ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The legend of Banirmaure

    ลำดับตอนที่ #5 : Chapter 4 : Dark forest

    • อัปเดตล่าสุด 13 ส.ค. 50


    Chapter 4 :  Dark forest

     

    เป็นเวลาดึกแล้ว...   ขณะที่แสงดาวและแสงจากดวงจันทร์ส่องสว่างเกือบเต็มดวง  ทั้งๆที่ตอนนี้เป็นปลายฤดูหนาว  แต่ทว่าหญิงสาวที่พึ่งจะรู้สึกตัวกลับไม่รู้สึกถึงความหนาวเหน็บของมันเลย

    อืมม์   เสียงครางดังขึ้นมาจากร่างที่นอนอยู่        ทำให้ชายหนุ่มที่ตกอยู่ในภวังค์รู้สึกตัว    แอร์แตร์นิเต้พยายามที่จะลุกอย่างยากเย็น   เมื่อปรับสายตาให้ชินกับความสว่างแล้วก็พบว่าตนเองนั้นนอนอยู่บนกองฟาง    ที่ถูกห่มด้วยเสื้อโค้ดตัวหนาของชายหนุ่ม   ข้างๆตัวมีกองไฟที่ให้ความอบอุ่น  แล้วก็มองเลยไปยังออดริคและเลโอ

    แอร์แตนิเต้เห็นทั้งสองคนอยู่ในสภาพปกติก็รู้สึกโล่งใจ

     นี่สินะ  .........ที่ทำให้ความหนาวเหน็บจางหายไป       ทั้งๆที่ไม่น่าจะรู้สึกอะไรแท้ๆ   แต่ทำไมถึงได้รู้สึกถึงความอบอุ่นที่แผ่นซ่านมายังหัวใจได้นะ      จะมีเวลาอีกนานไหมนะ  ที่จะได้พบกับความสุขเหล่านี้ 

    เอ่อ.........  พี่แอร์แตนิเต้ครับ    พี่ครับๆ  ....................เฮ้ออออออ  เป็นอะไรนะ!  ทั้งคู่เลย     เหม่อกันได้ตลอดศก   นี่ถ้าเกิดเหม่อแบบนี้แล้วมีตัวอะไรแปลกๆมาหาเราอีกมิแย่หรือ    นี่ผมว่าไม่ได้ยินพี่สองคนเถียงกันเหมือนขาดอะไรไปนะเนี่ย  

    บ่นเป็นคนแก่เชียวเลโอ   มันจะอะไรกันนักกันหนากับแค่เหม่อ  คนมันมีเรื่องให้คิดนะเฟร้ยยยย   อีกอย่าง  นายไม่เห็นเหรอว่าแอร์แตนิเต้พึ่งจะฟื้น   จะให้ชั้นไปเถียงคนเจ็บทำซากอะไร

    โอ๊ะ!!   แหมๆ  มีการเป็นห่วงเป็นใยแทนกันด้วยแฮะ  แบบนี้มันน่าสงสัยนะเนี่ย

    พอเลยเจ้าเด็กแก่แดด   หนอย!  ได้คืบจะเอาศอก  ได้ศอกจะเอาวา  หลังจากวาแกจะเอาอะไรอีกล่ะเนี่ย  ชายหนุ่มผลุนผลันลุกขึ้นมาวิ่งไล่จับกับเลโอเป็นการใหญ่

    มานี่เลย    มาให้ชั้นเขกหัวนายซะดีๆเลโอเอ๋ย

    อย่าน้าๆๆๆๆ   พี่แอร์แตนิเต้ช่วยผมด้วยยยยยยยยยย

    .............................................................

    เมื่อไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลยที่ท่านเรียก  เหล่าผู้ถือสาย  เอ๊ยยยยย.......!!!!  ออดริคและเลโอต่างก็หยุดทำ
    สงครามกันชั่วคราวและหันมาให้ความสนใจกับร่างบางที่นั่งเท้าคางตรงหน้า

    ไม่คิดบ้างเหรอว่าเลโอน่ะเป็นวิญญาณ  แล้วนายจะไปเขกหัวเค้าได้ยังไง  สมองซีกซ้าย ไม่สั่งการเหรอซินญอเรออดริค  หญิงสาวตอบด้วยสีหน้าเรียบฉยก่อนที่จะแอบลอบยิ้มเมื่อเห็นสีหน้าของผุ้ฟัง

    แต่ตอนนั้นผมเห็นคุณยังลูบหัวลูบหางกับเจ้าเลโออยู่เลยไม่ใช่เหรอ     แล้วทำไมคุณถึงทำได้ล่ะ   ชายหนุ่มตอบแบบเอาสีข้างเข้าถู   แต่กลับจี้โดนใจดำของหญิงสาวโดยไม่รุ้ตัว

    เลโอรู้สึกได้ว่าบรรยากาศเป็นกันเองของเมื่อสักครู่หายวับไปกับตา  

    ไปเดินเล่นข้างนอกก่อนนะ  ไม่ต้องตามมา  หญิงสาวพูดได้แค่นั้นก็สะบัดตัวออกมาจากถ้ำ

     

    ....................................................................................................................................................

    หญิงสาวจ้ำเดินด้วยโทสะที่พุ่งฉิวจนสมองตื้อไปหมด   ก้อนสะอื้นแล่นขึ้นมาจุกอยู่ที่คอ  แต่หญิงสาวกลับกลืนมันลงไปอย่างง่ายดาย   

    ชายหนุ่มที่แอบตามหญิงสาวมาสังเกตเห็นว่า      ไม่นานนักที่อารมณ์โกรธกรุ่นของร่างบางจางหายไป    แต่กลับกลายเป็นอาการเหม่อลอยอย่างน่าสงสัย

    หญิงสาวมาหยุดยืนอยูที่ใต้ต้นไม้ใหญ่  สายตาดูเหม่อลอยเคว้งคว้างอย่างบอกไม่ถูก   ชายหนุ่มไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้เลยให้ตายสิ   สัญชาตญาณมันบอกให้รู้ว่าภัยกำลังจะมาถึง

    ชายหนุ่มถึงกับขนลุกเกรียวเมื่อสายลมเย็นยะเยือกพัดผ่าน   เส้นผมสีดำขลับของหญิงสาวตรงหน้าปลิวสยายไปตามลม  ดวงตาสีมรกตเบิกคว้าง   บรรยากาศรอบตัวหนาวจนจะเป็นน้ำแข็ง   

    เบนีมัว   อยู่ตรงหน้าเราแล้ว............    เบนีมัว  เมืองแห่งการขอพรและคำสาป...............!!!!!!!!!!”  เสียงกระซิบแผ่วเบาของหญิวสาวหยุดลง  เมื่อชายหนุ่มกระโจนออกจากที่ซ่อน  เพื่อไปหาร่างบางตรงหน้า

    ชายหนุ่มสาบานได้ว่า  เมื่อครู่เขาเห็นดวงตาและสีผมของหญิงสาวเป็นสีเงิน!!!!!!!

    ออดริค!!!!  คุณมาได้ยังไงน่ะ  .........แล้วชั้นมาที่นี่ได้ยังไง  แอร์แตนิเต้เริมเมื่อเห็นสภาพแวดล้อมรอบกาย

    ก็คุณ...............  ระวัง!!!!!!!”   ออดริคช้อนร่างบางตรงหน้าหนีออกมาทันก่อนที่กระบองอันใหญ่จะฟาดลงมา

    หญิงสาวมองลอดบ่าของชายหนุ่มที่เพิ่งช่วยเธอไว้หมาดๆก็พบว่าสิ่งที่ตั้งใจจะทำร้ายพวกเขาเมื่อครู่เป็นสิ่งมีชีวิตสูงสิบสองฟุต  หัวล้าน ผิวสีเทาซีด   ท่าทางโง่ๆของมันมีมากพอๆกับพละกำลัง

    โทรล์ภูเขา.......... หญิงสาวกระซิบกับตัวเองเพียงแผ่วเบา  แต่กระนั้นคนที่อยู่ห่างกับเธอเพียงแค่ฟุตเดียวก็ยังได้ยินอยู่ดี

    อะไรนะ......มันคืออะไรน่ะ

    หนีให้ได้ก่อนแล้วค่อยว่ากันทีหลังเถอะ  พูดจบหญิงสาวก็กระโดดตัวลงจากอ้อมแขนที่แบกเธอไว้เมื่อสักครุ่แล้วกึ่งลากกึ่งจูงชายหนุ่มไปอย่างรวดเร็ว

    .........เฮ้!  นี่คุณกำลังชวนหนีอยู่หรือนี่    ดูถูกฝีมือกันไปหน่อยมั๊ย ชายหนุ่มยักคิ้วเผล่ให้หญิงสาวแล้วย้อนหายไปทางเดิมอย่างรวดเร็ว

    แอร์แตนิเต้วิ่งกลับไปทางเดิม  แต่ทว่าต้นไม้รอบๆตัวนี่สิ  กลับไม่เหมือนเดิมเลยซักนิด   ทางเดิมที่หล่อนจากมาเป็นต้นไม้โปร่งไม่สูงมากนัก  และขึ้นเรียงรายอย่างไม่แออัด  แต่รอบๆตัวกลับกลายเป็นป่าทึบ  แทบมองไม่เห็นแสงสว่างจากภายนอกเลย

    ต้นไม้รอบๆตัวเหมือนจะค่อยๆขยับตัวเขาหากัน  บังทางหนีทางออกมาจนมิด  เหลือเพียงเส้นทางเดียวที่บังคับให้ผู้ที่ตกอยู่ในวงล้อมเลือกว่า  จะอยู่ที่นี่  หรือจะเดินตามทางของพวกมันไป...........

    แอร์แตนิเต้สาบานได้ว่าต้นไม้พวกนี้มีชีวิต..........!!!

    หญิงสาวค่อยๆถอยหลังจนไปชนกับต้นไม้ต้นหนึ่งเข้า  ท่ามกลางความมืดที่ค่อยๆปกคลุมลงมา     เถาวัลย์ป่าค่อยๆคลืบคลามแฝงตัวกับความมืดมาตามพื้นดิน

    เมื่อได้จังหวะ  เถาวัลย์เหล่านั้นพยายามรัด ข้อเท้าของหญิงสาวให้ล้มลงไป  แต่เถาวัลย์เหล่านั้นกลับแห้งเหี่ยวไปทันทีที่สัมผัสกับหญิงสาว  เสียงกรีดร้องระงมไปทั่วความมืดมิดของป่าราวกับมีสิ่งมีชีวิตมากมายในนี้

    เมื่อสังเกตว่าเถาวัลย์พวกนี้ไม่สามารถทำอันตรายใดๆให้กับเธอได้  แอร์แตนิเต้จึงตัดสินใจเดินตามเส้นทางที่ปรากฎขึ้นมา 

    ทุกย่างก้าวที่เดินผ่าน  เหมือนกับถูกจับตามองตลอดเวลา

    หญิงสาวรู้สึกเหมือนเห็นอะไรเคลื่อนไหวจากการสังเกตทางหางตา   แต่ก็แสร้งทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น  

    เสียงซู่ซ่าราวกับใบไม้ขยับทำให้หญิงสาวสะดุ้งสุดตัว  และพบว่าตนเองกำลังเผชิญหน้ากับนันดุ   สิ่งมีชีวิตตามตำนานแห่งแอฟริกาตะวันออก  ซึ่งเป็นที่ถกเถียงกันว่าน่าจะเป็นอันตรายที่สุดในโลก   ลมหายใจของมันสามารถทำให้เกิดโรคร้ายแรงขนาดฆ่าคนได้ทั้งหมู่บ้าน

    เสือดาวตัวมหึมานั้น  เคลื่อนไหวได้เงียบกริบผิดกับรูปร่าง   และมันกำลังย่างสามขุมมาทางหญิงสาว

    พริบตาเดียวที่มันกระโจนมาทางหญิงสาว   ดวงตาสีเหลืองทองของนันดุสบกับดวงตามรกตที่ลึกล้ำราวกับมหาสมุทร  ลึกเข้าไปในนั้น  ไม่มีแม้แต่ความหวาดกลัวในดวงตาคู่สวยแม้แต่นิดเดียว   

    ทันที่ที่กรงเล็บของมันแตะต้องผิวเนื้อของหญิงสาว  หมายจะขยุ้มเหยื่อกลับรู้สึกถึงความเย็นยะเยียบที่แผ่ซ่านจากปลายกรงเล็บเข้ามาจนถึงกระดูก    ในหัวมีแต่ภาพสีขาวโพลนเต็มไปหมด

    นันดุล้มตึงลงไปที่พื้นดินชื้นแฉะ  ส่งผลให้โคลนสาดกระจานเต็มพื้น  ผู้ที่แอบเฝ้าดูอยู่เหมือนจะตะลึงหยุดอยู่กับที่ร่างใหญ่โตของเสือดาวยักษ์ถูกแช่แข็งอยู่ในน้ำแข็งได้รูปทรง  ในท่าทางราวกับจะตะครุบเหยื่อ

    ร่างบางกลับต้องสะดุ้งสุดตัวอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงเรียกชื่อตัวจากที่ไหนซักแห่งท่ามกลางป่าที่มืดมิดเช่นนี้

    ร่างวิญญาณของเลโอ  ส่องประกายเป็นสีเงินสว่างไสวท่ามกลางความมืดที่อยู่รอบตัว  เด็กชายวิ่งมาหาหญิงสาวด้วยความดีใจ

    ในที่สุดก็หาเจอซักที   พี่แอร์แตนิเต้ไม่เป็นอะไรใช่ไหม   พี่ออดริคเค้าให้ผมมาตามหาพี่แน่ะ    ไปกันเถอะครับเดี๋ยวพี่เค้าจะรอนาน

    แล้ว.........โทรลล์ภูเขาตัวนั้นล่ะ

    พี่ออดริคเค้าบอกว่าไม่ต้องเป็นห่วง  ไว้เจอกันตรงถ้ำเดิม   เค้าจัดการได้แน่ๆ

    เลโอพาหญิงสาวลัดเลาะตาทางไปมา  ต้นไม้ที่ปิดทางให้แต่เดิม เหมือนจะเปิดทางให้ด้วยความยำเกรงกับเหตุการณ์ที่ผ่านไปเมื่อครู่  

    แสงสว่างเริ่มมีให้เห็นขึ้นมาเรื่อยๆตามแนวทางเดิน  ก่อนที่จะสิ้นสุดจากทางเดิน  หญิงสาวเหมือนจะได้ยินเสียงร่ำไห้แผ่วเบา  คร่ำควรญมากับสายลม

    เราจะต้องได้พบกันอีกแน่นอน...........ชั้นสัญญา

    หา?.........  เธอว่าอะไรนะเลโอ

    ผมไม่ได้พูดอะไรนี่ครับ

    งะ.......งั้นหรือ      ชั้นคงหูฝาดไปสินะ  หญิงสาวพูดพลางทัดผมไว้ที่หลังหู   สายตาเหลือบแลไปยังชายป่าอีกครั้ง

     

    .....................................................................................................................................................................................

    เป็นเวลากว่าชั่วโมงที่หญิงสาวรออยู่ในถ้ำราวกับหนูติดจั่น      แต่ก็ยังไม่เห็นวี่แววของชายหนุ่มที่จะกลับมาเลยสักครั้ง

    ในที่สุด  ความอดทนของร่างบางก็หมดลง   แอร์แตนิเต้  ผลุนผลันออกจากถ้ำเพื่อตามหาตัวชายหนุ่มที่ช่วยชีวิตเธอไว้หลายครั้งหลายครา    

    เมื่อหญิงสาวเดินมาถึงทุ่งกว้างนั้นอีกครั้ง   ก็พบกับร่างของโทรลล์ภูเขา

    โทรลล์ตัวนั้นท่าทางจะโชคไม่ดีอย่างรุนแรง  เมื่อหญิงสาวสังเกตุเห็นว่า  มันถูกฟันขาดลงไปกลางกระหม่อมจนถึงกลางลำตัวเป็นความยาวกว่า ห้าฟุต!! และบาดแผลประปรายตามลำตัวของมัน  

    มองปราดเลยโทรล์ภูเขาไปอย่างลวกๆก็ไปสะดุดตากับร่างของชายหนุ่มที่นอนเหยียดยาวหันหลังให้  หญิงสาววิ่งปราดเข้าไปหาร่างนั้นอย่างรวดเร็ว  ความรู้สึกเหมือนถูกกระตุกที่หัวใจแน่นหน้าอกเสียจนเจ็บ

    ความกลัวและกระวนกระวายแล่นริ้วขึ้นมาจนสมองตื้อไปหมด .........   ไม่ได้กลัวกับสิ่งที่เห็น  แต่กลัวว่า  ชายหนุ่มตรงหน้าจะเป็นอะไรไปต่างหาก  แอร์แตนิเต้  วิ่งปราดเข้าไปหาร่างสูงทันที  

    ร่างบางตะแคงหูแนบกับอกกว้างอย่างรวดเร็ว.............

    และความกระวนกระวายใจก็ดับลงไปอย่างรวดเร็วเมื่อรับรู้ได้ถึงลมหายใจที่ถึงแม้จะแผ่วเบาก็ตาม    หญิงสาวถอนหายใจด้วยความเหนื่อยอ่อย   พลางคิดว่าจะทำอ่างไรกับร่างตรงหน้าดีหนอ

    ................................................................................................................................................................................................
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×