คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : Chapter 5 Think of me...
Paris
ปารีส...เมืองหลวงแห่งการละคร โอเปร่า.....
จุดเริ่มต้น ของนักแสดงเล็กๆจำนวนมาก
และจุดสูงสุดในชีวิตของนักแสดงบางคน....
โรงละครมากมายในกรุงปารีส
อันเป็นบันไดก้าวแรกของความฝันของนักแสดงหลายๆคน
ที่หวังจะโชติช่วงอยู่บนฟากฟ้าแห่งวงการโอเปร่า
และหนึ่งในโรงละคร
ที่ให้กำเนิดนักร้องโอเปร่าชั้นเยี่ยมแก่วงการการแสดงของปารีสมามากมาย....
โรงละครป๊อปปูแลร์....
...................................................................
..............................................
..................................
มันเป็นเช้าที่น่ารื่นรมย์ในฤดูร้อนอันสดใส
ที่ไม่สู้จะมีบ่อยนักของกรุงปารีส....
ชายหนุ่มผมสีดำขลับ กำลังควบม้าสีขาวไปตามถนนอย่างคึกคะนอง
เพราะท้องถนนยังไม่พลุกพล่านนัก ก่อนเขาจะหยุดม้าอย่างฉับพลัน
จนเจ้าอาชาสีขาวล้วนต้องยกเท้าหน้าขึ้นอย่างน่าหวาดเสียว
ดวงตาสีเขียวเข้มเหลือบมองขึ้นไปบนท้องฟ้า
ก่อนที่เจ้าตัวจะสูดลมหายใจเข้าไปเต็มปอด เพื่อลิ้มรสอากาศอันน่าอภิรมย์
จนกระทั่งสิ่งหนึ่งได้ดึงดูดสายตาของเขาให้เบนไปจากท้องฟ้าสีครามอันสดใส
จุดหมายของการออกมาตามคำสั่งของบิดา....
นั้นก็คือ โรงละครป๊อปปูแลร์ อันเลื่องชื่อ
ที่ตั้งเด่นสง่าอยู่ใจกลางมหานครแห่งศิลปะ
มันถูกสร้างเป็นรูปโดมสีทองขนาดมหึมา....แกะสลักลวดลายวิจิตรตระการตา
ความโอ่โถงภายใน....อาจเทียบได้กับพระราชวังแวร์ซาย
การตกแต่งที่ได้รับการอุปถัมภ์จากพวกราชวงศ์ผู้มั่งคั่ง....
ที่เนรมิตให้ ป๊อปปูแลร์ เป็นต้นแบบของโรงละครโอเปร่าที่ดีที่สุดในยุคนั้น!
โรงละครแห่งนี้
จุผู้ชมได้ตั้งแต่สามัญชนธรรมดา จนถึงบรรดาพวกราชวงศ์สูงศักดิ์
ที่ต่างก็มีความต้องการเติมเต็มความสุข จากการได้ชมละครโอเปร่า
และมันก็เป็นเช้าที่เหมาะแก่การเริ่มซ้อมใหญ่เพื่อการแสดงในค่ำคืนนี้
ของนักแสดงประจำโรงละครโอเปร่าป๊อปปูแลร์กว่าสองร้อยชีวิต
หลังจากที่พวกเขาต้องซ้อมต่อเนื่องกันมาตลอดสองเดือนเต็ม
สองเดือนเต็มที่ต้องทุ่มเทแรงกายแรงใจ ในการฝึกซ้อม
เพื่อให้ผลงานออกมาสมศักดิ์ศรีของการเป็นโรงละครโอเปร่าอันดับหนึ่งแห่งปารีส!!
และชายหนุ่มบนหลังม้า....ก็ต้องไปดูการซ้อมใหญ่ในวันนี้แทนบิดา
ในฐานะผู้รับอุปถัมภ์โรงละคร!!!
...........................................................
........................................
..........................
เสียงไวโอลินและเครื่องดนตรีอีกหลากหลายชนิดกระหึ่มไปทั่วโรงละคร
เสียงขับร้องไปตามเนื้อเพลงอย่างไพเราะ ดังขึ้นลงตามเสียงดนตรี
ที่บรรเลงตามแต่จังหวะการตวัดไม้บาตงของวาทยกรร่างผอม
ที่ยืนอยู่ด้านล่างเวที จะเป็นผู้กำหนด
ด้านบนเวทีคึกคักไปด้วยนักแสดงจำนวนเกือบร้อย
ที่กำลังกระโดดขึ้นลงตามจังหวะของดนตรี
บ้างทรุดกายลงแนบกับพื้นอย่างอ่อนช้อย...
บ้างกระโดดหมุนตัวราวกับขนนกที่บิดปลิวตามสายลมเอื่อย....
กลางเวที.... ณ. ที่นั้น....
ใจกลางวงของนักบัลเล่ต์ที่กำลังยอบตัวลงติดกับพื้น .....
ร่างระหงในชุดเจ้าหญิงอาหรับสีน้ำตาลอ่อนกำลังยืดตัวขึ้นช้าๆ ราวกับหงส์กำลังจะโผบิน....
ก่อนจะกระโดดขึ้นและหมุนตัวอย่างอ่อนช้อยงดงาม
เส้นผมหยักศกสีน้ำตาลพลิ้วไปตามจังหวะการเคลื่อนตัวที่นุ่มนวลแต่รวดเร็ว
ผ้าลูกไม้สีดำสนิทตัดกับผิวเนื้อสีขาวอมชมพู
ปิดบังครึ่งหนึ่งของใบหน้า เน้นให้ดวงสีน้ำตาลแก่ดูคมกล้าขึ้นไปอีก
เสื้อรัดอกตัวเล็กเน้นทรวดทรงระหงให้ดูงดงาม ในขณะที่เจ้าของเลือนร่าง
กำลังส่ายเอวเล็กบางที่คาดไว้ด้วยสายกระพรวนเส้นเล็กไปตามจังหวะเพลง...
จนทำให้เกิดเสียงกรุงกริ้งไพเราะดังกังวาน....
การฝึกซ้อมบทดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง....
จนกระทั่งเข้าฉาก การปรากฏตัวของตัวเอกในการแสดงชุดนี้....
หญิงสาวในชุดแต่งองค์ทรงเครื่องพร้อมสรรพ ก้าวเข้ามาจากด้านข้างเวที
ในอ้อมแขนกอดสุนัขพันธุ์พุดเดิ้ลไว้แน่น
ก่อนจะเสือกตัวเจ้าขนฟูฟ่องสีขาว
ให้กับสาวใช้ร่างอวบที่เดินตามหลังมาติดๆ....
ระหว่างที่ดนตรีบรรเลงเพลงรอ....
เหล่านักเต้นทั้งหลายที่เข้ามายืนชม ต่างเริ่มเคลื่อนกายออกไปด้านข้างเวที
เพื่อแหวกที่ให้เพียงพอกับนักร้องนำ.....
‘ คาร์ลอตต้าร์....’
และชุดอันหรูหราฟูฟ่องของเธอ....
หญิงสาวใบหน้าขาวผ่องด้วยแป้งที่ทาไว้เกือบห้าชั้น
เดินนวยนาดเข้ามากลางเวทีอย่างไม่สนใจใครทั้งสิ้น
ในขณะที่ดวงตาคมจัดด้วยดินสอเขียนขอบตา ก็คอยเขม่นเหล่านักเต้นสาวที่กำลังร่ายรำ
ไม่ให้เผลอเข้ามาเหยียบกระโปรงหางยาวเฟื้อยเกือบสามวาของเธอ....
ก่อนที่เธอจะมาหยุดอยู่กลางเวที....
เสียงดนตรีหยุดกึก....เมื่อเธอกางแขนออก สูดลมหายใจเข้าไปเต็มปอด
ปากสีแดงสดเผยอกว้างพร้อมกับเสียงร้องแหลมสูงที่ดังขึ้นพร้อมดนตรี!
จะว่าไพเราะก็อาจจะ...
แต่อย่างไรก็ดี....
เสียงร้องนั่น...แหลมสูงแทงแก้วหู จนเหล่าบรรดานักเต้นที่ยืนมุมอยู่ข้างๆ
ต่างต้องอุดหูกันอย่างถ้วนหน้า อีกหลายคนทำหน้าหวาดเสียว
เมื่อปากสีแดงแจ๊ดนั่น อ้ากว้างราวกับจะไต่ระดับความสูงขึ้นอีกเกือบเท่าตัว!
แต่ราวกับสวรรค์มีเมตตา
เมื่อวาทยกรเคาะไม้กับที่วางโน้ตเป็นสัญญาณให้หยุดอย่างกะทันหัน
หลายคนถอนหายใจที่รอดจากการที่แก้วหูทะลุ
แต่ร่างในชุดฟูฟ่องสะบัดกกระโปรงอย่างไม่พอใจ
พร้อมตั้งท่าจะเดินมาทางวาทยกรทันที แต่ก็ต้องชะงัก....
เมื่อเห็นสาเหตุของการที่ต้องหยุดซ้อมกลางคัน....
ชายวัยกลางคนร่างเจ้าเนื้อ...เดินนำสุภาพบุรุษสองคนที่ดูมีอายุไม่ต่างกันเข้ามา
ก่อนจะมาหยุดอยู่กลางเวที....
เหล่านักเต้นต่างป้องปากกัน พร้อมซุบซิบกันต่างๆนานา....
เมื่อเห็นผู้จัดการของพวกเขา
ชายร่างเจ้าเนื้อ ที่มีนามว่า เลอแฟฟร์ นำคนนอกเข้ามา
“ขออภัยที่มาขัดจังหวะการซ้อม....คุณเรอเยร์ มาดามจิวรี....ท่านทั้งหลายกรุณาฟังผมหน่อย”
เขาเอ่ยขึ้นด้วยเสียงดังฟังชัด
เรอเยร์....วางไม้บาตงลง ดวงตาฝ้าฟางหลังแว่นตา มองไปที่ผู้พูดอย่างสนใจ
มาดามจิวรี เพียงเหลือบมองระหว่างที่เธอกำลังพาดเท้ากับขอบไม้
เพื่อยืดเส้นให้เตรียมพร้อมเต้นบัลเล่ต์
และทุกคนต่างเงียบเสียงลง เพื่อรอฟังเรื่องที่ผู้จัดของพวกเขาจะกล่าว...
“ เอาล่ะทุกท่าน....ผมคิดว่าพวกคุณคงเคยได้ยินข่าวว่าผมจวนจะลาออกแล้ว”
เขาเว้นวรรคนิดหนึ่ง...เมื่อเสียงกระซิบซาบอย่างตื่นเต้นเริ่มดังขึ้น....
“ ซึ่งตอนนี้ผมยืนยันได้ว่า เป็นเรื่องจริง...” เขาพูดดังๆ เพื่อแข่งกับเสียงอื้ออึง
“ และผมยินดีจะแนะนำให้ทุกท่านรู้จักกับสองท่านที่จะเป็นเจ้าของใหม่ของโรงละคร
คุณ
เกิดเสียงปรบมือขึ้นตามมารยาท
พร้อมๆกับที่บรรดานักแสดงหญิง ต่างเหลือบมองเจ้าของคนใหม่ด้วยดวงตาที่มีเลศนัย...
“และนอกจากนี้ “ เลอแฟฟร์เอ่ยขึ้นอีกครั้ง
“ ผมรู้สึกเป็นเกียรติที่จะแนะนำให้ทุกท่านรู้จักผู้อุปถัมภ์คนใหม่ไปพร้อมๆกัน”
เขาหันไปทางชายหนุ่มร่างสูง ที่เพิ่งจะเข้ามาถึง
และกำลังดึงถุงมือหนังสีดำส่งให้คนต้อนรับ
ก่อนที่เขาจะเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว
ดวงตาสีเขียวจัด ตัดกับผมสีดำดึงดูดสายตาของนักเต้นสาวๆให้เคลิบเคลิ้มกันอย่างลืมตัว
“ท่านเค้าส์ เดอ ชานญี”
เลอแฟฟร์ผายมือไปทางชายหนุ่มร่างสูงที่เดินเข้ามาหยุดอยู่ข้างๆ
เกิดเสียงปรบมือดังขึ้นอย่างเกรียวกราว พร้อมกับเสียงกระซิบกระซาบของพวกสาวๆ....
แต่ห่างออกไป....ตรงมุมของเวทีด้านข้าง....
หญิงสาวผมหยักศกในชุดเจ้าหญิงอาหรับ...ยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ....
ดวงตาสีน้ำตาลคม ฉายแววปิติออกมาอย่างเด่นชัด!!
“เฮอร์ไมโอนี่....เป็นอะไรเหรอ?....” นักเต้นสาวผมสีทองที่ยืนอยู่ข้างๆ ถามอย่างสงสัย...
“เม็ก...นั่น....นั่น แฮรี่....” เธออุทานอย่างตกใจ...ระหว่างที่เพ่งพิศไปที่ร่างสง่ากลางเวที...
“ก่อนที่พ่อชั้นตาย...ที่บ้านกลางสวน....ในลอนดอน...” เฮอร์ไมโอนี่พูดราวกับคนละเมอ...
“เฮอร์ไมโอนี่....เขาหล่อจังเลย!!” เม็กประคองเพื่อนสาวที่ทางราวกับคนครึ่งหลับครึ่งตื่น
ดวงตาสีน้ำตาลเข้ม...จ้องมองไปยังร่างที่ยืนอยู่กลางเวที....
ความทรงจำในวันวาร ย้อนเข้ามาสู่ห้วงสำนึกอีกครั้ง....
เสียงไวโอลินของพ่อ....กับเสียงร้องประสานกันของเขาและเธอ.....
.....แฮรี่....เขาจะยังจำเธอได้มั๊ยน่ะ? ....
“ ผมและบิดามารดาเป็นเกียรติที่ได้อุปถัมภ์งานศิลปะ โดยเฉพาะโรงละครอันยิ่งใหญ่แห่งนี้”
ชายหนุ่มเอ่ยขึ้น กับคนที่ยืนอยู่รอบๆ ซึ่งคนเหล่านั้นก็ยิ้มให้เขาอย่างดีใจ
และทันใดนั้น หญิงสาวในชุดฟูฟ่อง ก็เดินนวยนาดเข้ามาอย่างยั่วยวน
พร้อมทั้งยื่นมือให้ชายหนุ่ม ซึ่งเขาก็จับและจุมพิต มือนั้นตามมารยาท
“ผมขอแนะนำให้รู้จัก ซินญอร่า คาร์ลอตต้า จูดิเชลลี่ นักร้องนำเสียงโซปราโน 5 ฤดูกาล”
“และ ซินญอร์ อูบาลโด ปิอันจี นักแสดงนำชายของเรา”
เลอแฟฟร์ผายมือไปยังชายร่างอ้วน ที่ยืนอยู่ถัดออกไป
เกิดเสียงปรบมือดังขึ้นเปาะแปะตามมารยาท
“ เป็นเกียรติอย่างสูง ซินญอร์ แต่ผมคงกำลังรบกวนเวลาซ้อม
แต่จะอยู่ร่วมฉลองความสำเร็จคืนนี้แน่นอน ขอประทานโทษนะครับ ผมต้องขอตัวก่อน...”
แฮรี่พูด ก่อนจะโค้งตัวเล็กๆ
และเดินออกไป...
หญิงสาวใจเต้นผมสีน้ำตาล ใจเต้นตึกตัก...เมื่อร่างนั้นเดินผ่านมาทางเธอ...
แต่มันก็ต้องเปลี่ยนเป็นเต้นระรัวอย่างเจ็บปวด....เมื่อร่างนั้นเดินผ่านเลยไป...
“ เขาคงจำชั้นไม่ได้....” เฮอร์ไมโอนี่พูดเบาๆอย่างน้อยใจ กับเพื่อนสาวของเธอ
“ เขาไม่เห็นเธอ แล้วอีกอย่าง...เธอยังไม่ได้เอาผ้าคลุมหน้าออกเลยน่ะ...”
เม็กดึงผ้าลูกไม้ออกจากใบหน้าของเฮอร์ไมโอนี่
พร้อมทั้งพูดปลอบใจระหว่างที่ทั้งคู่มองตามแผ่นหลังของชายหนุ่มที่กำลังเดินจากไป...
โดยที่ชายหนุ่มผู้นั้น ไม่รู้ว่า....เขาได้พลาดอะไรบางอย่างที่สำคัญมากไปเสียแล้ว
“ ขออภัยน่ะค่ะ....หลีกทางหน่อยค่ะ”
มาดามจิวรี ในฐานะของหัวหน้าผู้ฝึกสอนนักเต้น
เข้ามาไล่ต้อนบรรดาแขกให้ออกไปจากเวที เพื่อที่จะเริ่มทำการซ้อมต่อ...
พร้อมทั้งแนะนำการแสดงบัลเล่ต์ให้เจ้าของคนใหม่ได้เรียนรู้...
“เราภูมิใจกับบัลเล่ต์ของเรามาก เมอซิเออร์...”
มาดามจิวรีพูด ขณะพาเจ้าของคนใหม่เดินไปรอบๆเวที...
“ผมเห็นแล้วว่าทำไม” เฟอแมง มองตามเหล่านักเต้นที่กำลังโลดแล่นอยู่บนเวทีตาเป็นมัน
“ โดยเฉพาะแม่สาวผมบลอนด์คนนั้น.....” เขาเสริม พร้อมยิ้มอย่างมีเลศนัย....
“ นั่น...เม็ก จิวรี....ลูกสาวชั้นเอง....” มาดามพูด
และเป็นคำพูดที่สามารถลบรอยยิ้มนั่นออกจากใบหน้าของเฟอแมงโดยทันที
“แล้วสาวน้อยคนนั้นละ....คงไม่ได้เกี่ยวดองกับคุณหรอกน่ะ” อังเดรชี้นิ้วไปทางร่างระหงที่กำลังโยกตัวไปมา ผมสีน้ำตาลแก่พลิ้วไสว...
“นั่น เฮอร์ไมโอนี่ ดาเอ้...” มาดามพูดเนิบๆ
“ ดาเอ้...ดาเอ้....เอ....ไม่ได้เป็นญาติกับนักไวโอลินชื่อดังนั่นหรอกใช่มั๊ย?...”
“ลูกสาวคนเดียวของเขา....น้องชายของดิชั้นเอง....”
มาดามยิ้มเย็นๆ เมื่อเห็นรอยยิ้มหายไปจากใบหน้ากรุ้มกริ่มของชายทั้งสอง
“ ท่านค่ะ....กรุณาไปยืนด้านข้างด้วย....”
มาดามรีบต้อนชายทั้งสองไปติดกับมุมเวที...เพื่อไม่ให้ถูกนักเต้นเหยียบ....
แต่ทันใดนั้น
เสียงหนึ่งก็เรียกความสนใจของคนทั้งเวที
เมื่อผ้าม่าน หนาหนัก....หลุดลงมาตรงที่นักร้องนำสาว...กำลังจะยืนโก่งคอร้อง!!!
เกิดความชุลมุนขึ้น...เสียงหวีดร้องดังก้อง....
พร้อมกับเสียงกรี๊ดด้วยความโมโหและหวาดกลัวของคาร์ลอตต้า
ที่กำลังตะเกียกตะกายลุกขึ้น หลังจากรอด ไม่โดนทับแบนติดเวทีมาอย่างหวุดหวิด!
“ นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้น!!!” วาทยกรตวาดก้องไปยังด้านบน ที่ผู้คุมฉากร่างอ้วนโผล่หน้าแดงจัดด้วยฤทธิ์สุราออกมาจากหลังฉาก
“ ผมสาบานได้ ผมไม่รู้ เมื่อกี้ผมก็ไม่ได้อยู่ตรงนี้ด้วย” เขายืนยัน
“ถ้าจะมี....ก็คงมีแต่ ผี เท่านั้นแหละครับ...” เขาแสยะยิ้มอย่างโหดเหี้ยม ขณะที่ค่อยๆสาวผ้าม่านที่ร่วงลงไปขึ้นมา....
“ เงียบเดี๋ยวนี้ บูเกร์! “ มาดามจิวรีตวาด....
ก่อนที่เธอจะหยิบซองสีขาวที่ติดอยู่ตรงชายผ้าม่านที่กำลังถูกสาวขึ้นไป....
“ นี่มันอะไรกัน!!...” สองผู้จัดการใหม่สบถอย่างหัวเสีย....
ในขณะที่นักร้องนำกำลังกรีดร้องอย่างหัวเสียอยู่กลางเวที
“ เอาละทุกท่าน....ถ้าต้องการอะไร....ผมอยู่ออสเตียเลีย...ขอให้โชคดี”
เลอแฟฟร์ผู้จัดการเก่ารีบตัดช่องน้อยแต่พอตัว ก่อนจะเดินตัวปลิวหนีไปทันที...
“ บ้าจริง!! โอ...ซินญอร์ร่า คาร์ลอตต้า...ใจเย็นก่อนครับ...”
สองผู้จัดการใหม่พยายามเอาใจนักร้องนำผู้เอาแต่ใจ และตั้งท่าจะเดินหนีท่าเดียว
“ ใจเย็นบ้าบออะไรกัน...!! สามปีที่ผ่านมา มีแต่เรื่องอย่างนี้เกิดขึ้น
แล้วมีใครหาทางหยุดมันได้มั๊ย ไม่!! เพราะฉะนั้น อย่าหวังว่าจะได้อะไรดีๆจากฉันอีกเด็ดขาด ไม่มีทาง!!!! “ เธอโพล่งออกมาอย่างเหลืออด
ก่อนจะเดินกระแทกเท้าจากออกไป มีสาวใช้อุ้มสุนัขที่รักของเธอตามติดไปอย่างรวดเร็ว....
“ โอ!! ไม่น่ะไม่!! “ ผู้จัดการทั้งสองคนกุมขมับ สีหน้าอยากฆ่าตัวตายเป็นที่สุด!
การขาดนักร้องนำ ก็เท่ากับว่า พวกเขาจะไม่สามารถเปิดแสดงได้ในคืนนี้
ทั้งที่บัตรขายหมดเกลี้ยงไปแล้วเป็นเดือน!
ทั้งผู้จัดการ และวาทยกร ต่างกำลังโวยวายกันอย่างหนัก...ถึงการแก้ปัญหาในคืนนี้
ก่อนที่มาดามจิวรีจะเดินเข้ามายื่นซองจดหมายที่เธอเพิ่งเก็บได้ ให้เขาทั้สองคน
“ นี่มันอะไรกันอีก!!...” อังเดรตวาดอย่างอารมณ์เสีย
“ ดิชั้นมีข้อความจาก ปีศาจโอเปร่า...” มาดามเอ่ยขึ้นเบาๆ
“ โอพระเจ้า!! งมงายกันเหลือเกิน!!” อังเดรส่ายหัวอย่างอารมณ์เสีย
“เขาขอต้อนรับพวกคุณเข้าสู่โรงละครโอเปร่าของเขา....”
“ของเขางั้นเหรอ!!” เฟอแมงโพล่งออกมาอย่างเหลืออด
“และสั่งให้เก็บที่นั่งชั้นบอกซ์ หมายเลข 5 ไว้ให้เขา
และถึงเวลาต้องจ่ายเงินเดือนเขาแล้วด้วยค่ะ” มาดามจิวรีพูดรัวเร็ว...
“ เงินเดือนบ้าบออะไรกัน!!” อังเดรถามกลับ เส้นเลือดในสมองเต้นตุบๆ
“ อ่อ...คุณเลอแฟฟร์ให้เขาเดือนละสองหมื่นฟรังค์ หรือคุณจะให้เขาเพิ่มมากขึ้นก็ได้นะ เพราะตอนนี้มี ท่านเค้าส์ เดอ ชานญี เป็นผู้อุปถัมภ์....”
มาดามจิวรีสะบัดผมเปียอย่างไม่สนใจอะไร
“ไม่มีเงินเดือนบ้าบออะไรทั้งนั้น
ตอนนี้เราจะหมดตัวกันอยู่แล้ว เราขาดนักร้องนำ
แล้วจะเปิดแสดงในคืนนี้เอาเงินมาให้ไอ้ปีศาจของคุณได้ไงกัน!!! “
อังเดรโวยวายอย่างเหลืออด
“ นี่....ย....ยังไงก็ต้องมีตัวสำรองสิ” เฟอแมงพยายามหาทางออก
แต่วาทยากรกลับตบมือกับผนังอย่างโมโห
“ ไม่มีใครเล่นแทนคาร์ลอตต้าได้!!!” เรอเยร์ วาทยากรโต้กลับอย่างเหลืออดในความรู้ทางด้านดนตรีอันน้อยนิดของผู้จัดการใหม่
“ ตั๋วหมดเกลี้ยงเลยน่ะ....เราจะเอาเงินไหนจ่ายคืนผู้ชม” ทั้งสองต่างกุมขมับด้วยความเครียด...
ทันใดนั้น....มาดามจิวรีก็ดึงตัวหญิงสาวคนหนึ่งออกมากลางเวที....
“เฮอร์ไมโอนี่ ดาเอ้...ร้องได้ค่ะท่าน....” มาดามพูดเรียบๆ
“ อย่าบ้าไปหน่อยเลย...นักเต้นนั่นนะเหรอ...” อังเดรขัดขึ้น
“ ลองฟังเธอร้องดูสิ เธอได้รับการฝึกสอนอย่างดี....” มาดามยืนยัน
สองสหายจ้องหน้ากันอย่างชั่งใจ....จนในที่สุด เฟอแมงก็หันกลับมายังร่างระหง
ที่กำลังยืนทำหน้าตื่นตกใจอยู่กับมาดามจิวรี....
“ก็ได้ๆ...ไงก็ไม่มีทางเลือกแล้ว...มาสิ....มาตรงนี้ คุณเรอเยร์ ขอเพลงด้วย....”
เฟอแมงกวักมือเรียนหญิงสาวให้ออกมายืนตรงกลางเวที
พร้อมกับที่เสียงดนตรีเริ่มบรรเลง
“ แต่....นี่มันบ้าสิ้นดี ชั้นว่าไม่เหมาะแน่...” อังเดรบ่นมุบมิบ
“ เธอสวยออก...” เฟอแมงยิ้ม ....
มองตรงไปยังร่างระหงที่ยืนสง่ากลางเวที...
แสงไฟสาดส่องให้ตัวขาวผ่องของเธอดูเนียนมากขึ้น
ริมฝีปากแดงจัดด้วยเลือดฝาดเหยียดยิ้มอย่างอายๆ...
ทั้งเวทีเงียบกริบ....รอฟัง
ก่อนที่ริมฝีปากได้รูปจะค่อยๆเผยอออกจากกันน้อยๆ....
Think of me, think of me fondly,
when we've said goodbye.
Remember me once in a while -
please promise me you'll try.
When you find that, once again, you long
to take your heart back and be free -
if you ever find a moment,
spare a thought for me
เพลง...ที่ไพเราะ...แสนเศร้า
เพลง...ที่ทำให้ผู้ร้องคิดถึงชายคนหนึ่ง....ที่เขาอาจจะจำเธอไม่ได้....และอาจไม่เคยคิดถึงเธอ
แต่เธอ....คิดถึง และระลึกถึงเขาตลอดมา.....
ความคิดเห็น