ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The legend of Banirmaure

    ลำดับตอนที่ #6 : Chapter 5 : Confession

    • อัปเดตล่าสุด 16 ก.ย. 50


    Chapter 5 : Confession

                      บาดแผลของชายหนุ่มไม่ลึกมากนัก  เพียงแค่คืนเดียว  อาการของชายหนุ่มก็ดีขึ้นจนสามารถเดินทางต่อไปได้  เพียงแต่......

    คุณช่วยพยุงผมหน่อยสิแอร์แตนิเต้    ผมลุกไม่ค่อยไหว 

    ไหนบอกว่า  หายดีแล้วไง  ถึงได้ชวนกันเดินทางต่อน่ะ

    ก็...............  มันคงจะเป็นการโกหกที่แนบเนียนมากสำหรับเลโอ   หากออดริคไม่หันมาสบตากับวิญญารตรงหน้าแล้วยิ้มที่มุมปาก   แถมมียักคิ้วเผล่อย่างมีความหมาย 

    หากใครได้มาเห็นก็คงหัวเราะกันจนปวดท้อง  กับภาพชายหนุ่มตัวโตที่บ่นโอดครวญกับหญิงสาวร่างแบบบางที่ต้องแบกรับน้ำหนักกับอาการออดอ้อนจนคนถูกอ้อนแทบจะเอาหัวจนเจ็บทุ่มไปกับพื้น

    ทั้งๆที่เมื่อคืนยังจะทะเลาะกันแทบจะเป็นจะตาย  เลโอคิดพลางนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์เมื่อคืน

    ............................................................................................................................................................................

    แม่!!!!  แม่ครับ  พ่อ..........  อย่า!  อย่าไปเลย  มันอันตราย  กลับมาเถอะครับ!!!!!!!  อย่า!!!!!!!!”

    เสียงไฟที่ลั่นปะทุอยู่ข้างตัวทำให้ชายหนุ่มลืมตาตื่นมาอย่างรวดเร็ว  แต่ก็ต้องบ่นปวดระงมไปตลอดเพราะบาดแผลตามเนื้อตัวโดยมีเสียงหัวเราะของร่างบางดังตามออกมาทุกครั้ง

    เราสลับตำแหน่งกันแล้วนะ ซินญอเร............  หญิงสาวที่กลับมาอารมณ์ดีอีกครั้ง  กล่าวยั่วเย้าชายหนุ่มอย่างสนุกปาก  ก็ในเมื่อคนเจ็บตรงหน้าขยับไม่ได้  เธอก็ปลอดภัยหายห่วงล่ะ!

    หัวเราะเข้าไปเถอะคุณ............. ว่าแต่คุณแบกผมมาที่นี่ได้ยังไงน่ะ

    ไม่ยากนักหรอก  ก็ช่วยๆกันกับเลโอน่ะ

    เหรอ............อืมม์

    เป็นอะไรไปน่ะ    ออดริค  คุณดูเหม่อๆนะ  ไข้ขึ้นรึเปล่าเนี่ย  หญิงสาวสังเกตุเห็นอาการไม่ค่อยดี  ก็เคลื่อนกายเข้ามาหาชายหนุ่ม  มือเล็กเรียวสัมผัสที่หน้าผากเพียงผ่าวเบาพลางบ่นไปตามเรื่องตามราว 

    ผมหายดีแล้วน่า  รับรองได้

    แต่บาดแผลมันทำให้คุณไข้ขึ้นนะ   ชั้นว่าคุณพักผ่อนก่อนดีกว่า   เมื่อกี้คุณก็ละเมอเพ้อด้วย

    เพียงเท่านั้นแหละ  ดวงตาสีชาก็แทบจะถลนออกมานอกเบ้า  ราวกับตวาดด้วยสายตา

     ผมไม่............ไม่ได้!  ช่างมันเถอะ!     พรุ่งนี้ต้องเดินทางต่อ

    ชายหนุ่มกล่าวสบถกับตัวเองอย่างคนที่อารมณ์ยังไม่มั่นคงนัก   แถมยังไม่ยอมสบตาคนที่พูดด้วยอีกต่างหาก   นั่นก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ร่างบางจับสังเกตุอะไรได้

    จำเลยออดริคมีอะไรปิดบังศาลอยู่รึเปล่า?หญิงสาวพยายามตะล่อมถามด้วยเสียงราวกับไนติงเกล

    ปะ.........เปล่านี่   ไม่มีอะไร

    อ้อ.......ไม่มีเหรอ?  ดีนี่  เพิ่งเข้าใจนะว่าคนเรามันไม่มีความเชื่อใจกันเลย

    เหมือนกับว่าคุณให้ความเชื่อใจกับผมมากงั้นสิ    ท่านหญิงแอร์แตนิเต้!!!!!  ในเมื่อคุณเองยังไม่ไว้ใจและเชื่อใจใคร  มันจำเป็นด้วยหรือที่ผมต้องไว้ใจคนที่ไม่เชื่อใจผมน่ะ

    ชายหนุ่มถึงกับฉุนกึกกับคำพูดเพียงคำเดียวของหญิงสาว  ถึงกับตวาดและฉุดข้อมือบางนั้นให้ผู้พูดหันหน้ามามอง  แอร์แตนิเต้ถึงกับตะลึง

    ดวงตาสีเขียวมรกตส่อแววตกใจ   ตาสบตา...............ไม่มีใครยอมหลบตากัน  จนในที่สุดชายหนุ่มก็เป็นคนที่รู้สึกตัวก่อนและมีสีหน้าสำนึกผิด   ยังที่ไม่ทันจะเอ่ยปากอะไรเสียงของหญิงสาวก็ดังขึ้นแทรกเสียก่อน

    ขะ..............ขอโทษ   ที่พูดอะไรออกไปไม่ค่อยยั้งคิด  ชั้น.....ไม่นึกว่าคุณจะโกรธขนาดนี้น่ะ  แค่จะแหย่คุณเล่นเฉยๆน่ะ  พูดจบก็ช้อนตามองคนโกรธอย่างลุแก่โทษ   

    คนเงียบเข้าปกคลุมการสนทนาของทั้งสองได้เพียงชั่วครู่  ท่านผู้พิพากษาก็ดันแทรกขึ้นมากลางวงเสียเฉย

    ใจเย็นๆก่อนสิ  โจทก์กับลูกขุนมาทะเลาะกันแบบนี้ก็แย่น่ะสิครับ  พี่แอร์แตนิเต้  พี่ออดริค

    เดี๋ยวเถอะ!  เลโอ  อยากโดนเขกกระโหลกหรือไงไอ้เด็กเวร!”  

    ยังไม่ทันขาดคำที่ชายหนุ่มจะสาวเท้าเข้าไปเขกกระโหลกของวิญญาณเด็กน้อยที่สวมบทผู้พิพากษา  ก็ดันทรุดฮวบเพราะพิษไข้ตั้งแต่ทำท่าจะลุก

    แอร์แตนิเต้ปราดเข้าไปช่วยพยุงกลับไปนอนที่กองฟางเหมือนเดิม  พร้อมทั้งบ่นพึมพำของการดื้อมุทะลุไปทะเลาะกับเด็กของชายหนุ่ม  เลโอได้แต่มองภาพนั้นแล้วยิ้มอย่างมีแผนการ   

    วิญญาณน้อยลอยไปหาแอร์แตนิเต้อย่างประจบ   แถมขอตัวไปเดินเล่นข้างนองสูดอากาศบริสุทธิ์  ฝากดูแลชายหนุ่มเสร็จสรรพราวกับไม่อยากจากไปไหนแต่ดันสิ่งยิ้มมีเลศนัยไปให้ชายหนุ่มทันทีที่หญิงสาวหันหลัง

    ผมช่วยได้เท่านี้แหละ     ที่เหลือก็ช่วยตัวเองละกันนะครับ   พี่ออดริค

                    คิดเองเออเองเสร็จสรรพก็ลอยหายไป  (  ความจริงไม่ได้ไปไหน  แอบดูเค้าซะงั้น )

                    ส่วนทางด้านสองหนุ่มสาว...........................

                คุณพักซักหน่อยเถอะ   ไข้จะขึ้นมากกว่าเดิมเพราะบาดแผลของคุณนะ

                อืมม์....... 

    เพียงไม่นาน  ลมหายใจของคนเป็นไข้หมาดๆ  ก็ทอดยาวอย่างสม่ำเสมอ  หญิงสาวลอบมองอย่างระแวดระวัง   คนเป็นไข้ก็ไม่ได้ให้ความร่วมมือกับเธอเลย   ร่างสูงนอนกระสับกระส่าย    ปัดผ้าคลุมออกจากตัวไปอย่างรำคาญ    อากัปกริยานั้นพาลทำให้คนที่ต้องมาคอยดูแลรำคาญไปด้วยเหมือนกัน

    นี่คุณ!   อย่าปัดผ้าออกสิ

    อืมม์ ..........ร้อนจัง  คันคอด้วย    ฟางนี่มันตำคอผม

    โอ๊ย!  ป่วยแล้วยังเรื่องมากอีกแน่ะ    คราวก่อนชั้นนอนไม่เห็นจะคันอะไรเลย   ............................มานี่!”  หญิงสาวก้าวไปทางกองฟาง    จัดการดันศีรษะของคนป่วยหนุนบนตักของตัวเอง

    ......................................................................      รู้ไหม  แอร์แตนิเต้     บางครั้งผมก็คิดว่าถึงจะอธิษฐานไปก็รู้ว่าไม่มีวันเป็นจริง     คุณเองก็คงมีบาดแผลที่ลบเลือนไม่ได้      บางทีผมก็อาจจะเป็นอย่างนั้นด้วย    .....................จริงสิ  วันนั้น  ก็เงียบอย่างคืนนี้เช่นกัน      วันนั้นเป็นวันพระจันทร์เต็มดวง    ตอนนั้นผมอายุแค่ 12  มันเป็นคืนที่สงบ...  สงบมากเกินไป    เพียงไม่นานที่เสียงเกรี้ยวกราดระคนกับเสียงกรีดร้องโหยหวน   ผมทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากหลบอยู่ในที่ซ่อนของปราสาทที่ท่านแม่พาผมมาซ่อน    ได้แต่ตัวสั่นอยู่อย่างนั้น.................................    แล้ว......... ก็เพราะเจ้าพวกนั้น   ที่ทำให้คืนพระจันทร์เต็มดวงเป็นคืนที่ไม่อยากจดจำ

    .......................................................

    ผมจำไอ้พวกที่ฆ่าพ่อแม่ผมไม่ได้หรอก   จำได้เพียงแต่คมดาบที่อาบเลือดเท่านั้น..............  พอรู้ตัวอีกที   มือของผมก็เปื้อนเลือดเหมือนกับพวกมันไปแล้ว        ผมฆ่าทุกคนที่พยายามเข้ามาใกล้ตัวผมมากจนเกินไป       อาชีพของผมไม่ต่างจากรับจ้างฆ่า   .............................     ความทรงจำที่นานที่สุดที่จำได้ก็คือผู้หญิงคนนึงที่ผมฆ่าไป   ผมรู้สึกเหมือนกับว่าเคยเจอเธอมาก่อน   เคยเจอเมื่อนานแสนนานมาแล้ว     ผู้หญิงคนนั้นเป็นเพียงคนเดียวที่ไม่มีแววตาอาฆาตแค้นเหมือนคนอื่นๆเลย    เธอส่งยิ้มให้ผมอย่างอ่อนโยนแล้วหยิบสร้อยลอกเกตออกมาไว้ในมือผม  เธอบอกกับผมพร้อมๆกับร่างที่ชโลมด้วยเลือด  

    ออดริค.......  เลือดและตราบาปทีคุณสร้างขึ้นน่ะ  ไม่ใช่ความแข็งแกร่งที่แท้จริงหรอกนะ     คุณจะไม่มีวันตาย........จนกว่าคุณจะหาคำตอบให้กับตัวเองได้ว่า   คุณมีชีวิตอยู่เพื่ออะไร             อย่าลืมนะ.......ออดริค         โลกนี้.....ตราบาปที่ไม่มีวันลบเลือนนั้นมีอยู่จริง     แต่คนที่รักคนอื่นไม่เป็นน่ะ  ไม่มีหรอกนะ...................    หาคำตอบให้ได้ล่ะ    แล้ววันนึง  เราจะได้พบกันอีกครั้ง   

    นั่นล่ะ  คำพูดสุดท้ายที่ผมได้ยินจากปากของเธอ  ........ผม....ฆ่าพี่สาวของตัวเอง......

     นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา   ผมก็ออกเดินทางเร่ร่อนไปเรื่อยๆ    ย้ายจากที่นึงไปยังอีกที่นึง   ..........  ทุกๆครั้งที่มีบาดแผลหนักจนเจียนตาย  ผมจะตื่นขึ้นพร้อมๆกับที่ไม่เหลือบาดแผลเลยซักรอย   เพื่อชดใช้บาปที่ได้ก่อลงไป  และหาคำตอบของสิ่งที่พี่  พูดทิ้งท้ายเอาไว้     บางอย่างบอกกับผมว่า  คุณจะสามารถทำให้ผมรู้คำตอบนั้นได้     .......แอร์แตนิเต้  .......................................................

    หลังจากที่เรื่องราวจบลงคนที่เล่าเป็นน้ำไหลไฟดับก็หลับลงอย่างง่ายดาย  อีกครั้งที่ลมหายใจของร่างสูงทอดยาวสม่ำเสมอ  แอร์แตนิเต้  ทอดสายตามองคนที่หลับไม่ได้สติด้วยสายตาเศร้าสร้อย

    ขอบคุณ   ขอโทษ  และก็ราตรีสวัสดิ์นะ   ..............ออดริค

    .....................................................................................................................................................................................

    แล้วการลำลึกความหลังของเลโอก็ต้องจบลง   เพราะคนที่ถูกรำลึกถึงดันเรียกขัดตาทัพซะก่อน

    เลโอ    มานี่เร็วๆเข้า   รีบๆเข้าแล้วก็ออกจากป่าเถอะ   รีบเดินทางก่อนที่มันจะมืดดีกว่า

    อ๊ะ..........   คร้าบบบบบบ!!!!!!!!!          เดี๋ยวๆ  พี่ออดริค  นี่มันป่าที่ผมกับพี่แอร์แตนิเต้ หลงอยู่ข้างในนี่นา   ไปทางอื่นไม่ได้เหรอ

    นี่พวกเราก็อยู่ในป่านั้นแหละ   เราเดินทางเข้าป่ามาตั้งหลายวันแล้วนะ    เพียงแต่ว่าจะไปหลงอยู่ส่วนไหนของป่าต่างหาก    มาเถอะ      ชายหนุ่มเดินนำทั้งหมดเข้าไปในส่วนที่เป็นป่าทึบ

    แหมๆ  พี่ออดริคเนี่ยล่ะก็............ เมื่อคืนพูดอะไรออกไปบ้างก็ไม่รู้  ทำเป็นเสียงเข้มเชียววันนี้

    อะไรของนายเลโอ  อย่ามากวนประสาทแถวนี้  เดี๋ยวพ่อฆ่าซะหรอก

    เพราะพิษไข้  ทำให้เผลอพูดสิ่งที่เก็บเอาไว้ในใจล่ะสิ

    เลโอ    นาย............

    พอเถอะทั้งสองคน  เลิกทะเลาะกันซักที   จะได้ผ่านป่านี้ไปเร็วๆ

    คร้าบบๆ

    เป็นเวลากว่าสามชั่วโมงที่พวกเขาเดินผ่านป่าทึบ   แต่กลับไม่พบสัตว์ประหลาด  หรือแม้แต่สัตว์ป่าซักตัวเลย    ชายหนุ่มที่รู้สึกถึงความประหลาดตั้งแต่เดินมาได้ชั่วโมงกว่าๆกลับไม่พูดอะไรเลย

    ในที่สุดความอดทนของผู้ร่วมเดินทางก็หมดลง   แอร์แตนิเต้  เปรยขึ้นมาอย่างเหลืออด

    นี่คุณ!  เราเดินเข้าป่ามาตั้งสามชั่วโมงแล้ว   แต่ไม่เห็นจะมีวี่แววสัตว์ซักตัวเลยนะ   คุณไม่แปลกใจอะไรเลยรึไง

    รู้สึกสิ     ผมรู้สึกแปลกใจมาตั้งนานแล้ว   เพียงแต่ไม่พูดเท่านั้นเอง       แต่นอกเหนือจากนั้น...........  กลิ่นพวกนี้.............

    กลิ่น?...............

    ใช่    กลิ่นของดอกไม้......................        มาจากทางนั้น    ชายหนุ่มชี้ไปทางป่าที่ดูรกชัดยิ่งกว่าบริเวณที่อยู่

    ที่นั่น....................

    อะไรบางอย่างกำลังรอพวกเขาอยู่…………………?!?!?!

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×