ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    แรงรักเพลิงเสน่หา

    ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ 4

    • อัปเดตล่าสุด 19 ส.ค. 66


    “ปล่อยนะ”

    ชมพูนุชเอามือดันอกแข็งแรงที่กำลังจะเบียดรัดลงมาหาตนไว้ ลมหายใจอุ่นที่รดผ่านริมฝีปากและใบหน้าหวาน ทำให้ร่างเล็กครั่นเนื้อครั่นตัวอย่างบอกไม่ถูก

    “ลองพูดมาซิ ว่ามีข้อเสนออะไร เผื่อว่าฉันสนใจอาจจะแถมให้ถ้าถูกใจใช่เลย”

    แววตาที่มองคนในอ้อมแขนเหมือนของเล่น พร้อมจะฟัดหรือเขี่ยทิ้งเวลาไหนก็ได้ มันทำให้ชมพูนุชรู้สึกอับอายและรังเกียจสายตารวมถึงความคิดของเขา

    เธอไม่คิดเลยว่าศิวนาถจะกล้าทำเช่นนี้ เขาไม่เพียงมีสายตาที่อันตรายเท่านั้น แต่ร่างกายและการกระทำก็อันตรายด้วยเช่นกัน เพราะเพียงแค่พ่อเจ้าประคุณดึงตัวชมพูนุชเข้าไปใกล้ ก็ทำให้ร่างกายของสาวน้อยร้อนวูบวาบอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

    ลมหายใจที่ผ่านไปมา มือและแขนที่สัมผัสเรือนกายถึงจะมีเสื้อผ้าคั่นไว้ไม่ได้สัมผัสเนื้อแท้ แต่ก็ทำให้รู้สึกร้อนและปั่นป่วนหัวใจเสียเหลือเกิน

    “ว่าไง หรือว่าเราจะแลกเปลี่ยนกันในแบบที่เธอชอบ”

    มือที่รั้งเอวสวยไว้เริ่มคืบคลานลงมาที่สะโพก โบกพัดวาดสัมผัสลงที่เนื้อนิ่มแก้มก้นอย่างจาบจ้วง เนื้อนิ่มที่อยู่ในอ้อมแขน กลิ่นกายสาวที่โชยให้รับรู้ แป้งอะไรที่เจ้าหล่อนใช้นะ ช่างหอมยั่วยวนหัวใจดีเหลือเกิน

    “ปล่อยนะ คุณศิวนาถ” ชมพูนุชทั้งกลัวทั้งไม่พอใจกับการกระทำที่หยาบคายของอีกฝ่าย และพยายามจะพาตัวเองให้ออกห่างจากการกระทำที่หยาบโลนเช่นนี้

    ศิวนาถย่ามใจมากกว่าและคิดว่าชมพูนุชไม่หวงเนื้อหวงตัวเหมือนผู้หญิงคนอื่นแน่ ตรงกันข้ามเจ้าหล่อนอาจจะชอบด้วยซ้ำกับการกระทำที่เกิดขึ้นในเวลานี้

    ฝ่ามือที่ลูบไล้เนื้อนิ่มอิ่มเต็มที่ของสะโพกสาว กำลังจะเล็ดรอดเข้าไปภายใต้ชายกระโปรงตัวสวย สัมผัสกับผิวเนียนนุ่มใต้ร่มผ้า เริ่มรุกคืบเข้าไปมากขึ้นเรื่อยๆ

    “.....”

    ใบหน้าคมที่กำลังยิ้มเหยียดหันขวับ รอยฝ่ามือแดงปรากฏอย่างเห็นได้ชัดบนใบหน้า ศิวนาถหันขวับมาจ้องหน้าชมพูนุชในทันที

    “ไปตายซะ” ชมพูนุชต่อว่าโดยไม่หวั่นเกรงใดๆ ทั้งสิ้น สะบัดตัวออกจากการกอดรัดในทันที

    ทุกอย่างมันควรจะจบแค่นั้น แค่ที่ชมพูนุชเดินหนีและตั้งใจว่าจะกลับไปที่ห้องของชโยดมเพื่อพูดเรื่องเอกสารของฝ่ายบุคคล ศิวนาถกระชากร่างเล็กที่บังอาจทำร้ายให้หันกลับมา ก่อนจะโน้มใบหน้าคมลงมากระแทกริมฝีปากสวยอย่างรุนแรง

    เท่านั้นยังไม่พอเขาดันตัวเธอไปแนบติดกับประตูห้อง ใช้ความสูงและกำลังที่มีมากกว่าบีบบังคับไม่ให้ขยับไปไหน แล้วโรมรันด้วยจูบที่บ้าคลั่งและโกรธาสุดชีวิต

    ศิวนาถต้องการเอาชนะ และเอาคืนในสิ่งที่ชมพูนุชทำกับตนอย่างที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน เจ้าหล่อนกล้าตบหน้าคนที่รู้ทันเกมมารยาอย่างเขา ดังนั้นบทเรียนที่ควรได้รับก็คือความรุนแรงที่จะต้องจดจำไปจนวันตาย

    “คนเลว” ชมพูนุชร้องบอกน้ำเสียงสั่นเครือ เมื่อศิวนาถถอนจูบที่บ้าคลั่งออกมา

    แค่คำว่าคนเลวที่หลุดจากปากของชมพูนุช ก็เป็นเหมือนน้ำมันอย่างดีที่ราดลงบนกองเพลิงนี้ ศิวนาถทาบทับริมฝีปากของตนลงบนเรียวปากสาวที่บวมเจ่อเป็นรอยแดงเพราะถูกคนทำร้ายอีกครั้ง

    และครั้งนี้เขาไม่เพียงแค่จะรุกรานอย่างรุนแรงเท่านั้น แต่จะปราบผู้หญิงปากดีให้ศิโรราบอยู่ในอุ้งมือเลยทีเดียว

    ปลายลิ้นร้อนแทรกเข้ามาในเรียวปากอิ่ม แม้ชมพูนุชจะเม้มมันไว้แน่นเพื่อไม่ให้เขาทำตามอำเภอใจได้ แต่สุดท้ายก็ไม่อาจทนแรงต้านทานที่รุนแรงดุจน้ำป่าที่ไหลหลากนี้ได้ เมื่อปลายลิ้นเข้าสู่โพรงน้ำหวานด้านในแล้ว มีหรือที่ศิวนาถจะหยุดเพียงแค่นั้น

    คนใจร้ายกวาดต้อนทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเข้ามาเป็นของตน ทำลายล้างกำแพงแกร่งดุจหินผาให้ทลายลงง่าย ด้วยความช่ำชองที่เหนือกว่า ทั้งไล่ล่าทั้งรุกรานทั้งปราบปรามในเวลาเดียวกัน

    เพลิงร้ายแห่งเสน่หาปลายลิ้นของศิวนาถ เป็นเสมือนไฟร้อนที่แผดเผาชมพูนุชให้เป็นเถ้าถ่าน แม้จะหยัดยืนว่าไม่สะทกสะท้านกับพลังแห่งความเอาแต่ใจในครั้งนี้

    แต่สุดท้ายก็ไม่อาจต้านทานเรี่ยวแรงที่มีมากกว่าและรุกไล่อย่างไม่ลดละได้ จนต้องยอมให้เขากวาดต้อนและกระทำราวกับเธอเป็นทาสเชลยที่ไร้หัวใจ

    ศิวนาถก็คือศิวนาถ เขาคือเพลิง คือไฟที่เผาผลาญความ อยุติธรรมทุกสิ่งบนโลกใบนี้

    ชมพูนุชคือผู้หญิงที่ไร้ค่าและไม่มีสำนึก เจ้าหล่อนทำให้เพื่อนรักต้องอกหักและเสียใจ กับความมักง่ายและทะเยอทะยานอยากดีของตนเอง

    เจ้าหล่อนไร้ศักดิ์ศรี  ไร้เกียรติเกียรติ เอาตัวเข้าแลกเพื่อให้ได้เงิน

    เจ้าหล่อนคือผู้หญิงหน้าไม่อาย ที่ยอมให้มารดาจูงจมูกใส่พานมาถวายพี่ชายสุดที่รัก

    โดยไม่คิดไว้ตัว หรือมีศักดิ์ศรีเฉกเช่นที่ผู้หญิงดีๆ ควรเป็น

    เมื่อเป็นแบบนี้แล้ว เขานี่แหล่ะ จะเป็นผู้พิพากษาลงโทษเธอเอง

    อย่าได้ริมาหลอก หรือคิดจะมาหาผลประโยชน์จากคนในครอบครัวอีกเป็นอันขาด

    เพราะไม่เช่นนั้นแล้ว บทลงโทษที่จะได้รับนั้น สาสมกับความผิดที่เธอทำไว้กับทุกคนแน่...

    “....”

    ฝ่ามือบางฟาดใส่อีกรอบสองครั้ง ใบหน้าคมเข้มของศิวนาถหันซ้ายขวาตามน้ำหนักมือ เขาคิดจะตอบโต้และสั่งสอนให้เจ้าหล่อนหลาบจำอีกครั้งอย่าสาสม ทว่าชมพูนุชรวบรวมเรี่ยวแรงที่มีทั้งหมดผลักร่างสูงให้กระเด็นออกห่างจากตัว

    “จำไว้นะ ถ้าไม่รู้ความจริงอย่าเที่ยวเห่าหอนต่อว่าคนอื่น และอย่ามาใช้วิธีสกปรกเหยียบ ย่ำเกียรติและศักดิ์ศรีความเป็นคนของคนอื่นด้วย เพราะสุดท้ายแล้วคนที่จะไม่เหลือศักดิ์ศรีหรือความดีงานติดตัวเลยก็คือคุณ” ชมพูนุชตะโกนต่อว่าทั้งน้ำตา

    “นี่ เธอกล้าว่าฉันเหรอ” ศิวนาถโมโห ตั้งท่าจะเดินเข้าไปสั่งสอนอีก แต่ต้องชะงักเมื่อชมพูนุชเอื้อมมือมาจับลูกบิดประตูไว้แล้วพูดว่า

    “เอาซิ คนทั้งบริษัทจะได้รู้ไปเลยว่า มีเจ้านายที่นิสัยไม่ดีแค่ไหน อยากตกเป็นขี้ปากลูกน้องก็เชิญเลย หรือถ้าเรื่องรู้ไปถึงหูคุณป้าสุดท้ายคนที่ต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ก็คือคุณ และในที่สุดฉันก็จะได้ผลประโยชน์จากเรื่องนี้อยู่ดี” หญิงสาวอ้างคำที่เขากล่าวหามาก่อนหน้า

     ซึ่งความจริงแล้วชมพูนุชไม่ใช่คนที่จะทำอะไรเช่นนี้ แต่เพราะนี่เป็นทางออกเดียวที่จะทำให้ศิวนาถหยุดยุ่งกับเธอได้

    “สุดท้ายก็เผยไต๋ออกมา ธาตุแท้เธอมันอย่างที่ฉันพูดจริงๆ” ชายหนุ่มยิ่งโกรธมากขึ้นไปอีก

    “ธาตุแท้ฉันเป็นอย่างไรในสายตาคนอย่างคุณก็ช่าง เพราะสักวันหนึ่งคุณจะต้องสำนึกและเสียใจในสิ่งที่ทำกับฉันวันนี้” ชมพูนุชกระชากประตูเดินออกไปทันที ทิ้งให้เจ้าของห้องหัวฟัดหัวเหวี่ยงต่อไปเพียงลำพัง

    ชมพูนุชหลบไปสงบสติอารมณ์ที่ร้านกาแฟด้านล่าง และกลับขึ้นมาอีกครั้งเมื่อชโยดมโทรศัพท์ตามว่าให้มาที่ห้อง เพราะคุณหญิงประภาและเจ้าสัวบรรพตต้องการให้ทั้งคู่กลับไปกินข้าวเย็นด้วยกัน

    แม้ชมพูนุชจะรู้สึกอึดอัดที่ต้องไปบ้านประวันวิทย์ในเย็นวันนี้ และไม่รู้ว่าจะต้องเผชิญหน้ากับคนบ้าที่ทำร้ายจิตใจเธอเมื่อตอนบ่ายอีกหรือเปล่า แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจขึ้นไปหาชโยดมเพราะมีเรื่องที่จะต้องคุยกันให้เรียบร้อย

    “คุณใหญ่คะ”

    ชมพูนุชเคาะประตูห้องแล้วเปิดเข้าไป เวลาเลิกงานแล้วพนักงานส่วนใหญ่ต่างทยอยกันกลับ หญิงสาวไม่เห็นญาดาอยู่ที่โต๊ะเดาว่าคงกลับไปแล้วเช่นกัน

    “คุณใหญ่คะ” หญิงสาวร้องเรียกเจ้าของห้องเบาๆ อีกครั้ง เมื่อเจ้าตัวยังนั่งเหม่อเหมือนคิดอะไรอยู่ในใจ

    “ครับ คุณนุชมาพอดี เราไปกันเลยไหมครับ” ชโยดมคืนสติ ปรับสีหน้าและน้ำเสียงให้เป็นปกติ แม้ใบหน้าจะมีรอยยิ้มแต่ก็ชมพูนุชก็รู้สึกได้ถึงความเศร้าและความหนักใจบางอย่างซ่อนอยู่

    “คุณใหญ่คะ นุชมีเรื่องจะถามเกี่ยวกับเอกสารของฝ่ายบุคคล คุณใหญ่เป็นคนทำให้เหรอคะ” ชมพูนุชเอ่ยถามเรื่องที่ค้างคาใจมาจนถึงตอนนี้เป็นอันดับแรก

    “คุณแม่โทรศัพท์ให้ฝ่ายบุคคลจัดการครับ คุณนุชเซ็นรับทราบแล้วใช่ไหม ผมส่งไปห้องนายเล็กตั้งแต่ก่อนเที่ยงแล้วนี่ครับ”

    “นุชเห็นแล้วค่ะ แต่ยังไม่ได้ทำอะไรอยากคุยกับคุณใหญ่ก่อน”

    ที่แท้ก็เป็นคุณหญิงประภาที่จัดการทุกอย่างด้วยตนเอง ไม่ใช่ชโยดมอย่างที่ศิวนาถเข้าใจ งานที่เท่ากับว่าคนเอาแต่ใจเป็นคนผิดเต็มที่ เพราะไม่ตรวจสอบให้ดีก่อนแล้วเที่ยวมากล่าวหาคนอื่น

    “นุชอยากจะขอให้เปลี่ยนเงินเดือนหรือสวัสดิการ ให้เทียบเท่ากับพนักงานคนอื่นได้ไหมคะ แค่นี้คนอื่นก็มองว่านุชเป็นเด็กเส้นใหญ่มากแล้ว”

    “เรื่องนี้คุณนุชต้องไปคุยกับคุณแม่เอง เพราะผมก็มีหน้าที่เซ็นตามที่ฝ่ายบุคคลส่งมาอีกที” ชโยดมพูดตามจริง เวลานี้เขาไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรให้ใครทั้งนั้นแล้ว

    “ไปครับ กลับบ้านกัน” ท่านประธานหนุ่มลุกขึ้นแล้วเดินนำออกไปก่อน ชมพูนุชได้แต่ถอนหายใจแล้วเดินตามไปอีกคน

    ตั้งแต่ห้องทำงานมาจนถึงลานจอดรถ แม้กระทั่งนั่งรถด้วยกันก็แล้ว ชโยดมแทบจะไม่มองหน้าหรือพูดกับชมพูนุชแม้แต่คำเดียวด้วยซ้ำ หญิงสาวไม่ได้รู้สึกอึดอัดเพียงแต่สงสัยว่าเขาเป็นอะไรกันแน่

    และทุกอย่างก็มากระจ่างชัดเจนขึ้น เมื่อรถของท่านประธานหนุ่มแล่นลงมาถึงชั้นล่างสุด พนักงานรักษาความปลอดภัยยกมือทำความเคารพแล้วเปิดที่กั้นให้เคลื่อนออกมา

    หัวใจชโยดมแทบจะหมดเรี่ยวแรงขับรถต่อ เมื่อสายตาเขาเหลือบไปเห็นใครคนหนึ่งเดินอยู่บนฟุตบาทข้างทาง ในมือหอบหิ้วสัมภาระที่เจ้าตัวนำกลับไป เพราะยื่นใบลาออกจากบริษัทแล้วเมื่อบ่ายนี้

    ชมพูนุชมองไปทางเดียวกับสายตาของชโยดม บังเอิญหรือไม่ไม่มีใครรู้รถยนต์ยังไม่สามารถเคลื่อนตัวไปได้เพราะการจราจรที่แออัด ทำให้มองเห็นญาดาเดินถือของไปที่ป้ายรถประจำทางหน้าบริษัท

    “นั่นคุณญาดานี่คะ”

    “ถือของอะไรพะรุงพะรังไปหมด ช่วยเธอไหมคะ” หญิงสาวหันมาถามเจ้าของรถ

    เพียงแค่หันมาชมพูนุชก็ต้องตกใจเมื่อเห็นสายตาเศร้าหมองของอีกฝ่าย เธอหันไปมามองสลับระหว่างญาดาและชโยดมจนเสียงแตรจากรถด้านหลังดังขึ้น

    “ไฟเขียวแล้วค่ะ” ชมพูนุชบอกเบาๆ

    ชโยดมค่อยๆ เคลื่อนรถยนต์ออกจากที่นั่นอย่างช้าๆ คล้ายกับว่าไม่อยากจะไปจากตรงนั้นด้วยซ้ำ ชมพูนุชมองแล้วคิดอะไรอยู่ในใจเพียงลำพัง ประมวลเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตลอดทั้งวันอย่างรวดเร็ว ญาดาโบกแท็กซี่ขึ้นและนำหน้าไปก่อน ชโยดมมองตามสายตาละห้อยหา ชมพูนุชจึงตัดสินใจพูดออกมาว่า

    “เรายังไม่กลับบ้านได้ไหมคะ นุชอยากคุยธุระกับคุณใหญ่หน่อย”

    สายตากึ่งขอร้องแกมบังคับของหญิงสาว บวกกับอารมณ์ที่ไม่ต้องการกลับบ้านในสภาพนี้ ทำให้ชโยดมตัดสินใจหันหัวรถยนต์ไปที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งซึ่งเงียบสงบ ซึ่งเหมาะจะเป็นที่นั่งคุยเรื่องสำคัญของเขาและเธอ

    ท่าทีจริงจังของผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าทำให้ชโยดมต้องหันมาสนใจ แม้ว่าภายในเขาจะมีเรื่องร้อนที่ไม่อาจปล่อยวางได้ก็ตามที ชมพูนุชอยากให้ชโยดมผ่อนคลายจึงสั่งโกโก้ร้อนมาสองแก้ว และนั่งสักพักก่อนจะเปิดฉากเจรจา

    “คุณใหญ่มีอะไรในใจหรือเปล่าคะ นุชเห็นคุณใหญ่ใจคอไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลย”

    “ผมสบายดีครับ ว่าแต่คุณนุชมีเรื่องอะไรอยากจะคุยกับผม” ชโยดมพยายามมีสมาธิกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

    “นุชเห็นคุณใหญ่เหมือนมีเรื่องเครียด ก็เลยอยากชวนมาผ่อนคลายหน่อย จริงซิคะ บ้านคุณญาดาอยู่ที่ไหน ไกลมากหรือเปล่า แล้วหอบของเยอะแบบนี้ทุกวันหรือเปล่า” ชมพูนุชแกล้งถามพร้อมทั้งเฝ้าสังเกตท่าทีของอีกฝ่าย

    “อยู่ไม่ไกลจากบริษัทมากหรอกครับ ญาดาไม่ใช่คนกรุงเทพฯและก็ไม่มีญาติพี่น้องที่นี่เลย”

    “แล้วคุณญาดาหอบอะไรหนักหนาคะ หรือว่าเป็นเลขาคุณใหญ่ต้องหอบข้าวของมากมายขนาดนี้”

    “เปล่าครับ ความจริงแล้วไม่ต้องถืออะไรมากขนาดนี้ เพียงแต่ว่าวันนี้ญาดา...” สีหน้าและน้ำเสียงคนพูดเศร้าลงอย่างเห็นได้ชัด

    “วันนี้ทำไมเหรอคะ” ชมพูนุชจี้ถามลงไปอีก

    “ญาดาทำจดหมายลาออกมายื่นให้ผมตั้งแต่ตอนบ่าย พรุ่งนี้จะมาเก็บของที่บริษัทอีกวัน”

    “อะไรนะคะ เพราะนุชหรือเปล่า หรือว่าเธอหางานใหม่อยู่แล้ว” หญิงสาวแกล้งถามเพื่อให้แน่ใจบางอย่าง

    “ผมไม่ทราบ แต่ว่าก่อนหน้าก็ไม่มีทีท่าว่าจะออก”

    “แล้วคุณใหญ่เซ็นหรือยังคะ”

    “ยังครับ ผมบอกว่าให้ตัดสินใจอีกทีแล้วค่อยว่ากันพรุ่งนี้” แม้ชโยดมจะยื่นเวลาออกไป แต่เขาก็รู้ด้วยสัญชาติญาณว่ามันจะเป็นเช่นไร

    “คุณใหญ่คะ นุชขอถามอะไรคุณใหญ่สักอย่างจะได้ไหมคะ แต่ขอให้คุณใหญ่ตอบนุชตามความจริงเท่านั้น” ชมพูนุชเอ่ยอย่างเป็นงานเป็นการ

    “คุณนุชจะถามอะไรผมครับ” ชโยดมสบตาเธอด้วยความสงสัย

    “คุณญาดากับคุณใหญ่มีปัญหาอะไรกันเพราะนุชหรือเปล่าคะ” หญิงสาวถามอย่างตรงไปตรงมา

    “วันนี้นุชเห็นเธอร้องไห้ แอบไปร้องไห้ที่ห้องน้ำจนตาบวม เมื่อกี้นุชเห็นสายตาคุณใหญ่ที่มองคุณญาดา นุชคิดว่าตัวเองเข้าใจไม่ผิด”

    ชโยดมนิ่ง ไม่รู้ว่าจะอธิบายเรื่องนี้ให้ชมพูนุชเข้าใจได้อย่างไรดี เพราะรู้อยู่เต็มอกว่าเธอคือผู้หญิงที่มารดาหมายมั่นปั้นมือจะให้แต่งงานด้วย และท่าทางว่าตัวเองก็จะหนีไม่รอดจากการคลุมถุงชนในครั้งนี้

    อีกทั้งเขาไม่รู้ว่าชมพูนุชถามเรื่องนี้ด้วยสาเหตุใด ความหึงหวง หรือว่าต้องการจัดการเรื่องตนกับญาดาให้เด็ดขาด เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาอื่นตามมาทีหลัง ที่สำคัญหากเรื่องนี้ไปถึงหูมารดาเพราะลมปากของหญิงสาว ชโยดมเกรงว่าญาดาจะมีปัญหามากมายตามมา

    “ถ้าคุณเป็นสมภารกินไก่วัด ฉันจะถือเสียว่านี่คือไก่วัดตัวสุดท้ายที่คุณจะทำแบบนี้ แต่ถ้าคุณไม่ใช่สมภารกินไก่วัด สิ่งที่คุณควรทำคือความถูกต้อง ความจริง และความบริสุทธิ์ใจ” ชมพูนุชพูดแทงใจดำต่อไปอีกว่า

    “ขอให้คุณใหญ่สบายใจได้เลยว่า เรื่องนี้จะไม่ถึงหูคุณป้าและจะเป็นความลับตลอดไปแน่ค่ะ”

    “คุณนุช” ชโยดมอึ้งไปในทันที

    “ขอแค่คุณใหญ่พูดความจริงกับนุช นุชคิดว่าทุกอย่างจะมีทางออกที่ดีแน่นอนค่ะ”

    “ผม เอ่อ ผม” เขาอึกอักไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไรดี แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจพูดความจริงทั้งหมดออกมา

    “ผมกับญาดารักกัน ผมผิดเองที่ไม่กล้าเปิดเผยเรื่องนี้ให้คุณแม่รู้ ญาดาเองก็กลัวว่าถ้าบอกคุณแม่ไปแล้วเราสองคนจะไม่ได้พบกันอีก”

    “คุณสองคนก็เลยแอบคบกันลับๆ โดยที่ไม่บอกให้คุณป้ารู้”

    “ผมไม่คิดว่าคุณแม่จะพาคุณนุชเข้ามา” ชายหนุ่มพูดตามตรง

    “ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็ว ผมยังคิดไม่ออกว่าจะทำอย่างไร”

    “แล้วคุณใหญ่จะจัดการเรื่องนี้อย่างไรคะ คุณใหญ่คิดว่าคุณป้าจะยอมง่ายๆ หรือเปล่า”

    “นี่แหล่ะคือสิ่งที่ผมกลัว ผมรู้สึกผิดที่เก็บเรื่องนี้ไว้มานานไม่เคยบอกใคร จนมาถึงวันนี้มันก็สายไปแล้ว ผมทำผิดกับญาดามาก ทำให้เธอผิดหวังและเสียใจที่สุดในชีวิต ทั้งที่เธอรักผมสุดหัวใจและเป็นคนยอมอยู่ในความลับนี้อย่างไม่เคยทวงสิทธ์ของตัวเอง” ท่านประธานหนุ่มน้ำตาคลอ ความรู้สึกผิดเกาะกินหัวใจลูกผู้ชายอย่างหนาวเหน็บ

    “มันยังไม่สายนะคะ คุณใหญ่” ชมพูนุชเอื้อมมือมาบีบมือให้กำลังใจอีกฝ่าย

    “เรื่องนี้ยังพอแก้ไขได้ เพียงแต่ต้องรีบให้เร็วที่สุดเท่านั้นเอง”

    “คุณนุชคิดว่ายังพอมีทางเหรอครับ” น้ำเสียงชายหนุ่มมีความหวังขึ้นมาเล็กน้อย

    “ค่ะ เพียงแต่เรื่องนี้เราต้องร่วมมือกัน คุณใหญ่ทำหน้าที่ของคุณใหญ่ไป ส่วนนุชก็ทำหน้าที่ของนุชไป ส่วนคุณป้านุชจะเป็นคนพูดให้เอง”

    “คุณนุช นี่พูดจริงใช่ไหม” ชโยดมร้องออกมาด้วยความดีใจ บีบมือหญิงสาวแน่น

    “นุชเข้าใจและดีใจที่คุณใหญ่ยอมพูดความจริงเรื่องคุณญาดา และขอเอาใจช่วยให้ทุกอย่างลงเอยอย่างสวยงามนะคะ ส่วนทางคุณป้าไม่ต้องห่วง นุชคิดว่าจะหาทางถ่วงเวลาเลื่อนการแต่งงานออกไปสักสามเดือน ในระหว่างนี้คุณใหญ่ปรับความเข้าใจกับคุณญาดาซะ แล้วหาโอกาสบอกเรื่องคุณญาดากับคุณป้า นุชจะช่วยพูดให้อีกแรง นุชมั่นใจว่ต้องจบแฮปปี้เอ็นดิ้งทุกฝ่ายค่ะ” ชมพูนเอ่ยด้วยรอยยิ้มที่สดใส และเชื่อว่ามันจะเป็นเช่นนั้นแน่

    “ขอบคุณคุณนุชมากๆ ผม ผมไม่รู้จะขอบคุณคุณนุชอย่างไรดี แล้ว”

    “ไม่ต้องขอบคุณนุชหรอกค่ะ นุชต่างหากที่ต้องขอบคุณคุณใหญ่  เพราะถ้าคุณใหญ่ยอมทำตามที่คุณป้าต้องการ เราสองคนก็คงไม่มี ความสุขไปตลอดชีวิตแน่ แต่มีอีกเรื่องที่นุชอยากจะขอร้องให้คุณใหญ่ช่วยได้ไหมคะ” ชมพูนุชไม่ลืมเรื่องที่ตนเองต้องการจะพูดกับชายหนุ่ม

    “มีอะไรครับ คุณนุชพูดมาเลย”

    “เรื่องเงินเดือนของฝ่ายบุคคล นุชขอให้ปรับเป็นเหมือนพนักงานปกติได้ไหมคะ”

    “เรื่องนี้ผมขอให้เป็นไปตามเดิมดีกว่าครับ คุณแม่จะได้สบายใจอีกอย่างมันก็ไม่ได้เสียหายอะไรมากกับบริษัท”

    “แต่ว่านุชไม่ได้ทำอะไรเลยนะคะ นอกจากนั่งเฉยๆ เท่านั้น” หญิงสาวแย้ง

    “คุณนุชไปช่วยงานนายเล็กไม่ใช่เหรอครับ ก็ไหนนายเล็กบอกว่างานยุ่งมากต้องการผู้ช่วย” ชโยดมจำได้ว่าศิวนาถพูดแบบนั้น

    “นุชขอไม่กลับไปที่นั่นแล้วได้ไหมคะ” ชมพูนุชไม่ต้องการเห็นหน้าศิวนาถอีก ถ้าให้ดีไม่เจอกันตลอดไปยิ่งดีใหญ่

    “ถ้าจะให้นุชนั่งเฉยๆ เพื่อเล่นละครตามที่คุณป้าต้องการ และช่วยคุณใหญ่ปรับความเข้าใจกับคุณญาดา นุชขอมานั่งที่ห้องคุณใหญ่แล้วก็ขอเอางานพิเศษมาทำฆ่าเวลาได้ไหมคะ”

    “เอาไงก็ได้ครับ ผมไม่มีปัญหาแต่นายเล็กอาจจะอยากให้ คุณนุชไปช่วยก็ได้นะครับ” ไม่วายที่ชโยดมจะห่วงว่าน้องชายจะทำงานหนักเกินไป

    “คนนั้นเก่งเกินกว่าที่ทุกคนคิดค่ะ ให้ทำงานหนักแค่ไหนก็สู้ได้ อยู่แล้ว ไปเถอะค่ะคุณใหญ่ เรากลับบ้านกันเถอะ ถ้ามีโอกาสนุชจะพูด กับคุณป้าให้เลื่อนการแต่งงานออกไปวันนี้เลย” ชมพูนุชไม่อยากเอ่ยถึงคนใจร้ายอีกต่อไป   

    หญิงสาวชวนชโยดมกลับบ้าน ระหว่างทางที่นั่งรถไปถึงบ้านประวันวิทย์ ทั้งคู่ช่วยกันคิดหาหนทางที่จะทำให้ปัญหาทุกอย่างจบลงด้วยดีโดยเร็วที่สุด

     

    Thumbnail Seller Link
    แรงรักเพลิงเสน่หา
    อิ่มอุ่น
    www.mebmarket.com
    เธอเข้ามาด้วยเงื่อนงำที่น่าสงสัย เขาจึงต้องใช้ไฟเสน่หาค้นความจริง ทว่าสุดท้ายไม่ว่าจะแรงรักหรือเพลิงเสน่หา ก็ไม่อาจต้านหัวใจรักของเขาและเธอได้&ldq...
    Get it now
    Thumbnail Seller Link
    ทัณฑ์ร้ายลวงรัก
    อิ่มอุ่น
    www.mebmarket.com
    “ฉันดูแลตัวเองได้ คุณไม่ต้องยุ่งกับฉันหรอก แล้วฉันก็ไม่ตายง่ายๆ แน่” เธอเชิดหน้าเล็กน้อยรู้สึกสะอึกในอกอย่างไรก็ไม่รู้“ก็ดี รอในนี...
    Get it now
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    ดูอีบุ๊ก

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×