คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ 4
อาการบาดเจ็บของอรพิมไม่เป็นอะไรมาก เพียงแต่ยังเดินไม่สะดวกทำให้ต้องเลื่อนโปรแกรมที่วางไว้ว่าจะออกจากบ้านไปก่อน โชคดีที่ทรงฉัตรมีน้ำใจช่วยดูแลคนป่วยตั้งแต่ที่กลับมาถึงบ้าน
‘ทีหลังก็ไม่ต้องรีบร้อนร่ำลากันขนาดนั้น ดีนะไม่จับกบโชว์ในงาน’ ทรงฉัตรพูดทันทีที่กลับเข้ามาในห้องนอน
‘ไปอาบน้ำสิ จะได้ทายา’ ชายหนุ่มร้องบอกเมื่อเห็นคนเจ็บยืนนิ่งไม่ขยับเขยื้อน
‘ไม่ต้อง ฉันไม่เป็นอะไรมาก’ อรพิมกัดฟันเดินให้ถึงห้องน้ำ
‘เป็นยัยเป๋แล้วยังปากดีอีก รีบอาบน้ำจะได้ทายา’
‘ขอบคุณค่ะ’ นี่เป็นครั้งแรกที่อรพิมพูดดีกับทรงฉัตรหลังจากที่เขาทายาให้
‘แล้วทีหลังก็ไม่ต้องรีบร้อนขนาดนี้ อยู่ที่บริษัทก็เจอกันทุกวัน อย่าทำอะไรให้คนอื่นเขารู้ว่าคุณสองคนกิ๊กกันอยู่’ ทรงฉัตรยังไม่หายหมั่นไส้ที่เห็นอรพิมให้ความสำคัญกับพฤกษ์มากกว่าตน
หญิงสาวหน้างอไม่อยากจะเถียงกลับไปให้เป็นเรื่อง คืนนี้ทั้งเหนื่อยทั้งเจ็บขา ทางที่ดีควรนอนพักเอาแรงไว้ก่อน
เช้าวันรุ่งขึ้นทั้งคู่ตื่นสายกว่าจะลงไปกินข้าวเช้าคุณทรงพุ่มและคุณทิพย์ก็อิ่มแล้ว แม่สามีเห็นหน้าศรีสะใภ้ค่อยๆ เดินเขยกลงบันไดโดยมีลูกชายสุดที่รักเดินเคียงข้าง ก็แสนจะหมั่นไส้แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากเมินหน้าหนี
ทรงฉัตรเล่าเรื่องงานเมื่อคืนนี้ให้บิดาฟัง โดยมีอรพิมตอบคำถามยามที่คุณทรงพุ่มพูดด้วย ชายหนุ่มถือโอกาสนี้ขอใช้ห้องทำงานเพื่อให้อรพิมตรวจสอบเอกสารที่เอามาจากบริษัท
“หนูพิมใช้ห้องทำงานได้ตามสบายเลย” คุณทรงพุ่มเอ่ยปากอนุญาตด้วยความยินดี
“อะไรกันคะ คุณพี่ ปกติห้องนั้นไว้อ่านหนังสือกับคุยเรื่องของครอบครัวเรานี่คะ” คุณทิพย์แย้งขึ้นมาทันที
“ตอนนี้หนูพิมเป็นคนในครอบครัวเรา ทำไมจะใช้ห้องไม่ได้ อีกหน่อยถ้ามีประชุมของครอบครัว หนูพิมก็สมควรจะรู้ด้วย”
“แต่น้องเกรงว่าไม่เหมาะมั้งคะ ในห้องทำงานคุณพี่มีเอกสารสำคัญเก็บไว้มากมาย ถ้าเราให้คนที่ไม่รู้ว่าจะไว้ใจได้หรือเปล่าเข้าไปใช้ห้องทำงานคุณพี่ น้องว่า...”
“เอกสารพวกนั้นอีกหน่อยตาฉัตรกับหนูพิมก็ต้องรู้ ดีซะอีกจะได้ไม่ต้องบอกว่าอะไรอยู่ไหน เอาเป็นว่าหนูพิมไปใช้ห้องพ่อได้เลยนะ ตามสบาย” คุณทรงพุ่มตัดบทสั้นๆ
คุณทิพย์ได้แต่ฮึดฮัดอยู่คนเดียวในขณะที่ทรงฉัตรไม่พูดอะไรทั้งสิ้น เขาพลาดเองที่ไม่น่าห้ามให้เธอเอาโต๊ะทำงานมาไว้ในห้อง ไม่งั้นคงได้รู้ว่าอรพิมทำงานจริงๆ หรือมีอะไรแอบแฝง
“นี่เอกสารอะไร วันก่อนพฤกษ์ฝากมาให้” ทรงฉัตรแกล้งถามทั้งๆ ที่รู้ดีแก่ใจ
“เอกสารการสั่งซื้อของตลอดจนทุกอย่างที่เกี่ยวกับโปรเจคที่มีปัญหาค่ะ” อรพิมตอบตามจริง
“ทำไมต้องเอามาดูเองทุกหน้า ฝ่ายบัญชีการเงินก็ทำกันได้นี่นา ไม่เห็นต้องเอามาดูเองเลย”
“ตอนนี้ฉันมีงานอื่นให้พวกเขาทำ ส่วนอันนี้ฉันต้องรู้ข้อมูลก่อนถึงจะสั่งได้ว่าต้องทำอะไรบ้าง”
“นี่คุณทุ่มเทขนาดนี้เลยเหรอ” ไม่อยากเชื่อว่าเห็นตัวเล็กๆ ท่าทางเหมือนเด็กดื้อแบบนี้จะขยันจนผู้ชายอกสามศอกอย่างเขายังทึ่ง
“เงินห้าสิบล้าน เป็นคุณอยากได้ไหมล่ะ” อรพิมย้อนถามบ้าง ไม่เพราะเงินห้าสิบล้านที่หายไปหรอกหรือทำให้เธอมีชีวิตเช่นทุกวันนี้ ต้องมานั่งฟังเขาต่อว่าและมีปากมีเสียง ต้องมาคอยฟังคำกระแนะกระแหน
ของแม่สามีทุกครั้งที่เจอหน้า ทางออกที่อรพิมเตรียมไว้ให้ชีวิตตนเองก็คือควรทำงานนี้ให้เสร็จโดยเร็ว เพื่อจะเอาไปเป็นข้อต่อรองในการเลิกกับทรงฉัตร
ชายหนุ่มยอมให้อรพิมตั้งโต๊ะทำงานในห้องได้ แต่มีข้อแม้ว่าเธอห้ามเปิดไฟเมื่อเขาหลับ และโต๊ะทำงานของหญิงสาวไปอยู่แทนที่โซฟาฝั่งตรงข้ามเตียงนอน
“คุณจะไปซื้อโต๊ะมาก็ได้นะ เดี๋ยวผมเคลียร์พื้นที่รอ” ทรงฉัตรลงมือจัดการ
“เดี๋ยวพฤกษ์เอามาให้ค่ะ”
“ไปสั่งกันตอนไหน” ชายหนุ่มย้อนถาม แต่อรพิมไม่ตอบ นั่งรอโต๊ะเริ่มอ่านเอกสารล่วงหน้า
คนหนึ่งเก็บห้องในขณะที่อีกคนนั่งจมกับกองเอกสาร ทรงฉัตรลงมือทำเองทุกอย่างโดยไม่เรียกแม่บ้านมาช่วย เสร็จแล้วจึงไปนั่งดูกองเอกสารที่หญิงสาวกำลังอ่านอย่างคร่ำเคร่ง
“แล้วจะได้อะไรจากพวกนี้”
“เราจะสรุปออกมาว่ายอดวัสดุเท่าไร ค่าแรงเท่าไร ที่เขาจ่ายมาเท่าไร หักลบกลบหนี้กันแล้วเราขาดทุนเท่าไร ค่าเสียเวลาที่ต้องเพิ่มไปอีกเท่าไร”
“นี่คุณจะเก็บทุกเม็ดเลยหรือไง” ทรงฉัตรฟังแล้วเหนื่อยแทน เงินพวกนั้นไม่ใช่เรียกคืนมาได้ง่ายๆ การทำงานกับคนที่ไม่ซื่อตรงเป็นอะไรที่ยากลำบากเหลือเกิน
“ค่ะ อย่างน้อยห้าสิบล้านก็ต้องไม่ขาดสักบาท ส่วนค่าเสียเวลาต้องให้คุณลุงเป็นคนตัดสินใจ” อรพิมยืนยันหนักแน่น
“แล้วแผนคุณคืออะไร” เขาอยากรู้ จะทวงเงินจากคนมีอิทธิพลด้วยจำนวนมหาศาลแบบนี้ด้วยวิธีไหน
“พฤกษ์เป็นคนจัดการค่ะ ฉันมีหน้าที่แค่รู้รายละเอียดและส่งให้เขา” เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นขัดจังหวะ เมื่อหยิบดูจึงรู้ว่า
“พฤกษ์มาแล้ว” เธอลุกขึ้นพรวดเดียวเพื่อจะลงไปเอาโต๊ะ แต่ขาข้างที่เจ็บไม่เป็นใจ สาวน้อยเซถลาล้มลงทรงฉัตรรีบรับไว้ อรพิมใจเต้นเมื่อจมูกสาวชนกับแก้มหนุ่มเข้าอย่างจัง
“ขาฉัน” อรพิมร้องด้วยความเจ็บ
“คุณอยู่บนนี้ เดี๋ยวผมไปจัดการให้ เจ็บมากหรือเปล่า” ทรงฉัตรรีบอุ้มเธอขึ้นมานั่งพักบนเตียงนอน
“เดี่ยวฉันไปเอง โอ๊ย...” อรพิมจะยืนยังไม่ได้เลย
“โธ่เอ๊ย พูดก็ฟังกันบ้างสิ เดี๋ยวก็ได้เป็นยัยเป๋ตลอดชีวิตหรอก” เขาขู่แล้วรีบลงไปจัดการแทนอรพิมทันที
ฉัตรลงมาจัดการเรื่องโต๊ะให้อรพิม พร้อมทั้งสั่งให้คนเตรียมรถเขาจะพาหญิงสาวไปหาหมอ
“หนูพิมเป็นอะไร เจ้าฉัตร”
“ขาเดี้ยงครับพ่อ ซุ่มซ่ามไปหน่อย” ทรงฉัตรไม่วายเหน็บ
“งั้นรีบพาไป พฤกษ์อย่าเพิ่งกลับนะอยู่ทานข้าวกลางวันแล้วคุยกันก่อน” คุณทรงพุ่มชวนทนายหนุ่มหายเข้าไปคุยในห้องทำงาน คุณทิพย์เห็นท่าทีใส่ใจของบุตรชายที่มีต่อศรีสะใภ้แล้ว ก็เริ่มไม่สบายใจกลัวว่าทรงฉัตรจะลืมข้อตกลงที่เคยให้ไว้ นางจึงรีบคิดหาหนทางที่จะทำอย่างไรดีให้ทั้งคู่เลิกรากันให้เร็วที่สุด งานนี้เห็นทีต้องมีผู้ช่วย
ทรงฉัตรพาคนป่วยกลับบ้านมาอีกครั้งในตอนบ่าย ข้อเท้าข้างที่เจ็บของอรพิมมีผ้าพันไว้อย่างดี เขาเปิดประตูรถประคองเธอลงมาอย่างช้าๆ เสียงหวานของใครบางคนร้องเรียกให้ทั้งคู่เงยหน้า
“มุกช่วยค่ะ” มุกดาราตรงเข้ามาช่วยทรงฉัตรประคองอรพิมอีกแรง
“เจ็บมากไหมคะ คุณพิม”
“นิดหน่อยค่ะ” คนเจ็บพูดด้วยรอยยิ้ม
“ขาแพลง สั่งห้ามซนไปอีกหลายวัน” ทรงฉัตรเอ่ยขึ้นลอยๆ
“คุณ” อรพิมถลึงตาใส่คนที่กล่าวหาว่าตนเป็นเด็ก
“เป็นไงบ้างหนูพิม” คุณทรงพุ่มถามอาการด้วยความเป็นห่วง
“คงไม่เป็นอะไรมากมั้งคะ คุณพี่” คุณทิพย์ค้อนคนป่วยด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหมั่นไส้ ใครๆ ก็สนใจแต่อาการป่วยของอรพิมแม้แต่มุกดาราเองก็เช่นกัน นางอุตส่าห์ตามนางเอกสาวให้มาเป็นก้างขวางคอ แต่ที่ไหนได้มุกดารากลับญาติดีกับอรพิมไปอีกคน
“หมอห้ามเดินครับ คงต้องให้หยุดอยู่บ้านก่อน” ทรงฉัตรตอบแทนทุกคน
“พักทำตามที่หมอสั่งนะ หนูพิมจะได้หายไวๆ” น้ำเสียงคุณทรงพุ่มห่วงใยสะใภ้จนออกนอกหน้า
“ขอพิมคุยกับพฤกษ์ก่อนนะคะ ถ้าต้องหยุดงานจริงมีเรื่องต้องให้พฤกษ์ช่วย” อรพิมหันมาหาทนายหนุ่ม
สีหน้าทรงฉัตรมีความไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด เมื่ออรพิมพยายามประคองตนเองไปหาทนายหนุ่มโดยไม่สนใจตนแม้แต่น้อย แวบหนึ่งรู้สึกน้อยใจที่อุตส่าห์พาไปหาหมอดูแล แต่พอมีพฤกษ์เท่านั้นเขากลับกลายเป็นอากาศธาตุในทันที
สายตาของทรงฉัตรคอยชำเลืองมองดูว่าอรพิมกับพฤกษ์ทำอะไรกัน แม้จะไม่ได้ยินสิ่งที่ทั้งสองพูดคุยแต่เดาได้จากสีหน้าว่าต้องเป็นเรื่องงานที่สำคัญแน่
“จะกลับแล้วเหรอ พฤกษ์” คุณทรงพุ่มเอ่ยถามเมื่อทนายหนุ่มเข้ามาลากลับตามมารยาท
“กินของว่างกันก่อน วันนี้มีขนมจีบ มาเร็ว กินแล้วเดี๋ยวค่อยไป” ชายวัยกลางคนเรียกให้ทุกคนมาที่โต๊ะอาหารเพื่อกินของว่างด้วยกัน
“นี่จ้ะ หนูมุกขนมจีบที่หนูชอบ วันนี้รู้ว่าหนูมาแม่เลยให้เด็กทำ ทานเยอะๆนะ ตาฉัตรเอาน้ำจิ้มให้หนูมุกหน่อย” คุณทิพย์เจ้ากี้เจ้าการออกนอกหน้า
“ขอบคุณค่ะ” มุกดารารู้สึกเกรงใจที่คุณทิพย์สนใจดูแลตนเองมากกว่าศรีสะใภ้อย่างอรพิม
“คุณพิมคะ ขนมจีบฝีมือคุณแม่อร่อยมาก” นางเอกสาวหันมาหาคนป่วย พฤกษ์ตักขนมจีบใส่จานอรพิมแทนทรงฉัตรที่มัวแต่วุ่นวายกับการดูแลนางเอกสาว แทนที่จะดูแลภรรยาตนเอง พร้อมทั้งสังเกตว่าแม่สามีของอรพิมดูไม่ปลื้มศรีสะใภ้คนนี้สักเท่าไร
“กินให้หมดสิ อย่ากินทิ้งกินขว้างของต้องซื้อต้องหามานะ” คุณทิพย์บอกด้วยน้ำเสียงไม่พอใจเล็กน้อย เมื่อหันมาเห็นอรพิมหยุดกินกะทันหันและในจานมีขนมจีบที่กินไม่หมด
“พิมกินได้แค่นี้ รู้สึกว่าในขนมจีบจะมีกุ้งค่ะ” อรพิมตอบตามตรง
“ไม่มีกุ้งหมูล้วนๆ” คุณทิพย์ทำเสียงดุพร้อมกับจ้องมองมาเหมือนจะหาเรื่อง
“คุณพิมแพ้กุ้งน่ะครับ” พฤกษ์เป็นฝ่ายบอกเสียเอง
“แพ้เพ้ออะไรกัน ถ้าไม่อยากกินของบ้านนี้ก็บอกกันดีๆ ไม่ใช่กินทิ้งกินขว้างแบบนี้” คุณทิพย์เสียงแข็งใส่
“ค่ะ เดี๋ยวพิมจะทานให้หมด” อรพิมไม่อยากมีปัญหารีบจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย
“ไม่เป็นไรหนูพิม ถ้าไม่ชอบก็ไม่ต้องทานเดี๋ยวให้เด็กหาอะไรอย่างอื่นให้ก็ได้ หนูพิมอยากทานอะไร” พ่อสามีหาทางไกล่เกลี่ย
“ไม่เป็นไรค่ะ คุณลุง พิมทานได้” หญิงสาวไม่อยากให้เป็นปัญหา
“คุณไม่ทานกุ้งใช่ไหม งั้นเอาเป็นขนมเค้กไหมผมซื้อติดมา” ทรงฉัตรช่วยหาทางออกอีกคน
เขาจำได้ว่า พฤกษ์เคยบอกว่าอรพิมแพ้กุ้งชนิดที่เรียกว่าแตะไม่ได้เลย และรู้ว่าขนมจีบที่มารดาทำนั้นมีกุ้งสับผสมอยู่ด้วยแม้ในปริมาณไม่มากเพื่อให้มีรสชาติ แต่ก็ไม่รู้ว่าหญิงสาวจะทานได้หรือไม่
“อย่าทำอะไรให้มันยุ่งยากนักเลย คุณพี่ก็แพ้กุ้งเหมือนกันแต่ก็ทานได้ คนอื่นก็คงไม่เป็นอะไรหรอกมั้งคะ” คุณทิพย์เอ่ย
อรพิมจำใจต้องจัดการทุกอย่างในจานให้เกลี้ยงเพื่อไม่ให้เกิดปัญหา แม้จะอึดอัดกับท่าทีของคุณทิพย์แต่ก็หลีกเลี่ยงที่จะมีปัญหาด้วย
มุกดาราช่วยเก็บจานทุกอย่างบนโต๊ะถือไปไว้ในห้องครัวเพื่อล้าง เนื่องจากเป็นวันอาทิตย์บรรดาคนทำงานบ้านต่างก็ได้สิทธิ์ลาหยุดกันหนึ่งวันต่อสัปดาห์
“มุกช่วยค่ะ คุณแม่” มุกดารารีบหยิบจานในมือคุณทิพย์มาถือ
“ผมเองดีกว่าครับ มุก” ทรงฉัตรฉวยทุกอย่างในมือของหญิงสาวมือถือไว้แทน แล้วเดินนำไปไว้ในห้องครัวโดยมีมุกดาราเดินตามไป
คุณทรงพุ่มนึกได้ว่ามีเรื่องสำคัญที่ยังไม่ได้คุยกับพฤกษ์อีกเรื่อง จึงเรียกทนายหนุ่มไปที่ห้องหนังสืออีกครั้งปล่อยให้คนอื่นจัดการที่เหลือแทน
“ถือไปที่ห้องครัวไหวไหม” คุณทิพย์ยื่นถาดเครื่องปรุงให้อรพิม
“ค่ะ” หญิงสาวรับมาถือแล้วเขยกขาไปที่ห้องครัว
มุกดาราทำท่าจะล้างจานทุกอย่างให้โดยมีทรงฉัตรเป็นผู้ช่วย แต่คุณทิพย์เข้ามาห้ามเสียก่อน
“ไม่ต้องลูก หนูมุกกับตาฉัตรออกไปรอข้างนอกดีกว่าเดี๋ยวแม่จัดการเอง” คุณทิพย์หันมาหาอรพิม
“ไปเอาผ้ามาเตรียมเช็ดจานสิ เป็นเจ้าของบ้านให้แขกล้างได้ยังไง” แม่สามีสั่งน้ำเสียงเฉียบขาดทำให้อรพิมต้องเดินไปหยิบผ้าเช็ดจานมาถือไว้
“ผมช่วยคุณแม่ดีกว่า พิมขาเจ็บยืนนานไม่ได้” ทรงฉัตรอาสา
“แค่นี้ไม่นานหรอกจ้ะ ห้านาทีคงไม่ถึงกับต้องตัดขามั้ง” คุณทิพย์ประชดในที
“พิมเช็ดได้ค่ะ ไม่ต้องเป็นห่วง” อรพิมตัดบท รับจานที่ล้างแล้วจากแม่สามีมาเช็ดแล้วคว่ำให้เรียบร้อย
พฤกษ์ออกมาจากห้องหนังสือพร้อมกับคุณทรงพุ่มอีกครั้ง คราวนี้ทนายหนุ่มเตรียมจะลากลับเสียที อรพิมเดินขาลากออกมาจากห้องครัวหลังจากที่ช่วยคุณทิพย์เก็บล้างทำทุกอย่างเรียบร้อย ตอนนี้หญิงสาวกำลังหายใจไม่ออกและตามเนื้อตัวเริ่มมีผื่นแดงขึ้น
“ผมลานะครับ” พฤกษ์ยกมือไหว้ลาคุณทรงพุ่มอีกครั้ง
“ขอบคุณมากพฤกษ์ แล้วคุยกันนะ” คุณทรงพุ่มตบบ่าชายหนุ่ม
ทนายคนเก่งเหลียวมองหาอรพิม เห็นเจ้านายสาวเดินขากระเผลกออกมาจากห้องครัว เมื่อหญิงสาวเดินมาใกล้พฤกษ์ก็ร้องบอกให้รู้
“กลับก่อนนะคุณพิม หายไวๆ” ชายหนุ่มยิ้มให้
“พะ พฤกษ์” อรพิมพูดเสียงติดขัด ร่างบางล้มลงไปกองกับพื้น
“คุณพิม” พฤกษ์ตกใจรีบเข้าไปช้อนตัวเธอทันที
“หนูพิม” คุณทรงพุ่มร้องด้วยความตกใจอีกคน
“พิม” ทรงฉัตรตรงเข้ามาช้อนตัวอรพิมต่อจากพฤกษ์
“คุณพิมแพ้กุ้งอีกแล้วแน่เลย พาไปหาหมอดีกว่าคุณฉัตร” พฤกษ์เดาได้ว่าอาการของอรพิมเกิดจากสาเหตุใด
มุกดาราตกใจมากที่เห็นอรพิมเป็นมากขนาดนี้ ในขณะที่คุณทิพย์หน้าซีดอย่างเห็นได้ชัดเพราะรู้ดีเต็มอกว่าในขนมจีบมีกุ้งสับผสมอยู่ ไม่คิดว่าอรพิมจะแพ้กุ้งมากขนาดนี้
ทรงฉัตรมาส่งมุกดาราที่คอนโดหลังจากที่พาอรพิมกลับมาพักที่บ้านเรียบร้อยแล้ว คุณทิพย์เป็นคนเดียวที่กระวนกระวายกับอาการป่วยอีกครั้งของศรีสะใภ้ แต่เมื่อบุตรชายยืนยันว่าไม่ได้เป็นอะไรมาก นางจึงค่อยโล่งอก
“ฝากให้คุณแม่ด้วยนะคะ กุนเชียงเจ้านี้อร่อยมากแฟนคลับมุกที่อยู่สุรินทร์ส่งมาให้” นางเอกสาวหอบกุนเชียงถุงใหญ่ส่งให้ชายหนุ่มที่ยืนรออยู่หน้าห้อง
“ขอบคุณมากครับ ว่าแต่มุกไม่เอาไว้กินเองเหรอ เขาอุตส่าห์ส่งมาให้” ทรงฉัตรรู้ดีว่าแฟนละครทั่วประเทศชื่นชมมุกดารามากแค่ไหน
“มุกแบ่งไว้แล้วค่ะ ถ้ากินหมดมีหวังน้ำหนักขึ้นแน่ ฉัตรรีบกลับไปดูคุณพิมเถอะค่ะ ฝากบอกว่าขอให้หายเร็วๆ”
ทรงฉัตรยิ้มรับแล้วรีบกลับไปทันที เขาคิดถึงคนป่วยที่ตอนออกมาหลับสนิทเพราะฤทธิ์ยาอยู่บนเตียง ไม่รู้ว่าป่านนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง
เสียงเคาะประตูที่ห้องของมุกดาราดังขึ้นอีกครั้ง นางเอกสาวรีบวิ่งไปเปิดประตูแล้วทักทายเสียงเจื้อยแจ้วตามปกติ
“ลืมอะไรคะฉัตร” ไม่ใช่ทรงฉัตรที่ยืนอยู่หน้าห้องแต่เป็นพฤกษ์ที่ยืนหน้าตาถมึงถึงอยู่แทน เขามีอะไรกับเธอ...
“มีอะไรคะ” มุกดาราทักทายตามปกติ
“ขอผมเข้าไปคุยในห้องหน่อย” ทนายหนุ่มไม่รอคำอนุญาตเดินเข้าห้องนางเอกสาวหน้าตาเฉย
มุกดาราไม่รู้ว่าพฤกษ์มีเรื่องอะไรถึงกับต้องมาหาที่คอนโด ถ้าเป็นเรื่องรถก็คุยกันรู้เรื่องและก็ขอบคุณไปแล้ว หรือถ้ามีอะไรพิเศษน่าจะบอกตั้งแต่อยู่ที่บ้านบริบูรณ์ปัญญาแล้ว
“คุณทรงฉัตรคงมาที่นี่บ่อยน่ะสิ” พฤกษ์เปรยขึ้นมาคนเดียว ไม่มีคำตอบจากนางเอกสาว แต่มุกดาราเริ่มไม่ชอบใจที่พฤกษ์พูดแบบนั้น
“คุณพฤกษ์มีธุระอะไรกับฉันคะ” มุกดาราย้อนถามกลับด้วยน้ำเสียงห่างเหินอย่างเห็นได้ชัด
“ผมมีเรื่องมาเตือนคุณหน่อย” ทนายหนุ่มนั่งลงที่โซฟาหรู แก้วน้ำเย็นที่ยังไม่เก็บไปคงเป็นของทรงฉัตรที่เพิ่งไปเมื่อครู่
“เรื่องอะไรคะ ฉันไปทำอะไรไม่ดีให้คุณต้องเตือน” นางเอกสาวเชิดหน้า
“ผมว่าเรื่องนี้คุณรู้แก่ใจตัวเองดีนะ”
“ฉันไม่ทราบว่าคุณกำลังจะบอกอะไร ถ้ายังไงฉันเป็นคนตรงๆ มีอะไรพูดมาเลยดีกว่า” มุกดาราไม่ชอบฟังคำยอกย้อน
“ก็ดี งั้นผมพูดเลยแล้วกัน” พฤกษ์หันหน้ามาสบสายตานางเอกสาว
“ผมมาเตือน เรื่องที่คุณกำลังจะทำตัวเป็นมือที่สามระหว่างครอบครัวคนอื่น”
“คุณหมายถึงอะไร”
“ผมว่าคุณรู้แก่ใจดี คงไม่ต้องให้พูดตรงๆ เท่าที่ผมรู้มา คุณกับคุณฉัตรเคยเป็นคู่ควงกันมาก่อน จะขั้นไหนก็ไม่อาจทราบได้แต่ตอนนี้ผู้ชายคนนี้แต่งงานมีภรรยาเป็นตัวเป็นตนแล้ว คุณคงไม่ได้อยากเป็นข่าวซุบซิบตามหน้าหนังสือพิมพ์ว่ากำลังเล่นบทนางร้ายนอกจอแย่งสามีชาวบ้านใช่ไหมครับ คุณนางเอกตาใส” ทนายหนุ่มยิ้มเยาะในที
“นาย” ท่าทางยียวนกวนประสาทของพฤกษ์ทำให้มุกดาราแทบทนไม่ไหว คำพูดของเขาเหมือนจะหวังดีแต่ฟังดูมันเป็นคำขู่ที่ดูถูกมากกว่า
“ถ้าไม่รู้อะไรแล้วอย่าพูด อย่ามาเหมาว่าคนอื่นเขาจะเป็นอย่างที่ตัวเองคิดเสมอไป นายไม่ได้รู้ทุกอย่างในโลก” นางเอกสาวกัดฟันข่มความโกรธไว้
“สิ่งที่คุณทำ มันจะตีค่าความเป็นนางเอกของคุณให้ต่ำลงไปมาก ดอกฟ้าที่เย่อหยิ่งกำลังจะกลายเป็นดอกงิ้วที่บานอยู่ในหัวใจคนอื่น”
“ออกไปจากห้องฉันเดียวนี้เลยนะ” มุกดาราโกรธจนตัวสั่น
“ถ้าคิดก็หยุดซะ เพราะไม่งั้นสิ่งที่สร้างภาพมาตลอดว่าเป็นนางเอกแสนดี ผมจะทำให้คนทั้งประเทศได้เห็นโฉมหน้าแท้จริงของคุณแน่” พฤกษ์ไม่ได้ขู่แต่ทำจริง ถ้ามุกดารากล้าทำให้ครอบครัวอรพิมกับทรงฉัตรมีปัญหามากกว่านี้
“ออกไปนะ ออกไป” มุกดาราคว้าของที่มีอยู่ข้างตัวเขวี้ยงใส่พฤกษ์ไม่ยั้ง หมอนใบเล็กสองสามใบลอยข้ามศีรษะทนายหนุ่มไปอย่างเฉียดฉิว
“อุ๊บ” คราวนี้มุกดาราแม่นมาก หมอนใบใหญ่ลอยมาที่ท้องของพฤกษ์เต็มแรง
“ออกไปเลยไอ้คนปากเสีย ไอ้คนไม่มีสมอง” นางเอกสาวออกปากไล่พร้อมทั้งดึงร่างสูงให้ลุกขึ้นจากโซฟา เป้าหมายคือประตูห้อง
“นายจะคิดอะไรก็ช่าง แต่ฉันบริสุทธิ์ใจกับฉัตรและทุกคน ออกไปเดี๋ยวนี้ไอ้คนใจแคบ”
“อย่ามาทำเป็นนางเอกตาใสหน่อยเลย ผมไม่ซึ้งกับบทที่คุณเล่นหรอก ทำเป็นคนดีเข้าใจคนอื่น ถามหน่อยคนดีเขาไปบ้านผู้ชายที่มีเมียแล้วเหรอ คนดีเขาจะคุยกับสามีชาวบ้านเหรอ”
“ไอ้บ้า ฉันไม่พูดกับนายแล้ว เชิญนายคิดไปคนเดียวเถอะ ออกไปจากห้องแล้วอย่ามาให้เห็นหน้าอีก” ดาราสาวแทบจะขย้ำคอเขาให้ตายคามือ
“ผมไปแน่และขอเตือนก่อน ถ้าไม่หยุดยุ่งกับสองคนนี้คุณเอง
นั่นแหละจะเสียใจ” พฤกษ์ขู่สำทับ
“ทำไมฉันต้องกลัวนายด้วย ฉันกับฉัตรรู้จักกันมาก่อนคนอื่นต่างหากที่มาทีหลัง” มุกดาราย้อนให้บ้าง อยากคิดดีนักว่าเธอจะแย่งหรือทำลายครอบครัวคนอื่น ประเดี๋ยวเถอะ แม่จะยั่วให้ปวดประสาทไปเลย
“นี่ไง ที่แท้ก็คิดแบบนี้” พฤกษ์ตาวาว ในที่สุดชายหนุ่มก็กระชากหน้ากากนางเอกใจดำได้
“แล้วจะทำไม ฉันจะทำอะไรมันก็เรื่องของฉัน นายเองก็เหมือนกันที่มาหาฉันเพราะหวังดีกับฉัตรหรืออะไรกันแน่” มุกดาราเล่นงานเขากลับไปบ้าง
“คุณพูดบ้าอะไร” ทนายหนุ่มเลือดขึ้นหน้าเหมือนกัน
“พูดอะไร ก็พูดแทงใจไง ถ้าบอกว่าฉันเป็นมือที่สามแล้วนายล่ะทำตัวดีมากใช่ไหม คุณพิมแต่งงานไปเป็นสะใภ้บ้านนั้นนายยังไม่เลิกตามดูแล ไม่ทราบว่าจะดูแลกันไปถึงไหนหรือว่าจะดูแลตลอดชีวิต”
คราวนี้เป็นพฤกษ์ที่โมโหแทน คำพูดของนางเอกสาวเข้าทำนองสองแง่สองง่ามให้เข้าใจไปในทางที่เสียหาย เขากับอรพิมมีความสัมพันธ์แบบไหนไม่จำเป็นต้องให้ใครรู้ ที่แน่นอนที่สุดคือความสัมพันธ์นี้มาจากหัวใจจริงๆ
“ถ้านายว่าฉันสร้างภาพ นายก็ทำเนียนมากจนคนอื่นดูไม่ออก เอางานมาอ้างที่แท้ก็คิดจะตีท้ายครัวคนอื่น ตกลงนายเป็นลูกผู้ชายหรือเปล่าหรือว่าเป็นพวกชอบแย่งของชาวบ้าน”
“ผมทำเพราะคุณพิมเป็นเจ้านาย และคุณดลยาสั่งไว้ คุณไม่รู้อะไรแล้วอย่าพูดมั่ว” พฤกษ์สวนกลับทันที
“ฉันไม่ได้ตาบอดที่มองไม่เห็นว่านายทำเกินหน้าที่ หรือถ้าจะให้ฉันพูดก็คือนายไม่มีปัญญาจะรั้งคุณพิมไว้เป็นของตัวเองจึงต้องมาทำเป็นลักกินขโมยกินคนอื่นแบบนี้”
คำพูดโต้ตอบที่แสนเจ็บแสบของมุกดาราทำให้พฤกษ์ขาดสติ เขาคว้าตัวนางเอกสาวเข้ามาแล้วระดมจูบอย่างบ้าคลั่งเพื่อให้เธอหยุดพูด
ดาราสาวคนสวยตกใจที่ถูกล่วงเกินแบบนี้ เธอทั้งทุบทั้งข่วนไปที่ทนายหนุ่มแต่ไม่สะเทือนสักนิดแถมยังเผลอเปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้ล่วงล้ำเข้าไปชิมความหวานจากริมฝีปากสวยอีกด้วย
พฤกษ์จัดการกับปากอิ่มที่พูดไม่หยุดให้เงียบสนิทด้วยวิธีการของตน อยากจะบ้าตายเมื่อนางเอกสาวสวมบทสาวน้อยไม่ประสาจูบตอบแบบเงอะๆ งะๆ ยิ่งทำให้ทนายหนุ่มอยากจะแกล้งให้เธอแสดงความช่ำชองที่แท้จริงออกมา
บ้าหรือไง เล่นเลิฟซีนมาก็มากแค่จูบยังทำให้เขาพอใจไม่ได้ หรือว่ามันไม่เร้าใจเท่ากับพระเอกคนอื่น ทนายหนุ่มรุกไล่อย่างเอาเป็นเอาตายสองมือปลุกเร้าไปที่เรือนร่างสวย
แต่มุกดาราก็ยังกล้าๆ กลัวๆ ไม่รู้ว่าต้องตอบสนองอย่างไร บทเลิฟซีนที่เคยเล่นมีแต่มุมกล้องไม่ก็แสตนด์อินที่จ้างมา เธอไม่เคยต้องเปลืองตัวแสดงเองสักครั้ง อีกทั้งคนดูก็มุ่งไปที่ฉากที่มีเธอแสดงอารมณ์ของตัวละครมากกว่าฉากเข้าพระเข้านาง พฤกษ์คือจูบแรกที่ปล้นเธอไปอย่างไม่เต็มใจ
นางเอกสาวยอมร่วมมือเมื่อพฤกษ์ลดความรุนแรงลง เขาใช้วิธีโน้มน้าวใจลูกความให้ยอมอ่อนตามไปในทิศทางเดียวกัน มุกดาราเคลิ้มกับจูบที่แสนอ่อนหวานแต่ก็ต้องสะดุ้งเมื่อมีมือหนามากอบกุมที่ทรวงสวยอย่างจาบจ้วง
“ไอ้คนเลว” มุกดาราผละออกพร้อมกับประเคนฝ่ามือใส่ให้อย่างไม่ยั้ง
“แต่คุณก็เคลิ้มไม่ใช่เหรอ” พฤกษ์เอาใจนางเอกไม่ถูก เมื่อกี้ยังยอมตามแต่ตอนนี้กลับทำหยิ่งใส่
“ออกไปเลยนะ” นางเอกสาวไม่ฟังอะไรอีกแล้ว เธอหน้าแดงก่ำร้อนผ่าวไปทั่วทั้งตัว ไม่อยากเห็นหน้าคนที่ล่วงเกินตอนนี้
“ผมไปแน่” พฤกษ์เค้นไรฟันตอบ แล้วกระชากมุกดาราเข้ามาจูบอีกครั้ง
คราวนี้ชายหนุ่มใช้ความอ่อนหวานเป็นใบเบิกทางหวังให้เธอตอบกลับด้วยความรู้สึกเดียวกัน แต่เปล่าเลยคราวนี้ไม่เพียงไม่ตอบรับมุกดารายังจงใจเหยียบเท้าเขาและฝังรอยเขี้ยวไปที่บ่าหนาอีกด้วย
“โอ๊ย” พฤกษ์สะบัดอย่างแรงหนีรอยเขี้ยวและฝ่าเท้าที่จงในเหยียบซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“ถ้าไม่ไปคราวนี้ฉันจะแจ้งตำรวจแน่” มุกดาราคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาขู่
พฤกษ์มองใบหน้าหวานที่แดงก่ำเป็นลูกตำลึงด้วยความโมโห ฝากไว้ก่อนเถอะถ้ามีโอกาสเขาเอาคืนแน่ เสียงประตูปิดพร้อมกับร่างสาวที่ทรุดลงไปที่พื้นห้อง ไอ้พฤกษ์บ้า ไอ้คนไม่มีสมองคอยดูนะ ต่อไปถ้าเจออีกเมื่อไรเธอจะปั่นหัวให้โกรธจนตายเลย
มีอีบุ๊คแล้วค่า
|
|
|
ความคิดเห็น