ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รักร้ายใต้เงาทราย

    ลำดับตอนที่ #9 : ตอนที่ 9

    • อัปเดตล่าสุด 31 ส.ค. 66


    การะเกดตื่นมารอชีคดาเนียลก่อนเวลานัดครึ่งชั่วโมง หญิงสาวบรรจงชงกาแฟแก้วพิเศษที่คนขับรถขอไว้ตั้งแต่เมื่อคืนอย่างตั้งใจ เมื่อเห็นชีคหนุ่มเดินลงมาจากชั้นบนด้วยท่าทางรีบร้อน เธอจึงถือถ้วยกาแฟมายื่นให้ทันที

    "ฉันพร้อมแล้วค่ะ" การะเกดกระตือรือร้นกับการเดินทางเช้านี้เหลือเกิน

    เมื่อคืนเธอกลับมานั่งคิดและเขียนเป็นข้อๆ ว่า เมื่อไปถึงเพ้นท์เฮ้าส์ของอัสมันจะต้องทำอะไรบ้าง สัญชาติญาณนักข่าวทำให้การะเกดเตรียมพร้อมในการลงพื้นที่ หวังว่าวันนี้จะได้อะไรคืบหน้าซึ่งจะนำมาสู่การไขปริศนาสำคัญที่รออยู่

    "เธอชงเองเหรอ" ชีคดาเนียลจิบกาแฟร้อนฝีมือการะเกดด้วยท่าทางเร่งรีบ

    ความจริงเขาอยากจะละเลียดชิมกาแฟแก้วแรกที่เจ้าหล่อนชงให้ แต่ภารกิจสำคัญที่รออยู่ไม่อาจทำแบบนั้นได้ ชีคดาเนียลดื่มกาแฟแก้วนั้นหมดแล้วยื่นคืนให้เจ้าของ

    "อร่อยมาก ขอบใจนะ" เขายิ้มให้เล็กน้อยแล้วรีบเดินออกไปทันที

    "ฉันคิดว่าคงใช้เวลาไม่นานที่เพ้นท์เฮาส์ คุณคงไม่ไปประชุมสาย" นักข่าวสาวพูดในขณะที่เดินตามหลังเขามาติดๆ

    "ฉันลืมบอกไปว่า เราต้องยกเลิกการไปเพนท์เฮาส์ของอัสมันก่อน"

    "อะไรนะคะ" การะเกดชะงักเล็กน้อย

    "ฉันมีธุระด่วนต้องไปทำ เรื่องของอัสมันไว้เสร็จธุระนี้แล้ว ฉันจะพาไปตามสัญญาแน่ ขอบคุณสำหรับกาแฟ แต่ขอโทษจริงๆ ที่พาไปวันนี้ไม่ได้" ชีคดาเนียลพูดพลางมองหน้านักข่าวสาวที่แสดงความผิดหวังเล็กน้อย

    "ไม่เป็นไรค่ะ ไว้คุณว่างเมื่อไรค่อยไปก็ได้" แม้จะถูกยกเลิกกะทันหันแต่การะเกดก็เข้าใจว่า ชีคดาเนียลคงมีภารกิจอื่นที่สำคัญและต้องรีบไปกระทำ ก็แน่ล่ะ เขาเป็นผู้นำของคาลีจ เรื่องของประชาชนพลเมืองต้องมาก่อนเสมอ

    "เธอคงไม่โกรธไม่ใช่ไหม" ชีคหนุ่มเอ่ยถาม

    เขาเพิ่งได้รับโทรศัพท์ด่วนตามตัวกลับบ้านเพื่อไปคุยธุระสำคัญกับบิดาเช้านี้ เมื่อคืนเห็นว่าดึกมาแล้วจึงไม่ได้บอกให้การะเกดทราบ เช้านี้ตื่นมาไม่คิดว่าคุณนักข่าวสาวจะลุกขึ้นมาชงกาแฟรอตามที่พูดไว้จริงๆ ชีคดาเนียลเห็นความตั้งใจของการะเกด และห่วงความรู้สึกว่าอีกฝ่ายจะคิดอะไรที่ตนผิดสัญญา

    "ไม่ค่ะ ฉันจะโกรธคุณทำไม คุณดูแลคนทั้งเมือง เรื่องของคาลีจสำคัญกว่าสิ่งอื่นอยู่แล้ว" การะเกดพูดตามความจริงที่รู้สึก

    ชีคดาเนียลเป็นผู้นำของคาลีจ มีเรื่องมากมายจิปาถะที่เขาต้องรับผิดชอบ การไปหาหลักฐานที่เพนท์เฮาส์ของอัสมันแม้สำคัญก็จริง แต่เป็นเรื่องสำคัญสำหรับเธอเพียงคนเดียวเท่านั้น ซึ่งนั่นไม่สำคัญเท่าภารกิจในการทำหน้าที่ผู้นำของประชาชนทั้งหลายแน่

    "ขอบใจที่เข้าใจ" ชีคหนุ่มส่งยิ้มให้เล็กน้อย แล้วพูดต่อไปว่า

    "ผู้หญิงของชีคควรมีความคิดและความเข้าใจแบบนี้ เธอสอบผ่านนะ การะเกด"

    "เอ่อ ฉัน เอ่อ" นักข่าวสาวแก้มแดงเล็กน้อย

    'ให้ตายเถอะ ตาชีคบ้า พูดอะไรก็ไม่รู้ ใครบอกล่ะว่าจะเป็นผู้หญิงของชีค ฉันแค่พูดตามความจริงเท่านั้นย่ะ'

    การะเกดอยากจะตอบอย่างที่คิดอยู่ในใจขณะนี้ แต่ติดตรงที่ว่าพูดออกมาไม่ได้ ยิ่งตอนนี้ชีคดาเนียลโน้มใบหน้าเข้ามากระซิบข้างๆ หู แล้วพูดเพียงประโยคสั้นๆ ที่ทำเอาคนฟังใจเต้นไม่เป็นจังหวะ

    "กาแฟอร่อยมาก ต่อไปชงให้กินทุกวันเลยนะ"

    กว่าการะเกดจะรู้ตัวอีกที เสียงรถยนต์ของชีคดาเนียลก็เคลื่อนออกจากคฤหาสน์ไปแล้ว ถ้านักข่าวสาวเห็นไม่ผิดคือชีคหนุ่มหันหน้ามามองเธอแล้วยิ้มให้อีกครั้งจนลับสายตา

    หัวใจของการะเกดเต้นรัวขึ้นอีกครั้ง รู้สึกเหมือนกับว่าตกอยู่ในความฝัน ตัวเบาเหมือนลอยอยู่ในอากาศ หัวใจมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก แม้จะผิดหวังที่ไม่ได้ทำในสิ่งที่ตั้งใจแต่มันมีสิ่งอื่นมาทดแทนให้ความผิดหวังนั้นไร้ค่า

    และเมื่อเดินกลับเข้าไปในบ้านเห็นแก้วกาแฟที่ชีคดาเนียลวางไว้บนโต๊ะ นักข่าวสาวไม่รู้ว่าทำไมตนเองถึงได้ยิ้มออกมา และถือแก้วใบนั้นไปล้างพร้อมกับคิดถึงหน้าคนที่เพิ่งใช้มันเมื่อครู่อย่างสุขใจเหลือเกิน

     

    ฟาติมาแวะมาหาการะเกดในตอนสาย ก่อนหน้าที่ชีคดาเนียลจะกลับมาเพียงเล็กน้อย นักข่าวสาวดีใจที่ได้พบฟาติมาอีกครั้ง เธอตั้งใจว่าจะถามเกี่ยวกับเรื่องบันทึกของอัสมัน แต่ยังไม่ทันได้ถามอะไรชีคหนุ่มก็สั่งให้หญิงสาวไปเตรียมเก็บของ

    "จะไปไหนคะ ดาเนียล ท่าทางคุณรีบร้อนจัง" ฟาติมาเอ่ยถามด้วยความสงสัย

    เธอตั้งใจมาหาการะเกดหลังจากที่รู้ข่าวว่าการหนีไม่ประสบความสำเร็จ และทราบจากนาดาว่าตอนนี้ชีคหนุ่มให้โอกาสหญิงสาวพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเองแล้ว

    "ฉันจะไปโอม่าร์" ชีคดาเนียลตอบสั้นๆ และเร่งให้การะเกดไปเก็บของ

    "เร็วซิ การะเกด มีเวลาไม่มากเราต้องรีบ"

    "ค่ะ" การะเกดรับคำแล้วรีบกลับขึ้นไปที่ห้องของตน อยากรู้อะไรถามนาดาน่าจะดีที่สุด

    "ไปกี่วันคะ แล้วทำไมต้องให้เธอไปกับคุณด้วย" ฟาติมาถามด้วยความอยากรู้

    การะเกดควรอยู่ที่นี่มากกว่าที่จะติดตามชีคดาเนียลไปในสถานที่ต่างๆ ยิ่งโดยเฉพาะไปต่างเมืองด้วยแล้ว ทำไมต้องหนีบการะเกดไปด้วย แต่ไหนแต่ไรเขาชอบเดินทางลำพังเพื่อความคล่องตัวตามประสาหนุ่มโสด แต่คราวนี้กลับพาผู้หญิงต่างแดนคนนี้ไปด้วยรู้สึกแปลกใจยิ่งนัก

    "การะเกดต้องไปในทุกที่ที่ฉันไป"

    ชีคดาเนียลพูดแค่นั้นและไม่อธิบายอะไรเพิ่มเติม ยิ่งทำให้ฟาติมาสงสัยมากขึ้นไปอีกเพราะนี่ไม่ใช่วิสัยของพญาเหยี่ยวแห่งทะเลทรายที่จะพาผู้หญิงไปไหนต่อไหนด้วย

    "เดี๋ยวนี้คุณต้องมีผู้ติดตามด้วยเหรอ หรือว่าเธอต้องอยู่ในสายตาคุณตลอดเวลาคะ"

    หญิงสาวใช้สัญชาติญาณจับความรู้สึกของชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า ทุกอย่างระหว่างชีคดาเนียลและการะเกดเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง แววตาและท่าทีแข็งกระด้าง เปลี่ยนเป็นความอ่อนโยนที่เห็นได้ชัด และดูเหมือนว่าทั้งคู่จะถ้อยทีถ้อยอาศัยกันมากขึ้นกว่าแต่ก่อนจนรู้สึกได้

    "เรื่องอัสมันไปถึงไหนแล้วคะ" ฟาติมาวกกลับมาที่เรื่องอัสมันอีกครั้ง

    ที่ถามก็เพื่อให้แน่ใจว่าชีคดาเนียลยังเชื่อว่า การะเกดคือต้นเหตุการตายของคู่หมั้นหนุ่ม หรือว่ามีอะไรเปลี่ยนไปที่ตนเองยังไม่รู้

    "เธอยอมพูดหรือยังว่า..."

    "การะเกดไม่ใช่ผู้หญิงคนนั้น" ชีคดาเนียลพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง

    "อะไรนะ ไม่ใช่ผู้หญิงคนนั้น มันจะเป็นไปได้อย่างไรคะ ดาเนียล คุณเชื่อที่เธอพูดเหรอ" ฟาติมาไม่อยากเชื่อว่าจะได้ยินคำพูดนี้จากปากชายหนุ่ม

    ก็เขามั่นใจเต็มร้อยว่าผู้หญิงคนนั้นคือการะเกด และลงทุนใช้วิธีที่ไม่เคยทำมาก่อนในชีวิตด้วยการจับตัวหญิงสาวมา เพื่อหวังให้ยอมรับและสำนึกในสิ่งที่ทำลงไปต่อหน้าหลุมศพน้องชายที่รักผู้จากไป ทว่าวันนี้ทุกอย่างกลับตาลปัตร ชีคดาเนียลบอกว่าผู้หญิงต่างแดนคนนี้ไม่ใช่คนที่ทำให้คู่หมั้นจากไป

    "ฟาติมา เธอรู้ไหมว่าอัสมันเขียนบันทึก" ชีคดาเนียลย้อนถามกลับ

    "บันทึกอะไร อัสมันน่ะเหรอ เขียนบันทึก"

    แค่นี้ชีคดาเนียลก็พอจะรู้แล้วว่า ฟาติมาไม่รู้เรื่องส่วนตัวของน้องชายเลยแม้แต่นิดเดียว คนเป็นคู่หมั้นกันน่าจะรู้ว่าอีกคนชอบอะไรและทำอะไรเป็นงานอดิเรก อัสมันมีบันทึกให้เขานั่งอ่านเป็นสิบเล่ม แต่คู่หมั้นที่กำลังจะแต่งงานกันในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้ากลับไม่รู้สึกนิดว่าชายหนุ่มเขียนบันทึก มันน่าตลกสิ้นดี

    "การะเกดเจอบันทึกส่วนตัวของอัสมัน ในนั้นเขียนทุกอย่างที่อยู่ในใจของอัสมันไว้หมด รวมถึง..."

    "รวมถึงอะไร" ฟาติมาถามด้วยความอยากรู้

    แววตาคู่หมั้นสาวมีน้ำใสคลอเบ้า ชีคดาเนียลไม่รู้ว่านั่นคือน้ำตาแห่งความเสียใจที่ไม่สามารถเข้าถึงพื้นที่ส่วนตัวของคู่หมั้นตนเองได้ หรือมันคือน้ำตาแห่งความรู้สึกอะไรกันแน่ บันทึกของน้องชายกับสิ่งที่เห็นตรงหน้ามันทำให้ตีความไปได้หลายสิ่ง

    "รวมถึงเรื่องที่อัสมันมีปัญหากับคุณ และเรื่องผู้หญิงคนนั้น" ชีคหนุ่มไม่เอ่ยถึงเรื่องที่น้องชายคิดจะถอนหมั้น เพราะไม่มั่นใจว่าเป็นความคิดฝ่ายเดียวของอัสมันหรือไม่

    "ฉันไม่เคยโกรธเขา เรื่องผู้หญิงคนนั้น" ฟาติมาปรับน้ำเสียงและสีหน้าให้เป็นปกติที่สุด

    นับจากวันที่คู่หมั้นจากไปฟาติมาไม่เคยมีน้ำตาออกมาให้ใครเห็น แม้แต่วินาทีที่รู้ว่าอัสมันจากโลกนี้ไปแล้ว เธอก็ไม่ร่ำไห้หรือมีท่าทีเสียใจใดๆ ทั้งสิ้น ฟาติมาสงบ นิ่ง จนคนที่อยู่รอบข้างต่างพูดกันเป็นเสียงเดียวว่า หญิงสาวคงกำลังเสียใจต่อการจากไปอย่างกะทันหันของคู่หมั้นที่กำลังจะแต่งงานด้วย จนไม่อาจจะพูดอะไรออกมาได้

    ชีคดาเนียลเองก็เคยคิดเช่นนั้น ยิ่งเห็นคนรอบข้างเสียใจต่อการจากไปอย่างไม่มีวันกลับของอัสมันมากเท่าไร ก็ยิ่งโกรธผู้หญิงที่หลอกลวงน้องชายสุดที่รักมากขึ้นเท่านั้น พญาเหยี่ยวแห่งทะเลทรายลุแก่โทสะ จนต้องใช้วิธีสกปรกเอาตัวต้นเหตุของปัญหามาไว้ที่นี่ เพื่อให้สารภาพและสำนึกในสิ่งที่ทำลงไป

    "เขาเขียนอะไรถึงฉันบ้างหรือเปล่า" น้ำเสียงฟาติมาเครือเล็กน้อย

    "ก็หลายเรื่อง ไว้กลับมาจากโอม่าร์จะเอาให้อ่าน" ชีคหนุ่มพูดเพียงสั้นๆ ไม่เอ่ยถึงเนื้อความในบันทึกใดๆ ให้อีกฝ่ายรู้แม้แต่นิดเดียว

    "ฉันอ่านตอนนี้ไม่ได้เหรอคะ กว่าคุณจะกลับมาก็อีกตั้งหลายวัน"

    "การะเกดอ่านอยู่"

    "ทำไมต้องให้เธออ่านด้วยคะ แบบนี้เธออาจจะไม่ยอมรับก็ได้ว่าเป็นคนทำให้อัสมันตาย"

    "การะเกดไม่ใช่ต้นเหตุที่ทำให้อัสมันตาย ฟาติมา" ชีคดาเนียลยืนยันอีกครั้ง

    "ผู้หญิงคนนั้นเป็นชาวคาลีจ และฉันกำลังหาตัวเธออยู่"

    "อะไรนะ" ฟาติมาตกตะลึงจนพูดอะไรไม่ออก

    "คุณรู้ว่า ผู้หญิงคนนั้นเป็นคนที่นี่" หญิงสาวทวนคำเบาๆ สีหน้าตระหนกตกใจอย่างเห็นได้ชัด

    "ใช่ อัสมันเขียนไว้ในบันทึกว่าผู้หญิงคนนั้นอยู่ที่นี่ เพียงแต่ว่า"

    "แต่ว่าอะไรคะ" ฟาติมาถามเสียงแผ่ว หัวใจเริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะ อยากรู้ว่าในบันทึกเขียนอะไรอีก

    "ยังหาสมุดเล่มสุดท้ายที่อัสมันเขียนไว้ไม่เจอ ฉันคิดว่าถ้าหาสมุดเล่มนั้นเจอ น่าจะได้เบาะแสมากขึ้นว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร"

    ฟาติมาเงียบไม่พูดอะไรทั้งนั้น คิดตามในสิ่งที่ชีคดาเนียลพูด บันทึกเล่มสุดท้าย  ในสมุดบันทึกเล่มนั้นเขียนอะไรไว้บ้าง อัสมันบอกหรือเปล่าผู้หญิงคนนั้นคือใคร และเมื่อชายหนุ่มรู้แล้วว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร เกิดอะไรขึ้นจากนั้น...

     

    มาคราวนี้ฟาติมาไม่เพียงแค่รับรู้ความคืบหน้าในการหาตัวผู้หญิงปริศนาที่เป็นต้นเหตุให้คู่หมั้นจากโลกนี้ไป แต่เธอยังต้องตกตะลึงกับข่าวใหม่ที่เพิ่งรู้ก่อนที่ชีคดาเนียลจะออกเดินทางไปโอม่าร์เพียงห้านาทีว่า

    "ให้การะเกดอยู่ที่นี่กับฉันก็ได้ คุณไปทำงานไม่ใช่เหรอ" ฟาติมาพูดด้วยความหวังดี

    "ไม่เป็นไร ฉันไปไหนการะเกดก็ควรไปด้วย"

    "เธอไม่ไม่ได้มีหน้าที่อะไรสักหน่อย อีกอย่างคุณชอบความคล่องตัวในการเดินทางไม่ใช่เหรอคะ"

    ชีคดาเนียลไม่พูดอะไรต่อทั้งนั้น ชายหนุ่มรอให้การะเกดเดินมาถึงและถามเพียงแค่สั้นๆ ว่า

    "ไม่ลืมอะไรนะ"

    "ไม่ลืมค่ะ" นักข่าวสาวพยักหน้าพร้อมเดินทาง การะเกดพอรู้แล้วว่าชีคดาเนียลจะไปโอม่าร์ด้วยเรื่องอันใด

    "อยู่รอดาเนียลที่นี่ไหมคะคุณการะเกด ไปคุยเรื่องงานไม่มีอะไรสนุก ฉันอยู่เป็นเพื่อนคุณรอจนกว่าเขาจะกลับมาก็ได้"  ฟาติมาหันมาถามหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างชีคดาเนียล

    แม้สีหน้าจะแย้มยิ้มแสดงความปรารถนาดีที่เป็นมิตรให้ แต่ในใจของฟาติมากลับรู้สึกขุ่นเคืองอย่างที่สุด จะไม่ให้รู้สึกเช่นนั้นได้อย่างไร ในเมื่อแต่ไหนแต่ไรไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนได้ร่วมเดินทางกับพญาเหยี่ยวแห่งทะเลทรายผู้ชอบสันโดษ แม้แต่เพื่อนที่โตมาด้วยกันอย่างเธอ ยังไม่เคยได้ไปไหนนอกแผ่นดินคาลีจกับเขาเช่นนี้เลย

    "ไม่ต้อง"  ชีคดาเนียลตอบกลับทันควัน

    "การะเกดต้องไปโอม่าร์ในฐานะผู้หญิงของฉัน"

    "อะไรนะคะ ผู้หญิงของคุณ"

    พระเจ้า ต้องเป็นเรื่องโกหก หรือไม่ก็เรื่องตลกที่ชีคดาเนียลล้อเล่นแน่ๆ ไม่มีทางที่การะเกดจะเป็นผู้หญิงของชีคได้ ก็ในเมื่อ...

    "ใช่ ผู้หญิงของชีคต้องติดตามไปด้วยทุกแห่ง แค่นี้ก่อนนะ ฟาติมา ไว้กลับจากโอม่าร์แล้วค่อยคุยกันต่อเรื่องอัสมัน ฉันมีนัดสำคัญอีกสองชั่วโมงข้างหน้า"

    การะเกดเดินเคียงข้างชีคดาเนียลในฐานะผู้หญิงของชีคที่ถูกยัดเยียดให้ ท่ามกลางสายตาแห่งความชื่นชมของนาดาและสาวใช้ที่ยืนส่งทั้งคู่ขึ้นเครื่องบินส่วนตัวเหินฟ้าสู่โอม่าร์ด้วยเรื่องสำคัญ

    มีเพียงสายตาของใครบางคนที่จับจ้องมองด้วยความไม่พอใจ ไม่อาจเก็บความรู้สึกที่แสดงออกทางแววตาในเวลานี้ได้ ทุกคนมัวแต่ชื่นชมผู้หญิงของชีคจนไม่ทันสังเกตว่าฟาติมารู้สึกอย่างไร ถ้าทำได้อยากจะกระชากผู้หญิงต่างแดนคนนั้นแล้วเหวี่ยงทิ้งให้ออกไปไกลๆ และเอาตัวเองไปแทนที่ซะ มันจะเหมาะสมกันกันร้อยเท่าพันเท่าแน่ๆ

     

    เครื่องบินส่วนตัวทะยานมุ่งหน้าสู่โอม่าร์ ดินแดนที่นาดาบอกเพียงสั้นๆ ว่ามีชายแดนติดกับคาลีจและมีทางออกทะเล การะเกดคว้าเอาบันทึกของอัสมันที่อ่านค้างไว้มาอ่านต่อทันที โดยไม่สนใจสิ่งใดที่อยู่รอบข้างแม้แต่ชีคดาเนียลที่นั่งอยู่ข้างตัวในเวลานี้

    "หยุดอ่านสักครู่ไม่ได้หรือไง เดี๋ยวพอไปถึงโอม่าร์ ฉันคุยธุระเธอก็ได้อ่านแน่ การะเกด" น้ำเสียงคนพูดไม่พอใจเล็กน้อย ก็การะเกดเล่นอ่านแต่บันทึกโดยไม่สนใจว่าเขานั่งอยู่ด้วยแม้แต่นิดเดียว

    "มีแต่เรื่องสำคัญทั้งนั้นเลยค่ะ ฉันโน้ตไว้หมดแล้ว"

    การะเกดเขียนลงสมุด เพื่อไล่เรียงว่ามีเหตุการณ์อะไรที่เกิดขึ้นกับอัสมันในแต่ละช่วงเวลาบ้าง เผื่อว่าบางทีอาจจะช่วยในการตามหาบุคคลปริศนาได้เร็วขึ้น

    "อะไรก็ไม่สำคัญ เท่ากับหน้าที่ผู้หญิงของชีคที่ต้องทำตอนนี้" ชีคดาเนียลพูดเสียงดังฟังชัด

    "อะไรนะ จะให้ทำอะไรบนเครื่องบิน จะบ้าเหรอ ไม่รู้จักเวลาสถานที่บ้างหรือไง" นักข่าวสาวสะดุ้ง ขยับตัวออกห่างชีคดาเนียลทันที

    การะเกดมองไปรอบๆ ด้วยความหวาดระแวง นี่เป็นห้องผู้โดยสารส่วนตัวบนเครื่องบินโดยสารลำเล็กของท่านผู้นำแห่งคาลีจ แน่นอนว่ามันส่วนตัวชนิดที่มีแค่เธอกับเขาสองคนเท่านั้น และคำพูดเมื่อครู่ทำให้คิดไปไกลว่าชีคดาเนียลคิดพิเรนทร์อะไรอยู่

    "นี่ ไม่ต้องมองด้วยสายตาแบบนั้น ฉันไม่ได้หมายความอย่างที่เธอคิด" ชีคหนุ่มอมยิ้มที่มุมปาก เห็นสายตาที่การะเกดมองมาก็รู้ไปถึงความคิดในใจของเธอแล้ว

    "ฉันไม่ได้พาเธอมานั่งอ่านบันทึกกลางอากาศ แต่พามาเพื่อมีเพื่อนคุยระหว่างเดินทาง" เขาเฉลยในที่สุด

    "เพื่อนคุย คุณจะคุยอะไร" การะเกดถามด้วยความแปลกใจ ชีคดาเนียลเนี่ยนะ ต้องการเพื่อนคุยระหว่างเดินทาง ไม่อยากจะเชื่อ

    "เมื่อก่อนเวลาเดินทางฉันมีอัสมันเป็นเพื่อนคุย แต่ตอนนี้เขาไม่อยู่แล้ว" ปลายเสียงชายหนุ่มเศร้าลงเล็กน้อย

    "คุณก็เลยเหงา" หญิงสาวเข้าใจความรู้สึกของคนที่สูญเสีย

    "ความเหงาเป็นเพื่อนฉันมาตลอดชีวิตอยู่แล้ว แต่ตอนนี้มีเธอ เพราะฉะนั้นจงทำหน้าที่ให้หายเหงา"

    "ให้ฉันทำอะไร" การะเกดค่อยโล่งใจขึ้น ท่าทีผ่อนคลายจากเรื่องกังวลใจตอนแรก

    "ทำอะไรก็ได้ ที่ทำให้การเดินทางอันน่าเบื่อมีสีสัน ถ้าทำให้ฉันเพลินจนถึงโอม่าร์ได้ ฉันมีรางวัลให้นะ" ชายหนุ่มเอาของกำนัลมาล่อ

    "แน่นะ" นักข่าวสาวย้ำอีกหน

    "แน่ซิ อยากได้อะไรก็บอกมา ฉันจะจัดการให้ทุกอย่าง" ชีคหนุ่มพูดอย่างอารมณ์ดี

    ผู้หญิงคงไม่อยากได้อะไรนอกจากเสื้อผ้า เครื่องประดับหรือของใช้ที่ทำให้ตนเองดูดีมีคุณค่า การะเกดไม่มีอะไรติดตัวมาจากเมืองไทยแม้แต่นิดเดียว เธอคงอยากได้สิ่งเหล่านั้น แน่นอนว่าเขาสามารถจัดการให้ได้อยู่แล้ว

    "ขอคอมพิวเตอร์และข้าวของที่ฉันติดตัวมาคืนได้ไหม"

    "นี่น่ะเหรอที่เธออยากได้" ชีคหนุ่มย้อนถามด้วยความแปลกใจ

    ทำไมการะเกดถึงไม่เรียกร้องอยากได้ในสิ่งที่ผู้หญิงคนอื่นต้องการ แต่กลับเรียกร้องหาแต่อุปกรณ์เครื่องมือทำมาหากินคู่กายของตนเท่านั้น

    "ใช่ ก็มันเป็นของของฉันนี่นา" หญิงสาวยืนยันคำเดิมว่าต้องการแค่นั้นจริงๆ

    "เธอไม่อยากได้ตุ้มหู สร้อย เพชร นาฬิกา เสื้อผ้า หรืออะไรอย่างอื่นเลยเหรอ"

    "เอามาทำไม ฉันไม่ได้ใช้สักหน่อย คุณให้เครื่องมือทำมาหากินฉันคืนมาเถอะ ของพวกนั้นจะมาช่วยเรื่องคุณอัสมันได้อีก"

    "ช่วยได้เหรอ" ชีคหนุ่มทำหน้าเหมือนไม่เชื่อ

    "ช่วยได้ซิ คืนมาก่อนเถอะแล้วจะบอกว่าช่วยได้ยังไง อ้อ ช่วยจดรหัสล็อกอินของคุณอัสมันให้ด้วยนะ ฉันจะได้ใช้งานได้"

    "ตกลง ตามนั้น" เขารับคำตามที่การะเกดต้องการ

    "ว่าแต่คุณอยากฟังหรืออยากพูดมากกว่ากัน"

    "ได้ทั้งสองอย่าง แต่อย่าให้พูดมากเพราะเดี๋ยวฉันคงต้องพูดอีกเป็นชั่วโมง" ชีคดาเนียลรอดูว่าการะเกดจะมีวิธีคลายเหงาให้กับตนอย่างไรบ้าง

    "ถ้างั้นผลัดกันพูด ขืนฉันพูดคนเดียวคุณต้องหลับแน่ เอางี้ ฉันจะเล่าเรื่องที่ไปทำข่าวน่าตื่นเต้นให้คุณฟัง ส่วนคุณก็เล่าเรื่องที่คุณเจออะไรตื่นเต้นให้ฉันฟัง ตกลงไหม"

    "ได้ งั้นฉันขอรู้ก่อนว่าทำไมเธอมาเป็นนักข่าวได้" ชีคหนุ่มปรับพนักเอนตัวฟังเรื่องเล่าของการะเกดอย่างสบายอารมณ์

    ถ้าให้คะแนน ชีคดาเนียลขอให้คะแนนเต็มสิบ เพราะวันนี้เจ้าหล่อนทำให้ประทับใจหลายอย่าง ทั้งเรื่องชงกาแฟถูกใจ และไม่โกรธที่ผิดนัดสำคัญกะทันหัน รวมถึงตอนนี้ที่ทำให้เพลิดเพลินมีเสียงหัวเราะเมื่อได้ฟังเรื่องเล่าสนุกๆ ของเธอ บางทีความเหงาที่อยู่กับเขามาตลอดชีวิต อาจจะมีสีสันสดใสจากผู้หญิงของชีคเข้ามาแทนที่บ้างแล้วกระมัง

     

    ทั้งคู่มาถึงโอม่าร์ในอีกสองชั่วโมงต่อมา ชีคดาเนียลพาการะเกดมาพักที่โรงแรมหรูริมทะเลซึ่งชายหนุ่มเป็นเจ้าของ ตลอดเวลาที่เดินทางมาเขาหายเหงาเพราะมีเสียงเจื้อยแจ้วของนักข่าวสาวคุยเป็นเพื่อนมาจนถึงที่หมาย

    "โอม่าร์มีทางออกทะเล อาชีพของคนที่นี่ส่วนใหญ่ทำประมง" ชีคดาเนียลอธิบายสั้นๆ ระหว่างที่ทั้งคู่ขึ้นลิฟต์ไปที่ห้องพักด้วยกัน

    "ทะเลสวยมากค่ะ" การะเกดพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

    เมื่อครู่ที่นั่งรถเลียบริมหาดมาโรงแรม เธอตื่นตาตื่นใจกับความสวยงามของทะเลจนอยากจะลงจากรถไปชมความงามให้เห็นกับตา แต่ติดตรงที่ว่าชีคดาเนียลจะต้องไปทำธุระสำคัญทันทีที่ส่งหญิงสาวที่โรงแรม

    ห้องสวีทสุดหรูชั้นบนสุดที่มองเห็นวิวทะเลได้อย่างชัดเจน การะเกดไม่รู้จะมองสิ่งไหนก่อนดี เพราะสวยทั้งห้องพักและบรรยากาศภายนอก

    "รออยู่ที่นี่อย่าออกไปไหน ฉันจะรีบกลับมา" ชีคหนุ่มสั่งกำชับ

    "คุณไปนานมากไหมคะ ฉันอยากลงไปเดินเล่น" การะเกดอยากจะขออนุญาตลงไปสัมผัสความงดงามของทะเลที่ได้แต่มองอยู่ห่างๆ เหลือเกิน

    "เธอไม่ควรลงไปเดินตามลำพัง ไว้กลับมาฉันจะพาไปเอง"

    "แต่ว่า..." การะเกดอึดอัดตายแน่ถ้าต้องอยู่แต่ในห้องแบบนี้

    "อ่านบันทึกของอัสมันไปพลางก่อนแล้วกัน ฉันจะรีบมาให้เร็วที่สุด"  ชีคดาเนียลตัดบทสั้นๆ แล้วรีบหันหลังเดินออกไปจากห้องทันที

    การะเกดถอนหายใจออกมาเบาๆ มองตามหลังชีคหนุ่มด้วยความเสียดาย มาทะเลทั้งทีได้แค่มองแต่ไม่อาจสัมผัส ไม่รู้ว่าเมื่อไรเขาถึงจะเสร็จธุระมาพาเธอไปตามสัญญา

    นี่กระมัง ชีวิตของผู้นำ ที่ทุกลมหายใจเพื่อประชาชนและแผ่นดินของตน

     

    ชีคดาเนียลมาถึงคฤหาสน์ริมทะเลซึ่งเป็นที่พักของผู้นำแห่งโอม่าร์ ชีคจาบริน ซัลวา บุคคลที่คนทั้งโอม่าร์รักและศรัทธาเทิดทูนยิ่งชีวิต

    คาลีจและโอม่าร์เป็นบ้านพี่เมืองน้องกันมาช้านานแล้ว ทั้งสองเมืองมีความสัมพันธ์ที่ดีด้วยกันมาตลอด โดยเฉพาะชีคฟาอิสบิดาของชีคดาเนียลเป็นเพื่อนรักของชีคจาบรินผู้นำโอม่าร์ในเวลานี้

    ทั้งสองเมืองพึ่งพาอาศัยกันในเรื่องค้าขาย โอม่าร์มีทางออกติดทะเลแต่ไม่มีน้ำมันมากเท่าคาลีจ ในขณะที่แผ่นดินคาลีจเป็นทะเลทรายที่ร่ำรวยจากบ่อน้ำมันอันมหาศาลแต่ไม่มีทางออกติดทะเล

    ดังนั้นการเอื้อประโยชน์กันในเรื่องการค้าและการลงทุน จึงมีมาอย่างยาวนานพอๆ กับความสัมพันธ์ของท่านผู้นำทั้งสองที่แน่นแฟ้นยืนยาวด้วยเช่นกัน

    "สวัสดีครับ ท่านอา" ชีคดาเนียลทำความเคารพชีคจาบรินอย่างนอบน้อม

    "ดาเนียล ขอต้อนรับสู่โอม่าร์" ชีคผู้สูงวัยกว่าอ้าแขนต้อนรับผู้มาเยือนด้วยสีหน้ายิ้มแย้มดีใจ

    "ฟาอิสและนาตาชาสบายดีนะ" ชีคจาบรินถามถึงเพื่อนรัก

    "ท่านทั้งสองสบายดีครับ"

    "เข้าไปคุยกันข้างในเถอะ หลานกินอะไรมาหรือยัง" ชีคจาบรินโอบร่างสูงเดินเข้าไปด้านในคฤหาสน์อย่างเป็นกันเอง

    ผู้นำของโอม่าร์และคาลีจใช้เวลาร่วมสองชั่วโมงพูดคุยเรื่องปัญหาชายแดนที่ต้องแก้ไขเร่งด่วน แต่นั่นไม่ใช่สาเหตุสำคัญที่ทำให้ชีคดาเนียลต้องเดินทางมาที่โอม่าร์ในวันนี้

    "หลานจะอยู่ที่นี่กี่วัน" ชีคจาบรินเอ่ยถาม

    "ถ้าไม่มีอะไร หลานก็ว่าจะกลับพรุ่งนี้ และจะรีบไปจัดการเรื่องที่เราคุยกันวันนี้ให้เร็วที่สุด" ชีคหนุ่มตอบอย่างนอบน้อม

    "ช่วงนี้โอม่าร์อากาศดีไม่มีมรสุม ทำไมไม่อยู่พักผ่อนสักสองสามวันล่ะ อีกอย่างตอนนี้ฮาน่าก็มาอยู่ที่นี่กับอาด้วย"

    ชีคดาเนียลนิ่งไปเล็กน้อย ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธใดๆ ทั้งสิ้น เขามาที่นี่เพราะปัญหาเรื่องกลุ่มโจรชายแดนของสองเมือง และต้องการหารือกับท่านผู้นำว่าควรจะจัดการอย่างดี ไม่ได้คิดว่าจะมาพักผ่อนหรือพบเจอใครทั้งสิ้น

    "ที่จริงหลานกับฮาน่าควรจะเจอกันให้บ่อยกว่านี้นะ" ชีคจาบรินเปรยพลางสบตากับชีคหนุ่มที่นั่งตรงข้าม

    ผู้นำคาลีจคนใหม่เข้มแข็งและสง่างามเหมาะสมกับหัวใจแห่งโอม่าร์อย่างที่สุด โอม่าร์ได้เปรียบที่มีทางออกติดทะเล แต่ขาดคนที่จะมาดูแลต่อหากว่าสักวันชีคจาบรินสิ้นลมหายใจไป

    ผู้นำแห่งคาลีจคนนี้เหมาะสมทุกประการที่จะได้ดำรงตำแหน่งเขยขวัญของโอม่าร์ ชีคจาบรินหวังเพียงแค่ว่าความเจริญที่ชีคดาเนียลสร้างให้กับแผ่นดินแห่งผืนทราย จะบังเกิดขึ้นกับโอม่าร์เช่นเดียวกันด้วยตัวเชื่อมที่แน่นหนาของคำว่าครอบครัว

    "ค่ำนี้หลานพอมีเวลาไหม ไปกินข้าวกับฮาน่าสักมื้อก็ได้ เดี๋ยวอาให้คนไปบอกให้ฮาน่าเตรียมตัวก่อน"

    "หลานมีงานอื่นที่ต้องสะสาง ถ้าไงไว้คราวหน้าหลานจะมาเยี่ยมฮาน่าอีกครั้ง" ชีคดาเนียลขอตัวอย่างสุภาพ

    ชีคจาบรินมองตามหลังผู้นำแห่งคาลีจที่ขอตัวกลับไปด้วยสายตาที่ผิดหวัง หัวอกของผู้นำที่มีชีวิตของประชาชนที่ต้องดูแลรู้สึกกังวลเหลือเกิน หากไม่สามารถหาหลักที่มั่นคงมาให้ชาวโอม่าร์ยึดเป็นที่พึ่งได้แล้วล่ะก็ ต่อไปถ้าไม่มีผู้นำคนนี้แล้วชาวโอม่าร์จะอยู่อย่างไร

    การะเกดแสนจะดีใจที่ชีคดาเนียลกลับมาก่อนตะวันตกดิน เพราะเขาทำตามสัญญาด้วยการพาเธอลงมาเดินเล่นริมชายหาดตามที่บอกไว้แต่แรก

    "ทะเลสวยมากเลยค่ะ เสียดายนะคะที่คาลีจไม่มีทะเลสวยๆ แบบนี้" นักข่าวสาวเสียดายอีกอย่างที่ไม่มีกล้องถ่ายรูปไว้บันทึกความสวยงามที่อยู่

    "ถึงไม่มีน้ำทะเล แต่ในทะเลทรายสถานที่สวยๆ อีกหลายแห่งที่เธอยังไม่เคยเห็น การะเกด"

    "เช่นอะไรคะ" หญิงสาวหันมาถามด้วยความอยากรู้

    การะเกดรู้สึกใจเต้นไม่เป็นจังหวะเมื่อสบสายตากับท่านผู้นำแห่งคาลีจในเวลานี้ แววตาอ่อนโยนและสุภาพที่ปรากฏในดวงตาคู่คมทำให้นักข่าวสาวต้องเบือนหน้าหนี ไม่กล้าสบสายตาคมที่จ้องมองตนในเวลานี้ มันร้อนๆ หนาวๆ ทำอะไรไม่ถูก

    เรื่องหนักอกที่มีอยู่ในสมองหายไปหลบซ่อนที่ไหนไม่รู้ เพียงแค่กลับมาถึงโรงแรมได้เห็นหน้าหญิงสาว และพาเจ้าหล่อนลงมาเดินเล่นรับลมทะเล ความตึงเครียดกับปัญหาที่หนักอึ้งก็หายไปทันที ตอนนี้ชีคดาเนียลรู้สึกสบายใจมีความสุขและผ่อนคลายอย่างที่สุด

    "รู้จักโอเอซีสไหม คาลีจมีโอเอซีสงดงามหลายที่ ไว้วันหลังจะพาไปดู" ชีคหนุ่มก้าวมายืนข้างๆ การะเกดที่มองท้องทะเลตรงหน้าเพื่อดับความร้อนรุ่มในใจ

    "เรือประมงจะอยู่ทางด้านโน้น" เขาชี้ไปทางขวา

    "เรือลำใหญ่ที่เห็นส่วนมากเป็นเรื่องของนักท่องเที่ยว ถ้านั่งเรือออกไปสักครึ่งชั่วโมงจะมีเกาะเล็กๆ ของโอม่าร์ ที่นั่นมีวิหารสำคัญและมีบ้านพักของท่านชีคอยู่"

    "อนุญาตให้นักท่องเที่ยวและประชาชนไปเที่ยวที่นั่นได้ด้วยเหรอคะ"

    "ได้ซิ ที่นั่นเงียบสงบเหมาะสำหรับการพักผ่อน ไม่อนุญาตให้สร้างสิ่งปลูกสร้างตึกสูงพวกนี้เพราะบดบังทัศนียภาพ ทางการโอม่าร์ต้องการให้คนที่ไปเที่ยวได้สัมผัสธรรมชาติจริงๆ จึงพยายามคงไว้ซึ่งความเป็นอยู่แบบดั้งเดิมให้มากที่สุด"

    "ว้าว น่าสนใจมากเลยนะคะ" น้ำเสียงหญิงสาวตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด

    "อยากไปหรือเปล่า ถ้าอยากไปไว้คราวหน้าจะพาไป" ชีคหนุ่มเอ่ยอย่างอารมณ์ดี

    "คุณจะกลับมาโอม่าร์อีกเหรอคะ"

    "กลับซิ เราจะกลับมาที่นี่อีก" เขาเน้นคำว่าเราชัดเจน จนการะเกดรู้สึกได้

    "ฉันไปไหน เธอก็ต้องไปด้วย การะเกด" ชีคดาเนียลหันมาสบตาเธออีกครั้ง

    "เพราะเธอเป็นผู้หญิงของชีค เป็นผู้หญิงของฉัน จำไว้"

    น้ำเสียงหนักแน่นของชายหนุ่มเหมือนตอกย้ำลงไปในหัวใจของการะเกดให้ชัดเจนในฐานะของตนมากยิ่งขึ้น ในขณะเดียวกันคนพูดก็กำลังย้ำกับตนเองให้ชัดเจนอีกครั้งว่า ชีวิตนี้เขามีคนอีกคนที่ต้องดูแลไปตลอดชีวิต และไม่มีวันที่จะทอดทิ้งหรือห่างไกลจากเธอเป็นอันขาด

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×