ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รักร้ายใต้เงาทราย

    ลำดับตอนที่ #7 : ตอนที่ 7

    • อัปเดตล่าสุด 31 ส.ค. 66


    การะเกดถูกชีคดาเนียลทั้งหลอกทั้งล่อให้ไปนอนในที่ของตนเองได้สำเร็จ แต่ชีคหนุ่มต้องกลายเป็นหมอนข้างให้หญิงสาวกอดก่ายเป็นการแลกเปลี่ยน

    "หันหลังหนีทำไมคะ" น้ำเสียงหญิงสาวล้อเลียนเล็กน้อย

    "ทำไมไม่หันมามองเกดหน่อย หันมาซิคะ ดาเนียลขา" แน่ะ เจ้าหล่อนช่างกล้าเรียกชื่อเขาเฉยๆ โดยไม่มีตำแหน่งผู้นำแห่งคาลีจเสียด้วย

    "นอนได้แล้ว การะเกด พรุ่งนี้ต้องเดินทางแต่เช้า" ชายหนุ่มพยายามหักห้ามใจตัวเองไว้ เขาเป็นผู้ชายที่ไม่ฉวยโอกาสกับผู้หญิงที่เมาชาจนไม่ได้สติแน่

    "ยังไม่เช้าเลย หันมานะคะ มาดูอะไรหน่อยเร็ว" หญิงสาวเซ้าซี้ให้เขาหันมาหา  เท่านั้นยังไม่พอมือเรียวสวยยังพยายามจะโน้มตัวของชีคดาเนียลให้นอนราบลงให้ได้อีกด้วย

    "การะเกด รู้ตัวหรือเปล่าว่าทำอะไรอยู่" ชีคหนุ่มคำรามลั่น เมื่อเจ้าหล่อนสามารถออกแรงขยับให้เขานอนราบลงกับพื้น มาสบตากับคนที่เคลื่อนตัวขึ้นมาบนกายแกร่งในเวลานี้

    "ทำอะไรคะ" ดวงตาคู่สวยเบิกโตเป็นคำถาม ใบหน้าหวานยิ้มพรายอย่างมีเลศนัย

    การะเกดรู้ตัวไหมว่ากำลังทำให้หัวใจพญาเหยี่ยวแห่งทะเลทรายเต้นไม่เป็นจังหวะ ไม่ใช่เพราะฤทธิ์ชาที่กลายเป็นเหล้ารัก แต่เป็นเพราะรอยยิ้มที่แสนหวานซึ่งมาพร้อมกับความกล้าและบ้าบิ่นของเธอในเวลานี้

    "ลงไปก่อนที่ฉันจะหมดความอดทน" เขาพยายามจะจับร่างเล็กที่ค่อยๆ ปีนป่ายขึ้นมานอนทับลงไปนอนข้างๆ แต่ดูเหมือนจะไม่สำเร็จเมื่อการะเกดเอาตัวเองขึ้นมาทาบทับชีคหนุ่มได้เป็นผลสำเร็จอีกครั้ง

    "จะทำอะไรเกดคะ" นักข่าวสาวยิ้มหวานแกล้งกระซิบถามที่ข้างหู จงใจให้แก้มสาวสัมผัสแก้มของคนที่นอนราบ

    "จะลงโทษแบบไหน เกดก็ยอมค่ะ"

    "อย่าทำบ้าๆ นะ การะเกด ถ้าไม่หยุด พรุ่งนี้เช้าเธอได้ร้องไห้ขี้มูกโป่งแน่" เขาไม่ได้ขู่

    แต่คิดว่าถ้าพรุ่งนี้เช้าหรือทันทีที่ชาสองถ้วยนั้นหมดฤทธิ์ รับรองได้ว่าเจ้าหล่อนจะต้องอายจนไม่รู้ว่าจะเอาหน้าไปไว้ตรงไหน ถ้ารู้ว่าทำอะไรไปบ้างในคืนนี้

    "ทำไมต้องร้อง เกดไม่ได้มีเรื่องอะไรเสียใจนี่คะ"

    มือเรียวลูบไล้มาที่ใบหน้าคม ดวงตาคู่สวยสบสายตาของผู้นำคาลีจอย่างอาจหาญไม่มีความกลัวใดๆ แม้แต่น้อย มีแต่ความท้าทายที่แทนจดหมายรบในศึกนี้

    "เธอดื่มช้าสองถ้วยไปโดยที่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรกับตัวเอง คืนนี้สงบสติอารมณ์ตัวเองแล้วนอนซะ พรุ่งนี้เธอจะกลับมาเป็นปกติ" ชีคดาเนียลพยายามสงบใจตัวเองไว้ และท่องเอาไว้ในใจว่าต้องอดทนกับความไม่ปกติของเจ้าหล่อน

    "เกดก็ปกติดีนี่คะ ไม่เห็นรู้สึกไม่สบายอะไรเลย" การะเกดรู้สึกเช่นนั้นจริงๆ

    จิตใจผ่อนคลายไม่มีความกังวลใดๆ ที่ต้องรอนแรมอยู่ในทะเลทราย หรือเพิ่งผ่านความเป็นความตายที่น่ากลัวมาแม้แต่น้อย ดูเหมือนจะลืมไปด้วยซ้ำว่าหลงทางมากับชีคผู้ยัดเยียดข้อกล่าวหาที่ตนเองกำลังหาทางพิสูจน์ความบริสุทธิ์

    หนำซ้ำคืนนี้การะเกดยังรู้สึกถวิลหาอ้อมกอดอบอุ่นอันแข็งแรงของชายหนุ่มเป็นพิเศษ และอยากให้ค่ำคืนนี้มีเขาโอบกอดเหมือนทุกครั้งที่มีภัย ที่มากไปกว่านั้นก็คือร่างกายที่หวงแหนมาตลอดโหยหาการสัมผัสที่มากกว่าการกอด และมากกว่าการสัมผัสที่กำลังพยายามทำเพื่อสนองความต้องการของจิตใจในเวลานี้

    "ดาเนียล" น้ำเสียงการะเกดแหบพร่าเมื่อชายหนุ่มหยุดไม่พูดอะไรต่อ

    ใบหน้าหวานโน้มลงมาแนบชิดกับใบหน้าคม เรียวปากสวยสัมผัสกับริมฝีปากของชายหนุ่ม พยายามจะทำตามอย่างที่ใจต้องการแต่ความไม่ประสาและไม่เคยผ่านเรื่องพวกนี้มาก่อน ทำให้การะเกดทำอะไรไม่ถูกแต่ก็ไม่ละความพยายามที่จะกระทำ

    ชีคดาเนียลพยายามนับหนึ่งถึงสิบในใจดังและบอกตนเองว่าจะไม่ตอบโต้การกระทำใดๆ ของการะเกดทั้งสิ้น คนใจแข็งปล่อยให้ร่างกายของตนกลายเป็นของเล่นให้แม่สาวเมารักตักตวงความสุขได้ตามชอบใจ แต่ไม่คิดจะตอบโต้หรือสนองสิ่งใดทั้งสิ้น

    จู่ๆ การะเกดก็หยุดการกระทำทุกสิ่ง แววตามีน้ำใสคลอเต็มสองข้างสะอื้นเล็กน้อย เมื่อรับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายใช้การนิ่งปฏิเสธตนเอง เขาไม่รู้หรือไงว่าเธอทรมานแค่ไหนกับการรอคอยสัมผัสที่โหยหา ไม่รู้หรือไงว่าต้องการการเติมเต็มที่ตนเองก็ไม่รู้จักมาก่อนเช่นกัน รู้เพียงแต่ว่าชีคดาเนียลเท่านั้นที่จะมอบสิ่งๆ นั้นให้ แต่เมื่อถูกปฏิเสธ...

    "จะไปไหน" ชีคดาเนียลรวบตัวเธอไว้เมื่อเห็นสาวน้อยสะบัดหน้าหนี ถ้าเห็นไม่ผิดคือการะเกดกำลังร่ำไห้อย่างเป็นทุกข์ สะอื้นเบาๆ อยู่ในเวลานี้

    ความทรมานต่อเพลิงเสน่หาที่รุ่มเร้าจนไม่อาจจะทนไหว ทรมานกว่าการตกอยู่ในพายุทรายหรือสิ่งใดทั้งสิ้น เมื่อเขาไม่อาจสนองในสิ่งที่ปรารถนา การะเกดก็ไม่ต่อว่าให้เสียเวลาใดๆ ทั้งสิ้น ร่างกายหิวโหยในสิ่งใด เธอก็จะไปหาสิ่งนั้นให้ร่างกายได้อิ่ม

    แต่เมื่อได้สัมผัสร่างกายที่โหยหาก็ยิ่งทวีความต้องการเพิ่มขึ้น อ้อมแขนของชีคดาเนียลเสมือนไฟโลกันต์ที่เผาผลาญหัวใจและกายของการะเกดให้เป็นผุยผง เธอต้องการแต่เขาไม่ให้ แล้วจะมีประโยชน์อะไร

    "ปล่อยนะ" ร่างสาวสะท้านด้วยแรงสะอื้น

    ไม่เข้าใจตนเองเหมือนกันว่าเป็นอะไร รู้แต่ว่าน้อยใจเสียใจที่เขาทำเย็นชาใส่ ทั้งที่ก่อนหน้าไม่ว่าชีคดาเนียลจะทำอย่างไรการะเกดก็ไม่เคยรู้สึก

    ทว่าตอนนี้เธอต้องการสัมผัสของเขาแต่มันไม่ได้ทั้งที่อยู่ตรงหน้า ทั้งกายและใจทรมานเจียนจะขาดใจ นั่นก็ไม่เท่าการอยู่ในอ้อมแขนอันอบอุ่นแต่ถูกผลักไสด้วยการนิ่งเฉยไม่รับรู้ในสิ่งที่ปรารถนา เขาใจร้าย ใจร้ายกับเธอเหลือเกิน

    "ดาเนียล" การะเกดค่อยๆ หันหน้ามาสายตาชายหนุ่ม ความปรารถนาแรงกล้าที่พลุ่งพล่านอยู่ในกายสาว ทำให้สติสัมปชัญญะผิดชอบชั่วดีทุกอย่างเลือนหาย เหลือไว้แค่ความต้องการแห่งราคะเท่านั้น

    "การะเกด เธอ..."  ชีคหนุ่มพูดอะไรไม่ออก

    เข้าใจดีว่าการทรมานกับแรงปรารถนาที่เกิดขึ้นในเวลานี้เป็นอย่างไร ร่างในอ้อมแขนสั่นสะท้านยากจะแยกออกว่าเกิดจากแรงสะอื้นแห่งความเสียใจ หรือสะท้านเพราะปรารถนาให้ราคะมีชัยตามที่ต้องการกันแน่ หากแต่เขากำลังจะหมดความอดทนอดกลั้นต่อสิ่งที่ยั่วเย้าอยู่ตรงหน้าในเวลานี้

    ชายชาตรีอกสามศอกหากไม่สนองในสิ่งที่สตรีเสนอ ก็ดูจะไม่สมศักดิ์ศรีความเป็นชาย แต่ถ้าสนองในเวลาที่สตรีไร้สติสัมปชัญญะครองตนเช่นนี้เล่า จะเรียกว่ารังแกผู้หญิงที่อ่อนแอกว่าและไม่มีทางสู้ได้หรือไม่

    สำหรับชีคดาเนียลแล้ว ต้องยึดคำว่าชายชาตรีที่เป็นสุภาพบุรุษ ต้องคงไว้ซึ่งเจ้าแห่งคาลีจที่ต้องการลงโทษคนที่ทำร้ายน้องชายตนเองให้จากโลกนี้ไป ต้องระลึกถึงคำว่าลูกผู้ชายที่กำลังจะพ่ายแพ้ต่ออำนาจราคะที่ครอบคลุมจิตใจอยู่ในเวลานี้

    "ดาเนียล"

    เสียงกระซิบครั้งสุดท้ายที่แหบพร่า ก่อนการะเกดจะโน้มริมฝีปากของตนมาแนบชิดกับริมฝีปากของชีคหนุ่มอีกครั้ง แรงสะท้านของกายสาวเพิ่มมากขึ้น เมื่อครั้งนี้ชีคดาเนียลไม่ปฏิเสธและดูเหมือนจะเปิดประตูต้อนรับด้วยความเต็มใจเป็นอย่างยิ่ง

    ทุกสิ่งเขาครองความรู้สึกไว้ได้หมด แต่ไม่อาจรักษาคำว่าลูกผู้ชายที่มีกามราคะเฉกเช่นคนทั่วไป ชีคดาเนียลบอกตัวเองว่านี่ไม่ใช่การเอาเปรียบ แต่เป็นความเต็มใจจากลูกผู้ชายคนหนึ่งที่ยอมรับว่าเวลานี้อารมณ์ธรรมชาตินำหน้าอยู่เหนือเหตุผล และเขาพร้อมยืดอกยอมรับต่อสิ่งที่จะกระทำลงไปนับจากนี้

    เมื่อตัดสินใจได้ว่านี่คือเสียงเรียกร้องจากสัญชาติญาณลูกผู้ชาย ชีคหนุ่มวางสิ่งที่ต้องยึดถือและคงไว้ด้วยหน้าที่ลงจนหมดสิ้น ตอบสนองและเริ่มมอบความสุขตามที่ธรรมชาติเรียกร้อง

    นี่อาจจะเป็นรางวัลจากพระเป็นเจ้า ที่เขาช่วยชีวิตผู้หญิงที่ชื่อการะเกดไว้ถึงสองครั้งในวันนี้ นี่อาจเป็นผลตอบแทนความดีที่หยิบยื่นโอกาสให้เจ้าหล่อนได้พิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเองตามที่ร้องขอ

    และนี่อาจเป็นโอกาสที่แม้แต่เจ้าตัวเองก็ไม่รู้ว่า สายใยบางๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างคนสองคนได้ถือกำเนิดแล้วในขณะนี้ ราคะแห่งแรงตัณหาผูกมัดสองกายให้เป็นหนึ่ง และอาจจะเชื่อมหัวใจที่มีจุดเริ่มต้นด้วยกายนำทางเป็นครั้งแรกอีกด้วย

    เมื่อไฟตัณหาก่อกำเนิดสรรพสิ่งทุกอย่างในโลกก็ไร้ความหมาย เรียวปากที่โหยหาการตอบสนองที่ตนเองไม่เคยรู้จักว่ามันคืออะไรด้วยซ้ำ บัดนี้ธรรมชาติแห่งกายกำลังสอนให้การะเกดค่อยๆ เรียนรู้ แรกหวานที่ซาบซ่านตรึงหัวใจสาว จูบที่พร้อมดำเนินเคียงข้างของชีคหนุ่ม คือเชื้อไฟอย่างดีที่จะสุมให้เพลิงราคะทวีความร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ

    ชีคดาเนียลระดมป้อนจูบอย่างมิรู้อิ่ม การะเกดตั้งรับอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย ยิ่งเขามอบมาเท่าไรเธอก็ยิ่งยินดีรับและต้องการเพิ่มขึ้นมากเท่านั้น จูบที่โรมรันอย่างไม่มีหยุดคือชนวนสู่สงครามรักกลางผืนทรายที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่ช้า

    รสความหวานจากเรียวปากสวยที่เคยได้ลิ้มลองยังอยู่ในความทรงจำของชายหนุ่ม และตอนนี้ความทรงจำนั้นกำลังชวนสู่การลิ้มลองอื่นที่น่าสนใจกว่า ร่างกายที่สั่นสะท้านเริ่มบิดส่าย เมื่อมือที่ยามกลางวันจับอาวุธเพื่อปกป้องเธอเริ่มรุกรานเนื้อตัวด้วยไฟเสน่หา

    เนื้อตัวของการะเกดเนียนนิ่มกว่าหญิงใดที่เขาเคยผ่านมา ทุกสัมผัสบนเรือนกายสาวเรียกร้องให้ความต้องการในจิตใจของชีคดาเนียลเพิ่มขึ้น เขาปรารถนาที่จะครอบครองเป็นเจ้าของเรือนร่างนี้แต่เพียงผู้เดียว ไฟเสน่หาส่องสว่างทางให้ผู้นำแห่งคาลีจเดินเข้าสู่บ่วงราคะที่ไม่มีวันถอนตัวได้เป็นอันขาด

    เสื้อผ้าใหม่ที่เพิ่งสวมใส่ในค่ำคืนนี้ไร้ความหมาย ความหนาวที่นอกกระโจมไม่สำคัญอีกต่อไป เพราะทั้งคู่มีเนื้อแท้ที่พระเจ้าสร้างมาเป็นผ้าห่มมนุษย์อย่างดี ที่พร้อมมอบไออุ่นแก่กันและกันอย่างไม่มีวันหมด

    ลมหายใจอุ่นๆ ของชีคหนุ่มเริ่มเคลื่อนที่อยู่ไม่สุข เขาให้โอกาสการะเกดได้พักให้หายเหนื่อยจากการจูบที่แสนยาวนานและหอมหวาน ชีคดาเนียลระดมพรมจูบทั่วใบหน้าหวานซุกไซ้ไต่ลงมาที่ซอกคอและใบหู

    ทุกสัมผัสที่ร่างกายของการะเกดได้รับจากชีคหนุ่ม ปลุกไฟพิศวาสที่ซ่อนอยู่ในตัวเองให้ลุกโชนได้อย่างไม่น่าเชื่อ เธอไม่รู้ว่าความรู้สึกซาบซ่าน เกร็งทุกสัมผัสแต่อบอวลไปด้วยความวาบหวาม และปรารถนามันเพิ่มขึ้น เพิ่มขึ้นทุกขณะที่เป็นอยู่ในเวลานี้คืออะไร รู้เพียงแต่ว่ายินยอมอย่างที่สุดที่จะให้เขานำไปสู่ความสุขอีกขั้นหนึ่งทุกย่างก้าว

    การะเกดครางเบาๆ เมื่อปลายลิ้นสัมผัสแตะที่ยอดอกงาม ทรวงสาวที่เคยหวงแหนไม่ให้ชายใดได้สัมผัสแตะต้อง แอ่นรับการโรมรันที่ดุเดือดจากริมฝีปากที่กำลังดูดกลืนด้วยความกระหาย สองมือที่บีบเคล้นตามน้ำหนักแรงอารมณ์ที่ทวีความต้องการเพิ่มมากขึ้น ยิ่งเขารุนแรงกายสาวก็ยิ่งแอ่นรับตอบโต้ ยิ่งเขาบดขยี้ลงทัณฑ์ที่ปลายอิ่ม เจ้าตัวก็ยิ่งโอบรัดใบหน้าคมให้แนบไปกับอกงามมากขึ้นเท่านั้น

    ชีคดาเนียลกำลังตกอยู่ในหลุมพรางแห่งเสน่หาที่ยากจะถอนตัวเสียแล้ว ตัวตนที่ตื่นตัวพร้อมสำหรับทุกสิ่งที่ธรรมชาติความเป็นชายจะกระทำ การรุกเร้าที่รุนแรงขึ้นทำให้การะเกดร้อนเป็นไฟและเพลิดเพลินหลงใหลไปกับมันด้วยเช่นกัน ต่างคนต่างโหม ต่างคนต่างเติมเชื้อ กองเพลิงแห่งเสน่หาเตรียมจะแผดเผาผู้ที่อยู่ในบ่วงแห่งราคะให้มอดไหม้เป็นจุนด้วยสุขแห่งหฤหรรษ์

    รสสัมผัสที่ได้ลิ้มลองแรกสาวทำให้หัวใจของการะเกดกู่ไม่กลับ ยิ่งยอดงามมีปลายลิ้นสวาทปัดป่ายให้ความสุขด้วยแล้ว มือไม้ที่แข็งแกร่งลูบไล้มาที่สะโพกสาว ขย้ำแก้มก้นด้วยความเอ็นดูไม่รู้คลาย ลูบไล้เชยชมเรื่อยจนถึงหน้าท้องแบนราบ กลีบดอกไม้กึ่งกลางกายที่ถูกปกปิดความงดงามแรกสาวเริ่มถูกรุนราน

    ชีคดาเนียลคลายความหวานที่ยอดอกอิ่ม รอยแดงเป็นจ้ำที่เนินอกคือตราจองบอกให้รู้ว่าเขาคือเจ้าของเธอแต่เพียงผู้เดียว ก่อนจะหันกลับมาจูบหวานๆ อีกสักครั้งที่เรียวปากสวย ไล่ซุกไซ้ตรงลงมาผ่านอกงามทั้งสองข้างที่ไม่ลืมจูบเน้นๆ ที่เนื้อนิ่มก่อนจะเรื่อยลงต่ำมาที่ดอกไม้งามอีกแห่ง

    เสียงครางของการะเกดหวานหูและร้อนแรงขึ้น เมื่อชีคหนุ่มมุ่งหน้าสำรวจหาความหวานจากดอกไม้ประจำกายของตัวเธอ แรกแตะรสหวานที่กลีบงามก็ทำให้สาวน้อยสะดุ้ง ยิ่งเคลื่อนเข้าสู่คูหาสวรรค์ก็ยิ่งแทบแดดิ้นเพราะความซาบซ่าน สะโพกสาวพลิ้วไหวไปตามจังหวะปลายลิ้นที่ฉกชิมความหวานจากถ้ำวิเศษ

    เพลิงอารมณ์ที่พลุ่งพล่านของชีคหนุ่มใกล้จะถึงขีดสุด หวานอื่นใดในโลกนี้ไม่หวานเท่าความหวานจากเนื้อกายของสาวงามที่ตนกำลังจะเป็นเจ้าของ การะเกดคือผู้หญิงคนเดียวที่ทำให้ชีคดาเนียลสำลักคำว่าความสุข และเตรียมจะมุ่งสู่ความต้องการที่ไม่มีใครมอบให้ได้นอกจากเธอผู้นี้เพียงคนเดียวเท่านั้น

    สาวน้อยหอบหายใจสะท้านเมื่อชีคหนุ่มปีนป่ายขึ้นมาจูบพรมที่หน้าผากนวลเบาๆ ทั้งคู่ประสานสายตากันอย่างมีความสุข การะเกดยิ้มรับจูบที่ชีคดาเนียลมอบให้ครั้งแล้วครั้งเล่า

    "เกด" เขาเรียกชื่อเธอเสียงแหบพร่า ซุกไซ้ดอมดมความหอมจากเรือนกายอย่างไม่รู้เบื่อ

    "ขา" เธอขานรับเสียงหวาน

    "พร้อมนะ"

    เขาเงยหน้าขึ้นสบตากับสาวน้อย มองอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่านี่ไม่ใช่ความคิดของตนแค่ฝ่ายเดียว หากแต่เป็นความยินยอมพร้อมใจซึ่งกันและกัน สมองสั่งให้การะเกดพยักหน้ารับเพื่อเรียนรู้จักคำว่าเพลิงเสน่หาอย่างสมบูรณ์

    เมื่อสาวน้อยยินยอมทั้งกายและใจ ชีคดาเนียลก็พร้อมที่จะทำให้ทุกอย่างบรรลุเป้าหมาย ร่างสูงขยับตัวขึ้นเล็กน้อยสอดประสานมือการะเกดกุมไว้อย่างถนอม

    เวลาสำคัญที่บ่วงราคะจะรัดร้อยทั้งคู่ไว้ด้วยกันตลอดไปมาถึงแล้ว เมื่อชีคหนุ่มแทรกกายเข้าหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับการะเกด ความบริสุทธิ์แรกสาวที่เขาได้ครอบครองยิ่งทำให้ต้องถนอมการะเกดเพิ่มมากขึ้น

    บ่วงแรกที่เกิดขึ้นแล้วในจิตใจของชีคหนุ่มคือคำว่าเจ้าของ เขาเป็นผู้ชายคนแรกที่ครอบครองตัวเธอ และจะไม่มีผู้ใดในโลกหล้าแห่งนี้ได้แตะต้องการะเกดอีกต่อไป เมื่อเป็นเจ้าของครอบครองโดยสมบูรณ์ บ่วงถัดไปที่ผูกรัดให้แน่นขึ้นไปคือคำว่าหวงแหน

    เขาไม่ได้หวงแหนเพราะความบริสุทธิ์ที่การะเกดมอบให้ แต่หวงแหนเพราะเธอคือคนของตนไปแล้วอย่างเต็มตัว ผู้หญิงของชีคดาเนียลคือตำแหน่งที่หญิงสาวต้องยอมรับไปตลอดชีวิต

    บ่วงสำคัญอีกสิ่งที่ชีคหนุ่มปฏิเสธไม่ได้ว่าเขามีความสุขแค่ไหนที่ได้ครอบครองเป็นเจ้าของเรือนกายนี้ คือคำว่าผูกพัน สายใยบางๆ ระหว่างคนสองคนได้เริ่มทำหน้าที่ของมันตามปกติ และถักทอร้อยเรียงสร้างพื้นที่ของคำว่า เรา เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นคำว่าสองเราในที่สุด และต่อจากนี้คำว่า ผูกพันที่พันธนาการสองเราไว้ จะถักทอเพิ่มขึ้นหรือจบลงแค่นี้คงไม่มีใครรู้ได้ นอกจากหัวใจของสองคนนี้เท่านั้น

    เมื่อผ่านวินาทีสำคัญที่การะเกดเริ่มคุ้นเคยกับการเป็นหนึ่งเดียว ความหฤหรรษ์ที่เริ่มต้นขึ้นด้วยการขับเคลื่อนอย่างทะนุถนอม ต่างคนต่างมอบความสุขให้แก่กันและกันอย่างไม่รู้เบื่อ รสเสน่หาที่ไม่อาจจะหักห้ามใจให้ตักตวงความหอมหวานครั้งแล้วครั้งเล่า

    ทั้งหมดมัดกายและใจของผู้นำแห่งคาลีจไว้เรียบร้อย ด้วยหญิงเดียวที่โลกหล้าไม่อาจแตะต้องเธออีกต่อไป การะเกด

    เพลิงเสน่หาที่มอมเมาการะเกดให้หลงระเริงไปกับไฟสัมผัส ที่มีชีคดาเนียลเป็นผู้มอบให้รุนแรงขึ้นตามการถาโถม แม้มันจะว่องไวและหนักแน่นแต่เธอก็สามารถปรับตัวให้เข้ากับทุกสิ่งที่เขาเป็นผู้นำ และมีความสุขกับมันอย่างที่สุด

    การะเกดอิ่มเอมอยู่ในอ้อมแขนที่ถูกโอบรัดด้วยการแกร่งไปพร้อมๆ กับแรงส่งที่จะทำให้เธอแตะของฝันแห่งความหฤหรรษ์ของแรกสาว ชีคดาเนียลอ่อนโยนและเข้มแข็ง ทะนุถนอมแต่เต็มที่ที่จะมอบความสุขให้ทุกวินาที

    คนหนึ่งส่งคนหนึ่งรับ คนหนึ่งนำอีกคนหนึ่งตาม ไม่มีใครนำหน้าใคร ไม่มีใครช้าหรือเสียโอกาสแห่งความสุขแม้แต่เพียงนิดเดียว กองเพลิงแห่งเสน่หาเบิกทางให้ทั้งคู่กระโจนเข้าสู่สุขแห่งหฤหรรษ์พร้อมๆ กัน ชีคหนุ่มคำรามอย่างมีความสุขพร้อมๆ กับที่การะเกดกรีดร้องกับหฤหรรษ์แรกสาว

    ค่ำคืนแห่งความลำบากกลางผืนทรายไร้ค่าและไม่สำคัญอีกต่อไป ชีคดาเนียลก้มลงจูบรับขวัญร่างสาวที่ยังสะท้านอยู่ในอ้อมอก ในขณะที่การะเกดเงยหน้าขึ้นสบตาชายแรกของชีวิตด้วยความรู้สึกที่ทั้งสุขและอิ่มเอมอย่างล้นเหลือ ทั้งคู่ตระกองกอดกันและกันภายใต้ผ้าห่มกายเนื้อที่อบอุ่นกว่าผ้าห่มใดในโลกนี้

     

    สุขแค่ชั่วคืนแต่เมื่อลืมตาตื่นก็ต้องพบกับปัญหาตรงหน้าที่ทำให้ชีคหนุ่มต้องถึงกับกุมขมับอีกหน เพราะทันที่ที่แม่ตัวดีตื่นก็โวยวายกล่าวหาว่าเขาเป็นคนฉวยโอกาสและพรากเอาสิ่งที่หวงแหนในชีวิตไป

    "จำอะไรไม่ได้ หรือแกล้งทำเป็นลืมกันแน่" ชีคหนุ่มเอ่ยถามอย่างใจเย็น

    เข้าใจดีว่าเวลานี้การะเกดรู้สึกอย่างไร แต่ในเมื่อสิ่งที่เกิดขึ้นมันไม่อาจย้อนเวลากลับไปเปลี่ยนแปลงอะไรได้ ทุกอย่างก็ต้องเดินหน้าเพียงอย่างเดียว

    "เมื่อคืนเธอเป็นคนเริ่มก่อน" เขาพยายามจะอธิบายเรื่องราวทั้งหมด แต่การะเกดไม่ฟังคำพูดใดๆ ทั้งสิ้น

    "ไม่จริง ฉันไม่มีวันทำอะไรแบบนั้นแน่ คุณต่างหากที่...ที่ ...ที่ข่มเหงฉัน" นักข่าวสาวตาวาวด้วยความโกรธ

    "ขอถามหน่อย เมื่อคืนเธอดื่มชาถ้วยนั้นหมดเลยใช่ไหม"

    "ใช่ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับการที่คุณฉวยโอกาสตอนฉันหลับ" หญิงสาวย้อนถามด้วยความโมโห

    "แน่ใจว่าหลับ ลองคิดดีๆ ซิว่าหลับหรือครางลั่นกระโจมกันแน่"

    "ไอ้ชีคบ้า..."

    "เธอดื่มชาหมดจนก้นถ้วย แล้วยังมาเอาชาถ้วยของฉันไปดื่มอีก ทั้งๆ ที่ฉันบอกแล้วว่าอย่าดื่มหมด"

    "แล้วไง ฉันดื่มชาคุณหมด โกรธมากหรือไงถึงต้องทำกันแบบนี้" การะเกดโกรธจนทนไม่ไหว อะไรที่อยู่ใกล้มือตอนนี้เป็นอาวุธที่ทำร้ายชีคดาเนียลได้ทุกอย่าง

    "เธอรู้ไหมว่าชานั่นมีสรรพคุณยังไง"

    "ไม่รู้" การะเกดหอบด้วยความเหนื่อย เขวี้ยงอะไรไปกี่ชิ้นเขาก็หลบได้หมด มันยิ่งทำให้โมโหมากขึ้นเมื่อไม่อาจทำร้ายคนที่กำลังโกรธได้แม้แต่ปลายเล็บ

    "มันก็เป็นชารสชาติดีให้ดื่ม ไม่เห็นจะมีอะไรพิเศษตรงไหน"

    "มีซิ มันมีข้อห้ามที่ฉันบอกเธอแล้ว แต่เธอไม่ฟังเอง"

    "ข้อห้ามอะไร" การะเกดร้องถามด้วยความอยากรู้

    การะเกดสงบใจฟังคำอธิบายของชีคดาเนียลจนจบ แม้ไม่ปักใจเชื่อว่านั่นคือความจริงร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่เมื่อคิดทบทวนเหตุการณ์เมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา หญิงสาวก็ยอมรับว่าหลังจากที่ดื่มชารสชาติดีที่ไม่เคยดื่มที่ไหนมาก่อนในชีวิตหมดถ้วยแล้ว ร่างกายก็เริ่มมีความรู้สึกแปลกๆ และจากนั้นก็พอจะเดาออกว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง

    มิน่าเล่า เมื่อคืนนี้เธอถึงได้กึ่งฝันกึ่งรู้สึกตัวว่ามีความสุขอย่างที่ไม่เคยพบมาก่อน มีความซาบซ่าน วาบหวามและเร่าร้อน ซึ่งยังตราตรึงอยู่ในความทรงจำบางช่วงบางตอนในขณะนี้

    ที่แท้ ชารสดีถ้วยนั้นก็มีสรรพคุณพิเศษที่คนทะเลทรายเท่านั้นถึงจะรู้ จิบน้ำชาเพื่อเพิ่มไออุ่นให้ร่างกายจากความหนาวเย็นของทะเลทรายยามค่ำคืน แต่ตะกอนก้นถ้วยที่เหลือหากว่าใครดื่มเข้าไป จะมีความต้องการเสน่หาอย่างที่การะเกดรู้สึกเมื่อคืนนี้

    "ถ้าไม่ทำแบบนี้ ไม่รู้ว่าเช้านี้เธอจะมีสภาพแบบไหน" ชีคหนุ่มสรุปสั้นๆ ทุกอย่างให้หญิงสาวฟังจนจบตั้งแต่ต้น

    การะเกดมึนงงไปหมดแล้ว ไม่รู้ว่าจะโกรธชีคดาเนียลดี หรือจะขอบคุณที่ทำให้เธอไม่ต้องเตลิดเปิดเปิง ไปแสวงหาสิ่งที่ร่างกายเรียกร้องในยามที่ไม่รู้สึกตัวกลางทะเลทราย

    และที่สับสนอยู่ในใจตอนนี้ก็คือ สถานภาพที่เปลี่ยนไปอย่างกระทันหันของทั้งคู่ มันทำให้การะเกดไม่รู้ว่าต่อไปจะมองหน้าและทำตัวอย่างไร

    เรื่องน่าอายที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้จะมีผลอะไรกับชีวิตในอนาคตของเธอหรือไม่ ตอนนี้การะเกดปวดหัว คิดอะไรไม่ออกอยากอยู่นิ่งๆ เงียบๆ คนเดียวเพื่อทบทวนและหาทางจัดการกับสิ่งที่เกิดขึ้นให้เรียบร้อย

    "ขอฉันอยู่เงียบๆ คนเดียวสักพักได้ไหม" น้ำเสียงหญิงสาวอ่อนลงมาเล็กน้อย

    ชีคดาเนียลเข้าใจอารมณ์ของการะเกดตอนนี้ดี เขาไม่พูดอะไรทั้งสิ้นเดินออกไปข้างนอกตามคำขอ แม้ในใจจะอดห่วงไม่ได้ว่าเจ้าหล่อนกำลังคิดอะไรอยู่

    การะเกดคิดอะไรไม่ออก นอกจากระบายความอึดอัดในใจออกมาทางน้ำตา นักข่าวสาวซบหน้าสะอื้นร่ำไห้กับหัวเข่าของตนเอง แต่เก็บเสียงแห่งความเสียใจไว้ไม่ให้ใครได้ยินแม้แต่นิดเดียว

     

    ชีคดาเนียลกลับเข้ามาที่กระโจมอีกพักใหญ่ เพื่อตามการะเกดไปทานอาหารเช้า อีกสักพักราเชสคงจะมาถึงที่นี่เพื่อพาทั้งสองกลับไป

    "เราต้องไปกินข้าวและลาทุกคนแล้ว" เขาร้องเตือนเมื่อเห็นการะเกดนั่งนิ่งอยู่ที่พื้นเหมือนไม่รับรู้การมาของเขา

    "ราเชสกำลังเดินทางมารับเรา" ชีคดาเนียลขยับตัวเข้ามาใกล้การะเกดมากขึ้น

    "คุณหมอมารับเราใช่ไหมคะ" การะเกดลุกขึ้นปรับสีหน้าและท่าทางให้เป็นคนเดิมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

    "ใช่ เธอโอเคนะ" ชีคหนุ่มถามให้แน่ใจอีกครั้ง เขาสังเกตว่าดวงตาคู่สวยแดงช้ำเล็กน้อย แม้การะเกดจะพยายามปกปิดด้วยการทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น  แต่ชีคดาเนียลก็รับรู้ได้ว่าเธอยังเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้อยู่

    ส่วนเขาที่ออกไปนอกกระโจมก็เพื่อถามตัวเองให้แน่ใจว่า จะเอาอย่างไรกับผู้หญิงคนนี้ดี ความจริงแล้วไม่มีอะไรยากเพราะตอนนี้สถานภาพของการะเกดก็คือผู้หญิงของตน แน่นอนว่าชีคดาเนียลไม่มีวันปล่อยให้หลุดมือไปเป็นอันขาด

    ทว่า ขณะนี้การะเกดยังมีข้อกล่าวหาที่ติดตัวอยู่ ซึ่งยังไม่มีหลักฐานใดมาลบล้างความผิดนี้  นี่จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่ชีคดาเนียลต้องตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรกับเจ้าหล่อนดี เว้นเสียแต่ว่าบันทึกที่อยู่กับคุณหมอราเชสจะมีบางสิ่งที่ไขปริศนาข้อนี้ออก

     

    การะเกดโอเคหรือไม่โอเคก็ดูได้จากเมื่อราเชสมาถึง ชีคดาเนียลแทบจะสะกดความโมโหไว้ไม่อยู่ เมื่อนักข่าวสาวก็วิ่งยิ้มร่าไปหาเพื่อนรักด้วยความดีใจ ส่วนคุณหมอหนุ่มก็เอาแต่ถามสารทุกข์สุขดิบจนไม่ทันสังเกตเห็นว่าชีคหนุ่มมีปฏิกิริยาอย่างไร

    "จะกลับกันหรือยัง เดี๋ยวสายแดดจะร้อน" ชีคดาเนียลเอ่ยสั้นๆ แล้วหันมากล่าวลาหัวหน้าคาราวานที่ให้ที่พักและอาหารสำหรับค่ำคืนที่ผ่านมา

    ม้าพันธุ์ดีสองตัวที่คุณหมอหนุ่มนำมาเป็นพาหนะรับคนหลงทางกลับบ้านเหลือเก้อหนึ่งตัว เมื่อชีคดาเนียลดึงตัวการะเกดขึ้นมานั่งบนหลังม้าไปกับตน ทั้งๆ ที่เจ้าตัวพยายามจะดิ้นลงจากหลังม้า

    "นั่งเฉยๆ ซิ เดี๋ยวม้าตกใจวิ่งเตลิดไปไหนอีก คราวนี้ไม่ได้กลับบ้านอีกนะ" เขาขู่ แต่ได้ผลเมื่อการะเกดหยุดดิ้นและหันมาทำตาเขียวใส่คนพูด

    "ก็ปล่อยฉันซิ ฉันจะขี่ไปเอง"

    "เธอขี่ม้าเป็นเหรอ" เขายื่นหน้ามากระซิบถามข้างหู

    "จำได้ว่าขี่อย่างอื่นที่ง่ายกว่าเธอยังทำไม่ถนัดเลย แล้วขี่ม้า เธอจะ..."

    "หยุดพูดเดี๋ยวนี้นะ" การะเกดหน้าแดงทันทีเมื่อฟังคำพูดสองแง่สองง่ามของชายหนุ่ม เธอให้รางวัลคนพูดให้อายด้วยการศอกเข้าให้ที่สีข้างชีคดาเนียลหนึ่งที จนเจ้าตัวสะดุ้งรู้สึกเจ็บ

    "ถ้าพูดมากอีกฉันจะทำให้คุณตกม้าเลย คอยดู" การะเกดค้อนขวับเข้าให้

    "คงยากเพราะฉันขี่ม้ามาตั้งแต่เกิด หรืออยากลองไหมว่ามันเป็นไง"

    "จะทำอะไร อย่านะ" หญิงสาวร้องลั่นเมื่อจู่ๆ เจ้าม้าก็ยกตัวขึ้นแล้วกระโจนวิ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว

    การะเกดทั้งกลัวทั้งตื่นเต้นนั่งเกร็งไม่กล้าขยับไปไหน ชีคดาเนียลถือโอกาสโอบร่างเล็กเข้ามาแนบอกแล้วควบม้าออกห่างคนที่ตามหลัง กลิ่นกายสาวที่ซบอยู่แนบตัวทำให้รู้สึกอารมณ์ดีอย่างไม่น่าเชื่อ

    "หลับซะ ฉันจะพาเธอกลับบ้าน ตื่นมาแล้วค่อยคุยกันใหม่"

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×