ตอนที่ 11 : ตอนสะกดรอยตาม Chapter 11
ตอนสะกดรอยตาม
Chapter 11
แฟ้มเอกสารเล่มหนาถูกใช่เป็นฉากบังหน้าเพื่อที่จะได้เข้ามาในห้องกว้างของเจ้าหน้าที่ตำรวจหน่วยพิเศษกองปราบปรามหนึ่งอย่างปาร์ค ชานยอลที่กำลังนั่งสำรวจแฟ้มคดีอื่นๆอย่างคร่าวๆ โดยตำรวจชุดสืบสวนภาคพื้นสนามอย่างคิม จุนมยอนหรือที่เรียกกันในหน่วยคือซูโฮ ในมือนั้นถือแฟ้มเอกสารเล่มหนาที่ข้างในนั้นมีแต่ซองกระดาษสีน้ำตาลอ่อนที่เขาไปสืบหามาอย่างลับๆ
“ ไง เรียบร้อยดีใช่ไหม ” ชานยอลวางแฟ้มคดีในมือลงก่อนจะเอ่ยทักตำรวจรุ่นน้องที่ถือแฟ้มลับเข้ามาภายในห้อง แค่การยักคิ้วส่งมาชานยอลก็รู้ในทันทีว่าไม่มีอะไรที่ซูโฮทำไม่ได้ ไม่ผิดหวังจริงๆไอ้เด็กนี่
“ ค่าจ้างเป็นอะไรดีน่า... ทานมื้อเย็นกับเด็กพี่ดีไหมเอ่ย ” ซูโอว่าพลางยกยิ้มมุมปากอย่างคนเจ้าเล่ห์ ก่อนจะมองไปยังตำรวจกองปราบที่ตอนนี้แทบจะซัดหน้าตนเข้าให้ พูดเล่นหรอกน่า คนอย่างซูโฮก็รักตัวกลัวตายเหมือนกัน ไม่กล้าแหยมเด็กของรุ่นพี่คนนี้หรอก แต่ถ้าชานยอลตกลงข้อเสนอก็โอเหมือนกันนะ
“ อยากเป็นผีเฝ้าศน.ก็ไม่บอกกันตั้งแต่ทีแรก จะเปลืองน้ำลายหากระบอกปืนทำไมไม่ทราบ ” ชานยอลในชุดผู้พิทักษ์สันติราษฎร์คือคนละคนกับร่างสูงที่อยู่ข้างกายมินซอก ไม่มีคำว่าเล่น โดยเฉพาะตอนที่มีใครเตาะคนของเขาล่ะก็เตรียมตัวหันหน้าเข้าหากระบอกปืนโดยไม่รู้ตัวได้เลย
“ แหม...แตะนิดแตะหน่อยไม่ได้นะครับรุ่นพี่ พูดหยอกเฉยๆหรอก อ่ะนี่ข้อมูลที่ให้ไปหา กว่าจะได้มานี้แทบไม่ได้นอนเลยล่ะครับ ” ซูโฮยิ้มแหย่ให้ก่อนจะวางแฟ้มเอกสารที่ถือมาไว้ตรงหน้าของชานยอล ข้างในก็ไม่มีอะไรมากแค่ข้อมูลที่ทางการเก็บเอาไว้แน่นหนา กว่าจะเจาะมาได้ก็ใช้เวลาพอควร
“ ขอบใจ ไว้วันหลังจะแนะนำมินซอกให้รู้จัก ” ชานยอลแอบหรี่ตามองปฏิกิริยาของรุ่นน้องที่ตอนนี้ฉีกยิ้มแทบจะถึงท้ายทอย ไม่รู้ว่ามันจะทำหน้าฟินอะไรนักหนา แค่แนะนำให้รู้จักเว้ย อย่าหวังว่าจะได้เตาะอะไรเด็กแสบเป็นอันขาด แม้แต่คำพูดก็เถอะ
ชานยอลละหน้าเข้าหาแฟ้มเอกสารที่กองอยู่ตรงหน้า พอเปิดเข้าไปก็พบกับซองเอกสารสีน้ำตาล มือใหญ่ฉีกซองสีน้ำตาลออกมาก็พบกับกระดาษที่เต็มไปด้วยตัวหนังสือ ชานยอลคลี่มันออกก่อนจะอ่านมันอย่างละเอียดโดยมีซูโฮที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามมองตามอย่างไม่วางตา
ข้อมูลที่ซูโฮหามาได้เป็นประวัติของคนๆหนึ่งพร้อมกับรูปชายร่างสูงโปร่งที่สวมแว่น ข้อมูลบอกว่าชายคนนี้ชื่อเซฮุน
ห๊ะ! นี่มันคุณเซฮุนนิ...
“ นายหาอะไรมาให้ฉันเนี่ย เอารูปคุณเซฮุนมาให้ฉันทำไม ” ชานยอลละหน้ามองไปยังซูโฮอย่างหาคำตอบ เขาต้องการข้อมูลของคนที่สะกดรอยตามมินซอก ไม่ใช่คุณเซฮุนสักหน่อย แถมคุณเซฮุนยังเป็นหมอที่ทำงานในโรงพยาบาลของพ่อมินซอกซะด้วย ไม่มีความเป็นไปได้ด้วยซ้ำที่คุณเซฮุนจะสะกดรอยตามมินซอก
เขารู้จักคุณเซฮุนตั้งแต่ยังเด็ก คุณเซฮุนเป็นลูกของเพื่อนคุณท่านที่อายุเท่ากันกับเขา แต่เพราะมีศักดิ์เป็นถึงลูกของเพื่อนเจ้านายเขาถึงต้องเรียกอีกคนให้สมกับฐานะ
“ ด่วนสรุปจังเลยครับรุ่นพี่ ก็ไอ้หมอคนนี้แหละคนที่สะกดรอยตามเด็กพี่อ่ะ วันก่อนตอนที่เด็กพี่นั่งรอพี่ที่คณะ ไอ้หมอนี่มันก็ขับเบนซ์ของมันมาแอบดูเด็กพี่ตั้งนาน แถมยังสะกดรอยตามพวกพี่ไปจนถึงคอนโดพี่ด้วยนะ ”
“ แล้วทำไมไม่บอกว่ะ นึกว่าใครที่ไหน ไอ้ซูโฮเอ้ย ” ชานยอลยกแฟ้มขึ้นฟาดเข้าที่หัวรุ่นน้องอย่างนึกเคือง ถ้าโทรมาบอกตั้งแต่เมื่อวานเขาคงไม่เป็นบ้าเป็นหลังขนาดนี้หรอก
“ โอ้ย! ก็ยังไม่ได้สืบดูให้แน่ใจไงว่ามันมีจุดประสงค์อะไร แต่ถ้าให้เดามันต้องสนใจเด็กพี่แน่ๆ เชื่อผมเถอะ ” ซูโฮเอามือลูบหัวปอยๆพร้อมกับพยักเพยินหน้าไปทางภาพถ่ายในมือของชานยอล ดูก็รู้ว่าไอ้หมอนี่มันสนใจมินซอก แต่ทำไมมันต้องมาสุ้มดูแบบลับๆล่อๆด้วยว่ะ ไม่น่าไว้ใจชะมัด
“ เอ่อ เอาเป็นว่าขอบใจแล้วกันที่สืบให้ เดี๋ยวที่เหลือฉันจัดการเอง ”
“ ไม่มีปัญหา ผมไปทำงานก่อนนะ ” ซูโฮลุกขึ้นจากเก้าอี้หมุน แต่ก่อนจะเดินออกไปก็ไม่ลืมทวงสัญญาที่ชานยอลให้ไว้ก่อนหน้านี้
“ อย่าลืมแนะนำน้องมินซอกให้รู้จักนะรุ่นพี่ ” ซูโฮยักคิ้วให้หนึ่งที ก่อนจะรีบเดินออกจากห้องไป เพราะดูเหมือนชานยอลจะอยากประทานรองพระบาทมาให้
ชานยอลจิปากอย่างขัดใจ ก่อนจะมองไปยังแผ่นกระดาษในมืออย่างพิจารณา คุณเซฮุนสะกดรอยตามมินซอกทำไมกัน หรือเป็นอย่างที่ซูโฮพูดงั้นเหรอ คุณเซฮุนชอบมินซอก ไม่น่าใช่ ตอนเด็กทะเลาะกันยิ่งกว่าอะไร เจอกันทีแทบจะเขวี้ยงมีดใส่กัน เขาต้องสืบดูเองแล้วล่ะซิ
เป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์เต็มแล้วสำหรับการที่มีคนมาแอบมอง ตอนแรกนึกว่าตัวเองคิดไปเอง แต่ความรู้สึกตลอดระยะเวลาหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาเหมือนมีใครมาแอบมองพวกเขาทั้งสองอยู่ จนเมื่อวานนี้มันทนไม่ไหว เขาเลยขอให้ซูโฮตามสืบดูว่ามีใครสะกดรอยตามหรือว่าเขาคิดไปเอง แล้ววันนี้ก็รู้ความจริงสักทีว่าเป็นคนๆนั้นเป็นใคร
คุณเซฮุน... หมอในเครือโรงพยาบาลมิน โรงพยาบาลของคิม ซองมิน บิดาของนายคิม มินซอก ซึ่งในความเป็นจริงมินซอกไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองมีพ่อที่ยังมีชีวิตอยู่และคอยให้ความช่วยเหลืออยู่ตลอดเวลา เงินที่ส่งเสียเขาเรียนจนจบก็มาจากสองมือของคุณคิม ผู้มีพระคุณคนนั้น
ที่มินซอกจำพ่อตัวเองไม่ได้เพราะความกระทบกระเทือนทางสมองเมื่อครั้งเป็นเด็ก ที่เกิดจาดอุบัติเหตุรถพลิกคว่ำและในครั้งนั้นมินซอกก็เป็นเด็กกำพร้าแม่และสูญเสียความทรงจำทั้งหมด ลืมเลือนบิดาที่ยังมีชีวิตอยู่แล้วตัดขาดโลกภายนอกหนีออกจากบ้านไปอยู่บ้านเด็กกำพร้าที่ปูซาน คุณคิมแทบกลายเป็นคนบ้าในตอนนั้นที่มินซอกจำตัวเองไม่ได้ แต่เพราะเข้าใจจึงเลือกที่จะไม่รื้อฟื้นเรื่องราวที่ผ่านมาและยอมรับความเปลี่ยนแปลง
และในตอนนั้นมินซอกก็ลืม ลืมหมดทุกอย่างลืมแม้กระทั่งเขาที่เป็นพี่เลี้ยง คุณหนูลืมพี่ชานยอลคนนี้ แต่เพราะความผูกพันที่มีให้คุณหนูตัวน้อย เขาจึงเลือกที่จะติดตามมินซอกไปอยู่ที่บ้านเด็กกำพร้าปูซาน เขาแกล้งทำเป็นไม่รู้จักและเริ่มที่จะทำความรู้จักคุณหนูในมุมมองของเด็กผู้ชายคนหนึ่ง เป็นแค่เด็กแก้มบวมของเขา ไม่ใช่คุณหนูที่แบ่งชั้นความรู้สึกเขาเอาไว้ และในตอนนั้นความรู้สึกที่มีให้มันก็เริ่มมากกว่าคำว่าพี่ชายที่มีให้น้องชายตัวน้อยอีกต่อไป
เขารักมินซอกจนถอนตัวไม่ขึ้น...
วันที่แสนเหนื่อยได้จบลง แต่พรุ่งนี้ยังมีเหมือนเดิม ทำไมชีวิตของนักศึกษาแพทย์ถึงได้ทรหดถึงเพียงนี้กัน กว่าจะได้มาต้องแลกกับหยาดเหงื่อและความตั้งใจมากเท่าไหร่กัน อีกสามปีเชียวนะที่จะได้หลุดพ้นในวงจรชีวิตแบบนี้ กว่าจะสอบเข้ามาได้ก็แทบตาย แล้วได้มาเรียนยิ่งอยากจะตายเข้าไปใหญ่ สมกับคำล่ำลือจริงๆเลย
วงแขนเล็กเต็มไปด้วยกองหนังสือเล่มหนาตึบเต็มวงแขนที่สูงเกือบถึงคาง มินซอกแทบอยากจะเซล้มตอนที่เดินลงบันไดมา ถ้าเขาทิ้งเอาไว้ที่นี่มีหวังพรุ่งนี้สอบไม่ได้แน่ๆ ช่วงสอบนี้เป็นอะไรที่แสนจะทรมานยิ่งนัก หากความตั้งใจมันมีมากเกินกว่าจะมายอมแพ้อะไรง่ายๆแบบนี้หรอก เดินมาได้ครึ่งทางแล้วไม่มีทางที่จะหันหลังกลับเป็นอันขาด
มินซอกเดินอย่างทุลักทุเลจนมาถึงหน้าคณะ ดีหน่อยที่ช่วงนี้เป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิอากาศเลยไม่ค่อยร้อนอะไรมาก ในหน้าน่ารักมองอย่างชั่งใจว่าจะนั่งรอชานยอลที่ไหนดี แต่แล้วเหมือนฟ้าจะกลั่นแกล้งกันอีกครั้ง แกล้งบ่อยจนเขารู้สึกไม่ชอมมัน
“ มินซอก!!! ” เสียงใสจากสาวน้อยที่กำลังวิ่งหน้าตื่นเข้ามาหา โดยที่มีคนที่เขาเกลียดที่สุดเดินรั้งท้ายตามมา
“ อยู่นี่เอง หาอยู่ตั้งนานแหนะ ไปทานข้าวกัน ” โชรงเอ่ยชวนเพื่อนตัวเล็กที่เขาหาอยู่ตั้งนาน ที่แท้ก็มายืนหอบหนังสืออยู่ที่หน้าคณะนี้เอง
มินซอกไม่ตอบอะไร ดวงตาสีชากลับหลุบต่ำมองพื้นอย่างชั่งใจ จะทำยังในเมื่อเขาไม่อยากไป ไม่อยากอยู่ที่นี่ด้วยซ้ำ เกลียดบรรยากาศแบบนี้ที่สุด
“ หวัดดีมินซอก ” ลู่หานเอ่ยทักทายคนตัวเล็ก แต่ก็เหมือนเดิม มินซอกไม่พูดกับเขาด้วยซ้ำ เกลียดกันจริงๆแล้วซินะ แต่อยู่ๆข้อศอกเล็กจากคนข้างๆก็กระทุ้งเข้าที่สีข้างของเขาเบาๆ โชรงทำหน้าพะยักเพยินไปทางมินซอกที่หอบหนังสือเอาไว้ ปากเล็กขยับพูดไร้เสียงที่เขาจับใจความได้ว่า ‘ไปช่วยมินซอก’ ลู่หานพะยักหน้ารับก่อนจะเดินเข้าไปยังคนตัวเล็กที่หอบหนังสือเล่มหนักเอาไว้เต็มวงแขน
“ เอามา เดี๋ยวช่วยถือ ” พูดไปทั้งยังยื้อแย่งหนังสือกองโตในวงแขนเล็กมาถือเอาไว้เสียเอง เพราะมินซอกดูเหมือนจะขัดขื่นในทุกๆครั้งที่เขายื่นมือเข้ามาช่วย ดื้อจริงๆเลย
“ .................. ” มินซอกไม่แม้ที่จะปริปากพูดห้ามหรือแย้งใดๆ ไม่อยากจะพูดด้วย แม้แต่หน้าก็ไม่อยากมองด้วยซ้ำ แต่ใบหน้าน่ารักกลับแสดงความไม่พอใจออกมาด้วยการทำหน้าบึ้งตึง เรียกรอยยิ้มน้อยๆจากคนช่วยถือในทันที
“ งั้นไปกัน พี่เซฮุนรออยู่ที่ร้านแล้ว ป่ะมินซอก ” โชรงยิ้มหวานก่อนจะเอื้อมมือไปจูงมือเล็กของมินซอกให้เดินตามไปที่รถหรูของลู่หาน ลู่หานได้แต่ส่ายหัวไปมาในความเอาแต่ใจของแฟนสาว ที่ไม่ว่าอีกฝ่ายจะมีสีหน้าขัดขื่นมากน้อยเพียงใด คนอย่างโชรงก็มัดมือชกได้ตลอดเวลา รวมถึงตอนนี้ด้วย มินซอกมีสีหน้าไม่พอใจ แต่คนตัวเล็กเลือกที่จะเก็บเอาไว้แล้วเดินตามแรงดึงของโชรงอย่างว่าง่าย
สองมาตรฐานใช่ไหมคนเรา...
อะไรที่เขาทำให้ มินซอกจะมีสีหน้าทั้งยังการกระทำที่แสดงออกมาอย่างชัดเจนว่าไม่ชอบ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ใช้ทีเผลอไม่ก็บังคับ ตลอดสองอาทิตย์มานี้เขารู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง ทั้งๆที่เรียนคณะบริหารแต่จิตใจกลับเดินวนเวียนอยู่ที่คณะแพทย์นี้ ทุกวันลู่หานจะมานั่งที่โต๊ะใต้ต้นไม่ใหญ่ของคณะวิทย์ที่อยู่ติดกับคณะแพทย์เพื่อมองดูใครสักคน ใครคนนั้นที่ทำให้จิตใจเขาไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
ใจร้ายจังนะมินซอก...
ร้านอาหารสไตร์ยุโรปตกแต่งอย่างหรูหรา มินซอกรู้สึกชอบมันไม่น้อย สีเหลืองอ่อนๆของหลอดไฟบนเพดานดูดึงดูดลูกค้าไม่น้อย อาหารหลากหลายเมนูจนเลือกแทบไม่ถูก มีแต่ของดีๆสมกับราคาจริงๆ มินซอกบอกให้คนอื่นๆสั่งอาหารรอเพราะเขาต้องออกมาโทรศัพท์หาชานยอล มือเล็กยกโทรศัพท์แนบหูเพื่อรอสายปลายทางที่โทรหา ไม่นานปลายสายก็รับเสียแล้ว
[ ว่าไงเด็กแสบ เลิกเรียนแล้วเหรอ ] สรรพนามที่ถูกเปลี่ยนไปของมินซอก ที่รู้สึกว่าคนเรียกจะหมั่นไส้ในความน่ารักและความดื้อรวมถึงความขี้อ่อยของคนตัวเล็กจนต้องเรียกขานนามใหม่ให้สมน้ำสมเนื้อ
“ เลิกแล้ว แต่วันนี้มินซอกออกมาทานข้าวกับเพื่อน ชานยอลไม่ต้องเป็นห่วงนะเดี๋ยวมินซอกกลับเอง ”
[ ได้ไง กินเสร็จโทรหาชานยอลให้ไปรับ ห้ามขัดขื่นเดี๋ยวโดน ]
“ ชานยอลอ่ะ ก็ได้ เดี๋ยวกินเสร็จจะโทรหานะ ชิส์ ” มินซอกแยกเขี้ยวใส่คนตัวสูงผ่านทางโทรศัพท์ก่อนจะกดตัดสายปลายทาง เดี๋ยวโดนงั้นเหรอ ชิส์พูดอะไรก็ไม่รู้ ไอ้ตำรวจเจ้าเล่ห์เอ้ย...
มินซอกเดินมาหยุดอยู่ที่โต๊ะวีไอพีของร้านที่มีคนอีกสามคนนั่งรออยู่แล้ว บนโต๊ะเต็มไปด้วยอาหารยุโรปที่ชวนให้น้ำลายกระฉอกออกมา กายเล็กเดินอ้อมไปนั่งที่ว่างข้างๆลู่หานก่อนจะนั่งลง ดวงตาสีชาก็ประทะเข้ากับคนฝั่งตรงข้ามที่ยักคิ้วส่งมาให้
“ อะไรลุงแว่น ” มินซอกทักทายได้กวนประสาทคนที่นั่งฝั่งตรงข้าม ก่อนเอื้อมมือไปหยิบเอาน้ำผลไม้มาดื่มแก้กระหาย
“ ไปคุยกับแฟนมาเหรอ? ”
“ แค่กๆ ” มินซอกถึงกับสำลักน้ำผลไม้ในมือ เดือดร้อนจนคนที่นั่งข้างๆอย่างลู่หานต้องยื่นทิชชูไปให้เช็ดน้ำผลไม้ที่เลอะอยู่ที่มุมปากออก
“ พูดอะไรของลุง... ” มินซอกทำหน้าเฉไฉพร้อมทั้งมือเล็กก็ยกขึ้นจับทิชชูจากมือลู่หานเช็ดน้ำผลไม้ที่เปื้อนมุมปาก แต่ดูเหมือนคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามจะไม่ยอมง่ายๆ
“ ก็ตำรวจนั่นไง นึกว่าใครที่แท้ก็เป็นไอ้ชานยอลนี่เอง มันเล่นของสูงนิ ” เซฮุนเหยียดยิ้มมุมปากอย่างนึกแคลนก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบเอาซ้อมกับมีดขึ้นมาจัดการกับสเต๊กเนื้อในจาน พร้อมทั้งลอบมองดูปฏิกิริยาของคนตัวเล็กอย่างนึกขัน
“ แล้วไง ฉันจะมีแฟนแล้วมันเกี่ยวอะไรกับคุณ และอีกอย่างอย่ามาพูดไร้มารยาทกับชานยอลแบบนี้อีก ฉันไม่ชอบ ” มินซอกพูดอย่างนึกเคืองลุงแว่นตรงหน้า ถ้าไม่เห็นว่าเป็นพี่ชายของโชรงเขาจะจัดหนักมากกว่านี้ ทำตัวไร้มารยาทแล้วยังมาพูดจาไร้มารยาทแบบนี้อีก นี่น่ะเหรอผู้ดี เหอะ!ทำตัวอย่างกับคนไม่มีการศึกษา
ทุกคำพูดและบทสนทนาต่างๆล้วนแล้วแต่เป็นการบั่นทอนจิตใจยิ่งนัก เหมือนมีคนปาน้ำแข็งใส่หน้าแรงๆ ทั้งเจ็บและรู้สึกชาวาบในคราวเดียวกัน ลู่หานไม่รู้สึกแปลกเลยด้วยซ้ำที่มินซอกจะหนีหน้ากันแบบนี้ ที่แท้ก็กำลังคบกับคนอื่นแล้วไม่อยากให้คนสำคัญคนนั้นรู้เรื่องราวความหลังระหว่างเราซินะ มันผิดที่เขาเองแหละที่ไม่ยับยั้งชั่งใจ ผิดที่คิดไปเองแล้วก็เจ็บเองแบบนี้
รู้แล้วว่าเวลามันไม่ได้ช่วยอะไรเลย ยิ่งห่างและนานเขาก็ยิ่งทรมาน ดวงใจดวงนี้มันเรียกร้องหาความอบอุ่นเดิมๆทุกวัน แค่โผล่หน้าไปหาก็ไร้ซึ่งเงาของคนที่คิดถึง อยากจะเดินเข้าไปคุยแต่ดูเหมือนมินซอกจะรู้ตัวแล้วก็เดินหนีเขาไป มินซอกไม่พูดแล้วยังเมินกันอีก แบบนั้นมันก็ทำให้เขารู้สึกผิด จนในวันนี้ที่ได้รู้ความจริงที่ตัวเองข้องใจมาตลอดและก็เป็นเขาเองที่หลอกตัวเองเรื่อยมา
เขาเห็นทุกอย่าง เห็นแม้กระทั่งสองพี่น้องนั้นจูบกันอย่างดูดดื่มท้ามกลางรถราที่ขับสวนเข้าออกในรั้วมหาลัย กลีบปากอิ่มที่เป็นของๆเขากลับกลายเป็นของคนอื่นที่เชยชิมมัน แก้มขาวที่เขามักจะฝังจมูกลงสูดดมกลิ่นหอมจากพวงแก้มใสนั้นมันก็ถูกจมูกโด่งของคนอื่นช่วงชิงไป แต่เขาก็เป็นคนโง่ ที่โง่ไม่เคยเปลี่ยน หลอกตัวเองว่ามันอาจจะไม่ใช่อย่างที่เขาเห็น
แต่ในวันนี้มันได้เปลี่ยนไป เปลี่ยนไปทุกอย่าง ไม่มีสิทธิ์อีกแล้วใช่ไหมที่จะคิดมากกว่าคำว่าเพื่อนกัน...
ลู่หานจำต้องละบทสนทนาที่ทำให้ใจสั่นไหวนั่นทิ้ง ก่อนจะลงมือสนใจก้อนเนื้อบนจานตรงหน้า ถ้ามีดในมือเปรียบเสมือนคำพูดที่ออกมาจากปากมินซอก ก้อนเนื้อบนจานก็เปรียบเสมือนหัวใจ ลู่หานกดปลายมีดลงบนก้อนเนื้อก่อนจะลากมันจนก้อนเนื้อนั้นขาดออกจากกันเป็นชิ้นพอดีคำ คำพูดของมินซอกกรีดแทงใจจนขาดวิ่นแล้วไม่มีทางที่มันจะกลับมาเป็นเหมือนเดินอีกครั้ง ตัดใจงั้นเหรอ ง่ายไปไหมนะ...
“ มินซอกไม่กลับพร้อมกันงั้นเหรอ แล้วจะกลับยังไง ” โชรงถามขึ้นอย่างข้องใจ มาด้วยกันแท้ๆแต่มินซอกกลับบอกว่าจะไม่กลับด้วยกัน เธอมองเพื่อนตัวเล็กที่ไม่แม้ที่จะปริปากพูดตั้งแต่พวกเขาเริ่มทานอาหาร หรือมินซอกจะโกรธพี่ชายเขากันนะ พี่เซฮุนก็เป็นคนตรงไปตรงมา เขาก็ตกใจไม่หายเหมือนกันแฮะที่มินซอกมีแฟน แล้วว่าที่พี่สะใภ้ของเขาล่ะ แบบนี้ก็แย่นะซิ เฮ้อ...อุตส่าห์วางแผนไว้แล้วแท้ๆ
“ พี่เซฮุนก็จะเข้าเวรแล้ว มินซอกกลับคนเดียวได้งั้นเหรอ ให้ลู่หานไปส่งไหม ”
“ ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวชานยอลก็มารับแล้ว ว่าจะเดินห้างเล่นสักหน่อยน่ะ ” มินซอกยิ้มบางส่งให้โชรงที่ยังอุตส่าห์เป็นห่วงกัน ขอโทษที่ทำอะไรไม่ดี รอยยิ้มของโชรงเหมือนกับค้อนเหล็กที่ทุบลงบนหัวของเขาให้เขารู้สึกตัวเสมอว่าตัวเองทำเรื่องเลวร้ายอะไรลงไป เธอช่างแสนดีจนเขายอมรับผิดทุกๆอย่าง ขอโทษเกี่ยวกับเรื่องราวความลับที่ผ่านๆมา ต่อไปมันจะไม่เกิดขึ้นอีกแล้ว
ลู่หานน่ะโชคดีที่มีผู้หญิงดีๆแบบนี้ให้ดูแล มันช่างต่างจากเขายิ่งนัก ที่ไร้ค่าจนใครไม่ต้องการ ขนาดชานยอลเขายังไม่ไว้ใจเลยว่าจะรักกันจริงหรือไม่ หัวใจที่ลงเดิมพันถ้ามันเสียหมด เขาก็รู้สึกกลัว เหลือแค่สิ่งเดียวไม่ใช่หรือไงที่เขาคิดว่ามันยังมีค่ามากพอที่จะเอาไปต่อรองกับคนอื่น เขาจึงเลือกที่จะเก็บเอาไว้กับตัวจนกว่าจะแน่ใจอะไรสักอย่างที่เขาต้องการรู้มาตลอด
“ อื่อ งั้นกลับก่อนน่ะ ป่ะลู่หาน ” โชรงเอ่ยลามินซอก ก่อนจะสะกิดแขนแฟนหนุ่มที่ตอนนี้เหมือนจิตใจจะไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เป็นอะไรของเค้ากันนะ แรงสะกิดไม่ได้ทำให้คนตัวสูงข้างๆรู้สึกตัวเลยแม้แต่น้อย
“ ลู่หาน ลู่หานคะ! ”
“ ค ครับ ” ลู่หานสะดุ้งตกใจ ก่อนจะมองไปยังคนข้างกายที่มองมาที่ตนอย่างงุนงง เขาเหมออีกแล้วงั้นเหรอ บ้าที่สุด... ก่อนจะเดินตามโชรงไป ดวงตาสีน้ำตาลเข้มก็สบเข้ากับดวงตาสีชาของคนตัวเล็ก แค่วินาทีเดียวก่อนที่มินซอกจะหันหน้าหนีไปทางอื่น แค่หน้าก็ไม่อยากจะมองกันงั้นเหรอ เกลียดกันขนาดนั้นเชียวมินซอก...
มินซอกโกหก... เขายังไม่ได้โทรบอกชานยอลให้มารับด้วยซ้ำ เท้าเล็กเดินไปเรื่อยเปื่อย อยากจะใช้เวลาอยู่คนเดียว คิดทบทวนเรื่องราวต่างๆอยู่คนเดียว เขาผิด ผิดที่ไปตอบตกลงกับชานยอลแบบนั้น ทั้งๆที่ใจของเขายังไม่มอบให้อีกคนด้วยซ้ำ เหมือนคนขี้โกงที่โกงเอาหัวใจของคนอื่นมาไว้กับตัว โดยที่ตัวเองกลับเก็บหัวใจเอาไว้กับตัว แค่เพราะความอบอุ่นที่เขาโหยหาและชานยอลก็มีให้ แต่อีกใจเขาก็คิดกับชานยอลมากกว่าคำว่าพี่ชายไปแล้ว แต่อีกใจก็รั้งเอาไว้
เขาคิดผิดใช่ไหมที่เป็นคนครึ่งๆกลางๆไม่ชัดเจนแบบนี้ ก็หัวใจมันมีดวงเดียว แค่อยากแน่ใจอะไรสักอย่างว่าคนที่เขามอบหัวใจให้จะรักษาหัวใจของเขาเป็นอย่างดี ของสำคัญมันทิ้งขว้างไม่ได้หรอกนะ และอีกอย่างเขาก็ยังไม่แน่ใจตัวเองเหมือนกัน
มินซอกมองนาฬิกาเรือนสวยในข้อมือซึ่งชานยอลเป็นคนซื้อให้ มันสวยจริงๆนะ ชานยอลน่ะมีรสนิยมดีสุดๆ มินซอกเลือกที่จะเดินดูเสื้อผ้าสวยๆพลางมองไปรอบๆห้าง เท้าเล็กเดินนำตัวเองไปเรื่อยๆจนรู้สึกถึงความผิดปกติ เหมือนมีคนกำลังจ้องมอง พอมินซอกเอี้ยวตัวหันไปมองข้างหลัง ก็ไร้ซึ่งวี่แววคนน่าสงสัย หรือว่าเขาคิดไปเอง
มินซอกจึงลองเดินเร่งฝีเท้าไปที่โซนเครื่องประดับ ความรู้สึกเหมือนมีคนเดินตามใกล้เข้ามาจนมินซอกต้องหยุดฝีเท้าก่อนจะตั้งสติหันไปมองข้างหลังอีกครั้ง
ไม่มี... ไม่มีใครนอกจากคนที่เดินห้างทั่วๆไป เขาดูซีรีย์แนวสยองขวัญมากไปหรือเปล่านะ
แต่แล้วก็เหมือนมีแรงฉุดจากมือปริศนาที่เดินอ้อมมาทางด้านหลังเล็กของมินซอก มินซอกดูตกใจจนทำอะไรมีถูก ปากอิ่มกำลังร้องตะโกนแต่มือปริศนาก็เอื้อมขึ้นมาปิดปากอิ่มที่กำลังร้องเรียกคนให้มาช่วยเอาไว้ มืออีกข้างของคนปริศนาก็เกี่ยวข้องเอวเล็กของมินซอกเอาไว้ ก่อนจะดึงกายเล็กเข้ามาแนบชิดกับแผงอกจนมินซอกสัมผัสได้และรู้ว่าเป็นผู้ชาย พร้อมกับรั้งกายเล็กเข้าไปในมุมหนึ่งของห้าง แรงรั้งที่มากกว่าทำให้มินซอกไม่อาจขัดขื่นได้ ได้แต่เดินตามแรงดึงนั้นไปอย่างช่วยไม่ได้
ช่วยด้วย ช่วยเขาที...
กลัวเหลือเกิน ใครก็ได้ช่วยเขาที...
TBC.
คือเรื่องนี้มันซับซ้อนค่ะ จะเฉลยทุกตอนว่าอะไรเป็นยังไงบ้าง ตอนนี้ไม่รู้ว่าไรท์จะสงสารใครดี พี่ฮุนก็เหมือนจะร้ายลึกนะค่ะ(เฉลย) ชานยอลก็ยังไม่รู้เรื่องอะไรมาก ส่วนคนที่หนักสุดก็รู้ๆอยู่ พี่ลู่ยังคงบทพระเอกโง่เหมือนเดิมคะ แต่ขอบอกว่าต่อๆไปพี่แกจะเริ่มฉลาดแล้วนะค่ะ ไม่อยากโม้ว่ามินซอกโง่กว่า คริๆ
บอกเลยว่าฮุนร้ายค่ะ แต่จะร้ายแบบไหนก็ติดตามแล้วกัน
อาจไม่แจ้งอย่างเป็นทางการนะคะว่าจะจบก่อนไรท์เปิดเทอมไหม แต่ไรท์จะพยายามปั่นให้จนก่อนเปิดเทอมค่ะ ขอแค่อย่างเดียว
กำลังใจมีไหมเอ่ย...
รักจุ๊บ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

431 ความคิดเห็น
-
#327 FAiTHH (จากตอนที่ 11)วันที่ 10 มิถุนายน 2558 / 14:06ใครฉุดมินซอกของเค้าาา#3270
-
#284 iamaoitme (จากตอนที่ 11)วันที่ 27 พฤษภาคม 2558 / 00:26พี่ฮุนร้ายยิ่งนัก ใคร?จะทำอะไร? ลุ้นๆ#2840
-
#240 DarkCornell (จากตอนที่ 11)วันที่ 10 พฤษภาคม 2558 / 12:21คนที่ฉุดหมินคือฮุนใช่มะ#2400
-
#232 Nabee_neko (จากตอนที่ 11)วันที่ 9 พฤษภาคม 2558 / 22:26เซฮุนสินะ#2320
-
#210 Piyakarn Koohaphan (จากตอนที่ 11)วันที่ 8 พฤษภาคม 2558 / 18:45สู้ๆ#2100
-
#209 Yogurt osis (จากตอนที่ 11)วันที่ 8 พฤษภาคม 2558 / 11:26คำพูดพี่ฮุนนี่ร้ายมากนะ ว่าจะเชียร์พี่ฮุน แต่ไม่ล่ะ เชียร์พี่ชานดีกว่า#2090
-
#208 angela rose (จากตอนที่ 11)วันที่ 8 พฤษภาคม 2558 / 04:04ชอบอ่าาา ไฟว์ติ้งนะไรท์ >.<#2080
-
#207 PiiProud (จากตอนที่ 11)วันที่ 8 พฤษภาคม 2558 / 02:15หูย ตื่นเต้นมากเลยอ่ะ พลิกล็อคสุดๆ#2070
-
#206 Jakkaran55 (จากตอนที่ 11)วันที่ 7 พฤษภาคม 2558 / 22:51ขอหยาบหน่อย ฟายๆๆๆโง่ต่อไป มินซอกไม่ใช่เด็กกำพร้า แต่พ่อก้อปล่อยให้มินซอกลำบากอยู่ตั้ง3ปีนี่นะ??? เซฮุนใช่มั้ยที่มาฉุดมินซอกไป สรุปทั้งลู่หานมินซอกพวกเธอจับปลา2มือทั้งคู่ สน.แบบนี้ป่ะ ส้อม เขียนแบบนี้เนอะ ค้างๆๆๆๆๆ#2060
-
#205 lumin (จากตอนที่ 11)วันที่ 7 พฤษภาคม 2558 / 21:34มาต่อเร็วๆน้าไรท์ รอๆเน้อ><#2050
-
#204 lumin (จากตอนที่ 11)วันที่ 7 พฤษภาคม 2558 / 21:34มาต่อเร็วๆน้าไรท์ รอๆเน้อ><#2040
-
#203 rinsoek (จากตอนที่ 11)วันที่ 7 พฤษภาคม 2558 / 21:24ฮุนจะลักำาตัวมินซอก ? ใช่รึป่าวนะ โอ๊ย....ไรท์ ค้างสุดๆอ่ะ#2030
-
#202 PxkhOp (จากตอนที่ 11)วันที่ 7 พฤษภาคม 2558 / 21:05โอ๊ย ลุ้นๆๆๆ#2020
-
#201 Chutima Pat (จากตอนที่ 11)วันที่ 7 พฤษภาคม 2558 / 20:21ลุ้นๆ มาอัพต่อไวๆนะไรท์ ชอบมากๆเลย#2010
-
#200 xolym (จากตอนที่ 11)วันที่ 7 พฤษภาคม 2558 / 19:55ใครฉุดมินซอกกันนน ลุ้นๆๆๆ ฉงฉานอ่าา สู้ๆนะคะไรท์^^#2000
-
#199 Nat_MinMin (จากตอนที่ 11)วันที่ 7 พฤษภาคม 2558 / 19:52เซฮุนสินะ แสดงว่ามินซอกความจำเสื่อม?ตอนเด็ก#1990
-
#198 freger (จากตอนที่ 11)วันที่ 7 พฤษภาคม 2558 / 18:08พี่ลู่ใช่ม้ายยย ที่ลากมินซอกไปป คืนดีเหอะะ เห็นไม่คุยกันเเล้วมันไม่ชื่นหูชื่นตาเลยย ลำเอียงไปทางพ่อซังนัมจามากก#1980
-
#197 fahfah00 (จากตอนที่ 11)วันที่ 7 พฤษภาคม 2558 / 18:07เงิบบบบบบบบ มินซอกรวยหรอเนี่ยยย โหยยย อยากให้ทุกคนรู้ความจริงง ไม่เอานะซอก สงสารเมนน ลู่เก่ออ#1970
-
#196 Min_Toon (จากตอนที่ 11)วันที่ 7 พฤษภาคม 2558 / 17:51กรี้ด ชอบหมอฮุนจังงงงง ...ไม่อยากให้จบเร็วเลย ชอบๆๆ สู้ๆนะคะ^^#1960
-
#193 kms_chks (จากตอนที่ 11)วันที่ 7 พฤษภาคม 2558 / 16:34ค้างมากค่ะ สู้ๆนะคะ#1930
-
#192 อิอิ (จากตอนที่ 11)วันที่ 7 พฤษภาคม 2558 / 16:34โอ้ยลุ้นนนนน เซฮุนร้าย? เรื่องนี้ความหลังเยอะอ่ะอยากรู้แล้วทำไมฮุนร้ายสมน้ำหน้าพี่ลู่รู้ตัวก็ตอนสายไปแล้วชานหมินเป็นอะไรที่น่ารักมากเขินอ่ะชานยอลน่ารักหึงมินซอกด้วย เรื่องนี้คนที่ไม่ค่อยมีความหลังก็พี่ลู่สินะ555555 อยากรู้ว่าชานยอลจะเล่าความจริงเรื่องของมินซอกให้ซอกฟังป่าวอ่ะไรท์อยากลืมมาต่อนะค่ะสนุกเรื่องนี้ตอนแรกก็เหมือนจะเป็นพวกรักสามเศร้าธรรมดาแต่ที่แท้มันก็มีเรื่องปมความหลังมาด้วยทำให้ดูน่าสนใจมากขึ้น จะติดตามนะค่ะอยากทิ้งเรื่องนี้นะค่ะแต่งต่อให้จบเลยนะค่ะ ไฟท์ติ้งงงงง รักไรท์ :3#1920
-
#191 หมีโง่ววว (จากตอนที่ 11)วันที่ 7 พฤษภาคม 2558 / 12:53อพล จะฉลาดแล้วเหรอ ? 55555#1910