คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : JUNE ; KISS DAY
14th JUNE
มินยุนกิไม่เคยสนใจเทศกาลของเหล่าคู่รัก เขารู้สึกว่ามันงี่เง่าสิ้นดีที่ประเทศนี้คลั่งไคล้เทศกาลแบบนี้กันเหลือเกิน
ในความคิดของเขาน่ะ เวลาที่เอาไปทำกิจกรรมคู่อย่างการเดท ดูหนัง หรือเดินเล่น สู้เอาไปทำงาน แต่งเพลงที่ค้างไว้เพื่อหาเงินใช้ชีวิตยังดีกว่ากันตั้งเยอะ
และเขาก็คิดแบบนี้ทุกเทศกาล ไม่เว้นแม้แต่ Kiss Day อย่างวันนี้
วันนี้เป็นวันที่มินยุนกิเข้าสตูดิโอมาแต่งเพลง งานใหม่จากค่ายยักษ์ใหญ่ค่ายหนึ่งเพิ่งถูกส่งเข้ามาในอีเมล์เมื่ออาทิตย์ก่อน โจทย์มีเพียงให้แต่งเพลงเดบิวต์ให้ศิลปินหน้าใหม่ที่กำลังจะเปิดตัวภายในปีนี้ โดยที่คอนเซ็ปของวงนี้คือสดใสและแหวกแนวไม่เหมือนใคร...
ขึ้นชื่อว่าเป็นศิลปินที่กำลังจะเดบิวต์ นั่นหมายความว่าแรงกดดันจากค่ายที่คาดหวังเพลงดีๆที่จะทำให้วงติดกระแสนั้นค่อนข้างหนักหน่วง โจทย์ที่เหมือนจะกว้าง แต่จริงๆแล้วตีความหมายยากยิ่งทำให้เขาเครียด และความเครียดนี้มันทำให้เขาไม่ได้ออกไปจากสตูดิโอมาเกือบสองวันแล้ว
“พี่ยุนกิ พักหน่อยไหมครับ”
แต่ตอนนี้เขาไม่ได้อยู่กลางค่ำกลางคืนคนเดียวอีกต่อไป...
“ไม่อะ เดี๋ยวขอแก้เมโลดี้ตรงนี้ก่อน” ร่างบางเอ่ยปฏิเสธคนที่นั่งอยู่ที่โซฟายาวในห้องเบาๆ มือขาวสองข้างถูกยกขึ้นมานวดที่ขมับเพราะรู้สึกปวดหัวไปหมด ก่อนจะชะงักไปเมื่อมีมือของใครอีกคนมาจับออกแล้วกดนวดให้แทน
เขาคงเหนื่อยเกินไป ถึงไม่ได้ปัดมือนั้นทิ้งและด่าว่าอีกคนฉวยโอกาสไปเหมือนปกติ...
“แล้วนายไม่กลับบ้านหรือไง” ถามออกไปบ้างทั้งๆที่ยังปล่อยให้มือของอีกคนขยับไปเรื่อยๆ เปลือกตาปิดลงพลางขอเวลานอกกับตัวเองในใจสักสี่ห้านาที
“ผมกลับบ้านไปพี่ก็จะไม่กินข้าวอีก” คิมแทฮยองตอบกลับมา มินยุนกิปรือตาเงยหน้าขึ้นมองคนที่นวดหัวเขาจากด้านหลังแล้วถอนหายใจ
มันไม่ใช่ความผิดเขาสักหน่อยที่วันนั้นคนเด็กกว่ามาหาหลังเลิกงานแล้วมาเจอเขาที่ไม่ได้กินข้าวเกือบสองวันเนื่องจากทำงานเพลินแล้วเกือบจะเป็นลมอยู่ในสตูดิโอ เจ้าเด็กผมสีเดียวกับขนอีวุยรีบออกไปซื้ออาหารซื้อน้ำมาประเคนเขาแทบไม่ทัน และนับตั้งแต่วันนั้น จากที่เคยมาหาเขาอาทิตย์ละครั้ง แทฮยองก็มาหาเขาทุกวันหลังเลิกงานจากบริษัท
งานโปรแกรมเมอร์นี่มันว่างนักหรือไงนะ...
“แล้วรีบมาหาฉันทุกวันนี่ไม่ต้องทำโอทีหรือไม่มีงานติดพันหรือไง” เสียงติดจะแหบเอ่ยถามออกไป เรียกเสียงหัวเราะแผ่วๆจากแทฮยองได้ไม่ยาก
“มีสิครับ แต่ผมรีบออกมา บอกหัวหน้าว่าจะมาดูแลว่าที่แฟน”
“ปัญญาอ่อน ใครจะเป็นแฟนแก” แทฮยองไม่ตอบอะไร แต่ฉีกยิ้มจนปากเป็นสี่เหลี่ยมมาให้เขา คนตัวขาวขยับหัวออกจากมืออีกคน ก่อนจะยกมือขึ้นมาโบกไล่เป็นเชิงว่าจะทำงานต่อแล้วซึ่งคนถูกไล่ก็ปฏิบัติตามเป็นอย่างดีโดยการยอมล่าถอยไปนั่งกดโทรศัพท์เล่นที่โซฟาตัวยาวเหมือนเดิม
ยุนกิจัดการแก้ไขเมโลดี้ของเพลงในส่วนที่รู้สึกขัดหูจนพอใจ แล้วละมือจากคีย์บอร์ดกับเมาส์มาบิดขี้เกียจสองสามที ความสมบูรณ์ในงานเพลงตอนนี้อยู่ที่ประมาณเจ็ดสิบเปอเซนต์ ถ้าทำด้วยความเร็วแบบนี้ไปเรื่อยๆก็มีเวลาถมเถก่อนเส้นตายที่ต้องส่งงาน แต่มินยุนกิไม่ค่อยไว้วางใจตัวเองนัก บางทีแต่งจนเสร็จหมดแล้วลบทำใหม่หมดวันใกล้ส่งก็มีบ้างแล้วแต่อารมณ์ เพราะฉะนั้น... รีบทำให้เสร็จเผื่อเวลาเอาไว้ดีกว่า
“เสร็จแล้วเหรอครับ” เสียงทุ้มดังขึ้นมาทันทีที่เขาขยับตัวออกห่างจากคอมพิวเตอร์เครื่องใหญ่เหมือนคอยดูอยู่ตลอด ยุนกิหันไปยู่ปากแล้วพยักหน้าน้อยๆ ก่อนจะตอบ
“อือ... ก็เท่าที่อยากทำแล้วล่ะ แต่ก็เหลืออีกไม่น้อยเหมือนกัน...”
“ครับ งั้น...”
“สองทุ่มกว่าแล้วไปหาอะไรกินกัน”
ใครจะไปคิดว่า หลังจากประโยคนี้ คนตัวเล็กจะลุกขึ้นคว้าคาดิแกนและบีนนี่สีดำสนิทมาใส่ ก่อนจะเดินไปหยิบโทรศัพท์มือถือและกระเป๋าเงินเดินออกไปรอแทฮยองที่หน้าชั้นวางรองเท้า ร้อนถึงคนเด็กกว่าต้องรีบหยิบของจำเป็นติดมือเดินตามมาอย่างรวดเร็ว
ยุนกิจัดการเรียกแท็กซี่แล้วบอกชื่อจุดหมายปลายทางที่จะไปทันทีอย่างไม่สนใจว่าแทฮยองจะงงแค่ไหน
แต่ตอนนี้มันอยากกินอะ ก็เลยจะต้องกินให้ได้
ต็อกบกกีร้านริมสุดของถนนเส้นหนึ่งในย่านมยองดง
“พี่อุตส่าห์นั่งรถจากที่ตั้งสตูดิโอพี่มามยองดงเพื่อมากินต็อกบกกีเลยเหรอครับ” เสียงทุ้มถามอย่างประหลาดใจ เพราะไม่คิดว่าคนตัวเล็กที่ขี้เกียจเกือบจะตลอดเวลาอย่างยุนกินั้นจะลงทุนทำอะไรแบบนี้ มินยุนกิเบะปากแล้วตอบออกไป
“ฉันเป็นพวกอยากกินก็ต้องกินให้ได้อะ แล้วยิ่งช่วงทำงานหนักๆมันอยากกินมากกว่าปกติ”
“แล้วต้องเจาะจงเป็นร้านนี้ด้วยเหรอครับ...”
“อ่าหะ... ไม่รู้ทำไม แต่เวลาอยากกินต็อกบกกีจะต้องมากินที่ร้านนี้ทุกทีเลย อร่อยมากเลยนะ นายไม่เคยกินเหรอ อยู่โซลยังไงถึงไม่เคยกินต็อกร้านนี้เนี่ย” ปากสีพีชบ่นงึมงำๆอย่างน่ารักระหว่างที่กำลังเดินผ่านร้านขายอาหารหลากหลายร้านตามทางในย่านนี้ อาหารนานาชนิดส่งกลิ่นหอมยั่วยวนคนที่ยังไม่ได้กินข้าวเย็นทั้งสองคน แต่เหมือนมินยุนกิจะไม่วอกแวกไปไหนเลยนอกจากร้านต็อกบกกีร้านที่บอกว่าอร่อยร้านนี้
“อะ ถึงแล้ว”
ร้านที่คนตัวเล็กพามาดูภายนอกไม่ได้ต่างอะไรไปจากร้านที่ผ่านๆมาเลย จะมีก็แต่ธงรูปการ์ตูนคุมะมงที่ปักอยู่หน้าร้านชวนให้สงสัยว่าเกี่ยวอะไรกัน
“อ้าว หนูยุนกินี่นา ไม่ได้เจอกันนานนะ” เสียงคุณป้าท่าทางใจดีดังขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มที่ชวนให้นึกถึงญาติผู้ใหญ่ที่บ้าน และคำทักทายนี้ก็ได้รอยยิ้มหวานจากมินยุนกิกลับไป
“แล้วนี่ใครล่ะจ๊ะ”
“เอ่อ ผมคิมแทฮยองครับ เป็นคนที่กำลังตามจี—“
“รุ่นน้องครับ รุ่นน้องที่รู้จัก น้าฮเยอึนไม่ต้องสนใจหรอกครับ ผมขอต็อกชีสสองชุดแล้วก็กิมจิเหมือนเดิมนะครับ” มือขาวๆเอื้อมมือปิดปากแทฮยองเอาไว้ก่อนที่ร่างสูงจะประกาศบอกใครต่อใครว่ากำลังตามจีบ แต่นี่เป็นเหมือนการเปิดโอกาสให้แทฮยองจับมือนั้นไว้แล้วดึงให้มานั่งที่เก้าอี้ของร้าน โดยที่คนโดนดึงกำลังหรี่ตามองเขาอย่างหงุดหงิด
“จะป่าวประกาศให้ทุกคนรู้กันไปเลยหรือไงหา?”
“พี่ยุนกิจะให้ผมทำแบบนั้นไหมล่ะครับ ผมเต็มใจทำนะ คนอื่นๆจะได้เลิกมายุ่งกับพี่ซะที” พูดพร้อมกับยิ้มให้อีกคนที่เสมองอย่างอื่นอย่างไม่กล้าสบตา ถ้าแถวนี้ไม่มืดเกินไปแล้วไฟร้านมันหลอกตา แทฮยองก็คิดว่าเขาเห็นมินยุนกิกำลังหน้าแดง
“แต่ฉันไม่อยากให้คนรู้โว้ย” โวยวายเหมือนจะเสียงดัง แต่เสียงแหบๆนั้นกลับเบาจนแทฮยองต้องขยับหน้าเข้าไปใกล้ๆ คนเด็กกว่าแกล้งพยักหน้าเหมือนจะเข้าใจ ก่อนจะพูดออกมาด้วยประโยคที่ยุนกิอยากจะไปคว้าเก้าอี้แถวนั้นมาทุบสักทีสองที
“อ๋อ พี่ยุนกิอยากจะประกาศตอนที่เป็นแฟนเลยสินะครับ โอเคครับ แบบนั้นผมก็ไม่ได้ขัดข้องอะไร”
และนับเป็นโชคดีของคิมแทฮยองที่หลังจากประโยคนั้นของที่สั่งไว้ก็มาเสิร์ฟที่โต๊ะเสียที ต็อกบกกีในถ้วยเล็กสองถ้วยมาคู่กับกิมจิในชามใหญ่ ซอสสีแดงชวนให้น่ากิน แถมด้วยกลิ่นหอมๆของชีสที่เหมือนจะให้เขาเร่งมือจิ้มมันขึ้นมาชิมเสียที
ยุนกิที่พอเจอของโปรดก็เหมือนจะลืมทุกสิ่งทุกอย่างก่อนหน้านี้ไปเสียหมด ร่างเล็กคว้าถ้วยต็อกขึ้นมาจิ้มทันทีอย่างไม่สนใจจะประทุษร้ายเด็กอีก ใบหน้าน่ารักที่เมื่อได้กินก็ฉายแววมีความสุขออกมาจนแทฮยองอดยิ้มไม่ได้
แก้มขาวๆที่กำลังขยับและตาเรียวที่หลับพริ้มเหมือนจะซึมซับรสชาติมันทำให้เขาอยากเข้าไปแกล้งอย่างหมั่นเขี้ยว ถ้าไม่ติดว่าอาจจะโดนฆาตกรรมอยู่แถวนี้น่ะนะ
“อร่อยมากเลย” เสียงหวานติดจะแหบพูดออกมา ก่อนที่จะจิ้มกิมจิกินสลับกับต็อกบกกีร้อนๆ
“อะ อร่อยจริงๆด้วยครับ” เป็นแทฮยองที่พูดออกมาบ้างเมื่อได้ชิมของในถ้วยของตัวเอง รสชาติของซอส ความนิ่มของต็อก ความเค็มของชีสมันเข้ากันได้ดี แล้วยิ่งกินกับไส้กรอกที่มาด้วยกันและจิ้มกิมจิกินแกล้มยิ่งอร่อยเข้าไปใหญ่
“นอกจากร้านนี้น่ะนะ ร้านอร่อยของฉันยังมีร้านเนื้อย่างแถวอีแด อร่อยมากๆ ไว้วันหลังจะพาไปลอง” ยุนกิพูดออกมาอย่างมีความสุข และเหมือนจะลืมตัว คนเด็กกว่าเลิกคิ้วน้อยๆเพราะประโยคที่ว่าคนตัวเล็กจะพาไปข้างต้น
“พี่ยุนกิจะพาผมไปเหรอครับ ยอมรับการจีบของผมแล้วเหรอ” เอ่ยทักพร้อมกับรอยยิ้มมุมปากที่ทำเอามินยุนกิชะงัก แล้วนึกทบทวนสิ่งที่ตัวเองพูดไปเมื่อครู่ ตาเรียวเบิกกว้างอย่างเพิ่งนึกขึ้นได้ก่อนจะระล่ำระลักปฏิเสธ
“ไม่สิ ไม่ คือ ก็แกชอบมาตามตื้อฉันไง ยังไงฉันก็ห้ามไม่ได้ คราวหน้าก็ไปด้วยกันเลย อะไรแบบนี้ แค่กๆ” อาจจะเพราะพูดเร็วเกินไป มินยุนกิเกิดอาการสำลักต็อกบกกีที่กินเข้าไป ร้อนถึงแทฮยองที่คว้าน้ำเปล่ามาจากเหยือกเทใส่แก้วแล้วยื่นให้แทบไม่ทัน ร่างสูงลุกขึ้นไปลูบหลังคนที่ค่อยๆดีขึ้น ก่อนจะถามออกมาด้วยความเป็นห่วง
“ไม่เป็นไรใช่ไหมครับ”
“เพราะแกนั่นแหละ” เสียงหวานติดจะแหบพูดอย่างอาฆาต ปากสีสดเบะอย่างที่ทำเป็นประจำเวลาอารมณ์ไม่ดี แต่ท่าทางน่ารักๆเหล่านี้กลับเรียกรอยยิ้มจากอีกคนที่นั่งชันเข่าอยู่ข้างๆได้ไม่ยาก
“ผมทำไมครับ พี่ทำตัวเองต่างหาก” ยุนกิหรี่ตามองอย่างนึกอยากจะหาอะไรมาปาใส่ แต่ก็ต้องชะงักไป ตาเรียวสวยเบิกกว้างเมื่อใบหน้าคมขยับเข้ามาใกล้เสียจนได้กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆแทรกกลิ่นของร้านอาหารเข้ามา
“แท... ฮยอ—“
คิมแทฮยองขยับเข้ามาจนชิด ก่อนที่จะกดริมฝีปากลงที่มุมปากของอีกคนที่เลอะซอสต็อกบกกีสีแดง ปลายลิ้นทำหน้าที่แตะเช็ดคราบนั้นให้เรียบร้อย แล้วถอยตัวออกมาพร้อมยิ้มเผล่อย่างไม่สำนึกผิดต่อคนที่กำลังช็อคหน้าแดงตรงหน้า
“ซอสมันเปื้อนครับผมเห็นพอดีก็เลยเช็ดให้ แล้วก็... Happy Kiss Day นะครับพี่ยุนกิ ไว้ปีหน้าพวกเราค่อยมาจูบแบบจูบจริงๆในวันนี้นะครับ”
“ไอ้คิมแทฮยอง!!!!!!!”
…
ข่นบว้า
มาขโมยจูบเขาแบบนี้ก็ได้เหรอ ฮือ
ยังจีบไม่ติดแล้วทำขนาดนี้ จีบติดแล้วจะขนาดไหน ฮือ /กอดคุณยุนกิแน่น
จริงๆแล้วฟิคนี้เป็นฟิคอาหารนะคะ 555555555555555555555555
#วีก้า14 จ้า เลิ้บเรย
ปล. เดือนนี้แต่งเสร็จก่อน #จีกุก14 ค่ะ อิอิอิอิอิอิอิอิอิ ดีใจ
ความคิดเห็น