คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่1 ประกาย
Title : Love song love story II
Couple : Nut & Sin
Type : Romatic Drama
By : ณ
เสียงกระดิ่งตรงประตูกระจกสะท้อนกังวานแผ่วเป็นสัญญาณว่ามีคนมาเยือนบริษัทเล็กๆของเขาอีกคราแล้ว เรียกให้คนที่กำลังคร่ำเคร่งลงความตั้งใจกับชุดสวยอดหันมายิ้มต้อนรับไม่ได้
“สวัสดีครับ SN wedding ยินดีต้อนรับ...อ้าว พี่ณัฐ” เจ้าของรอยยิ้มอบอุ่นตรงเข้าสัมผัสเรือนผมนุ่มมือพร้อมออกแรงเกลี่ยแผ่วเบานุ่มนวล
“วันนี้เหนื่อยไหมครับ” เป็นเรื่องปกติที่ณัฐจะมารับคนรักของตัวเองไปทานข้าวเย็นด้วยกันแทบทุกเย็น เว้นเสียแต่วันนี้ที่พาตัวเองมาเยือนก่อนเที่ยงวัน
“ไม่ครับ สนุกดี มีชุดที่ต้องสั่งช่างแก้นิดหน่อยนอกนั้นก็ไม่มีอะไร” ซินส่งสายวัดในมือให้เด็กสาวในร้านที่คอยเป็นลูกมือก่อนจะหันไปรับน้ำจากแม่บ้านตัวเล็กมายื่นให้แขกประจำ
“แล้วพี่ณัฐมีอะไรหรือเปล่าครับ ปกติไม่เคยมาเวลานี้”
“พอดีน้องสาวพี่กำลังจะแต่งงาน เขาเลยกำชับนักหนาว่าต้องจองคิวบริษัทของซินมาจัดให้ได้” เจ้าของบริษัททำตาโต
“น้องพี่ณัฐ ที่ชื่อเนมใช่ไหมครับ กลับมาจากเมืองนอกแล้วหรือ?”
“เพิ่งกลับมาได้ไม่นาน กำชับนักหนาว่างานนี้ต้องเป็นซิน ไหมหรือเปล่า หรือพี่มาช้าไป” ใครๆก็รู้ว่าเอสเอ็นงานยุ่งแค่ไหน ด้วยฝีมือและความเป็นมืออาชีพของทีมงาน ไม่ยากเลยที่บริษัทเล็กๆจะก้าวขึ้นเป็นที่หนึ่งได้ในเวลาไม่นานนัก
“ว่างสิครับ จะให้ซินลงมือได้เมื่อไหร่ บอกเลย”
“ถ้าสะดวก พี่อยากให้ซินไปดูสถานที่วันนี้เลยได้ไหม?”
กลิ่นไอทะเลต้องโสตสัมผัสทันทีที่เปิดประตูลงจากรถ ผสานไออุ่นจากแสงแดดยามสายและลมเย็นพัดไหวสะบัดเอาเรือนผมสีน้ำตาลเข้มให้สะบัดละลำคอยาวระหงและใบหน้าเรียวสวยจนเจ้าตัวต้องเกลี่ยนิ้วขึ้นจับทัดหู ดวงตาได้รูปหรี่มองเรือลำใหญ่ก่อนจะก้าวขึ้นบันไดที่ทอดยาว
ท่าเรือสำคัญของเมืองครึกครื้นหากอีกด้านกลับสงบเงียบอย่างไม่น่าเชื่อ ปลายเท้าพาเอาจังหวะการก้าวเดินของตัวเองไปหยุดที่มุมอีกด้านของตัวเรือ ลูกกรงเหล็กเงาเย็นวาบต้องแสงแดดสะท้อนแข่งกับสีฟาอมเขียวของน้ำทะเลที่พาเอาคลื่นกระทบชายฝั่งและแสงอาทิตย์ให้ประกายวิบวับชวนมอง
อกบางผ่อนขึ้นลงหนักเพราะแรงหายใจที่สูดเอากลิ่นหอมของธรรมชาติเข้าปอด ภาพในฝันปรากฏตรงหน้าเขาใกล้แค่นี้เองหรือ ไม่น่าเชื่อว่ามีอยู่จริง โอกาสที่จะได้ยืนบนเรือลำใหญ่สีขาวสะอาดตาพลางทอดมองเกลียวคลื่น อยากจะหยุดเวลานี้ไว้เหลือเกิน...
ซินปัดปลายผมของตัวเองให้รวบไปอีกทางพอดีกับมือที่เกี่ยวเอาสร้อยเส้นเล็กให้หลุดร่วงพาแหวนทองคำขาววงเกลี้ยงให้กลิ้งออกนอกลูกกรงทรงเตี้ยของเรือไปจนสุดปลายในส่วนที่ยื่นออกไป บางอย่างสะท้อนวาบให้ชะงักลมหายใจ โชคดีเหลือเกินที่มันไม่หล่นลงไป ไม่งั้น...
ซินคงไม่เหลืออะไรเป็นตัวแทนเขาคนนั้นอีกเลย
กลิ่นหอมจางของแสงแดดถูกแทนที่ด้วยบางอย่างชวนให้หลงไหลยิ่งกว่า ชายหนุ่มเปิดเปลือกตาขึ้นหลังจากนอนแผ่รับไออุ่นจากดวงอาทิตย์ตรงหัวเรือ จังหวะเท้าของใครคนหนึ่งพร้อมกลิ่นหอมจางเรียกร้องความสนใจจนต้องพาตัวเองตามหาเจ้าของมัน ผ้าม่านผืนบางสีขาวสะบัดพลิ้วจากลมแรงเผยเงาร่างบอบบางของใครคนหนึ่งที่กำลังเพลิดเพลินกับบรรยากาศชวนหลงไหล เรือนผมยาวสลวยสะท้อนเขาแข่งกับประกายระยับจากท้องทะเลและผืนผ้าม่านบางยามสะบัดพลิ้ว อยากเอื้อมมือเข้าไปสัมผัสเหลือเกิน....
ชายหนุ่มทอดมองใครคนหนึ่งไม่คิดจะก้าวเข้าไปทำลายเวลาส่วนตัวหากคนที่เขาแอบมองจะไม่ปีนกาบเรืออกไปแบบนั้น ร่างสูงก้าวยาวรวดเร็วก็คว้าช่วงเอวบางไว้ได้ทัน
“คุณจะทำอะไร!” ร้องถามออกไปเสียงดังเพราะความตกใจและเป็นห่วง แผ่นอกหนาสะท้านไหวชิดแผ่นหลังบางเพราะเรียวแขนกอดกระชับแน่นกลัวว่าจะตกลงไป
“ขอโทษครับ ผม....”
“ซิน...”
“....นัท.......”
ต่างคนต่างไม่คาดคิด ต่างคนต่างไม่คาดฝันว่าจะมีวันได้เจอกันอีก หากแต่บางอย่างดับอารามตกใจปนสงสัยเหลือไว้เพียงกระแสห่วงใยที่ไม่เคยจางหาย
“เข้ามาก่อน เดี๋ยวลื่นตกลงไป มันอันตราย”
“ไม่ได้...เรา....ต้องเก็บของสำคัญ”
ของสำคัญที่ว่าชวนให้นัทมองตามไปยังจุดที่เกือบพาร่างบางล่วงสู่ทะเลลึกแล้วก็ต้องสะดุดลมหายใจ เงาสะท้อนของมันคุ้นใจไม่เปลี่ยนแปลงตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้
“ขึ้นมาเถอะ นัทจะไปเก็บให้” ช่วงแขนแกร่งกอดเขาช่วงเอวบางอุ้มขึ้นพ้นจากรั้วกั้นเข้าสู่พื้นที่ปลอดภัยก่อนจะเป็นตัวเองที่ก้าวเข้าหาอันตรายอย่างคุ้นชินพร้อม “ของสำคัญ” ในมือ
นัทก้มลงหยิบสร้อยเส้นเล็กบนพื้น คล้องเอาแหวนวงนั้นไว้ในที่เดิมของมัน
“หันมาสิ” ซินทำตามอย่างว่าง่าย ไม่นานแหวนวงเล็กก็ทาบอยู่บนอกเขา ปลายนิ้วสวยรวบเอาเส้นผมนุ่มมือไว้อีกด้านเพื่อติดตะขอให้ ลมหายใจอุ่นสูดลึก อ้อยอิ่งอยู่กับช่วงคอขาว
นี่เองกลิ่นหอมที่เขาตามหา
สัมผัสที่แสนคุ้นเคย
"ซิน...มาทำอะไรที่นี่?" นัทเอ่ยถาม นานเหลือเกินที่ไม่ได้เจอกัน ไม่มีแม้การติดต่อทำให้ขัดเขินที่จะทักทายมากไปกว่านี้
"เรามาดูสถานที่ แล้วนัท?"
"นัทเป็นเจ้าของที่นี่..."
ต่างคนต่างเงียบไปเสมองทิวทัศน์รอบด้านแต่ความสวยของมันก็ยังไม่น่ามองเท่าคนตรงหน้า
"ไม่ได้เจอกันนาน สบายดีใช่ไหม" หากคราวนี้เป็นซิน พยายามเหลือเกินที่จะทำให้ทุกอย่างเป็นปกติ
เป็น "เพื่อน" ในแบบที่อยากให้เป็น
แต่มันไม่ง่ายเลยในเมื่อ...เขายังรู้สึกเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ทั้งที่คิดว่าตัดใจได้แล้วแท้ๆ แค่ไม่กี่นาทีที่เจอกัน นัททำให้ซินรู้ว่าทุกอย่างในความรู้สึกของเขามันยัง...
เหมือนเดิม
"แล้วซินล่ะ สบายดีไหม ผอมลงหรือเปล่า" เมื่อก่อนเป็นห่วงยังไง ตอนนี้ไม่เคยเปลี่ยนไป ตลอดเวลาที่ห่างหายนัทยังคงคิดถึง อยากเจอ อยากมาหา อยากได้ยินเสียงแต่ก็ทำได้เพียงเก็บเรื่องราวเหล่านั้นไว้เป็นเพียงความทรงจำดีๆ เขาหวังจนหมดหวังไม่คิดว่าวันนี้จะได้กลับมาเจอกันอีกพร้อมความบังเอิญ ใจเขามันสั่นพาลไปถึงมือที่สวมสร้อยเส้นนั้นให้
แม้จะเคยสวมให้มาแล้วครั้งหนึ่งก็ตาม
ไม่คิดว่าซินจะยังเก็บไว้ เหมือนที่เขา ก็ยังเก็บเจ้าของแหวนวงนั้นไว้ในใจเหมือนกัน
"พอดี...เราต้องมาทำงานที่นี่ ถ้าไม่ว่าอะไร ขออยู่จนค่ำได้ไหม สัญญาว่าจะไม่ทำอะไรเสียหาย" บรรยากาศเริ่มผ่อนคลายเมื่อปล่อยให้เสียงหัวเราะแผ่วเบาได้ทำหน้าที่ของมัน
"อยู่เฉยๆไม่ได้หรอก ที่นี่บรรยากาศดีมาก ยิ่งถ้าได้นั่งทานอาหารจิบไวน์ชมพระอาทิตย์ตกดินด้วยแล้ว รับรองว่าซินต้องชอบ"
"รู้ได้ยังไงว่าเราชอบ" คนถามหรี่ตาล้อเลียน
"ซินยังเหมือนเดิม นัทมั่นใจ"
".....ถ้ามีคนเลี้ยง เราถึงจะชอบ...."
ถ้าเป็นเมื่อก่อน นัทคงจะตอบกลับไปว่า "เลี้ยงซินได้ตลอดชีวิตเลย" แต่สิ่งที่เขาทำได้ตอนนี้ มีเพียงแรงกุมแผ่วเบาตรงข้อมือบางแล้วออกแรงให้เดินตามไปท้ายเรือด้วยกันเท่านั้นเอง
"ที่นี่สงบดีจัง นัททำได้ยังไง"
"เราจัดระเบียบพื้นที่ของเกาะให้ได้สัดส่วน อีกด้านหนึ่งเป็นท่าเรือขนส่งสินค้า อีกด้านเป็นร้านอาหารและที่พัก ส่วนด้านนี้เราไว้เทียบท่าเฉพาะเรือส่วนตัวและเรือสำราญที่เปิดให้ใช้บริการแค่ปีละครั้ง ลูกทัวร์ต่างชาติชอบมาก เราเลยตัดความวุ่นวายด้วยการประมูล จะมีอีกทีก็ปีหน้า เพราะปีนี้เราใช้จัดงานอื่นแล้ว"
"อยากเป็นหนึ่งในลูกทัวร์จัง ไม่น่าเชื่อ อยู่ดีๆทำไมมาทำธุรกิจด้านนี้ได้" นัทยิ้มน้อยๆ กดไหล่ให้ซินนั่งลงบนเก้าอี้สีขาวตัวเล็กตรงท้ายเรือก่อนตัวเองจะย่อกายลงคุกเขาตรงหน้า
"คนสำคัญของนัทเขาชอบทะเล ก็เลย...อยากทำอะไรเกี่ยวกับทะเล จะได้เหมือนมีเขาอยู่ใกล้ๆตลอดเวลา" แรงเต้นในอกบางมันรัวเร็วจนเจ็บแน่น ใครคนนั้นของนัท ซินพอจะเข้าข้างตัวเองได้หรือเปล่า
"เขาคงดีใจ" ได้แต่เอ่ยรับแผ่วเบา ไม่คิดว่าจะโดนถามกลับด้วยประโยคที่เขาไม่กล้าแม้จะตอบ
"แล้วซินดีใจไหมครับ?"
ซินยังมีสิทธิ์นั้นอยู่หรือ
"หิวแล้ว" เอ่ยบอกเสียงอ่อยเปลี่ยนเรื่องเพราะไม่อยากตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากจะวางตัว แม้จะคุ้นเคยแต่ระหว่างเขาก็นานเกินกว่าจะคุ้นชินกับการพูดคุยกันในลักษณะนี้ ทำได้เพียงเก็บเอาไว้ เก็บความรู้สึกที่มันยังเต็มตื้นไว้ไม่ให้ต่างฝ่ายต่างสังเกตเห็น
รัก
คำนี้ยังเด่นชัดและมั่นใจ ก่อนเคยมากมายเพียงใดวันนี้มันยังเท่าเดิม หากไม่มีอุปสรรคที่ยิ่งใหญ่ หากแม่ของนัทไม่กีดกันและขอร้อง เชื่อว่าวันนี้เขาจะยังเคียงข้างกันได้อย่างมีความสุข
ใช่ว่าไม่พยายาม นัทและซินพิสูจน์ตัวเองทุกวิถีทางที่พอจะทำได้เพื่อให้ครอบครัวยอมรับ แต่คนเป็นแม่ จะมีสักกี่คนที่ทำใจรับได้ ยิ่งเป็นแม่ของนัทด้วยแล้ว น้ำตากับคำขอร้องของท่านทำให้คนคนสองคนตกลงกันที่จะ...
แยกทาง
ละทิ้งความสุขส่วนตัวของตน เพื่อความสุขของคนที่รักไม่ต่างกัน ยอมจบด้วยดีเพื่อเริ่มชีวิตใหม่...บางครั้ง คนที่รัก อาจไม่ใช่คนที่จะเป็นคู่ชีวิต ซินยอมรับในความจริงข้อนั้น ตราบใดที่เขาสองคนไม่ได้เกิดมาเพื่อกันและกัน ท้ายที่สุดแล้วต่อให้สังคมยอมรับ เราคงจะแยกจากกันในสักวัน
เหตุผลที่ดูเหมือนง่ายแต่ไม่ใช่เลย ปัญหาที่ดูเหมือนเล็กแต่มันกลับยิ่งใหญ่ สุดท้ายเขาจึงเลือกทางออกของมันเช่นเดียวกัน
จนวันนี้
วันที่ท้องฟ้า สายลม ไอแดด เกลียวคลื่น หรือแม้แต่ประกายระยับจากผืนน้ำพาเขาให้กลับมาเจอกันอีกครั้ง...
ซินและนัทควรทำอย่างไร
“ไม่ได้ดูพระอาทิตย์ตกดินแบบนี้มานานแล้ว” ครั้งสุดท้ายสำหรับซินคือแปดปีก่อน แสงสีส้มที่เคยสวยงามเมื่อถูกทะเลกลืนกินในวันนั้นช่างเศร้าหมองไม่ต่างจากซินและนัท วันที่เขาต้องเดินจากกันวันยังสะท้อนให้น้ำใสคลอรื้นในหน่วยตาทุกครั้งที่นึกถึง
“นัทก็ไม่เคยเห็นมันสวยมานานแล้ว จนวันนี้” วันที่ได้ทอดสายตามองมันพร้อมซินอีกครั้ง
บทสนทนาเฉกเช่นเพื่อนเก่าที่ไม่ได้พบกันนาน แต่ต่างฝ่ายต่างรู้ว่าความอบอุ่นที่มันแผ่ซ่านโอบคลุมไม่ใช่แค่จากไวน์รสเลิศ ผืนฟ้าเริ่มถูกป้ายสีน้ำเงินเข้มจนมืดสนิท ดาวดวงสวยพราวระยับแข่งกับจันทร์ดวงโต นัทลอบมองดวงตาประกายใสที่สนใจเพียงกลุ่มดาวแล้วอดจะถามไม่ได้
“เห็นชมแต่ดาว แบบนี้พระจันทร์ก็น้อยใจแย่”
“ก็แสงดาวมันสวยนี่”
“มีคนบอกว่าแสงของดาวเป็นเพียงลำแสงที่ต้องใช้เวลากว่าจะเดินทางมาถึงให้เรามองเห็น เผลอๆดาวดวงนั้นอาจดับแสงไปแล้วก็ได้ บางทีแสงที่เราเห็นอาจเป็นแค่อดีตของดาวดวงนั้น” ซินยิ้มน้อยๆ ละความสนใจจากกลุ่มดาวมาสบตาอีกคนแทบ
“คงเพราะเรารักอดีตล่ะมั้ง ถึงได้ชอบมองดาว”
อดีตที่เรามีกัน
ยิ่งดึกอุณหภูมิยิ่งลดต่ำ นัทจึงปล่อยให้ร่างบางดื่มด่ำกับบรรยากาศไปเงียบๆก่อนจะหายเข้าไปในเรือและกลับออกมาพร้อมผ้าพันคอผืนใหญ่ ความนุ่มอุ่นของมันโอบล้อมจากด้านหลังชวนให้หันไปมองถึงได้สบตากับเจ้าของใบหน้าหล่อคม
“อากาศเย็น ห่มผ้าอุ่นๆหน่อยนะ เดี๋ยวจะเป็นหวัด” หากคนพูดไม่ปล่อยให้เนื้อผ้าทำหน้าที่ของมันแต่เพียงผู้เดียวเมื่อเขายังคงโอบแขนกอดประคองไว้หลวมๆ ซินหัวเราะขำเมื่อลมบกพัดเอาปุยนุ่นให้ติดลงบนปลายผมที่ถูกเซ็ทไว้อย่างดีของคนตัวสูง เขาหยิบมันออกให้แผ่วเบา
“ขอบคุณครับ ซินอุ่นมากเลย”
ไม่ใช่แค่ร่างกายหากเป็นลมหายใจที่สะท้อนต้องกัน ความปรารถนาในส่วนลึกมันเรียกร้องการชดเชยในส่วนที่ขาดหายไปเนิ่นนานจนริมฝีปากของทั้งคู่เคลื่อนเข้าหากันช้าๆ จมูกโด่งเกลี่ยผิวแก้มนุ่มอ้อยอิ่งยามเมื่อริมฝีปากของทั้งคู่แตะสัมผัสกัน แผ่วเบา เนิ่นนาน บดคลึงให้หวนรำลึกถึงวันวานที่ไม่เคยจางหายไปจากความทรงจำ เรียวลิ้นสอดลึกกวาดต้อนในปากเล็กแผ่วเบาอ่อนหวาน เคล้าคลอผสานรสไวน์และรสชาติเฉพาะตัวแบบที่โหยหาเหลือเกินเข้าด้วยกันจนยากจะถอดถอน อยากหยุดเวลานี้ไว้ ให้มีเพียงเรา มีแค่นัทกับซิน
“คิดถึง...ซินได้ยินไหม คิดถึงเหลือเกิน” เจ้าของชื่อครางรับเพราะเมื่อจบประโยคนั้นริมฝีปากของเขาก็หมดสิทธิ์ที่จะตอบสนองใดๆนอกจากรสหวานซ่านที่อีกคนหยิบยื่นให้
ไม่ต่างกันเลย ซินทั้งคิดถึงและโหยหา คิดถึงอ้อมกอดอบอุ่น รอยจุมพิตหวานลึกและน้ำเสียงทุ้มต่ำแต่เขากลับทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากเก็บมันไว้ให้ลึกที่สุด เพราะมันไม่มีวัน ไม่มีวันที่จะกลับมาเหมือนเดิม
“นัท อยู่แถวนี้หรือเปล่าเอ่ย” เสียงใสของหญิงสาวพาให้คนทั้งคู่ผละออกจากกัน ไม่นานเจ้าของเสียงนั้นก็ปรากฏกายขึ้นพร้อมชายหนุ่มอีกคนที่ถอดแบบดวงตาและจมูกโด่งกันมาไม่ผิดเพี้ยน
“อ้าว นัทอยู่นี่เอง” หญิงสาวตรงเข้ามาควงแขนอย่างสนิทสนม
“นี่...คุณซินใช่ไหมคะ? พ่ณัฐคุยนักหนาว่ามีแฟนเก่ง ขอบคุณมากๆนะคะที่ยอมมาช่วยเนม”
อาการชาเกาะกินตั้งแต่ปลายเท้าไปทั่วทั้งร่าง ซินแทบไร้เรี่ยวแรงจะทรงตัวหากณัฐไม่ตรงเข้ามาโอบประคองช่วงไหล่ไว้
“น้อยๆหน่อยยัยเนม อย่าใช้งานแฟนพี่หนักนัก เดี๋ยวขอแนะนำตัวอย่างเป็นทางการก่อน ซินครับ นี่เนมน้องสาวพี่คนที่เล่าให้ฟังบ่อยๆว่าไม่ค่อยสวย แล้วก็นัทว่าที่น้องเขย คงรู้จักกันแล้วเนอะ”
รู้จักสิ ทำไมซินจะไม่รู้จัก
เสียงโวยวายของเนมที่ต่อว่าพี่ชายไม่ทำให้คนสองคนละสายตาออกจากกันเลย สายตาที่ทอดมองมันต่างจากเมื่อครู่ลิบลับ ความเว้าวอนเคลือบรอยเศร้าเด่นชัดพร้อมหัวใจที่เหมือนจะแตกสลายลงอีกครั้ง ความอบอุ่นเมื่อครู่หนาวเหน็บจนซินต้องยกแขนขึ้นโอบกอดตัวเองไว้กดเอาแหวนวงเล็กตรงหน้าอกให้มันฝังลึกแนบผิวเนื้อ แพรขนตากระพริบถี่ไล่หยาดน้ำพาให้อีกคนเจ็บไปทั้งใจ
ขอโทษ
นัทอยากพูดคำนั้นเหลือเกิน แต่ทุกคำพูดมันเปร่งออกไปยากเย็นเมื่อร่างเล็กนั้นถูกโอบกอดด้วยผู้ชายอีกคน ไม่ใช่เขา ไม่ใช่นัทคนนี้อีกต่อไป
ความสุขที่มีกันและกัน มันสั้นเหลือเกิน
To be con.
Chapter 2
Talk : สวัสดีนักอ่านที่น่ารักทุกท่านค่ะ เรื่องนี้หายปี่ปีแล้วนะ???? ฮืออออ มันนานมากเลยใช่ไหม สำหรับใครที่ไม่เคยอ่านภาคแรก ไม่ต้องห่วงนะคะ เนื้อเรื่องไม่ต่อัน เราเพียงแต่เอาเพลงในอัลบั้มนั้นๆมาถ่ายทอดเป็นฟิคเท่านั้นเอง
และอยากบอกว่าฟิคเรื่องนี้ “ดราม่า” นะคะ เตือนไว้ตั้งแต่ตอนนี้เดี๋ยวไม่งั้นคนแต่งจะโดนด่าตอนจบเรื่อง ฮ่าๆๆๆ
แล้วพบกันค่ะ
ด้วยรัก
จาก...ณ (เปลี่ยนนามปากกาแล้วนะ อิอิ)
ความคิดเห็น