คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : ตอนที่ 8
ทันทีที่กลับมาถึงบ้านของราเชส ชีคดาเนียลก็ไม่ปล่อยเวลาให้เสียไปโดยเปล่าประโยชน์ รีบมาหาคุณหมอหนุ่มที่ห้องพักเพื่อพูดคุยเรื่องสำคัญที่ทำให้ต้องขับรถมาหาถึงโอม่าร์ทันที
"นายอ่านบันทึกเล่มสุดท้ายของอัสมันจบหรือยัง" ชีคหนุ่มถามคำแรก
"จบแล้ว แต่นี่ไม่ใช่เล่มสุดท้าย"
"หมายความว่าไง"
"ก็หมายความว่ามันอาจจะมีบันทึกอีกเล่มที่ต่อจากนี้ และเราต้องหามันให้เจอเพื่อจะได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น" คุณหมอหนุ่มพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
จากบันทึกเล่มล่าสุดที่เขาเพิ่งอ่านจบเมื่อคืนนี้ ทำให้รู้ว่าอัสมันตกหลุมรักผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งยังไม่เคยเห็นหน้า และเธอเป็นสมาชิกคนหนึ่งในเวปไซต์พญาเหยี่ยวแห่งทะเลทรายโดยใช้ล็อกอินชื่อของการะเกด
"อัสมันชอบผู้หญิงคนนั้นจริงๆ ถึงขั้นที่ว่าอยากจะใช้ชีวิตแต่งงานด้วย และคิดจะถอนหมั้นฟาติมา ฉันไม่รู้เลยว่าอัสมันคิดแบบนั้น" ชีคดาเนียลเอ่ยถึงบันทึกที่เพิ่งได้อ่านจบล่าสุด
"แล้วนายจะยิ่งไม่เชื่อ ถ้าได้อ่านเล่มนี้" ราเชสยื่นบันทึกมาให้
"ทำไม" ชีคดาเนียลรับไว้แต่ยังไม่ได้เปิดอ่าน รอฟังว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไรต่อ
"ฉันอ่านแล้วถึงได้เข้าใจว่าทำไมน้องนายถึงรักผู้หญิงคนนั้น และที่ตกใจก็คือคู่หมั้นของอัสมันไม่เคยรักเขาเลย"
ชีคดาเนียลเปิดบันทึกไปหน้าที่ราเชสคั่นไว้ ลายมือของอัสมันเขียนความรู้สึกทุกอย่างไว้ชัดเจนหมด มิน่าเล่าเจ้าน้องชายตัวดีถึงได้เปิดหัวใจรับใครอีกคนเข้ามา โดยที่แม้แต่หน้าก็ยังไม่เคยเห็นเพียงแค่ผู้หญิงคนนั้นทำให้หัวใจที่ร้าวรานของอัสมันอบอุ่นขึ้นมาได้อีกครั้ง
'ผมเหนื่อยที่จะต้องทำให้เธอรัก ในขณะที่มีใครอีกคนเติมเต็มหัวใจที่อ่อนล้าให้มีแรงและมีคุณค่า ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าควรรักใคร เพราะความรักไม่ใช่แค่การให้และรอได้รับเพียงอย่างเดียว แต่ความรักเป็นทั้งผู้ให้และผู้รับในเวลาเดียวกัน หัวใจถึงจะอิ่มเอมและมีความสุขได้'
"เปิดหน้าสุดท้ายซิ แล้วนายจะได้รู้อะไรอีก" ราเชสเอ่ยขึ้น
'ดีใจเหลือเกินที่พูดภาษาเดียวกันได้ เธออยู่ใกล้ๆ ไม่ไกลจากผม รักแท้ที่ผมรอคอยมาทั้งชีวิต'
ประโยคสุดท้ายเพียงประโยคเดียวบอกให้รู้ว่าผู้หญิงปริศนาคนนี้ สามารถพูดภาษาเดียวกับอัสมันได้ นั่นหมายความว่าเธออาจจะเป็นชาวคาลีจหรือโอม่าร์ ซึ่งไม่ใช่การะเกด
โล่งอก โล่งอกที่สุด เมื่อรู้ว่าการะเกดไม่ใช่คนที่ทำให้อัสมันต้องลากจากโลกนี้ไป เท่ากับว่าข้อกล่าวหาทั้งหมดที่เขายัดเยียดให้มาตลอด หมดสิ้นเพราะประโยคเดียวที่น้องชายสุดที่รักเขียนไว้ มันทำให้ชีคดาเนียลตัดสินใจอะไรได้ง่ายมากขึ้นกับเรื่องที่เพิ่งเกิดเมื่อคืนนี้
"นายจะเอาไงต่อ จบแค่นี้หรือหาตัวผู้หญิงคนนั้นให้เจอ" ราเชสเอ่ยถาม
"ฉันอยากหาผู้หญิงคนนั้นให้เจอ อยากรู้ว่ามันมีปัญหาอะไรที่แก้ไม่ตกถึงทำให้น้องฉันต้องฆ่าตัวตายอย่างนี้" ชีคดาเนียลคิดจะเดินหน้าต่อ
"ฉันก็ไม่คิดว่าแค่การมีคู่หมั้นค้างคาอยู่ จะทำให้อัสมันไม่มีทางออกจนต้องฆ่าตัวตายเหมือนกัน" คุณหมอหนุ่มเห็นด้วยกับความคิดของเพื่อน
"ฉันคงต้องกลับไปอ่านบันทึกทั้งหมดก่อน แล้วค่อยว่ากันอีกทีว่าจะหาผู้หญิงคนนั้นเจอได้ที่ไหน"
"ก็ดี นายจะได้รู้เรื่องตั้งแต่ต้น อ้อ แล้วเรื่องคุณเกดล่ะ จะเอาไงต่อ"
"ทำไม การะเกดพูดอะไรกับนายเหรอ" ชีคดาเนียลถามอย่างระแวง
ถึงการะเกดพ้นข้อกล่าวหาเรื่องนี้แล้ว แต่ชีวิตเจ้าหล่อนก็ยังเป็นของเขาอยู่ดี ในเมื่อสถานภาพทุกอย่างเปลี่ยนไป ชีคดาเนียลไม่มีวันยอมให้ผู้หญิงของชีคหลุดมือไปแน่ๆ
"เปล่า คุณเกดยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองพ้นผิดแล้ว" ราเชสเอ่ยตามจริง เขายังไม่ได้บอกอะไรเกี่ยวกับบันทึกให้นักข่าวสาวรู้เลยแม้แต่น้อย
"นายควรส่งเธอกลับบ้านไปซะ" คุณหมอหนุ่มหันมาสบตาเพื่อนรัก
"ไม่" ชีคหนุ่มเสียงกร้าวอย่างไม่รู้ตัว
"เฮ้ย แต่เธอพ้นข้อกล่าวหาแล้ว และนายก็ไม่มีสิทธิ์ขังเธอไว้ที่คาลีจอีกต่อไป"
"นายไม่รู้อะไรอย่าพูดดีกว่า เอาเป็นว่าฉันขอบใจมากที่นายช่วยอ่านบันทึกอัสมัน ถ้ามีอะไรที่อยากให้ช่วยจะบอกอีกทีแล้วกัน ตอนนี้ฉันจะกลับคาลีจ" ชีคดาเนียลไม่พูดอะไรต่อทั้งนั้นลุกขึ้นถือบันทึกเดินออกไปหน้าตาเฉย ปล่อยให้คุณหมอหนุ่มมองตามด้วยความงุนงงว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ชีคดาเนียลและการะเกดกลับคาลีจในวันนั้นเลย ทันทีที่มาถึงคฤหาสน์กลางทะเลทรายชายหนุ่มก็สั่งให้คนย้ายห้องนอนของหญิงสาวมาอยู่ติดกับห้องทำงานของเขา และเรียกตัวเธอเข้ามาหาในห้องทำงานทันที
"ต่อไปนี้ไม่ต้องลงไปที่ห้องทำงานอัสมัน มาอ่านบันทึกที่นี่กับฉัน" เขาสั่งหน้าตาเฉย
"คุณได้บันทึกจากคุณหมอราเชสแล้วหรือยังคะ" แม้จะไม่อยากอยู่ใกล้หรือพบหน้าชีคดาเนียลในตอนนี้ แต่การะเกดก็ยังต้องหาหลักฐานพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเองต่อ
"ได้แล้ว" เขาพูดตอบสั้นๆ แล้วจัดเรียงสมุดบันทึกตามลำดับวันที่ต่อ
"คุณหมอว่าไงบ้างคะ" หญิงสาวถามด้วยความอยากรู้
ตั้งแต่กลับมาจากทะเลทรายการะเกดก็เอาแต่หมกตัวอยู่ในห้องพัก รอจนกระทั่งมีคนมาตามให้เตรียมตัวเดินทางกลับคาลีจกับชีคหนุ่ม จึงไม่มีโอกาสได้พูดอะไรกับคุณหมอราเชสสักคำก่อนมา
"ไม่ใช่เรื่องที่เธอต้องรู้ มานั่งเร็ว ฉันจะแปลให้ฟัง" ชีคดาเนียลตัดบทสั้นๆ
"มีอะไรในบันทึกที่ฉันควรรู้ไหมคะ"
"หน้าที่สำหรับเรื่องนี้คือหาผู้หญิงที่แอบใช้ล็อกอินเธอให้เจอ"
"หมายความว่าตอนนี้คุณเชื่อแล้วซิ ว่าฉันไม่ใช่คนที่ทำให้คุณอัสมันตาย" น้ำเสียงหญิงสาวตื่นเต้นดีใจอย่างเห็นได้ชัด
"เชื่อ เท่าไรดี ห้าสิบหรือหกสิบเปอร์เซ็นต์แล้วกัน แต่อย่างที่บอกต้องหาคนๆ นั้นให้เจอ ฉันถึงจะเชื่อว่าสิ่งที่เธอพูดเป็นเรื่องจริง" ชีคดาเนียลทำสีหน้าจริงจังเมื่อเอ่ยถึงเรื่องนี้
เขาไม่บอกให้การะเกดรู้เด็ดขาดว่าความจริงในบันทึกคืออะไร แต่ก็ไม่ย้ำเหมือนทุกครั้งว่าเธอคือผู้ต้องหาสำหรับเรื่องนี้ ชีคดาเนียลขออาศัยการะเกดตามหาความจริงเรื่องอัสมัน รวมถึงให้เวลาในการปรับตัวสำหรับสถานภาพใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้น
"แล้วตอนนี้มันมีอะไรคืบหน้าบ้างล่ะคะ คุณช่วยบอกให้ฉันรู้หน่อย"
ถ้าบันทึกสามารถนำทางไปถึงตัวบุคคลที่แอบใช้ล็อกอินของการะเกดได้จริง ก็แสดงว่าสิ่งที่คิดไว้แต่แรกถูกต้อง และการตามหามาถูกทางแล้ว อีกไม่นานหญิงสาวคงจะได้กลับบ้านเสียที
"รู้แค่นี้พอ เอาเป็นว่าต่อไปเธอต้องมาอ่านบันทึกกับฉันทุกวัน และถ้าหาอะไรคืบหน้าได้ก็ให้รีบบอก อ้อ และต่อไปนี้เธอมีหน้าที่ดูแลเรื่องของฉันแทนนาดาด้วย"
"ฉันขอทำแค่อ่านบันทึกเท่านั้น ส่วนเรื่องอื่นไม่ใช่หน้าที่" นักข่าวสาวเมินหน้าหนี แล้วหยิบสมุดที่นาดาแปลเอาไว้ล่วงหน้ามาถือเตรียมจะหันหลังเดินออกมา
"ที่คาลีจผู้หญิงที่มีสามีแล้ว มีหน้าที่ดูแลงานบ้านและทุกเรื่องของสามี เธอควรเข้าใจไว้นะ การะเกด" ชีคหนุ่มเอ่ยเสียงเรียบ
"ไม่เข้าใจค่ะ" การะเกดตอบโดยไม่หันมามองหน้า แค่เมาชาจนเลยเถิดจะมามัดมือชกให้ต้องทำหน้าที่บ้าบออะไรพวกนี้ไม่มีวันเด็ดขาด
"ฉันจะทำแค่อ่านบันทึกและหาหลักฐานเท่านั้น อ้อ ฉันสะดวกใจที่จะใช้ห้องทำงานของคุณอัสมันมากกว่า ฉันไม่..."
"ฉันเคยบอกแล้วใช่ไหม ทุกคนในคาลีจต้องฟังฉัน" ชีคหนุ่มลุกขึ้นก้าวเดินมาหาการะเกดอย่างช้าๆ พอรู้ว่านิสัยของหญิงสาวต้องใช้การบังคับเพื่อให้ยอมสยบในสิ่งที่ต้องการ แต่น่าแปลกที่คราวนี้ชีคดาเนียลกลับไม่คิดจะบังคับให้อีกฝ่ายเจ็บช้ำน้ำใจเหมือนทุกที เรียกว่าถ้อยทีถ้อยอาศัยกันดีกว่า
"นั่นคือคนคาลีจ แต่ฉันไม่ใช่" นักข่าวสาวเชิดหน้าเล็กน้อย
"สงสัยว่าเธอความจำเสื่อมแล้วล่ะ การะเกด"
ร่างสูงเดินก้าวเข้ามาหา การะเกดถอยกรูเตรียมจะหนี มือข้างหนึ่งคว้าเอวเล็กได้รูปเข้ามาแนบชิด ร่างนิ่มที่เมื่อคืนกกกอดอยู่ในอ้อมแขนอีกครา
ชีคดาเนียลไม่ได้อยากทำให้การะเกดรู้สึกกลัวหรือตกใจเช่นนี้เลย ไม่ได้ชอบทำหน้าดุดันใส่ใครแม้แต่น้อย แต่จำเป็นต้องทำเพื่อปราบปรามคนพยศที่ยังไม่สิ้นฤทธิ์ หากทั่วคาลีจเขาชนะทุกเรื่องได้ แต่ชนะผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนี้เพียงคนเดียวไม่ได้ อย่ามาเรียกว่าพญาเหยี่ยวแห่งทะเลทรายให้เสียศักดิ์ศรีเลยดีกว่า
"ปล่อยนะ จะทำอะไร" นักข่าวสาวขืนตัวไว้ไม่ยอมให้เข้าใกล้
"ก็ช่วยทบทวนไงว่า ตกลงเธอเป็นคนคาลีจแล้วหรือยัง" แววตาเจ้าเล่ห์ของเขาทำให้การะเกดยิ่งดิ้นหนี
"อย่ามายุ่งกับฉัน ปล่อยนะ ปล่อยซิ ชีคบ้า"
หัวใจของการะเกดร่วงหล่นลงไปที่ตาตุ่ม เมื่อชีคดาเนียลทำท่าจะโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้ นักข่าวสาวหลับตาปี๋ไม่กล้ามองว่าเขาจะทำอะไร
เสียงหัวเราะในลำคอทำให้การะเกดค่อยๆ ลืมตามอง และเมื่อเห็นรอยยิ้มขำขันที่มุมปากของชีคดาเนียลก็ทำให้อายจนหน้าแดง และยิ่งโมโหเมื่อได้ยินคำพูดล้อเลียนจากเขาให้อายรอบสองอีก
"หลับตาทำไม ที่เมื่อคืนไม่เห็นเธอหลับตาเลย มองตาแป๋วแถมยังทำตาหวานเชื่อมใส่ฉันอีก"
"หยุดพูดเดี๋ยวนี้นะ ชีคบ้า พูดอะไรไม่รู้ ทุเรศที่สุด" การะเกดถลึงตาใส่ หวังให้อีกฝ่ายหยุดพูดเรื่องที่ทำให้หัวใจสั่นในเวลานี้
"ทุเรศที่ไหน เรื่องธรรมชาติของโลกใบนี้"
"ปล่อย หมดเรื่องแล้วใช่ไหม ถ้างั้นฉันขอตัว" การะเกดสะบัดตัวออกจากการจับกุม พยายามทำสีหน้าจริงจังไม่อ่อนไหวไปกับการกระทำใดๆ ของชายหนุ่มทั้งสิ้น
"ยังไปไม่ได้" จู่ๆ น้ำเสียงที่อ่อนโยนขี้เล่นก็เปลี่ยนเป็นดุดันขึ้นมาอีกครั้ง
การะเกดชะงักทันที ทำตัวไม่ถูกเพราะเดี๋ยวชีคดาเนียลก็มีท่าทีดุดัน เดี๋ยวก็ชอบเย้าแหย่ขี้เล่น เดี๋ยวก็จริงจังสั่งโน่นนี้ ตกลงว่าเขาจะเอาอย่างไรกันแน่
"อะไรอีกล่ะ คุณนี่วัยทองหรือเปล่านะ เดี๋ยวหัวเราะ เดี๋ยวดุ เดี๋ยวก็ออกคำสั่ง ฉันว่าคุณน่าจะตรวจสุขภาพหน่อยก็ดีนะ เผื่อว่าทำงานมากไปแล้วสมองมันเพี้ยน"
"นี่เริ่มทำหน้าที่ผู้หญิงของชีคแล้วใช่ไหม" ชีคหนุ่มยิ้มเล็กน้อยที่มุมปาก ทำให้การะเกดรู้ตัวว่าพลาดที่พูดอะไรออกไป
"ใครบอก คำเตือนแบบนี้ใครๆ ก็พูดกันได้ ถ้าประชาชนของคุณรู้ว่าคุณอารมณ์แปรปรวนแบบนี้ พวกเขาก็คงลงความเห็นเหมือนที่ฉันพูดนี่แหล่ะ ว่าให้คุณไปตรวจสุขภาพซะ โดยเฉพาะสุขภาพจิตที่เดี๋ยวๆ ดี เดี๋ยวๆ ร้าย จนคนอื่นปรับตัวไม่ทันแล้ว"
การะเกดไม่อยู่รอให้ชีคดาเนียลพูดอะไรต่อ หญิงสาวรีบเดินจ้ำอ้าวออกมาจากห้องทำงานทันที ไม่สนใจว่าชายหนุ่มจะพูดอะไรต่อจากนั้น ตาบ้า เดี๋ยวดี เดี๋ยวร้าย ไม่รู้อารมณ์ไหนกันแน่
บันทึกของอัสมันทำให้การะเกดรู้จักคาลีจและผู้นำของคาลีจมากขึ้นเรื่อยๆ ชีคดาเนียลไม่ให้นาดาทำหน้าที่แปลภาษาให้หญิงสาวฟังเหมือนตอนแรก แต่เปลี่ยนให้คอยสอนการะเกดให้รู้หน้าที่ผู้หญิงของชีคแทน
"ทำไมต้องสอนฉันทำอะไรแบบนี้ด้วยคะ เราไปอ่านบันทึกกันดีกว่า" การะเกดบ่นเบาๆ เมื่อนาดาพาเธอมาที่ห้องนอนส่วนตัวของชายหนุ่ม เพื่อสอนให้รู้ว่าเสื้อผ้าข้าวของเครื่องใช้อยู่ตรงไหน และชีคดาเนียลจะต้องแต่งตัวอย่างไรบ้าง
"ผู้หญิงของชีคทุกคนต้องรู้เรื่องพวกนี้ค่ะ" นาดาพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
นางตกใจเล็กน้อยเมื่อชีคดาเนียลมอบหมายหน้าที่สำคัญ ในการสอนการะเกดให้เป็นผู้หญิงของชีคภายในสองสัปดาห์ โดยไม่บอกกล่าวที่มาที่ไปใดๆ ทั้งสิ้น จนบัดนี้นาดาก็ยังไม่รู้ว่าหน้าที่นี้ให้การะเกดทำชั่วคราวหรือตลอดไปกัน
"จำได้นะคะว่าอะไรอยู่ตรงไหน" นาดาถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ
"ฉันต้องทำด้วยเหรอคะ คุณนาดา" การะเกดย่นจมูกเล็กน้อย ไม่อยากเรียนรู้อะไรที่เกี่ยวกับชีคดาเนียลทั้งนั้น
มันไม่ใช่หน้าที่เสียหน่อยที่ต้องมาคอยรับใช้ การะเกดไม่ยอมรับหน้าที่ที่ผู้หญิงทั้งโลกถวิลหาจากพญาเหยี่ยวแห่งทะเลทราย แม้ว่าชีคดาเนียลจะคอยตอกย้ำทั้งคำพูดและการกระทำว่าเธอคือผู้หญิงของเขาอยู่บ่อยครั้ง แต่หัวใจนักข่าวสาวก็ไม่มีวันยอมรับเด็ดขาด
"ผู้หญิงในคาลีจต้องทำหน้าที่นี้ทุกคนค่ะ" นาดากล่าวยิ้มๆ
"แต่ว่า ฉัน..."
"ชีคบอกว่าคุณอยู่ในฐานะผู้หญิงของชีคแล้ว"
"ตาบ้า พูดอะไรออกไปเนี่ย" การะเกดหน้าแดงก่ำเมื่อเห็นสายตาของนาดาที่ล้อเลียนเธอเล็กน้อย หญิงสาวนึกต่อว่าในใจว่าชีคดาเนียลเล่าเรื่องในคืนนั้นให้ใครฟังบ้าง แทนที่จะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ
"ไม่ต้องอายหรอกค่ะ ผู้หญิงของชีคใครๆ ก็อยากเป็นทั้งนั้น"
"แล้วชีคของคุณนาดามีผู้หญิงมากี่ร้อยแล้วคะ"
ปากก็ถามไปอย่างนั้น แต่ในใจรู้สึกจิตตกอย่างบอกไม่ถูก อยากรู้นักเขามีผู้หญิงของชีคมากี่คนแล้ว
มิน่าล่ะ ถึงได้ไม่รู้สึกอะไรกับการมีใครอีกสักคนเพิ่ม คงชินซินะที่มีผู้หญิงเข้าหามากมายจนเป็นความเคยชิน
"ไม่ค่ะ ชีคดาเนียลไม่มีใครนะคะ" นาดาพูดตามความจริง
"คาลีจมีวัฒนธรรมจารีตที่เก่าแก่ก็จริง แต่เรื่องมีผู้หญิงไว้บำรุงความสุขของผู้ชายที่คนข้างนอกเรียกว่าฮาเร็มหรืออะไรก็ช่าง ถูกยกเลิกไปนานแล้วนะคะ ชีคฟาอิสก็แต่งงานกับคุณนาตาชาคนเดียวเท่านั้น ไม่มีภรรยาอื่นหรืออีหนูเล็กๆ ทั้งนั้นค่ะ"
"เอ่อ เหรอคะ" การะเกดแทบไม่อยากเชื่อว่าชีคดาเนียลที่แสนหล่อเหลา จะไม่มีสาวๆ ข้างกายเหมือนคนอื่นบ้าง
"ชีคทำแต่งานตั้งแต่รับตำแหน่ง จะเอาเวลาที่ไหนไปมองใครล่ะคะ คุณเกดเนี่ย โชคดีมากนะคะที่ทำให้ชีคใจอ่อนได้ หรือว่าเรื่องคุณอัสมันทำให้เห็นใจกันคะ บอกแล้วว่าชีคดาเนียลใจดี ใครได้อยู่ใกล้ๆ ก็มีแต่จะหลงรักทุกคน" นาดาการันตีคุณงามความดีของชีคดาเนียลให้หญิงสาวฟังต่อไปอีกว่า
"ที่จริงชีคไม่ได้ดุอย่างที่ทำหน้าหรอกค่ะ แต่เพราะว่าทำงานมากบางวันเครียดมันก็เลยสลัดไม่ออก ดังนั้นต่อไปนี้คุณเกดต้องเอาใจชีคเยอะๆ นะคะ ชีคจะได้ยิ้ม ฉันอยากเห็นชีคมีความสุขค่ะ ขอบคุณที่คุณมาเป็นผู้หญิงของชีคดาเนียลนะคะ"
"เอ่อ คือ ..." การะเกดกำลังจะอธิบายให้นาดาเข้าใจเสียใหม่ แต่นางก็เดินออกไปเสียก่อนแล้ว
การะเกดรู้สึกว่าใครๆ เริ่มเข้าใจผิดกันไปใหญ่แล้ว และเธอจะหาทางแก้ไขกับความเข้าใจผิดนี้อย่างไรดี เส้นทางการเป็นผู้หญิงของชีคดาเนียลไม่ได้เกิดจากความเต็มใจ หากแต่เกิดจากความพลั้งพลาดที่ไม่อาจโทษใครได้ต่างหาก
เธอไม่ได้ต้องการความรับผิดชอบใดๆ ทั้งนั้น ถึงแม้ว่าตนเองจะเป็นฝ่ายสูญเสียสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตไปก็ตาม แต่การะเกดไม่ใช่ผู้หญิงที่บูชาค่าพรหมจรรย์ ด้วยการผูกติดตนเองกับผู้ชายที่ได้ครอบครองเพียงกายโดยไร้หัวใจ
ชีคดาเนียลจะมีผู้หญิงของชีคมาแล้วกี่คนก็ช่าง และจะมีต่อไปอีกกี่คนก็แล้วแต่ ได้โปรดอย่านับการะเกดรวมอยู่ในนั้น เพราะสำหรับเธอแล้วเมรัยกุหลาบคืนนั้นคือความทรงจำที่ถูกเก็บงำใต้ก้นบึ้งของหัวใจไปตลอดชีวิตแล้ว
การตามหาความจริงจากบันทึกของอัสมันคืบหน้าไปมากขึ้น การะเกดและชีคดาเนียลช่วยกันไล่อ่านบันทึกจนเกือบจะครบทุกเล่มแล้ว หญิงสาวกำลังเดาใจอัสมันว่าบันทึกเล่มสุดท้ายที่ไขปริศนาทุกอย่างจะถูกเก็บไว้ที่ไหน
"ปกติคุณอัสมันชอบไปที่ไหนบ้างคะ" การะเกดเอ่ยถาม
หลายวันมานี้เธอใช้เวลาอยู่ในห้องทำงานของอัสมัน แล้วค่อยๆ หาดูบันทึกที่อาจจะหลงหูหลงตาไปอยู่ส่วนไหนในห้องได้ แต่ก็ไม่พบอะไรทั้งสิ้นเหมือนกับว่ามีแค่ไหนแค่นั้น
"ไม่รู้ซิ ขอนึกก่อน" ชีคดาเนียลเอนตัวพิงพนักหลับตาด้วยความเหนื่อยล้า
การะเกดชำเลืองมองคนที่หลับตาลงเมื่อสักครู่ สีหน้าชายหนุ่มอิดโรยอย่างเห็นได้ชัด หลายวันมานี้ชีคดาเนียลนอนดึกและตื่นแต่เช้า กว่าจะกลับมาก็ค่ำเมื่อกลับมาก็ช่วยดูบันทึกให้อีก
ที่จริงพอเพูดดีๆ เหมือนคนอื่น และเริ่มไม่ยัดเยียดข้อกล่าวหาร้ายๆ ให้อีก การะเกดก็เริ่มรู้แล้วว่าทำไมเขาถึงเป็นที่สนใจของคนที่อยู่รอบโลกนัก ทั้งท่วงท่าบุคคลิกที่ดูมีเสน่ห์ การพูดจาที่มีหลักการและเหตุผล ตลอดจนนิสัยส่วนตัวบางอย่างที่ทำให้เธอลืมไปเลยว่าเขาคือผู้นำแห่งคาลีจ หากแต่เป็นชายหนุ่มที่น่าอยู่ใกล้มากที่สุดคนหนึ่งเลยทีเดียว
ถึงชีคดาเนียลจะลดความดุดันลงและใจดีมากกว่าเมื่อก่อน หรือทำให้รู้สึกว่าเมื่อได้อยู่ใกล้ๆ แล้วมีความสุขก็ตามที นักข่าวสาวก็ต้องพยายามบอกกับตนเองว่า เธอกับเขาคือเส้นขนานที่ไม่มีวันจบลงด้วยกันได้ เส้นทางที่เดินคู่กันในเวลานี้ เมื่อจบภารกิจหมดสิ้นหน้าที่ เราสองคนก็จะต้องต่างคนต่างเดินตามทางของตน
"ถ้าเหนื่อยคุณไปพักก่อนก็ได้ค่ะ เดี๋ยวฉันค่อยๆ หาเอง" การะเกดกล่าวด้วยความเกรงใจ
"ปกติอัสมันไปไหนมาไหนกับฉันตลอด เขาไม่ชอบประชุม ถ้าหนีได้ก็มีที่นี่แล้วก็ที่บ้าน" ชีคดาเนียลพูดทั้งที่หลับตา
"แต่ที่นี่เธอก็หาหมดทุกซอกทุกมุมแล้วไม่ใช่เหรอ"
"ค่ะ ฉันหามาสามวันแล้ว ไม่มีอะไรนอกจากงานที่คุณอัสมันทำไว้"
"ที่บ้านก็ไม่มีอะไรหรอก อัสมันคงไม่ทิ้งอะไรไว้" ชายหนุ่มลืมตาสลัดศีรษะส่ายหน้าไปมาเล็กน้อย รู้สึกมึนอยากนอนพักแต่บันทึกที่อยู่ตรงหน้ากำลังถึงตอนสำคัญพอดี
"คุณเป็นอะไรหรือเปล่าคะ เดี๋ยวฉันไปเอาน้ำมาให้ใหม่ดีกว่า" นักข่าวสาวเห็นน้ำในแก้วเขาพร่องไปมาก จึงรีบอาสาไปเติมน้ำให้และชงน้ำขิงร้อนๆ มาให้อีกถ้วย
"โอเคขึ้นไหมคะ" การะเกดถามทันทีที่ชีคดาเนียลจิบน้ำขิงหมดถ้วย
"ดีขึ้น แต่ก็ยังมึนหัวนิดๆ" เขาเอามือคลึงที่ขมับทั้งสองข้างไปมา วันนี้มีประชุมสำคัญหลายเรื่องตั้งแต่เช้าจรดเย็น ชีคดาเนียลเริ่มรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวเหมือนจะเป็นไข้อย่างไรอย่างนั้น
"ไปพักก่อนไหมคะ พรุ่งนี้เราค่อยลุยต่อ"
"ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันขอพักสายตาสักแป๊ป"
"ฉันนวดให้ไหมคะ" หญิงสาวอาสา
"เอาซิ"
การะเกดเอามือแตะที่ขมับทั้งสองข้างแล้วค่อยๆ คลึงวนไปมาอย่างช้าๆ เพื่อผ่อนคลายความตึงเครียดที่มีมาตลอดทั้งวัน ชีคหนุ่มรู้สึกสดชื่นและสบายขึ้นแต่ยังไม่ยอมลืมตา ติดใจสองมือที่กำลังสร้างความเพลิดเพลินให้และรู้สึกดีที่หญิงสาวดูแลอยู่แบบนี้
"นึกออกแล้ว มีอีกทีที่ที่อัสมันชอบไป" ชีคดาเนียลนึกขึ้นมาได้
"ที่ไหนคะ"
"เพ้นท์เฮ้าส์ในเมือง เพิ่งซื้อเมื่อต้นปีที่แล้วนี่เอง"
"ถ้างั้นลองไปดูที่นั่นไหมคะ" ท่าทางการะเกดตื่นเต้นเหลือเกิน
"เผื่อว่าบันทึกอาจจะอยู่ที่นั่น"
"แต่มันไกลนะ ไปกลับใช้เวลาอย่างน้อยสองชั่วโมงเชียว"
"เหรอคะ" นักข่าวสาวแสนเสียดาย ถ้าชีคดาเนียลยอมอนุญาตให้เธอไปไหนมาไหนเองได้ รับรองว่าสองชั่วโมงแค่นี้การะเกดไม่มีปัญหาอยู่แล้ว
"เธออยากไปหรือเปล่าล่ะ" ชายหนุ่มแอบชำเลืองมองหน้าคนที่อยากไป สีหน้าของการะเกดดูกระตือรือร้นขึ้นมาอีกครา แบบนี้มันต้องมีของแลกเปลี่ยนกันหน่อยให้คุ้มกับที่ต้องเสียเวลาขับรถพาไปถึงสองชั่วโมง
"อยากค่ะ ถ้าคุณว่างฉันก็อยากไป" หญิงสาวเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง
"ถ้างั้น จะติดสินบนคนขับยังไงล่ะ ให้มีแรงพาเธอไปได้ตั้งไกลขนาดนั้น" ชีคเจ้าเล่ห์ขยับตัวลุกขึ้นบิดขี้เกียจเล็กน้อย การะเกดลังเลไม่รู้ว่าจะเอาอะไรมาแลก ให้คนขับมีแรงใจยอมเสียเวลาสองชั่วโมงพาไปในที่ที่ต้องการ
"พรุ่งนี้ฉันประชุมตอนสิบโมงเช้า ถ้าจะไปเราก็ต้องออกแต่เช้าจะได้มีเวลากลับไปประชุมทัน แต่คืนนี้ฉันง่วงมาก เพลียด้วย พรุ่งนี้ว่าจะตื่นสายสักหน่อย" ชีคดาเนียลแกล้งหาวให้การะเกดเห็นว่าง่วงขนาดไหน
"ฉันจะตื่นมาชงกาแฟให้คุณแต่เช้าดีไหมคะ คุณจะได้ตาสว่างพาฉันไปกลับทันประชุม" การะเกดคิดไม่ออกว่าจะเอาอะไรมาติดสินบนดี
"แค่กาแฟเหรอ" น้ำเสียงคนฟังผิดหวังเล็กน้อย
"ก็ฉันไม่มีอะไรติดตัวมานี่คะ เอาเป็นว่าไว้กลับเมืองไทยฉันจะส่งของอร่อยๆ ของดีมาให้ ตกลงไหม"
"แล้วถ้าฉันไม่อยากได้กาแฟ ไม่อยากรอของอร่อยของดีที่ไม่รู้เมื่อไรจะได้ล่ะ"
"ฉันก็ไม่รู้ว่าคุณต้องการอะไร" แววตานักข่าวสาวครุ่นคิดหาสิ่งที่จะเอามาแลกเปลี่ยนเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ต้องการ
"ถ้าบอกแล้วจะให้ไหม" ชีคดาเนียลก้มหน้าลงมากระซิบถาม
การะเกดเงยหน้าขึ้นสบตาเพื่อรอฟังว่าเขาจะให้ทำอะไร แต่เพียงแค่เห็นประกายในดวงตาคู่คมที่เจิดจรัสจ้าของพญาเหยี่ยวแห่งทะเลทราย เธอก็ลืมทุกสิ่งที่จะถามไปหมด และยิ่งใบหน้าคมโน้มมาใกล้ๆ แล้วแนบฝังปลายจมูกคมไว้ที่แก้มสาวด้วยแล้ว...
เหมือนไฟฟ้าช๊อต การะเกดยืนนิ่งเป็นนาทีกว่าจะคืนสติได้ว่ากำลังถูกชีคดาเนียลหอมแก้ม หญิงสาวไม่กล้าขยับตัวหนีเมื่อรู้สึกว่าใบหน้าคมยังคงแนบชิดอยู่ที่เดิมไม่ขยับไปไหน อยากจะโกรธตะโกนต่อว่าแต่ไม่กล้า อยากจะบอกให้เอาตัวออกห่างก็พูดไม่ออก รู้สึกเสียดายเมื่อเขาคืนแก้มให้เป็นอิสระ เธอจะเสียดายทำไมไม่เข้าใจตนเองเหลือเกิน
"พรุ่งนี้ตีห้าจะตื่นมารอกาแฟฝีมือเธอ คืนนี้หายเหนื่อยแล้วแต่ขอไปนอนเอาแรงสำหรับขับรถวันพรุ่งนี้ก่อนนะ ฝันดี การะเกด"
ชีคดาเนียลอมยิ้มอย่างอารมณ์ดีเดินจากไป ปล่อยให้เธอยืนนิ่งกว่าจะขยับตัวได้ก็หลายนาที แก้มสาวร้อนไปทั่วหน้า มือไม้อยู่ไม่เป็นสุข หัวใจเต้นแรงแทบจะออกมานอกร่างกาย
เกิดอะไรขึ้น เขาทำอะไรกับหัวใจที่เตรียมตัวปกป้องมาดีของการะเกด
ความคิดเห็น