คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : ตอนที่ 8
การเผชิญหน้าระหว่างชมพูนุชและศิวนาถยังเป็นชะตากรรมที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ถึงแม้ว่าหญิงสาวจะไปพบคุณหญิงประภาเพื่อเจรจาเรื่องเงินสิบล้าน ด้วยการนำเงินเก็บที่มีทั้งหมดมาชดใช้ให้ก่อน
แต่คุณหญิงประภาไม่รับและบอกเพียงว่านี่เป็นความช่วยเหลือของเพื่อนเก่า ที่สำคัญก็คือบิดาของหญิงสาวรับปากว่าจะหาเงินมาคืนให้เร็วที่สุด
‘เรื่องเงินที่บ้านหนูยืมไปไม่ต้องไปสนใจมัน มีเมื่อไรก็ค่อยเอามาให้ไม่มีก็ไม่ต้อง แล้วหนูก็ไม่ต้องสนใจเรื่องเงินอีกนะ ป้าอยากให้หนูลงเอยกับตาใหญ่เร็วๆ มากกว่า’
เท่ากับว่าตอนนี้ภาระเรื่องครอบครัวนั้นชมพูนุชไม่จำเป็นต้องแบกไว้บนบ่าให้หนักเหมือนเก่า แต่เรื่องที่รุนแรงมากกว่านั้นก็คือ ความเปลี่ยนไปของชีวิตที่หญิงสาวต้องคิดและหาทางออกให้เร็วที่สุดแล้วว่าจะทำอย่างไร ถึงจะไม่ต้องเจอกับศิวนาถอีก
ดังนั้นเช้านี้เธอจึงแวะไปสมัครงานอีกบริษัททิ้งไว้ และคิดว่าจะสมัครงานไปเรื่อยๆ เพื่อหาทางไปจากครอบครัวประวันวิทย์ให้เร็วที่สุด รวมถึงตั้งใจว่าจะนำเงินในบัญชีห้าล้านบาทนี้มอบให้ครอบครัว เพื่อช่วยสมทบเงินยืมก้อนนี้ให้จบเร็วที่สุด
เป้าหมายเดียวของชมพูนุชก็คือ…
หมดหนี้สิ้น หมดความสัมพันธ์ ไม่ต้องเจอกับศิวนาถตลอดชีวิต
“คุณใหญ่เป็นอะไรหรือเปล่าคะ” ชมพูนุชเปิดประตูห้องทำงานเข้ามายังไม่ทันวางกระเป๋า ก็เห็นสีหน้าเคร่งเครียดของคนที่นั่งอยู่ก่อนแล้ว
“ญาดาไม่ยอมพูดกับผมเลย เอาแต่ทำงานเวลามีอะไรที่เกี่ยวกับผมก็ใช้วิธีส่งอีเมล์ โทรศัพท์มาพูดแค่สองสามคำแล้วก็วางหู” ท่านประธานหนุ่มถอนหายใจอีกครั้ง
“คุณญาดากับคุณใหญ่ยังเคลียร์กันไม่ลงตัวอีกเหรอคะ” ชมพูนุชฟังแล้วอดเป็นห่วงไม่ได้
“ญาดาไม่คุยกับผมเลย เอาแต่หลบหน้า”
“ให้นุชคุยให้ไหมคะ” ชมพูนุชเห็นใจญาดามากที่สุด และอยากช่วยให้สบายใจเพื่อให้ทุกอย่างลงตัว
“นุชจะพยายามเข้าหาตีสนิทและหาทางทำให้คุณใหญ่ได้คุยกับเธอดีไหมคะ นุชจะทำเหมือนว่าไม่รู้เรื่องคุณสองคน พอมีโอกาสคุณใหญ่ต้องรีบง้อแล้วปรับความเข้าใจนะคะ”
“ทำแบบนั้นจะยิ่งเข้าใจผิดมากไปกว่าเดิมไหมครับ” ชายหนุ่มห่วงความรู้สึกของคนรัก
ตอนนี้ญาดาเข้าใจว่าชมพูนุชและตนกำลังจะแต่งงานกัน แม้ว่าชโยดมจะยืนยันว่ารักเธอเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง แต่ญาดาก็ไม่ฟัง ดังนั้นการให้ชมพูนุชเข้าหา จะกลายเป็นว่าทำให้ญาดายิ่งห่างจากตนมากไปอีกหรือไม่
“นุชบอกแล้วไงคะ ว่านุชจะช่วยหาโอกาสให้คุณใหญ่ได้คุยกับคุณญาดาตามลำพัง เพราะฉะนั้นเวลาที่คุณใหญ่ได้โอกาสคุยกับเธอ คุณใหญ่ต้องรีบอธิบายบอกความจริงซะ แค่นี้ทุกอย่างก็น่าจะโอเคขึ้น”
“งั้นตกลงตามนี้ครับ คุณนุชช่วยผมด้วยนะ ผมอยากให้ญาดามีรอยยิ้มไม่ทำหน้าเศร้าเหมือนตอนนี้” ชโยดมอดห่วงคนรักไม่ได้ ทุกครั้งที่เห็นหน้าญาดาไม่ร่าเริงมีรอยยิ้มเหมือนก่อนเลย ยิ่งทำให้เขาทุกข์ใจไม่แพ้กัน
“งั้นนุชออกไปหาคุณญาดาก่อนนะคะ” ชมพูนุชเริ่มงานทันที ลุกขึ้นเปิดประตูเดินออกไปหาเลขาหน้าห้องคนสวย เพื่อช่วยจัดการเรื่องของหัวใจคนอื่นให้ลงตัวเสียที
ชมพูนุชค่อยๆ ผูกมิตรกับญาดาจนอีกฝ่ายมีทีท่าที่เป็นมิตรตอบกลับมา ชมพูนุชอาศัยความช่างพูดชวนเลขาสาวไปกินข้าวกลางวันได้สำเร็จ ซ้ำยังช่วยหาทางให้ชโยดมได้กินข้าวกลางวันร่วมกับญาดาเป็นครั้งแรกนับจากวันที่เกิดเรื่องด้วย
“พอดีนุชเจอเพื่อนค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ คุณญาดากับคุณใหญ่กินข้าวไปก่อนเลย ไม่ต้องรอนุชนะคะ” ชมพูนุชขยิบตาให้ชโยดมรู้ว่านี่คือแผนก่อนจะรีบเดินออกไปจากร้านอาหารที่ชวนญาดามากินข้าว
“ดิฉันขอตัวนะคะ” ญาดาทำท่าจะเดินออกอีกคน แต่ชโยดมคว้าข้อมือหญิงสาวไว้
“กินข้าวกับผมสักมื้อได้ไหม” น้ำเสียงและสายตาอ้อนวอนขออย่างน่าสงสาร
“ตั้งแต่เช้าผมยังไม่ได้กินอะไรเลยนะ”
ญาดาลังเล ใจหนึ่งก็อยากกินข้าวกับเขาเหมือนเมื่อก่อน แต่อีกใจก็ต้องพยายามบอกตนเองว่า ระหว่างเราสองไม่มีทางเป็นไปได้
ตัวจริงของชโยดมคือชมพูนุช และการที่เธอรับไมตรีจากหญิงสาวก็เพราะชื่นชอบในอัธยาศัยอันเป็นมิตร แต่สำหรับชโยดมทุกอย่างต้องตัดและจบลงให้เร็วที่สุด
“ญาดา กินข้าวกับผมนะ”
ชโยดมจับมือเธอเดินเข้าร้านอาหารอีกครั้ง เลือกที่นั่งที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัวตามลำพังสองต่อสอง จัดแจงสั่งอาหารที่หญิงสาวชอบและทำทุกอย่างเหมือนที่เคยเป็นมาตลอด
หัวใจญาดาอ่อนแออีกครั้ง เมื่อชโยดมป้อนกุ้งทอดที่เธอชอบเข้าปาก แววตาที่แสนมีความสุขและเต็มไปด้วยความรักของท่านประธานหนุ่ม ทำให้เลขาสาวลืมเลือนความตั้งใจที่มีแต่แรกของตนว่าจะลืมเขาไปจากชีวิต
ชโยดมอยากขอบคุณชมพูนุชสักร้อยครั้ง ที่ทำให้วันนี้เขามีโอกาสได้กลับมานั่งกินข้าวกับผู้หญิงที่รักที่สุดในชีวิต อาหารบนจานรสชาติอร่อยแค่ไหนยังไม่สุขใจเท่า การที่ญาดายอมรับกุ้งทอดและอาหารอื่นที่เขาป้อนให้เธอด้วยความรัก และมอบตอบแทนกลับมาด้วยการตักอาหารที่ชายหนุ่มชอบไว้ในจานให้เหมือนเฉกเช่นครั้งก่อน
ช่วงเวลากินข้าวแค่ชั่วโมงเดียว ทำให้หัวใจท่านประธานหนุ่มชุ่มฉ่ำด้วยรักอย่างมีความสุข พอๆ กับรอยยิ้มบนใบหน้าของญาดาที่กลับมาสดใสอีกครั้งหนึ่ง
ชโยดมเดินฮัมเพลงอย่างมีความสุขกลับเข้ามาในตอนบ่าย ชมพูนุชเห็นแล้วก็เดาได้ว่าเขาปรับความเข้าใจกับญาดาได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“ขอบคุณคุณนุชมากเลยนะครับ มื้อเที่ยงนี้ผมจะจำไปจนวันตายเลย”ชโยดมพูดจากใจจริง
ไม่มีอะไรจะมีความสุขไปมากกว่าการมีญาดาอยู่เคียงข้างในชีวิตแล้ว การได้คนรักกลับมาแม้ในเวลาสั้นๆ แต่มันทำให้ท่านประธานหนุ่มตัดสินใจที่จะกระทำบางอย่าง เพื่อพิสูจน์ความรักที่มีต่อญาดาเท่านั้น
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ คุณใหญ่ก็พูดเกินไป ว่าแต่คุณญาดาโอเคแล้วใช่ไหมคะ”
“ผมมีอีกเรื่องอยากให้คุณนุชช่วยจะได้ไหมครับ” ท่านประธานหนุ่มคิดหาหนทางที่จะทำให้สิ่งที่หวังสำเร็จ
“อะไรคะ”
“ผมจะขอคำปรึกษาว่า ถ้าผมจะขอญาดาแต่งงานควรทำอย่างไรดีครับ”
“ข่าวดีที่สุดเลยค่ะ”
เป็นเรื่องดีที่สุดเลยก็ว่าได้ที่ชโยดมตัดสินใจจะขอญาดาแต่งงาน ชมพูนุชเอาใจช่วยให้ทุกอย่างลงตัวโดยเร็วที่สุด และหวังว่าท่านประธานหนุ่มจะหาวิธีทำให้เจ้าสัวบรรพตและคุณหญิงประภายอมรับความรักครั้งนี้ให้เร็วที่สุดด้วยเช่นกัน
ศิวนาถหายไปจากชีวิตของชมพูนุชหลายวันเลยทีเดียว ทั้งคู่อยู่ในอาคารเดียวกัน ชั้นเดียวกันในระยะห่างเพียงไม่กี่ห้อง แต่เหมือนกลับว่าต่างคนต่างมีโลกของตนที่ไม่เกี่ยวข้องกันแม้แต่น้อย
ชมพูนุชรู้สึกสบายใจขึ้นที่ไม่มีใครมาราวีหรือย้ำเตือนเรื่องราวความลับในหัวใจที่อยากจะลืม ถึงแม้ว่าในความเป็นจริงนั้นทุกครั้งที่ประตูห้องทำงานของชโยดมเปิด หัวใจเจ้ากรรมมันจะตื่นเต้นและคอยดูเสมอว่าใครที่ก้าวเข้ามาในเวลานั้น
ไม่มีเงาของศิวนาถเลยแม้แต่น้อย ชโยดมเองก็ไม่ได้พูดถึง ชมพูนุชไม่รู้ว่าเขาไปไหนและบอกกับตัวเองว่า ไม่ว่าผู้ชายคนนี้จะอยู่ในมุมใดของโลกก็ไม่เกี่ยวข้องกับเธอแม้แต่น้อย
สิ่งที่ตนเองควรทำคือการหาหลักในชีวิตที่มั่นคงด้วยการยื่นใบสมัครไปยังบริษัทต่างๆ ที่เปิดรับพนักงานในตำแหน่งที่คิดว่าเหมาะสมและทำได้ รวมถึงทำหน้าที่เป็นแม่สื่อแม่ชักลับหลังให้ท่านประธานหนุ่มกับญาดา ได้มีโอกาสใกล้ชิดสนิทสนมกันมากขึ้น
“คุณนุชครับ เที่ยงนี้ว่างไหม ไปกับผมหน่อย” ชโยดมเอ่ยปากชวน
“ไปไหนคะ คุณใหญ่ไม่ไปกินข้าวกับคุณญาดาเหรอ”
“ญาดาต้องไปกินข้าวกลางวันงานวันเกิดกับเพื่อนๆ ครับ ผมก็เลยปล่อยให้ไป” น้ำเสียงและสีหน้าท่านประธานหนุ่มดูชุ่มชื่นกว่าแต่ก่อน
ญาดายอมพูดคุยด้วยแม้จะยังไม่เหมือนเดิมสักเท่าไร แต่เขาก็รู้เต็มอกว่าความรู้สึกที่หญิงสาวมีนั้นไม่เปลี่ยนแปลง อีกทั้งเขาตัดสินใจแล้วว่าจะเดินหน้าต่ออย่างไรกับความรักของตัวเองดีแล้ว ดังนั้นเรื่องนี้จึงต้องขอให้ชมพูนุชช่วย
ชโยดมพาชมพูนุชมาที่ร้านเพชรแห่งหนึ่งในห้างสรรพสินค้าชื่อดัง จุดประสงค์ก็คือต้องการให้หญิงสาวมาช่วยเลือกแหวน เพื่อจะจัดการขอญาดาแต่งงานตามที่ตั้งใจไว้ เมื่อรู้ความต้องการของชายหนุ่มเช่นนี้แล้ว ชมพูนุชจึงยินดีและเต็มใจช่วยเป็นอย่างยิ่ง
“ขอบคุณคุณนุชมากนะครับ”
ชโยดมเอ่ยคำขอบคุณหลังจากที่เลือกแหวนวงสำคัญเสร็จเรียบร้อย และกำลังจะเดินออกมาหาข้าวกลางวันกินกับหญิงสาว
“เรื่องเล็กน้อยเองค่ะ นุชว่าคุณญาดาต้องชอบแน่ๆ คุณใหญ่จะบอกเธอเรื่องแต่งงานเมื่อไรคะ”
“เสาร์อาทิตย์นี้ผมต้องไปตรวจงานที่หัวหิน จะพาญาดาไปด้วยคิดว่าจะบอกที่นั่นครับ”
“ดีเลยค่ะ บรรยากาศเป็นใจรับรองว่าคุณญาดาต้องดีใจและมีความสุขมากแน่ๆ”
“ผมก็หวังว่าจะเป็นอย่างนั้น อยากให้คุณนุชไปด้วยไม่ทราบว่าสะดวกไหมครับ”
“เสาร์นี้เหรอคะ ได้ค่ะ นุชไปได้ ถ้าคุณใหญ่มีอะไรให้นุชช่วยบอกได้เลยนะคะ ไม่ต้องเกรงใจ”
ทั้งคู่เดินเข้าร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อดังสำหรับข้าวกลางวันมื้อนี้ ชโยดมเล่าเรื่องการเดินทางไปหัวหินและแผนการที่วางไว้ สำหรับจะขอญาดาแต่งงานด้วยสีหน้ายิ้มแย้มมีความสุข
โดยมีชมพูนุชนั่งฟังอย่างตั้งใจและให้คำแนะนำในบางจุดที่คิดว่าเหมาะสม ทั้งสองถ้อยทีถ้อยอาศัยกันอย่างเป็นกันเองและเอื้ออาทรต่อกัน บางครั้งท่านประธานหนุ่มก็คีบอาหารใส่จานให้คู่สนทนาที่แสนดี หรือบางทีชมพูนุชก็ช่วยหยิบโน่นนี่ที่อีกฝ่ายต้องการด้วยรอยยิ้ม ช่างเป็นความหอมหวานในบรรยากาศแสนดีเสียเหลือเกิน
หากแต่มันคือไฟที่กำลังแผดเผาใครคนใดคนหนึ่ง ที่ยืนจ้องมองอยู่จากอีกฟากของร้านอาหาร
การประชุมในช่วงบ่ายนี้พูดถึงเรื่องการเดินทางไปตรวจงานที่หัวหิน ซึ่งมีผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมด้วยอย่างพร้อมเพรียงกัน ชมพูนุชใจเต้นเมื่อเห็นศิวนาถเดินเข้าห้องมา และนั่งอยู่ที่เก้าอี้ตัวถัดไปจากชโยดม ส่วนตัวเธอนั้นนั่งอยู่ด้านหลังเยื้องจากเก้าอี้ท่านประธาน ล
แม้จะไม่ได้เห็นกันถนัดแต่ก็รู้สึกได้ว่ามีสายตาของใครบางคนกำลังจ้องมองอยู่ ซึ่งทำให้ชมพูนุชจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวกับการจดรายงานการประชุมในวันนี้
“เราเดินทางกันตั้งแต่วันศุกร์เย็นเลยดีกว่าครับ เรื่องการเดินทางและสถานที่พักเดี๋ยวผมให้ญาดาจัดการ และจะประสานแจ้งทุกคนอีกทีภายในเย็นนี้” ชโยดมสรุปการประชุมที่มายาวนานเกือบสองชั่วโมง ทุกคนรู้หน้าที่และลุกขึ้นเตรียมกลับไปทำงานตามหน้าที่ของตนต่อ
ญาดาถูกชโยดมเรียกให้ตามไปที่ห้องทันทีที่การประชุมเสร็จสิ้น ชมพูนุชอาสาช่วยเก็บของในห้องประชุมแทน ตั้งใจว่าจะให้ทั้งคู่ได้อยู่ด้วยกันโดยไม่มีตนเองในห้อง พนักงานทุกคนทยอยลุกออกไปทีละคนจนเกือบหมด
ศิวนาถลุกขึ้นเป็นคนสุดท้ายและทำท่าว่าจะเปิดประตูออกไป แต่แล้วกลับกดล็อกประตูห้องประชุม แล้วหันมาหาคนที่กำลังเก็บเอกสาร
“ทำไมเธอยังอยู่ที่นี่อีก” ชายหนุ่มถามเสียงกระด้าง ย่างก้าวเข้าไปหาชมพูนุชด้วยสีหน้าบึ้งตึง กว่าหญิงสาวจะรู้ว่าเหลือกันแค่สองคนในห้องเท่านั้น ก็ตอนที่ศิวนาถกระชากตัวเข้าไปหาแล้ว
“ปล่อยนะ” ชมพูนุชดิ้นพยายามจะเอาตัวออกห่าง ยิ่งดิ้นศิวนาถก็ยิ่งรัดและดูเหมือนว่าเวลานี้เขาจะโมโหมากเสียด้วย
“จะดิ้นทำไมหนักหนา ทำไมไม่ออดอ้อนเหมือนคืนนั้นล่ะ”
“อย่ามาถูกตัวฉัน ออกไปห่างๆ”
“ทำเป็นหยิ่งกับเงินสิบล้าน มันน้อยไปใช่ไหมถึงได้ยังอยู่ที่นี่อีก คิดจะกอบโกยอีกเท่าไร เธอเห็นพวกเราโง่เป็นควายขนาดนั้นหรือไง” เขาตะคอกถามเสียงดังลั่น
“พูดบ้าอะไรของคุณ ฉันไม่รู้เรื่อง ปล่อยนะ” ท่าทีดุดันของเขาทำให้รู้สึกกลัวจนไม่อยากอยู่ใกล้
“หลอกคนอื่นได้ แต่หลอกฉันไม่ได้หรอกนะ”
“คุณศิวนาถ ปล่อย”
ชมพูนุชสะบัดตัวหนี ไม่คิดจะถามหรืออธิบายใดๆ ทั้งสิ้น ยิ่งพยายามหนีห่างศิวนาถก็ยิ่งกอดรัดแน่น คนหนึ่งอยากหนีให้ห่างแต่อีกคนกลับดึงเอาไว้
“ชมพูนุช ฉันขอสั่งให้เธอเลิกพฤติกรรมแย่ๆ ซะ ก่อนที่ฉันจะหมดความอดทนกับเธอ” น้ำเสียงชายหนุ่มกร้าวดวงตาวาววับจับจ้อง
“ฉันไม่รู้ว่าคุณพูดเรื่องอะไร และฉันก็ไม่อยากคุยกับคุณด้วย ปล่อย” สาวน้อยรวบรวมเรี่ยวแรงผลักร่างกำยำที่กอดรัดออกห่าง พอได้จังหวะก็หันหนีแต่ศิวนาถก็คว้าตัวเธอไว้ได้อีกครั้ง
“ปล่อย”
ชมพูนุชกระเสือกกระสนหนี เอวสวยได้รูปถูกรัดแน่นหนาแม้จะพยายามแงะมือที่โอบกอดให้ปล่อยเท่าไร แต่มันก็ไม่สะทกสะท้าน
“ทำไมเธอไม่ไป ทำไมต้องให้ฉันเห็นหน้าอีก เธอต้องการอะไรชมพูนุช ต้องการอะไรอีก” ศิวนาถเอ่ยถามที่ข้างหู เรี่ยวแรงที่โอบกอดแทบจะกลืนกินร่างเล็กให้หายไปกับตนเลยทีเดียว
เขาไม่รู้ว่า ทำไม …
ทำไม ... ถึงต้องกอดชมพูนุชแน่นเสียขนาดนี้
ไม่เข้าใจว่า ทำไม... ถึงไม่ยอมปล่อยทั้งที่รู้ว่าเธอคือผู้หญิงหน้าเงิน ที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับคนในครอบครัวด้วยการเอาตัวเองเข้าแลก
เขาไม่รู้ว่า ทำไม ... ถึงได้หมดอารมณ์กินข้าวและใช้ความอดทนในการนั่งอยู่ที่โต๊ะนั้นมากและนานที่สุดเท่าที่เคยเป็นมาตลอดชีวิต
เพียงแค่เห็นชมพูนุชและชโยดมกินข้าวด้วยกัน ที่ร้านอาหารตรงข้ามอย่างมีความสุข
เขาไม่เข้าใจเลยว่า ทำไม ...ถึงรู้สึกโกรธพี่ชายตัวเองที่ยอมให้ชมพูนุชอยู่ใกล้และสนิทสนมด้วย ทั้งที่ทีแรก ชโยดมเอ่ยปากหนักแน่นว่าไม่ต้องการผู้หญิงคนนี้
แต่พอเอาเข้าจริงศิวนาถเข้าใจว่า เพราะพี่ชายสุดที่รักทนต่อความเจ้าเล่ห์ร้อยยั่วยวนของเจ้าหล่อนไม่ไหวต่างหาก ถึงได้ให้ความใกล้ชิดสนิทสนมเช่นนี้
ไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจเลยว่า ทำไม …
ทำไม ... เขาถึงต้องทำตัวให้วุ่นวาย ออกนอกบริษัททุกวัน เพื่อที่จะไม่ต้องนั่งอยู่ในออฟฟิศ แล้วทนนึกถึงใครบางคนที่อยู่ห้องใกล้ๆ
หมดกัน นี่ ศิวนาถไม่รู้จักตัวเองแล้วหรือนี่
“ปล่อยฉัน คุณศิวนาถ” ชมพูนุชเอ่ยขึ้นพร้อมกับแกะมือที่โอบเอวสวยไว้ออก
หัวใจเธอเต้นรัวทุกครั้งที่เขาสัมผัส เนื้อตัวร้อนวูบวาบทุกครั้งที่อยู่ใกล้ รู้สึกดีใจที่ได้พบหน้าแม้ว่าจะไม่แสดงออก แต่อย่างน้อยความว้าวุ่นและรอคอยที่มีมาในตลอดหลายวันก็หายไปเพียงแค่เห็น
มันไม่ควรเป็นเช่นนี้ ชมพูนุชไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงดีใจที่ได้เห็นหน้าทั้งที่ควรจะอยู่ห่าง
“วันนี้เธอไปไหนมา” ชายหนุ่มเอ่ยถาม น้ำเสียงอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด แต่ยังไม่ยอมปล่อยคนในอ้อมกอดให้เป็นอิสระ
“ฉันถามว่าไปไหนมา” เขาถามซ้ำเมื่ออีกฝ่ายยังเฉยไม่ยอมตอบ
“ออกไปข้างนอกกับคุณใหญ่มาค่ะ” ชมพูนุชเอ่ยเสียงเรียบ หยุดการดิ้นรนหนีเมื่อเขาคลายกอดที่แน่นลง
“ไปทำอะไร” ศิวนาถหยั่งเชิงถาม อยากรู้ว่าชมพูนุชจะพูดความจริงทั้งหมดหรือไม่
“ฉันไปช่วยคุณใหญ่เลือกแหวน แล้วก็เลยไปกินข้าว” สาวน้อยพูดความจริงทุกอย่าง เพียงแต่ไม่ได้ลงรายละเอียดในเรื่องที่พูดเท่านั้น
“อะไรนะ พูดใหม่ซิ ไปไหน”
คราวนี้ท่าทีที่อ่อนลงกลับกลายเป็นพายุใหญ่ที่พัดเข้ามาอีกรอบ และดูท่าว่าพายุลูกนี้จะไม่สงบลงง่ายๆ แน่ เมื่อศิวนาถกระชากทีเดียวร่างเล็กก็หันหลังกลับมาเผชิญกับคนหน้ายักษ์ ที่แทบจะเคี้ยวกลืนเธอให้หายไปต่อหน้าต่อตา
“ไปซื้อแหวน หมายความว่าไง เธอกล้าหลอกพี่ชายฉันขนาดนี้เชียวหรือ” ศิวนาถตะคอกถามเสียงดัง ชมพูนุชตกใจไม่คิดว่าเขาจะโมโหขึ้นมาอีก
“นอนกับน้องแต่ไปยั่วพี่ให้ซื้อแหวนให้ เอาอะไรไปแลกล่ะ พี่ใหญ่ถึงได้พาไปซื้อแหวน ไม่ละอายแก่ใจเลยใช่ไหม”
“คุณเข้าใจผิด มันไม่ใช่อย่างที่คุณคิด ฉันไม่ได้....”
“ฉันเห็นเต็มสองตา เธอไม่ต้องมาแก้ตัวอะไรทั้งนั้น ระริกระรี้ที่ร้านอาหาร นึกว่าฉันไม่รู้เหรอว่าเธอคิดอะไร”
ทีแรกแค่เห็นว่าไปกินข้าวด้วยกัน ศิวนาถก็ตำหนิหญิงสาวในใจเสียมากมายแล้ว พอรู้ว่ามีการไปเลือกซื้อแหวนด้วยกันอีก
คราวนี้เขาหมดความอดทนกับผู้หญิงที่ชื่อชมพูนุชจริงๆ แล้ว ผู้หญิงหน้าเงินที่ทำทุกอย่างเพื่อกอบโกยผลประโยชน์ และหลอกทุกคน อย่างใสซื่อเช่นนี้ ไม่สมควรได้รับความปรานีใดๆ ทั้งสิ้น
ที่สำคัญ ไม่ควรแม้แต่จะเอาคาวราคีมาแปดเปื้อนครอบครัว ของเขาด้วย
“มันไม่ใช่อย่างที่คุณคิด ฉันแค่ช่วยคุณใหญ่เท่านั้น” ชมพูนุชพยายามจะอธิบายแต่ก็ไม่เป็นผล เมื่อเลือดร้อนด้วยความโกรธขึ้นหน้าขึ้นตาคนฟังเสียแล้ว
“ช่วยตัวเองมากกว่าล่ะมั้ง ผลประโยชน์ของครอบครัวเธอ เงินที่ต้องไปหมุนในธุรกิจ สิบล้านที่ได้ไปมันยังน้อยไม่พอใช่ไหม เท่าไรถึงจะเลิกยุ่งกับครอบครัวฉัน”
“คุณรู้” ชมพูนุชสบตาคนพูด
แค่เห็นแววตาแห่งการดูถูกดูแคลนในดวงตาคู่คมที่จ้องราวกับจะกินเลือดกินเนื้อคู่นั้นแล้ว เธอก็ไม่ต้องเดาอะไรให้ยาก ศิวนาถรู้ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับตนเอง
แต่สิ่งหนึ่งที่เขาไม่รู้ นั่นก็คือ การแลกเปลี่ยนนี้เธอไม่ได้เต็มใจ แต่เพราะสถานการณ์บีบบังคับให้เป็นไปเช่นนั้น ที่สำคัญทุกคนในครอบครัวพยายามช่วยกันหาเงินมาเติมให้ครบสิบล้าน เพื่อส่งคืนครอบครัวประวันวิทย์ให้เร็วที่สุด
“เงินสิบล้านแลกกับตัวเธอ ศักดิ์ศรีเธอ และ...” ความรักที่แสนมุ่งมั่นของผู้ชายคนหนึ่ง ศิวนาถเก็บคำพูดนี้ไว้ในใจ
เขานึกสงสารและดีใจกับเพื่อนรัก ที่ได้โอกาสหลุดพ้นจากผู้หญิง หน้าเงินคนนี้ จรัลควรจะรู้ว่าชมพูนุชไม่ใช่น้องนุชคนเดิมของตนอีกต่อไปแล้ว
หรือจะว่าไปก็คือ หน้ากากที่เคลือบด้วยความเห็นแก่ได้ถูก กระชากออก เพื่อให้เห็นธาตุแท้ตัวตนจริงของชมพูนุชแล้วต่างหาก
“ฉันไม่ได้ต้องการให้มันเป็นแบบนั้น” ชมพูนุชพูดจากใจจริง แต่ ความจริงจากปากกลายเป็นคำเสแสร้งในสายตาของศิวนาถ
“เลิกเล่นละครต่อหน้าฉันได้แล้ว ถ้าเธอไม่ต้องการให้มันเป็น อย่างที่พูด แล้วทำไม ทำไมถึงไม่ไปจากที่นี่ ยังเสนอหน้าอยู่อีกทำไม” เขาตะคอกซ้ำอีกครั้ง
“คุณ” หญิงสาวสะอึกพูดไม่ออก
ยิ่งเห็นสายตาแห่งความดูแคลน ที่แฝงไปด้วยความเกลียดชังใน แววตาคู่นั้นแล้ว ชมพูนุชจุกที่กลางอกพูดไม่ออกจริงๆ
“ฉันอุตส่าห์ไม่ติดใจเรื่องเงินสิบล้านก้อนนั้น และยกให้เป็นค่า ทำขวัญกับความซวยที่ต้องมาเกี่ยวข้องกับเธอเพราะเรื่องบ้าๆ นั้น แถมเงินให้ไปตั้งตัวอีกสิบล้าน แต่เธอกลับหยิ่งจองหองทิ้งเงินก้อนนั้น ปาก บอกว่าไม่ต้องการแต่ลับหลังกลับไปยั่วพี่ชายฉัน เพราะมีเป้าหมายว่าจะเข้ามาเป็นสะใภ้ตามแผนที่วางไว้แต่แรก เธอนี่มันหน้าเงินจริงๆ เลยนะ ชมพูนุช ฉันไม่เคยเห็นผู้หญิงคนไหนน่ารังเกียจเท่าเธอมาก่อนเลยใน ชีวิต”
“คุณศิวนาถ”
ดวงตาคู่สวยมีน้ำใสคลอเบ้าและหลั่งรินออกมาเป็นหยดแรก เพื่อสังเวยคำต่อว่าที่ไร้เหตุผลและเต็มไปด้วยอารมณ์แห่งความโกรธเกลียดของเขา
ชมพูนุชป้ายน้ำตาที่ร่วงให้แห้งหาย พยายามจะเรียกกำลังใจ ตัวเองกลับมาเพื่อกลบเกลื่อนความอ่อนแอที่แทบยืนไม่ไหว
“อยากได้เท่าไรว่ามา เธอถึงจะยอมออกไปจากชีวิตพี่ชายฉัน” ชายหนุ่มจ้องหน้า
น้ำตาที่ร่วงหล่นคือกลลวงที่ผู้หญิงหน้าเงินคนนี้สร้างมาหลอกล่อ เขาบอกตัวเองว่าอย่าใจอ่อนเด็ดขาด จะไม่มีความรู้สึกใดๆ หลงเหลือให้กับชมพูนุชอีกต่อไป นอกจากความเกลียดชังผู้หญิงหน้าเงินคนนี้
“ฉันถามว่าเธอต้องการอีกเท่าไร ทำไมไม่พูด” เขาตะคอกถามซ้ำ สองมือบีบไปที่ต้นแขนเล็กสุดแรง
“บอกมาซิ จะเอาอีกเท่าไร เท่าไรถึงจะพอกับความโลภมากของเธอ” ศิวนาถเขย่าร่างเล็กจนสั่นไปทั้งตัว
ชมพูนุชทั้งตกใจและเสียใจกับคำพูดที่ถากถางหัวใจของเขา น้ำตาเจ้ากรรมไหลรินอีกครั้งอย่างกลั้นไม่ได้
“อย่ามาใช้น้ำตาหรือมารยากับฉัน ฉันไม่โง่เหมือนพี่ใหญ่ที่ให้เธอยั่วยวนปั่นหัวจนต้องซื้อแหวนให้หรอกนะ”
“...” ฝ่ามือเล็กสะบัดฟาดไปที่ใบหน้าคม ชมพูนุชมองเขาทั้งน้ำตาด้วยความเสียใจระคนโกรธ
ศิวนาถหันหน้ากลับแล้วกระชากคนที่ตบเข้ามาใกล้ กระแทกริมฝีปากที่ต่อว่าต่อขานต่างนานาลงไปที่เรียวปากสวย จูบที่ไร้ความอ่อนโยนและเต็มไปด้วยเพลิงโทสะ ลิ้นร้อนดั่งไฟโลกันต์แผดเผาความหวานในอุ้งปากอิ่มให้แดดิ้น
เท่านั้นยังไม่พอสองมือที่วางอยู่ยังอาจหาญทาบทับลงไปที่เรือนร่างเล็ก มีแรงเท่าไรบีบเคล้นไปทั่วร่างให้เต็มที่ ทำราวกับว่าผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าไร้ค่าแม้เศษธุลี ยิ่งเจ้าหล่อนดิ้นหนีเขาก็ยิ่งโรมรันทั้งจูบและสองมือที่เคล้าเคลียร่างกายนี้ไม่ห่าง
ชมพูนุชหัวใจสั่นสะเทือนพร้อมกับเรือนร่างที่สั่นไหว ไม่ใช่เพราะวาบหวามในแรงสัมผัสแต่ เพราะรู้สึกอับอายและเสียใจกับการกระทำของคนที่ไม่เห็นค่า
จูบที่แสดงอำนาจบาตรใหญ่และมือที่เคล้าคลึงเรือนร่างอย่างรุนแรง สร้างความเจ็บปวดรวดร้าวให้หัวใจดวงนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เวลานี้มือที่แข็งแกร่งตะโบมลงมาที่แก้มก้นอย่างสุดแรง และกำลังจะคืบคลานเข้าไปใต้กระโปรงสีหวานอย่างถือวิสาสะ
ชมพูนุชรวบรวมเรี่ยวแรงทั้งหมดสะบัดร่างกายทุกส่วนออกจากศิวนาถโดยไม่ให้อีกฝ่ายตั้งตัว และยกมือขึ้นตบหน้าคนที่ทำร้ายหัวใจสุดแรงถึงสองครั้งโดยไม่หวั่นเกรง
ศิวนาถไม่ทันตั้งตัวกับการตอบโต้ที่ดุเดือด แม้การตอบโต้นั้นจะไม่สะเทือนต่อความเจ็บปวดใดๆ เลยแม้แต่น้อย แต่เขาก็คิดจะเอาคืนกลับให้สาสมกับแรงโกรธของตนอีกครั้ง
“อย่าเข้ามานะ ถ้าคุณก้าวเข้ามาอีกแค่ก้าวเดียว ฉันจะฟ้องคุณใหญ่” นาทีนี้ชมพูนุชต้องทำทุกทางเพื่อหยุดความบ้าคลั่งของเขาให้ได้
ศิวนาถชะงัก ไม่ใช่ชะงักเพราะได้ยินชื่อพี่ชายสุดที่รัก แต่การอ้างถึงชโยดมต่อหน้าด้วยท่าทีให้อีกฝ่ายเป็นที่พึ่ง คือการตอกย้ำว่า ทุก อย่างที่ตนคิดเป็นความจริง
“ก็เอาซิ พี่ใหญ่จะว่าไง ถ้าผู้หญิงที่แม่ใส่พานไว้ให้อย่างสวยหรู คือของเหลือเดนจากน้องชายตัวเอง”
“คนเลว ฉันเกลียดคุณ ฉันเกลียดคุณ ได้ยินไหม ฉันเกลียดคุณ” ชมพูนุชตะโกนลั่นห้อง คำตอบโต้ที่เจ็บแสบยังไม่เท่าความเจ็บปวดในหัวใจเวลานี้
“เกลียดเหรอ เกลียดมากใช่ไหม ได้ ฉันจะทำให้เธอจำได้ว่าไอ้คนที่เกลียดคนนี้มันเป็นอะไรกับเธอ”
ศิวนาถไม่พูดพล่ามทำเพลงใดๆ ทั้งสิ้น กระชากร่างเล็กเข้ามาอีกครั้งและคราวนี้ระดมจูบอย่างรุนแรงไปทั่วทั้งร่าง ไม่เพียงเท่านั้นยังดันแผ่นหลังของสาวน้อยไปติดกับกำแพงห้องประชุม และใช้ความแข็งแรงของตนเองทาบทับไว้ไม่ให้ดิ้นหลุด
ชมพูนุชพยายามดิ้นรนหนีจูบร้ายที่เผาผลาญเรือนร่างในเวลานี้ ยิ่งดิ้นเท่าไรเขาก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น สองมือแกร่งบีบเคล้นอกอิ่มอย่างไม่ถนอม
เจ็บจนน้ำตาเล็ดแต่ก็ไม่ร้องขอความเห็นใจ ยิ่งทำให้ศิวนาถได้ใจที่ได้เอาชนะคนกลั้นน้ำตา
แรงโกรธที่เริ่มจะเผาผลาญคนใต้ร่างให้ไหม้เป็นจุณ คือแรงเสน่หาที่เต็มไปด้วยความหลากหลายอารมณ์ในหัวใจของศิวนาถเวลานี้ เขาระดมพรมจูบไปทั่วทั้งใบหน้าและลำคอ ตั้งใจหมายให้เกิดร่องรอยแห่งความทรงจำเพื่อเป็นเจ้าของ หวังให้รอยนี้ย้ำเตือนชมพูนุชให้รู้ว่า เธอเป็นของใคร
และในขณะเดียวกัน มันคือเพลิงเสน่หาที่ซุกซ่อนอยู่ในหัวใจเขาเป็นเวลาหลายวัน ศิวนาถยอมรับว่ายิ่งจูบยิ่งเคล้าเคลียใกล้ชิด หัวใจที่โหดเหี้ยมดวงนี้ก็ยิ่งอิ่มเอมกับความหอมหวานที่ได้รับ
เขาเหมือนเสืออดอยาก ที่ปรารถนาจะเชยชิมเนื้อกระต่ายน้อยมา เป็นเวลานาน เมื่อแรกขย้ำเพื่อให้เหยื่อหวาดกลัวและไม่กล้าต่อกร
แต่เมื่อได้เชยชมจนลดแรงโทสะลง ความวาบหวามที่ซ่อนไว้ก็ ปรากฏกลายเป็นปรารถนาแรงกล้าที่ลุกโชนในหัวใจ
ก่อนที่ทุกอย่างจะดำเนินไปตามแรงปรารถนาของศิวนาถนั้น ชมพูนุชได้ยินเสียงเหมือนมีคนมาเคาะประตูห้องประชุม หญิงสาวตัดสินใจผลักคนที่กำลังมุ่งมั่นต่อแรงปรารถนาออกไปให้พ้นตัวสุดแรง
ศิวนาถจ้องหน้าอย่างไม่พอใจ แต่เธอไม่สนใดๆ ทั้งสิ้น รีบเดินหนีออกไปให้เร็วที่สุด เขาคว้าข้อมือชมพูนุชไว้แล้วดึงตัวกลับมาใกล้ก่อน จะพูดทิ้งท้ายไว้ว่า
“ขอเตือนให้ออกไปจากครอบครัวฉันโดยเร็วที่สุด ถ้าไม่อย่างนั้นรับรองว่าเราได้เห็นดีกันแน่”
เขาปล่อยคนในอ้อมแขนอย่างไม่ไยดี ไม่สนใจด้วยซ้ำว่าอีกฝ่าย จะรู้สึกเช่นไร เดินออกไปจากห้องประชุมหน้าตาเฉยเหมือนไม่มีอะไร เกิดขึ้น ทิ้งให้ชมพูนุชสะอื้นร่ำไห้จนตัวโยนกับความกดดันในเวลานี้
|
|
|
ความคิดเห็น