คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : Chapter 4 : Dark forest
Chapter 4 : Dark forest
เป็นเวลาดึกแล้ว... ขณะที่แสงดาวและแสงจากดวงจันทร์ส่องสว่างเกือบเต็มดวง ทั้งๆที่ตอนนี้เป็นปลายฤดูหนาว แต่ทว่าหญิงสาวที่พึ่งจะรู้สึกตัวกลับไม่รู้สึกถึงความหนาวเหน็บของมันเลย
“อืมม์” เสียงครางดังขึ้นมาจากร่างที่นอนอยู่ ทำให้ชายหนุ่มที่ตกอยู่ในภวังค์รู้สึกตัว แอร์แตร์นิเต้พยายามที่จะลุกอย่างยากเย็น เมื่อปรับสายตาให้ชินกับความสว่างแล้วก็พบว่าตนเองนั้นนอนอยู่บนกองฟาง ที่ถูกห่มด้วยเสื้อโค้ดตัวหนาของชายหนุ่ม ข้างๆตัวมีกองไฟที่ให้ความอบอุ่น แล้วก็มองเลยไปยังออดริคและเลโอ
แอร์แตนิเต้เห็นทั้งสองคนอยู่ในสภาพปกติก็รู้สึกโล่งใจ
‘นี่สินะ .........ที่ทำให้ความหนาวเหน็บจางหายไป ทั้งๆที่ไม่น่าจะรู้สึกอะไรแท้ๆ แต่ทำไมถึงได้รู้สึกถึงความอบอุ่นที่แผ่นซ่านมายังหัวใจได้นะ จะมีเวลาอีกนานไหมนะ ที่จะได้พบกับความสุขเหล่านี้’
“เอ่อ......... พี่แอร์แตนิเต้ครับ พี่ครับๆ ....................เฮ้ออออออ เป็นอะไรนะ! ทั้งคู่เลย เหม่อกันได้ตลอดศก นี่ถ้าเกิดเหม่อแบบนี้แล้วมีตัวอะไรแปลกๆมาหาเราอีกมิแย่หรือ นี่ผมว่าไม่ได้ยินพี่สองคนเถียงกันเหมือนขาดอะไรไปนะเนี่ย”
“บ่นเป็นคนแก่เชียวเลโอ มันจะอะไรกันนักกันหนากับแค่เหม่อ คนมันมีเรื่องให้คิดนะเฟร้ยยยย อีกอย่าง นายไม่เห็นเหรอว่าแอร์แตนิเต้พึ่งจะฟื้น จะให้ชั้นไปเถียงคนเจ็บทำซากอะไร”
“โอ๊ะ!!ๆ แหมๆ มีการเป็นห่วงเป็นใยแทนกันด้วยแฮะ แบบนี้มันน่าสงสัยนะเนี่ย”
“พอเลยเจ้าเด็กแก่แดด หนอย! ได้คืบจะเอาศอก ได้ศอกจะเอาวา หลังจากวาแกจะเอาอะไรอีกล่ะเนี่ย” ชายหนุ่มผลุนผลันลุกขึ้นมาวิ่งไล่จับกับเลโอเป็นการใหญ่
“มานี่เลย มาให้ชั้นเขกหัวนายซะดีๆเลโอเอ๋ย”
“อย่าน้าๆๆๆๆ พี่แอร์แตนิเต้ช่วยผมด้วยยยยยยยยยย”
“.............................................................”
เมื่อไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลยที่ท่านเรียก เหล่าผู้ถือสาย เอ๊ยยยยย.......!!!! ออดริคและเลโอต่างก็หยุดทำ
สงครามกันชั่วคราวและหันมาให้ความสนใจกับร่างบางที่นั่งเท้าคางตรงหน้า
“ไม่คิดบ้างเหรอว่าเลโอน่ะเป็นวิญญาณ แล้วนายจะไปเขกหัวเค้าได้ยังไง สมองซีกซ้าย ไม่สั่งการเหรอซินญอเรออดริค” หญิงสาวตอบด้วยสีหน้าเรียบฉยก่อนที่จะแอบลอบยิ้มเมื่อเห็นสีหน้าของผุ้ฟัง
“แต่ตอนนั้นผมเห็นคุณยังลูบหัวลูบหางกับเจ้าเลโออยู่เลยไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมคุณถึงทำได้ล่ะ ” ชายหนุ่มตอบแบบเอาสีข้างเข้าถู แต่กลับจี้โดนใจดำของหญิงสาวโดยไม่รุ้ตัว
เลโอรู้สึกได้ว่าบรรยากาศเป็นกันเองของเมื่อสักครู่หายวับไปกับตา
“ไปเดินเล่นข้างนอกก่อนนะ ไม่ต้องตามมา” หญิงสาวพูดได้แค่นั้นก็สะบัดตัวออกมาจากถ้ำ
....................................................................................................................................................
หญิงสาวจ้ำเดินด้วยโทสะที่พุ่งฉิวจนสมองตื้อไปหมด ก้อนสะอื้นแล่นขึ้นมาจุกอยู่ที่คอ แต่หญิงสาวกลับกลืนมันลงไปอย่างง่ายดาย
ชายหนุ่มที่แอบตามหญิงสาวมาสังเกตเห็นว่า ไม่นานนักที่อารมณ์โกรธกรุ่นของร่างบางจางหายไป แต่กลับกลายเป็นอาการเหม่อลอยอย่างน่าสงสัย
หญิงสาวมาหยุดยืนอยูที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ สายตาดูเหม่อลอยเคว้งคว้างอย่างบอกไม่ถูก ชายหนุ่มไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้เลยให้ตายสิ สัญชาตญาณมันบอกให้รู้ว่าภัยกำลังจะมาถึง
ชายหนุ่มถึงกับขนลุกเกรียวเมื่อสายลมเย็นยะเยือกพัดผ่าน เส้นผมสีดำขลับของหญิงสาวตรงหน้าปลิวสยายไปตามลม ดวงตาสีมรกตเบิกคว้าง บรรยากาศรอบตัวหนาวจนจะเป็นน้ำแข็ง
“เบนีมัว อยู่ตรงหน้าเราแล้ว............ เบนีมัว เมืองแห่งการขอพรและคำสาป...............!!!!!!!!!!” เสียงกระซิบแผ่วเบาของหญิวสาวหยุดลง เมื่อชายหนุ่มกระโจนออกจากที่ซ่อน เพื่อไปหาร่างบางตรงหน้า
ชายหนุ่มสาบานได้ว่า เมื่อครู่เขาเห็นดวงตาและสีผมของหญิงสาวเป็นสีเงิน!!!!!!!
“ออดริค!!!! คุณมาได้ยังไงน่ะ .........แล้วชั้นมาที่นี่ได้ยังไง” แอร์แตนิเต้เริมเมื่อเห็นสภาพแวดล้อมรอบกาย
“ก็คุณ............... ระวัง!!!!!!!” ออดริคช้อนร่างบางตรงหน้าหนีออกมาทันก่อนที่กระบองอันใหญ่จะฟาดลงมา
หญิงสาวมองลอดบ่าของชายหนุ่มที่เพิ่งช่วยเธอไว้หมาดๆก็พบว่าสิ่งที่ตั้งใจจะทำร้ายพวกเขาเมื่อครู่เป็นสิ่งมีชีวิตสูงสิบสองฟุต หัวล้าน ผิวสีเทาซีด ท่าทางโง่ๆของมันมีมากพอๆกับพละกำลัง
“โทรล์ภูเขา..........” หญิงสาวกระซิบกับตัวเองเพียงแผ่วเบา แต่กระนั้นคนที่อยู่ห่างกับเธอเพียงแค่ฟุตเดียวก็ยังได้ยินอยู่ดี
“อะไรนะ......มันคืออะไรน่ะ”
“หนีให้ได้ก่อนแล้วค่อยว่ากันทีหลังเถอะ” พูดจบหญิงสาวก็กระโดดตัวลงจากอ้อมแขนที่แบกเธอไว้เมื่อสักครุ่แล้วกึ่งลากกึ่งจูงชายหนุ่มไปอย่างรวดเร็ว
“.........เฮ้! นี่คุณกำลังชวนหนีอยู่หรือนี่ ดูถูกฝีมือกันไปหน่อยมั๊ย” ชายหนุ่มยักคิ้วเผล่ให้หญิงสาวแล้วย้อนหายไปทางเดิมอย่างรวดเร็ว
แอร์แตนิเต้วิ่งกลับไปทางเดิม แต่ทว่าต้นไม้รอบๆตัวนี่สิ กลับไม่เหมือนเดิมเลยซักนิด ทางเดิมที่หล่อนจากมาเป็นต้นไม้โปร่งไม่สูงมากนัก และขึ้นเรียงรายอย่างไม่แออัด แต่รอบๆตัวกลับกลายเป็นป่าทึบ แทบมองไม่เห็นแสงสว่างจากภายนอกเลย
ต้นไม้รอบๆตัวเหมือนจะค่อยๆขยับตัวเขาหากัน บังทางหนีทางออกมาจนมิด เหลือเพียงเส้นทางเดียวที่บังคับให้ผู้ที่ตกอยู่ในวงล้อมเลือกว่า จะอยู่ที่นี่ หรือจะเดินตามทางของพวกมันไป...........
แอร์แตนิเต้สาบานได้ว่าต้นไม้พวกนี้มีชีวิต..........!!!
หญิงสาวค่อยๆถอยหลังจนไปชนกับต้นไม้ต้นหนึ่งเข้า ท่ามกลางความมืดที่ค่อยๆปกคลุมลงมา เถาวัลย์ป่าค่อยๆคลืบคลามแฝงตัวกับความมืดมาตามพื้นดิน
เมื่อได้จังหวะ เถาวัลย์เหล่านั้นพยายามรัด ข้อเท้าของหญิงสาวให้ล้มลงไป แต่เถาวัลย์เหล่านั้นกลับแห้งเหี่ยวไปทันทีที่สัมผัสกับหญิงสาว เสียงกรีดร้องระงมไปทั่วความมืดมิดของป่าราวกับมีสิ่งมีชีวิตมากมายในนี้
เมื่อสังเกตว่าเถาวัลย์พวกนี้ไม่สามารถทำอันตรายใดๆให้กับเธอได้ แอร์แตนิเต้จึงตัดสินใจเดินตามเส้นทางที่ปรากฎขึ้นมา
ทุกย่างก้าวที่เดินผ่าน เหมือนกับถูกจับตามองตลอดเวลา
หญิงสาวรู้สึกเหมือนเห็นอะไรเคลื่อนไหวจากการสังเกตทางหางตา แต่ก็แสร้งทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เสียงซู่ซ่าราวกับใบไม้ขยับทำให้หญิงสาวสะดุ้งสุดตัว และพบว่าตนเองกำลังเผชิญหน้ากับนันดุ สิ่งมีชีวิตตามตำนานแห่งแอฟริกาตะวันออก ซึ่งเป็นที่ถกเถียงกันว่าน่าจะเป็นอันตรายที่สุดในโลก ลมหายใจของมันสามารถทำให้เกิดโรคร้ายแรงขนาดฆ่าคนได้ทั้งหมู่บ้าน
เสือดาวตัวมหึมานั้น เคลื่อนไหวได้เงียบกริบผิดกับรูปร่าง และมันกำลังย่างสามขุมมาทางหญิงสาว
พริบตาเดียวที่มันกระโจนมาทางหญิงสาว ดวงตาสีเหลืองทองของนันดุสบกับดวงตามรกตที่ลึกล้ำราวกับมหาสมุทร ลึกเข้าไปในนั้น ไม่มีแม้แต่ความหวาดกลัวในดวงตาคู่สวยแม้แต่นิดเดียว
ทันที่ที่กรงเล็บของมันแตะต้องผิวเนื้อของหญิงสาว หมายจะขยุ้มเหยื่อกลับรู้สึกถึงความเย็นยะเยียบที่แผ่ซ่านจากปลายกรงเล็บเข้ามาจนถึงกระดูก ในหัวมีแต่ภาพสีขาวโพลนเต็มไปหมด
นันดุล้มตึงลงไปที่พื้นดินชื้นแฉะ ส่งผลให้โคลนสาดกระจานเต็มพื้น ผู้ที่แอบเฝ้าดูอยู่เหมือนจะตะลึงหยุดอยู่กับที่ร่างใหญ่โตของเสือดาวยักษ์ถูกแช่แข็งอยู่ในน้ำแข็งได้รูปทรง ในท่าทางราวกับจะตะครุบเหยื่อ
ร่างบางกลับต้องสะดุ้งสุดตัวอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงเรียกชื่อตัวจากที่ไหนซักแห่งท่ามกลางป่าที่มืดมิดเช่นนี้
ร่างวิญญาณของเลโอ ส่องประกายเป็นสีเงินสว่างไสวท่ามกลางความมืดที่อยู่รอบตัว เด็กชายวิ่งมาหาหญิงสาวด้วยความดีใจ
“ในที่สุดก็หาเจอซักที พี่แอร์แตนิเต้ไม่เป็นอะไรใช่ไหม พี่ออดริคเค้าให้ผมมาตามหาพี่แน่ะ ไปกันเถอะครับเดี๋ยวพี่เค้าจะรอนาน”
“แล้ว.........โทรลล์ภูเขาตัวนั้นล่ะ”
“พี่ออดริคเค้าบอกว่าไม่ต้องเป็นห่วง ไว้เจอกันตรงถ้ำเดิม เค้าจัดการได้แน่ๆ”
เลโอพาหญิงสาวลัดเลาะตาทางไปมา ต้นไม้ที่ปิดทางให้แต่เดิม เหมือนจะเปิดทางให้ด้วยความยำเกรงกับเหตุการณ์ที่ผ่านไปเมื่อครู่
แสงสว่างเริ่มมีให้เห็นขึ้นมาเรื่อยๆตามแนวทางเดิน ก่อนที่จะสิ้นสุดจากทางเดิน หญิงสาวเหมือนจะได้ยินเสียงร่ำไห้แผ่วเบา คร่ำควรญมากับสายลม
“เราจะต้องได้พบกันอีกแน่นอน...........ชั้นสัญญา”
“หา?......... เธอว่าอะไรนะเลโอ”
“ผมไม่ได้พูดอะไรนี่ครับ”
“งะ.......งั้นหรือ ชั้นคงหูฝาดไปสินะ” หญิงสาวพูดพลางทัดผมไว้ที่หลังหู สายตาเหลือบแลไปยังชายป่าอีกครั้ง
.....................................................................................................................................................................................
เป็นเวลากว่าชั่วโมงที่หญิงสาวรออยู่ในถ้ำราวกับหนูติดจั่น แต่ก็ยังไม่เห็นวี่แววของชายหนุ่มที่จะกลับมาเลยสักครั้ง
ในที่สุด ความอดทนของร่างบางก็หมดลง แอร์แตนิเต้ ผลุนผลันออกจากถ้ำเพื่อตามหาตัวชายหนุ่มที่ช่วยชีวิตเธอไว้หลายครั้งหลายครา
เมื่อหญิงสาวเดินมาถึงทุ่งกว้างนั้นอีกครั้ง ก็พบกับร่างของโทรลล์ภูเขา
โทรลล์ตัวนั้นท่าทางจะโชคไม่ดีอย่างรุนแรง เมื่อหญิงสาวสังเกตุเห็นว่า มันถูกฟันขาดลงไปกลางกระหม่อมจนถึงกลางลำตัวเป็นความยาวกว่า ห้าฟุต!! และบาดแผลประปรายตามลำตัวของมัน
มองปราดเลยโทรล์ภูเขาไปอย่างลวกๆก็ไปสะดุดตากับร่างของชายหนุ่มที่นอนเหยียดยาวหันหลังให้ หญิงสาววิ่งปราดเข้าไปหาร่างนั้นอย่างรวดเร็ว ความรู้สึกเหมือนถูกกระตุกที่หัวใจแน่นหน้าอกเสียจนเจ็บ
ความกลัวและกระวนกระวายแล่นริ้วขึ้นมาจนสมองตื้อไปหมด ......... ไม่ได้กลัวกับสิ่งที่เห็น แต่กลัวว่า ชายหนุ่มตรงหน้าจะเป็นอะไรไปต่างหาก แอร์แตนิเต้ วิ่งปราดเข้าไปหาร่างสูงทันที
ร่างบางตะแคงหูแนบกับอกกว้างอย่างรวดเร็ว.............
และความกระวนกระวายใจก็ดับลงไปอย่างรวดเร็วเมื่อรับรู้ได้ถึงลมหายใจที่ถึงแม้จะแผ่วเบาก็ตาม หญิงสาวถอนหายใจด้วยความเหนื่อยอ่อย พลางคิดว่าจะทำอ่างไรกับร่างตรงหน้าดีหนอ
ความคิดเห็น