไม่มีอะไรครับ ผมขึ้นไปร้องก่อน ตอบคำถามไปตามสคริป แล้วก็ถึงตาอีกสองคนขึ้นไปร้องบ้าง มันเป็นงานสั้นๆคั่นเวลาเฉยๆ ตอนเจอกันเราก็คุยเรื่องร้องเพลงเย็นนี้นิดหน่อย ไอ้ที่บอกให้รีบมาเลือกเพลงก็ไม่เห็นจะเลือกกันตรงไหน เพลงมันก็มีอยู่ไม่กี่เพลงครับ ก็ต้องโปรโมทเพลงตัวเอง เพลงที่เลือกกันเองอีกคนละเพลง แล้วโควต้าที่เหลือก็เล่นง่ายๆให้แฟนคลับขอมา จบ!

     

    ที่งานมีทติ้งตอนเย็น คนเยอะมากอย่างเคยครับ พวกเราโคตรหล่อนานๆทีจะได้รวมตัว แฟนคลับต้องตื่นเต้นเป็นธรรมดา ผมยังตื่นเต้นเลย ไม่ได้ร้องเพลงด้วยกันมาตั้งนานแล้ว คิดถึงครับพูดตรงๆ

    พวกเรามาทำบุญกันที่บ้านเด็ก เอาอุปกรณ์กีฬา ของเล่นมาเพียบเลย พอมาถึงผมก็เดินเข้าไปสำรวจกองของเล่นก่อนเลย ไม่นะ ไม่ได้อยากได้ ก็แค่มาดูว่าจะแจกอันไหนให้น้องคนไหนถึงจะเหมาะสมต่างหาก ส่วนเพื่อนรักผมก็พุ่งเข้าหาลูกบาสเลยครับ ของชอบเค้าแหละ ไม่อยากจะขัด

     

    เวลาเรามาเจอกันที ผมก็ร่าเริงปกตินะ เจอคนที่เราสนิทด้วย มันฝืนตัวทำบึ้งตึงใส่กันไม่ไหวหรอกครับ แล้วที่เราห่างกัน มันไม่ใช่ว่าเราโกรธกันนี่นา แต่ที่ผมจะไม่ทำเลยก็คงจะเป็นถ่ายรูปคู่ อืม พักหลังมานี้เราไม่ถ่ายรูปด้วยกันเลยครับ ไม่เหมือนเมื่อก่อน สำหรับผม ผมไม่คิดอะไรมากนะ เพราะก็ถ่ายกันมาเยอะแล้ว มันไม่จำเป็นนี่ครับที่เราต้องถ่ายรูปเก็บไว้ทุกครั้ง ใช่ว่าถ้าไม่มีรูปเค้าแล้วผมจะลืมหน้าเค้าซะเมื่อไหร่กันล่ะ จริงไหม?

     

    ถึงช่วงที่แฟนคลับของพวกเรารอคอย ช่วงมินิคอนเสิร์ตครับ พวกเราซ้อมกันมานิดหน่อยแล้วก่อนที่จะถึงเวลางานจริง เฟรมน้องผมมันเก่งครับ เล่นได้ทุกเพลงแหละ เล่นเพลงใหม่ของผมได้เก่งกว่าผมเองซะอีก เราร้องเพลงกันไปเรื่อยๆ หยุดพักพูดคุยกันบ้าง แต่วันนี้เต๋าเหมือนจะแซวผมบ่อยนะ ทั้งเรื่องให้เปลี่ยน "น๊า นา นา นา" เป็นเสียงม.ม้า (แล้วผมก็บ้าทำตาม) ไหนจะพูดเรื่องเกณฑ์ทหารอีก จะล้อกันไปถึงไหน ผมไม่น่าไลน์ไปเล่าให้เค้าฟังเลยว่าโดนมองด้วยสายตาแปลกๆทั้งวัน ผมก็ว่าผมแต่งตัวปกตินะ พวกที่ไปเกณฑ์

    ด้วยกันเค้าจะมองทำไมนักหนาไม่รู้ หรือว่าเค้าจะจำผมได้? โอ้ ผมนี่ก็ดังใช่เล่น

    เพลงถัดไปเหมือนเต๋าจะเตี๊ยมกับเฟรมสดๆ กระซิบอะไรกันไม่รู้ผมได้ยินไม่ถนัด แล้วเต๋าก็จิ้มไอแพดหาเนื้อเพลงเดี๋ยวนั้นเลย นี่ไงครับ ตัวต้นคิดให้เลือกเพลงก่อนขึ้นแสดง ไหงมันหาเพลงสดกันบนเวทีล่ะครับผม??

    ผมแอบเหลือบมองชื่อเพลงนิดนึงบนหน้าจอไอแพด …"อยากให้เธอลอง" ผมชอบเพลงนี้นะ จังหวะมันฟังสบายๆดี เนื้อหาก็ดีด้วย

    เฟรมเริ่มเล่นกีต้าร์เป็นทำนองคุ้นหู ผมมองไปยังหน้าคนที่เตรียมตัวจะร้องนิดหน่อย เขายิ้มบางๆแล้วก็หันไปสนใจกับเนื้อเพลงต่อ

     

    "เห็นเธอเดินมาไกลๆ ไม่รู้ว่าเธอเป็นใคร..." เต๋าเริ่มร้องด้วยเสียงเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง เขาร้องเพลงเก่งขึ้นเยอะครับ ก็ได้ไปแสดงละครเวที แล้วไหนจะซ้อมร้องเพลงอย่างหนัก จนตอนนี้ผมไม่ต้องเป็นห่วง ไม่ต้องช่วยร้องคลอเผื่อเวลาเค้าจะหายใจไม่ทันแล้ว

    ผมมองตามปากของเค้าที่กำลังขยับตามเนื้อเพลง สายตาของเค้าประสานกับสายตาของผมพอดี พร้อมกับมุมปากที่ยกยิ้มกว้างขึ้น ดวงตาของเขายังคงจ้องมองมาที่ผม ในตอนที่เขาร้องเพลงท่อนต่อไป "แต่เธอสวย...ที่สุดเลย"

     

    แย่แล้ว...

     

    หลังจากนั้นผมก็ไม่ค่อยได้ยินเสียงอะไรอีกแล้วครับ

    ผมรีบเบือนหน้าหนีสายตาแฝงความร้อนแรงบางอย่างของเขาอย่างกะทันหัน หางตาแอบเห็นเฟรมหลุดยิ้มออกมา มือที่กำลังดีดกีต้าร์หลุดคีย์ไปบ้างแต่ก็ประคองกลับมาได้ ส่วนเขา …ผมไม่เห็นครับ ไม่กล้ามองแล้ว

    ตอนนี้ผมทำอะไรไม่ถูก มือไม้ที่มีอยู่นี่ดูเกะกะขวางทางไปหมด ผมยกมันขึ้นปรบเข้าหากันไปตามจังหวะเพลงอย่างเก้ๆกังๆ ก้มหน้าจนคางจะชิดอกอยู่แล้ว หน้ามันร้อนๆยังไงก็ไม่รู้

    เต๋ายังคงร้องเพลงต่อไป ตอนนี้เขาไม่ได้มองผมแล้วครับ หันไปใส่ใจกับแฟนคลับ แล้วก็เนื้อร้องของเพลงต่อแล้ว หลังจากไม่รู้จะทำอะไรดี จู่ๆผมก็รู้สึกอยากเก็บภาพความทรงจำวันนี้ขึ้นมาซะอย่างนั้น

     

    ถึงจะโดนห้าม แต่นานๆที คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง?

     

    อีกอย่างก็มีเฟรมอยู่ด้วย เราไม่ได้ถ่าย "รูปคู่" สักหน่อยนี่นา...

     

    ผมยกไอโฟนขึ้นถ่ายรูปจากมุมสูง มีเพียงผมคนเดียวที่มองกล้อง ผมม้าแยก หน้าตาดูเลิ่กลั่ก ไม่ได้ดูดีอะไร แต่ผมก็ชอบมัน ผมรีบร้อนลงรูป แต่พอมาดูอีกทีแล้วก็อดลบก่อนที่จะมานั่งแต่งรูปไม่ได้ ต้องรักษาภาพพจน์กันนิดนึง

     

    ถึงวันนี้จะฉีกกฎที่ตัวเองตั้งไปสักนิด ทั้งลงรูป ทั้งเมนชั่นหากันในทวิต แต่ผมกลับรู้สึกว่ามันเป็นอะไรดีๆที่ได้ทำในวันนี้ ไม่อึดอัดอย่างที่เป็น ผมมีความสุขจริงๆครับ

     

    Tao’s part

     

    อะไรที่ดลใจให้ผมทำอะไรแบบนั้นลงไป?

     

    คุณถามผมแล้วผมจะไปถามใครดีล่ะครับ??

     

    อาจจะเป็นเพราะผมสังเกตเห็นเส้นบางๆของความอึดอัดบนใบหน้าเขาล่ะมั้งครับ หืม? คุณจะบอกว่ามันเป็นรอยตีนกาอย่างนั้นเหรอ? คุณอย่าแกล้งเพื่อนผมนักสิครับ ฮ่าๆ

     

    ตั้งแต่เราเริ่มคุยกันน้อยลง เพราะคำสั่งบางประการ ผมรู้สึกได้เลยว่าเขาค่อนข้างระวังตัวไม่ให้ข้ามเส้นที่เขาขีดขึ้นเอง ทำให้ดูเหมือนว่าเราสนิทกันน้อยลงในสายตาคนภายนอก ทั้งที่จริงๆเราก็ยังเหมือนเดิมนะครับ เพียงแต่เราเปลี่ยนวิธีการแสดงออกถึงความสนิทแค่นั้นเอง

    เพื่อนสนิทกันมันไม่ต้องทวิตหากันทุกวันหรอกครับ มันมีทางติดต่อกันอีกหลายทาง คุณก็รู้น่า…

     

    แต่ก็นั่นแหละครับ เพราะเขาชอบถ่ายรูป เขาชอบข่มผมเวลาที่ดูบอลทั้งๆที่รู้ว่าเดี๋ยวก็แพ้ (ฮ่าๆ ขอเข้าข้างทีมตัวเองนิดนึง) และเขาก็ชอบดูปฏิกิริยาของแฟนคลับพวกเราเวลาที่เราคุยกัน แต่ตอนนี้เขากลับต้องตัดความสนุกของตัวเองทิ้งด้วยมือของตัวเอง เขาก็คงจะอึดอัดไม่ใช่เล่น

    ผมกับเขาออกงานด้วยกันบ่อยนะครับ แต่เราก็ไม่ได้มานั่งคุยนั่งเล่นกันสบายๆแบบนี้ ยิ่งวันนี้มีเฟรมมาร่วมแจมด้วย ผมดีใจนะที่ใบหน้าของเขามีรอยยิ้มกว้างขวางกว่าทุกวัน คงจะคิดถึงวันเก่าๆที่ได้ร้องเพลงด้วยกันน่ะครับ

     

    เมื่อตอนบ่ายผมโทรศัพท์หาเขา ผมนั่งฟังเสียงรอสายที่เป็นเพลงซิงเกิ้ลใหม่ของเขาเอง แหม ตั้งใจขายของจริงๆครับเพื่อนผม ยังไม่ทันจะจบท่อนดีเขาก็รับสาย

    "ว่าไงๆ" เสียงใสๆของเขาตอบกลับมาทันที ผมยิ้มเล็กน้อย

    "อยู่ไหน" ผมแกล้งพูดเสียงเข้มๆ สั้นๆ ให้ดูดุๆไปอย่างนั้นแหละครับ เวลาอยู่ต่อหน้าคนมากๆ ผมมักจะพูดเสียงแบบนี้โดยที่ไม่รู้ตัว จนบางครั้งก็กลัวว่าคนที่ฟังอยู่จะไม่เข้าใจ แล้วเก็บไปน้อยใจรึเปล่า?

    "กำลังไป ใกล้ถึงแล้ว" แต่โชคดีที่คชาเข้าใจผมเสมอครับ เราเลยไม่เคยโกรธกันด้วยเรื่องเล็กน้อย (ยกเว้นเรื่องบอลนะครับ เพราะนั่นเรื่องใหญ่มาก)

    "อือ รีบมานะ มาเลือกเพลงที่จะร้องเย็นนี้ด้วย" ถ้าคุณจะคาดหวังให้ผมพูดว่า “รีบมานะ คิดถึง” ล่ะก็ บอกเลยแล้วกันว่า ประโยคนี้เขาให้เก็บไว้คิดในใจครับ

     

    ผมไม่ค่อยชอบเลยครับเวลาที่เราต้องห่างกันแบบนี้

    อาจเป็นเพราะเราเคย “ใกล้ชิดกันมากๆ” มาก่อน ทำให้ระยะห่างเพียงน้อยนิดในตอนนี้ ดูเหมือนห่างไกลมากเหลือเกิน ผมล้อเล่นกับเขาได้จำกัด ผมแตะตัวเขาไม่ได้เหมือนก่อน ทั้งที่เรื่องแบบนี้ เพื่อนสนิทกันคนไหนเขาก็ทำกันนะครับ

    แต่เพราะตอนนี้งานเราเยอะขึ้น คนสนใจเรามากขึ้น เราจะทำตัวเป็นเด็กๆ เอาแต่ใจตัวเอง ทำตามใจตัวเองไม่ได้แล้วครับ มันมีผลต่อทั้งเขาและผม

     

    งานมีทติ้งตอนเย็น แฟนคลับมารอกันเพียบเลยครับ ข้าวของต่างๆเพียบเลย ผมเห็นคนตัวเล็กเดินตรงไปที่กองของเล่น อ่า ผมเห็นนะว่าเขาจ้องเบนเทนตาเป็นประกายเลย ไม่เข้าใจว่าแค่ที่มีอยู่ยังเยอะไม่พอหรือยังไง?

    พอเห็นเด็กๆที่ยิ้มให้กับพวกเราแล้วผมก็มีความสุขครับ เรามามอบสิ่งดีๆให้กับเขา เขาก็มอบรอยยิ้มที่มีความสุขให้กับเรา แค่นี้ก็ได้บุญกันเต็มๆแล้วครับ

     

    ช่วงเวลาที่ร้องเพลง ส่วนใหญ่ผมจะนั่งเฉยๆครับ แล้วก็คอยมองแฟนคลับ คอยดูปฏิกิริยาของพวกเขา ผมว่าพวกเขาน่าสนุกดีนะครับ เหมือนจะคอยลุ้นอยู่ตลอดเวลาว่าพวกผมจะทำอะไร อย่างตอนที่คชาเดินมาดูชื่อเพลงที่แฟนคลับขอขึ้นมา พวกเขาก็หลุดกรี๊ดออกมา ทั้งที่พยายามกลั้นแทบตาย ผมจะบอกให้ก็ได้ครับว่า คชาตั้งใจแกล้งพวกคุณนะ ถึงได้จงใจ ลงทุนเดินอ้อมโลกมาหยิบจากมือผม ทั้งที่บอกให้ผมส่งให้ดูก็ได้น่ะ ฮ่าๆ คงเห็นว่าพวกคุณพยายามเก็บอาการกัน มันไม่ถึงใจเขาน่ะครับ

     

    วันนี้เห็นเขาดูสนุกมาก หลุดออกจากกรอบที่เขาสร้างขึ้นมา แม้จะเพียงเล็กน้อยก็เถอะ รอยยิ้มที่ผมชอบมากๆนั้นประทับอยู่บนใบหน้าเล็กไม่จางเลย ผลบุญนี่ส่งผลเร็วจังเลยครับ เพิ่งทำเสร็จเมื่อกี๊เองก็ได้รับแล้ว

     

    รอยยิ้มน่ารักๆของคนที่อยากให้ใครๆชมว่า “หล่อ” ทำให้ผมอยากจะเห็นอะไรที่มากกว่านี้

     

    ผมหันไปกระซิบกับเฟรมให้เปลี่ยนลิสต์เพลงเล็กน้อย อยู่ๆผมก็คิดถึงเพลงนี้ขึ้นมาครับ คงจะเป็นเพราะผมอยากให้เขาลอง ออกนอกกรอบที่เขาขีดไว้ แล้วกลับมาคุยกับผมเหมือนเดิมสักทีล่ะมั้งครับ

     

    คชาพยายามมองว่าผมจะร้องเพลงอะไร ทำท่างงๆด้วยนะครับ แน่ล่ะ ก็มันไม่ใช่เพลงที่คุยกันไว้ ผมเปิดหาเนื้อเพลงจากไอแพดตรงหน้า จริงๆผมก็ไม่ค่อยแม่นเพลงนี้หรอกครับ เคยฟังอยู่ไม่กี่ครั้ง เรื่องร้องนี่ไม่ต้องพูดถึง แต่ผมอยากร้องเพลงนี้ให้เขา

     

    "เห็นเธอเดินมาไกลๆ ไม่รู้ว่าเธอเป็นใคร...” ผมร้องท่อนแรกของเพลงนี้ออกไป คชาหันมามองผมเหมือนจะลุ้นให้ผมร้องต่อ ผมจึงตั้งใจจ้องเข้าไปที่ตาของเขา ผมรู้ครับว่าเขาแพ้สายตาของผม ตั้งแต่ในบ้านแล้ว จ้องกันไม่เคยได้นานก็เป็นเขาที่หลบสายตาก่อนทุกครั้ง

    “แต่เธอสวย…ที่สุดเลย” ผมร้องต่อ เน้นคำว่า “สวย” เป็นพิเศษ คำที่เขาไม่ค่อยชอบนั่นแหละครับ เพียงแต่ผมต้องการจะบอกว่า รอยยิ้มของเขาน้ัน สวย จริงๆ

    คชาหลบสายตาไปแล้ว ผมบอกแล้วใช่มั้ยครับว่าเค้าจ้องตากับผมได้ไม่นานหรอก แต่ผมก็เป็นคนที่โชคดีที่สุดในโลกอีกแล้วครับที่ได้เห็นว่าเขาแอบอมยิ้มน้อยๆในระยะประชิดแบบนี้ เขาก้มหน้างุดๆ แบบทำตัวไม่ถูก ก่อนจะปรบมือไปตามจังหวะเพลงเหมือนจะหาอะไรทำในช่วงเวลาที่ทำตัวไม่ถูกแบบนี้

     

    ผมได้สิ่งที่ต้องการมาแล้วครับ

     

    เพื่อนของผมเขาเหมาะกับคำว่า “น่ารัก” มากกว่าใครจริงๆ

     

    ผมร้องเพลงต่อไปแบบกระท่อนกระแท่น เพราะผมก็ “เขิน” ไม่แพ้เขาหรอกครับ

    เฟรมหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ ตอนที่ผมจ้องหน้าคชา ถ้าตอนนี้มันไม่ได้จับกีต้าร์อยู่ ผมว่ามันคงยกมือขึ้นทำท่าชงไปแล้ว

     

    ไม่นานคชาก็ยกไอโฟนขึ้นเพื่อถ่ายรูปเราสามคน ผมที่กำลังร้องเพลงก็ทำตัวเนียนไม่มองกล้อง ผมอยากให้เขาใช้ช่วงเวลานี้อย่างเป็นส่วนตัวครับ นานแล้วนะที่เขาไม่ได้ยกกล้องขึ้นถ่ายรูปพวกเราแบบนี้

     

    ตอนจบงานขณะที่เรากำลังเตรียมตัวจะกลับกรุงเทพ ผมก็เปิดทวิตเตอร์เพื่อจะเขียนขอบคุณแฟนคลับที่มาร่วมงานในวันนี้เช่นเคย ทำให้ผมเห็นเมนชั่นของเขาที่เข้ามา มันทำให้ผมดีใจขึ้นกว่าเดิม และคิดว่าดีจริงๆที่ร้องเพลงนั้นออกไป

     

    ผมไม่ได้ตอบอะไรกลับไป ผมไม่อยากให้เขาต้องมานั่งกังวลใจกับการจะก้าวข้ามเส้นที่ขีดไว้ดีไหม? ผมยอมรับในการตัดสินใจของเขาเสมอ เพียงแต่ถ้ามีโอกาส ผมก็อยากจะทำให้เขาเขิน และทำหน้าน่ารักๆแบบนั้นอีกบ่อยๆนะครับ

     

    FIN :3

     

    Talk

    มาอีกแล้วกับฟิคอิงความจริงสองมุมมอง อยากจะ “ล้อ” พี่คชาตั้งแต่ตอนได้ดูคลิปแล้ว แต่ยังไม่สบโอกาส วันนี้เลยมาเป็นฟิคสั้นๆเช่นเคย

     

    พี่คชานี่เขินน่ารักจริงๆนะคะ ยิ่งเวลาเขินพี่เต๋านี่น่ารักเป็น 223 ล้านเท่าเลย #โห

     

    ยังไงก็ฝากผลงานนี้ด้วยนะคะ

     

    รักเต๋าคชา รักคนอ่าน เย้ ^^

     

    ,มินิ <3

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×