คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Chapter - 1
My prince{ss}
“ทุกคน เร่งมือหน่อย อีกไม่กี่ชั่วโมงงานจะเริ่มแล้ว ตรงนั้น ระวังจะตกลงมาแตก น้ำนั่นเดือดหรือยัง ใส่เนื้อลงไปเลย”
เสียงโหวกเหวกโวยวายดังก้องในเรือนครัวด้านหลังนอกพระราชวังหลังใหญ่ สาวใช้พากันวุ่นวายกับการเตรียมงานสำคัญ
วันครบรอบ 18 ปีของพระราชโอรส
เจ้าชายบนหอคอยคงกำลังประดับพระวรกายสง่างามในแบบที่คนธรรมดาอย่างเขาไม่มีวันได้แม้แต่จะได้สัมผัส
“คชา มัวแต่เหม่ออยู่นั่น แล้วถือแจกันแบบนั้นได้ตกแตกพอดี ดอกไม้ที่แม่ให้จัดเสร็จหรือยัง” ร่างเล็กสะดุ้งน้อยๆกับเสียงของมารดาที่ตะโกนมาจากด้านใน
“เหลือแจกันสุดท้ายก็เสร็จแล้วครับแม่”
คนที่ทำงานมาตั้งแต่ฟ้ายังไม่สางจนตอนนี้พระอาทิตย์กำลังจะลาลับขอบฟ้าอีกครั้งพรูลมหายใจอย่างอ่อนล้า เขาควรจะไปฝึกทหารแบบลูกหลานข้ารับใช้คนอื่นๆสิ ไม่ใช่ต้องมาอยู่ก้นครัวเพราะตัวเล็กเกินไปแบบนี้ คิดแล้วมันน่าหงุดหงิดชะมัด!!
“ดอกไม้แจกันสุดท้ายเรียบร้อยแล้วใช่ไหมคชา” เจ้าของรูปร่างสมส่วนพร้อมรอยยิ้มสวยนั่งลงข้างกัน กระโปรงสีเข้มเครื่องแบบแม่บ้านถูกถลกขึ้นน้อยๆเมื่อเจ้าของหย่อนขาลงแช่ในน้ำที่ไหลจากลำธารบนยอดเขา
“เรียบร้อยครับแม่ แล้วพวกขนมนมเนย เสร็จแล้วหรือครับ”
“เรียบร้อยจ้ะ กว่าจะเสร็จก็เล่นเอาเกือบแย่ วิ่งวุ่นในครัวจนแทบจะชนกัน เสร็จแล้วก็ไปพักผ่อนซะนะลูก เตรียมแรงไว้เก็บข้าวของหลังงานเลิก คราวนี้ล่ะ เหนื่อยกว่าตอนจัดอีกเท่าตัว” ถึงจะบ่นแบบนั้นแต่ทุกคนก็รื่นเริงและสนุกสนานไปพร้อมกับงานนี้ทุกปี
“แม่เอาแต่ทำให้คนอื่นเขา ไม่อยากทานเองบ้างหรือครับ มีแต่ของน่ากินเต็มไปหมด นี่ถ้าได้อยู่ในงานนะ คชาจะ....โอ้ย! แม่ตีลูกทำไม! !” มือสวยคลำไหล่ตัวเองปล้อยๆ อันที่จริงก็ไม่ได้เจ็บขนาดนั้นหรอก แค่อยากสำออยอ้อนแม่เท่านั้นเอง
“ลูกคนนี้นี่ คิดอะไรพิเรนๆอีกแล้วใช่ไหม ห้ามเข้าไปในงานเด็ดขาดนะ ไปเลย เลิกเพ้อเจ้อแล้วก็ไปหาข้าวกินได้แล้ว ต้มฟักก็อร่อย หรือจะคิดว่ากระดูกหมูเป็นไก่อบแม่ก็ไม่ว่าหรอกนะ”
“โถ่...แม่อ่ะ แค่คิดก็ไม่ได้”
“เที่ยงคืนแม่จะไปตามที่ห้องมาช่วยกันเก็บของ ถ้าไม่อยู่ล่ะน่าดู” ได้แต่รับคำเสียงอ่อย อยากรู้เหลือเกินว่าด้านในมันจะสวยสง่าเหมือนดังหอคอยที่เขาแอบมองอยู่ทุกวันไหมนะ คชาได้แต่อยู่ในครัว สระน้ำ และเที่ยวเล่นตรงเชิงเขา อ่อ มีในตลาดอีกที่ แต่เขาไม่เคยได้เข้าใกล้วังใหญ่เลยซักครั้ง มากสุดก็เห็นจะเป็นสวนท้ายวังเท่านั้น
ถ้าไม่เคยเข้าไป...ก็หมายความว่าจะไม่มีใครเคยเห็นหน้าหรือรู้จักเขาน่ะสิ
ถ้างั้น....
“ลูกแม่ แต่งตัวเสร็จหรือยังลูก” หญิงสาวสวยสง่าใต้ชุดสมกับฐานันดรศักดิ์จุมพิษเหนือแก้มลูกชายซ้ายขวา ถึงอายุจะเข้าวัยกลางคนแล้วแต่เธอก็ยังดูอ่อนกว่าวัยและงดงามเสมอ
“เรียบร้อยครับท่านแม่ ลูกขอเตรียมตัวอีกซักพักแล้วจะลงไป”
“งั้นแม่จะให้ท่านราชองครักษ์มาตามแล้วกันนะจ้ะ อยากได้ของว่างอะไรไหม?”
“ขอเป็นน้ำเปล่าซักแก้วก็พอครับ”
“ได้ค่ะลูก อ่อ นี่เป็นของขวัญพิเศษ แม่ให้ อย่าไปบอกใครเชียวนะ” ผู้เป็นแม่หยิบของบางอย่างจากใต้ชายแขนเสื้อยาวกรอมพื้น กล่องใบยาวถูกยื่นมาตรงหน้าลูกชายสุดที่รัก
“อะไรหรือครับ”
“ลองเปิดดูสิจ้ะ” ฟลุตสีวาวทำจากทองคำขาวประดับอัญมณีพองามสลักชื่อเป็นภาษาอังกฤษส่งผลให้ผู้รับยิ้มกว้างก่อนจะรั้งกายผู้เป็นแม่มากอดขอบคุณ
“สวยมากเลยครับแม่ ขอบคุณนะครับ รักท่านแม่ที่สุด”
“รักลูกเหมือนกันค่ะ แล้วมาเล่นให้แม่ฟังบ้างนะ”
“ครับ...ผมสัญญา”
ห้องกว้างเป็นของเขาอีกครั้ง แม้วันนี้จะเป็นวันเกิดตัวเองแต่กลับไม่รู้สึกยินดีเลยแม้แต่น้อย อาจเป็นข้อผูกมัดทางวัฒนธรรมและประเพณีที่บังคับให้เขาต้อง “เลือก” ก็เป็นได้
ร่างสูงทอดกายมองลำธารทอดยาว ก่อนหยิบฟลุตขึ้นมาทาบลงบนริมฝีปากของตัวเอง ปลายนิ้วเรียวสวยพรมไปตามจังหวะและท่วงทำนองที่อยู่ในใจ
เสียวแว่วหวานหากเศร้าสร้อยชวนให้ร่างเล็กที่กำลังเล่นซนชะงักเท้า เปลี่ยนเป้าหมายมาปีกขึ้นบนต้นแอปเปิ้ลต้นใหญ่ กิ้งก้านของมันยื่นออกไปรับมุมให้เห็นหอคอยสูง
เสียงคงมาจากที่นั่น เขามักจะได้ยินเสียงดนตรีบ่อยๆ แต่กลับมองไม่เห็นที่มาของเสียงซักที ร่างเล็กนอนเอามือรองแทนหมอนบนกิ่งไม้ใหญ่ฟังจนเสียงนั้นจนลับหายไปถึงได้ปีนต้นไม้ลงมาเพื่อสานต่อภารกิจของตัวเอง
“ห้องซักรีด ห้องซักรีด ขอยืมซักชุดก็คงไม่เป็นไร เราสัญญาด้วยใจจะเอามาคืน” เสียงหวานคลอเป็นเพลงอย่างรื่นรมขณะย่องเข้าไปแอบหลังราวผ้าอันใหญ่ ถ้าจะหยิบยืมชุดเจ้านายพระองค์ใดที่เก่าจนเลิกใส่แล้วมาซักชุดคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง ท่านๆคงจำไม่ได้ มีชุดตั้งเยอะแยะขนาดนั้น แต่ให้ตายเถอะ ทำไมเลือกเท่าไหร่ก็ไม่เห็นจะมีเลย นอกเสียจากชุดทหาร
ไม่ได้นะ ถ้าใส่ชุดทหารจะไปกินขนมได้ยังไงล่ะ
ทำยังไงดี
ที่เหลือก็มีแต่....
อ่า....
ชุดของเจ้าหญิงองค์เล็ก!
“เอาน่า...เข้าไปในงานแป้บเดียวค่อยรีบกลับมา คงไม่เป็นไรหรอก”
พยายามเลือกเอาชุดที่เป็นกระโปรงยาวละพื้นแถมยังแขนยาวจนปิดนิ้ว ไหนจะลูกไม้สวยปิดไปถึงคออีก จะได้ไม่เห็นไอ้ลูกกระเดือกนี่ เกิดใครจับได้ว่าเป็นผู้ชายล่ะแย่เลย ลองเอาคอเซ็ตมาแนบเอว ก็ไม่เลวนัก เน้นช่วงเอวให้ดูเหมือนหญิงสาว
“บ้าเอ้ย! ทำไมมันใส่ยากแบบนี้นะ พวกผู้หญิงไม่งงกับเชือกพวกนี้บ้างหรือไง” คชามัดไว้หลวมๆ แค่นี้ก็แทบจะหายใจไม่ออกอยู่แล้ว สาบานได้เลยว่าเขาจะแต่งชุดนี้เป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้าย ลองส่องกระจกดูแล้วก็รู้สึกแปลกๆ ก่อนจะเอามือทาบหน้าอกตัวเอง
“อื้อหือ...แบนจนชุดลูกไม้เหี่ยวไปหมดเลย แต่ไม่เป็นไร คชาจัดการได้” ว่าแล้วก็จับเศษผ้าน้อยใหญ่ยัดเข้าไปจนได้ทรงสวยแบบในฝันว่าถ้ามีเมียล่ะก็ คชาจะหาให้ได้แบบนี้เลย
มือเล็กแหวกหารองเท้าเก่าในลัง ส้นสูงคงไม่ไหว ได้เหยียบชายกระโปรงแน่ เอาเป็นส้นเตี้ยประดับมุกคู่สีครีมก็แล้วกัน
แต่เดี๋ยวนะ ผมเขาล่ะ ผมสั้นแค่หูแบบนี้ถูกจับได้แน่
ลังอีกใบถูกรื้อออกมา แล้วสิ่งที่คชาหาก็ปรากฏแก่สายตา วิกผมลอนสีน้ำตาลเข้มยังคงสภาพดี เขาเคยเห็นข้ารับใช้สาวๆเอามาเล่นกันอยู่ครั้งสองครั้ง เหมือนผมจริงไม่ผิดเพี้ยน คงเป็นของที่เจ้าหญิงองค์ใดองค์หนึ่งเล่นจนเบื่อถึงได้ตกมาถึงก้นครัวแบบนี้ พอดีเลย ถ้าสวมเจ้านี่แล้วทับด้วยผ้าสีขาวบางประดับศีรษะอีกซักหน่อยคงดี ลองหมุนตัวหน้ากระจกบานยาวว่ามีอะไรที่หลงลืมไปหรือเปล่า ก็เห็นจะมีแต่หน้าเขานี่แหล่ะที่ไร้เครื่องสำอางใดๆแต่งเติม ถ้าก้มหน้าให้ปอยผมปิดคงไม่เป็นไร
เอาล่ะ! !
คชาพร้อมลุยแล้ว! !
หอบชายกระโปรงยาวฟูฟ่องกว่าจะตัดผ่านสวนใหญ่มาถึงตัวพระราชวังได้ก็แทบแย่ แต่ใช่ว่าเข้ามาแล้วจะเจอเลย ยังต้องผ่านโถงทางเดินอีกนับไม่ถ้วน ห้องหับที่ตกแต่งไว้สวยงามแปลกตา พยายามตามเสียงเพลงไปกว่าจะเจอแล้วก็ต้องชะงักเท้าเพราะภาพที่เห็น
“พระเจ้า....” คชาพึมพำกับตัวเอง สวยจนไม่รู้จะบรรยายคำไหนออกมาได้หมด โถงกลางพระราชวังที่ถูกตกแต่งงดงามอร่ามตาตามสถาปัตยกรรมทั้งเก่าและใหม่ได้อย่างลงตัว เดิมทีที่ตั้งใจจะก้มหน้าหลบผู้คนกลายเป็นว่าคนตัวเล็กแหงนคอมองจนแทบชนเสาต้นใหญ่ ผู้คนหรือก็มากหน้าหลายตา สวยหล่อแข่งกันจนเขาแทบไม่กล้าก้าวออกไป คชากวาดตามองหาเป้าหมาย ด้านขวานั้นเป็นเวทีที่ทำกำลังถูกวงดนตรีฝรั่งบรรเลงเพลงไพเราะ ตรงนั้นที่คนรุมล้อมคงเป็นเจ้าชายองค์โตเจ้าของวันเกิด เขาเห็นไม่ถนัดนักหรอก เพราะพระองค์หันหลังให้แถมยังมีสาวๆสวยๆรายล้อมนับไม่ถ้วน
ช่างประไร
คชาไม่ได้สนใจวงดนตรีหรือเจ้าชายซักหน่อย ที่เขาสนใจน่ะมัน...
นั่นไง! !
ร่างเล็กรวบชายกระโปรงรีบตรงไปที่ซุ้มอาหาร ตรงนั้นมีผู้คนประปราย ส่วนมากแล้วยืนคุยกันในภาษาที่คชาฟังแล้วพอจับใจความได้ว่าคงเป็นเรื่องความหล่อเหลาของเจ้าชายไม่ผิดเพี้ยนแน่
ช่างเถอะ เขาไม่คิดจะพิศวาสในรูปโฉมของชายชาตรีเช่นพวกหล่อนหรอก
เค้กตรงหน้ากับเนื้ออบไวน์แดงและอื่นๆอีกนับไม่ถ้วนนี่สิ หอมหวานกว่ากันเยอะ!
“ค่อยๆตักสิเพคะ ทำเหมือนไม่เคยกินไปได้ ใครมาเห็นเข้าจะค่อนขอดเอาได้นะ” เสียงแหลมดังอยู่ข้างหู หันไปเห็นแล้วก็แทบจะพ่นกุ้งทอดในปากออกมา อื้อหือแม่คุณ...นั่นชุดหรืออะไร ดันจนหน้าอกหน้าใจแทบจะออกมาอยู่ข้างนอก ริมฝีปากแดงด้วยเครื่องประทินโฉมเหยียดยิ้มส่งมาให้พร้อมกับแก้วเครื่องดื่มเชิญชวนคล้ายจะเป็นมิตร แต่คชารู้ว่ามันไม่ใช่เลย
“ดื่มนี่หน่อยเดี๋ยวจะติดคอ” ลองรับจากมือเธอมาซดจนไหลไปตามช่วงคอ ก่อนจะรีบปาดออกด้วยความอาย
“ตายจริง ระมัดระวังหน่อยสิ นี่คงเป็นเจ้าหญิงใหม่ไม่ทันได้ถูกอบรมเรื่องมารยาทก็ต้องออกงานเลยใช่ไหม อย่างว่าแหล่ะนะ วันนี้เป็นวันที่ใครๆก็อยากถูกเลือก เธอคงไม่ใช่คู่แข่ง งั้นฉันคงไม่ต้องผูกมิตร ลาล่ะ หวังว่าเราคงไม่ได้เจอกันอีกนะเพคะ” เธอพูดทิ้งท้ายไว้เท่านั้นก่อนจะสะบัดก้นงอนๆจากไป
“อะไรวะ” คชางงยิ่งกว่างง มาถึงก็พูดๆๆๆอยู่คนเดียว เหน็บแนมเขาแล้วก็ไป ทำยังกับอยากจะเป็นมิตรด้วย เหอะ! เรื่องมารยาทบนโต๊ะอาหารน่ะก็พอมีอยู่หรอก “กินอย่าให้เหลือ” ยังไงล่ะมารยาทของพวกเขาน่ะ คอยดูเถอะ คชาจะกินให้หมดไม่เหลือไปเผื่อยัยอกภูเขาไฟนี่หรอก! !
“ขาดอะไรอีกหรือเปล่านะ เค้ก ไก่อบ เนื้ออบไวน์แดง ขนมหวาน สลัด อ่า...เอาอาหารพื้นเมืองไปอีกสองสามอย่างก็พอ โอ๊ะ น้ำนั่นก็น่ากิน” คชาตักทุกอย่างที่อยากกินใส่จานจนพูนก่อนจะวางเรียงซ้อนกันสวยงามบนแขนข้างเดียวน่ากลัวว่ามันจะหล่น แต่ระดับเขาที่ฝึกปรือแบบนี้มาทุกวัน ไม่หล่นซะให้ยากหรอก กริยาแปลกตานั้นชวนให้ใครบางคนลอบมองมาจากมุมหนึ่งของห้องโถงกว้าง แม้จะต้องสนทนากับอาคันตุกะและคู่ค้าระหว่างประเทศแต่สายตาคมกลับละมาสบร่างเล็กนั้นเป็นระยะพร้อมรอยยิ้มน้อยๆอย่างไม่รู้ตัว
“งานบ้าอะไร สวยแต่อึดอัดชะมัดเลย สู้มานั่งเล่นตรงนี้ก็ไม่ได้ สบายใจกว่าตั้งเยอะ จะกินมูมมามก็ไม่มีใครว่าด้วย โอ้ยยยย ความสุขของคชาจริงๆเลย” สวนกว้างมุมหนึ่งติดลำธารมีศาลาสีขาวสะอาดตาฉลุลายงดงามจากเมืองนอกประดับด้วยพันธุ์ไม้เลื้อยสวยตามธรรมชาติและท่าน้ำที่ยื่นออกไปรับลมเย็น คชาเลือกนั่งตรงนั้นปล่อยขาทั้งสองข้างให้แช่อยู่กับสายน้ำเย็น มือก็เลือกสารพัดเมนูส่งเข้าปากอย่างต่อเนื่อง พระจันทร์ดวงโตสวยเด่นลอยอยู่เบื่องหน้า อยากจะเก็บภาพนี้ไว้ มันคงจะดีถ้ามีใครซักคนมานั่งด้วยกัน ใครคนที่เขารัก...
“ในงานคงน่าเบื่อมากเลยสินะขอรับเจ้าหญิง ถึงต้องหนีมาอยู่นี่”
พรู่ดดดดดดดดดดดดดดดด!!!!!!!
คนที่เอ่ยทักรีบเข้าไปช่วยลูบหลังลูบไหล่เพราะไม่คิดว่าหญิงสาวจะตกใจจนสำลักขนาดนี้ และที่สำคัญ นั่นมัน Aguardiente (อากลันเดียเต้) เหล้าองุ่นที่มีดีกรีถึง 60% เลยนะ!
“เป็นอะไรหรือเปล่า เราขอโทษ... เฟรม!”
“ขอรับ” ท่านราชองครักษ์ที่หลบอยู่ในมุมมืดขานรับ
“เราขอน้ำเปล่าหน่อย”
องครักษ์แคล่วคล่องว่องไวสมกับที่ถูกฝึกมาดี ไม่รอให้คชาไอจนแสบคอก็กลับมาพร้อมน้ำเปล่าเย็นสดชื่นให้ซดจนหมดแก้ว
“ขะ...” เกือบลืมตัวเอ่ยขอบคุณ ขืนหลุดให้อีกคนได้ยินเสียงล่ะก็มีหวังถูกจับได้แน่ คชาเลยแค่ก้มหัวแสดงออกผ่านภาษากายเท่านั้น
“ดีขึ้นแล้วหรือ?” พยักหน้าตอบกลับไป ก่อนจะก้มหน้างุด
ซวยแน่...คชาซวยแน่ ต่อให้หล่อขนาดไหนวินาทีนี้เขาก็ไม่อยากมองหรอก
“เป็นอะไรหรือเปล่า?” เจ้าชายรัชทายาทเข้าใจว่าคนตรงหน้าคงเขิน มันจึงเป็นหน้าที่ของเขาที่ต้องทำความคุ้นเคย
“งั้น ขอนั่งด้วยคนได้ไหม? เราก็อยากมานั่งแทะน่องไก่สบายๆเหมือนกันนะ” ร่างสูงนั่งขัดสมาธิลงข้างกันก่อนจะคว้าน่องไก่หนึ่งในหลายชิ้นที่เขาตักมาไปกินหน้าตาเฉย
โห...แบบนี้เค้าเรียกหล่อบริโภคนี่! !
เอาเถอะ คชาจะยกโทษให้เพราะเห็นว่าไม่เคยมาทำอะไรแบบนี้ก็แล้วกัน นี่วันๆคงจะได้แต่นั่งตัวตรงบนโต๊ะอาหารแล้วใช้มีดหั่นชิ้นเล็กๆกินสินะ ไร้รสชาติจริงๆเลย กินไก่มันต้องแทะน่ะถูกแล้วรู้ไหม
“เธอ...มองฉันมีอะไรหรือเปล่า? หรือว่าหวง??”
องค์ชายรัชทายาทอย่างเขาที่ควรจะเครียดกับภารกิจคืนนี้ แต่กลับมานั่งสบายอารมณ์ริมน้ำกับเจ้าหญิงที่ไม่รู้ว่ามาจากเมืองไหน หากท่านพ่อท่านแม่รู้ได้โดนลงโทษหนักแน่ หรือว่า...แท้ที่จริงเขาจะ “เลือก” ได้แล้วกันแน่นะ
“ค่อยๆ กินสิ เค้กเลอะปากหมดแล้ว ไม่ต้องหวงหรอกน่า ถ้าหมดเราจะให้องครักษ์ไปเอามาให้ใหม่”
คชาไม่ได้หวงนะ...แต่...เอ่อ...อย่าเอานิ้วมาเกลี่ยแก้มเขาแบบนี้ได้ไหม มัน...
“ทานระวังหน่อยสิ อยู่กับฉันไม่เป็นไรหรอก แต่ถ้าเกิดพวกผู้หญิงมาเห็นเข้า จะค่อนขอดเธออีก” เห็นด้วยเหรอ!!!!
“เธอชื่ออะไร?”
คชาไม่ตอบ และนั่นเป็นการเสียมารยาทมากที่สุดเมื่อเจ้าชายเป็นคนเอ่ยแนะนำตัวก่อน
“ฉันชื่อเศรษฐพงศ์ แต่จะดีใจมากหากเธอเรียกฉันว่าเต๋าเฉยๆ” ยะ แย่แล้ว! ! คชาอยู่กับเจ้าของงานวันเกิด! ! คนที่เขาเลี่ยงที่จะเจอมาทั้งงาน
“จะบอกฉันได้หรือยังว่าเธอชื่ออะไร?” ถ้าเป็นคนอื่นเต๋าจะไม่มานั่งซักนั่งถามหรือสนทนาให้มากความอยู่แบบนี้ แต่กับคนตรงหน้า มันพิเศษ...ในแบบที่เขาไม่เคยรู้สึก
ร่างเล็กหันซ้ายแลจขวา จะบอกว่ายังไงดีล่ะ ชื่อไหนที่มันไม่แสดงถึงความเป็นบุรุษเพศอย่างคชาบ้าง เวลาคิดของเขามันน้อยเกิดไปคชาเลยตัดสินใจเกี่ยวสายสร้อยกันเล็กเผยจี้รูปดอกไม้ที่คล้องคอไว้เสมอออกมาให้คนตรงหน้าดูแทนการตอบคำถาม
“ลิลลี่?? คือชื่อของเธอหรือ?” รีบพยักหน้ารับ เอาเถอะ คงเหมาะสุดล่ะมั้งกับชื่อนี้
“ทำไม...เธอไม่พูดกับฉันเลย หรือว่า......” เต๋าชี้ที่คอตัวเอง อย่าเลย อย่าให้เป็นอย่างที่เขาคิดเลย
อาการพยักหน้าน้อยๆพร้อมแววตาเศร้าหมองมันบีบก้อนเนื้อในอกเขาจนเจ็บ พูดไม่ได้งั้นหรือ รู้เพียงเท่านั้นเต๋าก็หมดแรงแล้ว บรรยากาศสว่างใสยามค่ำคืนตอนที่เขาเจอกับคนตัวเล็กหายไปราวกับใครดับแสงจากดวงจันทร์ยามค่ำคืนนี้ เหลือเพียงเสียงธารน้ำไหลเอื่อยกับสัตว์กลางคืนเท่านั้น...แม้แต่อาหารหน้าตาน่าทานตรงหน้าก็ไม่มีใครคิดอยากจะแตะต้อง
คชากำลังรู้สึกผิด...ที่ต้องโกหกออกไปแบบนั้น เพราะเขาที่คิดเล่นสนุกแท้ๆ ยิ่งได้เห็นเจ้าชายเงียบไปเขายิ่งอยากกลับบ้านเสียเดี๋ยวนี้ แต่ยังไม่ทันได้หยัดกายลุกขึ้นมือขาวก็ยื่นมาตรงหน้าเขาเสียก่อน
“งั้นเธอเขียนใส่มือฉัน ตกลงไหม?” ถึงแววตาจะหม่นหมองแต่คชายังได้เห็นรอยยิ้มสวยจากคนข้างกาย
เขาจับมือนั้นไว้ ก่อนจะเขียนลงไปด้วยปลายนิ้วของตัวเอง
-ตกลง-
ให้แสงจันทร์ สายน้ำ และสายลมเป็นพยาน นี่เป็นครั้งแรกที่เรา...จับมือกัน
อากาศเย็นชวนให้ทั้งคู่ย้ายมานั่งในศาลา แม้พื้นที่จะกว้างขวางแต่สองร่างกลับใกล้ชิด กลิ่นหอมจางจากเรือนกายมันต้องประสาทสัมผัสของเขา หอมยิ่งกว่าดอกไม้จากต้นไหน
“อีกไม่นานงานเต้นรำคงเริ่ม ท่านจะเข้าไปด้วยใช่ไหม?” คชาส่ายหน้า ไม่เอาด้วยหรอก กลับบ้านดีกว่า
“ทำไมล่ะ มีแต่สาวๆอยากจะเต้นรำในคืนนี้”
คชาจับมืออีกคนมาเขียน นั่นยิ่งทำให้เต๋าเผยยิ้มทุกครั้งจนท่านองครักษ์ที่แอบดูอยู่ในมุมมืดอดกระแอมไอออกมาไม่ได้ด้วยความหมั่นไส้ในรอยยิ้มของผู้เป็นนาย อย่าคิดว่าเขาไม่รู้นะ ว่าพระองค์ทรงคิดอะไรอยู่
-เต้นรำไม่เป็น-
น่ารัก
นั่นคือสิ่งเดียวที่เต๋าคิดได้
“งั้นเราจะสอนให้เอง”
“ท่านราชองครักษ์ มีธุระอะไรก็ไปทำเถอะ มีอะไรค่อยมาเรียกเรา” เมื่อเสียงรับคำสิ้นลง ร่างสูงจึงหยัดกายขึ้นกระชับเครื่องแต่งกายของตัวเองให้เข้าที่เข้าทางก่อนจะค้อมตัวลงน้อยๆพร้อมมือที่ยื่นออกมาหาคนที่นั่งอยู่
“เป็นเกียรติเต้นรำกับหม่อมฉันซักเพลงนะขอรับเจ้าหญิง” คชาจะทำอะไรได้เล่านอกจากวางมือลงไปเพื่อให้ใครอีกคนได้กระชับกุม
องค์ชายรัชทายาทพาเรือนกายใต้ชุดเจ้าหญิงสง่างามผ่านสวนสวยมายั่งส่วนที่เป็นน้ำพุและดอกไม้นานาพันธุ์ เสียงดนตรีจากด้านในแว่วหวานมาถึงตรงที่เขาทั้งคู่ยืนอยู่ ถือวิสาสะกระชับเอวคอดนั้นให้แนบกายจนปลายจมูกแทบเกลี่ยกับแก้มใส ก่อนจะพบว่าเชือกที่ร้อยห่วงอยู่ด้านหลังมันหลวมจนแทบหลุด
“ขออภัย แต่เชือกที่ชุดของท่านกำลังจะหลุด ใส่เองคงไม่ถนัด เราจำเป็นต้องถือวิสาสะใส่ให้” คชาซุกหน้ากับไหล่หนา เป็นสาวเป็นนางมาเสื้อผ้าหลุดรุ่ยต่อหน้าชายหนุ่ม ช่างน่าอายยจริง!
“ต้องขออภัยอีกครั้ง แต่เธอช่วยเกาะไหล่ฉันไว้แน่นๆด้วย กลัวว่าแรงกระชับที่ต้องดึกปลายเชือกอาจทำให้เธอเซถลาไปได้” คชารู้ฤทธิ์ของเจ้าชุดนี้ดี ใส่ทีต้องดึงเชือกแทบจะหงายหลัง เขาเลยต้องโอบรอบคออีกคนไว้เป็นหลักยึด หารู้ไม่ว่ามันทำให้มือของเจ้าชายสั่นจนแทบจะผูกเชือกผิดๆถูกๆ แม้จะเสร็จเรียบร้อยแล้วแต่ก็ยังอยากจะอ้อยอิ่งอยู่กับช่วงขอขาว ให้ได้สูดกลิ่นหอมอ่อนๆต่ออีกซักหน่อย
เหมือนร่างเล็กจะรู้ตัว คนในอ้อมกอดเกร็งตัวขึ้นทันทีหากนั่นใช่สิ่งที่เขาสนใจไม่ เมื่อเสียงแหบทุ้มเลือกที่จะกระซิบบอก
“ค่อยๆก้าวตามนะ ไม่ต้องกลัว”
กลัวสิ...คชากลัว กลัวจนใจสั่นไปหมดแล้ว
สายลมอ่อนพัดเอาเสียงดนตรีให้ยิ่งดังขึ้น หากเจ้าหญิงกำมะลอในอ้อมกอดกลับไร้ซึ่งการได้ยินสรรพเสียงใดนอกจากเสียงฮัมเพลงในจังหวะเดียวกันที่ก้องกังวานอยู่ข้างหู ร่างกายเขาเหมือนจะไร้เรี่ยวแรงคงเป็นเพราะกลัวความลับจะถูกเปิดเผย
คชาเข้าใจว่าอย่างนั้น
หากในความเป็นจริงแล้วเพราะร่างสูงที่ตระกองกอดเขาไว้นี่ต่างหาก ยิ่งอยู่ท่ามกลางสวนดอกไม้ใต้แสงจันทร์ประสานเสียงดนตรีและแอลกอฮอล์ที่สำลักเข้าไปมันยิ่งทำให้เขาหลงไหล ชวนให้ตกอยู่ในห้วงมนตราที่ยากจะถอดถอน เมื่อคืนอันเหน็บหนาวนี้มันช่างอุ่นเสียเหลือเกิน
“เป็นอะไรหรือเปล่า แก้มแดงไปหมดแล้ว” คชารีบส่ายหน้าปฏิเสธ เต๋าเลือกเกลี่ยแก้มใสด้วยข้อนิ้วของตัวเอง แม้ใจจริงอยากจะแทนที่ด้วยจมูกก็ตาม ยิ่งได้อยู่ใกล้ ผิวเนื้อเนียนละเอียดยิ่งชวนให้สัมผัส กลิ่นเนื้อหอมหวานไม่ต่างจากเกสรดอกไม้เย้ายวนให้แมลงไต่ตอม
แพขนตา...จมูกโด่ง....ริมฝีปาก ไร้สารสังเคราะห์เคลือบแต่งทำไมมันถึงดึงดูดได้ขนาดนี้นะเจ้าหญิงของฉัน
“รู้หรือไม่ งานคืนนี้ยิ่งใหญ่กว่าที่เคย เมื่อฉันอายุครบรอบ 18 ปี จะมีงานเต้นรำเกิดขึ้น เจ้าหญิงทั่วทุกแคว้นต่างแห่แหนกันมาเพื่อเป็นผู้ถูกเลือก เป็นราชินีในอีกสองปีข้างหน้า” จังหวะเท้าของคชาชะงัก
หมายความว่ายังไง คิ้วเรียวขมวดมุ่น เต๋าจึงขยายความต่อ
“ทุกคนต่างจับจ้อง ว่าเจ้าหญิงคนไหนซึ่งเป็นคนแรก และคนเดียวจะได้รับเลือกให้เต้นรำด้วย นั่นหมายความว่าวันเกิดปีหน้า เราจะหมั้นกัน และเมื่อฉันอายุครบ 20 เราจะแต่งงานกัน และคนๆนั้น...ที่ถูกเลือก....คือเธอ”
คชากำลังหายใจไม่ออก
ร่างกายของเขามันไร้เรี่ยวแรงซวนเซจนอีกคนต้องประคองไว้
ร่างเล็กรีบผละออกจากอ้อมกอดของอีกคน
ทำยังไงดี
เขาจะทำยังไงดี
ยังไม่ทันได้คิดทบทวนอะไรเสียงท่านราชองครักษ์ที่เดินเร็วๆมาจากในเรือนก็ร้องเรียกเสียก่อน
“เจ้าชาย ได้เวลาเต้นรำแล้วขอรับ”
“ไปเถอะเจ้าหญิง เราจะไปเต้นรำกันต่อหน้าอาคันตุกะทั้งหลายให้ทุกคนเป็นพยาน” คชาสะบัดมือที่กอบกุมไว้ออก ก่อนจะรวบกระโปรงขึ้น
“เดี๋ยว! นั่นเธอจะไปไหน!” เรียวแขนถูกรั้งไว้ให้กลับสู่อ้อมอกหนาอีกครั้ง แต่คชากลับผลักออก อึดอัดเพราะพูดไม่ได้จึงรีบจับมืออีกคนมาเขียน
-เราต้องรีบกลับบ้าน-
“อยู่เต้นรำด้วยกันก่อนไม่ได้หรือ เธอคงไม่ใช่ซินเดอเรลล่าที่ต้องกลับก่อนเที่ยงคืนหรอกนะ”
ไม่ใช่
แม้แต่เจ้าหญิงในเทพนิยายเขาก็เป็นไม่ได้
คชาเป็นเพียงข้ารับใช้ก้นครัวเท่านั้น
-ขอโทษ... แล้วเราจะรีบกลับมา-
โกรธตัวเองที่ยอมปล่อยให้ร่างนั้นลับหายไป เต๋าอยากจะเหนี่ยวรั้งไว้ แต่ก็ยากเกินกว่าจะทำได้ หากเธอพอจะมีใจให้เขาบ้าง หวังเพียงสักวันเธอจะกลับมา แม้ไม่ใช่ในเร็ววันนี้ แต่ฉันจะอดทนและภาวนาว่าขอให้เธออย่าลืมว่าปีหน้านั้นมีงานสำคัญรอเราทั้งคู่อยู่
งานหมั้นของเรา
“ท่านราชองครักษ์”
“ขอรับ”
“เราอยากทราบชื่อแขกในงานทุกคน”
To be con.
สวัสดีนักอ่านที่น่ารักทุกท่านค่ะ
เรื่องเก่ายังไม่จบ เรื่องใหม่มันผุด
คือแบบ เพราะคอนโคตรหล่อโดยแท้ (โบ้ย)
ตอนแรกตั้งใจว่าจะเป็นแค่ฟิคสั้นจบในตอน แต่แต่งไปแต่งมาแล้วมันจบไม่ลง ฮือออออออ
จะพยายามแต่งพยายามจบให้สั้นที่สุดนะ
ยังไงก็ฝากเรื่องนี้ไว้อีกเรื่องนะคะ
แล้วพบกันค่ะ
ด้วยรัก
จาก...ณ
ความคิดเห็น