คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 2
เมธาวีวางโทรศัพท์ลงด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก
จนคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ถึงกับต้องเอ่ยปากถาม
ก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่นั่งรอมาหลายชั่วโมงแล้วไปคุยกันต่อในรถ
“เกิดอะไรขึ้นครับคุณวี” โชค
ทนายความหนุ่มอายุไล่เลี่ยกับเมธาวีเอ่ยถาม
เขาเป็นรุ่นพี่ของเมธาวีหลายปี
และได้รับมอบหมายจากนางปรานีให้ช่วยมาดูแลจัดการปัญหาบางอย่างของหญิงสาว
ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือเรื่องการหย่าวันนี้
“คุณย่าโทร.มาบอกว่าเขาเปลี่ยนใจไม่หย่า”
เมธาวีถอนหายใจเบาๆ ด้วยความกลัดกลุ้ม
“ก็ดีแล้วนี่ครับ
คุณพรตอาจจะเปลี่ยนใจอยากทำอะไรให้ถูกต้องก็ได้” โชครู้เช่นนั้นแล้วก็เบาใจไม่น้อย
เขาเองก็ไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจของเมธาวี
แต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อเป็นความต้องการของเจ้าตัว อีกทั้งเจ้านายของโชค ‘คุณท่านปรานี’
ก็รับฟังเหตุผลและยินยอมในการตัดสินใจนี้อย่างไม่มีข้อโต้แย้ง
หน้าที่ของโชคในวันนี้คือการมาทำหน้าที่พยานการหย่าให้เสร็จสมบูรณ์
และส่งเมธาวีกลับบ้านที่อยุธยาให้เรียบร้อย
จากนั้นกลับไปรายงานผลทุกอย่างให้คุณท่านทราบ ก่อนจะรอรับคำสั่งอื่นต่อไป
“ครับ คุณท่าน”
เสียงโทรศัพท์ของโชคดังขึ้น
ทนายหนุ่มกดรับสายด้วยน้ำเสียงนอบน้อมเมื่อรู้ว่าปลายสายเป็นใคร
“ได้ครับ ครับ”
แล้วโชคก็วางสายลงก่อนจะหันมาบอกเมธาวีว่า
“คุณท่านให้พาคุณวีกลับไปบ้านเพื่อคุยกับคุณพรต”
“ไม่ วีจะกลับอยุธยา”
ใบหน้าหวานเชิดขึ้นเล็กน้อย สายตามองออกไปนอกรถคล้ายกับบอกให้รู้ว่ากำลังต่อต้าน
“ไปคุยให้เรียบร้อยเถอะคุณวี ไหนๆ
ก็มาถึงขั้นนี้แล้ว” โชคค่อยๆ ตะล่อม
“จริงๆ ไม่มีอะไรต้องคุยด้วยซ้ำ แค่เซ็นใบหย่าทุกอย่างก็จบ”
หญิงสาวเม้มปากเล็กน้อยอย่างขัดใจ
“เรื่องเซ็นชื่อน่ะง่าย
แต่ไอ้เหตุผลที่จะเซ็นชื่อน่ะ มันต้องคุยกันให้เข้าใจ
ผมไม่รู้ว่าอะไรทำให้คุณพรตเปลี่ยนใจไม่ยอมหย่า
แต่ถ้าคุณวีไม่ไปคุยให้จบคุณพรตก็คงไม่หย่าให้แน่ๆ”
“ความจริงเขาน่าจะดีใจที่วีจะหย่าให้”
เมธาวีคิดเช่นนั้นจริงๆ
ตลอดเวลาหนึ่งปีของการแต่งงาน
พรตไม่เพียงไม่เคยทำหน้าที่สามีตามกฎหมายหรือพฤตินัยสักครั้ง
แม้แต่ความเป็นเพื่อนร่วมโลกเขาก็ไม่เคยมีให้
เมธาวีไม่ได้รู้สึกต้องการสิ่งใดหรือเรียกร้องสิทธิ์ของการเป็นภรรยา
นอกจากฐานะคนร่วมบ้านที่เห็นหน้ากันเท่านั้น
นอกจากพรตจะไม่มีให้แล้ว
เขายังทำให้เธอรู้สึกว่าตัวเองคือสาเหตุให้ย่าหลานต้องห่างเหินกัน
แล้วยังจะพี่กับน้องที่ต้องแยกกันอยู่คนละทางเพราะมีเมธาวีอยู่ในบ้าน
การพบหน้ากันแต่ละครั้งหญิงสาวรับรู้ได้เลยว่า พรตไม่เต็มใจและไม่ต้องการที่จะพบตนแม้แต่นิดเดียว
เธอน่ารังเกียจนักหรือไง
ถ้าจะรังเกียจเพราะเอาตัวมายัดเยียดบีบบังคับให้เขาต้องแต่งงานด้วย
เรื่องนี้เมธาวีเข้าใจและไม่เคยเรียกร้องสิ่งใดในฐานะเมียที่ถือทะเบียนสมรส
แต่สิ่งที่ทำให้รู้สึกแย่ก็คือท่าทีหมางเมินราวกับไม่มีตัวตนในสายตา
นั่นต่างหากที่ทำให้รู้สึกแย่
และยิ่งแย่มากขึ้นเมื่อเห็นกริยาอาการการแสดงออกของพรตยามมีตนอยู่ด้วย
เขามองข้ามหัว ไม่คิดถึงความรู้สึก
ไม่เคยคิดว่ามีใครอีกคนอยู่ในสถานที่นั้น สำหรับพรตแล้วเมธาวีคืออากาศธาตุ
ที่ไร้ตัวตน ไร้เสียง ไร้กลิ่น หรือแม้แต่ไร้หัวใจที่จะรู้สึก
ดังนั้นการตัดสินใจหย่าเป็นเรื่องที่เมธาวีอยากทำมากที่สุด
หลังจากที่แต่งงานกับพรตได้ไม่นาน
ปัญหาบางอย่างที่คาราคาซังและเป็นภัยคุกคามเธอได้จบลง
เมธาวีเรียนรู้ว่าการยืนด้วยลำแข็งอย่างแข็งแกร่ง
และค้นพบว่าโลกนี้มีที่ให้ยืนสำหรับคนที่มีความกล้าที่จะเผชิญปัญหาในโลกกว้างนี้
เธอเรียนรู้ว่าชีวิตมีเรื่องมากมายที่รออยู่
มีสิ่งต่างๆ ที่เราสามารถจัดการเองได้โดยไม่ต้องพึ่งพาใคร มีที่เที่ยว อาหารดีๆ
สถานที่ที่ชอบที่ไม่ต้องรอให้ใครพาไป และที่สำคัญเมธาวีเรียนรู้ว่า
การพึ่งพาตนเองให้ได้คือจุดเริ่มต้นของการคุ้มครองตัวเองได้ได้ที่สุด
และนี่คือเหตุผลสำคัญของการหย่าครั้งนี้
“กลับบ้านนะคุณวี
ถ้าตกลงกันเรียบร้อยแล้วคุณวีอยากไปทำธุระที่อยุธยา เดี๋ยวผมขับรถไปเป็นเพื่อน”
โชคสรุปเองทันทีแล้วเร่งความเร็วให้เร็วขึ้นเพื่อจะได้พาเมธาวีกลับบ้านให้เร็วที่สุด
หวังว่าเมื่อกลับไปถึงแล้วทุกอย่างจะเปลี่ยนแปลงอีกนะ
“ตามใจ ยังไงวีก็หนีไม่พ้นใช่ไหม
ถ้าไม่ได้ลายเซ็นเขา”
เมธาวีประชดเล็กน้อยแล้วนั่งนิ่งปล่อยให้สารถีพาตนเองกลับไปจัดการเรื่องสำคัญให้เสร็จสิ้นโดยเร็วที่สุด
พรตมองรถที่เลี้ยวเข้ามาจอดหน้าตึกอย่างไม่วางตา คนขับลงมาก่อนแล้วรีบวิ่งไปเปิดประตูให้คนที่นั่งมาด้วย
ช่างดูเอาใจใส่กันเสียเหลือเกิน และขวางหูขวางตาเขานักจนนึกหมั่นไส้
แทนที่พรตจะนั่งอยู่ในห้องโถงตามคำสั่งของนางปรานี
ที่บอกให้รอพบเมธาวีที่กำลังเดินทางมาจากอำเภอ
พ่อเจ้าประคุณเดินกลับขึ้นห้องไปหน้าตาเฉยทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ไม่สนอีกสองคนที่กำลังเร่งฝีเท้าเดินเข้ามาแม้แต่น้อย
“อ้าว คุณพรตไปไหนแล้ว”
โชคเข้ามาไม่เห็นใครก็รู้สึกแปลกใจ
ท่านบอกไว้ว่าพรตจะรอคุยกับเมธาวีอยู่ที่ห้องโถง เขาจึงรีบขับรถพาเธอมาที่นี่
“สงสัยไม่อยู่แล้วมั้ง”
เมธาวีกวาดสายตามองหาอีกครั้ง เมื่อแน่ใจว่าไม่มีเขาในห้องโถงแน่แล้ว
หญิงสาวจึงถอนหายใจออกมาดังๆ
“เป็นอะไรไปคุณวี” โชคหันมาถาม
แต่เมื่อเห็นสีหน้าของหญิงสาวก็พอเข้าใจได้ว่ารู้สึกเช่นไร
“เดี๋ยวผมไปถามคนอื่นให้ดีกว่าว่าคุณพรตอยู่ไหน”
ชายหนุ่มอาสาเพราะอยากให้ธุระของเมธาวีเสร็จสิ้นตามที่เจ้าตัวต้องการ
“ไม่ต้องหรอกโชค
เขาคงไปไหนตามใจตัวเองแล้ว คนอย่างเขาไม่เคยสนใจคนอื่นอยู่แล้วนี่”
เมธาวีเสียความรู้สึกเล็กน้อยแต่ก็พอทำใจได้
แต่ไหนแต่ไรมาคนอย่างพรตไม่เคยสนใจคนอื่น
เขานึกจะทำอะไรก็ทำ ไม่เคยคิดว่าอีกคนจะรู้สึกเช่นไรหรือคิดอะไร การที่กลับมาไม่เจอพรตที่บ้านไม่ใช่เรื่องแปลก
ถ้าเจอซิ ฝนคงตกฟ้าคงร้องไปสามวันแปดวันแน่
“แล้วคุณวีจะเอาไงต่อ”
โชคถามเพื่อจะได้รู้ว่าตนเองต้องทำอะไรต่อ
งานที่ได้รับมอบหมายจากนางปรานีเรื่องเมธาวีไม่ได้จบลงแค่การหย่าเท่านั้น
แต่เขายังต้องไปจัดการเรื่องอื่นของหญิงสาวอีกหลายอย่าง
ดังนั้นโชคจึงต้องถามเพื่อวางแผนจัดการตัวเองให้คล้อยตามไปกับเมธาวี
“กลับอยุธยาแล้วกัน
เดี๋ยวเมขึ้นไปเอาของที่เหลือบนห้องนอนก่อน เอกสารหย่าเมจะวางไว้ในห้องนอน
ฝากโชคบอกคุณย่าด้วยหรือถ้าเจอคุณพรตก็บอกให้ด้วยแล้วกัน
วีจะรอรับเอกสารกลับอยู่ที่อยุธยา” เมธาวีตัดสินใจแน่วแน่แล้ว
ยังไงก็ต้องหย่า
จะหย่าวันนี้พรุ่งนี้ก็เอาตามที่พรตสะดวกแล้วกัน
สำหรับเธอนั้นการหย่าจบสิ้นตั้งแต่เซ็นชื่อในเอกสารและเขียนคำแนบท้ายหลังการหย่าไว้เรียบร้อบแล้ว
“งั้นผมไปบอกแม่ก่อนว่าวันนี้อาจจะกลับดึก
แล้วจะฝากแม่บอกคุณท่านหรือคุณพรตเรื่องเอกสารคุณวีด้วย”
โชคเดินหายเข้าไปด้านในเพื่อแจ้งสิ่งที่ตั้งใจกับมารดา
ส่วนเมธาวีขึ้นไปข้างบนเพื่อเอาเอกสารไปเก็บ
และเก็บข้าวของบางส่วนที่ตั้งใจว่าจะมาเก็บตามไปทีหลังเอาไปวันนี้ให้เสร็จสิ้น
ความคิดเห็น