คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : ตอนที่ 9
หัวหิน
ทุกคนออกเดินทางก่อนเวลาเลิกงานสองชั่วโมง ชโยดมทำหน้าที่พลขับพาชมพูนุชและญาดาไปด้วยรถส่วนตัวของตนเอง ระหว่างทางชมพูนุชชวนญาดาพูดคุย โดยมีท่านประธานหนุ่มร่วมในบทสนทนานั้นตลอดทาง ท่าทีของทุกคนผ่อนคลายโดยเฉพาะความสนิทสนมของญาดากับชมพูนุชที่มีมากขึ้นเรื่อยๆ
ชโยดมเลือกที่จะแวะไปที่ห้างสรรพสินค้าที่ก่อสร้างเสร็จและเหลือตกแต่งอีกเพียงเล็กน้อยก็สามารถเปิดให้บริการได้แล้ว ท่านประธานหนุ่มใช้เวลาเพียงสองชั่วโมงตรวจงานโดยละเอียดเป็นครั้งสุดท้าย
ก่อนจะส่งมอบงานที่เหลืออีกเพียงบางส่วนให้ผู้ที่มีหน้าที่ รับผิดชอบดูแลต่อ เท่ากับว่าการทำงานจริงๆ เสร็จสิ้นลงเพียงแค่นี้ ที่เหลือคือเรื่องของเขากับญาดาเท่านั้น
ดึกมาแล้วทุกคนแยกย้ายกันเข้าที่พักตามอัธยาศัย ความจริงแล้วญาดาและชมพูนุชต้องพักห้องเดียวกันตามที่ตกลงกันไว้
แต่เนื่องจากชโยดมแอบไปจองบ้านพักริมทะเลซึ่งอยู่ไม่ไกลจาก โรงแรมไว้ หวังจะใช้เป็นสถานที่สุดโรแมนติกเพื่อขอญาดาแต่งงาน ทำให้ชมพูนุชต้องหาทางวางแผนให้ทุกอย่างเป็นไปตามที่ท่านประธานหนุ่มต้องการ
เมื่อเข้าที่พักเรียบร้อยเขาโทรศัพท์ตามชมพูนุชให้ออกมาพบ เพื่อบอกแผนการที่เตรียมเอาไว้ให้หญิงสาวรู้ ทั้งคู่หลบเข้ามาคุยใน ห้องพักของชโยดมซึ่งอยู่ถัดจากห้องพักของสาวน้อย
“ตามนี้นะครับ คุณนุช”
ชโยดมเล่าแผนการที่คิดไว้มาแต่แรกให้หญิงสาวฟัง ชมพูนุช พยักหน้ารับทราบและคิดหาทางว่าจะทำอย่างไรดี
“พรุ่งนี้หลังเลี้ยงข้าวเย็นดีไหมคะ นุชจะทำเป็นว่าชวนคุณญาดาไปเดินเล่น”
“ถ้างั้นพอกินข้าวไปสักพัก ผมจะหลบออกไปก่อน คุณนุชจะพาญาดาไปตอนไหนก็โทรศัพท์บอกดีไหมครับ”
“ได้ค่ะ แล้วช่วงกลางวันล่ะคะ คุณใหญ่มีโปรแกรมอย่างไร”
“ผมคิดว่าอยากจะชวนญาดาไปเที่ยว”
“นุชไม่ไปนะคะขออยู่ที่โรงแรมดีกว่า อีกอย่างคุณสองคนจะได้มีเวลาส่วนตัวโดยไม่มีคนอื่น เดี๋ยวนุชจะแกล้งทำเป็นว่าไม่สบาย”
“ขอบคุณคุณนุชมากๆ เลยครับ ถ้าไม่ได้คุณนุชเนี่ย ผมก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรให้ญาดายอมพูดด้วย” ชโยดมซาบซึ้งใจในการช่วยเหลือของชมพูนุชจริงๆ
นับจากวันที่ญาดายอมกินข้าวกลางวันด้วย รวมกับการหาทางเปิดโอกาสให้ทั้งคู่มีโอกาสได้ใกล้ชิดกันมากขึ้นตามแผนของชมพูนุช ท่าทีที่ผ่อนคลายลงของญาดาก็มีมากขึ้น แม้ว่าจะยังไม่เหมือนเดิมแต่ก็ดีกว่าแต่ก่อนที่สร้างกำแพงปิดกั้นทุกสิ่ง
คราวนี้ชโยดมจะขุดรากถอนโคนกำแพงนี้ทิ้งซะ ไม่ให้มันโอกาสได้มาขวางกั้นความรักของเขากับญาดาอีก เมื่อคนรักไว้วางใจและกลับมาเคียงข้างกันดั่งแต่ก่อนแล้ว แผนการต่อไปที่จะทำให้ความรักนี้สุกงอมอยู่ในหัวของท่านประธานหนุ่มแล้ว
“งั้นนุชขอตัวกลับห้องก่อนนะคะ ทิ้งคุณญาดาไว้นานแล้วบอกว่าจะลงมาซื้อของข้างล่าง” ชมพูนุชขอตัวกลับห้องก่อน
สาวน้อยดูเวลาแล้วคิดว่าสมควรจะกลับห้องเพื่อไม่ให้ญาดาสงสัย แต่ยังไม่ทันที่จะเปิดประตูออก ใครบางคนที่ทำให้หัวใจชมพูนุชกระตุกวูบก็เปิดประตูเข้ามาเสียก่อน
“นายเล็ก นึกว่าจะกลับดึกเสียอีก”
ชโยดมทักทายน้องชายที่เพิ่งตามกลับมาจากสถานที่ตรวจงาน ชมพูนุชก้มหน้าไม่สบตาศิวนาถที่มองจ้องไม่กระพริบ รีบเดินออกไปทันที
“ถ้าผมกลับดึก พี่ใหญ่จะมีปาร์ตี้อะไรในห้องหรือเปล่า” ศิวนาถแกล้งถาม จงใจให้คนที่กำลังจะเปิดประตูออกไปได้ยิน
“ปาร์ตี้อะไร นอนล่ะซิ ไม่ว่า ฉันมาถึงก็ทำงานเลยนะ เหนื่อยจะตาย”
ศิวนาถจ้องมองคนที่เอื้อมมือจับลูกบิดประตู ชมพูนุชรู้ว่าเขากำลังมองจึงแกล้งทำเมินเหมือนไม่เห็นและไม่ใส่ใจเปิดประตูออกไปทันที ท่ามกลางสายตาที่จ้องด้วยความไม่พอใจของคนที่เก็บอาการไว้ชำระความไม่พอใจนี้ทีหลัง
ชมพูนุชทำตามแผนที่วางไว้กับชโยดม ด้วยการแกล้งทำเป็นป่วยเล็กๆ น้อยๆ เพื่อไม่ต้องลงมากินอาหารเช้า ทำให้ญาดาออกไปเที่ยวข้างนอกกับท่านประธานหนุ่มตามที่ต้องการได้สำเร็จ
หญิงสาวใช้เวลาพักผ่อนอยู่ในห้องพักจนเกือบเที่ยงจึงได้ลงมาข้างล่าง วันนี้อากาศดีไม่ร้อนและมีลมพัดเย็นสบาย พนักงานคนอื่นของบริษัทไม่มีใครอยู่แถวนั้น ชมพูนุชเดาว่าพวกเขาคงมารวมตัวกันในอาหารค่ำเป็นแน่
ชมพูนุชจัดการเรื่องอาหารการกินให้ตัวเองเรียบร้อยแล้ว ถึงเวลาที่จะพักผ่อนหย่อนใจกับทะเล สายลมและแสงแดดแล้ว สาวน้อยเดินเล่นริมหาดเพียงลำพังอย่างสบายใจ
วันนี้เป็นวันหยุดพักผ่อนสุดสัปดาห์ ริมหาดจึงมีทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างประเทศ ที่พร้อมใจกันมาหาความสำราญในวันหยุดเช่นนี้
“อะไรจ้ะ”
ลูกบอลลูกเล็กกลิ้งมาหยุดที่เท้าของชมพูนุช เด็กชายวัยประมาณห้าขวบผมสีทองใส่กางเกงเล่นน้ำสีสันสดใส วิ่งตามลูกบอลมาถึงชมพูนุช
“นี่จ้ะ”
หญิงสาวก้มลงหยิบลูกบอลที่หยุดอยู่ตรงหน้ายื่นให้ เด็กชายตัวน้อยรับคืนกลับไปด้วยรอยยิ้ม มิตรภาพเล็กๆ เริ่มต้นขึ้นเมื่อชมพูนุชยิ้มตอบ และปล่อยให้เด็กชายคนดังกล่าวจูงมือเธอไปที่ริมหาด
ปราสาททรายที่สร้างขึ้นใกล้จะเสร็จ ข้างๆ เต็มไปด้วยของเล่นสำหรับเด็กวัยนี้ เด็กชายตัวน้อยชวนให้เพื่อนใหม่หน้าหวานเล่นด้วย ชมพูนุชยินดีและเต็มใจเป็นอย่างยิ่งกับมิตรภาพใหม่ที่เริ่มต้นขึ้น
ไม่ได้มีเพียงแค่เด็กชายตัวน้อยเท่านั้น แต่ยังมีผู้ปกครองใจดีที่ส่งยิ้มให้ชมพูนุชอย่างเป็นมิตรด้วยอีกคน ชายต่างประเทศที่พาลูกน้อยมาพักผ่อนในโรงแรมเดียวกับหญิงสาว คือเพื่อนใหม่ที่ทักทายและทำความรู้จัก
ชมพูนุชใช้เวลากับสองพ่อลูกนานกว่าสองชั่วโมง ปราสาททรายสร้างเสร็จเรียบร้อยอย่างสวยงาม คุณพ่อใจดีจัดการถ่ายรูปด้วยโทรศัพท์มือถือเครื่องหรูเจ้าปราสาททรายกับลูกชายตนเอง
แน่นอนว่าต้องมีเพื่อนใหม่เช่นชมพูนุชอยู่ในรูปนั้นด้วย มันช่างดูเหมือนครอบครัวพ่อแม่ลูกที่แสนอบอุ่น มาพักผ่อนริมทะเลในวันอากาศดีเช่นนี้จริง
สองชั่วโมงที่ใครบางคนนั่งมองอยู่โดยไม่ละสายตาไปไหน สองชั่วโมงที่เห็นรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของชมพูนุชอย่างมีความสุข เป็นสองชั่วโมงที่ศิวนาถเฝ้าถามตัวเองว่า
ตัวจริงของเจ้าหล่อนคือใครกันแน่ ผู้หญิงหน้าเงินที่เอาตัวเข้าแลกเพื่อความสบาย หรือสาวน้อยวัยสดใสที่มีรอยยิ้มแสนหวานชวนให้คิดถึงทุกวินาทีกันแน่
ศิวนาถไม่เคยเห็นอิริยาบถผ่อนคลาย รอยยิ้มแสนหวานและท่าทีอ่อนโยนเช่นนี้ยามอยู่ต่อหน้า หรือยามที่เข้าใกล้ชมพูนุชแม้แต่น้อย มันทำให้เขาสามารถเฝ้ามองดูเธออย่างไม่รู้เบื่อตลอดสองชั่วโมง โดยที่เจ้าตัวไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตกอยู่ในสายตาของใคร
ชมพูนุชปลีกตัวมาจากสองพ่อลูกเมื่อเห็นว่าใกล้เวลาที่ชโยดมและญาดาจะกลับมาแล้ว ทันทีที่เธอล่ำลาเพื่อนใหม่เรียบร้อยและกลับเข้าโรงแรมเพื่อเตรียมตัวสำหรับอาหารเย็นที่จะมาถึงในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า
“สนุกไหม” ชมพูนุชชะงักเมื่อได้ยินเสียงใครบางคนด้านหลัง
ศิวนาถเดินตรงมาหาเธอที่หน้าประตูห้อง สีหน้าเขาเรียบเฉยแต่จ้องมองอยู่ตลอดเวลา
“เป็นภาพที่งดงามเลยล่ะ ถ้าใครเห็นก็คงคิดว่าพาลูกมาเที่ยวทะเล ก่อปราสาททรายกันทั้งครอบครัว” น้ำเสียงคนพูดเย้ยหยันเล็กน้อย ถ้าไม่ใช่ชมพูนุชคนนี้
ภาพที่เห็นเมื่อสักครู่เป็นครอบครัวที่น่ารักเหลือเกินในสายตาเขา แต่กลับกันว่าเป็นชมพูนุช ผู้หญิงที่ศิวนาถรู้จักคนนี้ ทุกอย่างมันกลับกันในทันที
“คุณตามฉันหรือไง” หญิงสาวระแวง ศิวนาถรู้ได้อย่างไรว่าตนทำอะไรที่ไหน
“เธอนี่เก่งนะ ใช้วิธีไหนถึงได้ทำแบบนั้นได้ แล้วได้อะไรติดไม้ติดมือมาบ้างหรือเปล่า”
“คุณพูดเรื่องอะไร” ชมพูนุชไม่เข้าใจสิ่งที่เขาเอ่ย ศิวนาถเห็นเหตุการณ์ที่ริมหาด เขาอยู่ตรงไหนทำไมเธอถึงไม่เห็น
“เปล่า ฉันก็แค่ถามดูว่าวิธีตีสนิทผ่านเด็กไปถึงพ่อ ทำให้เธอได้อะไรบ้าง อย่างเช่นเป้าหมายใหม่ที่จะพาตัวเองเข้าไปเพื่อสิ่งที่ต้องการ หรือว่าหมอนั่นผ่านเกณฑ์ที่เธอจะเข้าหาไหม หรือว่า...”
“ฉันไม่รู้ว่าคุณพูดเรื่องอะไรนะ แต่ว่าฉันไม่ได้คิดอะไรกับสตีฟและลูกของเขาเลย เราแค่เจอกันที่ริมหาดเด็กนั่นชื่ออเล็กซ์ แกโยนลูกบอลมาไกลแล้วเจอฉัน เรารู้จักกันเพราะลูกบอล แล้วแกก็ชวนฉันก่อปราสาททรายด้วยก็เท่านั้น” หญิงสาวพูดตามความจริงทั้งหมด
“ถ้าแค่นั้นจริงๆ ก็แค่นั้น แต่ทำอะไรอย่าคิดว่าคนอื่นไม่รู้หรือดูไม่ออกว่าผู้หญิงอย่างเธอ มันเป็นอย่างไร” ศิวนาถตาวาว ก้าวเดินเข้ามาใกล้ ชมพูนุชรีบเสียบคีย์การ์ดประตูห้องแล้วเปิดเข้าไปทันที
“จะทำอะไร อย่าเข้ามานะ ไม่งั้นฉันเรียกรปภ.แน่” หญิงสาวขู่ เมื่อเขาเอามือมาดันประตูไว้
“ถ้าคิดจะหาที่หมายใหม่ล่ะก็ นายสตีฟอะไรนั่นก็เหมาะกับเธออยู่ แต่ไม่รู้ว่าจะมีเงินถุงเงินถังให้สูบอย่างพี่ชายฉันหรือเปล่า ดูให้ดีก่อนแล้วกันจะได้ไม่ต้องเหนื่อยเปลืองแรงมาก” ชายหนุ่มพูดเพียงแค่นั้นแล้วก็ปล่อยมือออก ชมพูนุชปิดประตูห้องทันทีด้วยความโมโหแต่ก็ทำอะไรไม่ได้
ศิวนาถกลับไปที่ห้องพักของตัวเองหยิบโทรศัพท์มือถือที่ถ่ายรูปชมพูนุชที่ริมหาดไว้มาเปิดออกดูอีกครั้ง ภาพครอบครัว รอยยิ้มแสนสวย ใบที่มีแต่ความสุขของหญิงสาว
ทุกอิริยาบถที่ชอบถูกบันทึกไว้หมด แต่เมื่อคิดถึงตัวตนของเธอในมุมมองที่รู้จัก เขาก็อยากจะลบรูปเหล่านั้นทิ้งเสีย
ทว่า สิ่งที่ศิวนาถทำได้คือโยนโทรศัพท์ทิ้งไว้ข้างตัว แล้วหลับตาลงเบาๆ พร้อมเสียงถอนหายใจ
เมื่อไรนะ ถึงจะไม่มีภาพแม่ผู้หญิงหน้าเงินคนนี้อยู่ในหัวสมองเสียที
เมื่อไรที่ เขาจะลบชมพูนุชออกไปจากความทรงจำ และลืมว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างเรา
ชโยดมเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารเย็นให้กับทีมงานที่เดินทางมาตรวจงานชิ้นสำคัญในค่ำคืนนี้ ในขณะที่ชมพูนุชพยายามหลบหน้าไม่เผชิญกับคนที่มองจ้องตนเองตลอดทุกฝีก้าวอย่างศิวนาถ
ชมพูนุชใช้ชโยดมและญาดาเป็นโล่ป้องกันศิวนาถ แม้จะนั่งร่วมโต๊ะเดียวกันแต่หญิงสาวก็เมินหน้าหนี ไม่ยอมพูดยอมคุยหรือแม้แต่มองหน้าด้วยซ้ำ
เมื่องานเลี้ยงดำเนินไปสักพักท่านประธานหนุ่มสบโอกาสที่ญาดาลุกจากโต๊ะ หันมาพยักหน้าให้ชมพูนุชเดินตามออกไป ท่ามกลางสายตาของศิวนาถที่มองตามด้วยความสงสัยว่าทั้งคู่ไปไหน
“ผมจะไปรอที่บ้านพักข้างโรงแรมนะครับ พอคุณนุชพาญาดาออกไปให้รีบโทรศัพท์บอกผมเลย ตกลงตามนี้นะครับ” ท่านประธานหนุ่มต้องรีบไปเตรียมสิ่งสำคัญสำหรับค่ำคืนนี้
“ได้ค่ะ คุณใหญ่รอรับโทรศัพท์นะคะ” ชมพูนุชรับคำ
“เอ่อ ผมมีอีกเรื่อง เอ่อ ต้องบอกคุณนุชครับ” ท่าทางชโยดมเขินอายเล็กน้อย
“อะไรคะ”
“คือ เอ่อ คืนนี้ ผมกับญาดา เรา เอ่อ อาจจะไม่กลับมาที่โรงแรม คือ...”
“นุชเข้าใจค่ะ” ชมพูนุชหัวเราะเบาๆ ชโยดมอมยิ้มก้มหน้าเล็กน้อย เมื่อต้องบอกกล่าวเรื่องราวส่วนตัวให้คนอื่นรับรู้
“อวยพรให้คุณใหญ่กับคุณญาดาสมหวังค่ะ” หญิงสาวกล่าวคำอวยพรจากใจจริง
“ขอบคุณครับ ผมไปก่อน รบกวนคุณนุชนะครับ”
ชโยดมปลีกตัวออกไปจัดการตามแผนการที่วางไว้ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับค่ำคืนพิเศษของสองเรา ชมพูนุชกลับเข้าไปในงานอีกครั้ง เห็นญาดาเดินมาหาด้วยสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนัก
“คุณนุชคะ มียาแก้ปวดหัวไหม”
“มีค่ะ แต่อยู่บนห้องเดี๋ยวนุชขึ้นไปเอาให้นะคะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ขึ้นไปด้วยกันดีกว่า”
“คุณญาดารอที่นี่ก็ได้นะคะ เดี๋ยวนุชขึ้นไปเอาลงมาให้” ชมพูนุชคิดถึงนัดสำคัญที่ชโยดมไหว้วานไว้
“ไม่ดีกว่าค่ะ รู้สึกเหมือนจะเป็นไข้อยากจะนอนมากกว่า”
ชมพูนุชจำต้องขึ้นไปบนห้องพักกับญาดา ระหว่างที่หายาแก้ไข้ในกระเป๋าเดินทางนั้น ญาดาวิ่งเข้าไปอาเจียนในห้องน้ำและกลับออกมาด้วยสีหน้าซีดเซียว
“ไหวไหมคะ” ชมพูนุชห่วงญาดามากกว่านัดของชโยดม
มันคงเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้หากว่านัดสำคัญต้องล่ม เพราะนางเอกของเรื่องเกิดป่วยกะทันหัน
“สงสัยวันนี้จะตากแดดมากไปหน่อย นอนพักสักครู่ก็คงดีขึ้นค่ะ คุณนุชจะกลับไปในงานก็ได้นะคะไม่ต้องห่วงญาดา” คนป่วยล้มตัวลงนอนบนเตียง
ชมพูนุชลังเลว่าจะทำเช่นไรดี ในที่สุดตัดสินใจออกมาโทรศัพท์ด้านนอก เพื่อจะบอกให้ชโยดมรู้ว่าแผนเปลี่ยนเพราะญาดาไม่สบาย แต่โทรศัพท์ไปกี่รอบก็ไม่มีคนรับ
ชมพูนุชติดต่อชโยดมทางโทรศัพท์ไม่ได้ หญิงสาวจึงรีบลงมาจากห้องพักแล้วเดินไปที่บ้านซึ่งอยู่ใกล้กับโรงแรม สถานที่นัดหมายของค่ำคืนนี้ด้วยความรีบร้อน
ศิวนาถซึ่งถูกปล่อยให้นั่งอยู่ที่โต๊ะกินข้าวคนเดียว ลุกขึ้นเดินตามหาคนที่หายไปด้วยความสงสัย เขาเห็นชมพูนุชเดินออกจากโรงแรมด้วยท่าทางรีบร้อนไปทางริมหาดจึงตามไปทันที
บ้านพักหลังเล็กชั้นเดียวซึ่งเป็นสถานที่ที่ชโยดมจะใช้เป็นวิมานหวานระหว่างเขาและญาดา ท่านประธานหนุ่มเตรียมแหวนสำหรับจะขอหญิงคนรักแต่งงาน และจัดเตรียมบรรยากาศให้ดูโรแมนติกอีกเล็กน้อย จากนั้นก็นั่งรอโทรศัพท์ที่ชมพูนุชจะส่งสัญญาณก่อนจะมาถึง
“คุณใหญ่คะ” เสียงร้องเรียกที่หน้าบ้านดังแว่ว ชโยดมได้ยินเสียงรีบลุกขึ้นจากเตียงนอน มาเปิดประตูให้ชมพูนุชเข้าไป
“ทำไมคุณนุชมาที่นี่ล่ะครับ” ท่านประธานหนุ่มถามด้วยความแปลกใจ ความจริงแล้วญาดาควรมาที่นี่ถึงจะถูก
“คุณญาดาไม่สบายค่ะนอนพักอยู่ในห้อง นุชโทรศัพท์หาคุณใหญ่เท่าไรก็ไม่รับ ก็เลยต้องรีบเดินมาบอกค่ะ”
“ญาดาไม่สบายเหรอครับ แล้วโทรศัพท์”
เจ้ากรรม ชโยดมอยากเขกหัวตัวเองนัก เมื่อเขาปิดเสียงโทรศัพท์ไว้เพราะเมื่อกลางวันไม่ต้องการรับสายใคร นอกจากใช้เวลากับญาดาให้มากที่สุด และลืมเปิดเสียงไว้ทำให้ชมพูนุชติดต่อมาเท่าไรก็ไม่ได้ยิน
“คุณใหญ่จะทำไงต่อไปคะ”
“ที่นี่คงต้องยกเลิก ผมจะไปดูญาดาก่อน” เรื่องอื่นไว้ทีหลังแต่เรื่องการเจ็บป่วยของญาดาสำคัญกว่า
“ถ้างั้นจะให้นุชกลับไปด้วย หรือว่าอย่างไรคะ” ชมพูนุชทำตัวไม่ถูกเหมือนกัน คงไม่ดีแน่หากว่ามีเธออยู่ในห้องพักนั้นด้วย แต่คืนนี้จะอยู่ที่ไหนล่ะ
“ถ้าคุณนุชไม่ว่าอะไร คืนนี้ผมจะขอให้คุณนุชอยู่ที่นี่ได้ไหมครับ”
“ได้ค่ะ” ชมพูนุชรับปากทันที
เธอไม่สนใจว่าญาดาและชโยดมจะลงเอยแบบไหน แต่อึดอัดมากกว่าถ้าต้องไปอยู่ในห้องร่วมกันเช่นนั้น ในยามเจ็บป่วยได้ไข้เช่นนี้ ควรมีใครสักคนที่ดีต่อหัวใจอยู่ใกล้ๆ และชโยดมก็คือคนๆ นั้นของญาดา
“ขอบคุณคุณนุชมากนะครับ งั้นพรุ่งนี้เจอกัน ผมจัดการทุกอย่างที่นี่ไว้หมดแล้ว ว่าแต่คุณนุชอยู่ได้แน่นะครับ หรือไม่ให้ผมเปิดห้องที่โรงแรมให้อีกห้องก็ได้” ว่าไปชโยดมก็ห่วงความปลอดภัยของหญิงสาว
เขาซาบซึ้งใจในความมีน้ำใจของชมพูนุชเหลือเกิน แต่ก็ไม่อยากรบกวนหรือทำให้เธอลำบาก ดังนั้นหากหญิงสาวต้องการจะกลับไปพักที่โรงแรม ชโยดมก็พร้อมจะบริการทุกอย่างให้
“ไม่ต้องหรอกค่ะ จะเสียเงินซ้ำซ้อนทำไมกัน คุณใหญ่รีบไปเถอะ คุณญาดาอยู่คนเดียวตอนนี้ฝนทำท่าจะตกด้วย ถ้ามีอะไรด่วนโทรศัพท์หานุชได้ตลอดเวลานะคะ”
“ขอบคุณคุณนุชมากครับ ผมไปก่อน พรุ่งนี้เช้าเจอกัน” ชโยดมรีบร้อนออกไปทันที ชมพูนุชปิดประตูบ้านพักแล้วเดินสำรวจดูว่าชายหนุ่มเตรียมอะไรไว้ให้คนรัก
บ้านพักเล็กๆ มีมุมนั่งเล่นและโต๊ะกินข้าว ชโยดมเนรมิตให้ที่นี่เต็มไปด้วยกุหลาบสีแดง พร้อมทั้งจุดเทียนหอมสร้างบรรยากาศแสนอบอุ่น
ถัดไปคือห้องนอนซึ่งตกแต่งสวยงาม ท่านประธานหนุ่มมีช่อกุหลาบงามวางไว้ที่หัวเตียงพร้อมกับกล่องกำมะหยี่สีแดงซึ่งชมพูนุชจำได้ว่า คือแหวนวงที่ไปเลือกด้วยกันเพื่อใช้สำหรับคืนพิเศษนี้
“คุณใหญ่ลืมแหวนไว้นี่นา” เธอเปิดกล่องกำมะหยี่ดูแล้ววางไว้ที่เดิม
ตั้งใจว่าถ้าชโยดมไม่เดินกลับมาเอาไป ก็จะนำไปส่งคืนให้ในตอนเช้า เสียงเคาะประตูบ้านดังรัวชมพูนุชเข้าใจว่าท่านประธานหนุ่มคงกลับมารับเจ้าแหวนวงนี้ไปหาเจ้าของตัวจริงแล้วกระมัง
“คุณใหญ่”
ชมพูนุชเปิดประตูพร้อมกับร้องเรียกชื่อเจ้าของแหวน ไม่ใช่ชโยดมแต่เป็นศิวนาถที่ยืนหน้าบึ้งตึงอยู่ด้านนอก และก้าวเท้าเข้ามาในบ้านเรียบร้อยแล้วในเวลานี้
“คุณ” หญิงสาวชะงักเมื่อสบสายตาคมกริบที่จ้องมองอย่างเอาเรื่อง
“ผิดหวังมากซินะ ที่เปิดออกมาแล้วไม่ใช่คนที่เธอต้องการอยากจะเจอ ใครล่ะ พี่ชายฉันหรือไอ้พ่อเด็กผมทองหน้าโง่นั่น” ศิวนาถถามเสียงกร้าว
ก้าวเข้าไปในบ้านพักหลังเล็กอย่างถือวิสาสะ เจตนาคือต้องการอยากรู้ว่าเจ้าหล่อนมาที่นี่ทำไม นัดแนะใครไว้หรือเปล่า
ดีที่ไม่เห็นคนอยู่ในบ้าน ศิวนาถค่อยโล่งใจแต่กระนั้นก็เข้าใจว่าคนที่เจ้าหล่อนนัดอาจยังไม่มา กลายเป็นเขาต่างหากที่เสนอหน้าเข้ามาในสถานที่พลอดรักของเธอกับใครก็ไม่รู้
“ทำไมคุณถึงมาที่นี่ได้” ชมพูนุชเอ่ยถามด้วยความสงสัย
ศิวนาถสวนกับชโยดมที่ออกไปเมื่อครู่หรือเปล่า พี่น้องอาจจะได้พบกันกลางทางหรือไม่ แล้วเขารู้เหตุผลหรือไม่ว่าทำไมเธอถึงต้องอยู่ที่นี่
“ความลับไม่มีในโลกนะ โดยเฉพาะคนทำชั่วมักจะปิดความผิดของตัวเองไม่พ้น สักวันก็ต้องมีคนรู้อยู่ดี” ชายหนุ่มตอบเสียงดังฟังชัด
“คุณนี่มัน”
ชมพูนุชหมั่นไส้คนปากดีที่ไม่รู้ความจริงแล้วเที่ยวว่าคนอื่นไปหมด แต่ก็เลือกที่จะไม่ต่อปากต่อคำใดๆ ทั้งสิ้น
“จะบอกได้หรือยังว่ารอใครอยู่ พี่ชายฉันหรือว่าพ่อเด็กผมทองนั่น” ศิวนาถเดินสำรวจบ้านพักไปเรื่อยๆ
ดอกกุหลาบสีแดงสดเหมาะกับความรักเป็นอย่างยิ่ง กลิ่นเทียนหอมที่เริ่มส่งกลิ่นชวนให้รู้สึกอบอุ่น และอยากจะมีใครสักคนมาแนบกาย อยู่ท่ามกลางดอกไม้ที่สวยงามในบ้านหลังเล็กๆ มีเสียงคลื่นซัดเข้าหาฝั่งเป็นระยะ คนรู้ใจเคียงข้างในยามราตรีช่างเหมาะเจาะเสียนี่กระไร
ห้องนอนก็ตกแต่งไว้สวยหวาน เหมาะสำหรับคู่รักที่ต้องการมาพักผ่อนทั้งกายและใจ ช่อดอกกุหลาบที่วางอยู่หัวเตียงทำให้ศิวนาถสะดุดตาจนต้องหยิบมันขึ้นมามอง แต่นั่นไม่เท่ากับประกายเจิดจ้าของสิ่งที่ตั้งอยู่เคียงข้างมัน
“หมายความว่าไง” ศิวนาถคว้ากล่องกำมะหยี่สีแดงมาถือไว้ในมือ เขาแทบจะบีบมันให้แหลกคามือเสียด้วยซ้ำ
“ขอแหวนคืนค่ะ ฉันจะเอาไปให้เจ้าของ”
ชมพูนุชไม่คิดว่าศิวนาถจะมาที่นี่จึงไม่ได้เก็บแหวนไว้กับตัว กลายเป็นว่าเขามาเจอและกำลังตั้งท่าจะเอาเรื่องเธออีกหน
“อย่าบอกนะ ว่าที่นี่คือรังรักของเธอกับพี่ใหญ่”
|
|
|
ความคิดเห็น