ตอนที่ 10 : ตอนอดีต...ปัจจุบัน Chapter 10
ตอนอดีต...ปัจจุบัน
Chapter 10
อดีตคือเหตุผลของปัจจุบัน ที่ทำให้รักจนถึงทุกวันนี้...
“ ตัวเล็ก ขอโทษ ” เสียงสำนึกผิดดังขึ้นเป็นระยะๆ ชานยอลแทบอยากจะน้อมกราบงามๆคุณน้องชายทูนหัวที่เอาแต่ทำหน้างอนตุบป่องใส่ ตอนนี้มีหันหลังใส่อีกด้วย ก็รู้ว่าผิดเต็มๆ ต่อไปจะไม่ทำอีกแล้ว
สิบนาทีก่อน...
“ จะ ท ทะอะไรน่ะชานยอล ” ใบหน้าน่ารักฉายแววความหวั่นในใจ เสียงสั่นเครือของการหวาดกลัวนั้นไม่ได้ทำให้ความน่ารักดูลดลงเลยแม้แต่น้อย กลีบปากอิ่มเผยอออกทั้งๆที่ดวงตาสีชายังคงเบิกกว้างอย่างตกใจ แบบนี้มันอ่อยกันชัดๆ ความน่ารักของมินซอกมันกระชากสติสตางค์ของคุณตำรวจให้ดำดิ่งลงเหว ตอนนี้เหลือแค่คนเจ้าเล่ห์ที่พร้อมจะเขมือบคนตรงหน้าได้ทุกเมื่อ
สายตาหื่นกระหายเตรียมพร้อมจะเขมือบเหยื่อน่ารักใต้ร่างที่เอาแต่เบิกตากว้างใส่ ไม่เหลือแล้วพี่ชายที่แสนดี ตอนนี้มีแค่สุนัขจิ้งจอกที่กำลังเชยชมแมวน้อยใต้ร่างอย่างพินิจพิจารณา ชานยอลไล่สายตาลงมาเรื่อยๆจนเจอเข้ากับของหวานสีเชอร์รี่ที่เผยอเผยออก มันน่าจับกินซะให้รู้แล้วรู้รอด ฉับพลันไวเท่าความคิด ใบหน้าหล่อค่อยๆโน้มลงต่ำเพื่อชิมกลีบปากอิ่มที่เผยอออกอย่างล่อลวงตน
ผลัวะ!!!
“ อ่ะ! ” เสียงหมัดหนักกระแทกเข้าเบ้าหน้าเต็มรัก ตามมาติดๆคือเสียงตอบกลับหมัดรักที่คนใต้ร่างเต็มใจมอบให้ ชานยอลยกมือขึ้นมากอบกุมใบหน้าแทบไม่ทัน มุมปากยังคงมีเลือดไหลกระซิบออกมา แต่ดูเหมือนคนต่อยจะไม่ได้เห็นใจเลยสักนิด
“ ไอ้พี่บ้า! ” มินซอกตะคอกใส่ก่อนจะผลักเขาให้ออกห่าง ก่อนที่ตัวเองจะลุกขึ้นมานั่งพร้อมกับใบหน้าโกรธเคืองที่ทำให้ชานยอลแทบกอบกุมใบหน้าเอาไว้ไม่ทัน
เพราะความไม่ยับยั้งชั่งใจแท้ๆ ความซวยเลยมาเยือนซะแบบนี้ ชานยอลผิดไปแล้ว ขอโทษนะตัวเล็ก...
แต่คำขอโทษเป็นสิบๆครั้งไม่ได้ทำให้คนงอนหายงอนเลยแม้แต่น้อย จะด่าจะว่า จะทุบจะตียังไงก็ได้ ชานยอลยอมรับผิด แต่อย่าเงียบแบบนี้ได้ไหม ชานยอลผิดไปแล้ว
“ ตัวเล็ก ชานยอลผิดไปแล้ว ต่อไปจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว ชานยอลมันโง่ มันบื้อ ชานยอลมันไม่ดี ตัวเล็ก... ” ชานยอลก้มหน้ามองพื้นเตียงอย่างสำนึกผิด ตอนนี้มีแค่ความรู้สึกผิดถึงจะเจ็บที่ข้างมุมปากนั้นมีเลือดออกเพราะแรงกระแทกจากหมัดเล็กมันทำให้มุมปากบางของตนแตก
ขอโทษ... ชานยอลไม่ได้ตั้งใจ ขอโทษตัวเล็กจริงๆ
ดวงตาสีชาเสมองคนสำนึกผิดที่เอาแต่ก้มหน้ามองพื้นเตียง ไม่ได้โกรธอะไรมากหรอกนะ แค่อยากให้ไอ้พี่บ้ามันสำนึกซะบ้าง ว่ามินซอกไม่ได้ง่ายเหมือนเมื่อก่อนแล้ว รวมถึงไอ้ควายเผือกนั้นด้วย...
บ้าเอ้ย! จะไปคิดถึงคนที่ทิ้งทำไม คนที่ไม่เห็นค่าในตัวเขาแบบนั้น จ้างให้ก็ไม่มองหรอก ชาตินี้อย่าหวังว่าจะดีด้วย ฝันไปเถอะ!
คนตัวเล็กค่อยๆขยับกายหันหน้ามาหาคนที่ก้มหน้าต่ำ ไม่ได้โกรธแค่อยากจะให้ใครรู้บ้างว่าคนอย่างเขาก็มีค่าเหมือนกัน ไม่ใช่อยากได้เมื่อไหร่ก็เอาเงินมาฟาดกันแบบนั้น มันเจ็บอยู่เหมือนกันนะ
“ ชานยอล มินซอกง่ายไหม ” เขาจะเริ่มเปิดใจ เขาไว้ใจ ไว้ใจพี่ชายคนนี้มากที่สุด อยากจะรู้บ้างว่าคนอย่างคิม มินซอกน่ะมีค่ากับเค้าบ้างไหม
เสียงหวานจากคนที่หันหน้ามาหากันตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น ชานยอลเงยหน้าขึ้นไปมองใบหน้าน่ารัก มินซอกดูเศร้า แววตาสีชามันฉายแววเศร้าออกมาพร้อมกับคำพูดที่ส่อแววสองแง่สองง่าม จนคนตัวสูงถึงกับขมวดคิ้วมุนอย่างไม่เข้าใจ
“ เฮ้อ... ชานยอลคงไม่เข้าใจหรอก เอาเป็นว่าในสายตาชานยอลมินซอกดูเป็นคนยังไง ” ใบหน้าฉายแววสงสัยในคำพูด ทำให้มินซอกต้องตัดปัญหาเรื่องนั้นเอาไว้ซะก่อน ตอนนี้เขาก็ยังไม่พร้อมที่จะเปิดใจในเรื่องนั้นกับชานยอล ขอให้แน่ใจอะไรให้มากกว่านี้ก่อน
“ น่ารัก สดใส ร่าเริง อยู่ด้วยแล้วมีความสุข ” คำพูดไม่กี่ประโยคถึงจะไม่ได้เรียบเรียงให้มันดูลื่นหู แต่คนฟังกลับรู้สึกประทับใจจนยิ้มออกมาน้อยๆ ชานยอลพูดได้อย่างเต็มปากว่ามินซอกในตอนนี้คือทุกสิ่งทุกอย่างของเขา ตั้งแต่จำความได้สิ่งที่ติดตัวมาคือความว่างเปล่าที่เดินเคียงข้างกัน ไม่มีพ่อมีแม่หรือบ้านหลังใหญ่เหมือนใครเค้า แต่ชานยอลมีแค่ความว่างเปล่าที่เป็นเพื่อนกัน นำพาเขามายังบ้านหลังเล็กหลังหนึ่งในแถบชานเมือง ‘บ้านเด็กกำพร้าปูซาน’ บ้านหลังแรกที่เขาจำได้ขึ้นใจ ไม่ได้หลังใหญ่หรือมีพ่อแม่ให้เขา แต่มันกลับสร้างความทรงจำอันเลอค่าให้ได้มากมาย เติมเต็มความว่างเปล่าให้มีค่าจนยากจะลืมเลือน
“ ตั้งแต่วันแรกที่เจอกัน ยังจำกันได้ไหม เด็กหน้าบวม ” สรรพนามนานนับสิบปีที่เขาใช้เรียกมินซอกในตอนแรกที่เจอกัน คิดแล้วก็อดที่จะยิ้มไม่ได้ เด็กหน้าบวมที่เข้ามาเกาะขาเขาอยากกับลูกหมี แก้มย้วยสีขาวอมชมพูระเรื่อเต็มไปด้วยคราบน้ำตา ทำให้เขาต้องนั่งย่อตัวลงเพื่อไปลูบหัวน้อยๆอย่างปลอบประโลม
“ อื่อ... ตลกดี จำได้ซิพี่ยีราฟ ” ใบหน้าน่ารักเต็มไปด้วยรอยยิ้มกว้าง ทำไมจะจำไม่ได้ พี่ยีราฟตัวสูงที่เดินเข้ามาในบ้านหลังเล็กของเขา พอเห็นพี่ยีราฟเขาที่เอาแต่ร้องไห้ก็วิ่งหน้าตั้งเข้าไปหา ทั้งๆที่ไม่รู้จักกันแต่เขากลับวิ่งเข้าไปเกาะขาซะอย่างงั้น ก็พี่ยีราฟแกดูใจดีนิ พี่ยีราฟลูบหัวเขาจนเลิกร้องไห้ ในตอนนั้นเขาประทับใจพี่ยีราฟที่สุด พี่แกไปไหนก็จะมีเขาเดินเกาะแขนเกาะขาอยู่ตลอด และนับตั้งแต่วันนั้นเขาก็ไม่ได้ร้องไห้อีกเลย มีแต่รอยยิ้มกับเสียงหัวเราะตลอดเวลา
“ เห็นไหมว่าในสายตาชานยอล ตัวเล็กคือทุกสิ่งทุกอย่าง รวมถึงไอ้นี่ด้วย ” มันถึงเวลาแล้วใช่ไหมที่ใจจะยอมรับความจริง มือใหญ่เอื้อมไปกอบกุมมือเล็กเอาไว้ก่อนจะยื้อมือเล็กขึ้นมาวางทาบทับตัวอักษรเล็กบนอกที่มันสลักชื่อเจ้าของเอาไว้민석 ความคิดถึงมันทำให้เขาต้องท่อสังขารเข้าร้านไปนอนเจ็บ มันก็ช่วยเขาเอาไว้เยอะเหมือนกัน ให้เขาคิดอยู่เสมอว่ามินซอกไม่ได้หายไปไหน เด็กแก้มบวมคนนั้นยังเป็นเจ้าของหัวใจเขาเรื่อยมา
“ อื่อ... แต่มันไม่ควรเป็นแบบนี้ มินซอกไม่มีค่ามากพอที่จะเป็นเจ้าของหัวใจชานยอลให้หรอกนะ ” มินซอกยิ้มเจือน ขอบคุณชานยอลที่ยังไม่ลืมน้องชายคนนี้ ขอบคุณตลอดมาที่ยังอยู่เคียงข้างกัน แต่คนสกปรกอย่างเขาไม่คู่ควรกับคนดีๆอย่างชานยอลหรอกนะ มือเล็กค่อยๆบิดเบือนออกมาจากอกกว้างนั้น มินซอกได้แค่มองดูชื่อตัวเองที่ชานยอลสักเอาไว้ตรงอกข้างซ้าย พี่ชายยังไงก็คือพี่ชายอยู่วันยังค่ำ ไม่มีวันจะกลายเป็นอย่างอื่นได้หรอก
มินซอกก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน เพราะคนสกปรกอย่างเขาก็ต้องอยู่คนเดียว...
“ ใครสั่งใครสอนให้พูดแบบนี้กัน ตัวเล็กรู้ไหมว่าหัวใจดวงนี้มันเป็นของตัวเล็ก ยังไงมันก็เป็นของตัวเล็กอยู่วันยังค่ำ... ”
“ หยุดพูดเรื่องนี้เถอะนะชานยอล แค่นี้มินซอกก็รู้สึกผิดมากพอแล้ว... ” รู้สึกผิดมากพอแล้วที่ย้ายมาอยู่กับชานยอล ทั้งๆที่ตัวเองสกปรกเป็นคนนิสัยไม่ดีแต่มันไม่มีทางเลือก มินซอกเกลียดตัวเองที่อยู่คนเดียวไม่ได้ เกลียดตัวเองที่ต้องโหยหาอ้อมกอดของคนอื่น มันน่ารังเกียจที่สุด
“ ตัวเล็ก... ”
“ ชานยอล... ” มินซอกโผล่เข้ากอดร่างสูงของพี่ชายเอาไว้แน่น วงแขนเล็กสอดเข้าไปโอบเอวของคนตัวสูงพร้อมกับซุกหน้าซบลงตรงอกเปื่อยเปล่านั้น ประทับแก้มขาวเข้ากับรอยสักที่เป็นชื่อของตน อยากจะเป็นเจ้าของเหมือนกัน แต่มันไม่คู่ควรนะซิเรา
“ ขอโทษนะชานยอล... ” ขอโทษที่รับไว้ไม่ได้ หัวใจของชานยอลมีค่ามากเกินกว่าที่จะเอามาฝากไว้กับคนอย่างเขา คนน่ารังเกียจอย่างเขาควรไม่ต้องได้รับอะไรจากใครทั้งนั้น ขนาดคำว่าเพื่อนยังไม่มีใครอยากจะมอบให้เลยด้วยซ้ำ นับประสาอะไรกับสิ่งสำคัญแบบนี้
หัวใจน่ะ...เก็บไว้กับตัวเองดีกว่าเอาไปฝากไว้กับคนอื่นเสียด้วยซ้ำ เพราะไม่รู้ว่าคนที่เราฝากเอาไว้จะเห็นค่าของมันหรือเปล่า
“ รอได้ ชานยอลรอได้นะ ถ้าตอนนี้ตัวเล็กยังไม่พร้อม ชานยอลจะรอจนกว่าตัวเล็กจะพร้อมที่จะดูแล้วหัวใจให้กับชานยอล ” ไม่ว่าจะนานแค่ไหนเขาก็พร้อมที่จะรอ รอเจ้าของมันมารับมันไปดูแลสักที มินซอกน่ะคือคนเดียวที่เขาจะมอบหัวใจทั้งดวงให้ดูแล
ไม่ใช่ในฐานะพี่ชายคนหนึ่ง...
มินซอกกอดร่างสูงแน่นทั้งยังซบหน้าลงบนอกกว้างมากยิ่งขึ้น ถึงจะพูดขอโทษยังไงพี่ชายคนนี้ก็ไม่ฟังอยู่ดี ชานยอลน่ะดื้อที่สุดเลย แต่ถ้าวันใดที่เขาพิสูจน์ตัวเองได้ว่าเขามีค่ามากพอที่จะดูแลสิ่งสำคัญนี้ วันนั้นเขาก็พร้อมที่จะรับมันมาดูแลเหมือนกัน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าชานยอลจะรอได้ไหม แต่เพราะคำว่ารอของชานยอลทำให้เขาไขว่เขวและก็อยากจะได้มากกว่านี้
รอคนสกปรกคนนี้ทำตัวเองให้สะอาดก่อนนะชานยอล...
มินซอกไม่ตอบรับหรือห้ามไม่ให้ชานยอลรอ เพราะเขาก็ยังไม่แน่ใจตัวเองเหมือนกัน ว่าหัวใจของเขามันมีค่ามากพอหรือไม่ที่จะแลกกับหัวใจของอีกคน
ไม่ผิดใช่ไหมที่จะคิดมากกว่าคำว่าพี่น้องกัน...
คนตัวเล็กยังคงซบหน้าลงบนอกเปลือย โดยที่มือใหญ่ก็กอดรั้งกระชับกายเล็กเข้ามาอีกแรง จมูกโด่งได้รูปกดย้ำบนเรือนผมสีน้ำตาลเข้มของคนตัวเล็กในอ้อมกอดอย่างหวงแหน
ชานยอลมีหวังใช่ไหม มินซอกไม่พูดปฏิเสธแสดงว่าให้โอกาสกัน ที่แท้คนในอ้อมกอดก็คิดเหมือนๆกันกับเขา แต่มินซอกก็แค่ยังไม่แน่ใจเท่านั้น จะนานนับสิบปีก็รอได้ หรือจะชาติหน้าฉันใดเขาก็ขอรักมินซอกตลอดไป...
...“ ตัวเล็กคือเจ้าหญิงของชานยอล โตขึ้นเราจะสร้างปราสาทสวยๆอยู่ด้วยกันนะ ”
แค่เพียงสัญญาวัยเด็กของพี่ยีราฟกับเด็กน้อยแก้มบวม แต่กลับมีผลจนถึงตอนนี้ ไม่ว่าจะนานแค่ไหน เจ้าชายคนนี้ก็จะรอเจ้าหญิงของเขาตลอดไป รอวันที่เราจะสร้างปราสาทหลังใหญ่อยู่ด้วยกัน...
[50%]………………….
ไม่ว่าจะอดีตหรือปัจจุบัน ถ้าตื่นขึ้นมาในอ้อมกอดอุ่นๆของคนๆนี้แค่นี้ก็รู้สึกดีมากพอแล้ว...
ผ่านมาแล้วสองอาทิตย์ที่มินซอกย้ายเข้ามานอนร่วมชายคากับคุณตำรวจหนุ่ม อดีตพี่ชายที่มินซอกเป็นคนปลดประจำการด้วยตัวเองตามสมควร พร้อมกับเลื่อนตำแหน่งให้ขึ้นมาอยู่ในสถานะ ‘คนพิเศษ’ ที่ทั้งสองรู้ๆกันอยู่ว่าคืออะไร
ไม่ใช่แฟน แต่เป็นมากกว่านั้น...
เวลาเพียงหนึ่งอาทิตย์ที่คนสกปรกคนนี้ใช้พิสูจน์ตัวเอง มันไม่นานแต่ก้อนเนื้อหนึ่งกำมือมันเรียกร้องหาไออุ่นที่ขาดไป ความลับที่ไม่สามารถเปิดออกยังคงถูกปิดตายเอาไว้ เมื่อคำว่าตกลงที่พูดออกไปมันถูกสนองกลับมาด้วยไออุ่นที่โหยหาตลอดมาจนทำให้ลืมเลือนว่าตัวเองนั้นสกปรกเพียงใด
แค่อ้อมกอดกับจุมพิตอันอ่อนโยนในทุกๆวัน แค่นี้คำว่าผิดชอบชั่วดีก็ถูกฝั่งลึกปิดตายเอาไว้เสียแล้ว คนง่ายๆอย่างเขาสุดท้ายก็แพ้ให้กับไออุ่นที่ตัวเองขาดไม่ได้ ไม่รู้ว่ามันผิดหรือไม่ แค่ใจเรียกร้องเขาก็ทำทุกอย่างจนยากที่จะกลับมาแก้ไขในสิ่งที่ตัวเองได้ทำลงไป สิ่งที่ลงเดิมพันในการตกลงครั้งนี้คือหัวใจ ในเมื่ออีกฝ่ายก็ให้หัวใจเป็นการแลกเปลี่ยนเหมือนกัน
รักไหม? คำนี้เป็นคำตายที่ยากจะอธิบายให้เป็นคำพูด แต่สิ่งเดียวที่รับรู้คือ อยู่ใกล้แล้วรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย รอยยิ้มที่ห่างหายไปหลายปีนั้นกลับคืนมา เสียงหัวเราะได้หวนคืนมาหมดทุกอย่าง หากสิ่งเดียวที่ขาดคือ? สิ่งเดียวที่หาคำตอบไม่ได้ และก็คงไม่จำเป็นที่จะหาคำตอบ ในเมื่อหลายสิ่งหลายอย่างที่คิดว่าสำคัญนั้นกลับมาครบหมดแล้ว...
กายเล็กในผ้าห่มสีฟ้าครามผืนนุ่มกำลังขยับกายเบาๆ ดวงตาสีชาค่อยๆกระพริบเบาๆเปิดรับเช้าวันใหม่ เช้าที่แสนสดใสบนเตียงนอนหลังใหญ่นี้กับบรรยากาศใหม่ๆที่ไม่ซ้ำวัน มันทำให้มินซอกไม่อยากตื่นขึ้นมาเลยสักนิด วงแขนเล็กใต้ผ้าห่มผืนนุ่มวาดโอบเอวของคนที่นอนอยู่ข้างๆกัน หากสิ่งที่สัมผัสได้คือความว่างเปล่าจนดวงตาสีชาที่ยังไม่เปิดออกจำต้องเบิกกว้างขึ้น
คิ้วสวยขมวดมุนเมื่อสิ่งที่เขาหันหน้าเข้าหากลับไม่ใช่ร่างสูงในทุกเช้า ‘ชานยอลหายไปไหน?’ คำถามในใจเมื่อสิ่งที่เห็นคือความว่างเปล่าไม่ใช่อกกว้างของคนคุ้นเคย แต่แล้วกลิ่นหอมของอาหารเช้าที่โชยกลิ่นเข้ามาแตะจมูกรั้นนั้นทำให้คนที่นอนจมอยู่บนเตียงถึงกับยกยิ้มขึ้นมาในทันที
‘ที่แท้ก็หายไปอยู่ในครัวนี้เอง’ มินซอกยกยิ้มบางให้กับกลิ่นหอมที่โชยมาเข้าจมูก ไม่ต้องเดาก็รู้อยู่เต็มอกว่าเป็นฝีมือใคร กลิ่นหอมของอาหารเช้ามันทำให้คนที่เพิ่งตื่นถึงกับกระปี้กระเป่าขึ้นมาในทันที มือเล็กเอื้อมไปเลิกผ้าห่มให้ออกจากตัวก่อนจะยึดกายขึ้นเดินตามกลิ่นหอมของอาหารเช้าไป
ภายในห้องกว้างที่มีเครื่องมือครบครันเต็มไปด้วยความหอมของอาหารที่ทำให้คนตัวเล็กที่เดินเข้ามาหุบยิ้มไม่ลง ดวงตาสีชาปะทะเข้ากับชายร่างสูงคุ้นตาที่ผูกผ้ากันเปื้อนสีเหลืองลายเจ้าเหมียวเอาไว้ ใบหน้าหล่อกำลังจดจ้องอยู่กับเมนูอาหารที่อยู่ในกระทะอย่างตั้งอกตั้งใจ ทำให้คนที่แอบย่องเบาเข้ามาถึงกับหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ แต่ถึงอย่างนั้นพ่อครัวหนุ่มอย่างชานยอลก็คงไม่ได้สังเกตว่าคนที่หลับปุยอยู่บนเตียงนั้นแอบหัวเราะตนอยู่เบื้องหลัง
มินซอกกลืนเสียงหัวเราะลงไป ก่อนจะย่องเบาเข้าหาคนตัวสูงที่หันหลังให้ วงแขนเล็กถูกยกขึ้นมาตั้งฉากข้างลำตัว ใบหน้าน่ารักเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่เท้าเล็กจะค่อยๆก้าวเข้าหาคนตัวสูงในคราบพ่อครัวที่ง้วนอยู่กับการทำอาหาร เมื่อเดินมาหยุดอยู่เบื้องหลังแผ่นหลังกว้างแล้ว วงแขนเล็กที่ยกขึ้นตั้งฉากก็ทำการสอดเข้าไปเกี่ยวเอวของคนตัวสูงเอาไว้ พร้อมกับกระชับวงแขนให้แน่นยิ่งขึ้นจนแก้มขาวแนบลงบนแผ่นหลังกว้างของอีกคน
คนถูกสวมกอดแบบลักลับถึงกับสะดุ้งตัวขึ้นเมื่อวงแขนเล็กอยู่ๆก็โผล่มาโอบอยู่ที่เอวของตน ในทีแรกชานยอลถึงกับตกใจเพราะการกระทำอุกอาจของอีกคน จนแก้มนุ่มนั้นประทับลงบนแผ่นหลังกับแรงกอดแน่นทำให้ใบหน้าหล่อถึงกับหลุดยิ้มออกมา
“ ทำอะไรกินอ่ะ หอมเชียว หืม... ” คนตัวเล็กที่สวมกอดพูดจาน่ารักทั้งยังทำจมูกสูดดมกลิ่นหอมเข้าเต็มปอด หากกลิ่นหอมนั้นมาจากแผ่นหลังกว้างที่ทำให้เจ้าของถึงกับหลุดหัวเราะออกมาในความออดอ้อนของอีกคน ทำแบบนี้ก็หลงจนโงหัวไม่ขึ้นแล้วตัวแสบเอ้ย...
“ มาอ้อนอะไรแต่เจ้า หือ? ” ทั้งที่ยังผัดผักในกระทะแต่มันคงไม่ใช่อุปสรรคในการหยอกล้อกับคนตัวเล็กที่สวมกอดอยู่เบื้องหลังเลยสักนิด ชานยอลยกแขนข้างหนึ่งขึ้นเพื่อสอดส่องเด็กตัวแสบที่สวมกอดอยู่เบื้องหลัง แต่เด็กตัวแสบที่ชื่อมินซอกกลับมุดหัวเข้ามาในวงแขนพร้อมกับรอยยิ้มพิมพ์ใจส่งมาให้
“ ผัดผักอีกแล้ว มินซอกไม่นิยมผักหรอกนะ ชานยอลแกล้งกันอีกแล้ว ”
นี่นะเด็กผู้ชายอายุยี่สิบเอ็ด แต่ในสายตาชานยอลมินซอกไม่น่าจะเกินแปดขวบด้วยซ้ำ นิสัยในวัยเด็กมันติดตัวมาจนอายุปาเข้าเลขสองเลยเหรอเนี่ย เชื่อเค้าเลยเด็กตัวแสบเอ้ย
“ รักไง ถึงอยากให้กินผักเยอะๆ เด็กแสบเอ้ย ” ชานยอลยิ้มให้คนตัวเล็กที่มุดหัวโผล่หน้าเข้ามาดูเมนูอาหารที่มีแต่ผักเต็มกระทะ รู้อยู่หรอกว่าไม่ชอบผัก ไม่ได้แกล้งอะไรเลย เพราะรักไงถึงได้ให้กิน อยากอยู่ด้วยกันนานๆไงถึงคะยั้นคะยอให้กินผักเช้าเย็นแบบนี้ เด็กแสบเอ้ย
“ ไม่ขมแน่นะ ทำไมมีแต่สีเขียวอี๋เต็มกระทะยังงี่อ่ะชานยอล ” กลีบปากอิ่มบิดเบี้ยวเสียรูปยามมองเข้าไปในกระทะที่เต็มไปด้วยพืชผักสีเขียว เห็นแล้วรู้สึกไม่อยากจะแตะปลายช้อนลงไปใส่เลยแม้แต่น้อย แบบนี้ไงเขาถึงไม่ชอบผักก็เพราะมันมีสีเขียวน่ากลัวแบบนี้ไง อี๋...
ชานยอลถึงกับส่ายหัวอย่างยอมแพ้ เด็กแสบเอ้ย... แบบนี้ไงถึงอยากจะดูแลกันไปตลอด ถ้าเกิดไม่มีเขามินซอกจะทำยังไง เล่นกินเนื้องดผักแบบนี้จะเอาแรงที่ไหนไปเรียนกัน ยิ่งเรียนแพทย์ซะด้วย แบบนี้ก็แย่กันพอดี ห่วงคนอื่นแต่ไม่ห่วงตัวเอง เฮ้อ..เหนื่อยแทน
มือใหญ่เอื้อมไปหยิบช้อนที่วางไว้บนจาน ก่อนจะตักผักชิ้นพอดีคำในกระทะขึ้นมา ริมฝีปากบางค่อยๆพ่นลมออกมาปัดเป่าไอร้อนให้ออกไป คนตัวเล็กที่มองดูการกระทำถึงกับขมวดคิ้วมุน แต่พอช้อนที่ตักผักนั้นถูกส่งมาจ่ออยู่ที่ปากทำให้เข้าใจในทีว่าชานยอลกำลังจะให้เขาชิมผัดผักนี้ซินะ มินซอกอ้าปากกว้างก่อนจะงับเข้าที่ช้อนที่ถูกส่งเข้ามาในโพลงปาก
“ เป็นไง อร่อยละซิ ” ชานยอลถามคนกำลังเคี้ยวผักในโพลงปากอย่างพินิจพิจารณาในรสชาติ คำตอบที่ได้คือการพยักหน้ารับพร้อมกับส่งรอยยิ้มน้อยๆมาให้แทนคำตอบ ก่อนที่หัวเล็กจะหดกลับคืนที่เดิม ชานยอลจึงทำการปิดเตาแก๊สพร้อมกับจัดการตักผัดผักเมนูสุดท้ายของเช้าวันนี้ใส่จาน
“ อร่อยแฮะ ชานยอลทำอาหารเก่งจัง ไม่น่าเป็นตำรวจเลย น่าจะเปิดร้านอาหารมากกว่านะ ” มินซอกยังติดใจในรสชาติของผัดผักที่เขาคิดว่าขม แต่พอมาอยู่กับชานยอลทุกอย่างที่คิดว่าไม่อร่อยกลับถูกปากไปซะทุกอย่าง รวมถึงผักที่มินซอกไม่ชอบเข้าขั้นเกลียดเลยก็ว่าได้ แต่สองอาทิตย์ที่ผ่านมามันทำให้รู้ว่าสิ่งที่เกลียดนั้นถูกเปลี่ยนให้เป็นสิ่งที่ชอบเพราะผู้ชายคนนี้คนเดียว ชานยอลคนเดียวแท้ๆ
“ ก็คิดอยู่ว่าจะเปิดนะ แต่ชานยอลอยากเป็นตำรวจมากกว่า จะได้ปกป้องคนแถวนี้ได้ไง ว่ามั้ย? ” ชานยอลพูดหยอดใส่คนตัวเล็กที่ยืนทำหน้ายู่ใส่ ทั้งๆที่แก้มขาวนั้นแดงปลั่งเป็นหลักฐานว่าเขินกันอยู่เห็นๆ แบบนี้ก็เข้าทางกันพอดีนะซิ
“ แล้วคนแถวนี้อยากจะดูแลคุณตำรวจคนนี้ไหมนา... ”
“ ไม่พูดด้วยแล้ว ชิส์! ” คนแก้มแดงทำท่าจิปากก่อนจะเดินลิ่วๆออกไปนั่งรออยู่ที่โต๊ะทานข้าว จนคนที่พูดแซวถึงกับหลุดหัวเราะออกมา แบบนี้ไงที่เขาเรียกว่ารักจนโงหัวไม่ขึ้น มินซอกทำคุณไสยใส่เขาหรือไง ทำไมถึงรักมากขึ้นทุกวัน จนมันจะทะลุล้านแล้วนะ
หนึ่งอาทิตย์ก่อน...
“ ชานยอลรักมินซอกไหม ” ถามแบบนี้จะบอกว่าไม่ก็โกหกกันหน้าด้านๆ
“ ชานยอลจะไม่ทิ้งมินซอกไปใช่ไหม ” สาบานให้ฟ้าผ่าตอนนี้เลย ไม่มีวันที่จะทิ้งให้อยู่คนเดียวเป็นอันขาด
“ งั้นมินซอกก็ตกลง ” ตกลง...
“ ตกลงดูแลหัวใจของชานยอลไง ให้แล้วห้ามเอาคืนนะ ” ห๊ะ! จริงนะมินซอก ไม่ได้โกหกกันใช่ไหม
แต่เพราะสัมผัสนุ่มบนริมฝีปากที่มินซอกมอบให้ ทำให้เขาเชื่อสนิทใจว่าสิ่งที่มินซอกพูดนั้นเป็นความจริง ท้ายที่สุดแล้วไอ้หัวใจดวงนี้ก็ถูกยอมรับสักที ให้สัญญาว่าจะไม่ทิ้งกัน เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป ไม่ว่าจะยังไงเขาก็จะไม่ทิ้งให้มินซอกอยู่คนเดียวเป็นอันขาด
รัก และจะรักตลอดไป...
ชานยอลยิ้มบางให้กับวันวานที่แสนจะน่าจดจำไปตลอด หากฟ้ายังเห็นใจก็ขอให้เราอยู่ด้วยกันตลอดไป ดวงตาสีดำขลับมองไปยังคนตัวเล็กที่นั่งหน้ายู่รออยู่ ทำแบบนี้แล้วคิดว่าตัวเองไม่น่ารักหรือไง เด็กแสบเอ้ย...
ครืด...ครืด...
เสียงโทรศัพท์ทำให้คนที่ยืนเพ้อถึงกับหลุดออกจากภวังค์ แรงสั่นครืดจากกระเป๋ากางเกงทำให้ชานยอลต้องล้วงมือเข้าไปหยิบเอาโทรศัพท์ออกมาดูว่าใครโทรมา
ซูโฮ...
ชื่อที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอโทรศัพท์ทำให้ชานยอลต้องละหน้าออกมา ก่อนจะมองดูคนตัวเล็กที่นั่งทำหน้ายู่อยู่ เมื่อมินซอกยังคงทำหน้าน่ารักอยู่แบบนั้นโดยที่ไม่ได้เพ่งเป้ามาที่ตน ทำให้ชานยอลมีเวลามากพอที่จะเดินเลี่ยงไปคุยธุระ
“ ว่าไง เรื่องที่ให้สืบเป็นไงบ้าง ” ชานยอลกระซิบกระซาบเสียงลงใส่ปลายสายอย่างระวังกลัวว่าคนที่นั่งอยู่จะเข้ามาได้ยิน
[ เป็นอย่างที่คิด พวกนั้นมันกำลังสะกดรอยตามเด็กพี่จริงๆ เอาไงดีพี่ ] ปลายสายที่เป็นถึงนักสืบสวนฝ่ายภาคพื้นสนามพูดขึ้นมาอย่างใจร้อนรน ทำเอาชานยอลใจไม่ดีไปตามๆกัน
“ ฉันจัดการเอง ส่งเอกสารที่ให้ไปสืบดูมาให้ฉัน เดี๋ยวฉันจะรีบเข้าไป ”
[ แล้วจะส่งเอกสารนี่ให้คุณคิมหรือเปล่า ]
“ ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวเค้าจะไม่สบายใจไปมากกว่านี้ เรื่องนี้ฉันจะจัดการเองได้ แค่นี้ก่อนนะ เดี๋ยวจะรีบเข้าไป ” ชานยอลยกหูออกจากโทรศัพท์ก่อนจะกดตัดสาย ไม่จำเป็นอะไรทั้งนั้น เรื่องนี้เขาจัดการเองได้ จะดูแลและปกป้องคนที่รัก ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม แต่ก็หวังลึกๆว่าฟ้าจะเห็นใจให้เราอยู่ด้วยกันตลอดไป...
TBC.
ไม่...อย่าเพิ่งฆ่าไรท์เลย เรื่องนี้มันมาถึงจุดที่เปลี่ยนแล้วล่ะคะ ไม่ว่าผลจะเป็นยังไงจะติดตามเราอยู่ใช่ไหมคะ
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับความรักล้วนๆ รักหลายรูปแบบ และก็ต้องมีรักที่เสียสละบ้างเนาะ
ชานหมินจะมาเยอะมากในช่วงนี้บอกเลย ลู่หมินหายค่ะ ฮุนหมินกำลังจะมา
แบบว่าถึงตอนนี้อยากถามว่าโอกันหรือเปล่าที่ไรท์วางพล็อตเรื่องมาแบบนี้ คือมันเกี่ยวกับความรักที่เกิดจากเซ็กส์เฟรนด์ แต่คู่รองมาเสริมให้มีความรักหลายๆรูปแบบ จะมาแบบครบรส พี่ลู่จะโผล่มาตลอดค่ะ ช่วงกลางจะกินอารมณ์แบบสุดๆ หน่วงไหม? ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ มันไม่ใช่แนวของไรท์ เรื่องนี้จบสวยหรือถ้าไม่อยากก็บอกกันได้น่ะ ไรท์วางแผนคร่าวๆเกี่ยวกับตอนสุดท้ายไว้แล้วล่ะนะ ถ้าอยากเอาแบบหน่วงจนใจขาดก็บอกได้ จะได้เขียนให้หน่วงมันซะตอนนี้เลย ฮ่าๆ
ขอเม้นท์หน่อยนะคะ ช่วงนี้ใกล้เปิดเทอมแล้ว กลัวไม่จบจัง ขอหน่อยนะคะ กำลังใจน่ะมันสำคัญจริงๆ
รักจุ๊บ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ชานหมิน ฮุนหมิน เเล้วพี่ลู่ซังนัมจาของบ่าวไปหนายยยยยยยยยยยยยยยยย