ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fiction] ณ สนามเด็กเล่น - TaoKacha

    ลำดับตอนที่ #11 : ตอนที่10 แสงแรกเพียงหนึ่งเดียว

    • อัปเดตล่าสุด 11 ส.ค. 56


    ตอนที่10 แสงแรกเพียงหนึ่งเดียว




    ผ่านมื้อเย็นไปพร้อมกับปาร์ตี้บาร์บีคิวเล็กๆแต่อบอุ่น น้องน่ารักมากครับ ทั้งเค้นท์และคชานั่งโยกตัวร้องเพลงตามเสียงกีตาร์ของคุณอาที่พกมาด้วย ผมช่วยคุณน้าอยู่หน้าเตาปิ้ง เหมือนเจ้าตัวเล็กจะยังไม่อิ่ม วิ่งถือจานใบเดิมที่เหลือแต่ไม้วางเรียงรายกลับมาขอใหม่เป็นรอบที่สาม

     

    “เต๋าไปเล่นกับน้องเถอะลูก เดี๋ยวน้าทำเอง” ผมเอ่ยขอตัวพาน้องออกไปนั่งบนเก้าอี้ไม้ตรงมุมหนึ่ง ไม่อยากให้เขาอยู่ใกล้เตา อะไรก็เกิดขึ้นได้ ถ้าเผลอไปปัดโดนจะทำยังไง

     

    “พี่เต๋าๆ คุณแม่บอกว่าพระอาทิตย์ขึ้นสวยมาก น้องคชาอยากดู พรุ่งนี้มาดูด้วยกันนะ”

     

    “จะตื่นไหวเร้ออออ” ผมแกล้งแหย่ น้องจิ้มปลาหมึกชิ้นสุดท้ายเข้าปากแล้วก็เคี้ยวตุ้ยๆก่อนจะหันมาดึงมือผม

     

    “งั้นไปนอนกันเถอะ!” ท่าทางจะกลัวตื่นไม่ทันจริงๆครับ น้องกึ่งจูงกึ่งลาก อีกมือนึงก็หันไปโบกลาทุกคน

     

    “พ่อครับแม่ครับ บ้ายบาย น้องคชารีบไปนอนก่อนนะ พรุ่งนี้จะตื่นมาดูพระอาทิตย์ล่ะ เค้นท์อย่าลืมอาบน้ำนะ เหม็นเน่าแหวะๆ” แสบจริงๆครับ พูดไปก็หัวเราะไปไม่ได้คิดเลยว่าตัวเองก็มีแต่กลิ่นอาหารเหมือนกัน...น่ากินจริงๆ

     

    “อาบน้ำแปรงฟันด้วยนะครับ พี่จะเตรียมชุดนอนไว้ให้ อย่ามัวแต่เล่นน้ำนะ” ไม่รู้เจ้าตัวเล็กได้ฟังคำเตือนบ้างหรือเปล่า เพราะอยู่ตรงนี้ได้ยินเสียงร้องเพลงลั่นห้องน้ำ

     

    ผมจัดชุดนอนให้เขา ทอดเวลาคิดอะไรเพลินไม่นานน้องก็ห่มผ้าขนหนูออกมา ช่วยเด็กน้อยทาแป้งแต่งตัวแล้วก็เตรียมส่งคนตัวเล็กให้หลับฝันดี

     

    “พรุ่งนี้พี่เต๋าจะมาปลุกน้องคชาแน่นะ...”

     

    “แน่สิครับ” แตะจูบลงบนเรือนผมนุ่ม น้องประคองแก้มผมไว้ด้วยสองมือเล็กแล้วก็ทำในแบบเดียวกัน

     

    รอยชื้นตรงหน้าผากจากริมฝีปากเล็กเหมือนมันจะซึมซาบไปทั้งร่างจนเหมือนในปากลิ้มรสหวานของความสุข น้องปิดเปลือกตาลงช้าๆผมถึงพาตัวเองกลับมาห้อง คืนนี้อากาศดีมากครับ ดาวระยับเต็มท้องฟ้า เสียงเฮฮาด้านนอกเงียบลงแล้ว ทุกคนกำลังแยกย้ายเข้าพักผ่อน

     

    ผมทอดตัวลงกับเตียงนุ่ม เลื่อนจอมือถือดูรูปที่ถ่ายกับน้องไปเรื่อยมารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่เกือบเข้าวันใหม่ กลิ่นหอมจากผิวเนื้อนุ่มของเด็กตัวน้อยยังติดปลายจมูก ต่อให้พยายามยังไงคงหลับตอนนี้ไม่ลง

     

    สุดท้ายจึงต้องพาตัวเองออกมาสูดกลิ่นไอทะเลฟังเสียงคลื่นสาดซักเข้ากระทบหาดทรายละเอียด ลมเย็นพัดเอื่อย ดื่มด่ำกับดาวดวงเล็ก นานมากเหลือเกินที่ไม่ได้ใช้เวลาไปกับการชื่นชมธรรมชาติ ถ้าวันนึงได้ยืนอยู่ตรงนี้กับน้องผมคงมีความสุขที่สุด แค่คิดก็อดอิจฉาตัวเองไม่ได้

     

    เสียงใครคนหนึ่งเข้ามาใกล้ ยังไม่ทันได้หันไปก็รับรู้ถึงแรงโถมเข้าหา

     

     

    “คชา”

     

     

    “ฮ่าๆๆ พี่เต๋าตกใจไหม?” ตกใจ...แต่แปลกใจมากกว่า

     

    “ทำไมยังไม่นอนครับ?”

     

    “ก็น้องคชานอนไม่หลับ ไปหาพี่เต๋าก็ไม่อยู่ ออกมาเดินดูก็เจอพอดีเลย ดีใจจัง”

     

    “วันหลังอย่าออกมานะครับ มันดึกมากแล้ว ถ้าเกิดพี่เต๋าไม่อยู่ตรงนี้ใครจับตัวไปจะทำยังไง” ไม่ได้หลอกน้องนะครับ แต่เดี๋ยวนี้มีแต่ข่าวเด็กหาย ถ้าวันนึงน้องหายไป...ผมอยู่ไม่ได้

     

    “งั้นพ่เต๋าก็อย่าปล่อยให้น้องคชาอยู่คนเดียวสิครับ”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    “พี่สัญญา พี่จะอยู่กับน้องคชา จะไม่ไปไหน”

     

     

     

     

     

     

     

    ถ้าน้องคชาไม่ให้พี่ไป

     

     

     

     

     

    “ตรงนู้นมีชิงช้า น่าเล่นมากเลย พี่เต๋าไกลชิงช้าให้น้องคชาหน่อยนะๆๆ”

     

    “ถ้าเล่นเหงื่อออกต้องอาบน้ำใหม่นะครับ” น้องทำปากยื่นเหมือนกำลังพยายามคิดอะไรบางอย่าง

     

    “งั้นนั่งเล่นอย่างเดียวก็ได้....”

     

    พี่เต๋าเคยขัดใจน้องคชาหรือครับ

     

     

     

    เรานั่งเล่นบนชิงช้าใต้ต้นไม้ใหญ่ ลมเย็นพัดกลิ่นของคนในอ้อมกอดให้ต้องสูดหายใจกักตุนไว้เสียจนชุ่มปอด เสียงเล็กพูดคุยไม่หยุดชวนให้ดูดาวดูพระจันทร์ ไหนจะปูลมที่วิ่งผ่าน

     

    “คชาชอบที่นี่ไหมครับ?”

     

    “ชอบมากๆเลยครับ ไว้เรามาอีกได้ไหม?”

     

    “ได้สิครับจะมาอีกกี่รอบก็ได้ พี่จะพามา” น้องยิ้มดีใจ หันหน้ามากอดคอมผมไว้แน่น

     

    “ถ้าน้องคชาโต จะนั่งตักพี่เต๋าแบบนี้อีกได้ไหม” เหมือนน้องจะพูดกับตัวเองมากกว่าถาม แต่ผมก็ยินดีตอบ

     

    “ได้สิครับ พี่เต๋าชอบให้น้องคชานั่งตัก แล้วก็กอดไว้แบบนี้” ผมกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น น้องเอนพิงแผ่นอกหนาซบหน้าอิงไว้

     

    “พี่เต๋าไม่หนักหรือครับ” ตัวแค่นี้จะไปหนักอะไร

     

    “พี่เต๋าอุ่นจังเลย” อากาศเย็นจนกลัวว่าน้องจะเป็นหวัด ผมเอ่ยปากชวนกลับเข้าไปนอนหลายรอบแต่เจ้าตัวก็ยังยืนยันที่จะอยู่ตรงนี้แม้จะหาวแล้วหาวอีกก็ตาม

     

     

    ตัวเล็กในอ้อมกอดของผมแทบไร้เรี่ยวแรง ศีรษะเล็กโครงไปมาต้องช่วยจับให้แนบอก น้องตาหรี่ปรือแต่ก็ยังจะฝืนตัวเอง ใช้ปลายนิ้วเกลี่ยเส้นผมนุ่มที่พลิ้วตามแรงลมก่อนนะแต้มจูบตามลงไป

     

     

     

    หลับเถอะครับคนดี

    พี่จะกอดไว้แบบนี้ไม่ไปไหน

    ตื่นมาน้องจะเห็นพี่ก่อนใคร

    ให้นิทราพาเจ้าไปเพื่อพบกันใหม่ยามลืมตา

     

     

    “พี่เต๋าต้องปลุกน้องคชานะครับ”

     

     

    ผมกดจูบเป็นคำตอบบนเปลือกตา

     

     

     

     

     

     

     

     

    กลิ่นไอทะเลยังโอบล้อมเราพร้อมสายลมและรุ่งอรุนณที่กำลังจะมาเยือน ใจหนึ่งอยากให้น้องมีความสุขกับนิทราแสนหวานที่กำลังพาให้เจ้าตัวอมยิ้มน้อยๆแม้ไม่รู้สึกตัว แต่ก็ไม่อยากผิดสัญญาพอๆกับที่อยากให้น้องเห็นภาพที่สวยที่สุด

     

    ผมปล่อยให้ตัวเองลังเลได้ไม่นานก็แตะจุมพิตแผ่วเบาลงบนกลีบปากเล็ก

     

    “น้องคชา...ตื่นได้แล้วครับ” รสหวานซ่านจากปลายลิ้นเมื่อเลาะเล็มเก็บเกี่ยว จะว่าผมเห็นแก่ตัวก็ได้ที่กระทำอุกอาจในยามที่น้องไม่รู้สึกตัว

     

    แต่คุณไม่เป็นผม...คุณไม่มีทางรู้เลยว่าต้องหักห้ามใจแค่ไหนเมื่อต้องอยู่กับคนที่เรารัก...มาก แต่ทำอะไรไม่ได้เลย ผมกลัวไปหมด กลัวว่าจะทำร้ายน้อง กลัวอนาคตที่ยังมาไม่ถึงแม้จะบอกกับตัวเองให้อยู่กับปัจจุบัน แต่มันไม่ง่ายเลย ตราบใดที่เรารักคนๆหนึ่ง

     

     

    “ตื่นได้แล้วครับเด็กดี...ใครกันนะบอกพี่ว่าจะรอดูพระอาทิตย์ขึ้น”

     

    น้องรู้สึกตัวแล้วครับ มือเล็กขยี้ตาแรงจนผมต้องดึงออกเพราะกลัวเขาเจ็บ ปากบางเจ่อแดงเคลือบรอยชื้นหาวกว้างน่าเอ็นดูจนต้องเก็บกลิ่นหอมกับแก้มใสอีกหลายที

     

    “ตื่นมาดูพระอาทิตย์ขึ้นเป็นเพื่อนพี่เต๋าหน่อยสิครับ...มัวแต่หลับสบายอยู่คนเดียวได้ยังไง”

     

     

    “ไหนครับ ไหนๆๆ” น้องถามหา ผมเลยชี้ไปที่เสี้ยงหนึ่งของดวงอาทิตย์สีส้มทอแสงนวลที่กำลังสาดประกายระยับบนผืนน้ำ น้องยิ้มเต็มแก้ม พูดไม่ขาดปากว่าสวยก่อนจะหันมาถามผม

     

    “พี่เต๋าเอาโทรศัพท์มาหรือเปล่าครับ ถ่ายไว้ๆ ถ่ายให้น้องคชาหน่อย”

     

    โชคดีที่ผมพกมาด้วย เลยได้ถ่ายทั้งพระอาทิตย์ขึ้นทั้งเด็กน้อยที่วิ่งไปบนหาดทรายเอาเท้าแตะน้ำเล่นเพราะอยากอยู่ใกล้พระอาทิตย์ให้มากที่สุด

     

     

    เราอยู่ด้วยกันแบบนี้ มีน้องที่จับมือผมไว้จนแสงแรกของวันทะเต็มดวง

     

     

    แรงกระตุกเบาๆตรงปลายนิ้วเรียกให้ผมนั่งลงคุกเข่าอยู่ในระดับเดียวกับตัวเล็ก น้องกอดคอผมแน่นก่อนจะทำในสิ่งที่ผมไม่คาดคิด

     

     

    น้องแตะริมฝีปากกับผมย้ำๆก่อนจะโผเข้ากอดแล้วกระซิบข้างหู

     

     

    “น้องคชารักพี่เต๋าจังเลยครับ อยากดูพระอาทิตย์ขึ้นกับพี่เต๋าทุกวันเลย”

     

     

     

     

    ผมรักเขา

    รักจนไม่รู้จะบรรยายออกมายังไงได้หมด

    หวังเพียงวันข้างหน้า น้องจะไม่ลืมว่า “เคย” รักพี่เต๋าคนนี้เหมือนกัน

     

     

     

     

     

                    ...........................

     

     

     

     

     

                    “ทำอะไรอยู่ครับ?” เสียงใครคนนึงเอ่ยถามจากด้านหลัง ผมสะดุ้งสุดตัวจนรีบกดย่อหน้าโปรแกรมแทบไม่ทัน

     

                    “แอบดูหนังอย่างว่าอยู่หรือไง คชาถึงดูไม่ได้”

     

                    “ป่าวซักหน่อย....แค่ดูรูปเก่าๆ” ผมจัดการปิดโน๊ตบุ๊คของตัวเองให้เรียบร้อย ก่อนจะละความสนใจไปหาอีกคน

     

                    “คนแก่ก็แบบนี้” เด็กหนุ่มในชุดนักเรียน....ม.ปลาย ทอดตัวลงบนเตียงนอนของผมอย่างถือสิทธิ์มือเล็กฉีดถุงพลาสติกที่ห่อหุ้มหนังสือการ์ตูนเล่มใหม่ออกอ่าน

     

                    “วันนี้มอบตัว เป็นยังไงบ้าง เจอเพื่อนใหม่บ้างหรือยัง?” ผมชวนคุย น้องก็ยินดีที่จะวางาร์ตูนเรื่องโปรดลง

     

                    “เจอทั้งเพื่อนเก่าเพื่อนใหม่เลย เจ้าพวกนั้นก็ตามมาเรียนที่นี่ด้วยนะ แต่คนละห้องกัน....อ่า....วันเปิดเทอมพี่เต๋าว่างไหม คชา....อยากให้ไปส่ง”

     

                    “พี่ก็ไปส่งเราทุกวันอยู่แล้วนี่นา” ยกเว้นวันนี้ที่คงต้องให้ผู้ปกครองตัวจริงทำหน้าที่

     

                    “ก็ไม่รู้นี่...โรงเรียนอยู่ไกลกว่าเดิม พี่เต๋าอาจจะขี้เกียจไป”

     

                    “ถ้าลุกไปอาบน้ำก่อน รับรองว่าพี่ไปส่งแน่นอน” น้องร้องโอดครวญ ตอนเด็กเป็นยังไง โตมาก็ยังไม่เปลี่ยน

     

                    “ยังไม่อาบได้ไหม ไม่เหม็นหรอก”

     

                    ผมยิ้มร้าย

                    น้องกำลังงอแง

                    ผมเลย...

     

                    “ไหนพิสูจน์ซิ” สูดกลิ่นหอมจากเส้นผมนุ่มหนึ่งฟอดให้ชื่นใจ

     

                   

                    เด็กน้อยของผมในวันวาน ผ่านไปไม่นานก็กลายเป็นเด็กหนุ่มหากยังตัวเล็กกว่าเพื่อนรุ่นเดียวกันเหมือนเดิม คุณรู้ไหมผมดีใจ ดีใจที่เรายังเหมือนเดิม ดีใจที่ผมยังกอด ยังหอมเขาได้เหมือนเคย ผมยังเป็น “พี่เต๋า” ของ “น้องคชา”  เพียงเท่านี้ก็ดีพอแล้ว...

     

                    ผมเบี่ยงตัวหลบหมอนใบเล็กที่ถูกเหวี่ยงมาหลังจากฉวยโอกาสให้ได้ชื่นใจ แล้วก็ต้องตกใจเมื่อเสียงหนึ่งดังก้องในโสตประสาท

     

     

                    เพล้ง!!

     

     

                    กรอบรูปอันเล็กบนโต๊ะเขียนหนังสือตกลงมาจนกระจกร้าวเป็นทางยาว น้องรีบเข้ามาจะช่วยเก็บพร้อมคำขอโทษเพราะความตกใจไม่แพ้กันแต่ผมห้ามเขาไว้เพราะกลัวน้องโดนเศษแก้วบาดและเพราะ...

     

     

                    เพราะ....

     

                    ความรู้สึกร้อนสลับเย็นแล่นขึ้นมาจากปลายเท้าจนถึงท้ายทอย ผมกลั้นหายใจบังคับมือไม่ให้สั่นเทาเมื่อเก็บกรอบรูปอันนั้นขึ้น ใจของผมกำลังสั่น ลางสังหรณ์บางอย่างร้องเตือนแต่ยากจะรับรู้

     

     

                    เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกใจหายเมื่อมองน้องน้อยวัยห้าขวบกับพี่ชายที่ฉีกยิ้มให้กล้อง

     

     

                    ภาพของเรา

                   

     

    TBC.

     

     

     

     

    สวัสดีนักอ่านที่น่ารักทุกคนนนนนนนน

    มาต่อแล้ววววววววววววววววววววว คิดถึงกันบ้างไหม หายไปนานเลย ไม่มีข้อแก้ตัว ฮ่าๆๆๆ ตอนนี้เป็นยังไงกันบ้าง น่าจะมีบางคนคาดไม่ถึง มีการเปลี่ยนพล็อตกันกลางคันด้วยนะเออ แต่ก็รอดมาจนได้ อยากให้ติดตามต่อจากนี้ เราจะเจอกันอีกแค่ 5 ตอนเท่านั้น ใกล้จะจบแล้วนะ อยากคุยแต่กลัวยืดเยื้อ ดึกแล้วไว้ค่อยคุยกันดีกว่า เดี๋ยวจะลงฟิคช้าเนอะ

     

    แล้วพบกันค่ะ

    ด้วยรัก

    จาก...ณ

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×