ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ณ ห้องฝากเลี้ยง

    ลำดับตอนที่ #1 : [SF] Unseen in AF8 - TaoKacha - By : MiniAphro_dite

    • อัปเดตล่าสุด 16 เม.ย. 56


    Title : Unseen in AF8
    Couple : Tao x Kacha
    By : MiniAphro_dite 



     


    Tao's view

    "นี่เต๋า เอมว่านะ ถ้าเต๋าไปประกวดเอเอฟอ่ะ เต๋าต้องชนะแน่ๆเลย"

     

    เสียงใสๆในอ้อมแขนผมดังขึ้น ผมเลิกคิ้วขึ้นสูงเล็กน้อยอย่างสงสัย เมื่อเห็นรอยยิ้มเปี่ยมสุขเหมือนกำลังคิดฝันเห็นผมกลายเป็นดาราดังแบบณเดชยิ่งงงหนักเข้าไปใหญ่

     

    "เอเอฟอะไรอ่ะเอม เต๋าไม่เข้าใจ?" ผมถามออกไปซื่อๆ เออ ก็คนมันไม่รู้จัก จะให้เออออเอาใจแฟนมันไม่ใช่สไตล์ผมนะ

     

    "เต๋าอ่ะ!" เธอตีไหล่ผมดังเพี๊ยะ มันไม่เจ็บเท่าไหร่หรอกครับ เธอก็ตีแก้เขินไปอย่างนั้นเอง แต่ผมต้องทำหน้าเจ็บเล็กๆ แล้วเอาหน้าไถไหล่เธอเบาๆครับ เธอยิ้มแล้วเอียงตัวหลับเหมือนเขินๆ ส่วนผมอ่ะกำไรเต็มๆ

    "ก็รายการที่เค้าประกวดเป็นนักร้องกันไง ที่ต้องเข้าไปอยู่ในบ้านกับนักล่าฝันคนอื่นๆ 3เดือนอ่ะ แล้วก็เรียนการร้อง การเต้น การแสดงอะไรแบบนี้ไง" เอมี่พูดต่อเสียงฟังชัด ผมก็เออๆออๆ ตอบมั่งไม่ตอบมั่ง ไอ้รายการแบบนี้ผมเฉยๆนะ ดูก็ไม่ได้ดู เคยลองไปอีกเวทีมาแบบขำๆ ก็ตกรอบไปตามระเบียบ แล้วเราก็ไม่ได้สนใจอีก แต่ดูเอมี่เธอจะจริงจังมาก ทำหน้าตาน่ารักแบบนั้น ไม่แคล้วผมก็คงใจอ่อนยอมตามใจเธออีกจนได้

    ความจริงแล้วผมไม่ได้รักเธอเท่าไหร่หรอกครับ ติดว่า "ชอบมาก" สักเล็กน้อยเท่านั้น เธอเป็นคนสวยครับ นิสัยดี ไม่เคยทำให้ผมต้องลำบากใจ คงเพราะอายุมากกว่าผมทำให้เธอมีความคิดเป็นผู้ใหญ่ ทำอาหารก็เป็น เรียนเก่ง เพอร์เฟ็คนะผมว่า แต่ผมก็ยังไม่ได้ "รักเธอ" อยู่ดี

     

    แล้วตอนนี้ผมก็มาโผล่ที่กองประกวดไอ้รายการเอเอฟนั่น...ได้ยังไงวะ?!!

     

    อ้อ ไม่แปลกหรอกครับที่ผมจะไม่รู้ตัวเท่าไหร่ ก็เอมี่เค้าจัดการให้ทุกอย่าง ทั้งเรื่องใบสมัคร เสื้อผ้าหน้าผม รวมทั้งไปปลุกผมให้มาทันเวลาประกวดแบบนี้

    ผมนั่งหาวหวอดๆแบบไม่รักษาภาพลักษณ์ หลังจากที่เอมี่อาสาจะไปหาอะไรมาให้ทานรองท้อง มองไปรอบๆก็เห็นบางคนกำลังฝึกร้องเพลงที่เตรียมมา บางคนออกสเต็ปแดนซ์กระจายโชว์เหนือให้เป็นที่สนใจ แต่ผมเลือกที่จะนั่งเฉยๆ แล้วหยิบกีต้าร์คู่ใจขึ้นมาเกาเพลงเบาๆ ผมเลือกเพลงที่ร้องบ่อยๆกับเพื่อน มันทำให้ผมมั่นใจขึ้นนะ เห็นว่าต้องร้องให้คณะกรรมการตั้งหลายคนฟัง ผมก็ไม่ใช่คนร้องเพลงเก่งอะไรนัก จะให้ร้องเพลงเทพๆก็ไม่เอาอ่ะ ยาก!

    ระหว่างที่เล่นกีต้าร์คลอการพึมพำเพลงของผม สายตาก็ผ่านไปเจอกับใบหน้าขาวๆ ของเด็ก...ตัว

    เล็กกว่าผมอยู่มาก หน้าขาวมากจริงๆ คือผมเป็นคนขาวมากนะ แต่ไม่ได้ดูป่วยอย่างเค้านี่หว่า?!! ไหวมั้ยวะน่ะ??!!

    "โอย..." นั่นไง เสียงครางในลำคอเบาๆแต่ก็พอจะได้ยินได้เพราะเค้าไม่ได้นั่งไกลไปจากผมสักเท่าไหร่เลย เขาใช้มือซ้ายกุมบริเวณขมับ ส่วนท่อนแขนขวาก็พาดกดน้ำหนักไว้ที่ท้อง เลยเดาไม่ถูกว่าเค้าป่วยเป็นอะไรกันแน่

    "อ้าว คชา เป็นอะไรล่ะลูก ปวดหัวเหรอ? ไมเกรนรึเปล่า?" แต่ไม่นานก็มีเสียงสวรรค์มาเฉลยคำตอบให้ผม เป็นเสียงคุณน้าตัวท้วมๆท่าทางใจดี ก็คงมากับคนตัวเล็กๆนั่นแหละ และนอกจากจะทำให้ผมรู้ว่าเขาน่าจะไมเกรนกำเริบ ยังทำให้ผมรู้อีกว่า เขาชื่อ "คชา"

    "ชาไม่เป็นไรหรอก แค่มันปวดขึ้นมาหน่อยๆ ยังไหว" พูดจบก็ยิ้มกว้างจนตาปิด ถึงจะรู้ว่าฝืนเต็มทน แต่น่าแปลกที่มุมปากผมกลับยกขึ้นตามไปด้วยไม่ยากนัก

     

    "เต๋า เอมซื้อแซนด์วิชมานะ ยี่ห้อนี้อร่อยนะ ถึงจะไม่เท่าที่เอมทำก็เถอะ!" เสียงหวานดังขึ้นข้างตัวทำให้ผมต้องหันกลับไปมอง เอมี่ยิ้มให้ผมอย่างเคย แต่ ...ไม่เหมือน ไม่เหมือนกัน...

    ผมพยักหน้าเล็กน้อยแล้วรับแซนด์วิชชิ้นนั้นมา เอมี่เล่าเรื่องที่ไปเจอศิลปินเอเอฟรุ่นพี่มายืนถ่ายรูปกันหน้างาน แต่ผมฟังไม่ถนัดว่ามีใคร สายตาของผมเบนไปทางเก่า เจ้าของชื่อแปลกๆแต่ติดหูนั้นยังคงก้มหน้านิ่งเอามือซ้ายรองไว้ที่หน้าผากเหมือนช่วยพยุงร่างกายไว้ คงจะปวดหัวมากสินะ ไมเกรนมันปวดมากขนาดไหนนะ? ที่พูดว่ายังไหวก็แค่พูดให้คุณน้าเค้าสบายใจล่ะสิ ...นายจะไหวไหมนะ คชา?

     

    แล้วตั้งแต่วินาทีนั้น ผมก็ละสายตาจากเขาไม่ได้อีกเลย

     

    Kacha's view

    เช้าวันประกวดเอเอฟ ปีที่8 การประกวดครั้งสำคัญของผม ไอ้ร่างกายไม่รักดีดันเกิดอาการ ผมปวดไมเกรนตั้งแต่เช้า คงเพราะเครียดมากไป แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ผมจริงจังกับมันนี่

    ครั้งนี้ก็เป็นครั้งที่3แล้วกับเวทีนี้ ผมเป็นคนทำอะไรทำจริงนะครับ จริงจังมากด้วย ถึงจะปวดหัวแค่ไหนก็ต้องไปคัด ผมไม่ยอมหรอก แม้จะคิดไว้อยู่แล้วว่าถ้าไม่ผ่านการคัดเลือกครั้งนี้ก็จะมาอีกจนกว่าจะผ่านนั่นแหละ!

    หลังจากมาถึงที่กองประกวด ผมอาการดีขึ้นนิดหน่อย ถึงจะยังปวดอยู่บ้างแต่ก็ยังทนได้ ผมทบทวนเพลงอยู่ในใจ ไม่อยากจะเสียสมาธิไปกับสิ่งรอบข้าง ผมถือว่าเป็นคนเจนเวทีมาระดับหนึ่ง ก็แน่ล่ะ มาตั้ง3ปีแล้วนี่ ผ่านเข้าไปรอบก่อนเข้าบ้านก็เคยมาแล้ว จะมาหวั่นไหวกับแค่บรรยากาศกองประกวดได้ยังไง

    "เดี๋ยวเอมมานะ! เต๋ารอตรงนี้ ห้ามไปไหนนะคะ" เสียงใสๆ เอ่ยขึ้นพลางหัวเราะเบาๆ ผมเงยหน้าขึ้นไปก็เห็นหญิงสาวตัวเล็กบางยืนหันหลังให้ผม ผมไม่เห็นหน้าเขา แต่ของเดาว่าสวยอยู่ละ คนที่ผมเห็นหน้าเขาน่ะเป็นชายหนุ่มผิวขาว สว่างอย่างกับไม่เคยโดดแดดงั้นแหละ คิ้วเข้มรับกับปากแดงที่ตัดกับสีผิว และใบหน้าที่บึ้งตึงในขณะนี้ ผมหัวเราะเบาๆอย่างนึกขัน ตัวโตอย่างกับตึกดันทำหน้างอนเป็นเด็กๆ

    "เต๋าโตแล้วนะครับเอม พูดอย่างนั้นเดี๋ยวจะโดนทำโทษนะครับ" เขาพูดอย่างนั้นแล้วก็ฉวยข้อมือหญิงสาว ที่คาดว่าน่าจะเป็นแฟนของเขาแล้วดึงเข้าไปใกล้ๆ เธอสะบัดข้อมือออกแล้วชี้หน้าคาดโทษ ทำให้ชายหนุ่มคนที่เรียกตัวเองว่า "เต๋า" หัวเราะขึ้นมาทันที เสียงหัวเราะใสๆกับดวงตาซื่อๆที่เหมือนเด็กนั้นทำให้ผมถึงกับต้องเบือนหน้าหลบ อา...ทั้งๆที่เขายังไม่ได้มองมาที่ผมด้วยซ้ำ

    ผมหันไปมองที่เขาอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงกีต้าร์เพลง Billionaire ที่เต๋ากำลังเล่น บังเอิญจริงๆที่ผมก็เตรียมเพลงนี้มาเพื่อร้องในการออดิชั่น เขาก็จะร้องเหมือนกันรึเปล่านะ? นี่เป็นเรื่องบังเอิญที่ทำให้ผมคิดว่า ผมอยากจะตั้งใจทำบางอย่างให้เกิดขึ้น

     

    ผมคิดอะไรออกแล้ว...

     

    เจ๊นก คุณป้าของผมที่ผมเรียกว่าเจ๊เดินกลับมาจากไปเอาของที่รถพอดี เห็นทีต้องขอยืมแรงมาอยู่ใน "แผน" ของผมซะหน่อยแล้ว

    "โอย..." ผมส่งเสียงร้องเบาๆ แต่ดังพอที่ใครอีกคนจะได้ยิน และมันก็ได้ผล เค้าหยุดเกากีต้าร์แล้วหันมามองผม กุมขมับอีกนิดนึงเพื่อความสมจริง จริงๆแล้วผมก็ปวดหัวอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นผมก็ไม่ได้หลอกลวงอะไรเค้านะครับ

    "อ้าว คชา เป็นอะไรล่ะลูก ปวดหัวเหรอ? ไมเกรนรึเปล่า?" เจ๊นกเข้ามาอยู่ในแผนของผมแบบสมจริงโดนไม่ต้องนัดแนะ ผมเหลือบตามองเต๋าเล็กน้อยก็เห็นว่าสายตาของเขาเจือความเป็นห่วงอยู่เล็กน้อย ทั้งๆที่เรายังเป็นคนไม่รู้จักกัน สงสัยคำว่า ไมเกรน ของเจ๊นกจะให้ผลดีเกินคาด

    "ชาไม่เป็นไรหรอก แค่มันปวดขึ้นมาหน่อยๆ ยังไหว" พูดจบก็ยิ้มกว้างๆอย่างที่ชอบทำ ผมชอบยิ้มแบบนี้อ้อนคนที่บ้านเวลาอยากได้อะไร ส่วนใหญ่เค้าก็ใจอ่อนกันทั้งนั้น ...ก็หวังว่าครั้งนี้ก็คงจะได้ผลเหมือนกัน

    แฟนสาวของเขาเดินกลับมาแล้ว พร้อมกับของบางอย่างในมือ ท่าทางจะเป็นของกินสักอย่าง ผมไม่สนใจนักหรอก ผมก้มหน้าลงเล็กน้อยแบบไม่อยากให้ 'เธอ' สังเกตเห็นผมนัก เอามือเกยรองไว้ที่หน้าผากเบาๆเพื่อไม่ให้เมื่อยคอ

    ผมนั่งอยู่ท่านั้นสักพัก ตลอดเวลาผมก็รู้สึกถึงสายตาของคนที่นั่งอยู่ตรงหน้า เขามองผม จ้องตรงมา ...แผนของผมจะสำเร็จไหมนะ?

     

    ก็แหม ในเมื่อผมรู้จักเขาแล้ว ก็อยากให้เขารู้จักผมบ้าง เผื่อว่าเราจะได้สนิทกันตอนเข้าไปอยู่ในบ้านไงครับ คุณไม่คิดอย่างนั้นเหรอ?!

     

     

     

     

    (แถม)

     

    ตอนนี้ผมกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะประชุมที่ตึกทรูครับ ข้างๆผมเป็นเจ้าคนตัวเล็กที่กำลังขีดๆเขียนๆอะไรสักอย่างบนกระดาษตรงหน้า ที่ตอนแรกผมก็เห็นว่าเป็นรายชื่อเพลงที่เค้าชอบดีๆหรอก ไปๆมาๆไหงเป็นตัวการ์ตูนไปเสียแล้วล่ะ?

    เราเข้ามาที่นี่กันตั้งแต่เช้าแล้วครับ ก็มาประชุมกันเรื่องเพลงที่จะร้องในคอนเสิร์ตคู่ครั้งแรกของเราสองคน ...ผมโคตรจะภูมิใจเลยนะที่มีคนรักเรา2คนขนาดนี้ ผมขอบคุณจริงๆครับ

    ธีมคอนเสิร์ตเค้าว่าอยากจะให้เล่าเรื่องราวความเป็นมาของเราสองคน ประมาณว่ารู้จักกันยังไง อยู่ในบ้านสนิทกันได้ยังไง แล้วก็พอออกมาทำงานแล้วเป็นยังไงมั่ง ผมไม่อยากจะบอกเลยว่าแผนงานมันช่างกว้างเหลือเกิน จะให้ผมเล่าเรื่องของเราสองคนในเวลาแค่ไม่กี่ชั่วโมงแถมยังต้องร้องเพลงอีก มันจะไปเล่าหมดได้ยังไงล่ะครับ รายละเอียดมันเยอะ!

    "ตึก" เสียงเบาๆกระทบเข้ากับหัวไหล่ หัวกลมๆของคชานั่นเอง ทั้งที่มือยังวาดรูปเป็ดนั่งทับลูกเต๋าอยู่ แต่หัวนี่พิงไหล่ผมทำท่าจะหลับแล้วครับ

    "ชา ชาเอ้ย! อย่าเพิ่งหลับดิ ยังคิดเพลงไม่ครบเลยนะ" ผมว่าเค้าไปงั้นแหละครับ ตัวเองก็ขยับตัวให้เค้าพิงนอนถนัดๆขึ้น มันเป็นปฏิกิริยาของร่างกายไปแล้ว 3เดือนในบ้านพวกคุณก็เห็นอยู่นะ คงไม่ต้องพูดอะไรให้มากความ

    "ของเต๋าเหอะที่ยังไม่ครบ ชาเลือกเสร็จแล้ว นี่ วาดรูปประกอบด้วย" ชี้รูปเป็ดจับมือกับแมวแล้วก็หัวเราะ รอยยิ้มที่ผมประทับใจน่ะครับ มองกี่ทีก็ยิ้มได้ ...พูดถึงเรื่องรอยยิ้มนั้น

    "นี่คชา ทีมงานเค้าบอกให้เล่าเรื่องของเราใช่ป่ะ? เราเล่าตั้งแต่ตอนที่เจอกันเลยมั้ย?" ผมนึกถึงวันที่ไปออดิชั่น ที่เค้าปวดหัวนั่นแหละครับ ถึงจะเป็นผมฝ่ายเดียวที่สังเกตเห็นเขาก็เถอะ

    "หือ? เมื่อไหร่ล่ะ? ก็เล่าตั้งแต่ในบ้านไง เค้าก็เขียนสคริปแล้วนี่??"

    คชาเงยหน้าขึ้นมาจากไหล่แล้วมองหน้าผมตรงๆ ผมเค้ายาวขึ้นแล้วครับ คล้ายกับทรงตอนอยู่ในบ้านเลย ยิ่งเห็นยิ่งคิดถึงครับ

    "วันออดิชั่น" ผมพูดเสียงดังฟังชัด แต่เขาดูจะยังงงๆ

    " ก็วันนั้นอ่ะ เต๋าเห็นคชานะ ชาไมเกรนกำเริบด้วยใช่มั้ย? ปวดหัวจะตายแล้วยังฝืน จำได้แม่นเลยล่ะ"

    เท่านั้นแหละครับเขาทำหน้าตกใจสุดๆเลย ฮ่าๆ คงไม่คิดว่าผมจะรู้จักเขาก่อนจะเข้าบ้านล่ะสิครับ

    "เฮ้ย จริงเหรอ? เต๋าเห็นคชาด้วยเหรอ? แย่จริงๆ วันนั้นเราโคตรป่วยอ่ะ" เขาหัวเสีย เอามือขยี้ผมแรงๆอย่างที่ชอบทำจนผมยุ่งไปหมด ผมเอื้อมมือไปปัดๆให้มันเข้าที่

    "แต่ไม่ต้องหรอก เอาแค่ในบ้านก็พอ...โถ่ ชานึกว่าชาเป็นคนรู้จักเต๋าก่อนซะอีก"

     

     

     

    .

    .

    .

    คนตัวเล็กแอบยิ้มให้กับคำตอบของเพื่อนรักที่ยังจำวันแรกที่พบกันได้ดี แต่ถึงจะดีใจแค่ไหนก็ไม่อยากจะเอามาตีแผ่ว่า เรื่องบังเอิญที่ทำให้เต๋ารู้จักคชา เป็นแผนที่เขาสร้างขึ้นมาเอง ให้เต๋าภูมิใจว่ารู้จักคชาก่อนต่อไปดีกว่าเนอะ :)

     

    FIN :3




    สวัสดีค่ะ มินิ นะคะ คนแต่งเรื่องนี้ล่ะ
    ฟิคเรื่องแรกเลยจริงๆ ยังไงก็เอ็นดูกันหน่อยนะคะ >w<

    ขอบคุณพี่ ณ ด้วยนะคะ ที่เอามาลงให้ น่ารักจริงๆ *หยิกแก้ม*

    ฝากฟิคเรื่องนี้ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยนะคะ 
    แล้วถ้ากระแสดี อาจมีตอนต่อ รึไม่ก็เรื่องใหม่ 5555




    สวัสดีนักอ่านที่น่ารักทุกท่านค่ะ 
    "ณ" เองนะคะ เป็นยังไงกันบ้างกับฟิคของน้องที่น่ารักคนนี้ ยังไงก็ฝากคอมเม้นท์เป็นกำลังให้น้องด้วยนะคะ 
    ช่วยๆกันกดดันให้มาแต่งต่อ ฮ่าๆๆๆ

    สำหรับฟิคของ ณ นานหน่อยนะคะกว่าจะมาต่อ ต้องบอกว่าตอนนี้งานหลวงงานราชเยอะมากกกกกกกกกกกก (ก.ไก่เยอะกว่ารายได้พี่มาก..พระโขนง) แต่ก็จะพยายามจิ้มๆวันละนิดนะคะ 

    ขอให้สนุกกันฟิค
    และ สวัสดีวันหลังวันสงกรานต์ค่ะ


    ด้วยรัก
    จาก...ณ 


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×