ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รักร้ายใต้เงาทราย

    ลำดับตอนที่ #10 : ตอนที่ 10

    • อัปเดตล่าสุด 31 ส.ค. 66


    ชีคดาเนียลพาการะเกดไปนั่งกินอาหารเย็นที่ริมหาดอย่างสบายอารมณ์ ท่ามกลางสายตาที่เต็มไปด้วยคำถามของนักข่าวสาว

    "มองอะไร กินซะซิ ไม่หิวหรือไง" ชีคหนุ่มถามเมื่อเห็นการะเกดเอาแต่จ้องหน้า ไม่ยอมแตะต้องอาหารในจานแม้แต่น้อย

    "เปล่าค่ะ แค่มองให้แน่ใจว่าคุณคือตัวจริงหรือตัวปลอมกันแน่" การะเกดพูดยิ้มๆ

    "ทำไม ตัวจริงตัวปลอมอะไรกัน" คนฟังนิ่วหน้าเล็กน้อย ไม่เข้าใจว่าหญิงสาวหมายความว่าอย่างไร

    "ก็ตอนนี้ชีคดาเนียลที่กำลังทานเข้ากับฉัน ใจดี๊ ใจดีเป็นคนละคนกับที่ฉันเคยรู้จักน่ะซิคะ"

    "เป็นไง เมื่อก่อนฉันดุมากเลยเหรอ" เขาฟังแล้วยังอดอมยิ้มไม่ได้ แต่ก็ถามต่อเพราะอยากรู้ว่าการะเกดจะว่าอย่างไร

    "ค่ะ ดุมาก" นักข่าวสาวยืนยันหนักแน่น

    "นอกจากดุแล้ว ยังมีอย่างอื่นที่เธอว่าอีกใช่ไหม" ชีคดาเนียลถามอย่างรู้ทัน

    "ฉันไม่ได้พูดนะ คุณพูดเอง" หญิงสาวออกตัวก่อน

    "แต่ฉันชอบที่คุณใจดีแบบนี้มากกว่า" การะเกดเอ่ยด้วยรอยยิ้ม

    "จริงเหรอ ชอบที่ฉันเป็นแบบนี้ใช่ไหม" ชีคหนุ่มแววตาเป็นประกาย สบตาคนพูดด้วยรอยยิ้มกลับไปเช่นกัน

    "แสดงว่าถ้าฉันไม่ดุ เธอก็จะชอบฉันมากขึ้นใช่ไหม" ท่าทางท่านผู้นำแห่งคาลีจดูมีความสุขเสียเหลือเกิน แววตาที่สดใส รอยยิ้มที่เบิกบาน มันทำให้หัวใจของการะเกดหวั่นไหวขึ้นมาได้อย่างไม่น่าเชื่อ

    พญาเหยี่ยวแห่งทะเลทรายยามเคร่งขรึมก็เท่ห์ สง่างาม ยามยิ้มแย้มเป็นกันเองก็ทำให้คนรอบข้างรู้สึกเหมือนโลกทั้งโลกเป็นสีชมพู มีความสุขจนแทบจะยิ้มให้กับทุกอย่างรอบตัวได้ เสน่ห์ของเขาช่างดึงดูดหัวใจของการะเกดเหลือเกิน ตอนนี้หญิงสาวแทบจะลืมไปด้วยซ้ำว่าครั้งหนึ่งเคยเสี่ยงตายหนีจากคนใจร้ายคนนี้

    "เป็นใครก็ชอบค่ะ ไม่ใช่แค่แต่ฉันเท่านั้น"

    "แต่ฉันอยากรู้แค่เธอ เธอชอบไหม" เขาคาดคั้นถาม ใช้สายตาบังคับให้ตอบ

    "ชอบค่ะ ฉันไม่ชอบเวลาคุณไม่ฟังเหตุผล เอาแต่ใจแล้วก็ไม่เชื่อใจ" คำหลังสุดสำคัญมาก เพราะถ้าไม่เชื่อใจแล้วพูดอะไรไปก็คงไม่มีความหมาย

    "ฟังดู เหมือนฉันแย่มากเลยนะ" ชีคดาเนียลไม่เคยรู้มาก่อนว่าคนอื่นมองตนอย่างไร เขาเกิดมาพร้อมหน้าที่และภาระใหญ่หลวง ไม่มีใครกล้าขัดคำสั่งและทุกคนพร้อมน้อมรับในสิ่งที่ออกจากปาก

    "ไม่หรอกค่ะ คุณไม่ได้แย่ขนาดนั้น" การะเกดรีบพูด เมื่อเห็นพญาเหยี่ยวแห่งทะเลทรายมีท่าทีเหมือนขาดความมั่นใจเพราะคำพูดของตน

    "ตอนนั้นคุณอาจจะกำลังเข้าใจผิด" นักข่าวสาวพยายามพูดให้ชีคดาเนียลรู้สึกดีขึ้น

    "แต่ตอนนี้คุณก็เริ่มรู้แล้วนี่คะ ว่าอะไรเป็นอะไร"

    "แสดงว่าตอนนี้เธอเริ่มชอบฉันบ้างแล้วใช่ไหม" แววตาพญาเหยี่ยวแห่งทะเลทรายเป็นประกายขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด คาดหวังว่าจะได้รับคำตอบในสิ่งที่ต้องการจะฟังจากปากของการะเกด

    "เอ่อ คือ" การะเกดอึกอักหลบตาคู่นั้นที่ทำให้หัวใจสั่น เล่นถามกันตรงๆ ซึ่งหน้าแบบนี้ใครจะไปตอบได้

    "แสดงว่าตอนนี้เธอชอบฉันแล้วใช่ไหม การะเกด" เขาถามย้ำอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นขึ้น

    ท่าทีอึกอักไม่พูดออกมาตรงๆ ทำให้ชีคดาเนียลต้องกดดันด้วยน้ำเสียง หากแต่ความจริงแล้วในหัวใจกลับรู้สึกร้อนรนตรงข้ามกับน้ำเสียงที่พูดออกมาเวลานี้ ชอบเขาบ้างสักนิดไหม สักนิดก็ยังดี หรือว่าเกลียดกันจนไม่คิดจะเปิดหัวใจมองเห็นกันและกันบ้าง

    "เอ่อ คือ ฉัน"

    "ใช่ไหม ตอบซิว่าใช่" ท่านผู้นำแห่งคาลีจลุ้นคำตอบเหลือเกิน

    "เอ่อ ค่ะ ฉันชอบที่คุณรับฟังและให้โอกาสฉัน" การะเกดประหม่าจนทำอะไรไม่ถูก

    "แค่นี้เหรอที่เธอชอบฉัน" น้ำเสียงชายหนุ่มเบาลงอย่างเห็นได้ชัด

    นี่เป็นครั้งแรกที่พญาเหยี่ยวแห่งทะเลทรายรู้สึกเหมือนกับว่าหมดแรงที่จะถลาขึ้นบินบนเวลา หนำซ้ำยังร่วงหล่นลงมากองอยู่ที่ผืนทรายโดยที่ไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรเสียอย่างนั้น คำตอบของการะเกดทำให้ชีคดาเนียลผิดหวัง และเป็นความผิดหวังที่เห็นได้ชัดจากสีหน้าและแววตาขนาดนี้

    "ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ คุณอย่าเพิ่งเข้าใจผิด" การะเกดรีบกุมมือชีคหนุ่มไว้แล้วพูดต่อไปว่า

    "ฉันบอกว่าชอบเวลาที่คุณรับฟังและให้โอกาส แต่ไม่ชอบเวลาที่คุณดุและไร้เหตุผล"

    การะเกดอยากจะเขกหัวตัวเองเหลือเกินที่พูดจาแบบนั้นออกไป สายตาที่เป็นประกายเจิดจ้าเมื่อครู่หายวับไปทันที เหลือแค่แววตาแห่งความเศร้าที่นักข่าวสาวขอเรียกมันว่าความผิดหวังเข้ามาแทนที่

    "ขอถามอะไรหน่อยได้ไหม ระหว่างเรานอกจากเรื่องอัสมันแล้วเธอรู้สึกอะไรบ้างหรือเปล่า"

    "เอ่อ ฉัน..."

    คำถามของชีคดาเนียลทำให้การะเกดอึ้งไปในทันที ยิ่งเห็นสายตาที่มองมาในเวลานี้ด้วยแล้ว ยิ่งทำให้เธอสับสน ประหม่าและอึดอัดที่จะตอบคำถามเหลือเกิน

    ใครกันเล่าที่จะไม่ชื่นชอบพญาเหยี่ยวแห่งทะเลทราย สุภาพบุรุษที่มีคุณสมบัติครบทั้งทุกสิ่งอย่าง แถมตอนนี้เขายังเป็นผู้ชายคนแรกที่แนบแน่นในคืนแห่งความทรงจำกลางทะเลทรายนั่นอีกด้วย

    ทว่า... แค่ชอบ แค่ปลื้ม เหมือนบ้าดารานักร้อง คงไม่เจ็บปวดหัวใจเท่า ปลื้ม ชอบ แต่แตะต้องไม่ได้แม้ยืนอยู่ตรงหน้าหรอกจริงไหม

     

    ทั้งคู่กลับมาถึงโรงแรมในตอนค่ำ การะเกดสังเกตว่าชีคหนุ่มไม่มีบอร์ดี้การ์ดแม้แต่สักคนเดียวมาคอยดูแล จะว่าไปปกติเธอก็ไม่เห็นว่าเขาจะมีคนติดตามมากมายเหมือนเช่นผู้นำคนอื่น ซึ่งเรื่องนี้ชีคดาเนียลให้คำตอบที่ทำให้นักข่าวสาวยิ่งประหลาดใจเพิ่มมากขึ้น

    "ให้พวกเขาไปพักผ่อนอยู่กับครอบครัวบ้าง ไม่ต้องมาติดตามฉันยี่สิบสี่ชั่วโมงหรอก ชีวิตคนเรามีหน้าหลายอย่างต้องรับผิดชอบ หนึ่งในหน้าที่ที่สำคัญที่สุดคือการเป็นพ่อและสามีที่ดีของครอบครัว ซึ่งฉันก็อยากจะมีโอกาสได้ทำหน้าที่นี้ให้ดีเช่นกัน"

    คำตอบของชีคดาเนียลทำให้การะเกดรู้จักเขามากยิ่งขึ้น การทำความรู้จักคาลีจในฐานะนักข่าวที่จะมาสัมภาษณ์ผู้นำสูงสุด ทำให้หญิงสาวรู้จักชายที่ยืนข้างๆ ในฐานะผู้นำที่มากความสามารถ

    แต่ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า จะเป็นเจ้านายที่แสนใจดี และเป็นผู้ชายที่ให้ความสำคัญกับคำว่าครอบครัวขนาดนี้ ถ้าสาวๆ ที่เป็นแฟนคลับรู้ว่าพญาเหยี่ยวแห่งทะเลทรายตนนี้ พร้อมจะฟูกฟักรังรักให้อบอุ่นด้วยคำว่าครอบครัวตลอดไป รับรองได้ว่าพวกเธอเหล่านั้นจะยิ่งเทคะแนนนิยมในตัวเขามากขึ้นแน่ๆ เหมือนอย่างที่หัวใจของการะเกดอบอุ่นอย่างไม่มีเหตุผลในเวลานี้

     

    คืนนี้ในฐานะผู้หญิงของชีค การะเกดจะต้องอยู่ร่วมห้องกับชีคดาเนียลสองต่อสองเป็นครั้งแรก แม้จะไม่ยินดีสักเท่าไรแต่เธอก็ไม่อยากทำให้บรรยากาศดีๆ ที่มีอยู่หมดไป

    ชีคดาเนียลดูเหมือนจะสังเกตเห็นความกังวลข้อนี้ของการะเกด เขาจึงจัดการงานต่างๆ ที่คั่งค้างให้เสร็จโดยเร็ว และบอกหญิงสาวว่า

    "เธอมาที่นี่ในฐานะผู้หญิงของฉัน ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยเราจึงต้องอยู่ห้องเดียวกัน"

    "ก็ไหนคุณเพิ่งบอกว่าไม่มีใครปองร้ายไง"

    "ที่นี่คือโอม่าร์ไม่ใช่คาลีจ แค่คืนเดียวคงไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม" ชีคดาเนียลปิดคอมพิวเตอร์แล้วลุกขึ้น โดยไม่ตอบคำถามของหญิงสาว

    "ไม่มีปัญหาแต่ว่า...ที่นอน" นักข่าวสาวมองไปที่เตียงกลางห้อง อย่าบอกนะว่าเพื่อความปลอดภัยเธอจะต้องนอนร่วมเตียงกับเขาอีก ฝันไปเถอะ อยู่ห้องเดียวกันยังพอทนแต่ถ้าอยู่เตียงเดียวกันคงไม่ไหว

    "เธออยากนอนตรงไหนก็เลือกเอาตามสบาย เลือกได้แล้วบอกฉันด้วยแล้วกัน"ชีคหนุ่มไม่สนใจอะไรทั้งนั้นเดินหายเข้าไปจัดการธุระส่วนตัวในห้องน้ำอย่างสบายอารมณ์ ปล่อยให้การะเกดยืนเคว้งอยู่ลำพังที่กลางห้องต่อไป

    ชีคดาเนียลออกมาจากห้องน้ำอีกครั้งเห็นการะเกดยืนถือหมอนและผ้าห่มไว้ในมือ นักข่าวสาวยังไม่ได้เลือกว่าจะนอนที่ไหนระหว่างเตียงนอนแสนสบาย กับโซฟาตัวเล็กที่ต้องนอนขดทั้งคืนแน่

    แม้เธอจะเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่ควรได้รับสิทธิ์ไปนอนบนเตียง แต่ชีคดาเนียลเป็นถึงผู้นำแห่งคาลีจ อีกทั้งรูปร่างสูงใหญ่แบบนี้คงนอนโซฟาไม่ได้แน่ ดังนั้น การะเกดจึงตัดสินใจที่จะ...

    "คุณนอนเตียง ฉันนอนโซฟาเอง" นักข่าวสาววางหมอนและผ้าห่มลงบนโซฟา

    "เธอนอนเตียงดีกว่า ฉันนอนโซฟาเอง" สุภาพบุรุษทะเลทรายกล่าวด้วยความหวังดี

    ถึงอย่างไรการะเกดก็เป็นผู้หญิง ชีคดาเนียลไม่ใจดำพอให้ไปนอนโซฟาเล็กๆ แล้วตัวเองไปนอนสบายอยู่บนเตียงได้หรอก กลับกันเธอควรไปนอนเตียงให้สบายแล้วตัวเขามานอนที่โซฟาจะเหมาะกว่า

    "ไม่เป็นไรค่ะ ฉันตัวเล็กนอนโซฟาได้ คุณตัวใหญ่นอนเตียงเถอะ" หญิงสาวยืนยันคำเดิม

    การะเกดล้มตัวลงนอนห่มผ้าทันที แค่คืนนี้คืนเดียวคงไม่เป็นไรหรอก พรุ่งนี้ก็กลับคาลีจแล้วเตียงนอนสบายๆ ไว้นอนพรุ่งนี้แล้วกัน เอาให้ผ่านคืนนี้ไปก่อน

    ชีคดาเนียลมองร่างเล็กที่ขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่มบนโซฟา การะเกดเลือกนอนโซฟาแทนที่จะนอนเตียงเหมือนผู้หญิงทั่วไปที่รักความสบาย นักข่าวสาวคนนี้มีอะไรที่แตกต่างจากผู้หญิงทั่วไปที่เคยพบเห็นหลายอย่าง เธอมีอะไรในตัวให้น่าศึกษาและเรียนรู้อีกมาก

    แม้การะเกดจะเสียสละตัวเองนอนโซฟาเล็กๆ และให้ท่านผู้นำแห่งคาลีจนอนเตียงสบาย แต่ชีคดาเนียลก็ไม่คิดที่จะนอนสบายเพียงคนเดียวเท่านั้น ชายหนุ่มตัดสินใจอุ้มร่างที่อยู่บนโซฟามานอนด้วยกันบนเตียงให้สิ้นเรื่องสิ้นราว

    "นอนซะ อย่าขัดใจ ไม่งั้นฉันจะดุเธออีก" เขาวางร่างที่ดิ้นอยู่ในผ้าห่มลงบนเตียงอย่างทะนุถนอม

    เตียงใหญ่นอนคนเดียวยังมีที่เหลือเฟือให้ผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างการะเกดนอนได้ ชีคดาเนียลไม่คิดถึงแต่ความสุขของตัวเองฝ่ายเดียว จนลืมไปว่ามีใครอีกคนต้องนอนลำบากไม่สบายตัวอยู่ที่โซฟา

    "แต่ว่า" การะเกดผุดลุกขึ้นมานั่งทันที

    "ทำไม" ชายหนุ่มถามเสียงเรียบ

    "คือ...เอ่อ" หญิงสาวหันมองข้างๆ เล็กน้อย ชีคดาเนียลล้มตัวลงนอนข้างเธอแล้ว ไม่มีหมอนข้างกั้นพื้นที่ด้วยแล้ว...

    "ฉัน เอ่อ"  การะเกดอึกอัก

    "ไม่มีชาถ้วยนั้น คืนนี้เธอคงไม่ไล่ปล้ำฉันอีกหรอกใช่ไหม" ชีคหนุ่มอ่านใจคนข้างๆ ออก

    "บ้า ไม่ใช่แบบนั้นซะหน่อย" นักข่าวสาวหน้าแดงขึ้นมาทันที

    "สัญญาก่อนว่าจะไม่ เอ่อ ไม่"

    "ไม่อะไร" ชีคหนุ่มทำเสียงขึงขัง

    "ไม่ทำอะไรฉันนะ" เจ้าตัวพูดเสียงอ่อย

    "ถ้าเธอไม่ปล้ำก่อน ฉันก็ไม่ทำอะไรแน่" เขาสบตาคนร้องขออย่างหนักแน่น

    ที่จริงเขาไม่จำเป็นต้องฟังคำใดๆ ของการะเกดทั้งสิ้น ผู้นำแห่งคาลีจมีสิทธิ์ในตัวผู้หญิงของตนทุกประการ แต่ชีคดาเนียลไม่ใช่คนที่หักหาญน้ำใจคนอื่น และมองว่าความสัมพันธ์ที่แนบแน่นต้องมาจากความเต็มใจ

    เรื่องคืนนั้นมีจากชาเมรัยกุหลาบเป็นต้นเหตุ มันจึงทำให้เกิดความสัมพันธ์ที่ข้ามขั้นตามมา ทว่าหากมันจะเกิดอะไรอีกครั้ง จะต้องไม่ใช่การบังคับแต่เป็นความยินยอมพร้อมใจทั้งสองฝ่าย การะเกดจะยินดีในฐานะผู้หญิงของชีคด้วยความเต็มใจ ไม่ใช่เพราะการฉวยโอกาสหรือการใช้กำลังทั้งสิ้น

    ถ้านี่เป็นการวัดใจเพื่อพิสูจน์ความเชื่อใจ การะเกดก็จำใจต้องยอมรับ สาวน้อยล้มตัวลงนอนบนเตียงอย่างช้าๆ รู้สึกได้เลยว่าแตกต่างจากโซฟาที่ต้องนอนขุดคู้เสียเหลือเกิน นึกขอบคุณสำหรับความเอื้อเฟื้อของชายหนุ่มและหวังว่าเขาจะรักษาคำพูดในค่ำคืนนี้

    ชีคดาเนียลล้มตัวลงนอนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งที่ในใจสับสนกับตัวเองว่ากำลังทำอะไรอยู่ คืนนี้เขาควรจะมีความสุขกับผู้หญิงของตนในโรงแรมหรูบรรยากาศแสนดีโรแมนติกเช่นนี้

    แต่กลับกลายเป็นว่าต้องมานอนตัวแข็งร่วมเตียงกับเจ้าหล่อนที่หลับอย่างสบาย ไม่ใช่แค่นั้นตกดึกคนที่ร้องขอให้คนอื่นรักษาสัญญาด้วยการไม่ทำอะไรตนเอง กลับเป็นฝ่ายผิดคำพูดรุกรานบุกรุกพื้นที่คนอื่นก่อนหน้าตาเฉย นักข่าวคนสวยพลิกตัวมาก่ายกอดคนนอนข้างๆ อย่างมีความสุข โดยที่ไม่รู้ว่า...

    พญาเหยี่ยวแห่งทะเลทรายต้องทำใจอดทนแค่ไหนกับการรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับการะเกด ทั้งที่ตอนนี้แม่เนื้อนิ่มก่ายกอดเขาอย่างมีความสุข เลือดเนื้อในร่างกายชีคหนุ่มพลุ่งพล่านจนแทบทนไม่ไหว จะไม่ให้ร้อนรุ่มได้อย่างไรก็ในเมื่อหัวใจของชีคดาเนียลปรารถนานับจากคืนนั้นที่ได้อิงแอบ แอบหวังแอบฝันในใจว่าจะมีการะเกดในอ้อมแขนอีกสักครั้ง

    คืนนี้พระเป็นเจ้าคงให้รางวัลที่เขาเริ่มเปิดใจมองเจ้าหล่อนในแง่ดีบ้าง ถึงได้ให้เนื้อนิ่มมาแนบกายอย่างแนบชิด จนในที่สุดหัวใจเร้าความปรารถนาก็เริ่มทนต่อไปไม่ไหว เธอกอดมา เขากอดตอบ เธออิงแอบมา เขาอิงแอบตอบแถมด้วยการจุมพิตเบาๆ ที่หน้าผากนวลเพื่อบอกราตรีสวัสดิ์ในค่ำคืนนี้อีกด้วย

     

    ทั้งคู่กลับมาที่คาลีจในวันรุ่งขึ้น การะเกดตื่นตอนเช้าพบว่าตนเองอยู่ในอ้อมกอดของชายหนุ่ม โดยที่มือและขาก่ายกอดร่างใหญ่ที่นอนนิ่งเป็นหมอนข้างให้ด้วยความเต็มใจ ทำเอานักข่าวสาวไม่กล้าสบสายตากับชีคดาเนียล ที่ยิ้มกริ่มอารมณ์ดีตั้งแต่ตื่นนอนจนกระทั่งขึ้นเครื่องบินส่วนตัวกลับมาที่คฤหาสน์กลางทะเลทราย

    "ฉันกลับบ้านแป๊ปหนึ่ง ถ้ามีเวลาจะมารับไปเพนท์เฮาส์ของอัสมัน"

    "จริงนะคะ" การะเกดพูดด้วยความดีใจ

    "แต่อย่าลืมเรื่องค่าแรงคนขับที่เราตกลงกันไว้" ชีคหนุ่มอมยิ้มเล็กน้อย

    "กาแฟใช่ไหมคะ" นักข่าวสาวจำได้

    "แก้วเดียวกินไม่อิ่ม ขอกินตลอดไปเลยได้ไหม"

    คำพูดตรงไปตรงมาของชายหนุ่มทำเอาแก้มสาวแดงก่ำเป็นลูกตำลึงอย่างเห็นได้ชัด หัวใจของการะเกดหวั่นไหวจนยากจะเก็บความรู้สึกเอาไว้ได้ นักข่าวสาวก้มหน้าไม่กล้าพูดไม่กล้าสบสายตาใดๆ ทั้งสิ้น เหลือบไปเห็นอีกฝ่ายก้าวเท้าเข้ามาใกล้ๆ และรับรู้ได้ว่ามีไออุ่นจากปลายจมูกกระทบที่แก้มอีกครั้ง แค่นี้หัวใจที่มีปราการแข็งแรงก็ทลายลงอย่างไม่มีชิ้นดีเสียแล้ว

    ชีคดาเนียลออกไปทำธุระเรียบร้อยแล้ว การะเกดอยู่กับนาดาและสาวใช้ในบ้านเท่านั้น หญิงสาวลงไปที่ห้องทำงานของอัสมันเพื่อใช้คอมพิวเตอร์ในการค้นหาบางสิ่งที่เพิ่งอ่านพบจากบันทึกเล่มล่าสุด

    "อาหารกลางวันพร้อมเมื่อไรจะให้เด็กมาเรียกนะคะ"

    "ขอบคุณค่ะ"

    การะเกดเปิดบันทึกคู่ไปกับหน้าจอคอมพิวเตอร์ หญิงสาวจดโน๊ตสำคัญลงในกระดาษ บันทึกที่อ่านเพิ่งจบเมื่อวานนี้ทำให้เธอรู้ว่า ความสัมพันธ์ของอัสมันและฟาติมาเริ่มมีปัญหาเมื่อไร ที่สำคัญข้อความตัดพ้อที่ผู้จากไปเขียนไว้ทำให้นักข่าวสาวตะขิดตะขวงใจกับความสัมพันธ์ของทั้งคู่เหลือเกิน

    "สวัสดีค่ะ คุณการะเกด" เสียงฟาติมาดังขึ้นทำลายสมาธิของหญิงสาว

    "สวัสดีค่ะ คุณฟาติมา" การะเกดเงยหน้าขึ้นมาจากจอคอมพิวเตอร์เห็นฟาติมายืนยิ้มอยู่ตรงหน้า ในมือมีแจกันดอกไม้สีสวยอยู่ด้วย

    "ไปโอม่าร์มาเป็นไงบ้างคะ สนุกไหม"

    "ไม่ได้ไปไหนเลยค่ะ นอกจากลงมาเดินเล่นที่ริมหาดแค่นั้น" นักข่าวสาวส่งยิ้มทักทายเหมือนเคย

    "วันนี้ฉันว่างไม่มีอะไรทำ ได้ข่าวว่าคุณกลับมากันแล้วก็เลยแวะมาหา พอดีดอกไม้ที่บ้านกำลังสวยเลยตัดมาให้ค่ะ" ฟาติมาวางแจกันดอกไม้สีเหลืองไว้ที่โต๊ะคอมพิวเตอร์ซึ่งการะเกดนั่งอยู่

    การะเกดสนใจช่อดอกไม้สีเหลืองที่วางอยู่ตรงหน้าเหลือเกิน สีเหลืองนวลสบายตาดอกเล็กน่ารักกระจุ๋มกระจิ๋ม ที่สำคัญมีกลิ่นหอมชื่นใจจนต้องก้มลงมาดมแล้วดมอีก

    "ชื่อดอกอะไรคะ"

    "คาเยฟค่ะ เป็นดอกไม้สำหรับวันพิเศษและคนพิเศษเท่านั้น" ฟาติมายิ้มเล็กน้อย รู้สึกพอใจที่เห็นการะเกดดอมดมของฝากพิเศษอย่างถูกใจ

    "หอมมากค่ะ" นักข่าวสาวก้มลงไปดมดอกไม้อีกครั้ง

    "ดีใจนะคะที่คุณชอบ"

    ฟาติมาเดินอ้อมมาทางด้านหลังที่นั่งของการะเกด นักข่าวสาวรู้สึกเหมือนกับง่วงนอนเล็กน้อย สายตาพร่ามัวมองอะไรไม่ค่อยถนัดแปลกใจเหมือนกันที่จู่ๆ ก็อยากจะหลับขึ้นมาตอนนี้

    "ทำอะไรคะ อ่านบันทึกของอัสมันหรือเปล่า" ฟาติมาถือวิสาสะหยิบบันทึกที่ถอดจากภาษาอาหรับมาอ่าน

    "ฉันเพิ่งอ่านจบค่ะ" การะเกดหาวซ้ำๆ จนน้ำตาไหล

    "เล่มสุดท้ายหรือเปล่าคะ" ฟาติมาถามเสียงเรียบ สายตาจับจ้องทุกข้อความที่ชีคดาเนียลแปลให้นักข่าวสาวอ่าน

    "ไม่ค่ะ มีอีกเล่มที่ยังไม่ได้อ่านแล้วก็มีอีกเล่มที่หาไม่เจอ" หญิงสาวเอามือคลึงที่ขมับทั้งสองข้างเบาๆ นอกจากง่วงอยากจะนอนแล้ว ตอนนี้การะเกดยังรู้สึกเหมือนหายใจติดขัด วิงเวียนศีรษะคล้ายจะเป็นลมอีกด้วย

    "มีอะไรที่น่าสนใจในบันทึกบ้างไหมคะ"

    "มีค่ะ ฉัน..." ร่างของการะเกดฟุบลงกับโต๊ะคอมพิวเตอร์ทันที

    "หลับไปซะแล้ว" ฟาติมายิ้มที่มุมปากเล็กน้อย วางสิ่งที่ถือในมือไว้บนโต๊ะเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วเดินก้าวออกไปที่หน้าประตูห้องทำงานก่อนจะหันกลับมามองร่างที่ไร้สติของการะเกดอีกครั้ง

    "ถ้าอยากรู้เรื่องของอัสมันมากนัก ไปถามเจ้าตัวเองเลยดีกว่าไหม รับรองว่าเขาคงจะเล่าให้คุณฟังอย่างละเอียดแน่ อ้อ ฝากบอกด้วยนะคะ ฉันสบายดีไม่มีอะไรต้องห่วง หวังว่าเขาจะเอาใจช่วยให้ฉันได้ในสิ่งที่ต้องการเร็ววันนี้ ส่วนคุณ ขอโทษที่ต้องทำแบบนี้ ใครใช้ให้คุณมาที่นี่ คาลีจไม่ต้องการคุณ"

    ประตูห้องทำงานปิดลงทันที ฟาติมาหยิบกุญแจดอกเล็กจากกระเป๋ามาล็อกไว้อีกชั้น แล้วก้าวเดินออกมาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

     

    พระเป็นเจ้ายังเมตตาการะเกดให้กลับมาลืมตาขึ้นอีกครั้ง ทันทีที่รู้สึกตัวผู้นำแห่งคาลีจที่เฝ้าอยู่ไม่ห่างก็ผวาดึงตัวเข้ามากอดรัดด้วยความดีใจ หญิงสาวรู้สึกเหนื่อยล้าเหมือนไม่มีแรงจึงปล่อยให้ชีคดาเนียลกอดเธอไว้อยู่อย่างนั้น

    "ขอบคุณพระเป็นเจ้า เธอฟื้นแล้ว การะเกด" น้ำเสียงชีคหนุ่มดีใจอย่างที่สุด

    "ฉันเป็นอะไรคะ" หญิงสาวถามอย่างหมดแรง

    "อย่าเพิ่งถามมาก ดื่มยานี่ก่อน" ชีคดาเนียลกระวีกระวาดหยิบแก้วยาที่อยู่ตรงหัวเตียงมาป้อนให้การะเกดดื่ม

    รสขมของยาที่ป้อนเข้าปากทำให้การะเกดต้องเบือนหน้าหนี แต่ชีคดาเนียลบังคับไม่ให้หันหน้าหนีและป้อนยาให้ดื่มจนหมดถ้วย ก่อนจะรินน้ำเปล่าป้อนตามลงไปเพื่อคลายความขม

    โบราณว่าหวานเป็นลมขมเป็นยาคงจะจริง เพราะไม่ถึงสิบนาทีการะเกดก็รู้สึกสดชื่นมีเรี่ยวมีแรงขึ้นมาทันที แต่ชีคดาเนียลก็ยังไม่ยอมให้เธอลุกจากเตียงไปทำอะไรทั้งสิ้น แม้แต่เข้าห้องน้ำเขาก็ยังอาสาพาไปจนนักข่าวสาวหน้าแดงแล้วแดงอีกด้วยความเขินอาย

    "บอกได้หรือยังว่าตกลงฉันเป็นอะไรกันแน่" การะเกดเงยหน้าถามชีคหนุ่มที่ยืนมองอยู่ข้างเตียง

    "ฉันต่างหากที่ต้องถามเธอว่า เกิดอะไรขึ้น" ชีคหนุ่มย้อนถามด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

    เขาตกใจมากเมื่อกลับมาถึงคฤหาสน์ในเวลาอาหารกลางวัน ตั้งใจว่าจะมากินข้าวเป็นเพื่อนการะเกด เมื่อมาถึงนาดาบอกว่านักข่าวสาวอยู่ที่ห้องทำงานของอัสมันจึงอาสาเป็นคนไปตา

    ที่ไหนได้เมื่อไปถึงประตูห้องทำงานปิดล็อกจากด้านนอกเรียบร้อย เขาแปลกใจจึงรีบมาถามนาดาว่าการะเกดไปไหน และรีบขึ้นไปดูบนห้องนอนว่าหญิงสาวอยู่ที่นั่นหรือเปล่า แต่ก็ไม่พบและนาดายืนยันหนักแน่นว่าเธออยู่ที่ห้องทำงานของอัสมันแน่

    ชีคดาเนียลจึงให้นาดาเปิดประตูเข้าไปในห้องทำงานของอัสมันอีกครั้ง และก็พบว่าการะเกดนอนหายใจรวยรินอยู่ที่โต๊ะทำงาน จึงรีบอุ้มเธอออกมาและตามหมอให้มารักษา

    น่าแปลกที่หมอไม่ได้ทำการรักษาแผนปัจจุบัน แต่กลับให้การรักษาในแบบพื้นบ้านดั้งเดิมของคาลีจ และยิ่งพอรู้ว่าการะเกดเป็นแบบนี้เพราะอะไร ก็ยิ่งทำให้ชีคดาเนียลแปลกใจมากไปกว่าเดิมว่าเกิดเรื่องร้ายแรงเช่นนี้ในคฤหาสน์ของเขาได้อย่างไร

    "ดอกคาเยฟเหรอคะ" นักข่าวสาวไม่อยากเชื่อว่าดอกไม้สีเหลืองนวลกลิ่นหอมช่อนั้น จะเป็นเหตุผลให้เธอหมดเรี่ยวหมดแรงไม่ได้สติจนทำให้คนอื่นตกใจวุ่นวายขนาดนี้

    "ใช่" เขายืนยันเสียงหนักแน่นอีกครั้ง

    ชีคดาเนียลตัดสินใจเปิดกล้องวงจรปิดดูว่ามีใครเข้าออกในคฤหาสน์ในช่วงเวลาก่อนหน้านี้ เพราะไม่มีทางที่เจ้าดอกไม้สวยแต่มีพิษรอบตัวจะมาอยู่ที่นี่ได้โดยปราศจากคนนำมาแน่

    "ฉันดมมันไปหลายทีเลยค่ะ แต่ไม่คิดว่ามันจะทำให้ไม่สบายได้" การะเกดพูดเสียงอ่อย

    ฟาติมาไม่ได้บอกเธอให้รู้ถึงพิษสงของมัน แม้แต่ตัวเองก็ไม่ได้ระแวงใดๆ ทั้งสิ้น ดอกคาเยฟสีสวยกลิ่นหอม ใครจะคิดว่ามันคือสมุนไพรพื้นบ้านที่เป็นยานอนหลับชั้นดี และที่น่าตกใจไปกว่านั้นก็คือ

    "มันคือดอกไม้ที่ใช้สำหรับคนตายเท่านั้น" ชีคดาเนียลเอ่ยสั้นๆ แต่การะเกดขนลุกซู่หน้าซีดอย่างเห็นได้ชัด

    "สำหรับคนพิเศษในวันพิเศษใช่ไหมคะ" นักข่าวสาวย้อนถามเสียงเบา

    "ใช่ เพื่อบอกให้คนตายไร้ความกังวล แต่ผู้ที่มอบให้คือคนใกล้ชิดเช่นพ่อแม่หรือสามีภรรยาเท่านั้น โดยจะวางไว้ที่หน้าหลุมศพเพียงช่อเดียว แสดงการอาลัยเป็นครั้งสุดท้าย"

    "แล้วทำไม ทำไมคุณ..." การะเกดรู้สึกสับสนเหลือเกิน ฟาติมาทำแบบนี้เพราะตั้งใจหรือว่าไม่รู้ผลที่จะตามมากันแน่

    "เรื่องนี้ฉันจัดการเอง เอาเป็นว่ารู้ไว้แล้วอย่าเข้าใกล้มันอีก" ชีคหนุ่มพูดเสียงเข้ม

    ตอนนี้สิ่งสำคัญที่ทำได้คือปกป้องการะเกดจากอันตรายที่ยังหาที่มาที่ไปไม่ได้ เรื่องอื่นไว้ว่ากันทีหลัง เขาไม่ปล่อยให้คนถือดอกคาเยฟมาทำร้ายผู้หญิงของชีคลอยนวลอยู่เฉยๆ ได้หรอก เพียงแต่ยังไม่อยากแหวกหญ้าให้งูตื่นจนกว่าจะแน่ใจว่าทำเพราะจุดประสงค์ใดกัน

    การะเกดก้มหน้าไม่กล้าพูดอะไรต่อ แต่ในใจก็ยังอดคิดไม่ได้ว่าฟาติมาทำเช่นนี้หมายถึงอะไร ชีคดาเนียลหนักใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ใช่น้อย หลังจากที่เปิดดูกล้องวงจรปิดและรู้ว่าดอกไม้สวยมีพิษนั่นเข้ามาที่นี่ได้อย่างไร จึงเรียกนาดามาพบและบอกให้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

    'ดอกคาเยฟเหรอคะ'

    นาดาตกใจไม่แพ้กันเมื่อรู้ว่าฟาติมาเอาดอกคาเยฟเข้ามาในคฤหาสน์ ที่สำคัญมาเวลาไหนทำไมไม่มีใครรู้ว่าหญิงสาวมาที่นี่

    'หมอบอกว่าการะเกดดมเข้าไปมากจนหมดสติ เรื่องนั้นอาจเป็นได้เพราะเธอไม่รู้เรื่อง แต่ทำไมประตูห้องทำงานถึงล็อกจากข้างนอกด้วย' น้ำเสียงชีคหนุ่มเต็มไปด้วยความสงสัย

    'ไม่มีทางค่ะ ฉันเปิดประตูไว้ไม่ได้ล็อก กุญแจก็ยังอยู่กับฉัน' นาดายืนยันหนักแน่น

    'แล้วมันล็อกได้ยังไง' สีหน้าของชีคหนุ่มเต็มไปด้วยคำถาม และเรื่องนี้ต้องมีคำตอบในไม่ช้านี้

    การะเกดหายดีจนเป็นปกติแล้ว ชีคดาเนียลสั่งห้ามไม่ให้เธอลงไปที่ห้องทำงานของอัสมันอีก รวมถึงสั่งให้สาวใช้มาคอยติดตามอยู่เป็นเพื่อนทุกฝีก้าวไม่ให้คลาดสายตาเด็ดขาด

    "ฉันไม่ใช่นักโทษนะคะ" การะเกดโวยวายทันทีที่รู้เรื่อง

    "แต่เธอต้องมีคนอยู่เป็นเพื่อน" เขายืนยันคำเดิม

    "ไหนคุณบอกว่าไม่มีใครปองร้ายไง" นักข่าวสาวย้อนคำพูดที่เขาเคยพูดไว้ก่อนหน้า

    "ดอกคาเยฟไม่ได้มาหาฉัน แต่มาหาเธอแสดงว่าคนส่งต้องการปองร้ายเธอ อยากให้ฉันพูดแบบนี้ใช่ไหม" น้ำเสียงเขาจริงจังอย่างเห็นได้ชัด

    "ไม่ใช่ค่ะ ฉันไม่คิดว่าคุณฟาติมาจะ..."

    "จะอะไรก็ช่าง ต่อไปนี้เธอต้องมีคนคอยติดตาม ฝึกไว้ให้ชินเพราะอีกหน่อยเธอต้องมีคนติดตามมากกว่านี้"

    "แต่ว่า..."

    "ไม่มีแต่ เชื่อฉัน" ท่าทางจริงจังรวมถึงแววตาที่แสดงความห่วงใยออกมาชัดเจน ทำให้การะเกดพูดไม่ออก

    "ก็ได้ค่ะ" หญิงสาวรับคำเสียงเบา แม้ไม่อยากให้มีใครมาคอยเฝ้าเดินตามทุกฝีก้าว แต่การะเกดก็ไม่อยากขัดใจชีคดาเนียลเพราะรู้ดีว่าเขาทำเพราะหวังดี

    หลายวันที่เธอพักรักษาตัวชีคหนุ่มแทบไม่ยอมห่างไปไหน เป็นคนดูแลการะเกดทุกอย่างโดยไม่ให้ใครมาทำหน้าที่นี้แทนแม้แต่นาดา เธอรู้ว่าเขาห่วงและกังวลแค่ไหนกับการที่เกิดเรื่องนี้ขึ้นมา ดังนั้นจึงยอมทำตามคำสั่งแต่โดยดี

    "ต่อไปนี้ไม่ต้องลงไปที่ห้องทำงานของอัสมันอีก" ชีคหนุ่มยื่นเครื่องคอมพิวเตอร์ของหญิงสาวให้

    "ของที่อยากได้"

    "ขอบคุณค่ะ" การะเกดยิ้มอย่างดีใจ ถ้ามีคอมพิวเตอร์คู่ใจเครื่องนี้แล้วก็ไม่จำเป็นต้องอาศัยของใครอีก

    "ต้องการอะไรขอให้บอกฉัน เว้นแต่ดาวและเดือนเท่านั้นที่จะหามาให้ไม่ได้" น้ำเสียงคนพูดจริงจังจนการะเกดรู้สึกได้

    "ขอบคุณค่ะ" นักข่าวสาวหลบสายตาคู่คมที่มองมาในเวลานี้

    ชีคดาเนียลถ่ายทอดความรู้สึกบางสิ่งออกมาให้รับรู้ตลอดหลายวันที่มีเขาดูแล ถ้าการะเกดใจไม่บอดก็จะรับรู้ได้ว่าความห่วงใยที่ผู้นำแห่งคาลีจมีต่อตัวเธอมากมายแค่ไหน ชายหนุ่มไม่สนใจสิ่งอื่นนอกจากต้องการอยู่ใกล้และดูแลไม่ห่าง ทิ้งงานการที่รับผิดชอบมาขลุกอยู่ข้างกายจนวันนี้ ถ้าไม่พิเศษไม่มีทางแน่ที่พญาเหยี่ยวแห่งทะเลทรายจะทำแบบนี้

    แต่เธอก็ได้แค่แอบดีใจและแอบคิดฝันฝ่ายเดียวว่าทำอะไรตอบแทนให้กับความห่วงใยเหล่านี้บ้าง โดยที่ความจริงแสดงตามหน้าที่ไม่หลุดความรู้สึกใดๆ ให้อีกฝ่ายได้รับรู้ และสั่งห้ามหัวใจตนเองไม่ให้ทำตามอำเภอใจของตน ทั้งที่มันเรียกร้องและอยากระเบิดสิ่งที่เก็บซ่อนไว้ออกมาเสียเดียวนี้

    "จำไว้ เธอต้องไม่เป็นอะไร ห้ามเป็นอะไรเด็ดขาด ไม่งั้นฉัน..." เขาหยุดนิ่งไม่พูดต่อ

    การะเกดเงยหน้าขึ้นมองสบตาอยากรู้ว่าชายหนุ่มจะพูดอะไรต่อ คำพูดที่ต่อจากนั้นของชีคดาเนียลคือการกระทำที่หัวใจของนักข่าวสาวแทบหยุดเต้น ท่านผู้นำแห่งคาลีจดึงร่างที่เพิ่งหายป่วยเข้ามาในอ้อมกอด และกอดรัดไว้แนบตัวไม่ยอมให้ห่าง

    ชีคดาเนียลโอบกระชับร่างในอ้อมกอดด้วยความหวงแหน ใจแทบขาดเมื่อเห็นเธอไร้สตินอนหายใจรวยรินอยู่เพียงลำพังในห้องทำงานของอัสมัน กินไม่ได้นอนไม่หลับหากเธอยังไม่ฟื้นคืนสติ พญาเหยี่ยวแห่งทะเลทรายกลายเป็นเพียงพิราบสื่อสาร ที่เฝ้าวอนขอต่อพระเป็นเจ้าให้การะเกดปลอดภัย

    "ฉันจะไม่ให้อภัยตัวเองถ้าไม่สามารถปกป้องเธอไว้ได้ การะเกด"

    คนฟังกำลังต่อสู้กับความรู้สึกของตนเองในเวลานี้ เธอรับรู้และสัมผัสความหมายจากหัวใจที่ชีคดาเนียลมอบให้ได้ แต่กลับรั้งรอที่จะรับมันไว้ เพราะปราการในหัวใจที่ตั้งป้อมว่า ทุกอย่างแค่ฝันและไม่มีทางเป็นจริงได้

    ทว่าสุดท้ายการะเกดก็ต้องพ่ายแพ้ต่อความรู้สึกของตนเอง และเป็นผู้ทำลายปราการแข็งแกร่งของหัวใจลงในที่สุด พร้อมเปิดรับคำว่าอิ่มเอมและอบอุ่นในอ้อมกอดของชีคดาเนียลอย่างมีความสุข

    สองมือเรียวโอบกอดร่างสูงเบียดเนื้อตัวเข้าไปหา เปิดหัวใจสัมผัสไออุ่นที่ชีคดาเนียลมอบให้อย่างไม่อิดออด สุขอย่างบอกไม่ถูก หวงแหนทวีความรู้สึกมากขึ้นจนกอดก่ายแนบแน่นกลืนเป็นร่างเดียวกัน

    การะเกดเพิ่งรู้ตัวว่าท่านผู้นำแห่งคาลีจสำคัญกับตนมากแค่ไหน ก็เมื่อชีคดาเนียลขยับตัวเล็กน้อยและเชยคางของเธอขึ้นมา ใบหน้าคมโน้มลงมาหาแนบชิดเรียวปากอิ่มที่เผยอเปิดรับ จูบนี้การะเกดยินดีด้วยความเต็มใจอย่างที่สุด

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×