ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เจ้าสาวร่ายรัก ซีรีย์ชุด รอยฝันวันวิวาห์

    ลำดับตอนที่ #7 : ตอนที่ 5

    • อัปเดตล่าสุด 10 ก.ค. 66


    พรตนั่งรอเมธาวีจนตะวันตกดินถึงได้เห็นหน้า ท่าทางอ่อนระโหยโรยแรงทำให้เขาสงบปากสงบคำไว้ไม่พูดอะไร

    “กินข้าวหรือยัง” เขาเอ่ยถาม

    “ยัง แต่ไม่หิว” เมธาวีเปิดตู้เย็นรินน้ำดื่มให้ชื่นใจก่อนจะหันมาถามว่า

    “คุณกินหรือยัง”

    “ยัง” พรตตอบสั้นๆ แล้วเดินเข้ามาหา

    “ผมรอคุณ”

    “ขอโทษทีไม่คิดว่าจะไปไกลขนาดนี้ ถ้าคุณหิวขับรถออกไปเจอถนนเลี้ยวซ้ายจะมีตลาดกลางคืน ที่นั่นของกินเยอะเลือกได้ตามใจชอบเลยค่ะ” เมธาวีบอกสถานที่

    “งั้นก็ไปเลย” พรตพยักหน้าชวน

    “ฉันไม่หิว วันนี้เหนื่อยมาก ร้อนด้วย คุณไปคนเดียวเถอะ ฉันอยากอาบน้ำนอนมากกว่า”

    “ผมรอคุณมาทั้งวัน ทำสิ่งที่คุณสั่งเรียบร้อยครบหมด ผมยังต้องไปกินข้าวคนเดียวอีกเหรอ” พรตถามเสียงเรียบ เมธาวีช่างใจเล็กน้อยก่อนจะตัดสินใจพยักหน้าแล้วเดินนำไปในที่สุด

    ก๋วยเตี๋ยวมื้อเย็นกับน้ำส้มปั่นที่พรตพาไปกินเป็นมื้อเย็น ทำให้เมธาวีรู้สึกมีแรงกระปรี้กระเปร่าพอที่จะนั่งดูเอกสารที่ครูป้อมเอามาฝากไว้ได้ พรตเปิดประตูห้องเข้ามาหลังอาบน้ำเสร็จเห็นหญิงสาวดูแฟ้มท่าทางเคร่งเครียดเหมือนกำลังใช้ความคิด

    เขารู้รายละเอียดคร่าวๆ จากครูป้อมที่กลับมาเล่าให้ฟังเรื่องแผนการบริจาคที่ดินและอาคารเรียนของเมธาวี ตอนนี้พรตส่งแผนผังอาคารไปให้ทีมวิศวกรของบริษัทดูอีกครั้งเผื่อว่าจะสามารถปรับปรุงหรือแก้ไขให้เข้าที่

    “ผมช่วยคุณได้นะ” พรตเอ่ยด้วยน้ำเสียงอารมณ์ดี

    “ถามหน่อยซิ ที่คุณไปดูที่วันนี้เพื่ออะไร จะขายเพื่อเอาเงินมาซื้อที่ข้างๆ โรงเรียนหรือเปล่า ถ้าต้องการหาเงินซื้อที่หรือสร้างอาคารเรียน เรื่องนี้ผมก็ช่วยคุณได้นะ”

    “ฉันไม่ได้จะขายที่เพื่อเอาเงินมาซื้อที่ดินข้างโรงเรียนค่ะ” เมธาวีเปิดคอมพิวเตอร์เพื่อหาข้อมูลบางอย่าง

    “แล้วที่ดินข้างๆ โรงเรียนเป็นของใคร คุณเจรจากับเจ้าของได้แล้วเหรอ” พรตอยากรู้

    “เจรจาได้แล้วค่ะ”

    “ขายที่เท่าไร คุณมีงบพอไหม ถ้าไม่พอเรื่องนี้ผมคุยกับคุณย่าให้ได้”

    “ไม่ต้องเสียเงินค่ะ เพราะเป็นที่ของพี่นิพนธ์ เราตกลงกันว่าจะเอาที่ดินมาแลกกัน” หญิงสาวเฉลย

    “อะไรนะ เอาที่มาแลกที่งั้นเหรอ” พรตฟังแล้วชักทะแม่ง

    “ค่ะ ตอนแรกฉันคิดว่าจะซื้อแต่พี่นิพนธ์บอกว่า ที่ดินของปู่ย่าตายยายไม่อยากขาย ก็เลยเสนอว่าเอาที่ดินมาแลกกันดีกว่า”

    “เดี๋ยวๆ แล้วคุณเอาเกณฑ์อะไรมาเป็นตัววัดว่าที่ผืนไหนเหมาะจะแลกกับที่ดินข้างโรงเรียน”

    “ฉันให้พี่นิพนธ์เลือกค่ะ เขาชอบผืนไหนก็ว่ามา”

    “ถ้าใช้วิธีนี้ผมว่าระวังจะมีปัญหาทีหลัง” พรตเตือนด้วยความหวังดี

    “มีปัญหายังไงคะ” เมธาวีย้อนถาม

    “คุณเล่นไม่กำหนดเกณฑ์อะไรสักอย่าง ถ้าเกิดหมอนั่นอยากได้ที่ดินที่มีขนาดหรือมูลค่าสูงกว่าที่ดินข้างโรงเรียนล่ะ คุณจะให้ง่ายๆ อย่างงั้นเหรอ” ชายหนุ่มถามตรงไปตรงมา เมธาวีนิ่งไปเล็กน้อยเหมือนจะค่อยๆ คิดตามที่พรตพูด

    “ปัญหาคือใครจะเสียเปรียบ คุณหรือพี่ชายร่วมโลกของคุณ แล้วถ้าคุณเสียเปรียบจะทำไงต่อ จะยอมเพื่อให้ได้สร้างโรงเรียนตามความตั้งใจ หรือว่าจะเจรจาในเวลาที่เขาไม่ยอมคุณแล้ว”

    “พี่นิพนธ์คงไม่ทำแบบนั้นหรอก เราตกลงกันแล้วว่า...”

    “ผลประโยชน์ไม่เข้าใครออกใคร ข่าวก็มีให้เห็นตลอด อย่ามองโลกในแง่ดีนักซิ ต้องคิดเผื่อในทางร้ายไว้บ้าง” พรตเตือนด้วยความหวังดี

    “มันคงไม่แย่อย่างนั้นหรอกค่ะ พี่นิพนธ์คงไม่ใช่คนแบบนั้น” เมธาวีแย้ง

    “ถ้าไม่มีอะไรแอบแฝงจริง เขาคงให้ที่ตรงนั้นไปแล้วโดยไม่ต้องแลกเปลี่ยนหรอก เพราะมันเป็นการทำบุญบริจาคในนามครอบครัว หมอนั่นให้ที่คุณออกเงินสร้างทุกอย่างจบ เว้นแต่ว่ามันมีอย่างอื่นที่ต้องการมากกว่านั้น”

    เมธาวีเงียบไปสักพักเหมือนใช้ความคิดชั่วครู่แต่ไม่พูดอะไรออกมา หันมาสนใจสิ่งที่อยู่ในคอมพิวเตอร์แทน

    “งานพวกนั้นผมช่วยคุณได้นะ” พรตเอ่ย เมื่อเห็นว่าเมธาวีกำลังไล่ดูรายการข้าวของที่จะจัดซื้อมาไว้ในอาคาร ชายหนุ่มเดินเข้ามายืนด้านหลังเอามือจับที่เม้าส์ทาบลงบนมือของเมธาวีไว้

    “โต๊ะ เก้าอี้ แบบเรียน ระบบไฟ อะไรอีกจิปาถะ คุณไม่ต้องดูเองทุกเรื่องก็ได้ ผมช่วยได้” ชายหนุ่มลากเม้าส์ไปคลิ๊กเปิดทีละหน้าให้ดูช้าๆ

    เมธาวีใจเต้นเมื่อแผ่นหลังได้สัมผัสอกแกร่งที่โน้มเข้ามาแนบ แม้รู้ว่าพรตไม่ได้ตั้งใจแต่มันก็ทำให้สาวน้อยประหม่าพอแอบชำเลืองมองใบหน้าคมที่อยู่ใกล้ๆ กดอดยอมรับไม่ได้ว่าพรตหล่อ มีเสน่ห์และกำลังทำให้ใจเธอสั่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ยามเมื่อเขาหันหน้ามาสบตา

    “แอบมองหน้าผมทำไม” เขาถามยิ้มๆ

    “เปล่าค่ะ แค่สงสัยว่าคุณช่วยทำไมต่างหาก” เมธาวีเฉไฉไปเรื่องอื่น เมื่อกี้แทบไม่ได้ฟังด้วยซ้ำว่าเขาอธิบายอะไรบ้าง

    “ผมช่วยเพราะอยากช่วย คุณทำคนเดียวไม่ได้หรอก แค่จัดการเรื่องที่ให้เรียบร้อยก็คงใช้เวลาอีกนาน เตรียมอย่างอื่นไปก่อนพอที่ดินพร้อมก็ลงมือได้เลย คุณว่าจริงไหม”

    “ขอบคุณค่ะ แต่ว่าฉันคงไม่รบกวนคุณหรอก งานนี้มีครูป้อม มีโชคช่วยแล้ว ฉันไม่ได้ทำคนเดียวสักหน่อย”

    “นายโชคมาทำอะไร” จู่ๆ อารมณ์ของพรตก็เปลี่ยนไปกะทันหัน

    “โชคช่วยดูเอกสารเรื่องที่ดิน แล้วก็เรื่องอื่นๆ อีกหลายอย่าง”

    “นายโชคคนเดียวจะทำได้อย่างไร อีกอย่างผมอยู่ที่นี่แล้วก็เป็นสามีคุณ ทำไมคุณไม่ปรึกษาไม่ให้ผมช่วย” สีหน้าพรตบึ้งตึงเล็กน้อย สายตาที่จ้องมองมามีคำถาม

    “ฉันมีคนช่วยเยอะแล้ว” เมธาวีไม่สบตาเขาแกล้งทำเป็นมองคอมพิวเตอร์แทน

    “คุณไม่อยากให้ผมช่วยมากกว่า” ชายหนุ่มเอ่ยต่อไปว่า

    “หรือไม่ก็มีเหตุผลอื่นที่จะไม่ให้ผมช่วย”

    “เหตุผลอะไรของคุณ” หญิงสาวทำทีเป็นไม่สนใจสิ่งที่พรตกำลังพูด

    “ข้อแรกคือคุณอยากจะฟินกับหนุ่มๆ ในฮาเร็มของคุณ เช่นนายโชค ครูป้อมหรือไม่ก็นายนิพนธ์พี่ชายร่วมโลกของคุณ”

    “บ้า เอาสมองคิดก่อนพูดหรือเปล่า ฮาเร็มบ้าบออะไรของคุณ ฉันไม่เคยคิดอะไรเกินเลยกับพวกเขา” เมธาวีหน้างอปิดคอมพิวเตอร์แล้วลุกขึ้นเดินไปที่เตียงนอน

    “ผมว่าสมองผมทำงานดีมีประสิทธิภาพในการประมวลผลทุกอย่าง” พรตเดินตามมาติดๆ

    “คุณอย่าเอาตัวเองเป็นมาตรฐานแล้วคิดว่าคนอื่นจะทำเหมือนตัวเองซิ” เมธาวีหันมาต่อว่ากลับ แต่เมื่อเจอรอยยิ้มของพรตก็ทำให้ท่าทีฮึดฮัดเมื่อครู่คลายลง

    “ผมทำอะไรงั้นเหรอ” ชายหนุ่มยื่นหน้าเข้ามาถามใกล้ๆ

    “ก็ทำอย่างที่เคยทำมาไง” หญิงสาวหันหน้าหนี

    โอ๊ย หัวใจเธอเต้นไม่เป็นจังหวะอีกแล้ว รอยยิ้มของพรต แสงสว่างเป็นประกายจากดวงตาเขา มันทำให้เมธาวีถึงกับใจสั่นเลยทีเดียว

    “ผมทำอะไรคุณ ไหนบอกซิ ผมทำอะไรให้ภรรยาตัวเองน้อยใจหรือรู้สึกขาดความอบอุ่น” พรตก้าวเข้าไปหาใกล้ๆ เมธาวีก้าวถอยหนี

    “ว่าไง พูดมาซิ ผมทำอะไร” เขาโน้มใบหน้าลงมาใกล้อีกเกือบจะชนปลายจมูกของเมธาวีแล้ว

    “ไม่ได้ทำอะไร ฉันไม่รู้สึกอะไรทั้งนั้น”

    ใช่ เมธาวีบอกกับตัวเองดังๆ ห้ามรู้สึก ห้ามหวั่นไหว รอยยิ้มของเขาไม่มีความหมายกับใจเธอเลยสักนิด พรตก็แค่ผู้ชายคนหนึ่ง เหมือนโชค เหมือนครูป้อม เหมือนนิพนธ์และผู้ชายอื่นๆ ที่เคยรู้จัก ถึงแม้จะมีคำว่าสามีตามกฎหมายมากำกับ แต่นั่นก็แค่กระดาษแผ่นเดียวที่กำลังจะหมดความหมายในเร็วๆ นี้

    “แน่ใจว่าไม่รู้สึก ทำไมหน้าแดง ทำไมหันหน้าหนีผม” เสียงพรตดังที่ข้างหู ลมหายใจแผ่วเบาอยู่ที่ข้างแก้ม

    “ฉันไม่ได้เป็นอย่างที่คุณพูดเสียหน่อย ถอย กลับไปที่นอนคุณได้แล้ว” เมธาวีกลั้นใจตอบยกสองมือผลักอกเขาห่าง แต่พรตคว้าข้อมือเธอไว้แล้วรวบตัวเข้ามาหา

    “จะทำอะไร ปล่อยนะ” หญิงสาวตกใจมากขึ้นไปอีกเมื่อพรตช้อนตัวขึ้นอุ้มไปวางบนเตียงนอน

    “นี่ ปล่อยนะ”

    “ผมปล่อยแน่แต่หลังจากที่เราตกลงกันเรียบร้อยแล้ว” พรตนั่งลงที่ขอบเตียงนอนและเอ่ยต่อว่า

    “จะตกลงอะไรอีก” หญิงสาวพยายามดึงมือทั้งสองข้างที่ถูกตรึงไว้กับที่นอนออก แต่แรงกดของพรตมากเสียจนแทบขยับไม่ได้

    “งานนี้คุณต้องให้ผมช่วย” พรตเอ่ยเสียงดังฟังชัด

    “ทำไม” เมธาวีย้อนถาม

    “เพราะผมอยากจะทำ” ชายหนุ่มลอยหน้าลอยตาตอบ

    “แต่ฉันไม่อยากให้คุณช่วย ถ้าคุณจะช่วยก็เซ็นใบหย่าให้ฉันดีๆ ดีกว่า”

    คำว่าใบหย่าทำให้พรตถึงกับขาดสติ เมธาวียังไม่ทันจะอ้าปากพูดอะไรต่อริมฝีปากสวยที่เผยอขึ้นเถียงก็ถูกประกบด้วยริมฝีปากของพรตอย่างแนบสนิท รสจูบที่เขามอบให้ครั้งแรกในชีวิตสาวแม้มีความขุ่นเคืองอยู่บ้าง แต่ไม่ช้าสัมผัสที่นุ่มนวลและเย้ายวนใจก็ทำให้เมธาวีไร้การขัดขืนไปโดยปริยาย พรตแปรความโมโหชั่วครู่ให้กลายเป็นสายน้ำที่ชุ่มฉ่ำ และอยากดื่มมันต่อไปอย่างไม่รู้จักพอ

    เรียวปากอิ่มของเมียแต่งในนามคือแหล่งน้ำทิพย์แสนหวานที่พรตไม่เคยลิ้มลองที่ไหน ริมฝีปากสวยที่เขากำลังครอบครองตามสิทธิ์อันชอบธรรมช่างกระตุ้นเลือดในกายให้เร่าร้อนได้อย่างไม่น่าเชื่อ อาจจะเป็นโชคดีที่เมธาวีไม่ได้ขัดขืนหรือไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต้องปัดป้องอย่างไร พรตดูออกว่านี่เป็นจูบแรกของเธอ เขาจึงคลายความโมโหที่ได้ยินคำว่าหย่าลง แล้วใส่ความหวานฉ่ำอันเป็นเสน่ห์ประจำตัวลงไปแทนที่

    แน่นอนว่าความไม่ประสาใดๆ ของเมธาวี คือความภาคภูมิใจลึกๆ ของพรต ยิ่งเธอดูเหมือนเด็กน้อยที่วิ่งหาทางออกจากประตูที่ปิดทึบทุกบานมากเท่าไร พรตก็ยิ่งได้ใจที่จะเย้าแหย่และชวนให้ตามตนมา เพียงแค่จูบแรกเท่านั้นก็ทำให้รู้สึกอยากเข้าใกล้ อยากรู้จักมากขึ้นไปอีก

    เมธาวีไม่คิดมาก่อนว่าพรตจะทำเช่นนี้ เพียงแค่ริมฝีปากแตะสัมผัสกันเท่านั้น เธอรู้สึกเหมือนถูกไฟช๊อต จะขยับตัวหรือตอบโต้อะไรก็ทำไม่ได้ ยามที่เขารุกไล่ด้วยเพลงจูบที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน แม้จะยากหลีกหนีแต่ความปรารถนาอยากรู้จักมีแรงมากกว่า มากพอที่จะโน้มน้าวใจและกายให้คล้อยตามไปแต่โดยดี และเมื่อทุกอย่างผสมผสานลงตัวเป็นไปในทิศทางเดียวกันแล้ว แม้ชั่วขณะของรสจูบก็ทำให้หัวใจของเมธาวีเรียนรู้จักคำว่าอิ่มเอมในเสน่หาเป็นครั้งแรกได้เช่นกัน

    “อย่าดื้ออีก” เสียงกระซิบที่แผ่วเบาทำให้เมธาวีรู้สึกตัว ใบหน้าสาวแดงก่ำเมื่อสบสายตาที่แสนกรุ้มกริ่มของพรต

    “ถ้าไม่ให้ผมช่วย ผมจะถือว่าคุณไม่กล้า กลัวใจตัวเองว่าจะตัดใจจากผมไม่ได้ เพราะคุณยังอยากมีผมเป็นสามีไปชั่วชีวิต และอย่าให้ผมได้ยินคำว่าหย่าจากปากคุณอีก ไม่งั้นผมจะทำมากกว่าจูบที่เราจะไม่สามารถห่างกันได้ตลอดชีวิต”

    พรตย้ำชัดทุกคำที่พูดและเมธาวีรู้ว่าเขาทำจริงตามที่พูดแน่ เธอจึงเลือกที่จะไม่ตอบโต้หรือพูดใดๆ ออกมาจนกระทั่งพรตยอมปล่อยมือที่ตรึงไว้ออกแล้วก้มหน้าลงมากระซิบที่ข้างหูให้ได้ยินกันเพียงสองคน แต่คำนั้นทำให้ใบหน้าหวานร้อนผ่าวและแดงก่ำจนต้องเอ่ยออกมาว่า

    “คนบ้า” แล้วเมธาวีก็พลิกตัวหนีคว้าผ้าห่มมาคลุมโปง ท่ามกลางเสียงหัวเราะอย่างอารมณ์ดีของพรตที่เดินกลับไปที่นอนตัวเอง

    เมธาวีลงมาจากชั้นบนได้กลิ่นกาแฟหอมชื่นใจ พรตออกมาจากในครัวพอดีในมือถือจานติดมาด้วย เพียงแค่เห็นหน้าเขาเท่านั้นแก้มของเมธาวีก็ร้อนผ่าวขึ้นมาทันที หญิงสาวแกล้งทำเป็นมองพื้นไม่กล้าสบตา

    “กินข้าวเร็ว” พรตชวนอย่างอารมณ์ดี

    เขาตื่นแต่เช้าเข้าครัวมาทำอาหารอย่างง่ายๆ ขนมปังปิ้ง ไข่ดาว ไส้กรอกและกาแฟร้อนคนละแก้ว พรตวางแผนว่าจะไปซื้ออาหารสดมาเก็บไว้ในตู้เย็น เพื่อจะได้ไม่ต้องออกไปหากินนอกบ้าน

    “วันนี้มีโปรแกรมอะไรบ้าง” ชายหนุ่มนั่งลงตรงข้ามเมธาวี

    “คุณทำอาหารเป็นด้วยเหรอคะ” เมธาวีย้อนถาม

    ตั้งแต่ข้าวไข่เจียวคืนนั้น ข้าวต้มหมูเมื่อเช้า แล้วยังจะมาเช้านี้อีก ท่าทางคล่องแคล่วของพรตทำให้อดแปลกใจไม่ได้ ไม่คิดว่าหนุ่มเจ้าสำราญที่ดูรักความสบายจะสนใจงานครัวด้วย

    “ต้องทำเป็นซิ ไม่งั้นก็อดตาย” เขาอมยิ้มแล้วเล่าต่อว่า

    “ผมให้คุณย่าสอนทำตอนไปเรียนเมืองนอก ถ้าอยากกินก็ทำเองเลยไม่ต้องง้อใคร กับข้าวง่ายๆ พื้นๆ พอให้หายคิดถึงบ้านได้ พอกลับมาเมืองไทยอยู่คอนโดคนเดียว เวลาอยากกินอะไรก็เปิดยูทูปดูแล้วก็ทำตาม”

    “ทำไมไม่ไปกินที่ร้านหรือสั่งมาล่ะคะ น่าจะสะดวกกว่า” เมธาวีรับขนมปังปิ้งทาเนยที่พรตส่งให้พร้อมกล่าวคำขอบคุณเบาๆ

    “พอถึงวันหยุดก็ไม่อยากออกจากบ้านแล้ว อีกอย่างผมอยู่คนเดียวจะให้ไปกินกับใคร”

    คำว่าอยู่คนเดียวของเขา ทำให้เมธาวีอดคิดไม่ได้ว่าตลอดหนึ่งปีที่พรตไม่กลับบ้านเลยนั้น เขาอยู่คนเดียวที่คอนโดจริงๆ หรือว่ามีคนอื่นตามข่าวซุบซิบในหน้าหนังสือพิมพ์

    “กินข้าวให้อร่อยก็ต้องกินกับครอบครัว หรือไม่ก็กับคนที่รู้ใจคุยกันรู้เรื่อง วันๆ ก็ต้องพบปะคนนอกบ้านมากพอแล้ว วันหยุดทั้งที่จะให้เจอคนนอกบ้านอีกก็ไม่ไหวมั้ง”

    “แล้วทำไมคุณไม่กลับบ้านล่ะคะ หรือว่าเพราะมีฉันอยู่” หญิงสาวถามตรงๆ

    “ก็ส่วนหนึ่ง ผมไม่คุ้นเคยกับการใช้ห้องนอนร่วมกับใคร อีกอย่างตอนนั้นผมกับพี่พลช่วยกันดันโปรเจคตัวใหม่ที่กำลังขึ้น โชคดีนะที่เสร็จทันก่อนโควิด-19มา”

    “ว่าแต่คุณมาอยู่ที่นี่ไม่ต้องทำงานเหรอคะ” เมธาวีนึกขึ้นได้จึงถาม

    “ตอนนี้ยังไม่มีโปรเจคตัวใหม่ พี่พลกำลังดูสถานการณ์หลังการระบาดลดลงว่าจะทำอย่างไรต่อ ผมก็เลยว่างงาน” พรตตักไข่ดาวในจานให้หญิงสาวพร้อมบีบซอสมะเขือเทศให้เสร็จสรรพ

    บรรยากาศบนโต๊ะอาหารผ่อนคลายมากขึ้นเพราะการพูดคุยที่ไม่มีใครขัดคอ ทั้งสองผลัดกันเล่าเรื่องราวของตนเองให้อีกฝ่ายหนึ่งฟังอย่างสนุกสนาน

    “เดี๋ยวฉันเก็บไปล้างเองค่ะ คุณทำแล้ว” เมธาวีรีบบอกเมื่อเห็นพรตทำท่าจะเก็บจานอีก

    “ไม่เป็นไร ผมทำได้” ชายหนุ่มไม่มีปัญหาเรื่องล้างจานอยู่แล้ว แต่กระนั้นเมธาวีก็แย่งเก็บจานแล้วยกไปล้างในครัวอยู่ดี พรตตามเข้าไปช่วยเช็ดจานอีกแรง

    “แล้วคุณทำกับข้าวได้ไหม ได้ฝีมือคุณย่ามาบ้างหรือเปล่า” พรตชวนคุย เขาจำได้ว่าคุณย่าของเมธาวีทำอาหารอร่อยมาก

    “ฉันได้ตำราน้ำพริกคุณย่ามาหลายสูตรค่ะ คุณย่าของคุณก็ชอบน้ำพริกเหมือนกัน ไว้มีโอกาสฉันจะทำให้ชิมค่ะ”

    “ว่าแต่ตลาดสดตอนเช้าอยู่ที่ไหน ผมว่าจะออกไปซื้อของสดมาเก็บ ช่วงนี้ยิ่งมีการรณรงค์ให้อยู่บ้านหยุดเชื้อเพื่อชาติด้วย”

    “เดี๋ยวฉันพาไปค่ะ ตอนนี้น่าจะยังมีของขายอยู่”

    ทั้งสองเร่งมือล้างจานเก็บในครัวจนเสร็จเรียบร้อย จากนั้นก็เตรียมตัวจะไปตลาดโดยเมธาวีเป็นผู้นำทาง แต่แล้วแผนที่คิดไว้ก็ต้องเปลี่ยนเมื่อนิพนธ์ปรากฏตัวอีกครั้ง

    “น้องวี” เสียงนิพนธ์หวานเสียจนพรตหมั่นไส้

    “กินข้าวเช้าหรือยัง ไปกินต้มเลือดหมูที่ตลาดไหมพี่จะพาไป แล้วจากนั้นเราค่อยไปดูที่ตรง...”

    “เรากินข้าวเช้ากันเรียบร้อยแล้ว” พรตขัดคอกลางคัน นิพนธ์ชะงักเล็กน้อยแล้วหันมาส่งยิ้มให้เมธาวีต่อเหมือนไม่สนใจคนที่เพิ่งพูดจบ

    “ไปตลาดกันไหม จะได้ไปดูบรรยากาศตอนเช้าด้วย เผื่อว่าเราจะมีไอเดียรีโนเวทอะไรใหม่ให้กับผู้เช่าบ้าง” นิพนธ์เอ่ย

    พรตฟังแล้วชักทะแม่ง นี่อย่าบอกนะว่าเมธาวีเป็นเจ้าของตลาดอีก แล้วนายนิพนธ์อะไรนี่มาเกี่ยวอะไรกับตลาดนี่อีก

    “ก็ได้ค่ะ เดี๋ยววีไปกับคุณพรตเอง คุณพรตจะไปซื้อของด้วย เจอกันที่ตลาดนะคะพี่นิพนธ์” เมธาวีตอบรับ

    “แต่ว่าวันนี้เราจะไปดูที่กันอีกไม่ใช่เหรอครับ ให้คุณพรตไปตลาดวันหลังดีกว่า...”

    “ไม่เป็นไร ผมไปตลาดแล้วกลับเองได้ เจอกันที่ตลาดแล้วกัน” พรตตัดบทแล้วจับมือเมธาวีเดินไปที่รถด้วยกัน นิพนธ์มองตามโดยไม่พูดอะไรขับรถตามแต่โดยดี

    พรตกลับมาจากตลาดด้วยความหงุดหงิดเหลือเกิน เมธาวีพาเขาไปซื้อของในตลาดสดได้ไม่เท่าไร นิพนธ์ที่ตามไปก็เร่งให้หญิงสาวไปกินข้าวเป็นเพื่อน ซ้ำยังบอกอีกว่าวันนี้คงกลับค่ำกว่าเมื่อวานเพราะว่าสถานที่ๆ จะไปอยู่ไกล

    ชายหนุ่มกลายเป็นคนเสียมารยาทไปนั่งปั้นจิ้มปั้นเจ่ออยู่ที่ร้านต้มเลือดหมู นิพนธ์ตั้งใจที่จะไม่คุยกับพรตอย่างเห็นได้ชัด เพราะเอาแต่คุยกับเมธาวีฝ่ายเดียว ทำเหมือนว่าไม่มีเขาอยู่ตรงนั้นด้วย

    หลังจากกินข้าวเช้าเสร็จนิพนธ์ก็อ้างกับเมธาวีว่าให้รีบไป ทั้งที่หญิงสาวบอกว่าให้ขับรถนำทางพรตกลับบ้านก่อน แต่พี่ชายร่วมโลกกลับบอกว่าเส้นทางนั้นย้อน พรตจึงตัดบทว่ากลับเองได้และยอมแยกในที่สุด

    ไปถึงที่ไหนบ้างแชร์โลเกชั่นให้ผมรู้ด้วยชายหนุ่มกระซิบเบาๆ ก่อนจะเดินจากมา

    พรตไม่รู้หรอกว่าวันนี้ทั้งสองจะไปที่ไหน แต่ชักเริ่มหงุดหงิดที่นิพนธ์ทำเหมือนจงใจจะแยกเมธาวีออกจากเขา และที่รู้สึกได้ชัดเจนก็คือนิพนธ์ไม่ชอบหน้าพรต เพียงแต่ไม่แสดงออกเท่านั้นเอง

    ทางเดียวที่พรตจะหาทางจัดการกับนิพนธ์ให้เลิกมาวุ่นวายกับเมธาวีได้ คือต้องรู้ก่อนว่าหมอนี่เป็นใคร และต้องการอะไรจากหญิงสาวกันแน่ เรื่องนี้คงไม่ใช่แค่แลกที่ดินเพื่อสร้างโรงเรียนเท่านั้นแล้ว พรตพอมองเกมออกว่ามันมีเบื้องหลังแอบแฝง

    “นายโชค” พรตต่อโทรศัพท์ถึงทนายหนุ่ม เพราะคิดว่าโชคน่าจะเป็นคนที่รู้เรื่องนี้ดีที่สุด

    “ฉันอยากรู้เรื่องนายนิพนธ์โดยละเอียด และอยากรู้ว่าเมธาวีกลับมาทำอะไรที่นี่นอกจากมาจัดการเรื่องโรงเรียนให้เสร็จแล้ว”

    “อะไรนะ” พรตตาโตเสียงดังลั่นเมื่อได้ยินปลายสายตอบคำถามมา

    “เรื่องคุณนิพนธ์ผมพอเล่าได้ว่าเป็นใครมาจากไหน แต่เรื่องที่คุณวีกลับไปทำอะไรที่นั่นนอกจากจัดการเรื่องโรงเรียนแล้ว คุณพรตต้องถามคุณวีเองครับ เพราะคุณวีสั่งผมไว้ว่าห้ามบอกคุณพรตเด็ดขาด” โชคบอกตามตรงมาตามสายโทรศัพท์

    “ถ้าฉันถามแล้วคุณวีของนายจะบอกใช่ไหม” ชายหนุ่มย้อนถามสีหน้าหงุดหงิดยิ่งกว่าเดิมหลายเท่า

    “อันนี้ผมไม่ทราบครับ ผมทำตามที่คุณวีสั่งคือห้ามบอกคุณพรต” โชคยืนยันคำเดิม

    “เออดี เชื่อฟังกันเหลือเกินนะ แล้วที่นี่จะเล่าเรื่องนายนิพนธ์ได้หรือยัง” พรตประชดเล็กน้อย

    ดูเหมือนว่าสิ่งที่โชคเล่าจะทำให้พรตแทบนั่งไม่ติดเก้าอี้ โดยเฉพาะเมื่อรู้จากปากโชคว่า นิพนธ์ไม่ใช่หลานชายแท้ๆ ที่เกี่ยวพันทางสายเลือดกับเมธาวี และที่ทำให้เขาเลือดขึ้นหน้ามากไปอีกก็คือ นิพนธ์แสดงออกชัดเจนมาตลอดว่ารู้สึกกับเมธาวีมากกว่าคำว่าพี่น้อง เคยเอ่ยปากว่าจะดูแลเมธาวีหลังจากที่คุณย่าเสียใหม่ๆ และนี่คือเหตุผลที่ทำให้นางปรานี ย่าของพรตหาทางปกป้องหญิงสาวด้วยการให้หลานชายตัวดีแต่งงานนั่นเอง


    อีบุ๊คมาแล้วค่า 

     

     

     

    Thumbnail Seller Link
    เจ้าสาวร่ายรัก
    ยิปซี
    www.mebmarket.com
    “เพราะวีรู้ว่าคนอย่างคุณพรตพูดคำไหนคำนั้น วีเชื่อในความบริสุทธิ์ใจ แต่วีก็จะรอดูว่าคุณพรตทำได้อย่างที่พูดไหม” “ทำไมเชื่อง่าย ไม่งอ...
    Get it now
    Thumbnail Seller Link
    ทาสหัวใจเถื่อน
    ยิปซี
    www.mebmarket.com
    ความดิบ เถื่อน ใจร้ายของเขา ยิ่งนานวันก็ทำให้ยิ่งรัก...สุดหัวใจหมายเหตุท่านใดโหลด ทาสหัวใจเถื่อน ไปแล้ว ไม่ต้องโหลดใหม่นะคะยิปซีเปลี่ยนปกใ...
    Get it now
    Thumbnail Seller Link
    วิวาห์พยศรัก
    ยิปซี
    www.mebmarket.com
    ชีวิตคู่เริ่มต้นแสนจืดชืด แต่ใครจะรู้เล่าว่า 'รักหน้าตาธรรมดา' คือของขวัญวิเศษในชีวิตหมายเหตุท่านใดที่โหลดแล้วไม่ต้องโหลดอีกนะคะ ย...
    Get it now
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×