ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คำสั่งรักมาเฟียร้าย

    ลำดับตอนที่ #24 : ตอนที่ 10

    • อัปเดตล่าสุด 12 ส.ค. 66


    ตลอดการเดินทางมานั้นครองขวัญเอาแต่นั่งเงียบไม่พูดไม่จาใดๆ มีเพียงบางครั้งที่อัลเฟรโด้ชวนคุยหรือถามไถ่โน่นนี่ ซึ่งหญิงสาวก็ตอบเพียงสั้นๆ และเข้าสู่ความเงียบเหมือนเดิม

             “ที่นี่แหล่ะ” รถคันหรูจอดนิ่งสงบอยู่ใกล้หมู่บ้านชาวประมง สถานที่ที่โซเฟียบอกครองขวัญว่าอยู่ที่นี่

             "เธอลงไปก่อน ไปหาโซเฟียก่อนแล้วฉันจะค่อยๆ ตามไป อย่าเพิ่งให้รู้ว่าฉันมาด้วยเผื่อมีอะไรจะได้แก้ไขทัน" ท่านประธานหนุ่มป้องกันไว้ก่อน และเปิดคอนโซลหน้ารถหยิบอาวุธติดลงไปด้วย

             "เอาไปทำไมคะ" ครองขวัญถามด้วยความตกใจ เมื่อเห็นชายหนุ่มหยิบปืนหน้ารถออกมา

             "ป้องกันไว้ก่อน เราไม่รู้ว่าโซเฟียติดต่อด้วยตัวเองหรือว่ามีใครอยู่เบื้องหลัง เธอเองก็ต้องระวังเหมือนกัน เข้าใจไหม ครองขวัญ"

             อัลเฟรโด้หวังว่าจะไม่มีเหตุการณ์ร้ายแรงเกิดขึ้น การเดินทางมาเพียงสองคนโดยไม่มีผู้ติดตามด้วยถือว่ามีความเสี่ยงพอควร แต่เขาก็เลือกที่จะทำเช่นนี้เพราะไม่ต้องการให้ใครรู้ว่าพบตัวโซเฟียแล้ว เพื่อป้องกันปัญหาอื่นที่จะตามมา

             "เข้าใจค่ะ" หญิงสาวรับคำเบาๆ และเตรียมตัวลงไปเป็นคนแรก ทว่านึกอะไรขึ้นมาได้จึงรีบหันมาพูดกับอัลเฟรโด้เสียก่อนว่า

             "ฉันมีเรื่องอยากจะขอร้องคุณได้ไหม"

             "เรื่องอะไร" อัลเฟรโด้ย้อนถามด้วยความแปลกใจ

             "ถ้าคุณเจอโซเฟีย คุณอย่าทำร้ายหรือต่อว่าเธอได้ไหมคะ"

             ท่านประธานหนุ่มมองหน้าสาวน้อยด้วยความสงสัย ทำไมครองขวัญถึงต้องขอร้องเช่นนี้ เขาไม่มีความคิดที่จะทำร้ายหรือต่อว่าโซเฟียเลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามอยากจะเจอตัวเธอเพื่อถามไถ่ว่าเกิดอะไรขึ้น ถึงได้หนีการแต่งงานและมีสาเหตุใดที่ต้องทำเช่นนั้น พร้อมทั้งจะถามให้แน่ใจอีกด้วยว่า เจ้าหล่อนไม่ได้ต้องการเข้าพิธีวิวาห์กับตนใช่หรือไม่ ถ้าใช่อัลเฟรโด้ก็ยินดีที่จะคืนอิสรภาพให้อย่างไม่มีเงื่อนไข

             "ฉันไม่มีวันทำร้ายหรือต่อว่าโซเฟียเด็ดขาด" ท่านประธานหนุ่มเอ่ยชัด

             "ขอบคุณค่ะ และฉันขอให้คุณรับโซเฟียกลับไปพร้อมกับเราวันนี้เลยได้ไหมคะ" ครองขวัญรู้สึกสบายใจไม่น้อยที่อัลเฟรโด้รับปากว่าจะไม่ทำร้ายหรือต่อว่าเพื่อนรัก ซึ่งมันกลายเป็นคำตอกย้ำในหัวใจให้เธอรู้ว่า เขารักและทะนุถนอมโซเฟียเพียงไร

             ยิ่งอัลเฟรโด้รับปากและแสดงท่าทีร้อนร้นที่ต้องการจะพบโซเฟียให้เร็วที่สุดด้วยแล้ว ครองขวัญก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะกลายเป็นอากาศธาตุ ไม่มีที่ยืนแม้แต่เศษเสี้ยวเดียวในที่แห่งนี้

             เธอควรกลับบ้านเกิดทันทีที่คุณหนูคนสวยคืนสู่อ้อมอกสามีที่แท้จริง และควรห้ามใจต่อความรู้สึกที่กำลังกลายเป็นพิษร้ายทำลายหัวใจเพราะความเห็นผิด ด้วยการรู้สึกเกินกว่าคำว่าเพื่อนกับผู้ชายของโซเฟีย

             ทั้งสองลงจากรถและเดินเลาะริมหาดเข้าสู่หมู่บ้านประมง ความงดงามที่อยู่รอบตัวไม่สามารถดึงดูดความสนใจที่ครองขวัญมีต่อโซเฟียเลยแม้แต่น้อย เพียงแค่เห็นหน้าเพื่อนสาวที่กำลังโบกมือให้รู้ว่าอยู่ตรงไหน เธอก็รีบวิ่งไปหาแล้วโผเข้ากอดในทันที

             "โซเฟีย สบายดีใช่ไหม" ครองขวัญถามเสียงเครือมองหน้าโซเฟียให้เต็มสองตา

             "สบายดี ขวัญเป็นไงบ้าง ขอโทษสำหรับทุกอย่างที่ทำให้ต้องมาเดือดร้อนด้วย" โซเฟียเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือไม่ต่างจากเพื่อนรักสักเท่าไร ครองขวัญกำลังจะทำให้ฝันของเธอเป็นจริง อิสรภาพที่อยู่เพียงแค่เอื้อมกำลังจะเป็นจริงแล้ว

             "เข้ามาข้างในก่อน ฉันมีใครคนหนึ่งอยากให้เธอรู้จัก" โซเฟียรีบดึงตัวเพื่อนสาวเข้าไปข้างในบ้าน

     

             สุภาพบุรุษร่างสูงใบหน้าคมเข้มลุกขึ้นพรวดพราด พร้อมกับยกปืนจ่อมาทางครองขวัญด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดระแวง โซเฟียรีบบอกให้อีกฝ่ายวางอาวุธและจูงมือครองขวัญเดินเข้ามาใกล้ๆ พร้อมทั้งแนะนำให้ทั้งคู่รู้จักกันอย่างเป็นทางการครั้งแรก

             "เขาคืออัลเบิร์ต ส่วนนี่ครองขวัญที่ฉันเล่าให้คุณฟังไงคะ ที่รัก"

             ที่รัก ครองขวัญตกตะลึงกับคำพูดคำนี้ของโซเฟียไม่น้อย ที่รักงั้นหรือ คำนี้โซเฟียควรใช้เรียกคุณผู้ชายมาเฟียที่ทำทุกวิถีทางเพื่อตามหาตัวเธอไม่ใช่หรือ ส่วนเขา ครองขวัญพิจารณารูปร่างหน้าตาที่รักของเพื่อนรักอย่างละเอียดถี่ถ้วน

             เขาสูงกว่าอัลเฟรโด้เล็กน้อยแต่ท่าทางดูไม่ภูมิฐานเท่าท่านประธานหนุ่ม สีหน้าอิดโรยและดวงตามีความกังวลอย่างเห็นได้ชัด มันเกิดอะไรขึ้นระหว่างผู้ชายคนนี้กับโซเฟียและอัลเฟรโด้กันแน่

             "สวัสดีครับ คุณครองขวัญ ขอโทษด้วยที่ทำให้ตกใจ" อัลเบิรต์ทักทายด้วยรอยยิ้มและท่าทีที่สุภาพขึ้น

             "สวัสดีค่ะ คุณอัลเบิรต์ ยินดีที่ได้รู้จักคุณนะคะ" ครองขวัญทักทายกลับ

             ถึงแม้อัลเบิรต์จะมีท่าทีอิดโรยบนใบหน้า แต่เมื่อครู่ที่เขายิ้มมันทำหญิงสาวมองเห็นความสุภาพอ่อนโยนในตัวชายหนุ่มได้เป็นอย่างดี

             "ทำไมคุณอัลเบิรต์ถึงมาอยู่ที่นี่ได้คะ" ครองขวัญเอ่ยถามด้วยความสงสัย

             "เราสองคนหนีมาด้วยกันตั้งแต่วันแต่งงานแล้ว แต่ว่าท่าเรือถูกปิดและเราถูกตามล่าจึงยังไม่สามารถข้ามฝั่งไปได้" โซเฟียเอ่ย

             "ตามล่า ใครตามล่า" แว่ปหนึ่งครองขวัญคิดไปถึงท่านประธานหนุ่ม เป็นคำสั่งเขาหรือเปล่า ถ้างั้นการที่เธอใจอ่อนยอมพาอัลเฟรโด้มาด้วยคงไม่ใช่การเสียรู้หรอกนะ

             "ไม่รู้ เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพวกนั้นต้องการอะไร" อัลเบิรต์ส่ายหน้า

             "แล้วมีใครเป็นอะไรหรือเปล่าคะ โซเฟียปลอดภัยดีใช่ไหม" หญิงสาวหันมาหาเพื่อน

             "เราเอาตัวรอดได้จ้ะ และพยายามจะหาทางไปจากที่นี่ ขวัญเอาตั๋วเครื่องบินมาด้วยหรือเปล่า" โซเฟียเอ่ยถาม

             "เอามา"

             ครองขวัญรีบเปิดถุงผ้าใบเล็กซึ่งด้านในมีเอกสารการเดินทางของทั้งคู่ แต่ยังไม่ทันจะส่งให้ประตูบ้านก็เปิดออก พร้อมกับใครบางคนที่ก้าวเข้ามาด้วยสีหน้าเรียบเฉยไร้ความรู้สึก และเป็นเหตุให้อัลเบิรต์ต้องใช้วิธีที่ไม่เหมาะสมกับครองขวัญ

             "ปล่อยครองขวัญเดี๋ยวนี้" ท่านประธานหนุ่มตวาดลั่น

             โซเฟียมองหน้าอัลเฟรโด้ด้วยความตกใจ ในขณะที่ครองขวัญตกใจกับท่าทีดุดันของอัลเฟรโด้ในเวลานี้ รวมถึงการตกเป็นตัวประกันอย่างไม่ได้ตั้งใจโดยมีปืนของอัลเบิรต์จ่อที่ศีรษะในเวลานี้

     

             หนึ่งนาทีที่สุภาพบุรุษทั้งสองประจัญหน้ากันโดยต่างฝ่ายต่างไม่มีใครยอมใครนั้น ช่างเป็นช่วงเวลาที่แสนยาวนานสำหรับทั้งโซเฟียและครองขวัญ ที่ต่างก็ลุ้นจนตัวโก่งว่าจะไม่มีใครทำร้ายใครคนใดคนหนึ่งให้บาดเจ็บก่อน

             "คุณอัลเฟรโด้ อย่า" โซเฟียถลาเข้าหาอัลเฟรโด้ พยายามจะห้ามไม่ให้เขาทำร้ายอัลเบิรต์

             "ปล่อยครองขวัญเดี๋ยวนี้" อัลเฟรโด้ตวาดลั่นอีกครั้ง

             "คุณอัลเฟรโด้ อย่ายิงนะคะ คุณอัลเบิรต์ปล่อยฉันค่ะ เรามาดี" ครองขวัญเอ่ย

             "ฉันขอโทษนะโซเฟีย ฉันเป็นคนบอกให้คุณอัลเฟรโด้รู้เองว่าเราติดต่อกัน และที่ฉันพาเขามาด้วยก็เพื่ออยากให้เธอได้เจอกัน ฉันไม่รู้ว่ามันจะเป็นแบบนี้" สาวน้อยชาวไทยเอ่ยด้วยความรู้สึกผิด

             ท่าทางอัลเฟรโด้ดูจริงจังมาก หรือว่าเขาจะโกรธที่เห็นชายอื่นอยู่กับโซเฟียเพียงลำพังเช่นนี้ มันก็น่าจะโกรธอยู่หรอกก็ในเมื่ออัลเฟรโด้รักโซเฟียมากขนาดนี้

             "วางปืนลงก่อนนะคะ คุณอัลเฟรโด้ มีอะไรค่อยๆ พูดกัน คุณอัลเบิรต์ไม่ทำร้ายฉันอยู่แล้ว ใช่ไหมคะ คุณอัลเบิร์ต" ครองขวัญแหงนใบหน้ามาหาอัลเบิร์ต ในที่สุดชายหนุ่มก็ยอมลดปืนลงและปล่อยตัวสาวน้อยเป็นอิสระ

             "ใครส่งนายมา" อัลเฟรโด้เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงจริงจังและยังคงไม่ลดปืนลง

             "ฉันถามว่าใครส่งนายมา นายเป็นพวกใครและทำไมถึงต้องจับตัวโซเฟียมาด้วย นายต้องการอะไร" ท่านประธานหนุ่มถามย้ำอีกครา

             "เขาไม่ได้จับตัวฉันมาค่ะ ฉันเป็นคนบอกให้เขาพาฉันหนีงานแต่งงานมาเอง" โซเฟียเอ่ยขึ้นมาเสียเอง

             "ว่าไงนะ" อัลเฟรโด้หันมามองหน้าโซเฟียด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม คุณหนูเบลลูชชี่พยักหน้ายอมรับว่าสิ่งที่พูดเป็นเรื่องจริง พร้อมทั้งแนะนำชายปริศนาว่าเขาคือ

             "อัลเบิรต์ มอนโตริโว่ ลูกชายคนเล็กสุดของตระกูลมอนโตริโว่ คนรักของฉันเองค่ะ"

             คุณพระช่วย ครองขวัญก็เป็นอีกคนที่ตกใจไม่แพ้กัน สาวน้อยรีบหันไปมองอัลเฟรโด้ที่ยืนนิ่งอยู่ที่เดิมเมื่อได้ยินต้นสายปลายเหตุของเรื่องทั้งหมด สีหน้าเรียบเฉยเดาไม่ถูกว่ารู้สึกเช่นไร แต่ที่แน่ๆ เขาคงต้องเสียใจมากที่รู้ว่าเจ้าสาวหนีไปกับคนรัก ซึ่งอาจไม่เคยรู้มาก่อนว่าโซเฟียมีคนอื่นในหัวใจที่ไม่ใช่อัลเฟรโด้

             "ฉันขอโทษค่ะ แต่ว่าฉันกับอัลเบิรต์ เรารักกันมากและเราไม่ต้องการอยู่ในวังวนบ้าๆ นี้อีกต่อไปแล้ว ได้โปรดปล่อยเราไปเถอะนะคะ ฉันขอโทษสำหรับเรื่องทุกอย่าง" คุณหนูคนสวยแห่งเบลลูชชี่เอ่ยทั้งน้ำตา พร้อมกับข้อร้องให้อัลเฟรโด้ปล่อยเธอกับอัลเบิรต์เป็นอิสระ

             "นายจะว่าอย่างไรกับเรื่องนี้" ท่านประธานหนุ่มหันมาอัลเบิรต์

             ถึงแม้อัลเฟรโด้จะมึนงงกับเรื่องตาลปัตรที่เกิดขึ้นในตอนนี้ แต่เขาก็ต้องตั้งสติและพร้อมรับมือกับเรื่องที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งคิดหาหนทางที่จะจัดการให้ทุกอย่างมีทางออกที่สวยงามสำหรับทุกคน

             ในห้องไม่มีใครพูดอะไรทั้งสิ้น อัลเบิรต์ดึงตัวโซเฟียเข้ามาสวมกอดด้วยความหวงแหน ภาพที่ทุกคนเห็นก็คือ ลูกชายคนเล็กของบ้านมอนโตริโว่กำลังเช็ดน้ำตาที่หลั่งเพื่อสังเวยความรักของคุณหนูเบลลูชชี่อย่างอ่อนโยน ไม่ต้องพูดแค่นี้ทุกคนก็รู้แล้วว่าทั้งคู่รักกันมากแค่ไหน

     

             ครองขวัญเลือกที่จะออกมาคอยด้านนอก และปล่อยให้เจ้าปัญหาทั้งสามปรึกษาหารือเพื่อหาทางออกสำหรับเรื่องนี้กันเอง เพราะคิดแล้วว่าการตัดสินใจจะออกมาอย่างไรก็แล้วแต่ ไม่มีผลกระทบใดๆ กับตัวเธอแม้แต่น้อย เพราะต่อจากนี้ไปที่นี่ไม่ใช่สถานที่ที่จะใช้ชีวิตต่อไปอีกแล้ว

             ในห้องเหลือเพียงอัลเฟรโด้ อัลเบิรต์และโซเฟียเท่านั้น สองหนุ่มรอให้คุณหนูเบลลูชชี่สงบสติอารมณ์ได้เสียก่อน แล้วจึงค่อยหารือกันว่าจะทำอย่างไรกับเรื่องที่เกิดขึ้น

             "ฉันขอโทษค่ะ" โซเฟียเอ่ยคำขอโทษกับอัลเฟรโด้อีกครั้ง

             "เรื่องมันเป็นมาอย่างไร เล่าให้ผมฟังหน่อย" อัลเฟรโด้อยากรู้ความจริงมากกว่าว่าเกิดอะไรขึ้น

             "เรื่องการแต่งงานของเรา ฉันจำใจต้องรับปากตามคำขอของแม่ แต่ว่าฉันก็ไม่อาจฝืนใจตัวเองได้"

             "ทำไมถึงจำใจต้องรับปากแต่งงานกับผม ก็ในเมื่อคุณกับอัลเบิรต์รักกันไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมไม่บอกคุณป้า" ท่านประธานหนุ่มสงสัย

             "ฉันบอกแม่ไม่ได้เพราะตอนนั้นบ้านเรามีปัญหากับพวกมอนโตริโว่ พวกนั้นต้องการให้เราจ่ายค่าคุ้มครองและพยายามจะล้ำเส้นการทำมาหากิน เรื่องนี้พี่ชายฉันกับแม่หนักใจมากเพราะทุกอย่างคุณพ่อสร้างมากับมือด้วยความยากลำบาก ตอนนี้คุณพ่อไม่อยู่แล้วและเกิดปัญหาแบบนี้อีก ฉันจึงไม่กล้าพูดเรื่องของเรา" คุณหนูคนสวยสะอื้นแล้วเอ่ยต่อว่า

             "แม่ขอร้องให้ฉันแต่งงานเพื่อหวังให้อิทธิพลของรอสเซลลินีคุ้มครองพวกเรา คุณป้ารัตน์ทาบทามฉันกับแม่ และฉันปฏิเสธไม่ได้เพราะรู้ดีว่าการแต่งงานครั้งนี้มีผลต่อครอบครัวมาก แต่ว่าฉัน...ฉันทนไม่ได้ ฉันพยายามแล้วที่จะลืมเขา พยายามบอกตัวเองว่าสิ่งที่ทำเพื่อครอบครัว แต่สุดท้าย..." เสียงสะอื้นร่ำไห้ดังขึ้นอีกจนอัลเบิรต์ต้องเป็นฝ่ายเล่าต่อเสียเอง

             "สุดท้ายเราก็หนี" อัลเบิรต์สบตากับท่านประธานหนุ่มอย่างไม่หวั่นเกรง พร้อมทั้งพูดต่อว่า

             "ผมรู้ว่าโซเฟียไม่ได้รักและที่ต้องแต่งงานกับคุณก็เพื่อแม่ ผมก็ทรมานจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ พยายามตัดใจทำใจเพื่อไม่ให้โซเฟียต้องเป็นคนอกตัญญู แต่สุดท้ายผมก็เป็นคนทำผิดเสียเอง" น้ำตาลูกผู้ชายมอนโตริโว่เอ่อขึ้นเต็มสองเบ้า

             "ผมนัดพบโซเฟียก่อนหน้าวันแต่งงานไม่กี่วัน ถามเธออีกครั้งว่าต้องการแต่งงานกับคุณจริงๆ ใช่ไหม โซเฟียบอกว่ารักผมและผมก็รักเธอเกินกว่าจะเสียเธอไปให้คุณได้ เราสองคนจึงวางแผนที่จะหนีจากงานแต่งงานครั้งนี้ โดยโซเฟียโทรศัพท์ไปขอให้เพื่อนคนไทยที่จะมาเป็นเพื่อนเจ้าสาวช่วยจัดการเรื่องตั๋วเครื่องบินให้ เราวางแผนกันว่าจะข้ามฝั่งไปนาโปลีก่อนงานจะเริ่ม แต่ไม่คิดว่า..."

             "ไม่คิดว่าท่าเรือจะถูกสั่งปิดใช่ไหม" อัลเฟรโด้บอกเสียเอง

             "นั่นก็ส่วนหนึ่ง แต่ที่นอกเหนือจากนั้นก็คือเราถูกตามล่า วันนั้นที่ท่าเรือโซเฟียบอกว่ามีคนของรอสเซลลินีเต็มไปหมด แต่ในขณะเดียวกันก็มีใครอีกไม่รู้ที่ตรงเข้ามาเพื่อจะจัดการกับเราสองคน ผมกับโซเฟียจึงต้องหาที่ซ่อนตัวไม่ให้ใครรู้ จนสองวันต่อมาเราถึงตัดสินใจเสี่ยงติดต่อไปหาคุณครองขวัญ"

             "รู้ไหมว่าเป็นพวกไหนที่ตามพวกคุณ" ท่านประธานหนุ่มมั่นใจว่าไม่ใช่คนของตนแน่ คนของรอสเซลลินีไม่ได้ร่องรอยใดๆ ของโซเฟียเลยด้วยซ้ำ

             "เราไม่รู้จริงๆ แต่ที่แน่ๆ ไม่ใช่คนของมอนโตริโว่ และเรื่องที่เป็นปัญหาของเราสองครอบครัวตอนนี้ เท่าที่รู้พี่ชายผมยังไม่เคยพูดเรื่องนี้เลย" อัลเบิร์ตกล่าว

             "แสดงว่าต้องมีคนอื่นอีกซิ ที่รู้ว่าโซเฟียหนีการแต่งงาน แล้วพวกคุณสองคนคิดจะทำไงต่อไป"

             อัลเฟรโด้พักเรื่องกลุ่มคนปริศนาที่ตามล่าโซเฟียและอัลเบิรต์ไว้ก่อน ตอนนี้ที่ต้องหาทางแก้ไขคือเรื่องความสัมพันธ์ของคนทั้งสามต่างหาก เพราะมันโยงใยไปถึงสามครอบครัว และเรื่องผลประโยชน์ที่กำลังเป็นปัญหาสำคัญตอนนี้

             "ผมรักโซเฟียมาก ถ้าคุณจะกรุณา ได้โปรด ปล่อยเราสองคนไปได้ไหม"

             อัลเฟรโด้ตกใจเล็กน้อยเมื่ออัลเบิรต์คุกเข่าลงตรงหน้า เพื่อขอความเห็นใจจากเขา ส่วนคุณหนูเบลลูชชี่ก็ไม่ต่างคุกเข่าลงด้วยน้ำตาที่นองหน้า ส่งสายตาขอความเห็นใจต่อความรักนี้มาที่ท่านประธานคนเก่ง พร้อมทั้งภาวนาในใจว่า ขอให้ฟ้าเมตตาต่อความรักที่แสนอาภัพของตนด้วยเถิด

     

             ครองขวัญรีบเดินเข้ามาหาอัลเฟรโด้ที่เปิดประตูเดินออกมาจากด้านในด้วยสีหน้าที่ดูจะสบายใจขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ไม่มีใครตามออกมาด้วยยิ่งทำให้สาวน้อยอยากรู้มากขึ้นไปอีกว่าคนที่อยู่ข้างในคุยกันจนได้ข้อสรุปว่าอย่างไร

             "โซเฟียล่ะคะ" ครองขวัญเอ่ยถามเมื่อไม่เห็นเพื่อนรักตามออกมา ซ้ำอัลเฟรโด้ยังเร่งให้เธอขึ้นรถอีกด้วย

             "ขึ้นรถ" ท่านประธานหนุ่มกล่าวคำเดิมเพียงสั้นๆ แล้วไม่พูดอะไรต่อ ครองขวัญจึงต้องรีบขึ้นรถตาม จากนั้นเขาจึงเหยียบคันเร่งพุ่งทะยานออกไป

             "คุณโอเคไหมคะ" หญิงสาวถามเสียงเบา พยายามสังเกตสีหน้าของอีกฝ่ายว่ามีท่าทีโศกเศร้าต่อเรื่องที่ได้พบหรือไม่ประการใด แต่ดูเหมือนว่าอัลเฟรโด้จะไม่แสดงออกซึ่งความเสียใจใดๆ ออกมาให้รู้ ซ้ำยังอารมณ์ดีเปิดเพลงสากลรักหวานซึ้งคลอไปตลอดทางอีกด้วย

             ครองขวัญไม่กล้าถามอะไรมาก เนื่องจากไม่รู้ว่าตอนนี้ชายหนุ่มกำลังคิดอะไรอยู่ เธอทำได้แค่นั่งไปเป็นเพื่อนเขาและพยายามมองดูเป็นระยะว่าอัลเฟรโด้มีท่าทีใดๆ หรือไม่ บางทีความรู้สึกเรื่องของลูกผู้ชายที่เกี่ยวพันถึงคำว่าศักดิ์ศรี มันอาจจะยากที่จะแสดงหรือบอกใครให้รู้ถึงสิ่งที่ตนกำลังคิดหรือรู้สึกออกมาได้

             อัลเฟรโด้ไม่ได้เดินทางกลับไปที่โรงแรมตามที่หญิงสาวคิด เขาขับรถอ้อมขึ้นมาบนเนินเขาและจอดรถไว้บริเวณข้างทางที่ปลอดภัย ท่านประธานหนุ่มเดินลงมาด้วยสำหน้าที่เบ่งบานอย่างที่ครองขวัญไม่เคยเห็นมาก่อน

             "วู้..."

             เขาเป่าปากร้องตะโกนแข่งกับเสียงลมและเสียงคลื่น คล้ายกับระบายความอึดอัดที่เก็บซ่อนอยู่ในหัวใจออกมา สาวน้อยเดินมายืนเคียงข้างอยู่ไม่ห่างปล่อยให้อัลเฟรโด้ทำตามความต้องการของตนโดยไม่ห้าม บางครั้งก็ช่วยส่งเสียงออกไปอีกแรงเพื่อให้บรรยากาศไม่เงียบเหงา

             "รู้สึกดีขึ้นไหมคะ" ครองขวัญถามด้วยรอยยิ้ม เมื่ออัลเฟรโด้หยุดร้องตะโกนและยืนอยู่นิ่งๆ

             "มากเลยล่ะ ไปหาอะไรกินกันดีกว่า ฉันหิวแล้ว" ท่านประธานหนุ่มคว้าข้อมือหญิงสาวไว้

             "คุณอัลเฟรโด้คะ ถ้าคุณมีอะไรไม่สบายใจหรืออยากระบายเล่าให้ฉันฟังได้นะคะ ฉันยินดีรับฟังคุณเสมอ"

             "เธออยากฟังเรื่องอะไรล่ะ ครองขวัญ" อัลเฟรโด้หันมาสบตาสาวน้อย

             ดวงตาคู่คมเพ่งพิศมองไปในดวงตาคู่สวย ครองขวัญรู้สึกประหลาดกับแววตาของชายหนุ่มที่จ้องมองตนในเวลานี้ มันเปิดเผย บ่งบอกความในใจ คล้ายกับกล้าที่จะแสดงความรู้สึกที่ซ่อนอยู่มานานให้คนที่มองเห็นได้รู้ แววตาที่มีความหมายและเต็มไปด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าท่านประธานหนุ่ม กระตุ้นให้หัวใจสาวหวั่นไหวเต้นแรงจนรู้สึกได้ ในที่สุดเจ้าหล่อนก็เลือกที่จะเมินมองมันเสีย เพราะทนต่อกระแสความนัยที่ส่งผ่านออกมาแผดเผาหัวใจตัวเองไม่ได้อีกต่อไป

             "คุณจะไปไหนคะ" หญิงสาวเบี่ยงเบนประเด็นถามไปเรื่องอื่น

             "ไปไหนก็ได้ที่มีเธอไปด้วย หิวหรือยัง นี่ก็บ่ายมากแล้ว ฉันจะพาเธอไปกินพิซซ่าที่อร่อยที่สุดของที่นี่ดีไหม"

             "พิซซ่าเหรอคะ" สีหน้าคนฟังกระตือรือร้นอย่างเห็นได้ชัด ใช่แล้ว อาหารขึ้นชื่อที่เกิดจากที่นี่ พิซซ่าที่อร่อยที่สุดต้องที่นี่เท่านั้น

             "ใช่ ไปกันหรือยัง" เขายื่นมือมาตรงหน้า ครองขวัญลังเลที่จะยื่นมือส่งให้ แต่ในที่สุดเธอก็ส่งมือของตนเองวางทาบทับไป ประหนึ่งจะเป็นสัญญาณบอกว่าพร้อมจะไปทุกที่ที่มีอัลเฟรโด้เช่นกัน

             "ขอต้อนรับสู่ซิซิลีอย่างเป็นทางการ วันนี้ฉันจะพาเธอเที่ยวทะเลที่สวยที่สุดในโลก และกินของอร่อยที่มีชื่อที่สุดในโลกเช่นกัน ตามฉันมา ครองขวัญ"

             อัลเฟรโด้ถอดหัวโขนคำว่าท่านประธานแกรนด์รอสเซลทิ้งไว้ สลัดมาดนายน้อยของตระกูลมาเฟียชื่อดังทิ้งลงทะเลไปอย่างไม่ไยดี นาทีเขาเป็นแค่นายอัลเฟรโด้ที่กำลังจูงมือพาสาวน้อยหน้าหวานเดินเที่ยวหาของกินอร่อย สองมือที่เกาะกุมกันไม่ยอมปล่อยเดินเข้าออก ร้านโน้นร้านนี้อย่างสนุกสนาน ชีวิตของมาเฟียจอมสั่งมีชีวิตชีวาขึ้นมาด้วยผู้หญิงที่ชื่อครองขวัญคนนี้คนเดียวจริงๆ

     

             อาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้าคลื่นลมทะเลสงบลงบ้างแล้ว ผู้คนบริเวณริมหาดเริ่มบางตาลงอย่างเห็นได้ชัด ยามราตรีกำลังจะเริ่มต้นขึ้นมาอีกครั้ง ทั้งสองกลับมาที่รถอีกครั้งหลังจากที่หายไปหาของกินอร่อยและเดินดูสิ่งแปลกตาแปลกใจจนพอแล้ว

             "เราจะกลับกันแล้วใช่ไหมคะ" ครองขวัญเอ่ยถาม

             "ใช่ เราจะกลับแล้ว" อัลเฟรโด้ตอบทั้งๆ ที่สายตายังไม่ละจากความงามของทะเลเบื้องหน้า

             "แล้ว เอ่อ โซเฟียกับคุณอัลเบิรต์ล่ะคะ"

             "สองคนนั้นจะไปหาเรา เมื่อตัดสินใจได้"

             "หมายความว่าไงคะ" สีหน้าคนถามเต็มไปด้วยความสงสัย

             ตั้งแต่แยกจากโซเฟียจนกระทั่งตอนนี้อัลเฟรโด้ไม่พูดอะไรเลยสักคำ นอกจากเที่ยวกินหาความสนุกให้กับตัวเอง ราวกับว่าก่อนหน้านี้ไม่มีสองคนนั้นอยู่ในชีวิต

             "ก็หมายความอย่างที่พูด ฉันให้เวลาโซเฟียกับอัลเบิรต์ตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรกับเรื่องนี้ดี จะหนีไปตลอดชีวิตหรือว่าจะกลับไปสู้กับความจริง"

             อัลเฟรโด้ทำอย่างที่พูดจริงๆ เมื่อรู้ว่าแน่ใจว่าคนทั้งสองรักกันและไม่มีใครยอมแยกจากไปไหน เขาจึงตัดสินใจว่าทางออกที่ดีที่สุดของเรื่องนี้มีสองทางเลือก คือหนีไปให้ไกลสุดหล้าฟ้าเขียวเพื่อไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ไม่มีใครรู้จัก หรือกลับสู่โลกแห่งความจริงที่ทั้งคู่ใช้ชีวิต และช่วยกันหาทางออกเรื่องนี้ให้สวยที่สุดโดยมีตนเป็นผู้ช่วย

             "คุณให้เวลาพวกเขากี่วันคะ" หญิงสาวถามหลังจากฟังเรื่องที่อัลเฟรโด้เล่าจนจบ

             "ไม่มีกำหนดเวลา แต่ก็บอกไปแล้วว่าอย่าให้ช้านัก เพราะฉันกลัวว่าคนที่ตามล่าพวกเขาจะแกะรอยมาเจอ แล้วจะเกิดอะไรขึ้นก็สุดจะคาดเดา"

             "แสดงว่ามีคนต้องการตัวโซเฟียเพื่อผลประโยชน์จริงๆ และพวกนั้นรู้ว่าคนที่เข้าพิธีแต่งงานไม่ใช่โซเฟีย แสดงว่าการตบตาที่ฉันเป็นโซเฟียก็ไม่มีผล"

             "ใครบอกว่าไม่มีผล" ชายหนุ่มแย้ง

             "เธอช่วยให้โซเฟียถูกคนตามแค่กลุ่มเดียวตามต่างหากล่ะ ถ้าวันนั้นไม่มีเจ้าสาวคิดดูว่าจะเกิดอะไรขึ้น จะมีอีกกี่คนที่จะตามล่าพวกเขา การมีเธอเป็นเจ้าสาวแทนและอยู่กับฉันเป็นเรื่องดีที่สุดต่างหาก" แววตาท่านประธานหนุ่มวาววับ ยืนยันว่าเรื่องที่พูดเป็นเรื่องจริงและดีที่สุด โดยเฉพาะการมีเจ้าสาวที่ชื่อครองขวัญไม่ใช่โซเฟีย

             "ไม่ใช่แบบนั้นเสียหน่อย" คนถูกกล่าวอ้างก้มหน้าหลบสายตาที่มองมาด้วยความเขิน แต่ก็มีอีกประเด็นที่ครองขวัญยังติดใจและอยากรู้

             "คุณเสียใจหรือเปล่าคะ ที่รู้ว่าโซเฟียกับคุณอัลเบิรต์รักกัน"

             "ไม่เลยสักนิด ฉันดีใจด้วยซ้ำที่เรื่องมันเป็นแบบนี้ และฉันก็เต็มใจที่จะช่วยให้พวกเขาสมหวัง"

             "คุณพูดจริงหรือพูดเพื่อแสดงความเป็นสุภาพบุรุษกันแน่คะ คุณอัลเฟรโด้อยู่กับฉัน คุณไม่ต้องทำว่าเข้มแข็งก็ได้นะ ฉันพร้อม..."

             "ฉันพูดจริง เธอไม่เชื่อหรือไง" เขาชิงถามพร้อมทั้งดึงตัวเธอเข้ามาใกล้

             "ฉันไม่ต้องมีพันธะกับโซเฟีย รอแค่เคลียร์เรื่องทุกอย่างกับผู้ใหญ่ โซเฟียได้แต่งงานกับผู้ชายที่ตัวเองรัก ไม่ดีหรือไง"

             "แล้วคุณล่ะ คุณอัลเฟรโด้ คุณ...." ปลายนิ้วของท่านประธานหนุ่มปิดปากสาวน้อยไว้ ดวงตาของครองขวัญสบตาเขาด้วยความห่วงใยจากหัวใจ อัลเฟรโด้เพียงแค่ยิ้มรับและเอ่ยต่อว่า

             "เธอเชื่อเรื่องคนบนฟ้าไหมครองขวัญ คิดไหมว่าบางทีเขาก็เล่นตลกกับชีวิตเรา ด้วยการหาเรื่องยุ่งๆ มาให้แต่ในขณะเดียวกันก็ส่งใครบางคนมาให้หัวใจเรารู้ว่า ใครคือคนที่เราอยากอยู่ใกล้ๆ ไปตลอด"

             "คุณอัลเฟรโด้" สาวน้อยละเมอเรียกชื่อเขาออกมาเบาๆ สายตาจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าคมไม่วางตา

             "ขอให้รู้ไว้แค่ว่าฉันไม่เสียใจเลยสักนิดที่โซเฟียรักคนอื่น ตรงกันข้ามฉันดีใจด้วยซ้ำเพราะว่าหัวใจฉันก็มีสิทธิ์ที่จะเลือกด้วยตัวเองที่จะรักใคร"

             สายลมยามเย็นที่เนินเขาพัดอย่างสงบ ลมเย็นพัดโชยมาเป็นระยะคลายความร้อนรุ่ม หากแต่หัวใจของครองขวัญกลับร้อนระอุไปกับคำพูดที่แสนแฝงความนัยของชายหนุ่ม จะไม่ให้เป็นเช่นนั้นได้อย่างไร ในเมื่อคำพูด สายตา การกระทำ และความรู้สึกที่เผยออกมาในเวลานี้ เสมือนไฟชีวิตของหญิงสาวถูกจุดขึ้นมาอีกครั้งให้สุกสว่างเจิดจ้า

             นาทีนี้ถ้าเธอจะละลายกำแพงหัวใจแล้วเปิดประตูรับใครสักคนเข้ามาในชีวิต ขอให้รู้ไว้เลยว่าเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก มาเฟียจอมสั่งอัลเฟรโด้คนนี้เท่านั้น

     

     

    Thumbnail Seller Link
    คำสั่งรักมาเฟียร้าย
    อิ่มอุ่น
    www.mebmarket.com
    เขาไม่ดุหรือโหดเหี้ยมเฉกเช่นมาเฟียคนอื่น คำสั่งต้องเป็นคำสั่งและไม่มีคำว่าผิดพลาด แต่กับเธอคำสั่งไหนก็ไม่สำคัญเท่าคำสั่งหัวใจ สั่งให้รักทำไมไม่รักแล...
    Get it now
    Thumbnail Seller Link
    ทาสหัวใจเถื่อน
    ยิปซี
    www.mebmarket.com
    ความดิบ เถื่อน ใจร้ายของเขา ยิ่งนานวันก็ทำให้ยิ่งรัก...สุดหัวใจหมายเหตุท่านใดโหลด ทาสหัวใจเถื่อน ไปแล้ว ไม่ต้องโหลดใหม่นะคะยิปซีเปลี่ยนปกใ...
    Get it now
    Thumbnail Seller Link
    แผนร้ายหัวใจรัก
    อิ่มอุ่น
    www.mebmarket.com
    เรื่องราวมากมายที่เกิดขึ้น แผนการที่ร้ายแรงจนะเกือบเอาชีวิตไม่รอด พิสูจน์หัวใจของเขาและเธอให้รู้ว่า ความรักยิ่งใหญ่แค่ไหน“มนโตแล้วขอเลือกเองดี...
    Get it now
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    ดูอีบุ๊ก

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×