คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ตอนที่ 6
คุณหมอราเชสไม่อยู่บ้าน พยาบาลบอกว่าคุณหมอหนุ่มไปลงพื้นที่รักษาชาวบ้านพื้นที่หนึ่ง ชีคดาเนียลร้อนใจไม่อาจรอให้ถึงเวลากลับของอีกฝ่ายได้
"ราเชสไปตรวจคนไข้ที่ไหน" น้ำเสียงชีคหนุ่มฟังดูหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด
เขารีบมาที่นี่เพื่อธุระสำคัญที่เกี่ยวกับความเป็นความตายของน้องชายสุดที่รัก เผื่อว่าบันทึกเล่มนี้จะมีคำเฉลยของเรื่องทั้งหมดให้กระจ่างแจ้งเสียทีว่า เหตุผลใดที่พรากอัสมันสู่ความตายได้
"คุณหมอออกหน่วยไปตรวจคนไข้ที่หมู่บ้านอาบาค่ะ" พยาบาลกล่าว
"งั้นเราไปหาราเชสที่นั่นกัน" ชีคดาเนียลหันมาหาการะเกดที่ยืนอยู่ด้านหลัง แล้วก้าวนำเดินออกไปโดยมีนักข่าวสาวตามหลัง
การะเกดแปลกใจกับท่าทีของชีคดาเนียลเหลือเกินว่า ทำไมถึงไม่รอพบราเชสที่บ้าน กลับขับรถออกมาหาคุณหมอหนุ่มถึงสถานที่ทำงานซึ่งอยู่ไกลพอสมควร แต่เธอก็ไม่ซักถามนอกจากทำตามคำสั่งที่อีกฝ่ายต้องการเท่านั้น
อาบาคือหมู่บ้านเล็กๆ ริมขอบชายแดนของโอม่าร์ที่ติดกับคาลีจ การะเกดและชีคดาเนียลมาหาคุณหมอที่พาคณะแพทย์มาออกตรวจชาวบ้านถึงที่ เมื่อมาถึงเป็นเวลาพักของคณะแพทย์พอดีทั้งสองจึงได้พบกับคุณหมอหนุ่มตามที่ตั้งใจไว้
"นายมาถูกได้ไง" ราเชสถามด้วยความแปลกใจ
เห็นสีหน้าของเพื่อนรักในเวลานี้แล้ว คุณหมอหนุ่มก็รับรู้ได้ถึงความร้อนใจที่ทำให้ชีคดาเนียลต้องเดินทางมาหาถึงที่
"บันทึกของอัสมันเขียนอะไรไว้บ้าง"
คำถามของชีคดาเนียลต้องหยุดไว้แค่นั้นก่อน เมื่อชาวบ้านวิ่งหน้าตาตื่นมาบอกว่ามีเด็กถูกงูกัด ราเชสรีบไปดูแลคนเจ็บก่อนเป็นอันดับแรก ปล่อยให้คนที่มาหารออยู่ก่อนไว้เสร็จธุระค่อยมาตอบคำถาม
ชีคหนุ่มนั่งรออยู่ในเต้นท์อย่างใจจดใจจ่อ ราเชสหายไปดูคนไข้ตั้งนานแล้วยังไม่มีทีท่าว่าจะกลับมา ส่วนการะเกดอยากออกไปข้างนอกเหลือเกิน เธออยากไปดูว่าวิถีชีวิตของคนที่เป็นอย่างไร เพราะนี้คือโอกาสดีที่จะได้เห็นในสิ่งที่ไม่เคยรู้มาก่อน
"ฉันขอออกไปสูดอากาศข้าวนอกสักครู่นะคะ" การะเกดหันมาบอกตามมารยาท
"นั่งอยู่ในนี้ดีกว่าไหม เธอออกไปก็ช่วยอะไรราเชสไม่ได้หรอก" ชีคดาเนียลเข้าใจว่าที่การะเกดขอออกไปสูดอากาศด้านนอกเป็นแค่ข้ออ้าง ที่จริงแล้วคงอยากไปหาคุณหมอหนุ่มมากกว่า
"แหม คุณนี่รู้ใจฉันจริงๆ นะคะ ถ้างั้นคุณรอคุณหมออยู่ที่นี่แล้วกัน ฉันจะรีบไปบอกให้ว่าคุณรออยู่" การะเกดไม่อยู่รอฟังว่าชีคดาเนียลจะพูดอะไรต่อรีบลุกขึ้นเดินออกมาทันที ทำสีหน้าประหนึ่งว่าดีใจเหลือเกินที่ได้ออกมาหาคุณหมอหนุ่ม ทำให้คนที่นั่งคอยโมโหแต่ทำอะไรไม่ได้
นักข่าวสาวเดินดูรอบหมู่บ้านด้วยความสนใจ พื้นที่ของหมู่บ้านไม่กว้างมากนักมีชาวบ้านอาศัยอยู่ไม่กี่หลังคาเรือน ชาวบ้านที่นี่ค่อนข้างยากจนและมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ลำบาก การะเกดมีความรู้เพียงแค่ว่าโอม่าร์เป็นเมืองที่มีพื้นที่ติดกับคาลีจและมีทางออกทะเลเท่านั้น
หญิงสาวเห็นชาวบ้านกำลังมุงดูอะไรอยู่จึงรีบเข้าไปเพราะคิดว่าคุณหมอราเชสน่าจะอยู่ที่นั่น แต่กลับกลายว่าเป็นการแสดงมายากลที่ทำให้เด็กๆ และผู้คนในหมู่บ้านมามุงดูด้วยความสนใจ การะเกดไม่คิดว่าจะได้เห็นวิชาเป่าปี่ที่มีงูเลื้อยขึ้นมาเต้นรำด้วยสองตาตนเอง จากที่เคยเห็นแต่ในสารคดีเท่านั้น
การะเกดคงไม่ทันสังเกตว่าในขณะที่กำลังดูมายากลวิชางูอยู่นั้น เธอตกอยู่ในสายตาแห่งความเคียดแค้นของใครคนหนึ่ง มันกำลังจ้องหาทางเล่นงานอยู่ลับหลัง และเมื่อเสียงปี่หยุดลงมีการแสดงอื่นเปลี่ยนเข้ามาแทน คนที่เป่าปี่เมื่อครู่นี้ลุกขึ้นโดยมีคนข้างๆ เดินตาม เป้าหมายคือเดินตามนักข่าวสาวไปอย่างช้าๆ ไม่ให้คลาดสายตา
การะเกดเริ่มรู้สึกว่ามีคนเดินตามแต่เมื่อหันไปก็ไม่พบความผิดปกติ แต่กลับเจอเด็กชายอายุประมาณสิบขวบยืนอยู่ด้านหลัง เด็กน้อยอยู่ในสภาพมอมแมมเสื้อผ้าขาดวิ่นมองหน้านักข่าวสาวด้วยดวงตาใสแป๋ว หญิงสาวอมยิ้มเข้าใจว่าเด็กน้อยคนนี้คงจะเป็นลูกหลานชาวบ้านที่นี่แน่
นักข่าวสาวส่งยิ้มให้อย่างเป็นมิตร นึกได้ว่าในเต๊นท์มีขนมและของเล่นซึ่งคณะแพทย์เอามาแจกเด็กๆ จึงพยายามสื่อสารด้วยภาษามือและท่าทางให้เด็กน้อยได้รู้ มิตรภาพต่างภาษาจึงเริ่มต้นขึ้นนับจากนาทีนั้น การะเกดเดินจูงมือเด็กน้อยกลับไปที่เต๊นท์เพื่อพาไปเอาขนมและของเล่น
ชีคดาเนียลไม่อยู่ที่นั่นและตอนนี้ในเต๊นท์ไม่มีใครอยู่ การะเกดหยิบขนมและของเล่นให้เด็กน้อยเรียบร้อย เด็กชายยิ้มร่าด้วยความดีใจ ทั้งคู่กำลังจะเดินออกมานอกเต๊นท์ แต่แล้วกลับพบว่ามีใครบางคนมาขวางทางหญิงสาวไว้
"แก" การะเกดจำหน้าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าได้อย่างไม่มีวันลืม
มันคือคนที่คิดจะทำมิดีมิร้ายในวันที่การะเกดหนีชีคดาเนียลไปที่ท่ารถ ไม่คิดว่าวันนี้จะได้มาเจอกันอีกครั้ง สายตาที่มันมองหญิงสาวเต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น และแน่นอนว่ามันคิดจะใช้โอกาสนี้เอาคืนเรื่องในวันนั้น
การะเกดรู้สึกกลัวขึ้นมาจับใจ พวกมันไม่ได้มีแค่คนที่มีเรื่องกับเธอเมื่อวันก่อนเพียงคนเดียว เธอรีบเอาตัวมาบังเด็กน้อยไว้เพราะไม่รู้ว่าพวกมันจะมาไม้ไหน นักข่าวสาวตกอยู่ในวงล้อมพยายามหาจังหวะที่จะร้องขอคนช่วย แต่ดูเหมือนว่าโอกาสจะไม่เป็นใจ เพราะหน้าเต๊นท์เป็นเขตที่พักแพทย์และพยาบาลจึงไม่ค่อยมีชาวบ้านมาอยู่แถวนี้เท่าไร
"เฮ้..." นักข่าวสาวร้องตะโกนแกล้งทำเป็นว่ามีคนมาเพื่อให้พวกมันตกใจกลัว จากนั้นจึงรีบวิ่งให้เร็วที่สุด
โชคไม่เข้าข้างเมื่อมันคว้าข้อมือของหญิงสาวไว้ทัน การะเกดถูกพวกมันกระชากตัวไว้ได้ นักข่าวสาวพยายามดิ้นรนหนีการจับกุมทั้งดิ้นทั้งทุบทั้งข่วนเพื่อให้พวกมันปล่อย หญิงสาวร้องขอความช่วยเหลือให้ดังที่สุด เด็กน้อยที่ไม่ได้รู้เรื่องด้วยและพวกมันไม่ได้ทำร้ายวิ่งหนีหายไปในพริบตา แต่ในที่สุดก็ถูกพวกมันจับอุ้มพาดบ่าเอาตัวขึ้นไปบนรถม้าและออกไปทันทีโดยมีคนอื่นขี่ม้าตามหลังไปติดๆ
ชีคดาเนียลและคุณหมอราเชสกำลังเดินกลับมาที่เต๊นท์พอดี เด็กน้อยวิ่งหน้าตาตื่นมาชนขาชีคหนุ่ม แต่เมื่อเห็นหน้าราเชสก็จำได้ว่าที่คือหมอที่มาตรวจชาวบ้านในวันนี้
"ผู้หญิงถูกจับตัวขึ้นรถม้าไปแล้ว" เด็กน้อยพูดเป็นภาษาท้องถิ่น
"ผู้หญิงคนไหน" คุณหมอหนุ่มถาม
จากคำบอกเล่าของเด็กชายตัวเล็กทำให้รู้ว่าคนที่ถูกจับตัวไปคือการะเกด ชีคหนุ่มรีบวิ่งกลับมาที่เต๊นท์ เมื่อไม่พบหญิงสาวก็ร้อนใจเพราะไม่รู้ว่าป่านนี้พวกนั้นจะทำอะไรกับเจ้าหล่อนบ้าง
"พวกมันเป็นพวกหัวขโมย" ราเชสเอ่ยระหว่างที่เร่งฝีเท้ามาที่คอกม้า หัวหน้าหมู่บ้านหาม้าที่ดีที่สุดมาได้แค่สองตัวเท่านั้น
"ขโมยอะไรบ้าง" ชีคดาเนียลถามด้วยความร้อนใจ
"ทุกอย่างอะไรที่หยิบฉวยได้ สัตว์ สิ่งของ แต่ที่ชอบที่สุดคือผู้หญิง"
"เพื่อ"
"ขายเป็นทาส ไม่ก็โสเภณีให้กับคนรวย"
"บ้าชะมัด โอม่าร์ยังมีอะไรแบบนี้อยู่อีกหรือ" ชีคดาเนียลสบถเบาๆ รีบกระโจนขึ้นหลังม้า ชาวบ้านผู้ชายที่ได้รับคำสั่งให้มาช่วยส่งอาวุธที่พอหาได้ให้กับชีคหนุ่มไว้ป้องกันตัว
คนที่ไปช่วยการะเกดมีประมาณห้าคนรวมทั้งชีคดาเนียลและคุณหมอหนุ่ม ที่เหลือส่วนใหญ่ต้องทำหน้าที่ดูแลหมู่บ้านเพราะมีแต่เด็ก ผู้หญิงและชราเสียส่วนใหญ่
"เสร็จธุระจะเอาของมาให้ จะให้ม้าพันธุ์ดีมาไว้ใช้สักสิบตัว" ชีคหนุ่มตะโกนขอบคุณหัวหน้าหมู่บ้าน แล้วเร่งเดินทางไปจัดการธุระสำคัญทันที
รถม้าวิ่งออกจากหมู่บ้านมาได้สักระยะ การะเกดกลัวจนพูดอะไรไม่ออก พวกมันมัดมือมัดเท้าของหญิงสาวเอาไว้ เพื่อไม่ให้ดิ้นหนีได้และพูดจากเป็นภาษาท้องถิ่นที่ไม่เข้าใจ
"จะพาฉันไปไหน" การะเกดตะโกนถามลั่นรถ
ไม่รู้ว่าป่านนี้จะมีใครรู้แล้วหรือยังว่าตนเองถูกจับตัวมา เด็กน้อยที่หนีรอดไปได้จะสร้างปาฏิหาริย์ช่วยชีวิตพี่สาวใจดีอย่างเธอได้มากน้อยแค่ไหน
ชีคดาเนียลเล่า คราวก่อนเขายังมาช่วยทัน แล้วคราวนี้ล่ะ จะนิ่งเฉยปล่อยไปโดยไม่คิดตามหา และเข้าใจว่านี่คืออุบายหนีความผิดของเธออีกหรือเปล่า
พวกมันตกลงกันได้แล้วว่าจะพาการะเกดไปขายให้กับเศรษฐีคนหนึ่ง ซึ่งต้องการสาวใช้และนางบำเรอในตำแหน่งเดียวกัน และมั่นใจว่าสินค้าหน้าตาสะสวยและเป็นของแปลกชิ้นนี้ จะทำเงินให้พวกมันได้ราคางดงามกว่าทุกครั้งแน่
"ปล่อยฉันนะ" การะเกดพยายามจะดิ้นรนหนีสุดชีวิต
ยิ่งนานก็ยิ่งไม่เห็นหมู่บ้านและไม่เห็นมีใครสักคนตามมา ความกลัวที่เกาะกุมจิตใจของการะเกดเพิ่มมากขึ้น แต่เธอก็ไม่ร้องไห้หรือแสดงความอ่อนแอใดๆ ออกมาให้พวกมันเห็น คิดแต่จะหาทางหนีเอาตัวรอดซึ่งดูเหมือนว่าจะไม่มีทางเป็นไปได้แม้แต่นิดเดียว
คนร้ายพยายามไม่แตะต้องทำร้ายการะเกด เพราะกลัวว่าสินค้ามีราคาของมันจะมีตำหนิ ซึ่งอาจเป็นโชคดีของนักข่าวสาวที่ไม่ว่าจะดิ้นอย่างไรหรือทำร้ายพวกมันแค่ไหน ก็ไม่ได้รับการทำร้ายกลับมาแม้แต่นิดเดียว
"ถ้าชีคดาเนียลรู้เรื่องนี้ พวกนายต้องไม่ตายดี" การะเกดอ้างชีคดาเนียลขึ้นมาขู่
ดูเหมือนพวกมันจะไม่สนใจคำพูดเธอ หรืออาจไม่เข้าใจภาษาที่การะเกดโวยวายอยู่ในเวลานี้ก็เป็นได้ รถม้าวิ่งมาไกลท่ามกลางทะเลทรายที่ร้อนระอุ หญิงสาวมองเห็นแต่ผืนทรายแห่งความแห้งแล้ง จิตใจเริ่มห่อเหี่ยวไร้ความหวังที่จะมีทางรอด ชีคดาเนียลจะทิ้งกันจริงๆ หรือคราวนี้
ชีคดาเนียลไล่ตามรถม้าที่จับตัวการะเกดมาตามทางที่ชาวบ้านบอก พวกมันคือหัวขโมยที่ทางการของโอม่าร์กำลังต้องการตัวอยู่
"พวกมันอยู่นั่น" ชีคหนุ่มใจชื้นเมื่อเห็นรถม้าอยู่ไม่ไกล
ชีคดาเนียลเร่งฝีเท้าม้าให้เร็วขึ้น พวกมันมีกันกี่คนไม่รู้ที่เห็นตอนนี้คือมีม้าตามหลังอยู่สามคนแต่ในรถม้าไม่อาจรู้ได้แน่ชัด ชีคหนุ่มวางแผนจะจัดการกับพวกที่ตามหลังก่อนและค่อยจัดการบนรถม้าทีหลัง ทั้งนี้ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของการะเกดเป็นหลัก
"การะเกด ได้ยินฉันไหม" ชีคหนุ่มตะโกนเสียงดังเพื่อให้แน่ใจว่าการะเกดยังปลอดภัยดีอยู่
"ชีคคะ ฉันอยู่นี่"
ความหวังที่จะมีหนทางรอดเพิ่งหมดไป ทว่าเมื่อได้ยินเสียงเรียกชื่อตนเองอยู่ไกลๆ และเพียงแค่เห็นว่าใครที่ไล่ตามมาช่วย ดวงตางดงามคู่นั้นก็ปรากฏความหวังขึ้นอีกครา
คนที่อยู่ในรถม้ารู้ว่ามีคนอื่นตามมาช่วยการะเกด พวกมันพยายามเร่งฝีเท้าม้าให้เร็วขึ้น และเตรียมอาวุธที่จะต่อสู้ป้องกันสินค้ามีค่าอย่างถึงที่สุด
ชีคดาเนียลเป็นคนแรกที่ได้เข้าใกล้รถม้ามากที่สุด ชายหนุ่มใช้อาวุธที่ชาวบ้านหามาให้เข้าฟาดฟันกับคนที่อยู่บนหลังม้า และสามารถไล่จัดการพวกมันได้ทีละคนอย่างปลอดภัย ทีนี้ก็เหลือแต่ในรถม้าเท่านั้น
"พวกมันมีห้าคน มีอาวุธ ระวังตัวด้วย" การะเกดตะโกนบอกเมื่อเห็นว่าชีคหนุ่มสามารถจัดการคนที่อยู่นอกรถได้แล้ว
ชีคดาเนียลและชาวบ้านส่วนหนึ่งพยายามล้อมรถม้าไว้ และในที่สุดก็สามารถหยุดรถไว้ได้สำเร็จ พวกที่อยู่ด้านในกรูออกมาสู้อย่างไม่กลัวตาย ฝีมือพวกมันไม่ธรรมดาและเริ่มมีชาวบ้านบางคนบาดเจ็บเพราะฝีมือสู้ไม่ได้
"นายจัดการพวกที่เหลือ ฉันจะไปจัดการไอ้ตัวใหญ่นั่นเอง" ชีคดาเนียลสั่งคุณหมอ
"ระวังตัวด้วย หมอนั่นคือหัวหน้าของไอ้เจ้าพวกนี้" คุณหมอหนุ่มเตือนด้วยความหวังดี
ชีคดาเนียลไล่ตามหัวหน้าที่จับการะเกดไปและกำลังจะขึ้นหลังม้าเพื่อไปต่อ มันให้ลูกน้องต่อสู้เพื่อถ่วงเวลาเพื่อพาสินค้าไปส่งยังจุดหมาย
"ปล่อยผู้หญิง" ผู้นำแห่งคาลีจตวาดลั่น
"ถ้าตามมา นังนี้ตาย"
"แกไปไม่พ้นที่นี่แน่ ปล่อยเธอเดี๋ยวนี้" ชีคหนุ่มตะโกนเสียงเข้ม
เจ้าวายร้ายไม่ฟังอีร้าค้าอีรมใดๆ ทั้งสิ้น มันรีบเร่งฝีเท้าม้าให้เร็วขึ้นเพื่อจะไปจากที่นั่น ชีคดาเนียลขี่ม้าตามทันที ในขณะที่การะเกดกลัวจับใจและภาวนาว่าให้ชีคหนุ่มรีบมาช่วยตนโดยเร็วเถิด
ชีคดาเนียลควบม้าไปด้านข้างพยายามจะหาทางหยุดอีกฝ่าย จังหวะที่ม้าของเจ้าวายร้ายเสียหลัก ทั้งคนทั้งม้าล้มลงไม่เป็นท่า ชีคหนุ่มรีบฉวยจังหวะนั้นเข้ามาชิงตัวการะเกดทันที แต่คนร้ายก็ยังไม่ยอมปล่อยการต่อสู้ที่ดุเดือดจึงเริ่มขึ้น
"ระวัง" นักข่าวสาวร้องลั่นเมื่อเห็นว่าเจ้าวายร้ายรุกไล่อย่างได้เปรียบ
"หลบไป การะเกด" ชีคหนุ่มตะโกนสั่งและรับมือเจ้าวายร้ายที่รุกอย่างเอาเป็นเอาตาย
ฝีมือที่ไม่เป็นรองใครของผู้นำแห่งคาลีจ สามารถสยบคู่ต่อสู้ที่เป็นแค่หัวขโมยได้อย่างง่ายดาย เจ้าวายร้ายถูกฟันที่ต้นแขนจนอาวุธร่วงหล่นจากมือ และถูกอาวุธของชายหนุ่มจ่อไว้ที่คอหอย
"แกจะต้องไปรับโทษที่ก่อไว้ในคุก" ชีคหนุ่มคำรามตาเป็นประกาย
การะเกดที่หลบไปแก้มัดเชือกของตนเองออกเรียบร้อย รีบวิ่งเข้ามาหาชายหนุ่มเมื่อเห็นว่าการต่อสู้ที่ดุเดือดจบลงแล้ว ตั้งแต่เกิดมาเธอเพิ่งเคยเห็นคนสู้กันตัวเป็นๆ ต่อหน้าก็คราวนี้ บนแผ่นดินคาลีจช่างมีเรื่องน่าตื่นเต้นให้จังหวะของหัวใจมีขึ้นมีลงได้ทุกทีซิน่า
"เราจะทำอย่างไรกับเขาคะ"
"จับมัดแล้วรอให้ราเชสมาเอาไปส่งตำรวจ มันเป็นหัวหน้าแก๊งหัวขโมยที่จับเด็กและผู้หญิงไปขายเป็นทาส หรือไม่ก็โสเภณี"
"อะไรนะ"
คุณพระช่วย นี่ถ้าชีคดาเนียลมาไม่ทันอะไรจะเกิดขึ้น การะเกดไม่กลายเป็นทาสหรือผู้หญิงที่ต้องพลีกายให้ผู้ชายเชยชมโดยไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวันงั้นเหรอ ขอบคุณฟ้าที่เมตตาส่งอัศวินม้าขาวอย่างพญาเหยี่ยวแห่งทะเลทรายมาช่วยเธอไว้ทัน
"มันจบแล้ว เธอไม่เป็นไรก็พอ เชือกล่ะ" เขาถามหาเชือกเพื่อที่จะใช้มัดคนร้าย
"อยู่นี่ค่ะ"
การะเกดรีบวิ่งไปเอาเชือกที่กองไว้ด้านข้างมาให้ ชีคดาเนียลที่ควบคุมตัวคนร้ายอยู่ได้ยินเสียงผิดปกติบางอย่างจึงหันไปดู เป็นโอกาสให้คนร้ายที่ดูเหมือนสิ้นฤทธิ์คว้าอาวุธที่อยู่ข้างกายหมายจะทำร้ายคนที่เพิ่งเอาชนะตนเองเมื่อครู่
"ชีค ระวัง"
มันเงื้ออาวุธในมือจ้วงฟันมาที่แขนซ้าย โชคดีที่ชีคหนุ่มหลบทันจึงไม่บาดเจ็บ แต่รางวัลสำหรับคนที่คิดร้ายต่อผู้นำของคาลีจคือความตายเท่านั้น เมื่อชีคดาเนียลใช้อาวุธที่อยู่ในมือเช่นกันสังหารคนร้ายด้วยการแทงสวนกลับไปจนมันขาดใจนิ่งสนิทคาที่
การะเกดตกใจจนขยับตัวทำอะไรไม่ถูก ภาพที่ชีคหนุ่มสังหารคนร้ายยังติดตานักข่าวสาว รู้ตัวอีกทีเมื่อมือชีคดาเนียลมากุมมือเธอไว้ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เร่งรีบว่า
"ไป" ยังไม่ทันจะก้าวขาเดินตามคำสั่ง ร่างของการะเกดก็ถูกกดให้ยอบลงไปกับพื้นทราย โดยมีร่างของชีคดาเนียลคร่อมตัวหญิงสาวไว้อีกที
นักข่าวสาวไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ตอนนี้รอบตัวมีแต่เสียงอื้ออึงคล้ายลมพายุ เม็ดทรายปลิวว่อนเต็มไปหมด ร่างของการะเกดถูกดึงเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของเขา ใบหน้าของเธอมีอกแกร่งเป็นกำบังปกป้อง ลมพายุที่พัดยังไม่สงบและหอบเอาเม็ดทรายเข้ามาปะทะที่ผิวหนังทั่วร่างและใบหน้า ที่แม้จะมีอกแข็งแรงปกป้องแต่ก็ยังทำให้รู้สึกเจ็บได้
นี่คงเป็นพายุทรายที่คนในดินแดนแถบนี้คุ้นเคย การะเกดรู้มาว่ามันสามารถคร่าชีวิตผู้คน สัตว์และทำลายข้าวของ แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้แค่รู้สึกว่าตกอยู่ในวงล้อมของพายุทรายเท่านั้น แต่ไม่ได้รู้สึกกลัวว่าจะตายหรือไม่ปลอดภัยใดๆ ทั้งสิ้น อาจเป็นเพราะมีอ้อมอกที่แข็งแกร่งปกป้อง และมีมือที่ไม่เคยทอดทิ้งให้เผชิญอันตรายกุมไว้ไม่ห่าง นี่เป็นครั้งที่เท่าไรแล้วหนอ ที่พญาเหยี่ยวแห่งทะเลทรายปกป้องชีวิตลูกนกลูกกาที่พลัดถิ่นมาจากแดนไกลเช่นเธอ
ผ่านไปนานแค่ไหนไม่รู้กว่าที่พายุทรายลูกนั้นจะสงบลง การะเกดรู้สึกตัวลืมตาขึ้นมาอีกครั้งก็พบว่าท้องฟ้าตอนนี้เริ่มมืด บรรยากาศรอบข้างที่เปลี่ยนไปทำให้นักข่าวสาวสลัดศีรษะให้หายจากการมึนงง ตอนนี้เธออยู่ที่ไหนและจะได้กลับบ้านหรือไม่
"ตื่นแล้วออกเดินทางได้" เสียงชีคหนุ่มดังกังวานทำให้การะเกดหันไปมอง
ชีคดาเนียลเดินจูงม้าตัวหนึ่งที่เพิ่งรอดจากพายุทรายลูกใหญ่เช่นกัน เขารู้สึกตัวขึ้นมาเห็นการะเกดนิ่งไป เอามืออังที่จมูกพบว่ายังมีลมหายใจอยู่ แต่ที่ไม่ปลุกให้ตื่นเพราะต้องการสำรวจพื้นที่โดยรอบเพียงลำพังเพื่อให้แน่ใจว่า ตอนนี้จะต้องมุ่งสู่ทิศทางไหนเพื่อหาที่พักให้ได้ในคืนนี้
"เราอยู่ที่ไหนคะ" การะเกดถามด้วยน้ำเสียงอ่อนเพลีย
"แล้วคนอื่นไปไหนหมด"
"อาจจะถูกพายุทรายพัดไปที่ไหนสักแห่ง" เขาเองก็ไม่รู้ว่าราเชสและคนอื่นๆ จะเป็นตายร้ายดีอย่างไรในเวลานี้
"พวกเขาจะตายไหมคะ" นักข่าวสาวถามเสียงเครือ รู้สึกผิดเหลือเกินที่ตนเป็นต้นเหตุของเรื่องราวทั้งหมด ถ้าไม่ถูกจับมาก็คงไม่มีใครต้องเผขิญกับพายุทรายที่โหดร้ายนี้แน่
"ไม่รู้ซิ อาจจะรอดเหมือนเรา หรือไม่ก็ตายอยู่ที่ไหนสักแห่งในทะเลทรายนี้" ชีคดาเนียลเองก็สุดจะคาดเดา ได้แต่ภาวนาว่าทุกคนจะปลอดภัยเช่นเดียวกับตนและการะเกด
"ไปกันเถอะ" ชีคดาเนียลเดินเข้ามาใกล้แล้วยื่นมือตรงหน้าให้การะเกดจับมือลุกขึ้นยืน
แค่สัมผัสมือชีคดาเนียล ความอบอุ่นที่รับรู้ด้วยหัวใจทำให้การะเกดรู้สึกเหมือนตายแล้วเกิดใหม่ ไม่ซิ ไม่รู้เมื่อไรและนานแค่ไหนที่พายุลูกนั้นพัดผ่านไปโดยที่แทบไม่มีอันตรายใดๆ แม้แต่น้อย ทั้งที่ควรจะเกิดอะไรขึ้นกับคนที่ไม่คุ้นเคยกับทะเลทรายเช่นเธอบ้าง
นักข่าวสาวอยากจะเอ่ยคำขอบคุณสำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ ชีคดาเนียลช่วยชีวิตไว้ถึงสองรอบในเวลาไล่เลี่ยกัน และไม่ทิ้งเธอให้พบอันตรายเพียงลำพังแม้แต่ครั้งเดียวเดียว
ฟ้ายังเมตาให้ทั้งคู่มีม้าและมีน้ำ พอประทังความหิวและความเหนื่อยล้าจากสิ่งที่เพิ่งเผชิญมาเมื่อครู่ ชีคหนุ่มสอนให้นักข่าวสาวจิบน้ำทีละนิดเพื่อให้อยู่ได้นานที่สุด เผื่อว่าค่ำคืนนี้อาจไม่มีที่พักให้ทั้งคู่อย่างที่ตั้งใจไว้
"ดื่มซะ เราจะต้องรีบเดินทางต่อ" ชีคหนุ่มส่งถุงหนังที่ข้างในมีน้ำอยู่เต็มให้หญิงสาว
"เราจะไปไหนคะ" การะเกดเอ่ยถาม เมื่อชีคหนุ่มดึงตัวเธอขึ้นมานั่งบนหลังม้า
"หาที่พัก" เขาตอบสั้นๆ และเริ่มออกเดินทางไปด้วยกันอีกครั้ง
การะเกดนั่งตัวตรงแน่วไม่กล้าขยับอะไรมาก เพราะแผ่นหลังของตนเสียดสีอยู่กับอกแกร่งที่ปกป้องเธอจากพายุทรายมาแล้วครั้งหนึ่ง สองแขนที่โรมรันต่อสู้เพื่อแย่งชิงตนเองมาจากคนใจร้าย ยื่นมาด้านหน้าเพื่อบังคับม้าให้เดินไปในทิศทางที่ต้องการ ทำให้นักข่าวสาวรู้สึกถึงความอบอุ่นที่ปกป้องร่างกายและหัวใจนี้ให้ปลอดภัยจากอันตรายทั้งปวง
การะเกดไม่รู้ว่าชีคดาเนียลจะพาไปไหน เพราะมองไปข้างหน้าก็เห็นแต่ผืนทรายกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา จังหวะการเดินของม้าบวกกับความอ่อนเพลียของร่างกาย ทำให้นักข่าวสาวเผลอหลับไปกับอกแกร่งของเขาในที่สุด
การะเกดลืมตาตื่นตามเสียงเรียกของชีคดาเนียลที่ปลุกให้รู้สึกตัวอีกครั้ง หญิงสาวเบิกตากว้างด้วยความแปลกใจ เมื่อเห็นกองคาราวานอยู่ตรงหน้า
ฟ้าเมตตาอีกครั้งให้ชีคหนุ่มได้พบกับกองคาราวานค้าขายที่กำลังจะข้ามแดนเข้าไปในโอม่าร์ และโชคดีที่หัวหน้าของคณะคาราวานคือคนที่คุ้นเคยกับชีคดาเนียลเป็นอย่างดี ทั้งคู่จึงได้รับการต้อนรับเสมือนแขกคนสำคัญและได้รับอาหารที่พักสำหรับคืนนี้ โดยไม่ต้องนอนกลางทรายท่ามกลางความหนาวเหน็บอย่างที่กังวลไว้แต่แรก
"เราเจอพายุทราย" ชีคหนุ่มรับการเคารพจากหัวหน้าคาราวานที่ออกมาต้อนรับด้วยตนเอง
"ขอบคุณพระเป็นเจ้าที่ท่านปลอดภัย" หัวหน้าคาราวานยกมือขึ้นเหนือศีรษะแสดงการของคุณพระเป็นเจ้าด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ก่อนจะโผเข้ากอดชีคดาเนียลด้วยความดีใจ
"คนอื่นที่มาด้วยไม่รู้เป็นไงบ้าง พายุทรายทำให้พวกเราหลงทาง ถ้าอย่างไรคืนนี้คงต้องรบกวนท่าน"
"ด้วยความยินดี ท่านไม่ต้องเป็นห่วงอะไรพักผ่อนอาบน้ำอาบท่าให้สบาย ที่พักและอาหารเตรียมไว้ให้เรียบร้อยแล้ว"
ชายวัยกลางคนท่าทางใจดีคือคนที่เป็นหัวหน้ากองคาราวานนี้ กระโจมน้อยใหญ่ที่กางอยู่โดยรอบคือที่พักของคณะคาราวานที่กำลังจะเดินทางถึงคาลีจในวันพรุ่งนี้ ชีคดาเนียลกระซิบเบาๆ ให้การะเกดรู้ว่ามีที่พักและอาหารในคาราวานแห่งนี้ ก่อนที่ทั้งสองจะเดินตามหญิงคนหนึ่งไปที่กระโจมซึ่งถูกจัดให้เป็นที่พักในค่ำคืนนี้
ชีคดาเนียลได้รับกระโจมหลังใหญ่ซึ่งมีพื้นที่ใช้สอยสำหรับธุระส่วนตัว การะเกดสำรวจสิ่งที่อยู่รอบๆ ด้วยความตื่นตาตื่นใจ หญิงคนหนึ่งในคณะคาราวานนำเสื้อผ้าและอาหารมาให้ผลัดเปลี่ยน
"อาบน้ำซิ ถ้าดึกกว่านี้จะหนาว"
"อาบยังไงคะ ไม่มีห้องน้ำ" การะเกดกวาดสายตาไปรอบกระโจมคล้ายกับจะถาม
"อาบไม่เป็นใช่ไหม จะได้สาธิตให้ดูก่อน" ชีคดาเนียลคว้าชุดใหม่ที่ได้รับความเอื้อเฟื้อจากผู้ใจดี เดินออกไปนอกกระโจมทันที
ผ้ากั้นปิดทึบและไม่มีไฟคือสถานที่อาบน้ำของคาราวานนี้ ชีคดาเนียลเปิดผ้าทึบผืนนั้นเข้าไปเป็นคนแรกโดยมีการะเกดตามติด เมื่อเห็นถึงน้ำที่วางเรียงรายจำนวนมาก หญิงสาวจึงเข้าใจทันทีว่าคืออะไร
"จะให้จุดไฟไหม เผื่อมองไม่เห็น"
"ไม่เป็นไรค่ะ พอมองเห็น" นักข่าวสาวเลือกอยู่กับความมืดดีกว่าความสว่างที่จะเห็นทุกอย่างชัดเจนเต็มสองตา
"ถ้ากลัวก็มาอยู่ใกล้ๆ แต่ถ้าไม่ก็เลือกเอาว่าจะยืนตรงไหน แต่ขอบอกก่อนว่าน้ำในถังเหล่านี้ พวกเขาจะต้องใช้จนกว่าจะเดินทางไปถึงที่หมาย เพราะฉะนั้นใช้อย่างประหยัดไว้กลับไปที่คฤหาสน์ก่อนจะแช่น้ำจนเปื่อยนานแค่ไหนก็ไม่มีใครว่า เข้าใจนะ"
เขาพูดมากเสียยืดยาวเพราะรู้ว่าการะเกดไม่เคยผ่านชีวิตในทะเลทรายมาก่อน แค่เห็นเจ้าหล่อนเดินตามติดทุกฝีก้าวไม่ห่างไปไหน แค่นี้ชีคดาเนียลก็รู้แล้วว่านักข่าวสาวรู้จักคำว่ากลัวเป็นแล้ว
"ฉันขอเลือกอยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ ดีกว่าไหมคะ" การะเกดหน้าแดงเล็กน้อย
ถึงจะมืดและคงมองไม่เห็นหากไม่ตั้งใจจะจ้องกัน แต่การะเกดก็ไม่กล้าที่จะไปยืนอาบน้ำข้างๆ ผู้ชายเป็นเด็ดขาด ความเขินอายมีมากกว่าความกลัวนักข่าวสาวจึงเลือกที่จะยืนตรงข้ามกับชีคดาเนียล เพื่ออุ่นใจว่าหากเกิดอะไรขึ้นกับตัวเธอ เขาจะเห็นและปกป้องไว้ได้เหมือนทุกครา
"อยู่ซะไกลเชียว" ชีคหนุ่มส่ายหน้าเล็กน้อย แล้วเริ่มทำความสะอาดร่างกายตนเองอย่างประหยัดน้ำทันที
การะเกดแทบไม่ละสายตาจากเงาตะคุ่มที่อยู่ตรงข้ามตนในเวลานี้ ถังน้ำเรียงรายสิบกว่าใบนี้เธอยืนอยู่หัวส่วนชีคดาเนียลยืนอยู่ท้าย โชคดีที่ชีคหนุ่มไม่ได้จุดไฟให้ส่องสว่างเพื่อมองเห็นกันและกัน นักข่าวสาวจึงใช้ความมืดอำพรางร่างกายของตนเอง แต่ใช้สายตาจับจ้องคอยดูชายหนุ่มที่อยู่ตรงข้ามไม่ห่าง และทำเวลาในการอาบน้ำแบบประหยัดตามคำสั่งให้รวดเร็วที่สุด
"ฉันเสร็จแล้ว" ชีคดาเนียลส่งเสียงบอก
"ฉันก็เรียบร้อยแล้วค่ะ"
การะเกดวักน้ำในถังลูบหน้าเป็นครั้งสุดท้าย ค่อยรู้สึกสดชื่นขึ้นมาเล็กน้อย ตอนนี้กระเพาะเริ่มร้องบอกให้รู้ว่าสิ่งต่อไปที่ต้องจัดการอย่างเร่งด่วนคืออะไร
อาหารที่ถูกนำมาวางพร้อมเสื้อผ้าคือมื้อค่ำที่แสนอร่อยของการะเกด ชีคดาเนียลลุกขึ้นเมื่อหัวหน้าคาราวานเข้ามาหาถึงที่ในกระโจม โดยมีหญิงรับใช้อีกคนถือถาดตามมาติดๆ
"ทุกอย่างเรียบร้อยไหมท่าน ต้องการอะไรเพิ่มบอกมาได้ไม่ต้องเกรงใจ คืนนี้อากาศอาจจะหนาวถ้าอย่างไรจะให้คนเอาผ้าห่มมาเพิ่มให้" หัวหน้าคาราวานเอ่ยถามด้วยความห่วงใย
"ไม่เป็นไร แค่นี้น่าจะพอ"
คืนนี้อากาศหนาวจริงๆ แต่ชีคดาเนียลคุ้นเคยกับอากาศที่หนาวเย็นของทะเลทรายเป็นอย่างดี จึงไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับตนเอง คนที่น่าเป็นห่วงควรจะเป็นคนที่เพิ่งอยู่กลางทะเลทรายจริงๆ ครั้งแรกอย่างการะเกดมากกว่า เขาจึงสละผ้าห่มผืนใหญ่ให้หญิงสาวไว้ใช้ในคืนนี้แทน
ชีคดาเนียลพูดคุยเรื่องการค้าขายกับหัวหน้าคาราวานต่อทันที การะเกดไม่รู้ว่าทั้งสองสนทนากันด้วยเรื่องอันใด สาวใช้ที่ติดตามหัวหน้าคาราวานหยิบถ้วยชาในถาดที่ถือมาส่งให้หญิงสาวหนึ่งถ้วย และส่งให้ชีคดาเนียลอีกหนึ่งถ้วยก่อนจะล่าถอยออกไปในที่สุด
ชาอุ่นๆ กลิ่นหอมยั่วยวนใจเมื่อได้ลิ้มลอง รสชาติชุ่มคอแก้กระหายจากการเดินทางในทะเลทรายที่มีแต่ความร้อนได้เป็นอย่างดี นักข่าวสาวติดใจดื่มชาในถ้วยของตนเองจนหมด และเมื่อเห็นชีคดาเนียลถือด้วยชาไว้ในมือขณะที่สนทนาอยู่กับหัวหน้าคาราวาน ความหวังดีและอยากลองชิมชาอีกทำให้เธอส่งสัญญาณให้ชายหนุ่มส่งถ้วยนั้นมาให้ถือแทน
"อย่าดื่มหมดนะ" ชีคดาเนียลสั่งกำชับ
การะเกดพยักหน้ารับ แต่เมื่อเอาเข้าจริงกลับทนกลิ่นหอมที่โชยเข้าจมูกเป็นระยะไม่ได้ แอบเทชาในถ้วยของชีคหนุ่มใส่ถ้วยของตนเอง ก่อนจะจิบไปเรื่อยๆ อย่างเพลิดเพลินจนหมดเป็นถ้วยที่สอง
การสนทนาจบลงหลังจากนั้นไม่นาน หัวหน้าคาราวานแจ้งว่าได้ส่งคนไปบอกข่าวให้คนที่หมู่บ้านอาบาทราบแล้วว่าทั้งคู่อยู่ที่นี่ และคิดว่าพรุ่งนี้เช้าคงจะมีคนจากหมู่บ้านเดินทางมารับตัวชีคหนุ่มและผู้ติดตามแน่
"คนของเราไปที่หมู่บ้านอาบาเพื่อแจ้งข่าวของท่านแล้ว" หัวหน้าคาราวานเอ่ยต่อไปอีกว่า
"คุณหมอราเชสและคนอื่นๆ ทุกคนปลอดภัยดี ไม่มีใครได้รับอันตราย ส่วนคนร้ายที่รอดก็จับตัวส่งให้ทางการเรียบร้อย พรุ่งนี้คุณหมอคงจะมารับชีคแต่เช้า"
"ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง" ชีคดาเนียลลุกขึ้นก้มศีระษะเล็กน้อยแสดงความขอบคุณจากใจจริง
"เล็กน้อยถ้าเทียบกับที่ท่านดูแลเราชาวคาลีจทั้งหมด" หัวหน้าคาราวานก้มหน้ายิ้มจากใจจริง
หัวหน้าคาราวานลากลับไปเพื่อให้ชีคดาเนียลได้พักผ่อน ชายหนุ่มเตรียมเรื่องที่หลับที่นอนในคืนนี้ให้กับตนเองและการะเกด แต่เมื่อหันมาเห็นสายตาของหญิงสาวที่จ้องมองอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ชีคหนุ่มถึงกับชะงักงันไปเล็กน้อย
"ที่นอนเธอ" เขาชี้ไปที่ฟูกนอนด้านในที่เตรียมไว้ให้เจ้าหล่อน
"ง่วงแล้วเหรอ" น้ำเสียงยานคางเล็กน้อยมาพร้อมกับรอยยิ้มหวานที่ชีคดาเนียลต้องหลบสายตาทันที
การะเกดลุกขึ้นเดินอย่างช้าๆ มาหาชายหนุ่ม สายตาที่เคยแสดงออกเวลานี้คล้ายกับจะบอกความนัยบางอย่าง ท่าเดินที่จงใจยั่วยวนให้อีกฝ่ายสนใจมองผิดแปลกตาไปจากการะเกดคนเดิมที่เคยรู้จักมาก่อน นักข่าวสาวโปรยยิ้มหวานพร้อมกับดวงตาที่แพรวพราวใส่อย่างมีจริต
"ง่วงเหรอคะ" เสียงหวานท้าทายด้วยการเอามือโน้มไปที่ลำคอของคนที่ยืนนิ่ง
"ฉันไม่อยากนอนแล้ว" นักข่าวสาวเอาตัวเองเข้ามาแนบชิดกับชีคหนุ่มอย่างจงใจ
การะเกดไม่รู้ว่าตนเองเป็นอะไร รู้เพียงแต่ว่าสนุกที่ได้ทำแบบนี้และรู้สึกดีทุกครั้งที่ได้สัมผัสกับร่างกายของชีคดาเนียล เขากำยำแข็งแรงเมื่อคิดถึงอ้อมกอดอ้อมแขนที่เคยได้สัมผัส
หัวใจของการะเกดเบาหวิวเหมือนขนนก จิตใจมีความกล้าที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ร่างกายร้อนรุ่มเหมือนมีน้ำเดือดอยู่ภายใน ความร้อนความกล้านี้กำลังทำให้หัวใจของชีคหนุ่มปั่นป่วน
"ไปนอนซะ" เขาพูดเพียงสั้นๆ แล้วตัดใจเดินไปหาถ้วยชาที่ฝากหญิงสาวถือไว้เมื่อครู่
ชีคดาเนียลตกใจเมื่อเห็นถ้วยชาทั้งสองใบว่างเปล่า ไม่มีชาหลงเหลืออยู่แม้แต่นิดเดียว นี่อย่าบอกนะว่าการะเกดจัดการดื่มชาทั้งสองถ้วยหมดแล้ว
"เททิ้งหรือว่าดื่มหมด" เขาหันมาถามทันที
"อร่อยจะตายใครจะเททิ้ง เกดกินคนเดียวหมดเลยค่ะ ขอโทษนะที่ไม่เหลือให้ดื่มก็ของมันอร่อยใครจะอดใจไหว" เจ้าหล่อนหัวเราะคิกคักอย่างสนุกสนาน
ชีคดาเนียลได้คำตอบแล้วว่าทำไมเจ้าหล่อนถึงได้มีพฤติกรรมยั่วยวนหัวใจเช่นนี้ ใครใช้ให้การะเกดดื่มชาในถ้วยจนหมด เธอคงไม่รู้จักเมรัยกุหลาบแห่งท้องทะเลทรายนั่นเอง
เมรัยกุหลายไม่ใช่เหล้าอย่างชื่อที่เรียกกัน แต่เป็นชาพิเศษที่คนเดินทางในทะเลทรายใช้กัน มันมีคุณสมบัติพิเศษคือมอบความอบอุ่นให้กับผู้ดื่มได้เป็นอย่างดี ในยามที่ต้องทนกับความหนาวเหน็บของอากาศที่แห้งแล้งในทะเลทราย แต่มีข้อห้ามสำคัญก็คือ
ชาชนิดนี้เมื่อชงแล้วห้ามดื่มจนหมดถ้วย แต่ให้จิบทีละนิดและเหลือก้นถ้วยไว้ ไม่เช่นนั้นก้นถ้วยที่ตกตะกอนจะกลายเป็นอย่างอื่นเช่นที่การะเกดเป็นในเวลานี้ คือสร้างความต้องการเสน่หาให้กับผู้ดื่ม ปกติแค่ถ้วยเดียวก็จะแย่อยู่แล้ว นี่เจ้าหล่อนเล่นดื่มคนเดียวสองถ้วย คืนนี้จะเกิดอะไรขึ้นบ้างชีคดาเนียลถึงกับต้องกุมขมับเลยทีเดียว
"ไปนอนซะการะเกด พรุ่งนี้ต้องเดินทางแต่เช้า"
คืนนี้คงต้องเฝ้าเจ้าหล่อนไว้ให้ดี เพราะไม่รู้ว่าฤทธิ์ของชาจะหมดเมื่อไร ขืนปล่อยให้การะเกดออกไปนอกกระโจม รับรองได้ว่าพรุ่งนี้แม่นักข่าวสาวต้องแหกอกเขาแน่ ข้อหาที่ไม่ช่วยห้ามให้สามีโดยไม่ได้ตั้งใจนั่นเอง
ความคิดเห็น