คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Stubborn - นาย&น่าน [YAOI] ตอนที่ 1
Title : Stubborn1
Couple : Nannatee & Teeranine
Writer : pause & ณ
Teeranine’s Part
อากาศดีนะครับ ท้องฟ้าแจ่มใสเหมาะแก่การควงแฟนไปนั่งป้อนไอศกรีมตากแอร์ในร้านสวยทอดมองวิวกับผู้คนที่เดินไปมา นี่ถ้ามีคนตัวเล็กหน้าหวานมาป้อนสตอเบอรี่หรือเชอรี่ให้นะ สุขหาใดเปรียบ
ผมก้าวช่วงขาพาตัวเองลงบันไดทีละสองขั้นไม่สนใจเสียงเพื่อนที่กรี้ดกร้าดแซวไล่หลังลงมา พวกขี้อิจฉา เห็นคนมีความสุขเป็นไม่ได้ก็แบบนี้ นี่มันคงโอดครวญที่ไม่ได้อยู่ในวงจรชีวิตดาวอักษรล่ะสิ ถ้าเป็นเวลาปกติจะกลับไปด่าพวกมัน แต่เวลานี้ ที่มีคนสวยรออยู่แบบนี้ โรงอาหารคือจุดหมายเดียวเท่านั้น
รองเท้าหนังของผมเบียดพื้นซีเมนต์ส่งเสียงกรีดแหลมเมื่อมันถูกเจ้าของสไลด์เบรคกระทันหัน ผมมอง...มองร่างเล็กผมสวยยาวจนถึงช่วงเอวที่หันหลังให้มีไอ้เด็กผู้ชายม.ปลายโรงเรียนละแวกนี้นั่งขนาบข้างแล้วก็ชวนให้หงุดหงิดก่อนจะเปลี่ยนอารมณ์ปรับโหมดโลกสวย
คงจะเป็นน้องชาย
“สวัสดีครับอ้อม มานานหรือยัง” ผมนั่งฝั่งตรงข้าม พยายามไม่สนใจมนุษย์ในเครื่องแบบนักเรียนที่กำลังขมวดคิ้วทำหน้าไม่พอใจส่งมาให้
“เมื่อกี้เองนาย เราจะแนะนำให้รู้จัก นี่น้องทีเพื่อนน้องเรา ที..นี่พี่นายนะเป็นเพื่อนพี่”
“เพื่อนสนิทครับ” ผมรีบตอบกลับไป ไอ้เด็กนั่นมันกลับไม่สนใจหันไปคุยกับอ้อมเหมือนผมเป็นอากาศธาตุ มันจะมากไปแล้วนะเว้ย!
“พี่อ้อมครับ ที่สัญญากับทีไว้ว่าจะไปกินไอติมกัน...” ตาหวานเชื่อมส่งไปให้พร้อมคำพูด ผมรุกรี้รุกรนแผนที่วางไว้ว่าจะชวนไปกินไอศกรีมกันสองคนแถมดูหนังต้องมาล่มเพราะเด็กม.ปลายเหรอ ไม่นะ นี่ผมเพิ่งจีบมาอาทิตย์เดียวเองนะ จะมาแพ้กับคู่แข่งที่ดูยังไงตัวเองก็ได้เปรียบเห็นๆนี่ไม่ได้เด็ดขาด
จำไว้นะครับ
คนอย่างธีรนายจะไม่มีวันแพ้ใคร! !
“พี่อ้อมครับ สตอเบอรี่ครับอร่อยมากทีให้” ผมกำช้อนแน่นมองมือประดับแหวนส่งช้อนเข้าปากเคลือบลิปกลอส พาตัวเองเข้าโหมดนิ่งอารมณ์เสียสุดๆตั้งแต่นั่งมาในรถจนตอนนี้ยังต้องมานั่งเก้าอี้เสริมเพราะเหลือแค่โต๊ะคู่เพียงโต๊ะเดียวในร้าน พยายามยิ้มบ้างเมื่ออ้อมหันมาคุยด้วย โดยไม่รู้ตัวเมื่อความสนใจจดจ่ออยู่แต่หน้าใครอีกคน
“ทีไม่กินกล้วยใช่ไหม งั้นพี่ขอแล้วกัน” ผมยื่นช้อนไปจ้วง....เรียกว่าจ้วงเหมาะสมที่สุดแล้วครับ ไอศกรีมที่เจ้าเด็กตัวเล็กอุตส่าห์ละเลียดชิมถูกช้อนควานหากล้วยหอมซะเละไม่เหลือเค้าเดิม
“คุณ! !” คิดว่าผมสนใจไหม
“กล้วยหอมก็อร่อยมากเลย ทีลองชิมนะ มาๆเดี๋ยวพี่ป้อน” ผมละเลงช้อนควานหากล้วยในถ้วยไอศกรีมของเด็กผู้ชายตรงหน้าแล้วก็จับยัดปากแดงๆนั้นแบบไม่ให้ตั้งตัว เลอะไปหมดทั้งปากทั้งคางลามไปถึงจมูกโด่งนั้นด้วย เหมือนเจ้าตัวเล็กจะโกรธจนแก้มแดงหูแดงไปหมด เพราะทั้งผมทั้งอ้อมนั่งขำกันจนต้องกุมท้อง
“พี่อ้อมเช็ดให้ทีหน่อยสิครับ” ไม่ต้องรอให้ถึงมืออ้อมผมก็สกัดดาวรุ่งด้วยการดึงทิชชู่มาโปะลงบนหน้าเด็กแสบเสียเอง เช็ดให้ซะทั่วหน้า ใจนั้นอยากจะยัดทิชชู่ปิดช่องทางหายใจให้รู้แล้วรู้รอด ทีปัดมือผมออกแต่ผมก็ดึงดันที่จะเช็ดต่อไปก่อนจะหยุดเพราะเสียงหัวเราะคิกคักของอ้อม
“แหมมมมมม สองคนนี้สนิทกันเร็วจังเลยนะคะ” สนิทบ้าอะไรล่ะ! แค่คิดในใจครับ แต่ที่พูดออกไปคือ...
“น้องของอ้อมก็เหมือนน้องของนาย ไม่ต้องห่วงนะ จะช่วยดูแลให้อย่างดีเลย” หันไปส่งสายตาเข่นเขี้ยวให้เป็นการยืนยัน
ทริปเดทของผมกับอ้อม (ย้ำว่าแค่ผมกับอ้อม) ไปต่อกันที่การดูหนังดั่งหวังไว้ แต่ก็ยังมี “มาร” มาขวางเราเพราะเหตุผลง่ายๆเนื่องจากอ้อมลุกเข้าห้องน้ำบ่อยเลยขอที่นั่งริมสุด ปล่อยให้ทีคั่นกลางระหว่างเรา หนังรักโรแมนติกของผมเลยลดความน่าดูลงไป 80% เลยให้ตายสิ
ผมพยายามจดจ่อสมาธิอยู่กับหนังเพราะชอบทั้งพล็อตเรื่องทั้งนักแสดงแต่กลับได้ยินเสียงคนข้างๆสูดน้ำมูกเบาๆ
เด็กแสบกำลังร้องไห้!
ร้องให้กับฉากที่พระเอกร้องเพลงขอคืนดีกับนางเอกเนี่ยนะ?
“ไหวไหม?” ผมแกล้งถามอยากจะแซวให้อายจนลืมจีบสาวไปเลยแต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะลืมนึกถึงข้อนั้นไป
“ไหวก็บ้าแล้ว” อื้ม....ท่าทางจะไม่ไหวจริงๆ
“ดูหนังกับสาวแล้วร้องไห้ น่าอายว่ะ”
“คุณเป็นสาวหรือไง” ผมชะเง้อข้ามหัวทุยๆไปมองถึงได้เห็นว่าอ้อมไม่ได้นั่งอยู่กับที่
“รีบๆเช็ดสิ เดี๋ยวอ้อมมาเห็นไม่อายหรือไง” ผมเองแหล่ะที่ไม่อยากเห็น มัน...รู้สึกแปลกๆ
“คุณก็อยากให้ผมอายไม่ใช่หรือไง” เอ้า มาเบะปากใส่อีก
“ถ้าไม่เช็ดก็ออกไปร้องข้างนอกให้เสร็จก่อนไป รำคาญ คนจะดูหนัง เห้ย! ! ! ” โชคดีที่ผมตะปบปากตัวเองไว้ได้ทันตอนที่ไอ้แสบมันเอาหน้ามาเกลือกกลิ้งเช็ดทั้งน้ำมูกน้ำตากับอกเสื้อผม บ้าเอ้ย! รอยเปียกยังพอว่าแต่ไอ้ที่มันเหนียวติดอยู่เนี่ย อยากจะฆ่ามัน!
“ขอบใจนะ เสื้อหอมมากเลย” มันฉีกยิ้มใส่ตาผมยังไม่ทันได้จัดการอ้อมก็เข้ามานั่งเสียก่อน
อย่านะ
อย่าให้ถึงเวลา
ธีรนายจะเอาคืนให้เจ็บแสบเลย!
เราต่อกันที่มื้อค่ำร้านโปรดผมเองครับ อาหารญี่ปุ่นต้นตำรับอร่อย สด ถูกใจกันทั้งสามคน ไม่สิ แค่ผมกับอ้อมเท่านั้น เหมือนทีจะหิว เขากินจนแทบไม่สนใจใคร คงเพราะเลิกเรียนนานแล้วไม่ได้กินอะไร ไหนยังต้องมารออ้อมอีก แบบนี้ล่ะนะ เด็กกำลังโต แต่เอ๊ะ! มันไม่ใช่เรื่องที่ผมจะต้องสนใจนี่
“อันนี้ปลาแซลม่อน อร่อยมากทีลองชิม” มือเรียวตักไปวางไว้ให้บนจาน พี่ที่ดีอย่างผมเลยอดไม่ได้ขอเอ็นดูน้องมันหน่อยแล้วกัน
“เห้ยที ลองชิมซุบอันนี้” ผมยกถ้วยซุบส่งไปให้จงใจให้ชนกับแก้วน้ำอัดลมจนมันหกราดตั้งแต่เสื้อนักเรียนไปจนถึงกางเกงสีน้ำเงิน ผมเกือบหลุดขำ แต่พอคนโดนแก้แค้นทำหน้านิ่งก็ชักจะขำไม่ออก
คนตัวเล็กเอ่ยขอตัวกับอ้อมไปเข้าห้องน้ำแล้วก็เดินออกไปรวดเร็วไม่หันมามองผมซักนิด แกล้งเยอะไปหรือเปล่าว้ะ ยังไงมันก็น้องนะ แต่มันก็ทำผมก่อนนี่ ที่มันทำก็ไม่เยอะขนาดนั้นหรือเปล่าว้ะ
ช่างเถอะ!
ใครจะสนใจ!
เสียงเพลงเปิดเบาในร้านฟังสบาย ชารสโปรดชุ่มคอ อาหารหน้าตาน่าทานยังวางเรียงรายให้เลือกหยิบ ที่สำคัญกว่านั้นคือคนที่นั่งข้างกายยังเป็นคนที่ถูกใจติดดีกรีดาวอักษรขนาดนี้จะไม่ให้ผมมีความสุขได้ยังไง
เผลอไผล ลืมสังเกตตัวตนจนไม่รู้ว่าปล่อยให้เวลาล่วงเลยกับการนั่งเหม่อเคาะตะเกียบกับถ้วยข้าวมานานแค่ไหนจวบจนหญิงสาวข้างกายสะกิดเรียก
“นาย...นาย เป็นอะไรหรือเปล่า?”
“อ๋อ...ไม่...ไม่เป็นไร” ผมบอกออกไปแบบนั้นทั้งที่รู้ว่ากำลังกระวนกระวาย
“น้องทีทำไมเข้าห้องน้ำนานจังนะ” ผมเองก็สงสัยไม่ต่างจากอ้อมเพียงแต่ไม่พูดออกมาเท่านั้นเอง
“เอางี้ อ้อมทานไปก่อนเลยนะครับ เดี๋ยวนายไปดูให้”
ผมเดินตรงไปยังห้องน้ำใกล้ที่สุด คิดว่าเขาคงอยู่ในนั้นแต่กลับไม่พบแม้แต่เงา เลยลองเปิดประตูที่ติดกับลานจอดรถออกไปแล้วก็ได้พบกับเด็กนักเรียนคนหนึ่งนั่งลงบนเก้าอี้ยาวโซนสูบบุหรี่สไลด์ไอโฟนในมือเล่น
“มานั่งทำอะไรตรงนี้ ทำไมไม่กลับเข้าไป รู้ไหมอ้อมรออยู่”
“ไม่ดีหรือไงคุณจะได้อยู่กับพี่อ้อมสองคน”
“คิดได้แค่นี้หรือไง! ลุกเดี๋ยวนี้แล้วกลับไปกินข้าวต่อ” ไอ้ตัวเล็กมันตวัดตามองผม
“กินเนื้อเสือเข้าไปหรือไงว้ะ ดุชิบ!” เขาลุกขึ้นมา แต่ยังไม่ทันได้ก้าวเดินผมก็ผลักให้นั่งลงที่เดิมพร้อมออกคำสั่ง
“นั่งรออยู่นี่ก่อน อย่าเพิ่งไปไหน”
ผมรีบร้อนเดินตรงไปร้านประจำ กลัวว่าอ้อมจะสงสัยเพราะรอเราสองคนนานเกินไปแต่ก็ไม่รีบที่จะหยุดเลือกแบบที่ใช่ที่สุด
“แบบใหม่เพิ่งมา ชมก่อนไหมคะคุณธีรนาย” ผมพยักหน้าให้พนักงานที่พาเดินไปยังโซนประจำ กวาดนิ้วไล่ไปตามเนื้อผ้าแล้วก็สะดุดที่เสวตเตอร์เนื้อบางติดฮู้ดสีเทาเข้มตัวหนึ่ง
“ผมเอาตัวนี้ครับ” ยื่นให้พร้อมบัตรเครดิต รอไม่นานก็กลับมาเจอเด็กผู้ชายนั่งสไลด์จอเครื่องมือสื่อสารในท่าเดิม
“อ่ะ เอาไป” เขารับไว้งงๆ ก่อนจะหยิบออกมาดู
“ให้ผม?”
“ใช่”
“ให้ทำไม?”
“ไถ่โทษแล้วกันที่ทำเสื้อนายเปียก ไปเปลี่ยนเสื้อไป”
ผมเองก็ไม่ใจร้ายพอที่จะให้เด็กตัวเล็กๆใส่เสื้อชุ่มน้ำบางจนแนบเนื้อขนาดนั้นหรอกนะ ยืนกอดอกฮัมเพลงรอไม่นานเขาก็กลับออกมายืนตรงหน้าให้ผมเช็คเครื่องแต่งกาย
“ยาวไปหน่อย...” ชายเสื้อคลุมไปถึงสะโพกเห็นกางเกงสีน้ำเงินโผล่ออกมานิดเดียว
“แต่ก็โอเค...”
น่ารักดี
“ไถ่โทษใช่ไหมตัวนี้ งั้นไม่ให้เงินนะ” เด็กมันเคยแสบยังไงก็ยังแสบอยู่วันยันค่ำ ผมจับไหล่เล็กให้หันมาหาแล้วแกะสายที่ห้อยป้ายแบรนด์ดังออกให้
“ไปได้แล้ว อย่าให้อ้อมรอนาน”
“พี่อ้อมของผม”
“เดี๋ยวรู้กัน”
อย่าคิดว่าศึกครั้งนี้จะจบลงง่ายๆนะครับ หึหึ!
เด็กกำลังโต กินอิ่มนอนหลับเป็นเรื่องธรรมดา อ้อมบอกว่าบ้านไอ้แสบอยู่ไกลกว่าบ้านอ้อมดึกแล้วขอให้ไปส่งน้องผมก็ไม่ขัดหรอกครับ ตามแบบฉบับแฟนที่ดี แต่ครั้งนี้ไม่มีมารกวนใจเพราะอ้อมนั่งข้างคนขับมีเด็กม.ปลายสลบอยู่เบาะหลัง เจ้าตัวเล็กถือวิสาสะเอาหมอนใบเล็กของผมไปกอดหลับสบาย
ส่งอ้อมลงหน้าบ้านหลังเดิมขับมาจอดเทียบทุกเช้าเย็นตลอดหนึ่งอาทิตย์ ฟังคนสวยเขาบอกตำแหน่งที่ตั้งบ้านของทีคร่าวๆ ผมก็รับคำเหมือนจะเข้าใจ ไม่ยากหรอก ถ้าหลงก็ปลุกขึ้นมาถาม
แต่มันกลับง่ายว่าที่คิด เพราะบ้านหลังขนาดกำลังดีล้อมรอบด้วยรั้วไม้สีขาวทรงเตี้ยถูกต้นไม้น้อยใหญ่ปกคลุมแต่ไม่รกครึ้ม พอเหมาะพอดีและลงตัวกับการเป็นเวดดิ้งสตูดิโอไปในตัว ทุกอย่างดูโดดเด่นอยู่ตรงหน้าไม่น่าเชื่อว่าจะอยู่ใจกลางเมืองได้
บ้านน่ารักสมกับที่อ้อมบอก
ไม่ผลาญแอร์และน้ำมันตัวเองหรอกครับ นี่ไม่ใช่เวลามาชื่นชมบ้านคู่แข่ง ผมเรียกเด็กขี้เซาหลายทีก็ยังไม่ยอมตื่นจนต้องเปิดประตูด้านหลังไปช่วยเขย่าตัวอีกแรง เจ้าตัวเล็กลุกขึ้นมางัวเงีย ผมชี้ฟูไปคนละทิศละทางก่อนจะคว้าข้าวของตัวเองเข้าบ้านไป
ส่งไอ้แสบถึงที่หมายก็ได้เวลาของตัวเองบ้าง
ผมจอดรถเทียบที่ส่วนตัวในคอนโด ก่อนจะหันไปหยิบกระเป๋าที่อยู่เบาะหลังแล้วก็ต้องพบกับกระเป๋าหนังคุ้นตาเห็นตัวแสบเดินถือมาทั้งวัน บนพรหมใต้เบาะส่องประกายจากแสงไฟที่ตกกระทบต้องเหลี่ยมมุมของเคส.....
ไอโฟน
เช้าวันที่มีเรียนสายคือสวรรค์ของผม ก่อนที่มันจะกลายเป็นนรกเพราะเสียงกรีดร้องท่วงทำนองสากลไม่คุ้นหูให้ต้องเดินหาทั่วห้อง ก่อนจะพบว่ามันกองรวมอยู่กับกระเป๋าหนัง ลองหยิบขึ้นมาดูเห็นมันโชว์ชื่อคนโทรเข้า
หม่าม๊า
ผมกดรับ พร้อมกับที่มืออีกข้างเปิดกระเป๋าหยิบสมุดสองสามเล่มสกรีนปกเป็นตราโรงเรียนออกมาดู
“สวัสดีครับ”
(( ขอโทษนะครับ คือว่านั่นโทรศัพท์ผม ไม่ทราบว่าอยู่ที่ไหนหรือครับ รบกวนขอคืนได้ไหม ))
ผมอมยิ้มกับตัวเองเมื่อได้ยินเสียงคุ้นเคยส่งมาตามสาย
“ของ...น้องแนน หรือครับ”
(( ห๊ะ? ))
“อ่อ ขอโทษครับ พอดีเห็นชื่อบนปกสมุดว่าเขียนว่า Nannatee “
ปลายสายเงียบไป หากยังคงได้ยินเสียงลมหายใจหนัก
(( ผมชื่อ น่านนที ครับ................คุณนาย ))
ผมลุกพรวดขึ้นจากโซฟาตัวนุ่ม กำมือแน่น
“ผมชื่อ นาย ชื่อจริง ธีรนาย หรือจะเรียกว่า คุณธีรนายก็ได้ โปรดจำเอาไว้ด้วย ถ้ายังอยากให้กระเป๋ากับไอโฟนของคุณอยู่ในสภาพครบถ้วนสมบูรณไม่มีอะไรเสียหาย ....จำไว้นะครับ น้องแนน”
(( ไอ้! ))
“ไอ้อะไรครับ?”
(( ผมจะรับของคืนได้ที่ไหนครับ คุณ........ธีรนาย ))
“เจ็ดโมงครึ่ง เจอกันหน้าโรงเรียน.....มาเร็วๆนะครับน้องแนน พี่นายจะรอ”
ผมรู้ว่าปลายนิ้วของตัวเองกำลังกดตัดสาย
แต่ไม่รู้เลยว่าเพิ่งเริ่ม...สานต่อ เรื่องราวบางอย่าง
To be con.
Stubborn EP.2
Talk :: สวัสดีนักอ่านที่น่ารักทุกท่านค่ะ ออกจะใหม่ซักหน่อยกับเรื่อง นามปากกา รวมถึงอะไรหลายๆอย่าง แต่รับรองว่าถ้าเราอยู่ด้วยกันไปซักพักจะคุ้นชินแน่นอนโดยเฉพาะ "พี่นาย" และ "น้องน่าน" ที่โลดแล่นอยู่ในเรื่องนี้ ฝากนิยายเบาสมองเรื่องนี้ไว้พิจารณาด้วยนะคะ คอมเม้นท์ ติ-ชม แนะนำกันได้เต็มที่เลยนะคะ
ณ
ความคิดเห็น