ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The legend of Banirmaure

    ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 1 : Meeting

    • อัปเดตล่าสุด 11 มิ.ย. 50


    “...นี่ไม่ใช่เรื่องราวระหว่างเจ้าหญิงและเจ้าชาย

    ...ไม่ใช่เรื่องเมื่อกาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว

    ทว่ามันก็เป็นเรื่องซึ่งเกิดขึ้นยังดินแดนที่ไม่ปรากฏอยู่บนแผนที่โลก อาณาจักรเล็กๆ ซึ่งผู้คนละเลยไม่ให้ความสนใจ ประหนึ่งเป็นเพียงตำนานเล่าขานถึงสถานที่ที่ไม่มีอยู่จริง...

    ปี 1972 ท่ามกลางฝูงชนที่พลุกพล่าน  สตรีร่างแบบบางในชุดสีขาวขยับตัวอย่างอึดอัดท่ามกลางฝูงชน  ชายหนุ่มหลายคนในชุดสูทและชุดของผู้ใช้แรงงานเดินผ่านหญิงสาวแล้วก็แทบจะเหลียวหลังกันทุกคน  หญิงสาวเดินผ่านผู้คนอย่างระมัดระวังไม่ให้ถูกตัวมากที่สุด  โดยมีชุดเฟลอร์หนากันไว้อีกชั้น 


                   
    แม่คร้าบบบบบบบ!!!!!!!!!!!!!” ผมล้างจานเสร็จแล้วขอไปเล่นกับอลันนะคร้าบบบบบ  เด็กชายวัย 8 ปีตะโกนป้องปากบอกมารดาจากหน้าร้านอาหารเล็กๆ  แล้ววิ่งจูงมือไปกับเด็กชายอีกคนพลางชวนกันคุยไประหว่างทาง


                “
    นี่ๆแมทธิว  เมื่อวันก่อนพี่เฮเลนน่าเล่านิทานให้ฉันฟังด้วยล่ะว่าที่หอคอยทิศตะวันตกในดินแดนแห่งวิญญาณมีตำนานเกี่ยวกับแม่มดที่จะให้พรกับคนที่สามารถหาของวิเศษของนางเจอได้ด้วยล่ะ  ฉันอยากให้พี่เฮเลนน่าหายป่วยไวๆจังเลย   พี่น่ะป่วยมาตลอดตั้งแต่ฉันยังเด็ก  แต่ถึงอย่างนั้นพี่ก็มักจะฝืนเล่นกับฉันด้วยท่าทีเหมือนหายดีจนอาการทรุดอยู่ตลอดเลยล่ะ  เด็กชายตอบเพื่อนด้วยสีหน้าและแววตาที่เศร้าสร้อย


                      รอยยิ้มอย่างอ่อนโยนระบายอยู่บนเรียวปากของหญิงสาว  เธอเดินเหม่อตามเด็กชายสองคนไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงชายป่าร็อควู้ด
      ที่ๆเคยพบกับเหตุการณ์ที่น่าสลดมาแล้วครั้งหนึ่ง  เมื่อนึกถึงเรื่องนี้  สีหน้าของหญิงสาวก็เศร้าสลดขึ้นมาทันที  พอตื่นจากภวังค์อีกที  เด็กน้อยสองคนนั้นก็หายลับไปจากสายตาเสียแล้ว


                   พลันชายเสื้อคลุมตัวยาวก็ถูกกระชากอย่างรุนแรง  จนร่างบางเซไปปะทะกับโคนต้นสน  พอเงยหน้าขึ้นมาก็สบกับแววตาหื่นกระหายของชายฉกรรจ์คนหนึ่ง  ในวินาทีที่ดวงตาเต็มไปด้วยแววตื่นตระหนก  หญิงสาวตกใจกรีดร้องสุดเสียง  อีกเพียงไม่กี่นิ้วชายคนนั้นกำลังจะสัมผัสโดนตัวเธอแล้ว  พลันร่างของชายฉกรรจ์ก็ลอยเซไปอีกด้าน


                     คมดาบวาวจี้อยู่ที่คอหอยของชายฉกรรจ์  ชายฉกรรจ์พยายามกลืนก้อนแข็งที่จุกอยู่ที่คออย่างยากเย็นเมื่อเงยหน้าขึ้นก็ปะทะกับดวงตาสีชาที่เยียบเย็นราวน้ำแข็ง


               “
    ไปได้แล้ว!!  แล้วอย่าให้ชั้นเห็นนายอีกนะ

         
                     ชายหนุ่มสะบัดปลายดาบออกจากคอของชายฉกรรจ์  เพียงเล็กน้อย  ชายฉกรรจ์  รีบถอยกรูดลุกหนีไปอย่างรวดเร็ว

     
                   เมื่อหญิงสาวเริ่มได้สติก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก
    โชคดีที่คราวนี้ไม่ต้องมีใครตายเพราะเรา     แต่คงจะต้องระวังให้มากกว่านี้นะเนี่ย  


                      แต่ชายหนุ่มตีอากัปกิริยานั้นไปในอีกทางหนึ่ง


                “
    ผมว่าคุณควรจะรีบออกจากชายป่า   ไปในที่ๆมีคนมากๆจะดีกว่านะ   แล้วอย่าไปไหนคนเดียวมืดๆล่ะ  มันอันตราย  โดยเฉพาะกับคุณ  ชายหนุ่มชายตามองปราดไปยังชุดสีขาวล้วนอย่างเย็นชา ผมว่าคุณแต่งตัวเด่นเกินไปสำหรับจะเดินในที่แบบนี้นะ


                      หญิงสาวที่กำลังจะอ้าปากขอบคุณหุบปากฉับลงทันที  
    ขอบคุณที่ช่วย   แต่ชั้นก็ขอแนะนำคุณอีกข้อนึงเหมือนกัน  ถ้าคุณหุบปากไว้ก็จะดีมากเลยนะ  มันทำให้คุณดูดีขึ้นเยอะเชียวล่ะ


                 “
    นี่คุณ!!!!  ผมช่วยคุณไว้นะ  ชายหนุ่มโมโหจัด     ชิ  ช่วยไว้ก็ดีเท่าไหร่แล้วแม่คุณ  ยังจะปากเสียอีก  น่าจะปล่อยทิ้งไว้ให้เข็ด  คิดไปก็สาวเท้าก้าวฉับไปที่หญิงสาวตัวการแล้วกระชากมือขึ้นมาทันที


                    ด้วยสัญชาตญาณ  หญิงสาวรีบสะบัดมือออกทันที  แต่ก็ไม่เป็นผล  ใบหน้าขาวเรียวทั้งซีดทั้งตกใจ ทั้งดิ้นทั้งร้องอย่างสุดเสียง 
    ปล่อยนะ   อย่ามาถูกต้องตัวชั้นนะ  เดี๋ยวก็ได้ตายกันพอดี


               “
    นี่คุณ  ตั้งสติให้ดีสิ  จะบ้าเหรอไง  จะตายได้ยังไงแค่โดนตัวแค่นี้ 


                     คำพูดของชายหนุ่มทำให้หญิงสาวได้สติ  พลางหยุดดิ้น ดวงตาสีมรกตสบดวงตาสีชาด้วยความตระหนก   
    นี่คุณไม่ได้เป็นอะไรเลยหรือ  เป็นไปได้ยังไง


                “
    หึ!  อะไรกันคุณ  แค่โดนตัวกันมันคงไม่ถึงตายหรอกนะ     ..................เอ๊ะ  หรือว่า.......  ชายหนุ่มคิดได้พลางหน้าซีดมองหน้าหญิงสาวอย่างตื่นตระหนก   คุณเองก็......เหมือนกันสินะ


                “
    เหมือน.......?  หญิงสาวเลิกคิ้วเป็นเชิงถามชายหนุ่ม  อะไรหรือที่เหมือนน่ะ?


                “
    ช่างมันเถอะคุณ ชายหนุ่มสะบัดหน้าออกและเดิมไปหยุดอยู่ที่ต้นไม้ที่อยู่ข้างๆ


                     หญิงสาวมองชายหนุ่มด้วยสายตาที่สื่อประกายบางอย่าง  พร้อมกับเดินไปหาและยื่นมือไปให้
      เมื่อกี้ขอบคุณนะที่ช่วยไว้.......   ชั้นแอร์แตนิเต้  ยินที่ที่ได้รู้จัก  หญิงสาวส่งยิ้มจริงใจไปให้


                  “
    .................ออดริค


                    เงียบกันไปสักพักหนี่ง    ชายหนุ่ม ก็เป็นคนเริ่มบทสนทนาขึ้นอีกครั้ง
    คุณดูไม่ใช่คนแถวนี้เลยนะ    ผมว่าผมไม่เคยเห็นคุณที่ชายป่านี้มาก่อน


               “
    ชั้นเป็นคนที่นี่แหละ  อยู่มานานแล้ว......หลายปีทีเดียวล่ะ   คุณล่ะ?


               “
    ผมเดินทางไปเรื่อยๆ   ไม่มีจุดหมายปลายทางหรอก   ...............................เย็นแล้วบ้านคุณอยู่ไหน  จะไปส่ง


                     หญิงสาวอึกอักไม่กล้าตอบสักเท่าไหร่   ได้แต่ตอบชายหนุ่มไปแค่คำเดียวว่า
    ไกลน่ะ.........


                     ชายหนุ่มไม่ตอบอะไรเพียงแต่เลิกคิ้วเป็นเชิงคำถาม   หญิงสาวเห็นดังนั้นก็ชี้ไปทางชายป่าร็อควู้ดทางด้านเหนือ


               “
    ไกลไม่ใช่เล่น  แล้วคุณมาเล่นอะไรแถวนี้ล่ะ


               “
    ไม่รู้สิ  ขามันเดินมาเอง.....


                   ได้ยินคำตอบแบบนี้ชายหนุ่มก็ได้แต่  ยิ้มเยาะตัวเองแล้วพ่นหายใจอย่างสุดจะทน  
    ตามผมมา.......มันใกล้มืดแล้ว  คงไม่ได้กลับไปถึงบ้านคุณง่ายๆหรอก   พักที่กระท่อมที่ชายป่าที่ผมพักอยุ่สักคืนแล้วกัน   พรุ่งนี้จะไปส่ง


                    หญิงสาวไม่ได้ตอบออดริคเพียงแต่เดินตามไปอย่างเงียบๆ
      เพราะรู้ว่าเถียงไปก็ไม่มีประโยชน์   ได้แต่ส่งสายตาไม่พอใจอยู่เงียบๆ


                 “
    รับรองไม่เอาไปขายหรอก  ชายหนุ่มพูดไล่หลังมาอย่างขันๆ


                 ‘
    ชิ! ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่ยะหญิงสาวได้แต่นึกสบถอยู่ในใจ  แต่ก็ยอมเดินตามชายหนุ่มไปโดยดี


                     และแล้วก็เป็นอันจบหนึ่งวันที่วุ่นวายของคน
    2 คน

    ................................................................................................................................................

               
                 “
    ตกลงบ้านคุณอยู่ไหนกันแน่เนี่ย    ผมเดินเข้ามาในป่าตั้งนานแล้วนะเนี่ย   มันจะลึกไปถึงไหนไม่ทราบ  ชายหนุ่มบ่นยาวเป็นหางว่าวหลังจากที่ต้องเดิมตามชายป่าเข้ามาลึกเกือบ 2 ชม.

                 
                   
    แอร์แตนิเต้ได้ยินดังนั้นก็เงียบลงและหยุดเดินทันที   ไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมานอกจากเสียงกระซิบแผ่วเบา
    ขอโทษนะ....ความจริงชั้นน่ะไม่มีบ้านหรอก      แล้วหญิงสาวก็หันหลังกลับแล้วก็วิ่งหนีไปทันที

                   
                     
    ทางด้านชายหนุ่มที่ยังงงเป็นไก่ตาแตก   ก็ได้แต่ยืนกระพริบตาถี่ๆ  ก่อนที่จะได้สติร้องเรียกหญิงสาวที่วิ่งขึ้นนำไปก่อนแล้ว


                 “
    เฮ้!   นี่คุณ!!!!!!  แอร์ตนิเต้   เฮ้!!!!  หมายความว่ายังไง   หยุดก่อนซี่..................  ออดริควิ่งตามมาได้ซักพักก็ต้องหยุดเพราะหญิงสาวได้หายไปจากสายตาซะแล้ว    ชายหนุ่มลองเดินไปได้สักพักก็พบกับหญิงสาวที่ยืนโดดเดี่ยวอยู่คนเดียวท่ามกลางหิมะที่ตกลงมา  

                   
                    
    ผมสีดำยาวหยักศก ดูโดดเด่นออกมาจากอาภรณ์แล้วสภาพแวดล้อมสีขาวบริสุทธิ์
       ดูงดงามราวกับภาพวาด.........ภาพวาดของเจ้าหญิงหิมะ          ชายหนุ่มไม่สามารถเห็นสีหน้าของหญิงสาวได้   จึงพยายามที่จะเดินเข้าไปใกล้

     
                   
    เมื่อก้าวเข้าไปใกล้ๆก็ต้องหยุดชะงักเพราะหญิงสาวเอ่ยปากพูดขึ้นมาว่า

     
                  
    ออดริค   คุณเองก็คงจะมีความลับบางอย่างเหมือนกันใช่ไหม.........   จะเป็นไรไหมถ้าชั้นเองก็มีความลับที่บอกคุณไม่ได้      บางครั้งสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวคุณ    มันคงไม่ใช่สิ่งที่คุณปรารถนา..........   ชั้นน่ะไม่อยากกลับไปที่ๆคุณเรียกมันว่าบ้านหรอกนะ    มันไม่ใช่บ้าน  แต่เป็นสถานที่จองจำต่างหาก

                   
             
    ..................................................................................................................................................................


    เพิ่มความยาวให้แล้วค่า

    ชวยกันเม้น  ช่วยกันโหวตให้ด้วยนะ

              
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×