คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Chapter 3 : The Abandoned Town & Sacrifice
Chapter 3 : The Abandoned Town & Sacrifice
“อือ.........” เสียงครางอย่างได้สติของชายหนุ่ม เมื่อการพยายามลืมตาด้วยความยากลำบากแล้ว ชายหนุ่มก็พบว่าตัวเองถูกล่ามโซ่มือและเท้าทั้งสองข้างไว้ติดกับผนัง ดาบและกริชที่ติดกายอยุ่เสมอก็หายไป ข้างๆกายคือหญิงสาวที่หลับไม่ได้สติอยู่ที่พื้น
“แอร์แตนิเต้....ๆ เฮ้! คุณ ตื่นซักทีสิ”
แต่หญิงสาวกลับไม่มีปฏิกริยาโต้ตอบใดๆเลย แต่เมื่อสังเกตุดูดีๆแล้ว หญิงสาวมีรอยแผลเหมือนถูกทุบด้วยของแข็งอยุ่เหนือคิ้ว น่าแปลก.................ที่บาดแผลนั้นกลับค่อยๆ จางหายไปทีละนิด
‘คุณเป็นใครกันแน่ แอร์แตนิเต้........’
เวลาผ่านไปได้สักครึ่งชั่วโมงได้ เมื่อเสียงเปิดประตูเปิดดังขึ้น พร้อมกับการมาถึงของเด็กหญิงคนเดิม ดวงตาเจ้าเล่ห์สีม่วงที่มองมามันช่างต่างกับคราวที่พบกันจริงๆ
“โอ๊ะ........โอ ท่านหญิงแห่งเบนีมัวยังไม่ตื่นอีกหรือนี่ แหม๊แหม! ไม่น่าเชื่อเลยว่าเวลาผ่านไปไม่กี่ปี แทนที่จะสะสมพลัง แต่กลับพลังถดถอยไปมากเลยนะนี่ ดูซิ แค่เวทมนต์สะกดชั้นกลางก็สลบเหมือดไปหลายชั่วโมงแล้ว.......”
“นี่! หนูน้อย.......เธอจับพวกเรามาทำไม”
“ถามได้ดีนะคะพี่ชาย แต่ว่าขอสงวนสิทธิ์ไม่ตอบนะ เอาล่ะ ในเมื่อเจ้าหญิงยังไม่ฟื้นก็คงต้องรอกันไปก่อนล่ะ” เด็กหญิงสะบัดหน้าเดินไปอย่างสนุกสนาน ด้วยท่วงท่าราวกับเด็กได้ของเล่น เมื่อประตูเหล็กหนาปิดลง และเสียงฝีเท้าค่อยๆเบาลงเรื่องๆแล้ว หญิงสาวก็ผุดลุกขึ้นมาทันที
“อะ.......อ้าว แอร์แตนิเต้ ตื่นแล้วเหรอ เป็นยังไงมั่งล่ะคุณ หลับสบายมั๊ย”
“บ้าเหรอ.........นี่มันไม่ใช่เวลามาล้อเล่นนะ รีบช่วยกันหาทางออกจากที่นี่กันเถอะ ก่อนที่จะถูกทำอะไรแปลกๆ”
“ทำอะไรแปลกๆของคุณน่ะหมายถึงอะไรล่ะ แอร์แตนิเต้”
“ก็อย่างเช่น เอาไปบูชายัญ เอาร่างไปเป็นหุ่นสต๊าฟอะไรประมาณนี้น่ะ” หญิงสาวพูดพลางพยายามถอดโซ่ที่ล่ามไว้ออก
“ฮ่าๆ คิดได้ยังไงน่ะคุณ ฮาชะมัดยาด สมองซีกขวาคุณท่าจะหยักอย่างรุนแรงนะเนี่ย ถึงได้คิดอะไรได้บรรเจิดขนาดนี้” ชายหนุ่มหัวเราะเสียดังลั่นห้องขัง
“เหรอ......... งั้นคุณพอจะมีคำอธิบายเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นมั๊ย?”
“ถ้ามีผมคงไม่ต้องถามคุณหรอก แต่ว่านะ โซ่นั่นน่ะ คุณจะเอามันออกได้รึไง ถึงได้พยายามดึงมันอยู่เนี่ย ดูซิ......... ข้อเท้าคุณแดงไปหมดแล้ว”
“แล้วจะให้ทำยังไงล่ะ........... ถ้ามัวแต่อยู่นิ่งๆ มีหวังคงเสร็จกันพอดี”
“แล้วเด็กคนนั้นมันอะไรกันล่ะนั่น........... รู้สึกว่าเค้าจะรู้จักคุณด้วยนะแอร์แตนิเต้”
“เด็กคนนั้นเป็นแม่มด ..............”
“หะ.........หา?”
“แม่มดยังไงล่ะ แต่ไม่ใช่พวกที่เรียนมาอย่างแม่มดหรอกนะ เป็นคนธรรมดาที่แอบฝึกเวทมนต์ต้องห้ามยังไงล่ะ คนที่ทำอย่างนั้นจะทำให้ร่างกายหยุดโตไป แล้วก็ต้องหาพลังงานชีวิตมาทดแทนเวทมนต์ที่ใช้ไปอยู่เรื่อยๆยังไงล่ะ และคุณ............ก็เป็นหนึ่งในพลังงานที่ว่าซะด้วยสิ”
“คุณรู้ได้ยังไ? หรือว่า............”
“ไม่ใช่ย่ะ ........................!! เลโอ! ตามหาพวกเราเจอได้ยังไงน่ะ”
“ผมตามหาพี่ทั้งสองคนซะมั่วหมู่บ้านเลย แต่ก็ไม่เจอ จนมาเห็นต่างหูของพี่แอร์แตนิเต้หล่นอยู่หน้าบ้านหลังนี้ ผมถึงได้ตามมาดูยังไงล่ะครับ”
“จริงสิ! เลโอ นายไปแอบสำรวจที่นี่ให้หน่อย อย่าให้ใครเห็นนะ หายตัวให้แนบเนียนหน่อยล่ะ แล้วก็ไปหาวิธีออกจากที่นี่มาอย่างด่วนเลยนะ”
“รับทราบครับ พี่ออดริค!”
“เดี๋ยว! เลโอ อย่าลืมหาทางสืบมาด้วยว่าคนในหมู่บ้านหายไปไหน แล้วก็หาทางช่วยให้ได้มากที่สุดนะ ................แล้วก็อย่าลืม......... ‘ย้อนกลับ’ มาด้วยล่ะ”
เด็กชายที่กำลังจะตั้งท่าหายไปกับกำแพงหันมายิ้มให้กับหญิงสาวที่สำทับขึ้นมา แล้วก็หายตัวไป
“เฮ้อ........ ดีนะที่เจ้าเลโอมันไม่ได้ถูกจับ ไม่งั้นคงซี้แหงแก๋ ว่าแต่.................คุณยังไม่ได้ตอบคำถามผมเลยนะว่าคุณรู้ได้ยังไงแอร์แตนิเต้............”
“................................. ดวงตาไงยังไงล่ะออดริค เด็กคนนั้นมีดวงตาสีม่วง สีของเวทมนต์ แล้วก็ดูจากการที่เธอพาตัวชั้นมาที่นี่ยังไงล่ะ”
“..................?”
“ก็.................หมายความว่า ตามปกติแล้ว คนที่แตะตัวชั้นมักจะตายลงอย่างไม่ทราบสาเหตุ ส่วนรายละเอียดคุณไม่จำเป็นต้องรู้ แต่ว่าเด็กคนนี้กลับพาชั้นมาได้โดยที่ไม่เป็นอะไรเลย”
“แล้วทำไมผมแตะตัวคุณแล้วถึงไม่เป็นอะไรเลย”
“เรื่องนั้นชั้นก็ไม่รู้เหมือนกันนั่นแหละ.................. ว่าทำไมคุณถึงไม่เป็นอะไรเลย”
“คุณเป็นใครกันแน่แอร์แตร์นิเต้ ............?” ชายหนุ่มถามหญิงวาวด้วยความพิศวง แต่ก่อนที่จะได้ตอบอะไร ประตูบานหนาก็เปิดขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับการมาถึงของเด็กหญิงคนเดิม
เด็กหญิงโน้มตัวลงถอนสายบัวอย่างงดงาม แต่เมื่อเงยหน้าขึ้น แอร์แตนิเต้ก็ต้องสบตากับดวงตาสีม่วงไร้ขอบเขตอีกครั้ง เด็กหญิงแสยะยิ้มอย่างน่ากลัวพร้อมๆกับกล่าวทักทาย
“สวัสดีค่ะ ท่านหญิงแอร์แตนิเต้.......... พอใจกับการต้อนรับของชั้นมั๊ยล่ะ นี่น่ะ VIP เลยนะ ก็รู้ๆกันอยู่ว่าไม่ค่อยจะมีใครที่ต้องลงเวทย์ไว้กับโซ่นั่นเลย คุณน่าจะรู้สึกเป็นเกียรตินะ.........หึ! ที่ในไม่ช้า ก็จะได้เป็นส่วนหนึ่งของร่างกายนี้แล้ว หึๆ อ้อจริงสิ ยังไม่ได้แนะนำตัวเลย .........เสียมารยาทต่อท่านหญิงจริงๆ ชั้น ‘เซซิล มอร์ทดาวิล’ ยินดีรับใช้ท่านหญิง ‘แอร์แตนิเต้ ดิเยอร์ เรอเวอนอง’
“ก่อนอื่นคงต้องขอให้ท่านหญิงตามมาก่อนแล้วล่ะ” เด็กหญิงยิ้มให้แอร์แตนิเต้พลางดีดนิ้ว ทันใดนั้นโซ่ที่พันธนาการข้อเท้าเอาไว้ก็หายไป แต่กลับปรากฏโซ่ที่ข้อมือแทนที่
“กันไว้ก่อนยังไงล่ะ นี่เป็นโซ่สะกดพลัง ทีนี้ก็หมดทางหนีอย่างไม่ต้องสงสัย...........หึหึหึ” พูดจบเด็กหญิงก็เดินนำแอร์แตนิเต้หายเข้าไปจากประตูบานหนานั้น
“เซซิล เธอมีจุดประสงค์อะไรกันแน่ ตามความเป็นจริงแล้วเธอไม่สามารถดูดเอาพลังงานชีวิตจากชั้นได้อยู่แล้วนี่ แล้วเธอจะจับชั้นมาทำไม”
“...................เดี๋ยวก็ได้รู้................................” เด็กหญิงหันมาแสยะยิ้มให้ แล้วก็หันหลังเดินนำต่อไปโดยไม่ได้หันไปสนใจดวงตาสีมรกตที่กำลังครุ่นคิดอย่างหนัก
‘เราจะหาทางหนียังไงดีนะ’ แอร์แตนิเต้ได้แต่คิดอยู่ในใจ และแล้วสายตาก็หันไปเจอกับใครคนหนึ่ง เธอส่งสัญญาณทางสายตาด้วยความดีใจ โอกาสหนีของเธอกับชายหนุ่มคงไม่ยากนักหรอก..........
“นี่! มองอะไรอยู่” เด็กหญงผมแดงเอี้ยวตัวมาถามด้วยสายตาจับผิด
“ปะ.....เปล่าหรอก เพียงแต่ว่าหุ่นตัวนี้น่าสนใจดีน่ะ เหมือนคนจริงๆเลย”
“หึๆ ก็คนจริงๆไงล่ะ คนที่ถูกชั้นดูดพลังไว้ ดูเสร็จรึยังล่ะ จะได้เดินต่อ”
“อืม......เสร็จแล้ว” แอร์แตนิเต้ตอบพลางฝืนยิ้มเต็มที่ ในใจก็นึกเพียงว่า ‘อย่าให้หลุดไปได้ละกัน ยัยเด็กแก่แดด’
ทั้งสองคนเดินผ่านทางเดิน ประตู แล้วเดินขึ้นลงบันได ผ่านช่องทางหลายต่อหลายครั้ง แทบจะนับได้ว่าเป็นเขาวงกตขนาดย่อมเลยทีเดียว แอร์แตนิเต้สังเกตุได้ว่า ทางเดินที่เธอเดินผ่านนั้นค่อยๆมืดแสงลงทุกที จนในที่สุด เด็กหญิงด้านหน้าก็มาหยุดอยู่ที่ประตูไม้ฮอกกานีสลักเสลาด้วยลายวิจิตรบานหนา หญิงสาวได้กลิ่นธูปหอมและควันไฟจากในห้องนั้น แล้วประตูก็เปิดขึ้นทีละนิด
................................................................................................................................................................................
เวลาผ่านไปพียงแค่ครึ่งชั่วโมง แต่สำหรับชายหนุ่มที่ต้องรออย่างกระวนกระวายแล้วมันเหมือนกับผ่านไปเนิ่นนานเลยทีเดียว สักพักชายหนุ่มก็สังเกตุเห็นว่าเลโอมาถึงแล้ว
“ได้เรื่องว่ายังไงบ้างเลโอ” ชายหนุ่มถามอย่างร้อนใจ
“คืองี้ครับพี่ออดริค ยัยแม่มดนั่นจับคนในหมูบ้านไปเพื่อดูดเอาพลังงานชีวิตแล้วก็สต๊าฟกลายเป็นหุ่นเก็บไว้ในห้องใต้ดินที่อยู่ลึกมากๆจนผมเกือบหลงทางแน่ะ ยังดีที่ผมเจอกับพี่แอร์แตนิเต้ระหว่างทาง........... ต้องขอบคุณพี่เค้าจริงๆที่บอกวิธีแก้คำสาปให้ผมก่อนหน้านั้น ผมเลยช่วยทุกคนในหมู่บ้านได้แล้ว เพียงแต่พวกเค้าต้องหาทางออกจากปราสาทเองเนี่ยแหละ”
“วิธีแก้คำสาป.............?งั้นเหรอ อะไรน่ะเลโอ”
“ก็ ‘ย้อนกลับ’ ไงล่ะครับ ผมไปเจอห้องใต้ดินพร้อมกับคาถาประหลาดๆที่น่าจะใช้สะกดพลังและก็สะกดวิญญาณของพวกชาวบ้านไว้ ผมก็เลยฉุกคิดถึงคำพูดของพี่เค้าว่า “ย้อนกลับ” แล้วก็อ่านคาถาแบบภาษาอังกฤษย้อนกลับดู ปรากฏว่าคาถาคลาย ตอนนี้พี่เค้าคงกำลังจัดการกับยายแม่มดนั้นอยู่ล่ะมั้ง” เลโอยืดอกพูดด้วยความภูมิใจในที่ตัวเองดูเหมือนจะมีประโยชน์กับเค้าบ้าง โดยไม่ได้สังเกตุเลยว่าชายหนุ่มมีสีหน้าซีดลงทุกครั้งที่ฟัง
“ว่าไงนะ!!!!!! นายจะบ้าเหรอเลโอ จัดการอะไร แอร์แตนิเต้เค้าโดนล่ามโซ่สะกดพลังอยู่ รีบหาทางเอาชั้นออกไปเร็วเข้า ก่อนที่มันจะสายเกินไป
......................................................................................................................................................................................................
ขณะเดียวกัน...............อีกด้านหนึ่งของเมือง หญิงสาวก็ต้องเผชิญหน้ากับปัญหาหนักเลยทีเดียว โซ่สะกดพลังนั้นถูกปลดแล้วก็จริง แต่หญิงสาวกลับถูกดูดพลังเวทย์ไปพอสมควรเลยทีเดียว
“หมดน้ำยาแล้วหรือคะท่านหญิงแห่งเบนีมัว แหมไม่นึกว่าผู้ที่มีวิญญาณของเจ้าหญิงหิมะแห่งเบนีมัวสิงสถิตอยู่จะมีน้ำยาเพียงแค่นี้” เด็กหญิงผมพองฟูกล่าวเยาะเย้ยกับร่างบอบบางที่อยู่แทบเท้า
“อย่าเพิ่งดีใจไปเลยเซซิล เวทย์ของเจ้าที่สะกดพลังของชั้นก็คงอยู่ได้ไม่นานหรอก” แอร์แตร์นิเต้เงยหน้ามาพูดกับเซซิลด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มถึงแม้จะดูซีดเซียวก็ตามที
ทันใดนั้น ห้องโถงที่กว้างขวางแลดูมั่นคงนั้นกลับสั่นไหวราวกับจะพังครืนลงมา เซซิลถึงกับสะดุ้งเฮือกกับความรู้สึกเปลี่ยนแปลงภายในร่างกาย
“ดูเหมือนว่าการพยายามใช้พลังเวทย์สะกดพลังชั้นไว้จะทำให้แบตเตอร์รี่ที่มีขีดไม่เต็มจะถูกใช้ไปจนหมดนะ”
“แก.......... แกทำอะไรกับคนพวกนั้นนะ บอกมาว่าแกปล่อยพวกเค้าไปได้ยังไง
.“ ดูเหมือนว่าความโกรธแค้นจะทำให้อาการเสแสร้งของเด็กหญิงหายไป แม้แต่สรรพนามที่ใช้เรียกก็เปลี่ยนไปด้วย พลังเวทย์ที่สะกดพลังของแอร์แตร์นิเต้สลายไปแล้ว
วงแหวนเวทสีแดงราวกับโลหิต ปรากฏอยู่รอบๆร่างกายของแอร์แตนิเต้ ก่อนที่ร่างกายของหญิงสาวจะส่องแสงเรืองรองจนทำให้คนที่มองอยู่รู้สึกตาพราไปชั่วขณะหนึ่ง
............. กรี้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!! เสียงหวีดร้องดังก้องทั่วไปทั้งห้องโถงกว้างเมื่อผู้ที่ปรากฏตรงหน้าเด็กหญิงไม่ใช่หญิงสาวผมดำขลับนัยน์ตาสีมรกตเม็ดโต แต่กลับเป็นหญิงสาวที่แลดูสวยอย่างเลือดเย็น เส้นผมและดวงตาเป็นสีขาวใสมีประกายงดงามราวกับน้ำแข็งที่จับต้องไม่ได้
นั่นเป็นภาพสุดท้ายที่เซซิลได้เห็นก่อนที่ทุกอย่างจะขาวโพลนไปหมด
....................................................................................................................................................................................................
เมื่อชายหนุ่มมาถึงห้องโถงตามการนำทางของเลโอก็พบเพียงแต่หญิงสาวนอนสลบอยู่ใจกลางห้องโถงใหญ่หน้าแท่นประกอบพิธีกรรม เยื้องไปไม่ไกลคือซากร่างแห้งเหี่ยวที่ยังดูร้อนกรุ่นอยู่เพราะมีไอโชยขึ้นมาเป็นระยะ เพดานสูงและเสาต้นใหญ่สั่นคลอน พร้อมที่จะถล่มในไม่ช้า
ชายหนุ่มรีบวิ่งไปประคองอุ้มหญิงสาวที่ไม่ได้สติขึ้นมา เมื่อเข้าไปใกล้กลับทำให้รู้ว่าไอที่พวยพุ่งมาจากซากนั้นไม่ใช่ไอความร้อนแต่เป็นความเย็นยะเยือกต่างหาก แต่ทว่า......... สถาพแวดล้อมในตอนนี้ไม่เอื้ออำนวยให้สงสัยหรือหาข้อมูลเกี่ยวกับหญิงสาวในอ้อมแขนมากนัก ชายหนุ่มจึงตัดใจอุ้มหญิงสาวลัดเลาะมาตามทางเดิมพร้อมกับเลโอ
ระหว่างทางที่ต้องอุ้มหญิงสาวไว้แนบกับกาย ชายหนุ่มกลับไม่ได้ยินหรือรู้สึกถึงชีพรจรของการมีชีวิตอยู่ทั้งๆที่ยังมีลมหายใจในตัวหญิงสาว นั่น..........เป็นอีกหนึ่งในปริศนาในตัวของหญิงสาวที่เขาไม่มีวันเข้าใจ
“คุณเป็นใครกันแน่แอร์นิเต้” ชายหนุ่มรำพันกับร่างในอ้อมแขน
ไม่มีคำตอบใดๆเล็ดลอดออกมา แต่ทว่าร่างเล็กที่จมลงสู่ห้วงนิทรากลับมีประกายรื้นที่หางตา
.................
ขอโทษที่ดองนานไปหน่อยนะค๊า
ช่วยเม้นหน่อยน๊า
ความคิดเห็น