คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ 2
“แบบนี้นะอย่าทำงานด้วยกันดีกว่า อธิบายอะไรก็กวนประสาท ในที่ประชุมอย่างน้อยก็น่าจะไว้หน้ากันบ้าง”
“เขาคงถามเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของตัวเอง เป็นใครก็ต้องคิดจู่ๆ เราก็มาเป็นหุ้นส่วนแถมผลกำไรยังได้น้อยกว่า ในโลกความจริงหาแบบนี้ได้ที่ไหน”
พฤกษ์พยายามดับอารมณ์ที่ร้อนระอุของเจ้านายสาวให้สงบลง ทรงฉัตรช่างเป็นผู้มีคุณสมบัติพิเศษเสียจริง ที่สามารถทำให้อรพิมเจ้านายที่แสนอารมณ์ดีของเขา กลายเป็นคนเจ้าอารมณ์ได้ในพริบตา เพียงแค่พบหน้าและใช้เวลาอยู่ด้วยกันในวันแรกเท่านั้น
“เป็นพิมก็คงคิดเหมือนเขา แต่พฤกษ์รู้ไหม หมอนั่นพูดอะไรกับพิม” ไม่ใช่แค่เรื่องที่ทรงฉัตรทะลุถามคำถามกวนประสาทในห้องประชุมเพียงอย่างเดียว มันมีเรื่องอื่นที่ทำให้อรพิมแทบอยากจะบีบคอเขาให้ตายคามือมากกว่า
“อะไร” ทนายหนุ่มเดาถูกเผงว่า ไม่ใช่แค่เรื่องงานอย่างเดียวที่ทรงฉัตรทำให้อรพิมโกรธได้เพียงนี้ มันต้องมีเรื่องอื่นด้วยเป็นแน่
“นายทรงฉัตรอะไรนั่น พูดว่าพิมเป็นผู้หญิงที่พ่อเขาใส่พานมาถวาย จะทำอะไรก็ให้ไปคุยกับพ่อเขา พูดแบบนี้อย่าแต่งงานเลยดีกว่า พิมชักไม่แน่ใจแล้วว่าเจ้าบ่าวเป็นคนหรือหุ่นยนตร์กันแน่”
“ใจเย็นน่า คุณพิม”
“นี่พิมสั่งให้คนปิดประตูเชื่อมสองห้องระหว่างห้องพิม กับห้องนายทรงฉัตรอะไรนั่นแล้วนะ”
“ประตูเชื่อม ประตูอะไร” พฤกษ์ทำหน้าสงสัย
“คุณลุงทรงพุ่มทำประตูกลางเชื่อมห้องทำงานพิมกับหมอนั่นไว้ คงจะให้เปิดประตูถึงกันได้ง่ายๆ แต่พิมสั่งปิดไปแล้วบอกว่าต้องการความเป็นส่วนตัว”
“แล้วคุณทรงฉัตรว่าไง”
“ไม่ว่าไง หมอนั่นจะว่าอะไรได้ ก็บอกแล้วไง เขาให้พิมคุยกับคุณลุงทรงพุ่ม นี่ถ้าทำได้คงให้พิมแต่งงานกับคุณลุงทรงพุ่มแทนเขาด้วยเลยมั้ง”
ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห ผู้ชายอะไรปากจัด อวดดี ถือว่าตัวเองวิเศษมาจากไหนถึงได้กล้าพูดจาไม่ดีใส่เธอ คอยดูเถอะ อรพิมจะไม่ยอมให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีกเป็นครั้งที่สองแน่ ต่อไปถ้าทรงฉัตรทำอะไร เธอก็จะตอบโต้กลับไปด้วยเช่นกัน
“เอาน่าคุณพิม อีกหน่อยพอแต่งงานกันไป อาจจะไม่ได้แย่อย่างที่เจอวันนี้ก็ได้” พฤกษ์พยายามปลอบให้มองในแง่ดี
“หรืออาจจะแย่กว่าที่เจอวันนี้” อรพิมคิดถึงเหตุการณ์ที่ทรงฉัตรกล้าล่วงเกินเธอเมื่อตอนบ่าย มันต้องไม่มีวันเกิดขึ้น ไม่ยอมเด็ดขาด
“แต่จำไว้อย่างหนึ่งนะพฤกษ์ คนอย่างพิมไม่ยอมให้ใครรังแกหรือเอาเปรียบฝ่ายเดียวแน่ ถ้านายทรงฉัตรคิดจะฉวยโอกาสหรือทำอะไรพิมล่ะก็ พิมจะหย่าและบอกให้น้ายายกเลิกทุกอย่าง”
เอาล่ะสิ พฤกษ์เริ่มจะเครียดขึ้นมาอีกครา ยังไม่ทันแต่งแค่เจอกันวันแรกเท่านั้น ว่าที่เจ้าสาวก็ประกาศชัดเจนว่าจะหย่า หากทรงฉัตรทำอะไรตน โอ๊ย...งานนี้จะหมู่หรือจ่าเนี่ย
ทรงฉัตรนั่งหน้าเครียดอยู่ที่ห้องรับแขกหลังจากที่กินอาหารเย็นเรียบร้อยแล้ว มุกดาราไม่มีงานจึงแวะมาเยี่ยมคุณทิพย์เหมือนเช่นเคย และทำให้รู้ว่าทรงฉัตรกำลังจะเข้าพิธีแต่งงานกับหุ้นส่วนบริษัทใหม่ในเร็ววันนี้
“รับปากแม่ได้ไหม ไม่ว่าอย่างไรแม่ก็ไม่ต้องการได้เด็กคนนั้นเป็นลูกสะใภ้ ถ้าหาทางหย่าได้เร็วเท่าไรยิ่งดี” คุณทิพย์พูดน้ำเสียงจริงจัง
แม้จะต้องจำยอมให้ลูกชายสุดที่รักแต่งงานกับสะใภ้ที่ไม่ได้เลือก แต่เพื่อครอบครัวและบริษัทที่สามีสร้างมากับมือ คุณทิพย์ก็ไม่อาจใช้อารมณ์ความรู้สึกส่วนตัวของตนเองได้ จึงพยายามคิดหาวิธีที่จะทำให้ตนได้ในสิ่งที่ต้องการ นั่นคือการทำให้อรพิมออกไปจากชีวิตครอบครัวให้เร็วที่สุด
“คุณแม่ครับ” ทรงฉัตรแอบถอนหายใจเบาๆ เมื่อเห็นสีหน้าเคร่งเครียดของมารดา
นับจากวันที่ตกลงรับปากเรื่องแต่งงาน มารดาสุดที่รักก็ยื่นคำขาดให้เขากับว่าที่เมียเลิกกันตั้งแต่ยังไม่ได้เข้าพิธี ทำให้ทรงฉัตรอดคิดไม่ได้ว่ามารดาจำใจต้องยอมรับการแต่งงานเพื่อครอบครัว และหากอรพิมก้าวเข้ามาในฐานะสะใภ้แล้ว ปัญหาโลกแตกเรื่องแม่ผัวกับลูกสะใภ้จะเกิดขึ้นหรือไม่
ไม่ต้องกลัวว่าจะเกิดเพราะตอนนี้มันเกิดขึ้นแล้ว เกิดขึ้นตั้งแต่ยังไม่มีพิธีใดๆ เลยด้วยซ้ำ ทรงฉัตรไม่ใช่ผู้ชายที่สนใจเรื่องหยุมหยิมเหล่านี้ ทว่าเขารักมารดาสุดชีวิตในขณะเดียวกัน ก็ไม่ใช่คนเห็นแก่ตัวที่จะให้ผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าเมีย ไม่ได้รับความยุติธรรมหรือต้องถูกแม่ผัวกดขี่ไว้ตลอด
ท่าทางของอรพิมก็ใช่เล่น เจ้าหล่อนวางท่าเป็นนางพญาไม่เห็นหัวคนอื่น แม้กระทั่งกับเขาที่ได้ชื่อเป็นว่าที่สามี ก็ยังไม่มีท่าทียำเกรงสักนิด แบบนี้ก็อย่าหวังว่าแม่เจ้าประคุณจะลงให้กับคุณทิพย์ที่เกลียดตั้งแต่ยังไม่เห็นหน้า และไม่ต้องรอดูว่าละครแม่ผัวกับลูกสะใภ้บ้านนี้จะเป็นเช่นไร เพราะทรงฉัตรเดาได้ไม่ยากว่าต้องตาต่อตาฟันต่อฟันเป็นแน่
“ฉัตรอยากเห็นแม่เป็นทุกข์ ร้องไห้ทุกวันใช่ไหม” น้ำเสียงหญิงวัยกลางคนสั่นเครือเล็กน้อย มุกดาราเห็นท่าไม่ดีจึงรีบเข้ามาปลอบ
“คุณแม่คะ ฉัตรคงไม่ได้หมายความแบบนั้น คุณแม่ใจเย็นๆ ก่อนนะคะ” นางเอกสาวหันมาสบตากับชายหนุ่ม
“แต่ก็ไม่รับปาก หรือว่าตอนนี้ใครๆ ก็รักแม่นั่นจนลืมผู้หญิงคนนี้แล้ว” คุณทิพย์ฟูมฟายหนักขึ้น
“เรื่องนี้ไม่ได้อยู่ที่ผมคนเดียวคุณแม่ก็รู้ ถ้าผมกับผู้หญิงคนนั้นไปกันไม่ได้จริงๆ คุณพ่อก็คงไม่ยอมให้ทุกอย่างจบทันทีหรอกครับ”
“คุณพ่อตาบอดไปแล้ว ฉัตรจะตาบอดอีกคนหรือไง” นางยังไม่วายตัดพ้อ
“เอาเป็นว่าผมจะจำที่สั่งให้ขึ้นใจ ห้ามเข้าใกล้ ห้ามรัก ห้ามชอบห้ามทำดีด้วย หาเรื่องเลิกให้เร็วที่สุด พอใจไหมครับ”
เขามองไม่เห็นความสุขที่จะเกิดขึ้นกับชีวิตแต่งงานกับอรพิมเลยแม้แต่น้อย ยังไม่ทันรับเธอเข้ามาในชีวิต ทุกคนก็ตั้งคำสั่งที่ทรงฉัตรฟังแล้วได้แต่เหนื่อยใจ
“อย่าลืมว่าไม่ได้มีแม่คนเดียวที่เสียใจ หนูมุกอีกคนที่รอลูกอยู่” นางจับมือมุกดารามาเป็นพวกอีกคน
“คุณแม่คะ เรื่องมุกกับฉัตรปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามที่มันควรเป็นดีไหม คุณแม่อย่าห่วงเลย”
สำหรับมุกดาราแล้ว การแต่งงานของทรงฉัตรครั้งนี้ทำให้รู้สึกเสียใจบ้างเล็กน้อย เพราะทรงฉัตรเป็นคนดีและมุกดาราเองก็ชื่นชมในตัวเขาเป็นอย่างยิ่ง ที่สำคัญความสัมพันธ์ในการคบหาเป็นไปด้วยการให้เกียรติ ตามลักษณะที่สุภาพบุรุษพึงกระทำต่อสุภาพสตรี
ที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือมุกดาราเป็นนางเอกที่รักษาภาพพจน์มาตั้งแต่เข้าวงการ ข่าวฉาวเรื่องผู้ชายของเธอแทบไม่เคยปรากฏทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง ดังนั้นถึงแม้ผู้ชายแสนดีที่มีโอกาสได้ใกล้ชิดเช่นทรงฉัตร จะต้องหลุดมือแต่งงานกับผู้หญิงอื่นแทนที่จะเป็นตน มุกดารามั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าไม่ทำตัวเองให้เสียหายแน่ อีกทั้งความเป็นเพื่อนที่มีต่อกันยังคงดำเนินต่อไปด้วยความบริสุทธิ์ใจ
“ฉัตรก็รู้ว่าสะใภ้ที่แม่ต้องการเป็นใคร ถ้าฉัตรรักแม่จริงควรรู้ว่าต้องทำอย่างไร” คุณทิพย์สบตากับบุตรชายแน่วแน่ มุกดาราพลอยอึดอัดกับคำพูดของนางด้วยอีกคน
“ผมเข้าใจครับ แต่เรื่องนี้คุณแม่ให้ผมจัดการดีกว่า ถ้าคุณแม่ทำอะไรไปจะกลายเป็นผู้ใหญ่รังแกเด็กได้”
มุกดาราเข้าใจความรู้สึกของทรงฉัตรและคุณทิพย์ และรับรู้ว่าปัญหาเก่าที่เคยเป็นรากความเกลียดในจิตใจของคุณทิพย์มีสาเหตุมาจากสิ่งใด งานนี้คงต้องรอดูว่าโชคชะตาจะทำอย่างไรกับชีวิตของทรงฉัตรและผู้หญิงคนนั้น ส่วนเธอขอเป็นผู้ดูและให้กำลังใจอยู่ห่างๆ ดีกว่า
“ผมต้องขอโทษมุกสำหรับเรื่องวันนี้ทั้งหมด” ทรงฉัตรเอ่ยด้วยความเกรงใจ
เขาขับรถมาส่งนางเอกสาวที่คอนโดหลังจากที่ทำให้คุณทิพย์สบายใจได้บ้างแล้ว มุกดาราเห็นสีหน้าของชายหนุ่มก็รู้ว่าเรื่องไม่สบายใจยังคงอยู่ จึงชวนขึ้นมานั่งเล่นที่ห้องเผื่อผ่อนคลายความเครียด
“ขอโทษเรื่องอะไรคะ” มุกดาราเอ่ยถามพร้อมกับวางแก้วน้ำลงที่ข้างตัวชายหนุ่ม
“ทำไมทำหน้าไม่สบายใจแบบนั้น อย่าคิดมากในสิ่งที่คุณแม่พูดเลย ทำทุกอย่างให้เป็นปัจจุบันและดีที่สุดดีกว่า ไม่แน่นะ บางทีคุณแม่ได้รู้จักกับคุณอรพิมอะไรนั่น อาจจะชอบและถูกคอกันก็ได้” หญิงสาวมองโลกในแง่ดี
“ผมก็อยากให้เป็นแบบนั้น” ทรงฉัตรถอนหายใจดังๆ อีกครั้ง
“ถึงผมจะไม่รู้สึกอะไรกับการแต่งงานครั้งนี้ แต่ก็ยังไม่ได้คิดถึงเรื่องหย่าหรือเลิกราอะไรทั้งนั้น ถ้าอรพิมไม่ทำตัวแย่มากนัก ก็ไม่แน่ว่าเราอาจจะอยู่ด้วยกันได้นานหน่อย แต่ถ้าหากว่า...” ชายหนุ่มเว้นวรรคไว้เล็กน้อย
“ถ้าหากว่าอะไรคะ” มุกดาราถามต่อ
“ถ้าหากว่าศรีภรรยาของผม ไม่เลิกทำตัวเป็นนางพญาไม่เห็นหัวคนเชิดหน้าไม่มองคนอื่น ก็คงจะเร็วหน่อย”
“แหม ฉัตรก็พูดไป ขนาดนั้นเชียวหรือคะ” นางเอกสาวอมยิ้ม
“อย่าให้ผมพูด” ทรงฉัตรส่ายหน้า เขาคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันที่พบหน้าอรพิมครั้งแรก ท่าทีของเจ้าหล่อนเดาได้ไม่ยากเลยว่านิสัยจะเป็นอย่างไร ทรงฉัตรอดคิดไม่ได้ว่าหากต้องแต่งงานกันจริงๆ แล้ว ไอ้ท่าทางนางพญาของเมียแต่งคนนี้ จะสร้างความปวดหัวให้กับตนมากน้อยแค่ไหน
“ยังไม่ทันแต่งแม่ก็เร่งให้เลิก ดีนะพ่อไม่เร่งให้มีหลานอีกคน ผมทำตัวไม่ถูกจริงๆ ว่าจะเอาไงกับเด็กนั่น” ชายหนุ่มเปรยเบาๆ ด้วยสีหน้าอึดอัดใจอย่างเห็นได้ชัด
“เท่าที่รู้เจ้าสาวฉัตรก็ไม่ขี้เหร่ การศึกษาก็โอเค ฐานะไม่ต้องพูดถึง อายุก็ยังไม่มากบางทีถ้าแต่งไปฉัตรอาจจะแฮปปี้ก็ได้นะคะ” มุกดารามองในแง่ดี
“แฮปปี้กับผีอะไร แค่วันนี้เจอหน้าครั้งแรกเด็กบ้านั่นก็ทำผมแสบแล้ว” ชายหนุ่มส่ายหน้าเบาๆ
“แรกๆ ก็ทะเลาะกันก่อน สักพักพระนางก็รักกันเหมือนในละครที่มุกเล่นเลยค่ะ” มุกดาราเย้า
“ผมไม่อินกับนิยายหรือละครน้ำเน่าหลังข่าวหรอกนะ ชีวิตจริงมันคงไม่ง่ายแบบนั้น เด็กนั้นทั้งแสบทั้งปากจัดแล้วยัง...” เขาเว้นไว้ไม่พูดต่อ
“แล้วยังอะไรคะ” ดาราสาวสงสัย
“เปล่า ไม่มีอะไร ผมว่าไม่ต้องมีใครมากะเกณฑ์ให้เลิกกันหรอก รับรอง ไม่เกินสามวัน ไม่เด็กนั่นก็ผมคงได้ประสาทกินกันไปข้างหนึ่งแน่”
“ฉัตรมองโลกในแง่ร้ายไปหรือเปล่า ไม่ใช่ฉัตรคนเดียวนะคะที่ถูกบังคับให้แต่งงาน บางทีเจ้าสาวของฉัตรก็อาจจะกรณีเดียวกันก็ได้”
มุกดาราคิดว่าเป็นเช่นนั้นและเอ่ยต่อไปอีกว่า
“คิดดูนะคะ ถ้าหากว่าเธอมีคนรักอยู่แล้วล่ะ แต่ต้องมาแต่งงานกับฉัตรเพราะเรื่องผลประโยชน์ในธุรกิจ ว่าไปเธอก็น่าสงสารเหมือนกันนะคะและตอนนี้ก็คงจะอยู่ไม่เป็นสุขแน่ เพราะไม่รู้ว่าว่าที่สามีอย่างฉัตรนิสัยใจคอดีหรือร้าย”
“มุกมั่นใจได้เลยว่า ผมคงร้ายน้อยกว่าเด็กคนนั้นแน่ และไม่ว่าทางโน้นจะกังวลอะไรก็คงแก้ไขเปลี่ยนแปลงไม่ได้ ทุกอย่างเตรียมไว้หมดแล้ว ทางที่ดีที่สุดคือต่างคนต่างอยู่ อย่ามีเรื่องกันดีที่สุด” ทรงฉัตรปลงกับโชคชะตาที่กำหนดมาแล้วว่าต้องเป็นเช่นนี้ จะหมู่หรือจ่าก็ต้องไปว่ากันในอนาคต
“แล้วคุณแม่ล่ะคะ ฉัตรจะทำอย่างไรต่อ” นางเอกสาวห่วงคุณทิพย์มากกว่า ท่าทางนางจะไม่ยอมรับศรีสะใภ้ที่จะเข้ามาอยู่ร่วมชายคาในอีกไม่กี่วันนี้แน่ และทรงฉัตรคงต้องปวดหัวกับปัญหาแม่ผัวลูกสะใภ้ไปอีกนานอย่างไม่ต้องเดาเลยก็ได้
“ผมก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรให้คุณแม่สบายใจ ดีที่สุดคือคุณแม่ทำใจซะ เพราะเรื่องนี้คงเป็นไปตามที่คุณแม่ต้องการไม่ได้ง่ายๆ” ทรงฉัตรรู้ดีกว่า หากสักวันตนกับอรพิมไปไม่รอด บิดาสุดที่รักคงไม่เห็นด้วยกับง่ายๆ กับการที่ทั้งสองจะเซ็นใบหย่าเพื่อเป็นอิสระต่อกัน ซึ่งก็ไม่รู้ว่าถ้าวันนั้นมาถึงทางออกของเรื่องนี้คืออะไร
“ฉัตรคะ” มุกดาราเงยหน้าขึ้นสบตาชายหนุ่ม
“ฉัตรคิดว่า สักวันหนึ่ง จะรักคุณอรพิมอย่างสามีรักภรรยาได้หรือเปล่า”
คำถามของมุกดาราทำให้ทรงฉัตรนิ่งไปเล็กน้อย รักงั้นหรือ รักในฐานะสามีภรรยา คำนี้ดูไกลจากหัวใจอย่างไรไม่รู้ ทรงฉัตรยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่า คำว่ารัก ในการแต่งงานครั้งนี้สะกดอย่างไร
“ไม่ไป ยังไงพิมก็ไม่ไปอยู่ที่บ้านนั้น” อรพิมตะโกนลั่นห้องทำงาน เมื่อพฤกษ์บอกว่าเธอควรย้ายข้าวของเข้าไปที่เรือนหอสักที เพราะอีกสองวันจะเป็นวันแต่งงานแล้ว
“เบาๆ สิ คุณพิมที่นี่ออฟฟิศนะ ทำไมต้องโมโหขนาดนี้” พฤกษ์แกล้งทำเสียงดังกลับบ้าง
“พฤกษ์ พิมจะคุยกับน้ายาต่อสายเดี๋ยวนี้เลย” อรพิมเสียงแข็งใส่ เรื่องนี้ยอมไม่ได้เด็ดขาด ทำไมต้องให้ย้ายตัวเองเข้าไปอยู่ที่นั่นด้วย ใจคอทุกคนไม่คิดเลยใช่ไหมว่า เธอจะอยู่ร่วมบ้านกับคนที่ไม่รู้จักได้อย่างไร
“คุณยาไม่รับโทรศัพท์ตอนนี้ ถ้าจะคุยเดี๋ยวผมทิ้งแมสเสจไว้ให้ท่านโทรกลับ” ทนายหนุ่มเอ่ยเสียงเรียบ
“อะไรนะ อย่าบอกว่าน้ายาจะไม่มางานแต่งด้วย” อรพิมมองหน้าทนายหนุ่มราวกับจะร้องไห้ งานสำคัญของหลานสาวสุดที่รัก
ดลยากลับยังไม่มีวี่แววว่าจะกลับมา
“ตั๋วเต็มท่านมาไม่ทัน แต่บอกว่าให้คุณพิมทำตัวเป็นเจ้าสาวที่น่ารักและมีหลานให้ท่านไวๆ” พฤกษ์ถ่ายทอดสิ่งที่คุณดลยาสั่งมา
“อะไรนะ มีหลานเหรอ” คราวนี้อรพิมอยากจะร้องไห้ออกมาจริงๆ
แต่งงานก็พอทน แต่ถ้าต้องให้มีหลานซึ่งเป็นตัวแทนเชื่อมคนสองคนไว้ตลอดชีวิต อรพิมขอยกเลิกงานแต่งงานเดี๋ยวนี้เลยจะได้ไหม นี่เกิดอะไรขึ้นกับน้าสาวสุดที่รัก ทำไมถึงได้คิดอะไรแปลกๆ แบบนี้
“ต้องมีหลานอีกใช่ไหม น้ายาต้องการแบบนั้นใช่ไหม” ปลายเสียงอรพิมสั่นเครือเล็กน้อย
“คุณพิม” พฤกษ์เข้าใจอารมณ์ของอีกฝ่าย แต่เขาก็สุดปัญญาจะทำอะไรได้มากไปกว่า ทำตามคำสั่งของดลยาเท่านั้น
“เรื่องลูกเอาไว้ก่อนก็ได้ แต่ตอนนี้คุณพิมควรไปจัดเรือนหอก่อน อีกสองวันจะวันงานแล้วยังทำอะไรไม่เสร็จเลย” น้ำเสียงพฤกษ์ลดลงมาเป็นปกติ ความเห็นใจเข้ามาร้อยเปอร์เซ็นต์ และยิ่งสงสารเมื่ออรพิมโผเข้ากอดเพราะความเสียใจ
“คุณพิมใจเย็นๆ” ทนายหนุ่มปลอบประโลมด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน อรพิมสะอื้นเบาๆ ระบายความอัดอั้นตันใจออกมาให้หมด
หลายครั้งที่อกแกร่งนี้เป็นที่รองรับน้ำตาของหญิงสาว ชีวิตอรพิมไม่มีใครนอกจากน้าสาวสุดที่รักและพฤกษ์อีกคนเท่านั้น เขาคือลูกน้องในฐานะพนักงานบริษัท แต่สำหรับอรพิมแล้วคือเพื่อนร่วมทุกข์ร่วมสุข คือพี่ในยามอ่อนล้าและต้องการการปกป้อง
“ทำไมน้ายาทำแบบนี้กับพิม ให้พิมแต่งงานแต่ไม่ยอมกลับมางานของพิม ทำเหมือนจะไล่พิมให้ไปอยู่กับคนอื่น” หญิงสาวสะอื้น
“คุณพิมอย่าคิดแบบนั้น ท่านหวังดีกับคุณพิมเสมอ คุณทรงฉัตรคือคนที่จะดูแลคุณพิมได้ตลอดชีวิตนะ”
“ดูแลอะไร คนแบบนั้นเหรอจะมาดูแลพิม” หญิงสาวปาดน้ำตาที่ร่วงหล่นให้แห้ง เรียกความเข้มแข็งของตัวเองให้กลับมา
“ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น สิ่งที่ท่านเลือกให้คือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับคุณพิม จำไว้” พฤกษ์ย้ำคำเดิมหนักแน่น
“พิมจะมีพฤกษ์อยู่ด้วยตลอดไปใช่ไหม พฤกษ์จะไม่ทิ้งพิมไปอีกคนใช่ไหม” หญิงสาวสบตาเพื่อนตายเพียงหนึ่งเดียวที่ไม่เคยห่างไปไหน
“ผมเคยไปไหนจากคุณพิมหรือเปล่าล่ะ”
“สัญญานะ ว่าพฤกษ์จะไม่ทิ้งพิมเหมือนน้ายาอีกคน”
“ไม่สัญญา เพราะไม่เคยทำแบบนั้น เลิกร้องไห้ได้แล้ว ไปดูเรือนหอกันดีกว่าว่าจะจัดอย่างไรให้สวย ไปเร็ว” พฤกษ์เปลี่ยนความเศร้าให้เป็นรอยยิ้ม และรีบพาอรพิมไปจัดการเรื่องสำคัญที่รออยู่ให้เสร็จเรียบร้อย
เขาเข้าใจความรู้สึกของอรพิมเป็นอย่างดี และเข้าใจความต้องการของนายเหนือหัวเช่นดลยาด้วย ความลับบางอย่างที่ถูกปิดบังหากวันหนึ่งอรพิมได้รับรู้ สักวันจะเข้าใจว่านี่ คือสิ่งดีที่สุดที่มอบให้ เพียงแต่...
พฤกษ์ไม่รู้ว่าคนที่ได้รับเช่นทรงฉัตรจะคิดเหมือนกันหรือเปล่า และเรื่องความสัมพันธ์ของชายหนุ่มกับนางเอกสาวคนสวยนั่น จะกระทบกระเทือนกับการแต่งงานครั้งนี้หรือไม่ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นพฤกษ์พร้อมจะยืนเคียงข้างอรพิมเสมอ
คุณทรงพุ่มยกด้านซ้ายของชั้นบนให้เป็นเรือนหอของบ่าวสาว จัดการให้คนมาตกแต่งและซื้อเฟอร์นิเจอร์ใหม่มารับขวัญว่าที่สะใภ้ ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้คุณทิพย์รู้สึกไม่พอใจ เมื่อเห็นสามีสุดที่รักเอาใจใส่สะใภ้ที่ไม่ต้องการเหลือเกิน
“พอได้ไหมหนูพิม อยากได้อะไรอีกบอกพ่อ ไม่ต้องเกรงใจ”
“ที่จริงไม่ต้องทำอะไรเลยก็ได้นะคะ” อรพิมเอ่ยด้วยความเกรงใจ
“ความจริงอยากจะทำให้เหมือนห้องนอนเก่าของหนูด้วยซ้ำ แต่ว่าเวลามันจำกัดก็เลยทำได้เท่านี้ แล้วนี่พฤกษ์ไปไหนล่ะ หรือว่ากลับบริษัทไปแล้ว” ชายวัยกลางคนถามถึงทนายหนุ่ม
“พฤกษ์กำลังไปดูโต๊ะทำงานให้พิมค่ะ พอดีตัวที่บ้านมันใหญ่ไปเอามาไม่ได้”
ทนายหนุ่มเห็นเรือนหอของอรพิมแล้ว จึงจัดการสรรหาสิ่งที่จำเป็นต้องใช้มาใหม่ ให้เหมาะกับสภาพห้องนอนที่หญิงสาวจะมาพักอาศัยหลังเข้าพิธีแต่งงานในอีกไม่กี่วันนี้
“ตามสบายเลยนะ หนูพิม ต้องการอะไรเรียกเด็กได้ไม่ต้องเกรงใจ อีกสักประเดี๋ยวเจ้าฉัตรคงกลับมา ถ้าไงอยู่กินข้าวเย็นด้วยกันเลยแล้วกันนะ” ชายวัยกลางคนปลีกตัวไปห้องหนังสือ และปล่อยให้อรพิมจัดการเรือนหอต่อไปตามอัธยาศัย
คุณทิพย์ซึ่งรออยู่หน้าบ้านไม่ยอมขึ้นมาทักทายอรพิม รีบเดินมาที่รถทันทีที่ทรงฉัตรกลับถึงบ้าน ชายหนุ่มแปลกใจที่เห็นมารดามีท่าทีเหมือนอยากจะบอกอะไร เมื่อลงจากรถนางก็รีบบอกให้บุตรชายรู้ว่า
“เด็กนั่นคงอยู่กับเราไม่นานแล้วลูก” สีหน้าและน้ำเสียงนางมีความสุขอย่างเห็นได้ชัด
“แม่หมายถึงอะไรครับ” ทรงฉัตรไม่เข้าใจสิ่งที่มารดาเอ่ย
“อ้าว ก็แม่เมียแต่งของลูกไง วันนี้มาที่นี่ด้วย ฉัตรรู้ไหม มันไม่ได้มาคนเดียว แต่พาผู้ชายมาด้วยคนหนึ่ง ท่าทางสนิทสนมกันมาก หรือว่าผู้ชายคนนี้จะเป็นแฟนของแม่เด็กนั่น แบบนี้แม่ว่าเรามีทางออกแล้วนะ ตาฉัตร”
“เหรอครับ” ทรงฉัตรฟังแล้วรีบเดินขึ้นไปดูที่ห้องทันทีว่า อรพิมพาใครมาด้วยและคนที่มาเป็นใครกันแน่ ที่สำคัญสองคนนี้มีความสัมพันธ์กันอย่างไร
“ทำอะไร” ทรงฉัตรเปิดประตูห้องเข้ามาเห็นอรพิมอยู่เพียงลำพัง ในมือของหญิงสาวถือกระดาษและดินสอ
“คำนวนพื้นที่” เธอตอบโดยไม่มองหน้า
“พื้นที่อะไร” ชายหนุ่มตรงเข้าแย่งกระดาษในมือมาดูว่ามันคืออะไร
“แบ่งพื้นที่ใช้สอยให้ลงตัว” อรพิมเงยหน้าขึ้นมาตอบ
“เราควรแบ่งสัดส่วนทุกอย่างให้ลงตัวจะได้ไม่ต้องเกี่ยวข้องกัน เตียงนอนคุณจะนอนก็ได้ ฉันจะได้เตรียมถุงนอนหรือที่นอนมา ส่วนตู้เสื้อผ้าเป็นของคุณครึ่งหนึ่งโต๊ะทำงานฉันจะอยู่ตรงนี้ ของๆ คุณไปที่เก็บที่อื่น” เธอชี้ไปที่กองโมเดลซึ่งทำให้ทรงฉัตรโมโหจนทนไม่ไหว
“ที่นี่เป็นห้องนอนไม่ใช่ห้องทำงาน ไม่มีการทำงานในห้องนี้เด็ดขาดและผมก็จะไม่ย้ายอะไรทั้งสิ้น” ทรงฉัตรประกาศชัดเจน
“แต่คุณลุงอนุญาตให้ฉันทำอะไรก็ได้” อรพิมไม่ยอมเหมือนกัน
“จะทำอะไรก็เชิญ แต่อย่ายุ่งกับข้าวของส่วนตัวของผม” ชายหนุ่มไม่ยอมเช่นกัน
“ถ้างั้น ฉันก็ไม่อยู่ที่นี่” หญิงสาวเชิดหน้า
“เชิญ อยากได้ชื่อว่าถูกผู้ชายทิ้งตั้งแต่วันแรกที่แต่งงานก็เชิญ คงจะดีเหมือนกัน หลานสาวท่านประธานบริษัทใหญ่แต่งงานไม่ถึงวันก็ถูกเจ้าบ่าวปฏิเสธให้ร่วมเรือนหอ” ทรงฉัตรพูดชัดทุกคำ
“นาย มันไม่ใช่ลูกผู้ชาย” อรพิมโกรธจนตัวสั่น
“ผมพูดความจริง แค่วิวาห์สายฟ้าแลบก็ถูกสังคมตั้งคำถามว่าป่องหรือเปล่า คุณอ่านข่าวพวกนี้บ้างไหม”
“มีแต่คนนิสัยไม่ดีเท่านั้น ถึงคิดแบบที่คุณพูด” อรพิมแย้งกลับไป
“ตอนนี้ใครๆ ก็อยากเห็นงานแต่ง และวันงานคงมีนักข่าวมากันเยอะแน่ คุณควรเอาเวลาไปคิดดีกว่าว่าจะตอบคำถามยังไง ส่วนไอ้เรื่องห้องหอไม่สำคัญว่าใครจะนอนตรงไหน ต่อให้นอนเตียงเดียวกันผมก็ไม่พิศวาสที่จะทำอะไรคุณอยู่แล้ว”
“นาย!” อรพิมโกรธจนไม่รู้จะพูดคำไหนออกมา ท่าทางน้ำเสียงและสายตาของทรงฉัตรบ่งบอกว่าเขาเป็นต่อหลายขุม
“จบเรื่องเรือนหอ อีกเรื่องที่ผมต้องพูดกับคุณ” ทรงฉัตรสงบสติอารมณ์หันมาพูดกับเธอดีๆ
“คุณมีแฟนหรือเปล่า” เขาถามอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยจนอีกฝ่ายหน้าแดง
“เกี่ยวอะไรกับคุณด้วย”
ถ้าบอกว่าไม่ เขาจะเยาะเย้ยและเข้าใจว่าเธอไม่มีเสน่ห์จนต้องมาบังคับให้แต่งงานด้วย หรือถ้าบอกว่ามี ทรงฉัตรจะทำอย่างไรต่อไป
“ผมควรรู้ ในฐานะที่จะต้องเป็นสามีคุณในอีกสองวัน” ชายหนุ่มรอฟังคำตอบอย่างใจเย็น
อรพิมเป็นคนสวยคนหนึ่งเลยทีเดียว ไม่แปลกหากว่าเธอจะมีใครสักคนคบหา และแอบคิดว่าคนๆ นั้นคงต้องรับได้กับท่าทางนางพญาวางมาด หรือไม่ก็เทิดทูนว่าท่าทางเหล่านั้นมีเสน่ห์เสียเต็มประดา
“มีอะไรพูดมาตรงๆ ดีกว่า”
“ฝากบอกผู้ชายคนนั้นด้วยว่า กรุณาให้เกียรติในฐานะที่ผมเป็นสามีคุณ อดใจรอให้เราสองคนเลิกรากันจนเรียบร้อยแล้วค่อยมาวุ่นวาย ผมไม่ชอบให้ใครมาผลุบโผล่ทำตัวเป็นนินจาหรือมาตีท้ายครัวแบบนี้”
“พูดบ้าอะไร ฉันไม่เข้าใจ” อรพิมไม่เข้าใจว่าทรงฉัตรพูดเรื่องอะไรกันแน่
“ฝากบอกผู้ชายของคุณด้วยว่า ถึงเราจะแต่งงานกันด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ ตอนนี้คุณคือคนในครอบครัวที่ผมต้องดูแล เพราะฉะนั้นอย่าให้เป็นข่าวว่าผมมีเขางอกบนหัวโดยไม่รู้ตัว”
“ไอ้บ้า ไอ้คนคิดสกปรก” อรพิมเข้าใจความหมายที่อีกฝ่ายพูดทันที
“อย่าเพิ่งเต้น ผมพูดเผื่อไว้เท่านั้น อย่ามาทำตัวเป็นแมวขโมยปลาย่างเพราะผมก็ไม่ยอมให้ใครมาหยามกันแบบนี้แน่”
“ดี พูดแบบนี้ก็เตือนตัวเองด้วยแล้วกัน ฉันไม่ชอบใช้ผู้ชายร่วมกับใครทั้งนั้น ถ้าคุณทำตัวเป็นไฮโซชอบมีไม้ประดับอยู่ข้างๆ ก็กรุณาเลิกซะ แล้วบอกสาวๆ ของคุณด้วยว่าคนอย่างอรพิมไม่มีวันลดตัวไปแย่งผู้ชายด้วยแน่ เมื่อไรที่ฉันทำตามคำสั่งน้ายาเสร็จทุกเรื่อง ฉันจะรีบคืนคุณให้แม่พวกนั้นทันที” อรพิมเชิดหน้าด้วยมาดนางพญาอีกครั้ง
“น้าคุณสั่งอะไรมา” ทรงฉัตรหูผึ่งทันที
“ไม่เกี่ยวกับคุณ รับรองว่าภายในสามเดือนเราสองคนจะไม่ได้เห็นหน้ากันอีก”
“บอกมา น้าคุณสั่งให้มาทำอะไร เรื่องบริษัทใช่ไหม” เขารวบตัวอรพิมเข้ามาถามด้วยสีหน้าจริงจังจนอีกฝ่ายตกใจ
“ยอมรับแล้วใช่ไหมว่า น้าคุณสั่งให้มาจัดการรวมสองบริษัทเพื่อจะเอาไปเป็นของตัวเอง”
“สมองคุณมันคิดอะไรในทางที่ดีได้ไหม” อรพิมพยายามดึงมือเขาออก
“คิดว่าตัวเองฉลาดคนเดียวหรือไง กลัวคนอื่นจะรู้แผนชั่วก็เลยให้หลานสาวมาเป็นตัวเชื่อม แหม ทำไมไม่บอกกันดีๆ ว่ามาเพื่อเชื่อมสัมพันธ์ให้แนบแน่นผมจะได้สนองให้ทันทีโดยไม่ต้องจัดการแต่งงานให้ยุ่งยาก”
“...” อรพิมสะบัดตัวหลุดจากการจับกุม พร้อมฟาดฝ่ามือใส่ใบหน้าคมเต็มแรง
“น้ายาต้องการช่วยคุณลุงทรงพุ่มเพราะเห็นแก่ความเป็นเพื่อนที่มีมายาวนาน ฉันไม่คิดเลยว่าคุณลุงจะมีลูกชายปัญญาอ่อนที่คิดอะไรเลวๆ ได้แบบนี้ คิดว่าฉันอยากแต่งมากนักเหรอ บอกแล้วไงผู้ชายอย่างคุณฉันไม่เอามาทำพันธุ์แน่” อรพิมตะโกนใส่หน้าเขา
“อรพิม!” ทรงฉัตรทนไม่ไหวที่ถูกดูถูกซ้ำสอง
ทรงฉัตรกระชากตัวอรพิมอย่างรุนแรง ดันตัวเธอแนบติดกับกำแพงห้องเอาตัวเองทาบทับไว้ไม่ให้ดิ้นหนีไปไหน และไม่สามารถย้อนกลับมาทำร้ายเขาได้อีกเหมือนครั้งก่อน จากนั้นจึงแนบประกบริมฝีปากลงบนเรียวปากสวย ที่พูดจาโอหังต่อหน้าเป็นการสั่งสอน
อรพิมตกใจไม่เคยมีใครกล้าทำกับเธอแบบนี้มาก่อน ปลายลิ้นที่ฉกวนอยู่ที่ริมฝีปาก ซอกซอนเข้ามาด้านในโรมรันพันตูอย่างรวดเร็ว ตกใจจนไม่ทันตั้งรับ ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไป ไม่มีในตำราที่เคยเรียนไม่มีในหนังสือที่เคยอ่านเจอ ต้องทำอย่างไรกับสถานการณ์ตอนนี้
ทรงฉัตรแปลกใจกับท่าทางไม่ประสาของเจ้าหล่อน นี่เล่นละครหรือของจริงกันแน่ ไหนว่าเป็นนักเรียนนอก ทำไมแค่จูบยังทำราวกับไร้เดียงสา แต่ลึกๆ แล้วรู้สึกพอใจกับความไม่ประสานี้
จากจูบที่โรมรันราวกับจะเอาชนะให้ตายกันไปข้าง บัดนี้มันเริ่มจะเอนไปในทิศทางเดียวกันแล้ว ทรงฉัตรพึงพอใจที่จูบของอรพิมตอบสนองอย่างไร้พยศ มันอ่อนหวานน่ารักจนไม่อาจจะตัดใจละจากได้ ยิ่งนานมันยิ่งลึกซึ้งจนไม่คิดแกล้งให้ตกใจ มอบความอ่อนโยนเป็นใบเบิกทางพร้อมตักตวงความหอมหวานจากริมฝีปากนั้นให้นานที่สุด
“ไอ้คนฉวยโอกาส” อรพิมตั้งท่าจะฟาดฝ่ามือใส่อีกครั้ง เมื่อ
ทรงฉัตรถอนจูบเอาแต่ใจออกมา
“มันเป็นสิ่งที่ควรทำไม่ใช่เหรอ ถ้าแต่งงานกันแล้วมากกว่าจูบผมก็มีสิทธิ์” ทรงฉัตรไร้อารมณ์โมโหออกจะยินดีด้วยซ้ำ
“ฉันจะฟ้องคุณลุงว่านายรุ่มร่าม” หญิงสาวโมโหที่หาทางสู้คนเอาเปรียบไม่ได้
“เชิญ” เขายื่นหน้าเข้ามาใกล้
“ผมรู้นะ ว่าทั้งพ่อและน้าสาวคุณอยากให้เรามีเจ้าตัวเล็กไวๆ จะตาย ผมว่าถ้าเราทำแบบนั้นได้ก็น่าจะดีนะ เพราะไหนๆ คุณก็ลงทุนแต่งงานแล้วนี่ และอีกอย่างนะผมพร้อมเสมอถ้าคุณต้องการแบบนั้น หรือเราจะเริ่มกันเดี๋ยวนี้เลยจะได้ไม่ขาดทุนไง”
“ไอ้บ้า ไอ้ผู้ชายเห็นแก่ตัว ฉันเกลียดนาย คอยดูนะ...” อรพิมทำอะไรไม่ได้นอกจากโมโห และวิ่งออกไปให้เร็วที่สุด เกลียด เกลียดทรงฉัตรเหลือเกิน
น้ำตาคือเพื่อนที่ปลอบใจอรพิมได้ดีที่สุด แม้จะออกมาพ้นหน้าคนใจร้ายแล้วแต่ความเศร้าเสียใจก็ยังไม่จางหาย สาวน้อยจอดรถข้างทางปล่อยโฮออกมาเต็มที่ ระบายความทุกข์ในหัวใจออกมาให้หมด นี่โชคชะตาเล่นตลกอะไร ทำไมถึงได้ต้องมาเจอผู้ชายใจร้ายที่ชื่อทรงฉัตรคนนี้
ฝากอีบุ๊ค วิวาห์พยศรัก นะคะ
ความคิดเห็น